องค์ชายหลี เจี๋ย องค์ชายใหญ่แห่งแคว้นหลู่ ผู้เก็บความคั่งแค้นที่พระบิดาต้องสังเวยพระชนม์ชีพด้วยถูกคำสั่งประหารจาก ฉีหวนกง พี่ชายแท้ๆ เมื่อครั้งแย่งชิงราชบัลลังค์ระหว่างรัฐ เขาตอบรับข้อเสนอแต่งงานกับธิดาของลุงตัวเอง หากแต่มิเคยปรารถนาองค์ชายา
ดูเพิ่มเติมจางลี่ครางหวิวหวาด หัวใจแทบขาดด้วยความกระสันเสียว นางก็คิดถึงเขาไม่ต่างกัน ระหว่างเขาและนางความอ่อนหวานราวกำซาบเข้าสู่หัวใจทั้งสองดวง เมื่อเขาดูดกลืนความหวานจากยอดบัวจนพอใจร่างอรชรจึงขยับหันหลังให้ หลี่เจี๋ยไล้ปลายลิ้นบนขมับลงมาถึงลำคอ แนบอกกว้างกับแผ่นหลังของนางจนสนิททุกสัดส่วน ความเป็นชายของเขาตื่นตัวและรุกเร้าอยู่บื้องหลังบั้นท้ายงอนงาม มือแกร่งสอดมาด้านหน้ากอบกุมปทุมถันทั้งสอง หลี่เจี๋ยเฟ้นฟอนไปตามไหล่กลมกลึงด้วยปากและปลายจมูกโด่ง“จางลี่...อาส์...พี่ต้องการเจ้า”เสียงแผ่วพร่าดังกว่ากระซิบยิ่งทำให้นางหวิววาบซาบซ่านก่อนที่เขาสอดมือข้างหนึ่งลงไปใต้เข่ายกเรียวขาของนางขึ้นและสอดใส่ความแข็งแกร่งเข้าสู่กลีบเนื้องามจากด้านหลัง“ท่านพี่...อะ...อาส์...อาส์...อืม...อาส์”“จางลี่...อาส์...อาส์”กษัตริย์หนุ่มหายใจหอบเมื่อแก่นเนื้ออวบหนาถูกบีบรัดจากกลีบผการุนแรง หลี่เจี๋ยขยับสะโพกแต่ไม่ลืมผ่อนเบาในบางจังหวะ ไม่ลืมว่าลึกเข้าไปคือชีวิตน้อย ๆ ขององค์รัชทายาทที่หลับใหลอยู่ในนั้น แม้ความปรารถนาถาโถมรุนแรงแต่จังหวะขยับโยกนั้นอ่อนหวานจนจางลี่สยิวซ่านไปทั่วเรือนกาย“ท่านพี่...อาส์...อาส์”นางตวัดแขนเร
“ใครหรือเพคะ?”“อำมาตย์ใหญ่อู๋อี้ฝาน และ...พระอาจารย์วั่งซู”จางลี่มีสีหน้าตกใจ นางพยายามลำดับเรื่องราวที่ไม่น่าเชื่อนั้น ดวงตางามเต็มไปด้วยคาวมสับสน“มันจะเป็นไปได้เช่นไร พระอาจารย์วั่งซูคือผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้ท่านพี่ และยิ่งกว่านั้นลูกสาวของพระอาจารย์ก็ยังได้รับการแต่งตั้งเป็นหวางเฟยองค์ใหม่อีกด้วย”“นั่นเป็นแผนที่ถูกวางไว้แล้วทั้งหมด เพราะพี่เองที่โง่งม มิเคยคิดระวังคนใกล้ตัว พี่ไว้วางใจพระอาจารย์ของตัวเอง เพราะเห็นวั่งซูมาแต่เล็กและอยู่ใกล้ชิดฮุยอินมาแต่ยังเยาว์ พี่ถือว่าเราคือครอบครัวเดียวกัน แต่คนเหล่านั้นมิเคยคิดแยกแยะ มีแต่ความโลภโมโทสัน สุดท้ายก็ต้องพบจุดจบของตัวเอง”“หม่อมฉันคิดว่าฮุยอินโชคดีแล้วที่ได้รับตำแหน่งหวางเฟยองค์ใหม่ นางคงรอโอกาสนี้มานับแต่ยังเยาว์”“ฮุยอินมิได้รู้เห็นกับการกระทำของพ่อตัวเอง แต่นางยุยงให้พี่เข้าใจผิด ขับเจ้าออกจากวัง และมันก็เข้าแผนของพวกกบฏ”“แล้วพระองค์ทำเช่นไรกับนางหรือเพคะ?”“นางได้รับโทษอย่าสาสมแล้ว ฮุยอินเอาตัวเข้ารับลูกธนูของพวกกบฏแทนพี่ ตอนนี้พระอาจารย์วั่งซูถึงกับสติฟั่นเฟือนที่ต้องสูญเสียลูกสาวคนเดียว”“นางรักท่านพี่ด้วยหัวใจบริสุทธิ
หลี่เจี๋ยเงียบไป เขาได้ยินเสียงสะอื้นไห้และแรงกระตุกของร่างเล็กในอ้อมแขน ความสำนึกผิดแล่นขึ้นมาจับหัวใจ เขากดศีรษะทุยของนางกับไหล่กว้าง มันเป็นช่วงเวลาที่ยากยิ่งสำหรับเขา แม้เป็นกษัตริย์ปกครองคนมากมาย เป็นเจ้าแห่งรัฐที่มิเคยอ่อนข้อให้ผู้ใดแต่วันนี้เขาขอวางเกียรติและความสูงส่งนั้นเพื่อเอาหัวใจรักของบุรุษผู้หนึ่งไว้แทบเท้าสตรียอดดวงใจในบัดนี้ “จางลี่” เสียงนั้นแผ่วลง “พี่รู้ว่าที่ผ่านมาได้ทำอะไรไว้กับเจ้าบ้าง หากเจ้าจะอภัยให้พี่”“อภัยหรือเพคะ?”จางลี่ขยับห่างเล็กน้อยแต่หลี่เจี๋ยไม่ยอมคลายวงแขนที่ยังกอดไว้แน่น นางยิ้มขื่น“พระองค์เป็นถึงหลู่อ๋อง จะให้หม่อมฉันซึ่งเป็นเพียงหญิงต่ำช้าในสายพระเนตรอภัยให้พระองค์เช่นนั้นหรือเพคะ หม่อมฉันมิกล้า แค่นี้ก็เกรงอาญาเหลือเกินแล้ว”“นิสัยช่างประชดประชันของเจ้าทำอย่างไรก็แก้ไม่หายเสียที แต่...สิ่งนี้มิใช่หรือที่ทำให้พี่รักเจ้ามากจนถอนใจไม่ขึ้น”“พระองค์ต้องการสิ่งใด” นางนิ่วหน้าเหมือนเจ็บปวด “วันก่อนหาว่าหม่อมฉันคบชู้ ขับไล่หม่อมฉันออกจากวัง แล้ววันนี้มาตามหาหม่อมฉัน มีประสงค์อันใดกันแน่”“จางลี่...”“หม่อมฉันรู้ตัวดีว่าเป็นแค่ธิดาของพระสน
“อยู่นิ่ง ๆ ...อย่าแม้แต่ขยับตัว”หลี่เจี๋ยสั่งด้วยเสียงทุ้มต่ำขณะร่างบางที่ยืนตรงหน้าสั่นเทา จางลี่ถึงกับน้ำตาไหลเมื่อสุนัขป่าค่อย ๆ ย่างเข้ามา มันกำลังดูเชิงและตั้งท่าหมอบลงเล็กน้อย ดวงตาแดงราวเปลวเพลิงคู่นั้นสะท้อนแสงวับวาว“กรี๊ด!!”จางลี่กรีดร้องสุดเสียงเมื่อมันกระโจนเข้าหาแต่ยังไม่ทันถึงตัวกลับถูกคมธนูปักเข้าที่กลางหน้าผากจนหงายหลังล้มฟุบลงกับพื้นเลือดทะลักออกมาแดงฉาน“จางลี่”หลี่เจี๋ยวิ่งเข้าไปประคองร่างบางที่ทรุดลงหมดสติในอ้อมแขนของเขาทั้งที่มือแกร่งอีกข้างกุมคันธนูไว้มั่น“จางลี่...จางลี่”เขาพยายามเรียกแต่กลับไม่ได้ยินเสียงตอบ จางลี่หมดสติไปแล้วด้วยความตื่นตกใจ เขากอดนางเอาไว้แนบอกและจูบบนหน้าผากมนชื้นเหงื่อขณะกระซิบ“น้องสาวของพี่...พี่มาช่วยเจ้าแล้ว และนับแต่นี้จะมิมีวันทอดทิ้งเจ้าไปไหนอีก”จางลี่รู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งท่ามกลางความมึนงง นางค่อย ๆ ลืมตาตื่นและเห็นแสงสว่างสาดส่องไปทั่ว เมื่อรู้สึกตัวเต็มที่จึงเห็นเพดานคูหาถ้ำและเงาของใครคนหนึ่งวาบไหวไปมาบนนั้น นางค่อย ๆ พลิกตัวและมองเห็นแผ่นหลังกว้างของบุรุษผู้ซึ่งนางคุ้นเคย“องค์ชาย...”เสียงแหบเบาลอดออกมาจากริมฝีปากแห้งผา
จางลี่สะอื้นไห้ คิดถึงชีวิตแสนสุขสบายในวังหลวง นางอยู่แคว้นฉีมีแต่ความรื่นรมย์ มีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่ทำให้ต้องตัดสินใจเดินทางมายังเมืองหลู่ หากโอรสของพระชายาเอกมิต้องการได้นางเป็นอนุลับ ๆ นางอาจพบใครสักคนและมีชีวิตครอบครัวอยู่บ้านเกิดเมืองนอน แต่เมื่อคิดไปจางลี่กลับยิ่งรู้สึกเสียใจต่อความร้ายกาจของหลู่อ๋อง ก็ในเมื่อนางรักเขามากถึงเพียงนั้นจางลี่ยอมรับกับตัวเองแล้วว่านางรักองค์ชายหลี่เจี๋ย และยิ่งรู้ว่านางกับเขามิได้มีสายเลือดเดียวกันก็ยิ่งทำให้หลุดพ้นจากความคิดติดพันในเรื่องการเป็นญาติใกล้ชิดกัน นางเป็นอิสระที่จะรักเขา แต่แล้วราวสวรรค์แกล้งเมื่อไร้วาสนาได้ครองคู่เพราะความอิจฉาริษยาและยุแยงกลั่นแกล้งจากคนใกล้ตัวหลู่อ๋องชังนางยิ่งกว่าสิ่งใด ชาตินี้ถึงอย่างไรคงคงไร้วาสนาหนำซ้ำหากมิรีบหนีไปตอนนี้ลูกน้อยในครรภ์ก็อาจไม่มีโอกาสได้ลืมตาดูโลกก็เป็นได้ แต่แล้วจางลี่ก็ต้องระงับความคิดของนางเมื่อได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังเข้ามาใกล้ เป็นเสียงฝีเท้าม้าดังกุบกับ มีคนเข้ามาที่นี่เช่นนั้นหรือ นางค่อย ๆ ขยับตัวและเยี่ยมหน้าออกไปจากด้านหลังโขดหินใหญ่หากต้องตกใจเมื่อเห็นแสงจากคบไฟใกล้เข้ามา“หล
“มิเกี่ยวกับท่านดอก หวังหย่ง...ทำใจให้สบายเถิด ทำตามหน้าที่ของท่านนนั้นถูกต้องที่สุดแล้ว”โม่โฉวกล่าวจบก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นหลู่อ๋องก้าวออกมาจากศาลเจ้าด้วยใบหน้าเคียดขึ้ง ทุกคนต้องรีบคุกเข่าลงอีกครั้ง“หวังหย่ง...ใยข้าจึงมิเห็นผู้ใดอยู่ในศาลเจ้า”“เป็นไปมิได้ดอกพะย่ะค่ะ หวางเฟยเพิ่งเข้าไปในศาลเจ้าก่อนหน้าที่พระองค์เสด็จมาเพียงครู่เดียวเท่านั้น”“ท่านหญิง...ท่านหญิงมิได้อยู่ในศาลเจ้าหรอกหรือเพคะ”หลินเจินหน้าตื่น นางลุกขึ้นและรีบวิ่งเข้าไปในศาลเจ้าก็เห็นแต่แท่นบูชาต่อหน้าเทพเจ้าที่มีเพียงร่องรอยธูปหลายอันปักในแจกันหากแต่เป็นธูปเก่าที่ไหม้จนหมดดอก มิมีอันใหม่ดังที่เข้าใจว่าพระธิดาจางลี่จะเข้ามาบูชาเทพเจ้าดังที่บอกไว้ เมื่อเห็นดังนั้นนางสนมก็ถึงกับหลั่งน้ำตา“พระธิดา...ไม่จริงหรอกนะเจ้าคะ...ท่านคงมิทำเช่นนั้น”“จางลี่อยู่ที่ไหน!”เสียงทรงอำนาจที่ดังขึ้นเบื้องหลังทำให้หลินเจินหันกลับไป นางทรุดลงนั่งและร้องไห้ออกมา“ฝ่าบาท...ฝ่าบาทเพคะ...พระธิดาของหม่อมฉันมิได้อยู่ที่นี่ พระธิดา...อาจจะหนีไปแล้วเพคะ”“ว่าอย่างไรนะ!”18วอนรักนั้นกลับคืนหลี่เจี๋ยชะงักงัน นัยน์ตาดำยาวรีสะท้อนความเจ็บปวด
“น่าจะเป็นเรื่องดีนะเจ้าคะ เช่นนั้นท่านหญิงก็ควรพักผ่อนให้มาก เตรียมตัวเพื่อรุ่งขึ้นจะได้ออกเดินทางไปยังอารามเทพเจ้า”“หลินเจิน”“เจ้าคะท่านหญิง”“ข้ามิรู้ว่าหลู่อ๋องนั้นมีแผนใดมากไปกว่าการกักกันตัวข้าไว้ที่ตำหนักแห่งนี้ ข้ามิรู้ว่าชีวิตของข้าจะยืนยาวไปสักเพียงไหน แต่จำไว้เถิดว่าข้าจะมิมีวันลืมความดีของเจ้าเลย”“ท่านหญิง”หลินเจินน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัวหากนางก็ยังทำหน้าที่ของตัวเองโดยไม่บกพร่อง จัดสำรับและโอสถให้พระธิดาจางลี่ ส่งนางบรรทมและเฝ้าคอยดูความเรียบร้อยทุกอย่างดังที่เคยทำมาวันรุ่งขึ้น เก้าลี้จากตำหนักต้องห้ามในหุบเขาหนีซานอันเงียบสงบ หวังหย่ง หัวหน้าองครักษ์ผู้ดูแลตำหนักได้จัดเตรียมรถม้าเพื่อนำหวางเฟยไปยังอารามเก่าแก่บนเขาหนีซานโดยมีทหารติดตามไปเกือบสิบคน กระทั่งไปถึงสถานที่สักการะเทพเจ้า เมื่อจางลี่ลงจากรถม้านางจึงเห็นว่ามีอารามเก่าท่ามกลางหุบเขาอันสงบเงียบ มีไม้ใหญ่ขึ้นรกเรื้อหากนางก็จำได้ว่าเส้นทางจากนตำหนักมายังที่แห่งนี้มิได้ทุลักทุเลดังคิด จางลี่เก็บอาการเหนื่อยล้าไว้ภายใน นางสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่เพื่อปกปิดหน้าท้องที่ยื่นออกมาจนเริ่มสังเกตได้ ส่วนหลินเจินก็ยังคง
“หลินเจิน...แล้วเจ้าได้ข่าวคราวอันใดจากวังหลวงบ้างหรือไม่?”หลินเจินส่ายหน้าพร้อมถอนหายใจ“เปล่าเลยท่านหญิง...ข้าพยายามถามพวกนายทหารที่มาคอยเฝ้าเวรยามก็มิเห็นมีผู้ใดรู้เรื่องในราชสำนักแคว้นหลู่ ข้าเองก็มิสบายใจเลยเจ้าค่ะ”“ป่านนี้ท่านองครักษ์เจียนเจ้าจะเป็นเช่นไรบ้างก็มิรู้ แล้วยังมีผู้ติดตามข้ามาอีกหลายสิบชีวิต ข้าท้อใจเหลือเกิน ใยองค์ชายหลี่เจี๋ยจึงมิลงทัณฑ์ข้าให้ตายไปเสียแต่วันนั้น หากข้าตายแล้วคนของข้าปลอดภัยกลับไปยังแผ่นดินฉีข้ายอม”“ข้าคิดว่าที่หลู่อ๋องมิยอมลงดาบท่านหญิงก็เพราะว่า...พระองค์รักท่านหญิงมากนะเจ้าคะ”“หากเขารักข้าใยจึงมิฟังเหตุผล”“ท่านหญิงมิเคยได้ยินหรอกหรือเจ้าคะ รักมากก็แค้นมาก”“เขาชังข้าเป็นทุนเดิมอยู่ก่อนแล้วต่างหาก”“อย่าคิดมากเลยนะเจ้าคะ ดูแลร่างกายของท่านให้แข็งแรงเพื่องค์รัชทายาทจะได้แข็งแรง”จางลี่ก้มลงมองหน้าท้องของตัวเองที่ยื่นออกมาเล็กน้อย บ่อยครั้งรู้สึกถึงแรงตอดจากอีกชีพจรภายใน แม้ทุกข์เพียงใดหากเมื่อรู้สึกถึงพลังของอีกชีวิตนางก็อบอุ่นและเกิดแรงกำลังใจอย่างมาก หลินเจินถอนใจอีกครั้ง“ก่อนข้าจะเดินทางมาที่นี่พร้อมท่านหญิง ข้าได้ไปพบท่านโม่โฉว แต่ก็มิเห
“จับพวกกบฏแผ่นดินไปขังในคุกหลวง รอพระบัญชาจากหลู่อ๋อง ส่วนคนของพวกมันที่จับได้ โยนลงไปใต้ตำหนักให้เป็นอาหารจระเข้อย่าให้เหลือ!”“ช้าก่อนโม่โฉว”“พะย่ะค่ะ”โม่โฉวคุกเข่าลงเมื่อหลี่เจี๋ยปรามเขาหลังทหารคุมตัวอำมาตย์และพระอาจารย์ชั่วรวมทั้งร่างไร้วิญญาณของฮุยอินที่หลู่อ๋องมองตามด้วยความเวทนาออกจากตำหนัก จากนั้นจึงออกคำสั่งต่อราชองครักษ์ประจำพระองค์ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น“ขอบใจเจ้ามากโม่โฉวที่มาช่วยข้าทันเวลา แต่พวกกบฏที่จับได้จงนำไปขังไว้ก่อน อย่าให้มีคนต้องตายมากไปกว่านี้เลย”“รับพระบัญชาพะย่ะค่ะ”โม่โฉวรับคำ หากแต่ขณะนั้นสายตาของหลู่อ๋องมองเลยเขาไปยังองครักษ์เจียนเจ้าที่นั่งคุกเข่าอยู่ด้านหลัง แววตาของหลี่เจี๋ยเปลี่ยนไปในทันที เขาเอ่ยขึ้น“ราชองครักษ์โม่โฉว แม้เจ้าจะมีความดีความชอบช่วยข้ากอบกู้บ้านเมืองในยามคับขัน หากแต่ความดีของเจ้านั้นมิอาจนำมาแลกกับการอภัยโทษให้ผู้กระทำผิดร้ายแรงได้ไม่”เมื่อได้ยินเช่นนั้นโม่โฉวรู้ได้ในทันทีว่าหลู่อ๋องหมายถึงสิ่งใด เขาหันกลับไปมองหน้าองครักษ์เจียนเจ้าชั่วอึดใจก่อนหันกลับมายังเจ้าผู้ครองแคว้น โม่โฉวค้อมตัวลง“กระหม่อมทราบดีพะย่ะค่ะว่าได้กระทำการอันอาจเป
ความคิดเห็น