Share

ตอนที่12 ไม่ยอมสาวถึงตัวคนผิด

ในป่าบนภูเขา

"ฝนตกหนักขนาดนี้จะตัดต่อยังไงไหวครับเสี่ย"

คนงานตัดไม้รีบวิ่งมาบอกเสี่ยเคี้ยงว่าไม่มีใครตัดต้นไม้ต่อไหวเพราะฝนที่ตกหนักบวกกับดินที่ลื่นจึงทำให้ทำงานยาก

"ยังไงก็ต้องตัดละวะต้องส่งไม้ให้ทันตามกำหนด"

เสี่ยเคี้ยงจะให้คนงานหยุดการตัดไม้ลอต​นี้ไม่ได้เพราะจะไม่ทันวันที่นัดส่งไม้กับลูกค้ารายใหญ่แล้วเขาจะเสียเครดิตเอาได้

"นายครับ..ตำรวจ"

ในขณะที่เสี่ยเกลี้ยงกำลังสั่งการกับคนงานอยู่นั้นก็มีคนงานอีกคนวิ่งตะโกนมาว่ามีตำรวจกำลังเข้ามาล้อมจับพวกตน

"มาได้ไงวะ"

เสี่ยเคี้ยงถึงกับหัวเสียกัดฟันกรอดที่ไม่รู้ว่าทำไมพวกตำรวจถึงได้มายุ่มย่ามกับงานของพวกตนได้

"หนีมาทางนี้ก่อนครับนาย"

คนสนิทเสี่ยเคี้ยงอย่างอาคมได้เตรียมแผนรับมือเอาไว้แล้วหากลูกน้องถูกจับเขาต้องพาเสี่ยเคี้ยงหนีไปก่อน

"ยกมือขึ้นให้หมดตอนนี้ตำรวจได้ล้อมเอาไว้หมดแล้ว"

ตำรวจใช้เวลาไม่นานก็จับคนงานและของกลางได้ทั้งหมดแต่หัวหน้าใหญ่อย่างเสี่ยเคี้ยงไม่มีใครจับได้และคำซักทอดจากผู้ต้องหาก็สาวไม่ถึงตัวการใหญ่ด้วยเพราะไม่มีใครปริปากพูดแม้แต่คนเดียว

บ้านเสี่ยเคี้ยง

"มันเป็นแบบนี้ได้ไงสารวัตร"

เมื่อเสี่ยเคี้ยงกลับมาถึงบ้านเขาก็รีบให้อาคมตามสารวัตรมาคุยกันที่บ้านมนห้องลับอย่างเร่งด่วนเมื่อสารวัตรมาถึงเสี่ยเคี้ยงก็อาละวาดยกใหญ่ที่ได้ตกลงกับสารวัตรไว้แล้วว่างานของเขาในพื้นที่นี้จะไม่มีตำรวจมาก้าวก่าย

"เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทางผมควบคุมไม่ได้จริงๆเสี่ยเพราะคนที่สั่งการมาเป็นนายระดับสูง"

สารวัตรกิตติภูมหน้าเสียไม่น้อยเพราะเขาเองก็ควบคุมเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆเนื่องจากมีตำรวจระดับสูงสั่งการเรื่องนี้มาเองเขาก็ไม่มีสิทหืออืออะไรทั้งนั้น

"แล้วนายคุณมารู้เรื่องที่นี่ได้ไงถ้าไม่มีคนบอก"

"เห็นว่าทางไร่ศังกรเป็นคนแจ้งไปครับ"

กิตติภูมพูดเท่าที่เขารู้มาเท่านั้น

"มันต้องการจะเป็นศรัตรูกับฉันสินะ"

เสี่ยเคี้ยงฉุนหนักหากเรื่องนี้เป็นฝีมือของคนที่ไร่ก็อย่าหวังว่าไร่ศังกรจะอยู่กันอย่างสงบสุข

"เอาเป็นว่าเรื่องนี้ผมจะช่วยให้คนสาวไม่ถึงตัวเสี่ยละกันครับ"

"มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วเพราะถ้าผมซวยคุณก็คงไม่เหลือนะสารวัตร"

เสี่ยเคี้ยงรู้ดีว่ายังไงคนที่สน.ที่นี่ก็ไม่มีทางให้เรื่องมาถึงเขาอยู่แล้วเพราะถ้าเรื่องมาถึงเขาคนที่จะซวยคงไม่มีแค่เขาคนเดียวแน่นอน

วันต่อมา

"เรื่องเมื่อวานเรียบร้อยดีครับนายแต่พวกคนที่ถูกจับได้ก็ไม่ยอมสาวถึงตัวคนสั่งการครับ"

ลุงครามรีบมารายงานความคืบหน้าเรื่องที่ทำกันอยู่ลับๆสองคนกับหิรัญ

"ผมคิดไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนั้นเพราะการที่แจ้งทางการครั้งนี้ผมถือว่าเป็นการเตือนให้รู้ตัวถ้ายังไม่หยุดคงต้องสู้กันสักตั้ง"

หิรัญรู้ดีว่าเรื่องมันต้องออกมาเป็นแบบนี้อยู่แล้วที่เขาทำเพื่อเป็นการเตือนเท่านั้นเพราะถ้าหากมีอีกครั้งมีหรือคนอย่างเขาจะจัดการกับพวกมีอิทธิพลพวกนี้ไม่ได้

"อย่าหาว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะครับนายผมกลัวว่าถ้าพวกมันรู้ว่านายเป็นคนแจ้งทางการนายจะไม่ปลอดภัยเอานะครับ"

สิ่งที่ลุงครามเป็นกังวลไม่ใช่กลัวว่าจะจับพวกนั้นไม่ได้แต่กังวลเรื่องความปลอดภัยของคนเป็นนายต่างหาก

"ผมไม่กลัวอยู่แล้วครับลุงแล้วผมก็คิดว่าคนพวกนั้นน่าจะรู้แล้วด้วยหลังจากนี้ผมจะให้คนของผมมาคอยตรวจตราดูที่ไร่เพิ่มขึ้นด้วยลุงก็คอยเป็นหูเป็นตาให้รอบคอบกว่าเดิมด้วยนะครับ"

หิรัญเตรียมแผนรับมือเรื่องนี้เอาไว้แล้วอยู่เหมือนกัน

"ครับนาย"

บ่ายของวัน

"พี่รัญคะพราวมาอยู่นี่หลายวันแล้วทำไมยังไม่เคยเจอหมอโจเลยล่ะคะ"

พราวพิไลแอบสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมการที่จะเจอหมอโจนั้นยากเย็นเหลือเกิน

"อ๋อ..หมอโจเค้าไม่ค่อยว่างเท่าไรเสร็จจากงานที่ไร่เราก็ชอบไปตรวจดูพวกสัตว์ของคนในหมู่บ้านน่ะ"

"หางานหาเงินเพิ่มแบบนี้เหรอคะ"

หญิงสาวขมวดคิ้วสงสัย

"เปล่าหรอกหมอเค้าทำให้ฟรีน่ะได้เงินแค่ไร่เราเท่านั้น"

หิรัญส่ายหัวพร้อมอมยิ้มเป็นใครก็ต้องคิดแบบนี้หากยังไม่รู้จักหมอโจที่เขายุ่งนั้นเป็นเพราะชอบช่วยเหลือต่างหาก

"โหแบบนี้ต้องเรียกว่าฮีโร่แล้วใช่ไหมคะ"

พราวพิไลพยักหน้าเข้าใจ

"5555...ฮีโร่เหรอ"

คำพูดของหญิงสาวทำเอาหิรัญกลั้นขำไม่อยู่

"ค่ะ..วันหลังถ้าพราวเจอหมอโจพราวอยากจะขอช่วยเค้าบ้างแล้วเพราะอยู่ที่นี่เฉยๆมันก็น่าเบื่อ"

"อืมก็ได้ไว้เดี๋ยวพี่จะบอกให้ก็แล้วกันนะแต่เดี๋ยวพี่จะออกไปท้ายไร่ลุงครามสักพักนะ"

ชายหนุ่มไม่ปฏิเสธอยู่แล้วหากเป็นความต้องการของเธอเหลือแค่หมอโจจะอนุญาตรึเปล่าเท่านั้น

"ค่ะ..จะกลับมาช่วงกี่โมงคะ"

"น่าจะเย็นๆเกือบๆดึกน่ะทานข้าวเย็นได้เลยไม่ต้องรอพี่"

หิรัญมีนัดคุยงานกับลุงครามและคนของเขาที่พึ่งมาจากกรุงเทพเพื่อคุ้มกันที่นี่ให้แน่นหนาเขาเลยต้องมีการประชุมเตรียมตัววางแผนการทำงานกันพักใหญ่น่ากลับมาไม่ทันทานข้าวเย็นจึงต้องบอกหญิงสาวเอาไว้เพื่อที่เธอจะไม่ต้องรอเขา

"ค่ะ"

ชั่วโมงต่อมา

ท้ายไร่

"นี่พืชพรรณเราเสียหายเพราะพวกเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวแท้ๆ"

หิรัญดูร่องรอยจากน้ำป่าที่ไหลลงมาสร้างความเสียหายให้กับพืชพรรณของเขาก็อดโมโหไม่ได้เพราะคนที่เห็นแก่ได้ไม่สนแม้ว่าจะสร้างความเสียหายให้คนอื่นมากมายแค่ไหน

"นายครับผมได้ยินจากพวกคนงานมาว่าช่วงนี้พวกเสี่ยเคี้ยงมันยังเก็บตัวอยู่ครับไม่เคลื่อนไหวอะไรแม้แต่บ้านก็ยังไม่เปิดให้ใครเข้า"

ลุงครามรายงานคนเป็นนายตามที่ได้รับข่าวมา

"ลุงครามพอจะรู้รายละเอียดรึเปล่าว่าพวกนั้นทำกิจการอะไรบ้าง"

หิรัญเองก็ไม่ค่อยสนใจลงลึกกับพวกเสี่ยเคี้ยงเท่าไรแต่ตอนนี้เขาอยากจะรู้ให้ละเอียดมากขึ้นเสียแล้วเพราะเห็นว่าธุรกิจที่เห็นๆกันอยู่ไม่กี่อย่างไม่น่าจะทำให้เสี่ยเคี้ยงรวยจนมีอิทธิพลได้ขนาดนี้

"ก็มีเด่นๆก็เป็นตลาดกับโรงสีข้าวแล้วก็เปิดโกดังให้คนเช่าเก็บสินค้าแต่คนแถวนี้เค้าก็ไม่ได้มีสินค้าการเกษตรเยอะจนต้องเก็บนะครับเก็บผลผลิตได้ก็ขายไปเท่าที่มีแต่ผมก็ยังเห็นพวกเสี่ยเค้ายังดำรงกิจการนี้อยู่ผมว่าน่าจะเก็บอย่างอื่นมากกว่าเพราะผมรู้มาว่าคนเข้าออกที่นั่นบ่อยแถมยังเข้าได้แค่คนในเท่านั้น​ครับ"

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status