"ใช่จะก็หนูพราวลูกของน้าพิศไง"
หทัยรัตน์บอกลูกชายของเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย
"ผมจำได้ว่าผมไม่เคยเจอเธอนะครับแล้วเธอมาเป็นภรรยาของผมตอนไหน"
หิรัญยังคงตั้งคำถามกับคนเป็นแม่ด้วยท่าทีตนกเล็กน้อย
"ก็ก่อนเราเกิดอุบัติเหตุได้ไม่นานหรอกจะ"
"คุณแม่อำผมเล่นหรือเปล่าครับถ้าเธอเป็นภรรยาผมจริงตอนที่ผมพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลเธอทำไมไม่มาดูแลผมบ้างเลยล่ะครับ"
"เอ่อ...ก็...จริงๆแล้วน้องก็ไม่ใช่ไม่ห่วงเรานะตารัญแต่น้องรักเรามากจนทนเห็นเราป่วยอยู่ในโรงพยาบาลไม่ได้น่ะช่วงที่เรายังไม่ฟื้นน้องก็มานะแต่เห็นเราทีไรก็เป็นลมไปทุกทีเลยแม่ก็เลยไม่ให้เธอมาจะดีกว่าแล้วพอเราหายดีค่อยมาเจอกันทีเดียว"
หทัยรัตน์ตอบลูกชายของเธออย่างรื่นไหลหากลูกชายเธอไม่เชื่อเธอแล้วจะเชื่อใคร
"งั้นเหรอครับ"
หิรัญขมวดคิ้วเป็นปมแน่นอยู่ครู่หนึ่งจึงหันมามองหน้าแม่ของเขาอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้คิดจะถามคำถามอะไรอีกต่อไปขอรอดูหน้าคนที่แม่เขาบอกว่ามาเป็นภรรยาของเขาก่อนก็แล้วกัน
วันต่อมา
"แม่พวงที่เค้าว่ากันว่าภรรยาคุณรัญกำลังจะมานี่จริงเหรอะวะ"
บัวตองเป็นแม่ครัวอยู่ในเรือนศังกรถามพวงที่เป็นแม่ครัวที่เดียวกับเธอด้วยความสงสัยเพราะไม่เคยได้ยินว่าเจ้านายตนเองนั้นมีภรรยาแล้ว
"ก็ใช่น่ะสิเห็นได้ยินว่าแต่งงานกันก่อนจะเกิดอุบัติเหตุไม่เท่าไร"
พวงเองก็สงสัยเช่นกัน
"ฉันรู้มาว่าตอนนั้นคุณรัญพึ่งเลิกกับแฟนเก่าไปนี่นา"
บัวตองเองแอบเห็นอุ่นเรือนปลอบใจเจ้านายของพวกเธออยู่บ่อยครั้งก่อนจะเกิดอุบัติเหตุ
"อย่าพูดเรื่องนี้อีกถ้าเกิดภรรยาคุณรัญมาได้ยินเข้าจะไม่ดีเท่าไร"
พวงปรามบัวตองพร้อมส่ายหัวเล็กน้อยหน้าที่ของเธอคือทำอาหารเรื่องของเจ้านายก็คือเรื่องของเจ้านายเธอไม่อยากยุ่ง
"เออๆฉันไม่พูดแล้วก็ได้..แต่ก็ยังสงสัยอยู่ดีล่ะวะว่าไปแต่งกันตอนไหน"
บัวตองรับปากว่าจะไม่พูดแต่เธอก็อดสงสัยไม่ได้ว่าคนเป็นนายแต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่ตอนไหน
ถึงเธอจะไม่เคยเห็นแฟนเจ้านายเธอมาที่นี่แต่ก็รู้ว่านายของเธอไปหาอยู่เรื่อยๆที่กรุงเทพแต่หลังจากเลิกกับแฟนเก่าไม่นานก็ได้แต่งงานกับแฟนใหม่เลยหรืออันนี้เธอคิดหนัก
"อย่ายุ่งเรื่องเจ้านายให้เยอะนักเรื่องตัวเองเอาให้รอดเห็นว่าลูกสาวแกก็พึ่งจะตกงานกลับมาอยู่บ้านไม่ใช่รึ"
พวงเห็นว่าบัวตองนั่งครุ่นคิดเรื่องเมื่อครู่ที่พูดกันไม่ตกเธอจึงหันไปบอกบัวตองให้คิดเรื่องมาลีลูกสาวตัวเองจะดีกว่า
"ก็ใช่น่ะสินี่ฉันก็คะยั้นคะยอให้มันมาทำงานในไร่อยู่ขืนเลี้ยงมันอยู่อย่างนี้ไม่ไหวแน่"
เมื่อพวงพูดถึงลูกสาวเธอบัวตองจึงเกิดหงุดหงิดขึ้นมาเพราะลูกสาวของเธอเป็นคนบอกอะไรยากเย็นเสียเหลือเกินหลังจากกลับตากกรุงเทพก็มาเกาะเธอกินอยู่ทั้งที่ร่่างกายครบถ้วนพร้อมที่จะทำงานได้
"รีบเอามาฉันจะให้ลูกสาวแกมาช่วยงานครัว"
พวงเองก็กำลังหาคนช่วยทำครัวอยู่เหมือนกันเธอจะได้ให้บัวตองไปช่วยแม่ครัวของไร่ทำอาหารให้คนงานในไร่กินเหมือนเดิม
"เห็นว่ามันจะเข้ามาพรุ่งนี้นะ"
บัวตองพูดอย่างไม่รู้เลยว่าลูกสาวของเธอจะมาตามที่บอกหรือเปล่า
สนามบินxxx
"นี่อย่าลืมที่บอกล่ะ...ดูรูปคุณชายเค้าไว้เยอะๆแล้วก็พยายามอินว่าเค้าคือสามีเธออ่ะ"
ปอแก้วมาส่งพราวพิไลเพื่อนของเธอที่สนามบินพร้อมทั้งย้ำเตือนเพื่อนเธอถึงวิธีที่จะทำให้คุ้นกับคนที่เพื่อนเธอจะไปอยู่ด้วยในฐานะภรรยาปลอมๆโดยเร็ว
"โหย...ใครมันจะไปอินง่ายขนาดนั้น"
พราวพิไลพูดด้วยสีหน้าที่บูดบึ้ง
"ทำไมหน้าบูดแบบนั้นล่ะแก"
"ตอนแรกฉันก็ค่อนข้างไม่กลัวอะไรนะแต่ตอนนี้รู้สึกใจโหวงเหวงอย่างบอกไม่ถูกเลยอะ"
"ตัดสินใจมาแล้วนี่ยัยพราว..เออแล้วแม่แกได้บอกไหมว่าไอ้การเป็นเมียปลอมๆเนี่ยจนถึงเมื่อไร"
"เห็นว่ารอให้ยัยแฟนเก่าหน้าเงินแต่งงานไปก่อนมั้ง"
พราวพิไลได้ยินว่าหทัยรัตน์ป้าของเธอต้องการให้คนที่เป็นแฟนเก่าของหิรัญแต่งงานไปก่อนจะได้สบายใจว่ายังไงก็ไม่กลับมาหาหิรัญอีก
"แล้วถ้า...เค้าจะ..."
ปอแก้วพูดพร้อมมองหน้าพราวพิไลอย่างมีเลศนัย
"นี่หยุดพูดไปเลย...ฉันรู้ว่าแกคิดอะไรเรื่องนั้นไม่มีทางเกิดขึ้นหรอกน่าฉันว่าฉันเอาตัวรอดได้"
พราวพิไลปรามเพื่อนเธอเอาไว้ก่อนเพราะรู้ว่าจะพูดอะไรคงไม่พ้นเรื่องที่คู่สามีภรรยาต้องทำกันบนเตียงเธอจึงบอกให้เพื่อนเธอรู้ว่าคงไม่มีวันนั้นแน่นอน
"แล้วถ้าเค้าคุณชายคนนั้นเค้ารู้ความจริงก่อนล่ะว่าแกไม่ใช่เมียเค้าจริงๆอะ"
"ไม่มีทางหรอกน่าคุณป้าฉันเธอบอกว่าเตรียมแผนไว้ออย่างรอบคอบแล้วเหลือแค่ฉันทำตัวเป็นภรรยาที่ดีก็พอ"
พราวพิไลเชื่อใจว่ายังไงมันก็ไม่เป็นปัญหาอยู่แล้วเพราะเธอเหฌนว่าหทัยรัตน์ได้เตรียมการทุกอย่างไว้้รียบร้อยแล้วหากเกิดปัญหาอย่างมากเธอก็คงถูกหิรัญต่อว่าแต่เดี๋ยวแม่ลูกเค้าก็เคลียกันได้เองเพราะทุกอย่างเป็นแผนของแม่หิรัญ
"อืมๆ.."
ปอแก้วพยักหน้าและหวังว่ามันจะเป็นอย่างที่เพื่อนเธอพูดแต่เธออดคิดไม่ได้ว่าเรื่องแบบนั้นที่เธอคิดมันจะเกิดขึ้นจริงเพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่าเพื่อนเธอจะต้องอยู่กับผู้ชายคนนั้นนานเท่าไรอีกอย่างคนอย่างพราวพิไลก็ไม่เคยอยู่ใกล้ผู้ชายมาก่อนด้วยเธอกลัวว่าเพื่อนเธอจะมีใจให้อีกฝ่ายอย่างง่ายดายน่ะสิแต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเพราะมันอาจจะเกิดหรือไม่เกิดก็ได้
"นี่จะได้เวลาแล้วฉันไปก่อนนะ"
พราวพิไลดูนาฬิกาก็ได้เวลาที่จะต้องไปขึ้นเครื่องแล้วเธอจึงรีบบอกลาเพื่อนเธอ
"โชคดีล่ะ"
ครู่ต่อมา
พราวพิไลนั่งเครื่องได้ครู่หนึางแล้วเธอนับครั้งไม่ถ้วนแล้วว่าวันนี้เธอถอนหายใจไปกี่ครั้งเพราะเมื่อจะถึงเวลาที่จะต้องถึงเชียงใหม่จริงๆเธอกลับประหม่ามากขึ้นเรื่อยๆ
สองชั่วโมงต่อมา
ไร่ศังกร
"คุณป้า...เอ่อคุณแม่"
กว่าลุงครามผู้จัดการไร่จะพราวพิไลมาถึงไร่ศังกรก็เล่นเอาเป็นชั่วโมงเพราะว่าทางจากสนามบินมาที่ไร่ค่อนข้างไกลกันมากเมื่อมาถึงก็รีบสวัสดีหทัยรัตน์คนที่ยืนรอต้อนรับอยู่หน้าบ้านครั้งแรกเธอเกือบจะเรียกอีกฝ่ายผิดแต่เธอก็เปลี่ยนเป็นคุณแม่อย่างรวดเร็วตามแผนที่คุยกันเอาไว้
"พี่เค้าอยู่ข้างในน่ะหนูพราว"
"ขอพราวสูดหายใจลึกๆก่อนนะคะ"
พราวพิไลยังคงประหม่าไม่หายตอนนี้เธอขอทำอารมณ์ให้เป็นคนรักคนนึงที่ต้องคิดถึงคนรักอีกคนมากๆก่อนภาพในหัวของเธอตอนนี้กำลังคิดถึงการกอดพี่สาวของเธออยู่และคิดว่าการทักทายชายหนุ่มก็ต้องทำแบบนั้นเช่นกัน
"โอเคจะ.."
ซื้ดดดด..ฟู่ฟฟฟฟ
"เฮ่อออ.."
พราวพิไลหลับตาพร้อมพ่นลมหายใจออกมาช้าๆ
"โอเคนะจ๊ะ"หทัยรัตน์มองหน้าพราวพิไลอย่างเป็นกังวลเล็กๆหวังว่าหญิงสาวจะไม่เปลี่ยนใจตอนนี้หรอกนะ"ค่ะ..พร้อมค่ะ""ตามแม่มาเลยจะ"เมื่อพราวพิไลพยักหน้าหทัยรัตน์จึงโล่งอกและเดินนำหน้าหญิงสาวมาด้านใน"น้องมาแล้วนะรัญ""......"หิรัญหันหน้ามามองหญิงสาวร่างเล็กผมยาวสวยหน้าจิ้มลิ้มสะกดสายตาเขามองเธอด้วยอาการแน่นิ่งจนคนรอบข้างดูไม่ออกว่าเขานั้นคิดอะไรอยู่"พี่รัญ...พราวคิดถึงพี่มากๆเลยค่ะ...พราวดีใจมากเลยนะคะที่พี่รัญดีขึ้นมากๆแล้ว""เอ่อ.."พราวพิไลมองชายหนุ่มที่หล่อเหลานึกว่าหลุดออกมาจากปกนิตยสารทั้งรีบฉีกยิ้มกว้างรวบรวมความกล้ารีบวิ่งโล่เข้ามาโผกอดคนที่นั่งอยู่ที่โซฟาแน่นทั้งยังซุกอกแกร่งจนคนตัวโตที่ตั้งตัวไม่ถูกนั่งตัวแข็งทื่อ"ท่าคุณพราวจะคิดถึงคุณหนูมากเลยนะคะ"อุ่นเรือนยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่"ค่ะ..นม.."พราวพิไลพยักหน้าให้อุ่นเรือนพรางขยิบตารู้กัน"อืม...แม่ครับผมอยากจะเข้าห้องพักผ่อนแล้ว"หิรัญหันไปบอกคนเป็นแม่ทั้งยังรีบยกมือประคองโอบร่างเล็กที่เอาแต่กอดเขาอยู่ไว้เบาๆ"อ๋อ..จะ..งั้นเดี๋ยวแม่พาไปนะ""ก็ภรรยาผมมาแล้วนี่ครับให้เธอดูแลผมก็ได้อีกอย่างผมเองก็อยากคุยกับเธออยู่หลายเรื่องเลย"หิร
"ตารัฐก็แบบนี้ล่ะครับทำอะไรรีบๆร้อนๆผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ตารัฐเหมือนจะเสียมารยาท"อนุชิตพอจะดูอาการของลูกชายของเขาออกจึงต้องเอ่ยปากขอโทษคนทั้งสอง"ไม่เป็นไรค่ะคุณรัฐน่าจะยุ่งๆจริงแหละค่ะ"พิศมัยคิดในแง่ดรเอาไว้ก่อนเพราะเธอไม่อยากทำให้ลูกสาวของเธอเสียขวัญก่อนจะเริ่มงาน"แล้วหนูแพรวพร้อมที่จะทำงานที่นี่เมื่อไร""แพรวพร้อมเริ่มงานทันทีค่ะ""งั้นเป็นพรุ่งนี้ก็แล้วกันนะเดี๋ยวลุงจะให้ศจีเลขาลุงสอนงานเราสักสามวันก่อน""ค่ะคุณลุง"เมื่อตกลงกันได้ทั้งสามก็อยู่คุยกันไม่นานพิศมัยจึงพาแพรวพิลาสกลับเย็นของวันไร่ศังกร"อืม..."พราวพิไลตื่นขึ้นมาในช่วงเย็นแต่เธอไม่เห็นหิรัญจึงรีบลุกจากเตียงเปิดประตูออกมาข้างนอก"คุณแม่คะพี่รัญล่ะคะ"หญิงดาวเดินมาหาหทัยรัตน์ที่นั่งดูทีวีอยู่ตรงโซนนั่งเล่น"ออกไปเดินหน้าบ้านน่ะฝนพึ่งหยุดตกอากาศกำลังดี""อ๋อ..ค่ะ..""พรุ่งนี้แม่จะกลับแล้วนะหนูพราว""ทำไมเร็วจังล่ะคะ"พราวพิไลถึงกับใจหายวาบเธอคิดว่าหทัยรัตน์จะอยู่ที่นี่กับเธอและหิรัญเสียอีก"แม่มีธุระหลายอย่างที่ต้องทำทางนี้แม่ก็ฝากพี่เค้าด้วยนะ"หทัยรัตน์ถือโอกาสนี้ฝากฝังให้พราวพิไลดูแลลูกชายของเธอเสียเลยเพราะเ
วันต่อมาหิรัญขับรถกระบะพาพราวพิไลไล่ชมรอบๆตั้งแต่เช้าจนมาหยุดอยู่ที่หนึ่งซึ่งเหล่าคนงานกำลังจับกลุ่มกันง่วนด้วยใบหน้าเคร่งเครียดเหมือนกำลังมีปัญหากันอยู่หนึ่งในนั้นคือลุงครามผู้จัดการไร่ร่วมด้วย"ดูอะไรกันเหรอครับหน้าเคร่งเครียดเชียว"พราวพิไลและหิรัญลงจากรถมาดูเหล่าคนงานทั้งถามถึงเหตุที่ต้องมารวมกันตรงนี้ด้วยท่าทีเป็นกังวล"นายครับผมว่าจะเข้าไปหาอยู่พอดีเลยครับ"ลุงครามพอเห็นคนเป็นเจ้านายมาที่นี่พอดีจึงรีบเดินมาต้อนรับ"มีอะไรครับ""ก็แปลงผักเราสิครับทางโน้นที่ติดตีนเขาพอฝนตกหนักเข้าน้ำก็หลากจากเขาจนผักเสียหายเยอะเลย"ลุงครามชี้ไปทางแปลงผักที่อยู่ใกล้ๆกับตีนเขา"ปกติไม่เป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอครับ"หิรัญขมวดคิ้วเป็นปมแน่นพราวพิไลเองก็ยืนฟังด้วยสีหน้ากังวลถึงปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นที่ไร่หิรัญเองก็เห็นว่าปกติแล้วถึงฝนจะตกแรงแค่ไหนน้ำในป่าก็ไม่น่าจะหลากลงมาแรงขนาดทำให้แปลงผักเสียหายได้"ครับ..เห็นคนงานในไร่ที่ไปหาของป่าบอกว่ามีกลุ่มคนเข้าไปลักลอบตัดไม้ข้างในจนเป็นเวิ้งกว้าง"ลุงครามพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เบาลงเหมือนแค่อยากให้เรื่องนี้รู้แค่วงแคบๆเท่านั้น"ถ้ามีเรื่องแบบนี้แล้วทำไมไม่มีใครแจ
"นี่หยุดเดี๋ยวนี้นะ...ออกไปจากที่ของผมเดี๋ยวนี้"ธรัฐถอดเสื้อสูทของเขาออกคลุมร่างแพรวพิลาสเอาไว้และรีบไล่คนนอกทั้งสองออกไปทันทีเขาจำได้ว่าผู้หญิงคนที่ทำร้ายแพรวพิลาสคือคนที่มาอาละวาดหญิงสาวที่ร้านอาหารในวันนั้นและถ้าเดาไม่ผิดผู้ชายที่ยืนดูผู้หญิงตบตีกันหน้าตาเฉยคงจะเป็นตัวต้นเหตุเป็นแน่"ไปแน่...แล้วคุณเป็นเจ้าของที่นี่ใช่ไหม...บอกอีนี่ด้วยว่าอย่ามานัดผัวชาวบ้านมาพลอดรักแบบนี้อีก"นาถลดาตะคอกใส่ธรัฐและแพรวพิลาสก่อนจะดึงสามีของเธอให้รีบเดินออกไป"ฉันไม่ได้นัดนะคะ...ส่วนคุณก็เลิกยุ่งกับฉันซะที"แพรวพิลาสหลบอยู่ในอ้อมอกของธรัฐตอนนี้เธอตัวสั่นเป็นลูกนกพร้อมเค้นเสียงบอกนาถลดาด้วยเสียงสั่นเครือและอติรุจก็เช่นกันเธออยากพูดครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายว่าให้เขาเลิกยุ่งกับเธอซะที"แพรว..""นี่หยุดนะคุณรุจ"นาถลดากระชากคนเป็นสามีออกไปจากห้องอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นอติรุจทำท่าทีอาลัยอาวรแพรวพิลาสอยู่"เตือนไว้ก่อนอย่าให้ถึงวันที่ฉันหมดความอดทนแล้วแกจะไม่ได้มาเดินลอยหน้าลอยตาแบบนี้หรอก"ก่อนจะปิดประตูนาถลดายังมิวายส่งเสียงขู่แพรวพิลาสอีกครั้ง"ฮึก..อือ..ฮือ....ขอบคุณนะคะ"เมื่อทั้งสองออกไปแล้วแพรวพิลาสก
"ไม่จริง.."อติรุจดูเหมือนจะไม่ยอมรับความจริงกับสิ่งที่ได้ยินสักเท่าไรนักพยายามมองหน้าแพรวพิลาสแต่หญิงสาวก็ไม่ชายตามองมาทางเขาแม้แต่น้อย"จริงเลิกยุ่งกับภรรยาผมซะทีแล้วเอาเวลาไปดูลูกเมียตัวเองไม่อย่างนั้นผมจะแจ้งความจับคุณในข้อหาคุกคามความเป็นส่วนตัว"เมื่อขู่คนตรงหน้าเสร็จธรัฐก็รีบดึงมือหญิงสาวเดินดุ่มๆเข้าลิฟท์ไปในทันที"แพรว..."ทิ้งให้อติรุจยืนอึ้งกับคำที่พึ่งได้ยินจนหน้าเสียอย่างเห็นได้ชัดครู่ต่อมา"คุณไปพูดแบบนั้นได้ไงคะ"เมื่อขึ้นลิฟท์มาถึงชั้นที่ทั้งคู่อยู่แพรวพิลาสจึงรีบดึงมือออกจากชายหนุ่มและถามอีกฝ่ายด้วยสีหน้าบึ้งตึงเพราะเธอไม่ชอบคำที่เขาบอกกับอติรุจว่าเธอเป็นภรรยาเขาแม้แต่นิดเดียวไม่ใช่ว่ากลัวอติรุจเข้าใจผิดแต่เธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่คนแถวนั้นที่ได้ยินเขาจะคิดกันยังไง"มันจะได้เลิกยุ่งกับคุณไง..ถึงห้องคุณแล้วเข้าไปสิ""ค่ะ.."ธรัฐยังคงตอบหญิงสาวหน้าตาเฉยเฉกเช่นเดิมทั้งยังไล่หญิงสาวเข้าห้องตัวเองไปด้วยเขาจะได้เข้าห้องพักผ่อนเช่นกันซึ่งห้องเขาก็อยู่ตรงข้ามกับเธอนี่เองแกร๊กกแพรวพิลาสเปิดประตูและหันกลับมาหาชายหนุ่มจนธรัฐต้องหันมามองเธอพร้อมขมวดคิ้วสงสัย"อะไร...""ขอบคุณ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา"อ้าว..ลุงครามมีอะไรเหรอครับ"หิรัญเดินออกมาหาลุงครามที่หน้าบ้าน"ของคุณพราวมาส่งน่ะครับ""อ๋อ.."ลุงครามยื่นพัสดุให้กับหิรัญ"ของพราวใช่ไหมคะ"พราวพิไลอาบน้ำแต่งตัวเสร็จทันเวลาที่ของเพื่อนเธอส่งมาพอดีเมื่อเห็นกล่องอยู่ในมือชายหนุ่มจึงรีบแย่งออกมาอย่างรวดเร็ว"อะไรเหรอ"หิรัญหันหน้าถามพราวพิไลอย่างสงสัยว่าด้านในเป็นอะไรเธอถึงได้หวงขนาดนั้น"ก็..เป็นพวกน้ำหอมที่พราวสั่งให้เพื่อนซื้อส่งมาให้น่ะค่ะไม่มีอะไรขอบคุณนะคะลุงครามที่เอามาให้"หญิงสาวพูดเสร็จก็รีบวิ่งกลับเข้าห้องหาที่ซ่อนของทันทีอันที่จริงแล้วมันเป็นยาสลบที่เธอสั่งให้เพื่อนเธอซื้อส่งมาให้ต่างหากเอาไว้ใช้ในเวลาที่ฉุกเฉินครู่ต่อมาโต๊ะอาหาร"ป้าพวงขาพราวขอข้าวเพิ่มอีกนะคะ"ตอนนี้พราวพิไลและหิรัญร่วมโต๊ะอาหารเย็นกันอยู่พักใหญ่วันนี้กับจ้าวค่อนข้างอร่อยเป็นพิเศษจนหญิงสาวต้องขอข้าวเพิ่ม"ได้เลยค่ะคุณพราว""ของหวานมาแล้วค่ะ..."ปึก"ว้าย..ขอโทษค่ะคุณพราว"มาลีตั้งใจที่จะให้กล้วยบวชชีในมือหกใส่พราวพิไลเธอแกล้งตกใจกับเรื่องที่เธอจงใจทำเพื่อให้ดูเป็นอุบัติเหตุ"ไม่เป็นไร.."พราพิไลเงยหน้าส่งยิ้มให้มาลีแต่สีหน้าของเธอต
วันต่อมา08.30 น."คุณหนูยังไม่ตื่นเหรอคะคุณพราว"อุ่นเรือนวันนี้ค่อนข้างสายแล้วแต่คุณหนูของเธอยังไม่ตื่นถึงถามถามพราวพิไรที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะอาหารด้วยความสงสัย"ยังเลยค่ะ"พราวพิไลส่ายกัวพร้อมยิ้มแหยๆเล็กน้อย"อ้าว.. นั่น.. วันนี้คุณหนูตื่นช้าจังล่ะคะ"อุ่นเรือนหันไปถามคนที่กำลังเดินเข้ามา"อ๋อ...เมื่อคืนคงจะเพลียๆน่ะครับ"หิรัญก็สงสัยตัวเองอยู่เหมือนกันว่าทำไมตอนตื่นมาถึงเพลียแปลกๆพวกคนที่ยืนอยู่ทั้งอุ่นเรือนบัวตองป้าพวงต่างยิ้มกริ่มเพราะคิดว่าทั้งคู่คงจะทำกิจกรรมอะไรกันจนดึกตามประสาสามีภรรยาถึงได้เพลียแต่คนที่ยิ้มไม่ออกเห็นจะเป็นมาลีเพราะเธอไม่ได้ปารถนาให้ทั้งคู่รักกันดี"ยิ้มอะไรกันเหรอคะ"พราวพิไลไม่เข้าใจว่าจู่ๆทั้งนมอุ่นและป้าพวงต่างก็อมยิ้มกันแปลกๆ"อ๋อ...ไม่มีอะไรหรอกค่ะ..ทานข้าวดีกว่านะคะ"อุ่นเรือนส่ายหัวเล็กน้อย10.00 น."ทำอะไรเหรอพราว"หิรัญเดินหาพราวหลังจากทานอาหารเสร็จเมื่อมาที่สวนข้างบ้านก็เห็นว่าหญิงสาวกำลังหยิบจับท่อนไม้ตอกลงดินอย่างขมักเขม้น"พราวเห็นว่าวันนี้ฝนน่าจะตกหนักค่ะเลยหาผ้ามาขึงกันต้นดอกไม้พวกนี้ไว้เดี๋ยวฝนตกหนักใส่แล้วจะตายซะก่อน""มาเดี๋ยวพี่ช่วย"หิรัญ
ในป่าบนภูเขา"ฝนตกหนักขนาดนี้จะตัดต่อยังไงไหวครับเสี่ย"คนงานตัดไม้รีบวิ่งมาบอกเสี่ยเคี้ยงว่าไม่มีใครตัดต้นไม้ต่อไหวเพราะฝนที่ตกหนักบวกกับดินที่ลื่นจึงทำให้ทำงานยาก"ยังไงก็ต้องตัดละวะต้องส่งไม้ให้ทันตามกำหนด"เสี่ยเคี้ยงจะให้คนงานหยุดการตัดไม้ลอตนี้ไม่ได้เพราะจะไม่ทันวันที่นัดส่งไม้กับลูกค้ารายใหญ่แล้วเขาจะเสียเครดิตเอาได้"นายครับ..ตำรวจ"ในขณะที่เสี่ยเกลี้ยงกำลังสั่งการกับคนงานอยู่นั้นก็มีคนงานอีกคนวิ่งตะโกนมาว่ามีตำรวจกำลังเข้ามาล้อมจับพวกตน"มาได้ไงวะ"เสี่ยเคี้ยงถึงกับหัวเสียกัดฟันกรอดที่ไม่รู้ว่าทำไมพวกตำรวจถึงได้มายุ่มย่ามกับงานของพวกตนได้"หนีมาทางนี้ก่อนครับนาย"คนสนิทเสี่ยเคี้ยงอย่างอาคมได้เตรียมแผนรับมือเอาไว้แล้วหากลูกน้องถูกจับเขาต้องพาเสี่ยเคี้ยงหนีไปก่อน"ยกมือขึ้นให้หมดตอนนี้ตำรวจได้ล้อมเอาไว้หมดแล้ว"ตำรวจใช้เวลาไม่นานก็จับคนงานและของกลางได้ทั้งหมดแต่หัวหน้าใหญ่อย่างเสี่ยเคี้ยงไม่มีใครจับได้และคำซักทอดจากผู้ต้องหาก็สาวไม่ถึงตัวการใหญ่ด้วยเพราะไม่มีใครปริปากพูดแม้แต่คนเดียวบ้านเสี่ยเคี้ยง"มันเป็นแบบนี้ได้ไงสารวัตร"เมื่อเสี่ยเคี้ยงกลับมาถึงบ้านเขาก็รีบให้อาคมตามสาร