แชร์

6

“นี่ท่านกักขังข้าเช่นนั้นหรือ แล้วหากข้าขัดคำสั่งของท่าน”

“คนของเจ้าทั้งหมดจะต้องกลายเป็นอาหารของจระเข้ในบึงใต้ตำหนักร้อยไหมทันที หรือหากเจ้าอยากลองดีกับข้า จะลองดูสักหนก็ได้พระธิดาจางลี่!”

“ท่านร้ายกาจนักองค์ชายหลี่เจี๋ย...อื๊อ!”

เสียงของนางหายเข้าไปในปากหยักได้รูปขององค์ชายอีกหน หลี่เจี๋ยกดท้ายทอยจางลี่บังคับให้นางรับจุมพิตก้าวร้าวคุกคามโดยไม่สนใจว่านางจะรู้สึกอย่างไร ในเมื่อตอนนี้เขาคือผู้ถือไพ่เหนือกว่า พระธิดาจางลี่เป็นแค่หมากตัวเล็กในเกมแก้แค้นของอ๋องแคว้นหลู่เท่านั้น หลี่เจี๋ยบดริมฝีปากร้อนรุ่มบนกลีบปากของนางรุนแรงพอจะทำให้เรียวปากอิ่มบวมเจ่อก่อนปล่อยร่างบอบบางให้เป็นอิสระ จางลี่เซไปข้างหลัง นางแทบจะทรุดลงนอนกับพื้นแต่ยังทรงกายให้นั่งและยกมือขึ้นป้องปากบวมเป็นสีแดงเข้มพร้อมกับน้ำตาถั่งไหล

“องค์ชาย...”

“หึ!...คิดหรือว่าข้าจะยินดีรับเจ้าเป็นองค์ชายา ข้ารู้ว่าพระปิตุลากำลังคิดการใด ส่งเจ้ามาเพื่อมิให้เกิดการพิภาทระหว่างแคว้น ต้องการรกะชับความสัมพันธ์และคิดจะควบคุมข้าให้อยู่ในอำนาจของเขาเช่นนั้นหรือ”

“เช่นนั้นพระองค์ควรปฏิเสธเสด็จพ่อแต่แรก ข้าเองก็มิได้อยากทำตามประสงค์ของเสด็จพ่อแม้แต่น้อย”

“แต่เจ้าก็ขัดปรสงค์ของฉีหวนกงมิได้และเมื่อเจ้ามาอยู่ที่นี่ในฐานะชายาของข้าก็ต้องรับฟังบัญชาของพระสวามีโดยมิมีข้อแม้ และอย่า...แม้แต่จะคิดหนีไปจากตำหนักร้อยไหม เจ้าต้องอยู่ที่นี่จนกว่าจะได้รับอนุญาตจากข้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น!”

“แล้วคนของหม่อมฉัน”

จางลี่ร้องถามเมื่อร่างสูงลุกขึ้นยืนและกำลังจะก้าวออกไป หลี่เจี๋ยยืนมือไพล่หลังและเพียงเอ่ยโดยมิยอมหันกลับมามองใบหน้าสวยซึ้งอาบคราบน้ำตา

“ทุกคนจะอยู่รอดปลอดภัยก็ด้วยชีวิตของเจ้าเป็นเดิมพัน ขัดคำสั่งข้าเมื่อใดข้าจะลงมือกับคนของเจ้าเมื่อนั้น อย่าบังอาจลองดีกับข้า นี่หาใช่คำขู่แต่คนอย่างข้าพูดจริงทำจริง!”

สิ้นเสียงกร้าวร่างสูงจึงก้าวออกไป เมื่อบานประตูปิดลงหลี่เจี๋ยก็เห็นว่าหลินเจินนั่งคุกเข่าอยู่ไม่ห่างจากบานประตูห้อง นายทหารคนสนิทวิ่งเข้ามาและคุกเข่าลงเบื้องหน้าอ๋องแคว้นหลู่

“องค์ชาย...ข้าได้จัดเตรียมที่พักให้เหล่าทหารแคว้นฉีและข้าราชบริภารขององค์ชายาเรียบร้อยแล้วพะย่ะค่ะ”

“ดีมาก โม่โฉว...จงดูแลพวกเขาเป็นอย่างดีอย่าให้บกพร่อง ข้าจะกลับตำหนักและจะกลับมาที่ตำหนักร้อยไหมในอีกสามราตรี”

“ขอรับ”

โม่โฉว นายทหารคนสนิทพยักหน้ารับทราบก่อนเดินตามองค์ชายออกไป และเมื่อทุกคนไปแล้วหลินเจินก็รีบกลับเข้าไปในห้อง นางรู้สึกตระหนกเมื่อเห็นพระธิดาจางลี่นั่งบนตั่งด้วยสีหน้าซีดเซียวทั้งยังน้ำตาอาบแก้ม นางกำนัลคนสนิทเข้าไปคุกเข่าและดึงมือเรียวบางมากุมไว้

“ท่านหญิง...มีอะไรหรือเจ้าคะ เมื่อครู่ข้าได้ยินองค์ชายหลี่เจี๋ยบอกแก่นายทหารว่าจะกลับมาที่ตำหนักนี้ในอีกสามราตรี ข้านึกว่าองค์ชายจะประทับที่นี่ในราตรีนี้เสียอีก”

“องค์ชายมิได้อยากอยู่ที่นี่ดอกหลินเจิน”

“ด้วยเหตุผลใดเล่าเจ้าคะ แล้วเหตุใดท่านหญิงจึงร้องไห้”

จางลี่ส่ายหน้า “ข้าคิดผิดเสียแล้วที่ตัดสินใจเดินทางมายังแคว้นหลู่ รู้เช่นนี้ยอมเป็นอนุของพระเชษฐามิดีกว่าหรือ”

“เหตุใดท่านกล่าวเช่นนั้น ในเมื่อท่านหญิงต้องการออกจากวังก็เพื่อหนีจากคนเหล่านั้นมิใช่หรือเจ้าคะ”

“ข้ามาอยู่ที่นี่ก็มิได้ต่างกันเลย...เจ้ารู้หรือไม่ว่าองค์ชายหลี่เจี๋ยนั้นชิงชังข้า มิได้ต้องการข้าเป็นองค์ชายาของแคว้นหลู่โดยแท้จริง องค์ชายยังผูกใจเจ็บเรื่องที่เสด็จพ่อสั่งประหารพระบิดาของพระองค์ และการที่รับข้าไว้ก็เพื่อเป็นการแก้แค้น”

“ใจเย็นก่อนนะเจ้าคะ เราอาจมีหนทางแก้ไข”

“ข้าเกรงว่าจะสายไป เรามิรู้เลยว่าแท้จริงองค์ชายหลี่เจี๋ยเป็นคนเช่นไร เขาไม่ยอมให้ข้าออกจากตำหนักแห่งนี้ ไม่ยอมให้ข้าขัดคำสั่ง ข้าหวั่นเหลือเกินว่าหากวันใดข้าทำพลาดผิดหรือมิถูกพระทัยองค์ชายอาจจะสั่งฆ่านายทหารและเหล่าผู้ติดตามจนสิ้น”

พอได้ยินดังนั้นหลินเจินถึงกับเข่าทรุด นางนั่งพับเพียบกับพื้นแต่ยังไม่ยอมปล่อยมือพระธิดาพร้อมรำพึงออกมาว่า

“น่ากลัวถึงเพียงนั้นเทียวหรือเจ้าคะ”

“เราจะทำอย่างไรดีหลินเจิน ลำพังข้าแม้หากต้องตายก็มิคิดเสียดายชีวิต แต่มิควรต้องให้คนของข้าเอาชีวิตพวกเขามาทิ้งที่แคว้นหลู่แม้เพียงชีวิตเดียว”

“ท่านหญิงคิดอย่างไรเจ้าคะ”

“ข้าอยากพบราชองครักษ์เจ้า บางทีเขาอาจะช่วยเหลือเราได้ แต่...ข้าจะได้พบเขาด้วยวิธีการใด”

“เอาอย่างนี้ไหมเจ้าคะ ข้า...จะหาทางออกไปพบองครักษ์และคนของเราก่อนองค์ชายจะเสด็จในอีกสามราตรีข้างหน้า”

“หลินเจิน”

“มิเป็นไรดอกท่านหญิง ข้ามิอยากให้ท่านเป็นกังวล มาถึงขนาดนี้ข้าก็คงอยู่เฉยมิได้”

“แล้วเจ้า...จะออกไปหาองครักษ์เจ้าและคนของเราเมื่อใด”

“ไม่เกินอีกราตรีนี้เจ้าค่ะ”

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status