ไร่ศังกร
20.00 น.
"พี่รัญคะเดี๋ยวเค้กขอไปหาพี่โจเลยนะคะ"
คีรินธิดาขอติดรถมากับหิรัญและพราวพิไลเพื่อที่จะมาหาจักรภพเมื่อมาถึงก็เอ่ยปากอยากจะขอไปหาจักรภพในทันที
"ดึกแล้วนะเค้กอยู่ที่นี่ก่อนไปบ้านผู้ชายมืดๆค่ำๆมันดูไม่ดี"
หิรัญต้องห้ามหญิงสาวเอาไว้ก่อนเพราะหากพ่อหญิงสาวรู้ว่าเขาดูแลน้องไม่ได้เขาจะถูกตำหนิเอา
"ฮืม...แต่เค้กคิดถึงพี่โจนี่คะ"
"ถ้าคุณอาคินรู้จะตำหนิพี่เอานะ"
"ก็ได้ค่ะ"
"นั่นห้องเค้กพี่ให้คนจัดการเตรียมเอาไว้แล้ว"
"ค่ะ"
คีรินธิดาเดินเข้าห้องไปด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
"ดูท่าน้องเค้กจะคิดถึงหมอโจมากเลยนะคะ"
พราวพิไลยิ้มอ่อน
"อืม...แต่หมอโจน่ะสิไม่รู้ว่าจะปวดหัวเพิ่มขึ้นรึเปล่า"
"ทำไมล่ะคะคู่หมั้นมาหาทั้งทีต้องปวดหัวขนาดนั้นเลยเหรอคะ"
"ก็ตั้งแต่น้องเค้กรู้ว่าพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายให้หมั้นกันเธอก็ตามติดหมอโจแจเลยถึงต้องย้ายมาทำงานที่ไร่นี้ดีที่ว่าตอนนี้ร้องเค้กยังเรียนไม่จบถึงตามมาไม่ได้จะมาได้แค่ช่วงปิดเทอมเท่านั้น"
"พราวอยากเห็นซะแล้วสิคะว่าติดแจนี่มันขนาดไหน"
พราวพิไลสบถขำเล็กน้อย
อาทิตย์ต่อมา
"ค่ะคุณแม่..อะไรนะคะเลื่อนไวขึ้น..โอเคค่ะเดี๋ยวพราวจะรีบบอกพี่รัญนะคะ"
"มีอะไรเหรอ"
หิรัญเห็นพราวพิไลคุยกับคนเป็นแม่แล้วเอ่ยถึงเขาเมื่อหญิงสาววางมือถือลงชายหนุ่มจึงถามด้วยสีหน้าสงสัย
"คือพี่แพรว...ท้องได้สิบสัปดาห์แล้วค่ะคุณแม่เลยโทรมาบอกว่าจะเลื่อนวันแต่งงานของคุณรัฐกับพี่แพรวให้เร็วขึ้นเป็นเดือนหน้าเลย"
"ไอ้น้องคนนี้ทันไวไฟจริงๆเลื่อนเป็นเดือนหน้าแล้วเจ้าบ่าวจะทันแข็งแรงแล้วเหรอ"
"ไม่ไหวก็ต้องไหวแล้วล่ะค่ะเกิดท้องพี่แพรวโตกว่านี้จะดูไม่ดี"
"นั่นสิ...แล้ว...เมื่อไรพราวจะท้องกับเค้าบ้างนี่พี่เหมือนจะตามน้องชายพี่ไม่ทันแล้วนะ"
หิรัญหันไปอมยิ้มให้หญิงสาว
"รักษาแผลให้หายก่อนเถอะค่ะแล้วค่อยว่ากัน"
"แปลว่าแผลหายแล้วปั๊มลูกได้ทันทีเลยใช่ไหม"
"แต่งก่อนค่ะแล้วค่อยว่ากันอีกที"
"แบบนี้งั้นพี่ขอเลื่อนวันแต่งให้เร็วขึ้นเหมือนธรัฐเลยดีกว่า"
หิรัญล้มตัวนอนลงตักของหญิงสาวทั้งทำสีหน้าวาดฝันวันแต่งงานอย่างระรื่น
"พี่รัญนี่ก็..."
วันต่อมา
เรือนศังกร
"นี่ครับคุณพราว"
"ขอบคุณนะคะลุงคราม"
"ครับเรียบร้อยแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ"
"อะไรเหรอพราว"
หิรัญเห็นว่าของที่ส่งมาให้พราวพิไลมันค่อนบ้างใหญ่พอสมควรเขาจึงต้องเดินมาดูในขณะที่หญิงสาวกำลังแกะ
"หนังสือน่ะค่ะปอแก้วส่งมาให้พราว"
"ที่หอศังกรก็มีหนังสือตั้งเยอะพราวยังอ่านไม่พออีกหรือไง"
"มีเยอะก็จริงแต่ไม่เหมือนกันค่ะหนังสือพวกนี้เป็นนามปากกาปลายฟ้าเป็นคุณยายของปอแก้วที่เขียนเอาไว้นานแล้วพึ่งจะทำเป็นรูปเล่มให้ได้อ่านพราวอ่านเรื่องแรกของคุณยายที่ตีพิมพ์ออกมาจากนั้นพราวก็ต้องตามอ่านทุกเล่มเลยค่ะ"
"วันหลังพี่คงต้องยืมอ่านบ้างเสียแล้วสิว่ามันจะสนุกขนาดไหน"
"ส่วนมากเป็นรักโรแมนติกดราม่านิดๆตามประสาผู้หญิงนะคะพี่ีัรัญอ่านแนวนี้เป็นด้วยเหรอ"
"อ้าวพี่ก็อยากลองดูเหมือนกันเผื่อพี่อาจจะติดใจเหมือนพราวก็ได้"
RrrrrrRrrrrrr
"ครับหมอ...ตอนนี้เป็นยังไงบ้างครับเดี๋ยวผมจะรีบไป"
"หมอโจมีอะไรเหรอคะ"
พราวพิไลเห็นหิรัญมีสีหน้าเครียดอย่างเห็นได้ชัด
"ก็เค้กน่ะสิแพ้อะไรก็ไม่รู้ผื่นขึ้นเต็มตัวหายใจไม่ออกจนหมอต้องล้างท้อง"
"งั้นเรารีบไปเถอะค่ะเดี๋ยวพราวขับรถให้เองค่ะ"
ชั่วโมงต่อมา
ห้องพักผู้ป่วยใน
"ดูซิเนี่ยเนื้อตัวแดงไปหมด"
พราวพิไลมองเนื้อตัวของคีรินธิดาก็ต้องส่ายหัวเบาๆ
"คราวหน้าคราวหลังถ้าไม่เคยทานอะไรก็อย่าทานให้มันเยอะขนาดนั้นรู้ไหม.."
จักรภพพูดดุหญิงสาวเสียงแข็ง
"เค้กรู้แล้วค่ะ"
หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงก้มหน้างุด
"เอาน่าหมอน้องไม่รู้...ถ้ารู้ก็คงไม่ทานมันเข้าไปหรอก"
หิรัญตบไหล่จักรภพเบาๆ
"นั่นสิคะตอนนี้น้องเค้กปลอดภัยก็ดีแล้ว...แล้วคืนนี้หมอจะอยู่เฝ้าน้องเค้กไหมคะ"
"เค้ก..นอนที่นี่คนเดียวได้ค่ะพี่พราว"
คีรินธิดารู้ตัวดีว่าเธอสร้างปัญหาให้คนที่นี่เพราะฉะนั้นเธอจะไม่ให้ใคร้ดือดร้อนเฝ้าเธอเด็ดขาด
"เดี๋ยวผมเฝ้าเธอเองครับคุณพราว"
"ไม่เป็นไรค่ะ"
"เค้ก"
จักรภพหันไปทำสีหน้าดุใส่หญิงสาวจนเธอเงียบไป
"งั้นเดี๋ยวผมให้ลุงครามเอาเสื้อผ้ากับของใช้มาให้นะครับหมอ"
เมื่อเห็นว่าน่าจะตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่าจักรภพเป็นคนเฝ้าหิรัญก็จะจัดการเรื่องของใช้ให้ลุงครามเอามาให้
"ขอบคุณครับ"
เรือนศังกร
"ดูท่าหมอโจจะหงุดหงิดน่าดูเลยนะคะนี่ถ้าพราวไม่ติดว่าต้องดูแลพี่รัญพราวจะเฝ้าเองแล้วค่ะ"
พราวพิไลกลับมาถึงเรือนก็พูดเรื่องตักรภพทันที
"ถึงเป็นแบบนั้นพี่ก็ไม่ให้พราวเฝ้าเพราะพี่ดูออกว่าที่หมอโจหงุดหงิดขนาดนั้นเพราะห่วงเค้กมากกว่า.."
"ห่วง...เลยพาลหงุดหงิดเป็นแบบนั้นจริงเหรอคะ"
หญิงสาวขมวดคิ้วเป็นปม
"หงุดหงิดที่ปกป้องคนของตัวเองไม่ได้ไงถ้าเป็นพี่พี่อาจจะเป็นมากกว่าหมอโจก็ได้"
"ไหนพี่รัญบอกว่าหมอโจรำคาญเค้กไงคะ"
"ไอ้รำคาญก็น่าจะจริงเพราะเค้กเป็นคนจู้จี้จุกจิกแต่ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน...คนที่ชีวิตไม่ค่อยมีสีสันอย่างหมอโจเจอคนอย่างเค้กเข้าไปอยู่ใกล้ๆก็พาลรำคาญได้แต่ถ้าขาดไปก็รู้สึกเหงาอยู่ดีถึงแม้ปากจะบอกอยากอยู่อย่างสงบก็เถอะ"
"พี่รัญนี่มองขาดจริงๆเลยนะคะ"
"ไม่งั้นพี่คงไม่เลือกพราวในเวลาอันรวดเร็วหรอกประสบการณ์ที่ทำให้พี่ผิดพลาดมันมีมาเยอะดังนั้นพี่พอจะมองออกว่าคนแบบไหนเป็นยังไง"
"เก่งจังเลยนะคะ"
"แน่นอน"
"แต่ตอนนี้คนเก่งต้องเช็ดตัวก่อนค่ะ..."
พราวพิไลยกกะละมังกับผ้าขาวมาวางที่โต๊ะข้างเตียง
"โอเค...พราวถอดสิ"
หิรัญมองหน้าหญิงสาวด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
"ไม่ถอดเองล่ะคะ..."
"ก็พี่ขี้เกียจยกแขนถอดเสื้อมันพาลเจ็บไปถึงแผล"
"ทีนี้เปลี่ยนจากคนเก่งเป็นสำออยเลยนะคะ"
"ก็เป็นแค่กับเมียเท่านั้นแหละ"
"หืม.."
คำพูดของชายหนุ่มทำเอาคนฟังเขินหน้าแดงจนสังเกตได้ชัด
เดือนต่อมา
"โอเคดีแล้วใช่ไหม"
หิรัญเดินเข้ามาถามธรัฐหลังขบวนแห่ขันหมากไปบ้านเจ้าสาววันนี้เป็นฤกษ์ดีที่ทั้งสองคู่จะแต่งงานพร้อมกันแม้ร่างกายเจ้าบ่าวทั้งสองนั้นยังไม่ได้ดีร้อยเปอร์เซ็น
"ครับพี่..ไปเถอะได้เวลาตั้งขบวนแห่เข้าบ้านเจ้าสาวแล้วนึกไงอยากแต่งพร้อมผมครับไหนบอกจะรอแต่งทีหลังแล้วแต่งที่ไร่ไง"
ธรัฐหันมาถามคนเป็นพี่ด้วยท่าทีสงสัย
"ก็อยากมีลูกแย่แล้ว"
"ใจร้อนเหมือนกันนะครับ"
"เห็นแกมีแล้วพี่ก็อยากมีบ้าง"
สองพี่น้องใส่สูทสีครีมเดินคู่กันด้วยสีหน้ายิ้มแย้มปลื้มปริ่มที่วันนี้จะได้แต่งงานมีครอบครัวกันเสียที
"พี่แพรวดูสิคะเค้าตั้งขบวนกันมาแล้ว"
พราวพิไลเปิดม่านมองผ่านหน้าต่างจากชั้นบนยืนมองขบวนแห่ที่กำลังเดินกันเข้ามาด้วยท่าทีตื่นเต้น
"พี่ตื่นเต้นจังเลยพราว"
แพรวพิลาสที่อยู่ในชุดไทยสีทองอ่อนๆเช่นเดียงกับคนเป็นน้องสาวตอนนี้เธอก็ใจเต้นไม่เป็นจังหวะเหมือนกัน
"พราวก็เหมือนกันค่ะ"
"ดีนะที่คนไม่เยอะไม่งั้นคุณรัญกับคุณรัฐคงจะเหนื่อยแย่"
แพรวพิลาสยิ้มอ่อนอย่างพอใจที่เธอเลือกที่จะแต่งงานเล็กๆเพราะเจ้าบ่าวทั้งสองจะได้ไม่ต้องยืนรับแขกนานๆจะพาลเหนื่อยเอาได้เธอเองก็ด้วยเช่นกัน
"เราคิดถูกแล้วไงคะที่ให้จัดงานเล็กๆเดี๋ยวสื่อก็ประกาศให้คนอื่นรู้เองแหละค่ะ"
"พี่โจคะน่าตื่นเต้นจังเลยนะคะนี่ถ้าเป็นงานแต่งเราเค้กคงตื่นเต้นกว่านี้มากเลย"
"รีบเดินเถอะ"
"ค่ะ"
ทางด้านจักรภพและคีรินธิดามาในนามฝ่ายเจ้าบ่ายหญิงสาวค่อนข้างตื่นเต้นกับงานครั้งนี้เป็นพิเศษและเธอก็จะเก็บรายละเอียดทุกอย่างไว้เผื่อวันงานของตัวเองเธอจะได้ไม่มีอะไรผิดพลาด
พิธีแต่งงานของบ่าวสาวทั้งองคู่ในวันนี้ดำเนินไปอย่างเรียบง่ายแขกเหลื่อที่มาต่างก็เป็นญาติๆและเพื่อนที่สนิทมาร่วมยินดีกับที้งสองคู่วันนี้ทุกคนมีแต่รอยยิ้มและความยินดีที่มอบให้ทั้งสองคู่อย่างจริงใจ
เมื่อพิธีทำบุญตักบาตรช่วงเช้าเสร็จทั้งสองคู่ก็ได้ฤกษ์เข้าหอเมื่อนั้นแขกทั้งหลายก็ทยอยกันกลับปล่อยให้บ่าวสาวได้อยู่เป็นส่วนตัว
หลายวันต่อมาหลังจากที่แต่งงานกันเรียบร้อยแล้วหิรัญกับพราวพิไลก็กลับมาอยู่ที่ไร่กันเช่นเดิมส่วนธรัฐก็ย้ายเข้าไปอยู่บ้านใหม่ที่ซื้อเอาไว้ก่อนที่จะแต่งงานได้ไม่เท่าไรเขายังไม่ได้เข้าไปทำงานเพราะอยากให้ร่างกายพร้อมมากที่สุดเสียก่อนที่เขาตัดสินใจซื้อบ้านราคาเหยียบร้อยล้านก็เพราะเตรียมพร้อมสำหรับวันหน้าที่จะมีเจ้าตัวน้อยมาวิ่งเล่นรอบๆบ้านนั่นเองและคงไม่ใช่แค่คนเดียวสิ่งที่เขาหวังไว้ในใจตอนนี้หากจะให้บ้านหลังใหญ่ไม่เหงาเขาขอมีลูกอีกสักสองสามคนกำลังดี"แพรว..""คะ..""เราไปที่ไร่กันไหม""ไปสิคะ..แพรวอยากจะขอคุณไปอยู่พอดีเลย""งั้นพรุ่งนี้เราไปกันเลยดีไหม""ค่ะ...""ใจจริงตอนคุณท้องอยู่แบบนี้ผมอยากให้คุณไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นเหมือนกันนะเพราะที่นั่นทั้งอากาศแล้วก็สภาพอวดล้อมดีมากๆเลย""คุณจะให้แพรวไปไหมล่ะคะ"หญิงสาวยิ้มอ่อนหันหน้าถามคนเป็นสามี"ทำใจยาก...อืม...ไม่ให้ไปดีกว่าเพราะผมคงทนคิดถึงคุณไม่ไหว"ธรัฐบุ้ยปากเล็กน้อยคิดไปคิดมาให้เธออยู่ที่นี่กับเขาจะดีกว่าหากอยู่แต่บ้านคงจะไม่มีมลพิษอะไรมากมายทั้งเครื่องกรองอากาศก็ติดเต็มบ้าน"ปากหวานจังเลยนะคะ...หวานแบบนี้กับใครบ้างคะเนี่ย"แพรวพิลาสเอ่ยป
เกริ่น และแล้วเหตุการณ์อันวุ่นวายกับชีวิตของเธอก็ได้เกิดขึ้นเมื่อเธอต้องมาเล่นละครเป็นภรรยาจำเป็นอย่างไม่เต็มใจ...พราวพิไลหญิงสาวอายุ23ปีตัวเล็กร่างบางสูงแค่155หน้าตาจิ้มลิ้มปากนิดจมูกหน่อยดวงตากลมโตขนตางอนยาวราวกับตุ๊กตาผิวขาวอมชมพูผมตรงดกดำยาวหนาถึงกลางหลังเธอเป็นหญิงสาวโลกสวยบุคลิกแอบซนเล็กน้อยเป็นลูกคุณหนูที่ใช้ชีวิตติดดินเพราะรู้ว่าที่บ้านเริ่มมีปัญหาเรื่องเงินค่อนข้างรักความเป็นส่วนตัวชอบอ่านนิยายเป็นชีวิตจิตใจหากเธอแต่งงานกับพวกหนังสือที่เก็บสะสมมาจนเต็มห้องเธอก็คงจะทำไปแล้วเพราะการอ่านหนังสือคือชีวิตของเธอจริงๆเมื่อวันนึงเหตุการณ์อันวุ่นวายกับชีวิตของเธอก็ได้เกิดขึ้นเมื่อเธอต้องมาเล่นละครเป็นภรรยาจำเป็นอย่างไม่เต็มใจในไร่ที่มีชายหนุ่มเจ้าของไร่อกหักและขับรถเกิดอุบัติเหตุจนความจำเสื่อมและเธอก็ต้องมานั่งคอยตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องราวของเธอและเขาไม่เว้นแต่ละวันทั้งยังมีบางครั้งเธอยังต้องพึ่งยานอนหลับแอบใส่ให้ชายหนุ่มกินเพื่อที่จะไม่ต้องมายุ่มย่ามกับเธอในยามค่ำคืนอีกด้วยหิรัญ ชายหนุ่มวัย30ปีสูง185รูปร่างหล่อเหลาหน้าคมจมูกโด่งปากหนาเป็นกระจับเรือนร่างบึกบึนราวกับภาพวาด
ซ่าาาาา"...ทางที่คุณเลือกฉันไม่สามารถทนกับมันได้จริงๆขอโทษนะคะรัญ.."คำพูดของแฟนเก่าของเขาที่พึ่งเลิกรากันไปมันก้องอยู่ในหัวของชายหนุ่มที่กำลังขับรถด้วยความเร็วในขณะที่กำลังเมาสายฝนพรำลงมาพอเห็นผ่านแสงไฟหน้ารถไรๆถนนในเมืองใหญ่ตอนดึกดื่นเที่ยงคืนนี้มันไม่ได้มากมายอะไรจึงทำให้คนที่กำลังเมาเหยียบคันเร่งได้อย่างไม่ต้องผ่อน"หึ่...ผมก็พึ่งจะรู้นะว่าทั้งหมดที่คุณทำดีกับผมก็เพื่อหวังที่จะสบายเท่านั้น"ชายหนุ่มสบถออกมาอย่างเจ็บใจที่พึ่งจะรู้ตัวเมื่อไม่นานว่าแฟนสาวที่เขาวาดวิมานว่าจะใช้ชีวิตร่วมกันเธอรักเพียงแค่เงินทองของเขาทั้งนั้นในเมื่อเขาเลือกที่จะทิ้งความสุขสบายมาอยู่ที่ไร่เธอจึงให้เหตุผลว่าเธอไม่อยากลำบากที่ทนคบเขาเพราะคิดว่าเขาจะได้นั่งตำแหน่งนายธนาคารใหญ่เท่านั้นปรี๊นนนเอี๊ยดดดดปั้งงงงงไม่นานรถของเขาก็เสียหลักชนกับไหล่ทางจนรถกระเด็นกระดอนแหลกเป็นเสี่ยงๆดีที่ช่วงเวลานี้รถที่สัญจรไปมาไม่เยอะนักรถคันอื่นจึงหักหลบกันได้2 เดือนต่อมาบ้านวัฒนคีริน"ฉันกลับก่อนนะแม่พิศยังไงก็ลองทาบทามลูกๆเราให้ฉันหน่อยแล้วกันถือว่าช่วยฉันเอาบุญเถอะนะ"หทัยรัตน์ภรรยานายธนาคารใหญ่วัยกลางคนที่มาขอร้องเพื่
"คุณ!!"แพรวพิลาสหันมาหาหญิงสาวที่สาดน้ำใส่เธอก็จำได้ทันทีว่าเธอคือนาถลดาภรรยาของอติรุจที่บุกไปถึงสิงคโปร์เพื่ออาละวาดเธอวันนั้นเสียงด่าทอของนาถลดาทำเอาแพรวพิลาสตัวสั่นเล็กน้อยเธอไม่ได้ผิดตามที่หญิงสาวกล่าวหาก็จริงแต่เธออายคนในนี้อย่างมากจนแทบจะร้องให้"เอาผัวฉันไปกกไว้ไหนบอกมาเดี๋ยวนี้นะ"นาถลดารีบเข้ามาบีบไหล่แพรวพิลาสอย่างโมโหเพราะตอนนี้สามีของเธอหายไปตั้งแต่เธอไปอาละวาดวันนั้น"ฉันไม่ได้ติดต่อกับสามีคุณแล้วนะคะแล้วฉันก็ไม่รู้ว่าเค้าอยู่ไหนด้วย"แพรวพิลาสตอบด้วยน้ำตา"โกหก...อีหน้าด้านเอาผัวฉันคืนมานะ.."เมื่อได้ยินคำตอบดังนั้นนาถลดาจึงโมโหและโวยวายดังกว่าเดิมจนพราวพิไลใช้แรงทั้งหมดกระชากนาถลดาลงไปกองกับพื้น"นี่หยุดเดี๋ยวนี้นะไปตามหาผัวเธอที่อื่นที่นี่ไม่มีผัวเธอแล้วก็กรุณาคุมผัวตัวเองให้อยู่อย่าให้มายุ่งกับพี่สาวฉัน"พราวพิไลตะคอกใส่นาถลดาอย่างโมโห"หื้มม.."นาถลดาลุกจากพื้นเงื้อมมือหมายจะฟาดไปที่หน้าของพราวพิไลแต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะพราวพิไลตั้งท่าสู้อย่างไม่มีท่าทีจะยอม"เข้ามาสิ..ต่อยปากแตกแน่ไปค่ะพี่แพรว"เมื่อเห็นอีกฝ่ายเริ่มไม่กล้าพราวพิไลจึงรีบพาพี่สาวของเธอออกไปจากที่นี่ท
"ใช่จะก็หนูพราวลูกของน้าพิศไง"หทัยรัตน์บอกลูกชายของเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย"ผมจำได้ว่าผมไม่เคยเจอเธอนะครับแล้วเธอมาเป็นภรรยาของผมตอนไหน"หิรัญยังคงตั้งคำถามกับคนเป็นแม่ด้วยท่าทีตนกเล็กน้อย"ก็ก่อนเราเกิดอุบัติเหตุได้ไม่นานหรอกจะ""คุณแม่อำผมเล่นหรือเปล่าครับถ้าเธอเป็นภรรยาผมจริงตอนที่ผมพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลเธอทำไมไม่มาดูแลผมบ้างเลยล่ะครับ""เอ่อ...ก็...จริงๆแล้วน้องก็ไม่ใช่ไม่ห่วงเรานะตารัญแต่น้องรักเรามากจนทนเห็นเราป่วยอยู่ในโรงพยาบาลไม่ได้น่ะช่วงที่เรายังไม่ฟื้นน้องก็มานะแต่เห็นเราทีไรก็เป็นลมไปทุกทีเลยแม่ก็เลยไม่ให้เธอมาจะดีกว่าแล้วพอเราหายดีค่อยมาเจอกันทีเดียว"หทัยรัตน์ตอบลูกชายของเธออย่างรื่นไหลหากลูกชายเธอไม่เชื่อเธอแล้วจะเชื่อใคร"งั้นเหรอครับ"หิรัญขมวดคิ้วเป็นปมแน่นอยู่ครู่หนึ่งจึงหันมามองหน้าแม่ของเขาอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้คิดจะถามคำถามอะไรอีกต่อไปขอรอดูหน้าคนที่แม่เขาบอกว่ามาเป็นภรรยาของเขาก่อนก็แล้วกันวันต่อมา"แม่พวงที่เค้าว่ากันว่าภรรยาคุณรัญกำลังจะมานี่จริงเหรอะวะ"บัวตองเป็นแม่ครัวอยู่ในเรือนศังกรถามพวงที่เป็นแม่ครัวที่เดียวกับเธอด้วยความสงสัยเพราะไม่เคยได้ยินว่าเจ้าน
"โอเคนะจ๊ะ"หทัยรัตน์มองหน้าพราวพิไลอย่างเป็นกังวลเล็กๆหวังว่าหญิงสาวจะไม่เปลี่ยนใจตอนนี้หรอกนะ"ค่ะ..พร้อมค่ะ""ตามแม่มาเลยจะ"เมื่อพราวพิไลพยักหน้าหทัยรัตน์จึงโล่งอกและเดินนำหน้าหญิงสาวมาด้านใน"น้องมาแล้วนะรัญ""......"หิรัญหันหน้ามามองหญิงสาวร่างเล็กผมยาวสวยหน้าจิ้มลิ้มสะกดสายตาเขามองเธอด้วยอาการแน่นิ่งจนคนรอบข้างดูไม่ออกว่าเขานั้นคิดอะไรอยู่"พี่รัญ...พราวคิดถึงพี่มากๆเลยค่ะ...พราวดีใจมากเลยนะคะที่พี่รัญดีขึ้นมากๆแล้ว""เอ่อ.."พราวพิไลมองชายหนุ่มที่หล่อเหลานึกว่าหลุดออกมาจากปกนิตยสารทั้งรีบฉีกยิ้มกว้างรวบรวมความกล้ารีบวิ่งโล่เข้ามาโผกอดคนที่นั่งอยู่ที่โซฟาแน่นทั้งยังซุกอกแกร่งจนคนตัวโตที่ตั้งตัวไม่ถูกนั่งตัวแข็งทื่อ"ท่าคุณพราวจะคิดถึงคุณหนูมากเลยนะคะ"อุ่นเรือนยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่"ค่ะ..นม.."พราวพิไลพยักหน้าให้อุ่นเรือนพรางขยิบตารู้กัน"อืม...แม่ครับผมอยากจะเข้าห้องพักผ่อนแล้ว"หิรัญหันไปบอกคนเป็นแม่ทั้งยังรีบยกมือประคองโอบร่างเล็กที่เอาแต่กอดเขาอยู่ไว้เบาๆ"อ๋อ..จะ..งั้นเดี๋ยวแม่พาไปนะ""ก็ภรรยาผมมาแล้วนี่ครับให้เธอดูแลผมก็ได้อีกอย่างผมเองก็อยากคุยกับเธออยู่หลายเรื่องเลย"หิร
"ตารัฐก็แบบนี้ล่ะครับทำอะไรรีบๆร้อนๆผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ตารัฐเหมือนจะเสียมารยาท"อนุชิตพอจะดูอาการของลูกชายของเขาออกจึงต้องเอ่ยปากขอโทษคนทั้งสอง"ไม่เป็นไรค่ะคุณรัฐน่าจะยุ่งๆจริงแหละค่ะ"พิศมัยคิดในแง่ดรเอาไว้ก่อนเพราะเธอไม่อยากทำให้ลูกสาวของเธอเสียขวัญก่อนจะเริ่มงาน"แล้วหนูแพรวพร้อมที่จะทำงานที่นี่เมื่อไร""แพรวพร้อมเริ่มงานทันทีค่ะ""งั้นเป็นพรุ่งนี้ก็แล้วกันนะเดี๋ยวลุงจะให้ศจีเลขาลุงสอนงานเราสักสามวันก่อน""ค่ะคุณลุง"เมื่อตกลงกันได้ทั้งสามก็อยู่คุยกันไม่นานพิศมัยจึงพาแพรวพิลาสกลับเย็นของวันไร่ศังกร"อืม..."พราวพิไลตื่นขึ้นมาในช่วงเย็นแต่เธอไม่เห็นหิรัญจึงรีบลุกจากเตียงเปิดประตูออกมาข้างนอก"คุณแม่คะพี่รัญล่ะคะ"หญิงดาวเดินมาหาหทัยรัตน์ที่นั่งดูทีวีอยู่ตรงโซนนั่งเล่น"ออกไปเดินหน้าบ้านน่ะฝนพึ่งหยุดตกอากาศกำลังดี""อ๋อ..ค่ะ..""พรุ่งนี้แม่จะกลับแล้วนะหนูพราว""ทำไมเร็วจังล่ะคะ"พราวพิไลถึงกับใจหายวาบเธอคิดว่าหทัยรัตน์จะอยู่ที่นี่กับเธอและหิรัญเสียอีก"แม่มีธุระหลายอย่างที่ต้องทำทางนี้แม่ก็ฝากพี่เค้าด้วยนะ"หทัยรัตน์ถือโอกาสนี้ฝากฝังให้พราวพิไลดูแลลูกชายของเธอเสียเลยเพราะเ
วันต่อมาหิรัญขับรถกระบะพาพราวพิไลไล่ชมรอบๆตั้งแต่เช้าจนมาหยุดอยู่ที่หนึ่งซึ่งเหล่าคนงานกำลังจับกลุ่มกันง่วนด้วยใบหน้าเคร่งเครียดเหมือนกำลังมีปัญหากันอยู่หนึ่งในนั้นคือลุงครามผู้จัดการไร่ร่วมด้วย"ดูอะไรกันเหรอครับหน้าเคร่งเครียดเชียว"พราวพิไลและหิรัญลงจากรถมาดูเหล่าคนงานทั้งถามถึงเหตุที่ต้องมารวมกันตรงนี้ด้วยท่าทีเป็นกังวล"นายครับผมว่าจะเข้าไปหาอยู่พอดีเลยครับ"ลุงครามพอเห็นคนเป็นเจ้านายมาที่นี่พอดีจึงรีบเดินมาต้อนรับ"มีอะไรครับ""ก็แปลงผักเราสิครับทางโน้นที่ติดตีนเขาพอฝนตกหนักเข้าน้ำก็หลากจากเขาจนผักเสียหายเยอะเลย"ลุงครามชี้ไปทางแปลงผักที่อยู่ใกล้ๆกับตีนเขา"ปกติไม่เป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอครับ"หิรัญขมวดคิ้วเป็นปมแน่นพราวพิไลเองก็ยืนฟังด้วยสีหน้ากังวลถึงปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นที่ไร่หิรัญเองก็เห็นว่าปกติแล้วถึงฝนจะตกแรงแค่ไหนน้ำในป่าก็ไม่น่าจะหลากลงมาแรงขนาดทำให้แปลงผักเสียหายได้"ครับ..เห็นคนงานในไร่ที่ไปหาของป่าบอกว่ามีกลุ่มคนเข้าไปลักลอบตัดไม้ข้างในจนเป็นเวิ้งกว้าง"ลุงครามพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เบาลงเหมือนแค่อยากให้เรื่องนี้รู้แค่วงแคบๆเท่านั้น"ถ้ามีเรื่องแบบนี้แล้วทำไมไม่มีใครแจ