ครึ่งชั่วโมงต่อมา
"อ้าว..ลุงครามมีอะไรเหรอครับ"
หิรัญเดินออกมาหาลุงครามที่หน้าบ้าน
"ของคุณพราวมาส่งน่ะครับ"
"อ๋อ.."
ลุงครามยื่นพัสดุให้กับหิรัญ
"ของพราวใช่ไหมคะ"
พราวพิไลอาบน้ำแต่งตัวเสร็จทันเวลาที่ของเพื่อนเธอส่งมาพอดีเมื่อเห็นกล่องอยู่ในมือชายหนุ่มจึงรีบแย่งออกมาอย่างรวดเร็ว
"อะไรเหรอ"
หิรัญหันหน้าถามพราวพิไลอย่างสงสัยว่าด้านในเป็นอะไรเธอถึงได้หวงขนาดนั้น
"ก็..เป็นพวกน้ำหอมที่พราวสั่งให้เพื่อนซื้อส่งมาให้น่ะค่ะไม่มีอะไรขอบคุณนะคะลุงครามที่เอามาให้"
หญิงสาวพูดเสร็จก็รีบวิ่งกลับเข้าห้องหาที่ซ่อนของทันที
อันที่จริงแล้วมันเป็นยาสลบที่เธอสั่งให้เพื่อนเธอซื้อส่งมาให้ต่างหากเอาไว้ใช้ในเวลาที่ฉุกเฉิน
ครู่ต่อมา
โต๊ะอาหาร
"ป้าพวงขาพราวขอข้าวเพิ่มอีกนะคะ"
ตอนนี้พราวพิไลและหิรัญร่วมโต๊ะอาหารเย็นกันอยู่พักใหญ่วันนี้กับจ้าวค่อนข้างอร่อยเป็นพิเศษจนหญิงสาวต้องขอข้าวเพิ่ม
"ได้เลยค่ะคุณพราว"
"ของหวานมาแล้วค่ะ..."
ปึก
"ว้าย..ขอโทษค่ะคุณพราว"
มาลีตั้งใจที่จะให้กล้วยบวชชีในมือหกใส่พราวพิไลเธอแกล้งตกใจกับเรื่องที่เธอจงใจทำเพื่อให้ดูเป็นอุบัติเหตุ
"ไม่เป็นไร.."
พราพิไลเงยหน้าส่งยิ้มให้มาลีแต่สีหน้าของเธอตอนนี้กลับยิ้มเย้ยเธอในขณะที่พูดว่าขอโทษเธอจึงรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายตั้งใจ
"เดี๋ยวลีไปเอาผ้ามาเช็ดพื้นก่อนนะคะ"
มาลีเดินเยื้องย่างอย่างพึงพอใจที่เธอสามารถแกล้งพราวพิไลได้
"เดี๋ยวพราวขอตัวไปล้างตัวก่อน"
พราวพิไลเดิมตามหลังมาลีไปติดๆ
ปึก
"ว้ายย.."
จู่ๆมาลีก็สะดุดล้มกับอะไรบางอย่างจนไปกองอยู่กับพื้น
"อุ้ย...ฉันขอโทษทีนะไม่ทันมองน่ะมัวแต่ดูเสื้อที่เลอะอยู่"
พราวพิไลแสร้งทำหน้าเสียไม่ได้ตั้งใจการกระทำนี้ทำนี้เธอต้องการให้อีกฝ่ายได้รู้ว่าเธอต้องการสั่งสอนคนที่มาทำเธอก่อนและให้รู้ว่าเธอไม่ใช่คนยอมคน
"ไม่เป็นไรค่ะคุณพราว"
มาลีกัดฟันกรอดแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าทุกคนในบ้านเธอจึงรีบลุกขึ้นและเดินออกไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะควบคุมอารมณ์ไม่ได้มีปากเสียงกับพราวพิไลเธอจะอยู่ที่นี่ยาก
"......"
หิรัญนั่งอมยิ้มเล็กน้อยเขารู้ทั้งหมดว่าอะไรเป็นอะไรและก็ชอบใจพราวพิไลที่รู้จักปกป้องตัวเอง
"ฉันเห็นนะว่าแกทำอะไร"
บัวตองรีบเอ็ดใส่มาลีคนเป็นลูกสาวที่ทำพฤติกรรมแย่ๆใส่คนเป็นนาย
"ทำอะไรล่ะแม่"
มาลียังคงปฏิเสธหน้าซื่อ
"อยู่ที่นี่นายให้ข้าวให้น้ำให้งานแกก็ทำตัวดีๆเดี๋ยวจะเสียมาถึงฉัน"
บัวตองเห็นว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกเธอจึงต้องปรามลูกสาวของเธอเอาไว้ก่อนเพราะกลัวว่าจะเสียมาถึงเธอ
"...."
มาลีทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เธอไม่ยอมฟังคำของแม่เธอแม้แต่นิดเดียว
21.00 น.
"อ่านอะไรอยู่เหรอ"
หิรัญมองหญิงสาวจากบนเตียงเขาเห็นเธออ่านหนังสือในมือตั้งแต่ก่อนที่เขาจะอาบน้ำแล้วเมื่ออาบน้ำจนเสร็จพร้อมแต่งตัวก็ยังไม่เห็นเธอนั้นจะเลิกอ่านไม่รู้ว่าหนังสือเล่มนั้นมันมีอะไรดีนักหนา
"นิยายค่ะ"
"พี่เห็นพราวอ่านมาเป็นชั่วโมงสองชั่วโมงแล้วไม่พักบ้างเหรอ"
"นี่พราวยังอ่านไม่ถึงครึ่งเรื่องเลยนะคะ"
พราวพิไลหันมาส่งยิ้มอ่อนให้ชายหนุ่มก่อนจะหันหน้ามาก้มมองหนังสือในมือของเธอต่อ
"กะจะอ่านให้จบเรื่องเลยหรือไงพี่ว่าเล่มมันหนามากเลยนะ"
"พราวเคยอ่านจบเรื่องในคืนเดียวมาหลายครั้งแล้วนะคะพราวชอบค่ะ"
"แล้วคืนนี้จะอ่านทั้งคืนเลยไหม"
หิรัญขยับตัวเข้ามาประชิดหญิงสาวในขณะที่พราวพิไลไม่รู้ตัว
"ไม่ค่ะถ้าพราวอ่านก็ต้องเปิดไปพราวไม่กวนพี่รัญหรอกค่ะอีกแปปเดียวพราวก็เลิกอ่านแล้วค่ะ"
"พราวนี่เหมือนคุณย่าพี่เลยนะชอบอ่านนิยายเป็นชีวิตจิตใจเลย"
หิรัญอมยิ้มเล็กๆเขาเห็นคนที่อ่านหนังสือได้นานๆนอกจากคุณย่าของเขาก็มีหญิงสาวนี่แหละ
"ผู้หญิงส่วนมากก็ชอบอ่านกันทั้งนั้นแหละค่ะเท่าที่พราวรู้นะคะ"
"พี่ว่าคืนนี้พอแค่นี้เถอะนะ"
หิรัญดึงหนังสือออกจากมือพราวพิไลทั้งรวบร่างบางให้นอนลง
"พ..พี่รัญจะทำอะไรคะ.."
พราวพิไลสะดุ้งเฮือกพยายามจะลุกแต่ก็ถูกแรงที่แขนของชายหนุ่มกดเอาไว้เธอมีท่าทีเลิ่กลั่กพอสมควรจนชายหนุ่มแอบขำในใจ
"ก็ทำอะไรที่สามีภรรยาเค้าทำกันไง"
หิรัญส่งสายตาหยาดเยิ้มขยับใบหน้าของเขาเข้ามาใกล้ๆแก้มนวลของหญิงสาวใช้จมูกโด่งเป็นสันของเขาเขี่ยพวงแก้มสูดดมเบาๆ
"ค..คือ..พี่รัญความจำยังไม่กลับมาเลยแล้วจำความรู้สึกของเราสองคนได้แล้วเหรอคะ"
พราวพิไลหันหน้าหนีหลับตาปี๋ไม่คิดว่าคืนนี้ชายหนุ่มจะมาแนวนี้เพราะหลายวันที่ผ่านมาเขาก็ดูปกติดีต่อจากนี้เธอจะประมาทเขาไม่ได้อีกแล้ว
"อืม...หลายวันมานี้ถึงพี่จะจำอะไรไม่ได้แต่พี่ก็รู้ว่าพราวรักพี่ถึงคอบดูแลพี่ตลอดแล้วความรู้สึกดีๆพี่ก็มีให้พราวมากขึ้นทุกวันแล้วอีกอย่างเราก็เป็นสามีภรรยากันแล้วเรื่องแบบนี้ก็เป็นเรื่องปกติที่พี่ทำได้นะ"
หิรัญอธิบายด้วยรอยยิ้มกริ่ม
"อ...เอ่อ...เดี๋ยวพราวขอเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะ"
พราวพิไลนึกขึ้นได้ว่าเธอมีตัวช่วยอยู่เพียงแต่ต้องลุกออกไปเอาเท่านั้นเองจึงออกอุบายว่าอยากจะเข้าหเองน้ำเพราะของที่ปอแก้วส่งมาให้เธอมันอยู่ในนั้น
"เร็วๆนะ"
"ค่ะ"
หิรัญยอมปล่อยหญิงสาวให้เธอไปจัดการธุระของเธอแต่โดยดีและนอนรอด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มบนเตียงอย่างสบายใจพรางคิดในใจอย่างเอ็นดูคนตัวเล็กว่าเธอจะแกล้งเป็นภรรยาของเขาไปอีกนานเท่าไร
ใช่แล้วเขาไม่ได้ความจำเสื่อมเขาเพียงแค่อยากทำตัวให้ลืมแฟนเก่าเขาไปก็เท่านั้นและหากเจอหน้าเธอเขาจะได้ทำเป็นไม่รู้จักเธอได้อย่างไม่มีข้อกังขาและรู้ว่าทุกคนจะไม่พูดถึงแฟนเก่าเขาอีกเป็นแน่และจะไม่ถามเรื่องอาการอกหักของเขาอีกแล้วด้วยแต่เขาก็ไม่คิดว่าแม่ของเขาจะแผนสูงพาสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มมาเล่นบทเป็นภรรยาของเขาแต่เขาเองก็อยากจะบอกคนเป็นแม่ว่าเธอคนนี้ช่างเป็นที่ต้องตาของเขาเสียเหลือเกินแถมยังเป็นคนทำให้เขาอมยิ้มได้อยู่บ่อยครั้งอีกด้วยและครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เขาอยากจะแกล้งเธอและดูซิว่าเธอนั้นจะรับมือเขาอย่างไร
"อยู่ไหนนะ..อ่อ..นี่.."
เมื่อได้รับคำอนุญาตจากชายหนุ่มพราวพิไลก็รีบวิ่งแจ้นเข้าห้องน้ำมาหาของของเธอทันทีเมื่อจัดการได้ไม่นานเธอก็ใส่ยาสลบในผ้าเช็ดหน้าเสร็จและรีบออกมาจากห้องน้ำทันที
"มานอนนี่สิ"
หิรัญที่นอนตะแคงชันหัวมองมาทางหญิงสาวเมื่อเห็นเธอออกมาจากห้องน้ำเขาก็ใช้มือตบที่นอนเบาๆเรียกเธอมานอนด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
"ค่ะ.."
พราวพิไลค่อยๆเดินมานอนข้างๆชายหนุ่มเมื่อเห็นว่าเขาหลับตาพริ้มจะก้มลงหอมเธอจึงรีบใช้ผ้าโปะจมูกของเขาไว้ก่อน
ฟอดดดดด
"อืม.."
เมื่อชายหนุ่มสูดดมสารที่ทำให้สลบไปเต็มๆจึงหลับคอพับคออ่อนไปในทันที
"เฮ้ออ...โล่งอก"
เมื่อเห็นชายหนุ่มหลับลงไปได้พราวพิไลก็ลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทีโล่งอกทั้งหันมองชายหนุ่มและส่ายหัววันนี้เธอรอดไปได้แต่ไม่รู้ว่าอีกหลายๆวันเธอจะผ่านมันไปแบบนี้ได้หรือเปล่าเดี๋ยวเธอคงต้องหาแผนการอะไรใหม่ๆที่ทำให้เขายุ่งกับเธอไม่ได้เสียแล้ว
เมื่อนั่งคิดอะไรเพลินๆจู่ๆเธอก็หน้าแดงขึ้นมาเพราะคำบางคำที่ชายหนุ่มพูดดันโผล่เข้ามาในหัวทำให้เธอรู้สึกเขินคนที่หลับอยู่แปลกๆ
"เขินทำไมเนี่ยพราว"
ยิ่งมองหน้าชายหนุ่มเธอก็ยิ่งเขินจึงใช้ผ้าห่มปิดหน้าของเขาเอาไว้และปิดไฟนอนอย่างสบายใจที่ไม่มีคนมายุ่มย่ามกับเธอแล้ว
วันต่อมา08.30 น."คุณหนูยังไม่ตื่นเหรอคะคุณพราว"อุ่นเรือนวันนี้ค่อนข้างสายแล้วแต่คุณหนูของเธอยังไม่ตื่นถึงถามถามพราวพิไรที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะอาหารด้วยความสงสัย"ยังเลยค่ะ"พราวพิไลส่ายกัวพร้อมยิ้มแหยๆเล็กน้อย"อ้าว.. นั่น.. วันนี้คุณหนูตื่นช้าจังล่ะคะ"อุ่นเรือนหันไปถามคนที่กำลังเดินเข้ามา"อ๋อ...เมื่อคืนคงจะเพลียๆน่ะครับ"หิรัญก็สงสัยตัวเองอยู่เหมือนกันว่าทำไมตอนตื่นมาถึงเพลียแปลกๆพวกคนที่ยืนอยู่ทั้งอุ่นเรือนบัวตองป้าพวงต่างยิ้มกริ่มเพราะคิดว่าทั้งคู่คงจะทำกิจกรรมอะไรกันจนดึกตามประสาสามีภรรยาถึงได้เพลียแต่คนที่ยิ้มไม่ออกเห็นจะเป็นมาลีเพราะเธอไม่ได้ปารถนาให้ทั้งคู่รักกันดี"ยิ้มอะไรกันเหรอคะ"พราวพิไลไม่เข้าใจว่าจู่ๆทั้งนมอุ่นและป้าพวงต่างก็อมยิ้มกันแปลกๆ"อ๋อ...ไม่มีอะไรหรอกค่ะ..ทานข้าวดีกว่านะคะ"อุ่นเรือนส่ายหัวเล็กน้อย10.00 น."ทำอะไรเหรอพราว"หิรัญเดินหาพราวหลังจากทานอาหารเสร็จเมื่อมาที่สวนข้างบ้านก็เห็นว่าหญิงสาวกำลังหยิบจับท่อนไม้ตอกลงดินอย่างขมักเขม้น"พราวเห็นว่าวันนี้ฝนน่าจะตกหนักค่ะเลยหาผ้ามาขึงกันต้นดอกไม้พวกนี้ไว้เดี๋ยวฝนตกหนักใส่แล้วจะตายซะก่อน""มาเดี๋ยวพี่ช่วย"หิรัญ
ในป่าบนภูเขา"ฝนตกหนักขนาดนี้จะตัดต่อยังไงไหวครับเสี่ย"คนงานตัดไม้รีบวิ่งมาบอกเสี่ยเคี้ยงว่าไม่มีใครตัดต้นไม้ต่อไหวเพราะฝนที่ตกหนักบวกกับดินที่ลื่นจึงทำให้ทำงานยาก"ยังไงก็ต้องตัดละวะต้องส่งไม้ให้ทันตามกำหนด"เสี่ยเคี้ยงจะให้คนงานหยุดการตัดไม้ลอตนี้ไม่ได้เพราะจะไม่ทันวันที่นัดส่งไม้กับลูกค้ารายใหญ่แล้วเขาจะเสียเครดิตเอาได้"นายครับ..ตำรวจ"ในขณะที่เสี่ยเกลี้ยงกำลังสั่งการกับคนงานอยู่นั้นก็มีคนงานอีกคนวิ่งตะโกนมาว่ามีตำรวจกำลังเข้ามาล้อมจับพวกตน"มาได้ไงวะ"เสี่ยเคี้ยงถึงกับหัวเสียกัดฟันกรอดที่ไม่รู้ว่าทำไมพวกตำรวจถึงได้มายุ่มย่ามกับงานของพวกตนได้"หนีมาทางนี้ก่อนครับนาย"คนสนิทเสี่ยเคี้ยงอย่างอาคมได้เตรียมแผนรับมือเอาไว้แล้วหากลูกน้องถูกจับเขาต้องพาเสี่ยเคี้ยงหนีไปก่อน"ยกมือขึ้นให้หมดตอนนี้ตำรวจได้ล้อมเอาไว้หมดแล้ว"ตำรวจใช้เวลาไม่นานก็จับคนงานและของกลางได้ทั้งหมดแต่หัวหน้าใหญ่อย่างเสี่ยเคี้ยงไม่มีใครจับได้และคำซักทอดจากผู้ต้องหาก็สาวไม่ถึงตัวการใหญ่ด้วยเพราะไม่มีใครปริปากพูดแม้แต่คนเดียวบ้านเสี่ยเคี้ยง"มันเป็นแบบนี้ได้ไงสารวัตร"เมื่อเสี่ยเคี้ยงกลับมาถึงบ้านเขาก็รีบให้อาคมตามสาร
"ผมคิดว่าพวกมันน่าจะใช้ที่นี่เป็นที่เก็บอะไรสักอย่างแต่ผมว่าไม่ใช่ไม้แน่นอนครับเพราะของพวกนี้พวกมันจะเอาไว้กับตัวนานไม่ได้""นายคิดว่าเป็นอะไรครับ"ลุงครามขมวดคิ้วเป็นปม"ถ้ากิจการไม่กี่อย่างของพวกมันทำให้รวยและมีอิทธิพลจนใครก็เกรงกลัวไม่ค้าสิ่งเสพติดก็ค้าอาวุธเถื่อนล่ะครับ""ผมชักไม่อยากจะให้นายยุ่งกับพวกมันเสียแล้วสิครับ"เมื่อได้ยินคนเป็นนายพูดแบบนั้นลุงครามเองก็ยิ่งคิดไม่ตกว่าอยากจะให้นายตัวเองยุ่งกับคนพวกนี้อีกดีหรือไม่"ผมรู้ว่าพวกมันรู้ว่าผมเลือกที่จะเป็นศรัตรูกับมันแล้วสักวันมันต้องหาทางเอาคืนผมอยู่ดีติดแค่ว่าวันไหนเท่านั้นเองดังนั้นเราต้องเตรียมแผนรับมือเอาไว้ก่อนและหากเป็นไปได้คนที่เป็นอันตรายต่อคนอื่นมากขนาดนี้ถอนรากถอนโคนพวกมันได้ก็ยิ่งดีครับ"หิรัญพูดด้วยสีหน้าที่แน่วแน่และใครก็ขัดเขาไม่ได้ด้วยเรือนศังกร17.00 น."นั่นขาคุณพราวเป็นอะไรคะ"มาลีเดินมาเห็นอุ่นเรือนกำลังนั่งพันผ้าที่ข้อเท้าของพราวพิไลอยู่ความอยากรู้ของเธอจึงบังเกิด"คุณพราวข้อเท้าเคล็ดนิดหน่อยไม่เป็นอะไรมากหรอก"อุ่นเรือนตอบแทนพราวพิไลเธอแอบไม่ชอบใจนิสัยช่างสอดกับคำพูดคำจาที่ไม่มีมารยาทของมาลีอยู่บ่อยครั้งแต
14.00 น."มาหาใครคะ"ตกบ่ายในขณะที่มาลีกำลังเดินถือวัตถุดิบจากโรงครัวของคนงานเข้ามาในครัวของเรือนเธอก็เห็นสาวสวยลงมาจากรถหรูด้วยท่าทีรีบร้อนหมายจะเดินเข้าไปในเรือนเธอจึงต้องรีบสะกัดเอาไว้ก่อน"ฉันมาหารัญเค้าอยู่ไหม"สุพิชชาสาวหน้าสวยหุ่นดีระดับนางงามมองสาวใช้อย่างมาลีด้วยหางตาและไม่ได้สนใจคำที่สาวใช้ตรงหน้าถามเลยสักนิดเอาแต่ถามหาหิรัญว่าเขาอยู่หรือเปล่า"คุณเป็นใคร"มาลีได้ยินว่าสาวสวยคนนี้มาหาคนเป็นนายก็เกิดอาการไม่พอใจทันทีทั้งยังไม่ยอมให้หญิงสาวเข้าไปข้างในง่ายๆ"ฉันเป็นคนสนิทกับเค้าเธอล่ะเป็นใครน่าจะเป็นแค่คนงานที่นี่อย่าสอดถามให้มันมากนักฉันถามก็แค่ตอบไม่ใช่มาย้อนถามฉัน"สุพิชชาพูดเสียงแข็งใส่มาลีด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์"ถ้าคุณไม่ตอบฉันคงให้คุณเข้าไปในบ้านไม่ได้"มาลียืนลอยหน้าลอยตาขวางอีกฝ่ายิย่างไม่เกรงกลัวตามประสาของเธอ"เธอนี่ช่างกล้านะ"สุพิชชาชี้หน้ามาลีทั้งเน้นเขี้ยวเน้นฟันพูดขู่คนตรงหน้า"มีอะไรกันลี...คุณมาหาใครคะ"ป้าพวงได้ยินเสียงดังเลยรีบออกมาจากในครัวเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น"ฉันมาหารัญฉันเป็นแฟนเค้าทีนี้มีสิทเข้าไปในบ้านได้หรือยัง"สุพิชชายืยกอดอกเชิดหน้าอย่างมั่นใจ"ยั
ครู่ต่อมา"ตกลงคุณเป็นใครกันแน่"ด้วยความสอดรู้สอดเห็นและอยากจะรู้เรื่องท่ี่แท้จริงมาลีจึงเดินออกมาหน้าเรือนในขณะที่สุพิชชากำลังจะขับรถกลับ"ฉันเป็นใครแล้วคนใช้อย่างเธอมายุ่งอะไรด้วย"สุพิชชามองมาลีด้วยหางตาและรีบขับรถกลับออกไปเพราะเธอไม่จำเป็นจะต้องบอกอะไรสาวใช้อย่างมาลี"หืม..นังหน้าพลาสติกฉันอุตส่าห์จะช่วยงั้นก็ช่วยเหลือตัวเองไปแล้วกัน"มาลีเห็นอาการสุพิชชาแล้วเธอก็หมั่นไส้สุดทนเธอตั้งใจว่าจะยืมมือสุพิชชากำจัดพราวพิไลเสียกน่อยแต่เหผ้นครั้งนี้เธอจะต้องเชียพราวพิไลแล้วล่ะมั้ง"......"หิรัญพาพราวพิไลมาในห้องนอนทั้งยืนจ้องมองเธอนานสองนานจนหญิงสาวรู้สึกแปลกๆ"พ..พี่รัญทำไมมองพราวแบบนั้นคะ""บอกความจริงได้ไหม""ค..ความจริงเรื่องอะไรคะ"พราวพิไลได้ยินคำถามก็เกิดกลืนน้ำลายไม่ลงคอเสียอย่างนั้น"ทำไมถึงยอมมาเล่นบทภรรยาพี่ที่นี่"หิรัญเดินมานั่งใกล้ๆกับพราวพิไลและถามเธอด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบไม่ได้บ่งบอกถึงอารมณ์ใดๆ"พ..พี่รัญรู้เหรอคะ"พราวพิไลเบิกตาโพรงตกใจเข้าไปอีกรอบ"ใช่..พี่จะบอกก็ได้ว่าพี่ไม่ได้ความจำเสื่อม""นี่แสดงว่าพี่รัญโกหกตั้งแต่แรก"หญิงสาวมองหน้าคนตัวโตอย่างไม่น่าเชื่อ"อืม..
ครู่ต่อมา"หึ่...นึกว่าจะไม่มาแล้วนะคะ"มาลีได้ยินเสียงรถมาจอดหน้าบ้านเธอจึงเดินมาดูเมื่อเห็นว่าเป็นสุพิชชาเธอจึงกรอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์"ถอย.."สุพิชชาไม่อยากจะเสวนากับมาลีเท่าไรจึงเดินผ่านมาลีอย่างไม่สนใจ"นายไม่อยู่หรอกยังไม่กลับเห็นว่าพาเมียเค้าไปเปลี่ยนบรรยากาศนอนที่อื่น"มาลียิ้มเยาะอีกฝ่ายอย่างสะใจ"ที่ไหน.."สุพิชชาหันกลับมาค้อนขวับใส่มาลีทันทีหลังจากหญิงสาวพูดจบ"ไม่รู้สินะ"มาลีเดินเยื้องย่างออกไปด้วยรอยยิ้มแห่งผู้ชนะที่ยั่วโมโหสุพิชชาได้"นี่..หื้มม.."สุพิชชากำมือแน่นกัดฟันกรอดที่ทุกอย่างไม่เป็นดั่งใจหอศังกร"พี่รัญคะ"พราวพิไลลุกจากเตียงนอนในช่วงสายออกทาจากห้องนอนเห็นหิรัญยืนชมวิวอยู่ที่ระเบียงจึงหน้ามุ่ยเล็กน้อยที่เขาตื่นแล้วแต่ไม่ยอมปลุกเธอ"ตื่นแล้วเหรอ""สายแล้วทำไมไม่ปลุกพราวล่ะคะ""พี่เห็นว่าพราวนอนดึกเลยไม่อยากปลุกแต่เช้า""นี่เราจะกลับกันรึยังคะ"เมื่อตื่นมาได้คนนอนน้อยอย่างพราวพิไลก็เริ่มหิวขึ้นมาเสียแล้วจึงอยากจะกลับไปที่เรือนทานอาหารเช้าเต็มทน"ไปสิ"20 นาทีต่อมาหิรัญใช้เวลาไม่นานก็ขับรถมาถึงเรือนทั้งสองเดินเข้ามาในบ้านก็ต้องมีสีหน้าเอือมระอาตั้งแต่มาถึง
ตลาดสด"เอาผักตามนี้จะ"บัวตองยื่นกระดาษให้แม่ค้าขายผักเช่นเดิมที่คนมาจ่ายตลาดจากไร่ทำทุกวันวันนี้เธอมาเองเพราะไม่อยากให้มาลีมาที่นี่อีกเพราะเบื่อที่จะฟังคนเขาลือกันเต็มทนเรื่องลูกสาวเธอกับเสี่ยเกลี้ยง"แล้ววันนี้ลูกสาวไม่มาเหรอบัวตอง""ฉันจะมาจ่ายตลาดเองแล้วล่ะ""ดีแล้วล่ะเตือนลูกแกให้อยู่ห่างๆเสี่ยเกลี้ยงหน่อยก็ดีนะ"แม่ค้าขายผักก็เห็นว่าดีแล้วที่มาลีไม่ต้องมาเพราะน้อยคนนักที่อยากจะคบค้าสมาคมกับเสี่ยเกลี้ยงถ้าไม่จำเป็น"ก็เพราะเหตุผลนี้นี่แหละที่ทำให้ฉันต้องมาจ่ายตลาดเอง"บัวตองตอบกลับอย่างเหลือใจ"ดีแล้ว"เย็นของวัน"ทำไมแม่ไม่ให้ฉันไปจ่ายตลาดเองล่ะ"มาลีหน้าบูดหน้าบึ้งที่เธอไม่ได้ไปจ่ายตลาดเองเช่นทุกวัน"ฉันไม่อยากให้แกเป็นขี้ปากใคร"บัวตองหันมามองค้อนทำหน้าไม่พอใจใส่คนเป็นลูกสาว"ฉันโตแล้วนะแม่เลิกห้ามโน่นห้ามนี่ซะทีได้ไหม"มาลีรำคาญที่คนเป็นแม่คอยเจ้ากี้เจ้าการกับชีวิตเธอแทบทุกเรื่องทั้งทีาเธอก็โตจนป่านนี้แล้ว"โตแล้วไม่มีหัวคิดอย่างแกฉันต้องคอยห้าม""โอ้ยยย.."มาลีกระฟัดกระเฟียดใส่คนเป็นแม่เพราะคิดว่าแม่เธอไม่เคยเข้าใจอะไรเธอเลย"แม่แกบ่นก็ห่วงแกนั่นแหละนังลี"พวงเองเห็นว่าสองแ
ครู่ต่อมา"ปวดจัง.."หลังจากที่เกวลินจากไปพักใหญ่แต่แพรวพิลาสยังคงปวดข้อเท้าอยู่ไม่หายที่ล้มลงไปเธอจึงพยายามนวดให้หายปวดด้วยสีหน้าที่ห่อเหี่ยว"มาพบท่านรองครับ"ภัคดนัยกรรมการอีกฝ่ายของที่นี่เดินมาหน้าห้องธรัฐเพื่อมาแจ้งข่าวกำหนดการการทำงานที่ญี่ปุ่น"สักครู่นะคะ..พี่นัย"แพรวพิลาสเงยหน้าขึ้นมาก็ยิ้มหน้่บานเมื่อเจอเพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทและไม่ได้เจอกันนานแล้วตั้งแต่เรียนจบ"อ้าวแพรวทำงานที่นี่เหรอ"ภัคดนัยเองก็ดีใจไม่แพ้กันเขาคิดว่าแพรวพิลาสจะทำงานอยู่สิงคโปร์เสียอีกไม่รู้ว่าเธอกลับมาตอนไหนเหมือนกัน"ค่ะแพรวพึ่งเข้ามาช่วยงานที่นี่ค่ะพี่นัยล่ะคะมาทำอะไรที่นี่""พี่มาพบท่านรองน่ะพอดีพี่ช่วยงานพ่อของนิที่นี่""พึ่งรู้นะคะเนี่ยไม่งั้นเราคงเจอกันไปนานแล้ว""พี่ดีใจมากเลยนะที่มีโอกาสได้เจอแพรวอีก""หลังจากนี้เราคงเจอกันบ่อยขึ้นแล้วล่ะค่ะ"ทั้งสองคุยกันหัวเราะเสียงดังอย่างสนิทสนมจนคนในห้องต้องออกมาดูว่าเลขาของเขานั้นยืนคุยอยู่กับใคร"อ้าวคุณนัย"ธรัฐมองท่าทีที่ภัคดนัยและแพรวพิลาสคุยกันก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะมันดูสนิทสนมกันมากเป็นพิเศษ"ท่านรองผมกำลังจะเข้าไปคุยเรื่องที่เราต้องไปดูงานที่ญี่ปุ่นพ