วันต่อมา
หิรัญขับรถกระบะพาพราวพิไลไล่ชมรอบๆตั้งแต่เช้าจนมาหยุดอยู่ที่หนึ่งซึ่งเหล่าคนงานกำลังจับกลุ่มกันง่วนด้วยใบหน้าเคร่งเครียดเหมือนกำลังมีปัญหากันอยู่หนึ่งในนั้นคือลุงครามผู้จัดการไร่ร่วมด้วย
"ดูอะไรกันเหรอครับหน้าเคร่งเครียดเชียว"
พราวพิไลและหิรัญลงจากรถมาดูเหล่าคนงานทั้งถามถึงเหตุที่ต้องมารวมกันตรงนี้ด้วยท่าทีเป็นกังวล
"นายครับผมว่าจะเข้าไปหาอยู่พอดีเลยครับ"
ลุงครามพอเห็นคนเป็นเจ้านายมาที่นี่พอดีจึงรีบเดินมาต้อนรับ
"มีอะไรครับ"
"ก็แปลงผักเราสิครับทางโน้นที่ติดตีนเขาพอฝนตกหนักเข้าน้ำก็หลากจากเขาจนผักเสียหายเยอะเลย"
ลุงครามชี้ไปทางแปลงผักที่อยู่ใกล้ๆกับตีนเขา
"ปกติไม่เป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอครับ"
หิรัญขมวดคิ้วเป็นปมแน่นพราวพิไลเองก็ยืนฟังด้วยสีหน้ากังวลถึงปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นที่ไร่
หิรัญเองก็เห็นว่าปกติแล้วถึงฝนจะตกแรงแค่ไหนน้ำในป่าก็ไม่น่าจะหลากลงมาแรงขนาดทำให้แปลงผักเสียหายได้
"ครับ..เห็นคนงานในไร่ที่ไปหาของป่าบอกว่ามีกลุ่มคนเข้าไปลักลอบตัดไม้ข้างในจนเป็นเวิ้งกว้าง"
ลุงครามพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เบาลงเหมือนแค่อยากให้เรื่องนี้รู้แค่วงแคบๆเท่านั้น
"ถ้ามีเรื่องแบบนี้แล้วทำไมไม่มีใครแจ้งทางการล่ะครับ"
นี่เป็นเรื่องที่หิรัญสงสัยเข้าไปใหญ่
"ไม่มีใครกล้าหรอกครับ.."
ลุงครามก้มหน้าลงเล็กน้อย
"ผมพอจะเข้าใจแล้ว...ยังไงตอนนี้ก็แก้ปัญหาไปก่อนละกันครับเราคงต้องปลูกหญ้าแฝกเพิ่มเป็นแนวกั้นไปก่อนแล้วแปลงผักพวกนั้นที่อยู่ใกล้กับตีนเขาที่เสียก็โละออกไปก่อนได้เลยแล้วก็เลิกทำตรงนั้นสักพักให้หมดหน้ามรสุมไปก่อนครับ"
หิรัญเห็นหน้าลุงครามเช่นนั้นก็ไม่ต้องเดาอะไรต่อเรื่องนี้เดี๋ยวเขาขอจัดการปัญหาเงียบๆเอง
"ครับคุณรัญ"
ครู่ต่อมา
"พี่รัญรู้จำวิธีแก้ปัญหาที่นี่ได้ด้วยเหรอคะ.."
หลังจากที่คุยกับลุงครามเสร็จหิรัญก็พาพราวพิไลขึ้นรถดูพื้นที่ต่างๆในๆร่ต่อเพราะรู้ว่าเธอไม่เคยมาที่นี่
หญิงสาวถามหิรัญอย่างสงสัยเพราะเธอจำได้ว่าชายหนุ่มความจำหายไปเกินสองปีแน่นอนซึ่งเขาก็พึ่งจะมาดูไร่นี้แค่ปีเดียวก่อนหน้าที่จะเกิดอุบัติเหตุเท่านั้น
"อ๋อ..เรื่องแบบนี้พี่ศึกษาตั้งแต่เด็กๆแล้วล่ะเพราะคลุกคลีกับคุณปู่และก็มาที่นี่บ่อยตอนเด็กๆ"
"อ๋อ..ค่ะ"
"ช่วงที่พราวคบกับพี่ไม่รู้เหรอว่าพี่เก่งด้านนี้"
หิรัญหันหน้าถามพราวพิไลด้วยสายตามีเลศนัย
"เอ่อ...รู้สิคะว่า..แฮร่ๆ.."
พราวพิไลตอบเสียงสูงทั้งยังรีบหันหน้ามองวิวด้านนอกกลบเกลื่อน
สามวันต่อมา
สำนักงานธนาคาร
09.30 น.
"ที่พี่สอนเข้าใจทุกอย่างใช่ไหมมีอะไรอยากเพิ่มเติมตรงไหนหรือเปล่า"
ศจีหญิงวัย40กว่าเลขาของอนุชิตสอนงานให้แพรวพิลาสเป็นเวลาสามวันแล้วงานทุกอย่างที่แพรวพิลาสต้องรู้เธอก็ถ่ายทอดให้ไปหมดแล้วจึงถามหญิงสาวตรงหน้าว่าเธอมีอะไรตรงไหนไม่เข้าใจหรือไม่
"ไม่มีค่ะพี่ศจี"
แพรวพิลาสส่ายหัวเบาๆพร้อมอมยิ้มเธอเข้าใจทุกอย่างได้เป็นอย่างดีเพราะศจีนั้นสอนแบบไม่หวงวิชาเธอเลยสักนิด
"วันนี้แพรวต้องเข้าประชุมกับท่านรองแล้วนะตั้งใจทำงานล่ะ..อ่อ..อีกอย่างก็คือท่านรองอาจจะมีอาการเหวี่ยงๆบ้างยังไงก็อย่าถือสาท่านเลยนะ"
วันนี้้เป็นวันแรกที่แพรวพิลาสจะต้องลงสนามจริงศจีเลยมีบางอย่างอยากเตือนเธอเอาไว้จะได้ไม่ตกใจเวลาต้องเจอกับอารมณ์ของท่านรอง
"ค่ะ"
แพรวพิลาสเห็นธรัฐตั้งแต่วันนั้นเธอก็พอจะเดาออกว่าชายหนุ่มคงเป็นคนจำพวกนิสัยน้องเล็กที่คงจะเอาแต่ใจพอตัวแต่นั่นเธอก็ไม่ได้หวั่นอะไรเพราะเธอตั้งใจจะมาช่วยงานที่นี่อย่างเต็มที่อยู่แล้ว
RrrrrrrrRrrrrrrr
"ศจีพูดค่ะ...อ๋อ..ได้ค่ะ"
ศจีรับสายจากประชาสัมพันธ์ด้านล่างเมื่อได้รับเรื่องเรียบร้อยแล้วจึงวางสายลงและหันมาบอดกับแพรวพิลาสว่าตอนนี้มีคนรอพบอยู่
"แพรวมีคนมารอพบน่ะ"
"ใครเหรอคะ"
แพรวพิลาสมีสีหน้าสงสัยเล็กน้อยว่าใครจะมาขอพบเธอในเวลานี้กัน
"ไม่ได้บอกชื่อเห็นว่ามีเรื่องด่วนจะคุยเค้ารออยู่ที่ห้องรับแขกชั้นนี้แล้วล่ะ"
"ค่ะ"
แพรวพิลาสเดินตรงไปที่ห้องรับแขกด้วยท่าทีสงสัยเธอยังคิดไม่ตกว่าใครจะมาหาเธอเวลานี้กัน
ด้านล่างของตึก
"ผู้ชายคนนี้มาที่นี่หรือเปล่า"
นาถลดาเดินเข้ามาถามประชาสัมพันธ์ของสำนักงานธนาคารด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เพิ่งรู้จักนักสืบว่าสามีของเธอมาที่นี่เพื้อมาหาแพรวพิลาส
"อ๋อ..มาค่ะเมื่อกี้พึ่งมาติดต่อขอพบคุณแพรวที่ชั้น25ค่ะ"
ประชาสัมพันธ์สาวดูรูปที่นาถลดายื่นให้เธอก็จำได้ทันทีว่าเป็นผู้ชายคนเมื่อครู่ที่มาขอพบแพรวพิลาส
"...อืม..."
เมื่อรู้ว่าสามีของเธออยู่ที่ชั้นไหนเธอจึงรีบเดินดุ่มๆขึ่นลิฟท์ไปทันทีโดยที่ประชาสัมพันธ์สาวก็เรียกเอาไว้ไม่ทัน
"เดี๋ยวค่ะคุณแลกบัตรก่อนค่ะ...คุณคะ"
ห้องรับแขก
แกร๊กกกก
"แพรว.."
"คุณรุจ"
แพรวพิลาสเปิดประตูเข้ามาในห้องรับแขกเธอก็ถึงกับตะลึงตกใจไม่คิดว่าอติรุจจะตามเธอมาถึงที่นี่เมื่อตั้งสติได้เธอก็พยายามจะเดินหนีออกไปแต่ก็ถูกอติรุจนั้นรวบกอดเอาไว้ก่อน
"เดี๋ยวสิแพรวคุยกับผมก่อน..คุณเล่นหนีหน้าผมไปแบบนี้ผมเสียใจนะ"
"เอาเวลานี้ไปดูแลลูกเมียคุณดีกว่าค่ะเลิกตามตื๊อแพรวซะที"
แพรวพิลาสหมดคำพูดที่จะพูดกับผู้ชายคนนี้จริงๆยิ่งเขาตามเธอมากเท่าไรเธอก็ยิ่งรู้สึกเหนื่อยใจมากเท่านั้น
"ไม่...ผมรักคุณนะแพรว"
"ปล่อยแพรว"
"หน้าด้านที่สุด..ไหนแกบอกไม่รู้ว่าผัวฉันอยู่ที่ไหนที่แท้ก็นัดกันมากกมากอดกันถึงที่นี่"
เพียะ
"อร้ายยย..."
นาถลดาเข้ามาในห้องรับแขกในจังหวะที่อติรุจกอดแพรวพิลาสอยู่พอดีด้วยความโมโหจึงกระชากหญิงสาวมาตบเธอล่วงลงไปกองอยู่กับพื้น
"นี่นาถหยุดนะ.."
เพียะ
"โอ้ย.."
อติรุจพยายามห้ามภรรยาของเขาแต่ก็ถูกนาถลดาเงื้อมมือฟาดหน้าเขาไปเต็มแรงอีกหนึ่งที
"ไม่หยุด.."
เพียะ... ๆ.. ๆ
"อร้ายยยย..."
นาถลดานั่งค่อมร่างของแพรวพิลาสและกระหน่ำตบหญิงสาวไม่ยั้งโดยอติรุจเองก็ไม่กล้าเข้าไปช่วยเพราะตอนนี้นาถลดากำลังบ้าดีเดือดเขารู้ดีว่าถ้าเขาเข้าไปยุ่งตอนนี้เขาอาจจะเจ็บตัวอีกได้
แคว้กกกก
"อร้ายยย.. "
นาถลดาฉีกเสื้อเชิ้ตแพรวพิลาสจนเห็นบราสีหวานข้างในหญิงสาวจึงกรีดร้องเสียงฝาดจนคนที่เดินผ่านมาตรงห้องรับแขกอย่างธรัฐต้องเข้าไปดูว่ามันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นเมื่อเปิดประตูเข้ามาเขาถึงกับกัดฟันกรอดแผดเสียงฝาดให้คนที่กำลังทำร้ายแพรวพิลาสให้หยุดมือเพราะเขาเกลียดเหตุการณ์ที่คนตบตีกันเป็นที่สุด
"นี่หยุดเดี๋ยวนี้นะ...ออกไปจากที่ของผมเดี๋ยวนี้"ธรัฐถอดเสื้อสูทของเขาออกคลุมร่างแพรวพิลาสเอาไว้และรีบไล่คนนอกทั้งสองออกไปทันทีเขาจำได้ว่าผู้หญิงคนที่ทำร้ายแพรวพิลาสคือคนที่มาอาละวาดหญิงสาวที่ร้านอาหารในวันนั้นและถ้าเดาไม่ผิดผู้ชายที่ยืนดูผู้หญิงตบตีกันหน้าตาเฉยคงจะเป็นตัวต้นเหตุเป็นแน่"ไปแน่...แล้วคุณเป็นเจ้าของที่นี่ใช่ไหม...บอกอีนี่ด้วยว่าอย่ามานัดผัวชาวบ้านมาพลอดรักแบบนี้อีก"นาถลดาตะคอกใส่ธรัฐและแพรวพิลาสก่อนจะดึงสามีของเธอให้รีบเดินออกไป"ฉันไม่ได้นัดนะคะ...ส่วนคุณก็เลิกยุ่งกับฉันซะที"แพรวพิลาสหลบอยู่ในอ้อมอกของธรัฐตอนนี้เธอตัวสั่นเป็นลูกนกพร้อมเค้นเสียงบอกนาถลดาด้วยเสียงสั่นเครือและอติรุจก็เช่นกันเธออยากพูดครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายว่าให้เขาเลิกยุ่งกับเธอซะที"แพรว..""นี่หยุดนะคุณรุจ"นาถลดากระชากคนเป็นสามีออกไปจากห้องอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นอติรุจทำท่าทีอาลัยอาวรแพรวพิลาสอยู่"เตือนไว้ก่อนอย่าให้ถึงวันที่ฉันหมดความอดทนแล้วแกจะไม่ได้มาเดินลอยหน้าลอยตาแบบนี้หรอก"ก่อนจะปิดประตูนาถลดายังมิวายส่งเสียงขู่แพรวพิลาสอีกครั้ง"ฮึก..อือ..ฮือ....ขอบคุณนะคะ"เมื่อทั้งสองออกไปแล้วแพรวพิลาสก
"ไม่จริง.."อติรุจดูเหมือนจะไม่ยอมรับความจริงกับสิ่งที่ได้ยินสักเท่าไรนักพยายามมองหน้าแพรวพิลาสแต่หญิงสาวก็ไม่ชายตามองมาทางเขาแม้แต่น้อย"จริงเลิกยุ่งกับภรรยาผมซะทีแล้วเอาเวลาไปดูลูกเมียตัวเองไม่อย่างนั้นผมจะแจ้งความจับคุณในข้อหาคุกคามความเป็นส่วนตัว"เมื่อขู่คนตรงหน้าเสร็จธรัฐก็รีบดึงมือหญิงสาวเดินดุ่มๆเข้าลิฟท์ไปในทันที"แพรว..."ทิ้งให้อติรุจยืนอึ้งกับคำที่พึ่งได้ยินจนหน้าเสียอย่างเห็นได้ชัดครู่ต่อมา"คุณไปพูดแบบนั้นได้ไงคะ"เมื่อขึ้นลิฟท์มาถึงชั้นที่ทั้งคู่อยู่แพรวพิลาสจึงรีบดึงมือออกจากชายหนุ่มและถามอีกฝ่ายด้วยสีหน้าบึ้งตึงเพราะเธอไม่ชอบคำที่เขาบอกกับอติรุจว่าเธอเป็นภรรยาเขาแม้แต่นิดเดียวไม่ใช่ว่ากลัวอติรุจเข้าใจผิดแต่เธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่คนแถวนั้นที่ได้ยินเขาจะคิดกันยังไง"มันจะได้เลิกยุ่งกับคุณไง..ถึงห้องคุณแล้วเข้าไปสิ""ค่ะ.."ธรัฐยังคงตอบหญิงสาวหน้าตาเฉยเฉกเช่นเดิมทั้งยังไล่หญิงสาวเข้าห้องตัวเองไปด้วยเขาจะได้เข้าห้องพักผ่อนเช่นกันซึ่งห้องเขาก็อยู่ตรงข้ามกับเธอนี่เองแกร๊กกแพรวพิลาสเปิดประตูและหันกลับมาหาชายหนุ่มจนธรัฐต้องหันมามองเธอพร้อมขมวดคิ้วสงสัย"อะไร...""ขอบคุณ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา"อ้าว..ลุงครามมีอะไรเหรอครับ"หิรัญเดินออกมาหาลุงครามที่หน้าบ้าน"ของคุณพราวมาส่งน่ะครับ""อ๋อ.."ลุงครามยื่นพัสดุให้กับหิรัญ"ของพราวใช่ไหมคะ"พราวพิไลอาบน้ำแต่งตัวเสร็จทันเวลาที่ของเพื่อนเธอส่งมาพอดีเมื่อเห็นกล่องอยู่ในมือชายหนุ่มจึงรีบแย่งออกมาอย่างรวดเร็ว"อะไรเหรอ"หิรัญหันหน้าถามพราวพิไลอย่างสงสัยว่าด้านในเป็นอะไรเธอถึงได้หวงขนาดนั้น"ก็..เป็นพวกน้ำหอมที่พราวสั่งให้เพื่อนซื้อส่งมาให้น่ะค่ะไม่มีอะไรขอบคุณนะคะลุงครามที่เอามาให้"หญิงสาวพูดเสร็จก็รีบวิ่งกลับเข้าห้องหาที่ซ่อนของทันทีอันที่จริงแล้วมันเป็นยาสลบที่เธอสั่งให้เพื่อนเธอซื้อส่งมาให้ต่างหากเอาไว้ใช้ในเวลาที่ฉุกเฉินครู่ต่อมาโต๊ะอาหาร"ป้าพวงขาพราวขอข้าวเพิ่มอีกนะคะ"ตอนนี้พราวพิไลและหิรัญร่วมโต๊ะอาหารเย็นกันอยู่พักใหญ่วันนี้กับจ้าวค่อนข้างอร่อยเป็นพิเศษจนหญิงสาวต้องขอข้าวเพิ่ม"ได้เลยค่ะคุณพราว""ของหวานมาแล้วค่ะ..."ปึก"ว้าย..ขอโทษค่ะคุณพราว"มาลีตั้งใจที่จะให้กล้วยบวชชีในมือหกใส่พราวพิไลเธอแกล้งตกใจกับเรื่องที่เธอจงใจทำเพื่อให้ดูเป็นอุบัติเหตุ"ไม่เป็นไร.."พราพิไลเงยหน้าส่งยิ้มให้มาลีแต่สีหน้าของเธอต
วันต่อมา08.30 น."คุณหนูยังไม่ตื่นเหรอคะคุณพราว"อุ่นเรือนวันนี้ค่อนข้างสายแล้วแต่คุณหนูของเธอยังไม่ตื่นถึงถามถามพราวพิไรที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะอาหารด้วยความสงสัย"ยังเลยค่ะ"พราวพิไลส่ายกัวพร้อมยิ้มแหยๆเล็กน้อย"อ้าว.. นั่น.. วันนี้คุณหนูตื่นช้าจังล่ะคะ"อุ่นเรือนหันไปถามคนที่กำลังเดินเข้ามา"อ๋อ...เมื่อคืนคงจะเพลียๆน่ะครับ"หิรัญก็สงสัยตัวเองอยู่เหมือนกันว่าทำไมตอนตื่นมาถึงเพลียแปลกๆพวกคนที่ยืนอยู่ทั้งอุ่นเรือนบัวตองป้าพวงต่างยิ้มกริ่มเพราะคิดว่าทั้งคู่คงจะทำกิจกรรมอะไรกันจนดึกตามประสาสามีภรรยาถึงได้เพลียแต่คนที่ยิ้มไม่ออกเห็นจะเป็นมาลีเพราะเธอไม่ได้ปารถนาให้ทั้งคู่รักกันดี"ยิ้มอะไรกันเหรอคะ"พราวพิไลไม่เข้าใจว่าจู่ๆทั้งนมอุ่นและป้าพวงต่างก็อมยิ้มกันแปลกๆ"อ๋อ...ไม่มีอะไรหรอกค่ะ..ทานข้าวดีกว่านะคะ"อุ่นเรือนส่ายหัวเล็กน้อย10.00 น."ทำอะไรเหรอพราว"หิรัญเดินหาพราวหลังจากทานอาหารเสร็จเมื่อมาที่สวนข้างบ้านก็เห็นว่าหญิงสาวกำลังหยิบจับท่อนไม้ตอกลงดินอย่างขมักเขม้น"พราวเห็นว่าวันนี้ฝนน่าจะตกหนักค่ะเลยหาผ้ามาขึงกันต้นดอกไม้พวกนี้ไว้เดี๋ยวฝนตกหนักใส่แล้วจะตายซะก่อน""มาเดี๋ยวพี่ช่วย"หิรัญ
ในป่าบนภูเขา"ฝนตกหนักขนาดนี้จะตัดต่อยังไงไหวครับเสี่ย"คนงานตัดไม้รีบวิ่งมาบอกเสี่ยเคี้ยงว่าไม่มีใครตัดต้นไม้ต่อไหวเพราะฝนที่ตกหนักบวกกับดินที่ลื่นจึงทำให้ทำงานยาก"ยังไงก็ต้องตัดละวะต้องส่งไม้ให้ทันตามกำหนด"เสี่ยเคี้ยงจะให้คนงานหยุดการตัดไม้ลอตนี้ไม่ได้เพราะจะไม่ทันวันที่นัดส่งไม้กับลูกค้ารายใหญ่แล้วเขาจะเสียเครดิตเอาได้"นายครับ..ตำรวจ"ในขณะที่เสี่ยเกลี้ยงกำลังสั่งการกับคนงานอยู่นั้นก็มีคนงานอีกคนวิ่งตะโกนมาว่ามีตำรวจกำลังเข้ามาล้อมจับพวกตน"มาได้ไงวะ"เสี่ยเคี้ยงถึงกับหัวเสียกัดฟันกรอดที่ไม่รู้ว่าทำไมพวกตำรวจถึงได้มายุ่มย่ามกับงานของพวกตนได้"หนีมาทางนี้ก่อนครับนาย"คนสนิทเสี่ยเคี้ยงอย่างอาคมได้เตรียมแผนรับมือเอาไว้แล้วหากลูกน้องถูกจับเขาต้องพาเสี่ยเคี้ยงหนีไปก่อน"ยกมือขึ้นให้หมดตอนนี้ตำรวจได้ล้อมเอาไว้หมดแล้ว"ตำรวจใช้เวลาไม่นานก็จับคนงานและของกลางได้ทั้งหมดแต่หัวหน้าใหญ่อย่างเสี่ยเคี้ยงไม่มีใครจับได้และคำซักทอดจากผู้ต้องหาก็สาวไม่ถึงตัวการใหญ่ด้วยเพราะไม่มีใครปริปากพูดแม้แต่คนเดียวบ้านเสี่ยเคี้ยง"มันเป็นแบบนี้ได้ไงสารวัตร"เมื่อเสี่ยเคี้ยงกลับมาถึงบ้านเขาก็รีบให้อาคมตามสาร
"ผมคิดว่าพวกมันน่าจะใช้ที่นี่เป็นที่เก็บอะไรสักอย่างแต่ผมว่าไม่ใช่ไม้แน่นอนครับเพราะของพวกนี้พวกมันจะเอาไว้กับตัวนานไม่ได้""นายคิดว่าเป็นอะไรครับ"ลุงครามขมวดคิ้วเป็นปม"ถ้ากิจการไม่กี่อย่างของพวกมันทำให้รวยและมีอิทธิพลจนใครก็เกรงกลัวไม่ค้าสิ่งเสพติดก็ค้าอาวุธเถื่อนล่ะครับ""ผมชักไม่อยากจะให้นายยุ่งกับพวกมันเสียแล้วสิครับ"เมื่อได้ยินคนเป็นนายพูดแบบนั้นลุงครามเองก็ยิ่งคิดไม่ตกว่าอยากจะให้นายตัวเองยุ่งกับคนพวกนี้อีกดีหรือไม่"ผมรู้ว่าพวกมันรู้ว่าผมเลือกที่จะเป็นศรัตรูกับมันแล้วสักวันมันต้องหาทางเอาคืนผมอยู่ดีติดแค่ว่าวันไหนเท่านั้นเองดังนั้นเราต้องเตรียมแผนรับมือเอาไว้ก่อนและหากเป็นไปได้คนที่เป็นอันตรายต่อคนอื่นมากขนาดนี้ถอนรากถอนโคนพวกมันได้ก็ยิ่งดีครับ"หิรัญพูดด้วยสีหน้าที่แน่วแน่และใครก็ขัดเขาไม่ได้ด้วยเรือนศังกร17.00 น."นั่นขาคุณพราวเป็นอะไรคะ"มาลีเดินมาเห็นอุ่นเรือนกำลังนั่งพันผ้าที่ข้อเท้าของพราวพิไลอยู่ความอยากรู้ของเธอจึงบังเกิด"คุณพราวข้อเท้าเคล็ดนิดหน่อยไม่เป็นอะไรมากหรอก"อุ่นเรือนตอบแทนพราวพิไลเธอแอบไม่ชอบใจนิสัยช่างสอดกับคำพูดคำจาที่ไม่มีมารยาทของมาลีอยู่บ่อยครั้งแต
14.00 น."มาหาใครคะ"ตกบ่ายในขณะที่มาลีกำลังเดินถือวัตถุดิบจากโรงครัวของคนงานเข้ามาในครัวของเรือนเธอก็เห็นสาวสวยลงมาจากรถหรูด้วยท่าทีรีบร้อนหมายจะเดินเข้าไปในเรือนเธอจึงต้องรีบสะกัดเอาไว้ก่อน"ฉันมาหารัญเค้าอยู่ไหม"สุพิชชาสาวหน้าสวยหุ่นดีระดับนางงามมองสาวใช้อย่างมาลีด้วยหางตาและไม่ได้สนใจคำที่สาวใช้ตรงหน้าถามเลยสักนิดเอาแต่ถามหาหิรัญว่าเขาอยู่หรือเปล่า"คุณเป็นใคร"มาลีได้ยินว่าสาวสวยคนนี้มาหาคนเป็นนายก็เกิดอาการไม่พอใจทันทีทั้งยังไม่ยอมให้หญิงสาวเข้าไปข้างในง่ายๆ"ฉันเป็นคนสนิทกับเค้าเธอล่ะเป็นใครน่าจะเป็นแค่คนงานที่นี่อย่าสอดถามให้มันมากนักฉันถามก็แค่ตอบไม่ใช่มาย้อนถามฉัน"สุพิชชาพูดเสียงแข็งใส่มาลีด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์"ถ้าคุณไม่ตอบฉันคงให้คุณเข้าไปในบ้านไม่ได้"มาลียืนลอยหน้าลอยตาขวางอีกฝ่ายิย่างไม่เกรงกลัวตามประสาของเธอ"เธอนี่ช่างกล้านะ"สุพิชชาชี้หน้ามาลีทั้งเน้นเขี้ยวเน้นฟันพูดขู่คนตรงหน้า"มีอะไรกันลี...คุณมาหาใครคะ"ป้าพวงได้ยินเสียงดังเลยรีบออกมาจากในครัวเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น"ฉันมาหารัญฉันเป็นแฟนเค้าทีนี้มีสิทเข้าไปในบ้านได้หรือยัง"สุพิชชายืยกอดอกเชิดหน้าอย่างมั่นใจ"ยั
ครู่ต่อมา"ตกลงคุณเป็นใครกันแน่"ด้วยความสอดรู้สอดเห็นและอยากจะรู้เรื่องท่ี่แท้จริงมาลีจึงเดินออกมาหน้าเรือนในขณะที่สุพิชชากำลังจะขับรถกลับ"ฉันเป็นใครแล้วคนใช้อย่างเธอมายุ่งอะไรด้วย"สุพิชชามองมาลีด้วยหางตาและรีบขับรถกลับออกไปเพราะเธอไม่จำเป็นจะต้องบอกอะไรสาวใช้อย่างมาลี"หืม..นังหน้าพลาสติกฉันอุตส่าห์จะช่วยงั้นก็ช่วยเหลือตัวเองไปแล้วกัน"มาลีเห็นอาการสุพิชชาแล้วเธอก็หมั่นไส้สุดทนเธอตั้งใจว่าจะยืมมือสุพิชชากำจัดพราวพิไลเสียกน่อยแต่เหผ้นครั้งนี้เธอจะต้องเชียพราวพิไลแล้วล่ะมั้ง"......"หิรัญพาพราวพิไลมาในห้องนอนทั้งยืนจ้องมองเธอนานสองนานจนหญิงสาวรู้สึกแปลกๆ"พ..พี่รัญทำไมมองพราวแบบนั้นคะ""บอกความจริงได้ไหม""ค..ความจริงเรื่องอะไรคะ"พราวพิไลได้ยินคำถามก็เกิดกลืนน้ำลายไม่ลงคอเสียอย่างนั้น"ทำไมถึงยอมมาเล่นบทภรรยาพี่ที่นี่"หิรัญเดินมานั่งใกล้ๆกับพราวพิไลและถามเธอด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบไม่ได้บ่งบอกถึงอารมณ์ใดๆ"พ..พี่รัญรู้เหรอคะ"พราวพิไลเบิกตาโพรงตกใจเข้าไปอีกรอบ"ใช่..พี่จะบอกก็ได้ว่าพี่ไม่ได้ความจำเสื่อม""นี่แสดงว่าพี่รัญโกหกตั้งแต่แรก"หญิงสาวมองหน้าคนตัวโตอย่างไม่น่าเชื่อ"อืม..