หลายวันต่อมา
หลังจากที่แต่งงานกันเรียบร้อยแล้วหิรัญกับพราวพิไลก็กลับมาอยู่ที่ไร่กันเช่นเดิมส่วนธรัฐก็ย้ายเข้าไปอยู่บ้านใหม่ที่ซื้อเอาไว้ก่อนที่จะแต่งงานได้ไม่เท่าไรเขายังไม่ได้เข้าไปทำงานเพราะอยากให้ร่างกายพร้อมมากที่สุดเสียก่อนที่เขาตัดสินใจซื้อบ้านราคาเหยียบร้อยล้านก็เพราะเตรียมพร้อมสำหรับวันหน้าที่จะมีเจ้าตัวน้อยมาวิ่งเล่นรอบๆบ้านนั่นเองและคงไม่ใช่แค่คนเดียวสิ่งที่เขาหวังไว้ในใจตอนนี้หากจะให้บ้านหลังใหญ่ไม่เหงาเขาขอมีลูกอีกสักสองสามคนกำลังดี
"แพรว.."
"คะ.."
"เราไปที่ไร่กันไหม"
"ไปสิคะ..แพรวอยากจะขอคุณไปอยู่พอดีเลย"
"งั้นพรุ่งนี้เราไปกันเลยดีไหม"
"ค่ะ..."
"ใจจริงตอนคุณท้องอยู่แบบนี้ผมอยากให้คุณไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นเหมือนกันนะเพราะที่นั่นทั้งอากาศแล้วก็สภาพอวดล้อมดีมากๆเลย"
"คุณจะให้แพรวไปไหมล่ะคะ"
หญิงสาวยิ้มอ่อนหันหน้าถามคนเป็นสามี
"ทำใจยาก...อืม...ไม่ให้ไปดีกว่าเพราะผมคงทนคิดถึงคุณไม่ไหว"
ธรัฐบุ้ยปากเล็กน้อยคิดไปคิดมาให้เธออยู่ที่นี่กับเขาจะดีกว่าหากอยู่แต่บ้านคงจะไม่มีมลพิษอะไรมากมายทั้งเครื่องกรองอากาศก็ติดเต็มบ้าน
"ปากหวานจังเลยนะคะ...หวานแบบนี้กับใครบ้างคะเนี่ย"
แพรวพิลาสเอ่ยปากหยอกสามีของเธอเล็กน้อย
"มีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้วก็ต้องหวานกับเมียแค่คนเดียวสิครับ"
ธรัฐโอบกอดร่างบางเบาๆทั้งเขี้ยวทั้งเล็บเขาถอดไปหมดแล้วตั้งแต่รู้ตัวว่าอยากได้เธอมาเป็นคู่ชีวิต
ไร่ศังกร
20.00 น.
"คืนนี้อากาศดีจังเลยนะคะ"
พราวพิไลและหิรัญออกมานั่งรับลมกันข้างนอกระเบียงบ้านเพราะวันนี้ฟ้าเปิดอากาศดี
"อืมใกล้จะเข้าหน้าหนาวแล้วอากาศก็จะดีแบบนี้แหละ"
"พี่รัญคะที่ตรงข้างหอศังกรพราวขอโละต้นไม้ออกสักสองสามต้นได้ไหมคะ"
"ได้อยู่แล้วพี่ก็ว่าจะตัดออกเหมืิอนกันอยากให้ทัศนียภาพมันโล่งๆเอาออกสักต้นสองต้นไม่เป็นไรหรอกเพราะสวนป่าตรงนั้นมีตั้งหลายสิบไร่...ว่าแต่พราวจะทำอะไรเหรอ"
"พราวอยากทำเป็นสวนดอกไม้แปลงเล็กๆค่ะเวลานั่งอ่านหนังสือที่นั่นมองออกไปจะได้มีสีสันสบายตา"
"ได้สิแล้วพี่จะบอกลุงครามจัดการให้เร็วที่สุดนะ"
"ขอบคุณค่ะ"
"หรือจะโละให้กว้างไปเลยดีเพราะต่อไปเรามีลูกจะได้วิ่งเล่นด้วย"
หิรัญกำลังคิดอยู่ว่าจะเอาแบบไหนดี
"เอาแค่ทำสวนดอกไม้ก่อนนะคะตอนมีลูกค่อยว่ากันอีกที"
พราวพิไลเห็นว่าทำไปทีละอย่างจะดีกว่าเพราะเธอกลัวว่าหากชายหนุ่มทำไปแล้วจะตั้งหน้าตั้งตารอลูกอย่างเดียวซึ่งเธอก็ไม่รู้ได้ว่าลูกจะมาเมื่อไร
สองวันต่อมา
หอศังกร
"ที่นี่ร่มรื่นสดชื่นดีจังเลยนะพี่ชักจะชอบที่นี่ซะแล้วสิ"
แพรวพิลาสกับธรัฐมาถึงที่ไร่ตั้งแต่เมื่อวานพอมาวันนี้หญิงสาวได้มาเห็นหอศังกรก็รู้สึกชอบขึ้นมาทันทีเพราะเป็นที่ที่น่าอยู่มากๆห้อมล้อมไปด้วยธรรมชาติเป็นที่ผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี
"ใช่ค่ะพราวเห็นครั้งแรกพราวก็ชอบเลยเหมือนกัน"
"หนังสือเยอะแบบนี้ถ้าน้องพี่ไม่ชอบก็คงจะแปลกแล้วล่ะ"
"ขออนุญาติพาคุณภรรยาผมไปเดินเล่นก่อนนะครับคุณพราว"
ธรัฐเห็นสองพี่น้องคุยกันนานแล้วเขาจึงขอตัวพาภรรยาตัวน้อยของเขาไปเดินเล่นสองต่อสองเสียหน่อย
"เชิญเลยค่ะ"
"พราว"
"คะ.."
หญิงสาวรับหนังสือเล่มเก่ามาจากมือหิรัญเธอไม่เคยเห็นเล่มนี้มาก่อนไม่รู้ว่าสามีเธอไปเอามาจากไหน
"พี่พึ่งเห็นหนังสืิอเล่มนึงมันวางนอนอยู่ชั้นบนสุดเล่มเดียวนามปากกาปลายฟ้าเหมือนของคุณยายเพื่อนพราวเลย"
"จริงด้วยค่ะแต่เล่มมันค่อนข้างเก่าแล้วเหมือนจะอยู่ที่นี่มานานแล้วด้วย...สวาทรักรามสูร...อืม..พราวไม่เคยอ่านเรื่องนี้เลยนะคะไม่รู้ว่ามีอยู่ด้วย"
"ลองถามปอแก้วดูสิว่าใช่ของคุณยายเธอหรือเปล่า"
"ได้ค่ะแต่พี่รัญอย่าพึ่งเอาไปเก็บนะคะเดี๋ยวพราวจะลองอ่านดูก่อน"
"โอเค..ไปเตรียมอาหารใส่จานกันก่อนเถอะเดี๋ยวธรัฐกับคุณแพรวกลับมาจะได้ทานอาหารเที่ยงเลย"
"ค่ะ"
ครู่ต่อมา
"กลับมากันแล้วค่ะ"
พราวพิไลพึ่งจะจัดโต๊ะอาหารกลางวันเสร็จธรัฐกับพี่สาวเธอก็กลับมาพอดีแต่ภาพที่น่าอมยิ้มสำหรับพราวพิไลและหิรัญก็คือเห็นธรัฐอุ้มแพรวพิลาสขึ้นมานี่แหละ
"นี่น้องฉันเป็นคนโรแมนติกตั้งแต่เมื่อไร"
หิรัญเอ่ยหยอกน้องชายตัวเองเบาๆ
"ก็ตั้งแต่มีเมียคนนี้แหละครับ"
"หืม..."
แพรวพิลาสที่พึ่งถูกวางลงบนเก้าอี้ก็เขินจนปั้นหน้าไม่ถูก
"ท่าทางอาหารกลางวันวันนี้จะมีแต่ของหวานซะแล้วมั้งคะ"
พราวพิไลว่าจะไม่พูดอะไรก็อดไม่ได้จริงๆ
"เราก็แซวเก่งมาทานข้าวกันดีกว่าหิวแล้ว"
แพรวพิไลส่ายหัวเล็กน้อย
9 เดือนต่อมา
วันเวลาผ่านไปจนตอนนี้แพรวพิลาสได้คลอดลูกชายของเธอออกมาได้สองเดือนแล้วหน้าตาน่ารักน่าชังจ้ำม่ำจนคนเป็นพ่อกับแม่รามไปถึงคนในครอบครัวหลงกันหัวปลักหัวปำ
"หลานน้า..จ้ำม่ำที่สุดเลยครับ"
พราวพิไลมาเยี่ยมพี่สาวของเธอกับหลานเพราะทนคิดถึงไม่ไหวจนแทบจะมากรุงเทพอาทิตย์ละครั้งเลยทีเดียว
"แอ้ๆ..."
เด็กชายเขตแดนตัวอ้วนกลมส่งเสียงโต้ตอบคนเป็นน้าไม่ยอมหยุด
"หมั่นเขี้ยวจริงๆเลย.."
พราวพิไลเล่นกับหลานไปฟัดหลานไปด้วยความเอ็นดู
"เราล่ะแพ้ท้องบ้างรึเปล่าพราว"
แพรวพิลาสถามน้องสาวของเธอด้วยความเป็นห่วงเพราะรู้ว่สพึ่งเริ่มตั้งครรภ์อ่อนๆ
"ไม่ค่ะพี่แพรวตอนนี้พราวทานได้ทุกอย่างเลย"
"ดีแล้วล่ะ"
RrrrrrRrrrrr
"ค่ะคุณรัฐ...ได้ค่ะ"
แพรวพิลาสรับสายจากสามีของเธอเป็นรอบที่วามของวันเพื่อที่จะให้คอลคุยกับลูก
"น้องแดนครับ...คิดถึงพ่อหรือเปล่าลูก...พ่อคิดถึงหนูที่สุดเลยนะครับเจ้าก้อนของพ่ออยากไปฟัดแย่แล้ว"
"แอ้ๆๆ.."
เด็กชายเห็นคนเป็นพ่อในจอก็ดิ้นดุกดิ้กๆเหมือนรู้ว่ามีคนกำลังคิดถึงมากๆอยู่
"น้องแดนกินนมหรือยังครับ...ตอนเย็นเดี๋ยวคุณพ่อแวะซื้อของเล่นให้น้าา..."
"พอแล้วมั้งคะคุณรัฐนี่ลูกพึ่งจะสองเดือนยังเล่นอะไรไม่ได้เลยค่ะ"
แพรวพิลาสจำต้องยกมือถือมาดูแล้วบ่นกลับไปที่ธรัฐเพราะตอนนี้ลูกยังเล่นไม่ได้แค่ของที่มีก็น่าจะเล่นไม่ครบชิ้นแล้ว
"โอเคๆผมไม่ซื้อก็ได้เดี๋ยวผมขอตัวปนะชุมก่อนนะประชุมเสร็จแล้วเดี๋ยวจะโทรไปใหม่"
"ค่ะ"
"นี่คุณรัฐเค้าจะโทรหาลูกวันละกี่รอบคะเนี่ย"
"วันนึงก็สามสี่รอบนั่นแหละ"
"ทั้งที่ก็เจอดันทุกวันเนี่ยนะคะ"
"จะไม่รับก็ไม่ได้เดี๋ยวก็ทิ้งงานรีบกลับบ้านอีก"
"หนักนะคะเนี่ย"
เย็นของวัน
"หลานลุงนี่ขี้คุยจังเลยครับ"
ดูคนที่เห่อเด็กชายตัวกลมจะไม่ใช่แค่คนเป็นพ่อเท่านั้นแต่ลุงอย่างหิรัญก็เป็นไปกับเขาด้วย
"อูม..แอ้ๆๆ..อืมมมม"
"อืม..ครับลุงเข้าใจน้องแดนอยากเดินเที่ยวใช่ไหมครับ"
"แอ้.."
"พี่รัญคะพอแล้วมั้งคะเดินกี่รอบแล้วเนี่ยเดี๋ยวหลานก็ติดมือไม่ยอมให้วางกันพอดี"
"น้องแดนครับ.."
ฟอด..ฟอดดดดดดดด
ธรัฐเข้าบ้านมาก็รีบล้างไม้ล้างมือมาอุ้มลูกของเขาหอมซ้ายหอมขวาทันทีด้วยความคิดถึง
"คิดถึงที่สุดในโลกเลย"
"กลับบ้านตรงเวลาจังเลยนะ"
หิรัญอดที่จะเย้าแหย่น้องชายเขาไม่ได้เพราะนี่พึ่งจะเลยเวลาเลิกงานมาไม่เท่าไรเลย
"หัวหน้าครอบครัวก็ต้องกลับตรงเวลาอยู่แล้วครับ"
หิรัญมองคนเป็นน้องชายอย่างภูมิใจที่วันนี้เขาได้เห็นน้องชายเขาเป็นอีกคนที่ไม่ใช่เพลบอยคนเก่าแต่เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ทำหน้าที่ไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่นิดเดียว
"เดินทางไกลแบบนี้คงจะเหนื่อยน่าดูเดี๋ยวพี่นวดเท้าให้นะ"
หลังจากที่พราวพิไลและหิรัญเดินทางกลับมาถึงไร่ชายหนุ่มก็ให้หญิงสาวได้พักผ่อนทันทีเพราะรู้ว่าคนท้องจะเหนื่อยง่าย
"ขอบคุณค่พี่รัญ.."
หญิงสาวนั่งมองคนทีากำลังนั่งนวดเท้าให้เธอด้วยสายตาภูมิใจเธอไม่รู้ว่าคำว่าสามีที่ดีต้องขนาดไหนแต่ที่สามีเธอเป็นอยู่เธอรู้สึกว่าเขาดีกับเธอมากๆแล้ว
"พี่จะดูแลพราวกับลูกอย่างดีทุกอย่างจะเสมอต้นเสมอปลายแบบนี้ตลอดไปนะพราว"
"พราวเชื่อพี่รัญค่ะว่าพี่รัญเป็นคนพูดจริงทำจริงแล้วพราวก็รู้สึกว่าพราวโชคดีมากกกกที่ได้สามีดีอย่างพี่รัญค่ะ"
พราวพิไลพูดไปยิ่มน้อยยิ้มใหญ่ไปอย่างภูมิใจ
ปีต่อมา
"ไงครับพี่แบบนี้สมใจไหมครับ"
ธรัฐมาเยี่ยมคนเป็นพี่ที่ไร่เพราะเห็นว่าเลี้ยงลูกจนซูบผอมลงไปมาก
"อืม..สมใจน่ะสมใจแต่ตอนนี้อดนอนแทบทุกคืนเลย"
หิรัญมองไปยังลูกชายฝาแฝดวัยสามเดือนของเขาที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่ในเปล
"5555..อย่างนี้แหละครับทนเอาหน่อยนะเดี๋ยวตาหนูทั้งสองโตขึ้นหน่อยก็เลิกคื่นบ่อยเองผมผ่านมาแล้ว"
"ดูคุณรัญโทรมมากเลยนะพราว"
ทางด้านแพรวพิลาสที่กำลังนั่งคุยอยู่กับคนเป็นน้องสาวก็อดจะพูดถึงหิรัญไม่ได้ว่าเขาดูโทรมลงไปมาก
"พี่รัญชอบตื่นมานั่งเฝ้าพราวให้นมลูกอยู่เรื่อยทั้งที่พราวบอกแล้วว่าไม่ต้องเค้าก็ไม่ยอมดูซิกลางวันต้องทำงานกลางคืนต้องเลี้ยงลูกผอมหมดแล้ว"
"คงจะเห่อน่ะ..คุณรัฐแรกๆก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน..แล้วนั่นหนูมินใช่ไหม"
แพรวพิลาสอมยิ่มเบาๆพรางมองไปที่เด็กหญิงวัยเกือบสองขวบรุ่นราวคราวเดียวดับลูกชายเธอ
"ใช่ค่ะพี่แพรวน่าสงสารแกนะคะพ่อก็อยู่ในคุกแม่ก็หนีพี่รัญเลยรับเลี้ยงเองค่ะ"
พราวพิลาสมองไปทางเด็กหญิงที่อยู่กับคนเป็นยายด้วยแววตาสงสาร
"ดีแล้วล่ะ...เด็กเป็นผ้าขาวถ้าได้อยู่ในสภาพแวดล้อมกับผู้คนที่ดีเค้าก็จะดีเอง"
"หนูมินแกก็น่ารักนะคะเลี้ยงง่ายมากไม่ค่อยเจ็บค่อยป่วยคนในไร่ก็เอ็นดูกันทุกคนเลย"
"นี่มาลีจะไม่คิดถึงลูกบ้างหรือไงน่ารักขนาดนี้"
"พราวก็เดาใจมาลีไม่ออกเหมือนกันค่ะ"
พราวพิไลไม่รู้เลยว่าวันที่มาลีทิ้งลูกไปนั่นคิดอะไรอยู่ทั้งที่อุ้มท้องมาตั้งเก้าเดือนแถมลูกออกมายังน่าตาน่ารักน่าชังอีก
20.00
"ลูกๆหลับกันหมดแล้วพี่รัญก็พักเถอะค่ะนอนน้อยมาหลายคืนแล้ว"
พราวพิไลเรียกคนเป็นสามีมานอนเพราะเขามัวแต่จ้องลูกชายที้งสองที่อยู่ในเปลอย่างไม่ละสายตาทั้งมือยังเตรียมจัดของใช้ให้เป็นระเบียบอีกด้วยเธอไม่รู้ว่าเขาจะขยันไปถึงไหนกัน
"พี่ขอเตรียมของใช้ให้พราวเรียบร้อยก่อนนะ"
หิรัญใช้เวลาไม่นานก็เตรียมผ้าขวดน้ำขวดนมไว้เป็นระเบียบเรียบร้อยแล้วจึงล้มตัวนอนลงได้อย่างสบายใจ
"เหนื่อยมากไหมคะ"
พราวพิไลเขยิบตัวนั่งพิงหัวเตียงแล้วลูบผมชายหนุ่มเบาๆ
"ไม่เลยพี่ทำได้"
"ถ้าลูกๆโตขึ้นคงจะรักพี่รัญมากๆเลยนะคะ"
"เค้าก็ต้องรักพราวด้วยเหมือนกันนั่นแหละพราวเสียสละอุ้มท้องมานานไหนจะให้นมลูกพี่อยากแบ่งเบาภาระพราวอะไรที่พี่ช่วยได้พี่ก็จะช่วย"
ชายหนุ่มเขยิบหัวขึ้นมานอนบนตักคนเป็นภรรยา
"ขอบคุณนะคะรักพี่รัญที่สุดเลยค่ะ"
"พี่ก็รักพราวที่สุดเหมือนกันครับ"
หิรัญเงยหน้ายิ้มให้คนเป็นภรรยาทั้งกุมมือบางไว้แนบแน่นวิธีบอกรักของเขาไม่ใช่เพียงแค่คำพูดแต่เป็นการกระทำต่างหากและเขาก็เชื่อว่าพราวพิไลนั้นรับรู้ได้
จบแล้วค่า
เรื่องราวต่อไปจะย้อนไปรุ่นปู่ของหิรัญที่เกิดในไร่ศังกรเรื่องสวาทแค้นรามสูรค่ะอย่าลืมติดตามกันนะคะ...
เกริ่น และแล้วเหตุการณ์อันวุ่นวายกับชีวิตของเธอก็ได้เกิดขึ้นเมื่อเธอต้องมาเล่นละครเป็นภรรยาจำเป็นอย่างไม่เต็มใจ...พราวพิไลหญิงสาวอายุ23ปีตัวเล็กร่างบางสูงแค่155หน้าตาจิ้มลิ้มปากนิดจมูกหน่อยดวงตากลมโตขนตางอนยาวราวกับตุ๊กตาผิวขาวอมชมพูผมตรงดกดำยาวหนาถึงกลางหลังเธอเป็นหญิงสาวโลกสวยบุคลิกแอบซนเล็กน้อยเป็นลูกคุณหนูที่ใช้ชีวิตติดดินเพราะรู้ว่าที่บ้านเริ่มมีปัญหาเรื่องเงินค่อนข้างรักความเป็นส่วนตัวชอบอ่านนิยายเป็นชีวิตจิตใจหากเธอแต่งงานกับพวกหนังสือที่เก็บสะสมมาจนเต็มห้องเธอก็คงจะทำไปแล้วเพราะการอ่านหนังสือคือชีวิตของเธอจริงๆเมื่อวันนึงเหตุการณ์อันวุ่นวายกับชีวิตของเธอก็ได้เกิดขึ้นเมื่อเธอต้องมาเล่นละครเป็นภรรยาจำเป็นอย่างไม่เต็มใจในไร่ที่มีชายหนุ่มเจ้าของไร่อกหักและขับรถเกิดอุบัติเหตุจนความจำเสื่อมและเธอก็ต้องมานั่งคอยตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องราวของเธอและเขาไม่เว้นแต่ละวันทั้งยังมีบางครั้งเธอยังต้องพึ่งยานอนหลับแอบใส่ให้ชายหนุ่มกินเพื่อที่จะไม่ต้องมายุ่มย่ามกับเธอในยามค่ำคืนอีกด้วยหิรัญ ชายหนุ่มวัย30ปีสูง185รูปร่างหล่อเหลาหน้าคมจมูกโด่งปากหนาเป็นกระจับเรือนร่างบึกบึนราวกับภาพวาด
ซ่าาาาา"...ทางที่คุณเลือกฉันไม่สามารถทนกับมันได้จริงๆขอโทษนะคะรัญ.."คำพูดของแฟนเก่าของเขาที่พึ่งเลิกรากันไปมันก้องอยู่ในหัวของชายหนุ่มที่กำลังขับรถด้วยความเร็วในขณะที่กำลังเมาสายฝนพรำลงมาพอเห็นผ่านแสงไฟหน้ารถไรๆถนนในเมืองใหญ่ตอนดึกดื่นเที่ยงคืนนี้มันไม่ได้มากมายอะไรจึงทำให้คนที่กำลังเมาเหยียบคันเร่งได้อย่างไม่ต้องผ่อน"หึ่...ผมก็พึ่งจะรู้นะว่าทั้งหมดที่คุณทำดีกับผมก็เพื่อหวังที่จะสบายเท่านั้น"ชายหนุ่มสบถออกมาอย่างเจ็บใจที่พึ่งจะรู้ตัวเมื่อไม่นานว่าแฟนสาวที่เขาวาดวิมานว่าจะใช้ชีวิตร่วมกันเธอรักเพียงแค่เงินทองของเขาทั้งนั้นในเมื่อเขาเลือกที่จะทิ้งความสุขสบายมาอยู่ที่ไร่เธอจึงให้เหตุผลว่าเธอไม่อยากลำบากที่ทนคบเขาเพราะคิดว่าเขาจะได้นั่งตำแหน่งนายธนาคารใหญ่เท่านั้นปรี๊นนนเอี๊ยดดดดปั้งงงงงไม่นานรถของเขาก็เสียหลักชนกับไหล่ทางจนรถกระเด็นกระดอนแหลกเป็นเสี่ยงๆดีที่ช่วงเวลานี้รถที่สัญจรไปมาไม่เยอะนักรถคันอื่นจึงหักหลบกันได้2 เดือนต่อมาบ้านวัฒนคีริน"ฉันกลับก่อนนะแม่พิศยังไงก็ลองทาบทามลูกๆเราให้ฉันหน่อยแล้วกันถือว่าช่วยฉันเอาบุญเถอะนะ"หทัยรัตน์ภรรยานายธนาคารใหญ่วัยกลางคนที่มาขอร้องเพื่
"คุณ!!"แพรวพิลาสหันมาหาหญิงสาวที่สาดน้ำใส่เธอก็จำได้ทันทีว่าเธอคือนาถลดาภรรยาของอติรุจที่บุกไปถึงสิงคโปร์เพื่ออาละวาดเธอวันนั้นเสียงด่าทอของนาถลดาทำเอาแพรวพิลาสตัวสั่นเล็กน้อยเธอไม่ได้ผิดตามที่หญิงสาวกล่าวหาก็จริงแต่เธออายคนในนี้อย่างมากจนแทบจะร้องให้"เอาผัวฉันไปกกไว้ไหนบอกมาเดี๋ยวนี้นะ"นาถลดารีบเข้ามาบีบไหล่แพรวพิลาสอย่างโมโหเพราะตอนนี้สามีของเธอหายไปตั้งแต่เธอไปอาละวาดวันนั้น"ฉันไม่ได้ติดต่อกับสามีคุณแล้วนะคะแล้วฉันก็ไม่รู้ว่าเค้าอยู่ไหนด้วย"แพรวพิลาสตอบด้วยน้ำตา"โกหก...อีหน้าด้านเอาผัวฉันคืนมานะ.."เมื่อได้ยินคำตอบดังนั้นนาถลดาจึงโมโหและโวยวายดังกว่าเดิมจนพราวพิไลใช้แรงทั้งหมดกระชากนาถลดาลงไปกองกับพื้น"นี่หยุดเดี๋ยวนี้นะไปตามหาผัวเธอที่อื่นที่นี่ไม่มีผัวเธอแล้วก็กรุณาคุมผัวตัวเองให้อยู่อย่าให้มายุ่งกับพี่สาวฉัน"พราวพิไลตะคอกใส่นาถลดาอย่างโมโห"หื้มม.."นาถลดาลุกจากพื้นเงื้อมมือหมายจะฟาดไปที่หน้าของพราวพิไลแต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะพราวพิไลตั้งท่าสู้อย่างไม่มีท่าทีจะยอม"เข้ามาสิ..ต่อยปากแตกแน่ไปค่ะพี่แพรว"เมื่อเห็นอีกฝ่ายเริ่มไม่กล้าพราวพิไลจึงรีบพาพี่สาวของเธอออกไปจากที่นี่ท
"ใช่จะก็หนูพราวลูกของน้าพิศไง"หทัยรัตน์บอกลูกชายของเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย"ผมจำได้ว่าผมไม่เคยเจอเธอนะครับแล้วเธอมาเป็นภรรยาของผมตอนไหน"หิรัญยังคงตั้งคำถามกับคนเป็นแม่ด้วยท่าทีตนกเล็กน้อย"ก็ก่อนเราเกิดอุบัติเหตุได้ไม่นานหรอกจะ""คุณแม่อำผมเล่นหรือเปล่าครับถ้าเธอเป็นภรรยาผมจริงตอนที่ผมพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลเธอทำไมไม่มาดูแลผมบ้างเลยล่ะครับ""เอ่อ...ก็...จริงๆแล้วน้องก็ไม่ใช่ไม่ห่วงเรานะตารัญแต่น้องรักเรามากจนทนเห็นเราป่วยอยู่ในโรงพยาบาลไม่ได้น่ะช่วงที่เรายังไม่ฟื้นน้องก็มานะแต่เห็นเราทีไรก็เป็นลมไปทุกทีเลยแม่ก็เลยไม่ให้เธอมาจะดีกว่าแล้วพอเราหายดีค่อยมาเจอกันทีเดียว"หทัยรัตน์ตอบลูกชายของเธออย่างรื่นไหลหากลูกชายเธอไม่เชื่อเธอแล้วจะเชื่อใคร"งั้นเหรอครับ"หิรัญขมวดคิ้วเป็นปมแน่นอยู่ครู่หนึ่งจึงหันมามองหน้าแม่ของเขาอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้คิดจะถามคำถามอะไรอีกต่อไปขอรอดูหน้าคนที่แม่เขาบอกว่ามาเป็นภรรยาของเขาก่อนก็แล้วกันวันต่อมา"แม่พวงที่เค้าว่ากันว่าภรรยาคุณรัญกำลังจะมานี่จริงเหรอะวะ"บัวตองเป็นแม่ครัวอยู่ในเรือนศังกรถามพวงที่เป็นแม่ครัวที่เดียวกับเธอด้วยความสงสัยเพราะไม่เคยได้ยินว่าเจ้าน
"โอเคนะจ๊ะ"หทัยรัตน์มองหน้าพราวพิไลอย่างเป็นกังวลเล็กๆหวังว่าหญิงสาวจะไม่เปลี่ยนใจตอนนี้หรอกนะ"ค่ะ..พร้อมค่ะ""ตามแม่มาเลยจะ"เมื่อพราวพิไลพยักหน้าหทัยรัตน์จึงโล่งอกและเดินนำหน้าหญิงสาวมาด้านใน"น้องมาแล้วนะรัญ""......"หิรัญหันหน้ามามองหญิงสาวร่างเล็กผมยาวสวยหน้าจิ้มลิ้มสะกดสายตาเขามองเธอด้วยอาการแน่นิ่งจนคนรอบข้างดูไม่ออกว่าเขานั้นคิดอะไรอยู่"พี่รัญ...พราวคิดถึงพี่มากๆเลยค่ะ...พราวดีใจมากเลยนะคะที่พี่รัญดีขึ้นมากๆแล้ว""เอ่อ.."พราวพิไลมองชายหนุ่มที่หล่อเหลานึกว่าหลุดออกมาจากปกนิตยสารทั้งรีบฉีกยิ้มกว้างรวบรวมความกล้ารีบวิ่งโล่เข้ามาโผกอดคนที่นั่งอยู่ที่โซฟาแน่นทั้งยังซุกอกแกร่งจนคนตัวโตที่ตั้งตัวไม่ถูกนั่งตัวแข็งทื่อ"ท่าคุณพราวจะคิดถึงคุณหนูมากเลยนะคะ"อุ่นเรือนยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่"ค่ะ..นม.."พราวพิไลพยักหน้าให้อุ่นเรือนพรางขยิบตารู้กัน"อืม...แม่ครับผมอยากจะเข้าห้องพักผ่อนแล้ว"หิรัญหันไปบอกคนเป็นแม่ทั้งยังรีบยกมือประคองโอบร่างเล็กที่เอาแต่กอดเขาอยู่ไว้เบาๆ"อ๋อ..จะ..งั้นเดี๋ยวแม่พาไปนะ""ก็ภรรยาผมมาแล้วนี่ครับให้เธอดูแลผมก็ได้อีกอย่างผมเองก็อยากคุยกับเธออยู่หลายเรื่องเลย"หิร
"ตารัฐก็แบบนี้ล่ะครับทำอะไรรีบๆร้อนๆผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ตารัฐเหมือนจะเสียมารยาท"อนุชิตพอจะดูอาการของลูกชายของเขาออกจึงต้องเอ่ยปากขอโทษคนทั้งสอง"ไม่เป็นไรค่ะคุณรัฐน่าจะยุ่งๆจริงแหละค่ะ"พิศมัยคิดในแง่ดรเอาไว้ก่อนเพราะเธอไม่อยากทำให้ลูกสาวของเธอเสียขวัญก่อนจะเริ่มงาน"แล้วหนูแพรวพร้อมที่จะทำงานที่นี่เมื่อไร""แพรวพร้อมเริ่มงานทันทีค่ะ""งั้นเป็นพรุ่งนี้ก็แล้วกันนะเดี๋ยวลุงจะให้ศจีเลขาลุงสอนงานเราสักสามวันก่อน""ค่ะคุณลุง"เมื่อตกลงกันได้ทั้งสามก็อยู่คุยกันไม่นานพิศมัยจึงพาแพรวพิลาสกลับเย็นของวันไร่ศังกร"อืม..."พราวพิไลตื่นขึ้นมาในช่วงเย็นแต่เธอไม่เห็นหิรัญจึงรีบลุกจากเตียงเปิดประตูออกมาข้างนอก"คุณแม่คะพี่รัญล่ะคะ"หญิงดาวเดินมาหาหทัยรัตน์ที่นั่งดูทีวีอยู่ตรงโซนนั่งเล่น"ออกไปเดินหน้าบ้านน่ะฝนพึ่งหยุดตกอากาศกำลังดี""อ๋อ..ค่ะ..""พรุ่งนี้แม่จะกลับแล้วนะหนูพราว""ทำไมเร็วจังล่ะคะ"พราวพิไลถึงกับใจหายวาบเธอคิดว่าหทัยรัตน์จะอยู่ที่นี่กับเธอและหิรัญเสียอีก"แม่มีธุระหลายอย่างที่ต้องทำทางนี้แม่ก็ฝากพี่เค้าด้วยนะ"หทัยรัตน์ถือโอกาสนี้ฝากฝังให้พราวพิไลดูแลลูกชายของเธอเสียเลยเพราะเ
วันต่อมาหิรัญขับรถกระบะพาพราวพิไลไล่ชมรอบๆตั้งแต่เช้าจนมาหยุดอยู่ที่หนึ่งซึ่งเหล่าคนงานกำลังจับกลุ่มกันง่วนด้วยใบหน้าเคร่งเครียดเหมือนกำลังมีปัญหากันอยู่หนึ่งในนั้นคือลุงครามผู้จัดการไร่ร่วมด้วย"ดูอะไรกันเหรอครับหน้าเคร่งเครียดเชียว"พราวพิไลและหิรัญลงจากรถมาดูเหล่าคนงานทั้งถามถึงเหตุที่ต้องมารวมกันตรงนี้ด้วยท่าทีเป็นกังวล"นายครับผมว่าจะเข้าไปหาอยู่พอดีเลยครับ"ลุงครามพอเห็นคนเป็นเจ้านายมาที่นี่พอดีจึงรีบเดินมาต้อนรับ"มีอะไรครับ""ก็แปลงผักเราสิครับทางโน้นที่ติดตีนเขาพอฝนตกหนักเข้าน้ำก็หลากจากเขาจนผักเสียหายเยอะเลย"ลุงครามชี้ไปทางแปลงผักที่อยู่ใกล้ๆกับตีนเขา"ปกติไม่เป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอครับ"หิรัญขมวดคิ้วเป็นปมแน่นพราวพิไลเองก็ยืนฟังด้วยสีหน้ากังวลถึงปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นที่ไร่หิรัญเองก็เห็นว่าปกติแล้วถึงฝนจะตกแรงแค่ไหนน้ำในป่าก็ไม่น่าจะหลากลงมาแรงขนาดทำให้แปลงผักเสียหายได้"ครับ..เห็นคนงานในไร่ที่ไปหาของป่าบอกว่ามีกลุ่มคนเข้าไปลักลอบตัดไม้ข้างในจนเป็นเวิ้งกว้าง"ลุงครามพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เบาลงเหมือนแค่อยากให้เรื่องนี้รู้แค่วงแคบๆเท่านั้น"ถ้ามีเรื่องแบบนี้แล้วทำไมไม่มีใครแจ
"นี่หยุดเดี๋ยวนี้นะ...ออกไปจากที่ของผมเดี๋ยวนี้"ธรัฐถอดเสื้อสูทของเขาออกคลุมร่างแพรวพิลาสเอาไว้และรีบไล่คนนอกทั้งสองออกไปทันทีเขาจำได้ว่าผู้หญิงคนที่ทำร้ายแพรวพิลาสคือคนที่มาอาละวาดหญิงสาวที่ร้านอาหารในวันนั้นและถ้าเดาไม่ผิดผู้ชายที่ยืนดูผู้หญิงตบตีกันหน้าตาเฉยคงจะเป็นตัวต้นเหตุเป็นแน่"ไปแน่...แล้วคุณเป็นเจ้าของที่นี่ใช่ไหม...บอกอีนี่ด้วยว่าอย่ามานัดผัวชาวบ้านมาพลอดรักแบบนี้อีก"นาถลดาตะคอกใส่ธรัฐและแพรวพิลาสก่อนจะดึงสามีของเธอให้รีบเดินออกไป"ฉันไม่ได้นัดนะคะ...ส่วนคุณก็เลิกยุ่งกับฉันซะที"แพรวพิลาสหลบอยู่ในอ้อมอกของธรัฐตอนนี้เธอตัวสั่นเป็นลูกนกพร้อมเค้นเสียงบอกนาถลดาด้วยเสียงสั่นเครือและอติรุจก็เช่นกันเธออยากพูดครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายว่าให้เขาเลิกยุ่งกับเธอซะที"แพรว..""นี่หยุดนะคุณรุจ"นาถลดากระชากคนเป็นสามีออกไปจากห้องอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นอติรุจทำท่าทีอาลัยอาวรแพรวพิลาสอยู่"เตือนไว้ก่อนอย่าให้ถึงวันที่ฉันหมดความอดทนแล้วแกจะไม่ได้มาเดินลอยหน้าลอยตาแบบนี้หรอก"ก่อนจะปิดประตูนาถลดายังมิวายส่งเสียงขู่แพรวพิลาสอีกครั้ง"ฮึก..อือ..ฮือ....ขอบคุณนะคะ"เมื่อทั้งสองออกไปแล้วแพรวพิลาสก