แชร์

10

“หม่อมฉันหร้อมรับโทษเพคะ และหากหม่อมฉันตายไปก็ขอพระองค์โยนร่างของหม่อมฉันลงไปที่ใต้ตำหนักร้อยไหมให้จระเข้ของพระองค์ฉีกทึ้ง มิต้องเหลือซากแม้กระดูกกลับคืนแผ่นดินฉี”

ควับ!!

“ฮึก!”

จางลี่สะดุ้ง หลังของนางแอ่นเมื่อหลี่เจี๋ยหวดแส้ลงบนหลังบอบบางหนแรกจนชุดผ้าแพรเป็นรอยแยกบางๆ หากนางกลับมิส่งเสียงร้องออกมาเพียงสักแอะ หลู่อ๋องขบกรมแน่นก่อนลงแส้เป็นครั้งที่สอง คราวนี้เนื้อผ้าบนแผ่นหลังของนางขาดออกจากกันหากจางลี่ก็มิยอมส่งเสียงร้องออกมาดังเดิม

4

บุปผาเดียวดาย

ยิ่งจางลี่ไม่ส่งเสียงร้องก็เหมือนเป็นการยั่วยุโทสะอ๋องหลี่เจี๋ย เขาตวัดปลายแส้ลงไปอีกสามครั้งแผ่นหลังของนางก็เป็นรอยแผลปริแยก โลหิตซึมออกมาหากนางก็ยังกัดฟันแต่ใบหน้าของนางกดเกร็ง คิ้วขมวดมุ่น

ควับ!!

เสียงปลายแส้สะบัดลงบนแผ่นหลังของนางอีกครั้งคราวนี้โลหิตสาดกระเซ็น แต่ก่อนที่หลี่เจี๋ยจะเงื้อมือเพื่อลงแส้ซ้ำลงไปอีกเขาต้องชะงักเมื่อโม่โฉวปราดเข้ามาคุกเข่าตรงหน้า

“พอก่อนเถิดพระองค์...เกรงว่าหากลงแส้จนครบร้อยครั้งนางอาจทนไม่ไหวและต้องสิ้นใจในคุกหลวงนี้เป็นแน่”

ราชองครักษ์เอกกราบทูลด้วยเสียงแน่นหนักทั้งที่เขาไม่เคยขัดต่อพระประสงค์ของหลู่อ๋องมาก่อน หลี่เจี๋ยลดมือที่กำแส้ลง เขานิ่วหน้าและขบกรามเหมือนรู้สึกเจ็บปวดขณะปรายดวงตาคมไปยังร่างของจางลี่ซึ่งบัดนี้นางซบหน้าแน่นิ่งไปแล้ว ร่างสูงใหญ่หอบหายใจ สีหน้าโกรธขึ้นราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้หากก็ยังเสียงแข็งกร้าวไม่แปลงเปลี่ยน

“เจ้าอยากจะร้องขอให้ข้าละเว้นโทษต่อพระธิดาฉีอ๋องเช่นนั้นหรือ?”

“หามิได้...กระหม่อมรู้ว่านี่คือการลงทัณฑ์ที่มิอาจเลี่ยง หากแต่พระธิดานั้นเป็นเพียงหญิงตัวเล็ก แม้แต่นักโทษชายยังทานทนมิไหว บ้างก็ตายตั้งแต่ยังลงแส้มิถึงกึ่งหนึ่งของโทษที่ได้รับ และที่สำคัญมากไปกว่านั้น หม่อมฉันอยากให้พระองค์ทรงตรองให้หนักว่าพระธิดาเพิ่งเดินทางมาถึงแคว้นหลู่เพียงมิกี่ราตรี หากนางต้องมีอันเป็นไปเกรงว่าจะเกิดเรื่องใหญ่โตบานปลายไปกว่านี้ อย่าลืมว่ายังมีทหารและคนของแคว้นฉีที่ติดตามนางมาด้วยนะพะย่ะค่ะ”

คำกล่าวที่ไม่เกินความจริงขององครักษ์ราวกับว่าได้ฉุดอารมณ์ของหลู่อ๋องให้ดิ่งลง หลี่เจี๋ยก้มลงมองแส้ในมือก่อนโยนมันลงตรงหน้าโม่โฉว

“คราวหน้าหากนางทำผิดอีก ข้าจักให้เจ้าเป็นคนลงทัณฑ์ และคราวนี้จักมิมีการผ่อนโทษแม้แต่คราเดียว!”

ร่างสูงสง่าของผู้ครองแคว้นก้าวฉับ ๆ ออกไป โม่โฉวถอนหายใจโล่ง แต่เมื่อเขาลุกขึ้นผู้คุมคุกหลวงร่างใหญ่อย่างยักษ์ปักหลั่นก็เข้ามาและเอ่ยขึ้นว่า

“ท่านโม่โฉว...ท่านกล้าเหลือเกินที่ยับยั้งการลงทัณฑ์ของหลู่อ๋องในครานี้ แต่...ข้ามิเคยเห็นพระองค์ทรงลดหย่อนโทษให้ผู้ใดเลย ทุกคนต่างรู้ว่าหลู่อ๋องนั้นเหี้ยมหาญและเด็ดขาดนัก”

“หากข้ามิมีเหตุผลเพียงพอก็คงต้องถูกบั่นหัวโทษฐานขัดพระประสงค์ของพระองค์เป็นแน่”

ผู้คุมได้ฟังดังนั้นก็หันกลับไปมองร่างของจางลี่ที่แผ่นหลังของนางชุ่มด้วยโลหิตและแน่นิ่งไปแล้ว เขาส่ายหน้าไปมา

“องค์ชายาช่างงดงามนัก นางบอบบางราวกับบุปผาในสรวงสวรรค์”

“หากนางก็เป็นเช่นบุปผาเดียวดาย ที่นี่หาใช่สรวงสรรค์สำหรับนางไม่”

“ข้ายอมใจพระธิดา ตอนหลู่อ๋องลงแส้นางใจเด็ดนัก ไม่ยอมร้องออกมาเลย...แล้วนี่ข้าต้องทำอย่างไรต่อไปท่านโม่โฉว”

“เรียกทหารและนางกำนัลอีกเพียงสองสามนางมาพาพระธิดากลับไปที่ตำหนักร้อยไหม เก็บเรื่องนี้ไว้อย่าได้แพร่งพรายออกไปเพราะหากทหารแคว้นฉีที่ติดตามนางมารู้เข้าอาจเกิดเรื่องใหญ่”

“ขอรับท่านโม่โฉว”

ผู้คุมรับคำก่อนหันไปออกคำสั่งทหารยามที่ยืนเฝ้าประตู โม่โฉวนึกถึงคำพูดของผู้คุมอีกครั้ง ชายอกสามศอกเยี่ยงเขาก็ยังนึกไปไม่ถึงว่าพระธิดาของฉีหวนกงจะใจเด็ดได้ถึงขนาดนี้ นางไม่ร้องขอและอดกลั้นต่อการลงทัณฑ์ร้ายแรงได้อย่างน่าประหลาดใจแท้

ณ ตำหนักร้อยไหม

“หมอหลวงเจ้าคะ อาการของพระธิดาเป็นเยี่ยงไรบ้างเจ้าคะ?”

หลินเจินเอ่ยถามแพทย์ประจำวังหลวงที่เข้ามาดูแลอาการของพระธิดาจางลี่หลังถูกส่งตัวกลับมายังตำหนักในสภาพหมดสติและเบื้องหลังของนางเต็มไปด้วยรอยแผลจากการลงแส้ มีนางกำนัลฝ่ายในเพียงสองสามนางที่เข้ามาช่วยเช็ดรอยโลหิตและผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าให้องค์ชายาขณะที่นางกำนังคนสนิทยืนมองด้วยใจระย่อ น้ำตาคลอหน่วยตลอดเวลา กระทั่งแพทย์หลวงซึ่งเป็นชายสูงวัยแต่ใบหน้านั้นเอื้ออารีมาถึงและทำการตรวจดูพร้อมทั้งจัดยา สั่งการให้นางกำนัลทำแผลให้องค์ชายาอย่างดีทำให้หลินเจินเบาใจลงไปมาก หากนางก็ยังคงเป็นกังวลจึงต้องตามมาถามหมอหลวงอีกครั้งก่อนที่เจะกลับออกไปจากตำหนัก

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status