ในป่าบนภูเขา
"ฝนตกหนักขนาดนี้จะตัดต่อยังไงไหวครับเสี่ย"
คนงานตัดไม้รีบวิ่งมาบอกเสี่ยเคี้ยงว่าไม่มีใครตัดต้นไม้ต่อไหวเพราะฝนที่ตกหนักบวกกับดินที่ลื่นจึงทำให้ทำงานยาก
"ยังไงก็ต้องตัดละวะต้องส่งไม้ให้ทันตามกำหนด"
เสี่ยเคี้ยงจะให้คนงานหยุดการตัดไม้ลอตนี้ไม่ได้เพราะจะไม่ทันวันที่นัดส่งไม้กับลูกค้ารายใหญ่แล้วเขาจะเสียเครดิตเอาได้
"นายครับ..ตำรวจ"
ในขณะที่เสี่ยเกลี้ยงกำลังสั่งการกับคนงานอยู่นั้นก็มีคนงานอีกคนวิ่งตะโกนมาว่ามีตำรวจกำลังเข้ามาล้อมจับพวกตน
"มาได้ไงวะ"
เสี่ยเคี้ยงถึงกับหัวเสียกัดฟันกรอดที่ไม่รู้ว่าทำไมพวกตำรวจถึงได้มายุ่มย่ามกับงานของพวกตนได้
"หนีมาทางนี้ก่อนครับนาย"
คนสนิทเสี่ยเคี้ยงอย่างอาคมได้เตรียมแผนรับมือเอาไว้แล้วหากลูกน้องถูกจับเขาต้องพาเสี่ยเคี้ยงหนีไปก่อน
"ยกมือขึ้นให้หมดตอนนี้ตำรวจได้ล้อมเอาไว้หมดแล้ว"
ตำรวจใช้เวลาไม่นานก็จับคนงานและของกลางได้ทั้งหมดแต่หัวหน้าใหญ่อย่างเสี่ยเคี้ยงไม่มีใครจับได้และคำซักทอดจากผู้ต้องหาก็สาวไม่ถึงตัวการใหญ่ด้วยเพราะไม่มีใครปริปากพูดแม้แต่คนเดียว
บ้านเสี่ยเคี้ยง
"มันเป็นแบบนี้ได้ไงสารวัตร"
เมื่อเสี่ยเคี้ยงกลับมาถึงบ้านเขาก็รีบให้อาคมตามสารวัตรมาคุยกันที่บ้านมนห้องลับอย่างเร่งด่วนเมื่อสารวัตรมาถึงเสี่ยเคี้ยงก็อาละวาดยกใหญ่ที่ได้ตกลงกับสารวัตรไว้แล้วว่างานของเขาในพื้นที่นี้จะไม่มีตำรวจมาก้าวก่าย
"เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทางผมควบคุมไม่ได้จริงๆเสี่ยเพราะคนที่สั่งการมาเป็นนายระดับสูง"
สารวัตรกิตติภูมหน้าเสียไม่น้อยเพราะเขาเองก็ควบคุมเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆเนื่องจากมีตำรวจระดับสูงสั่งการเรื่องนี้มาเองเขาก็ไม่มีสิทหืออืออะไรทั้งนั้น
"แล้วนายคุณมารู้เรื่องที่นี่ได้ไงถ้าไม่มีคนบอก"
"เห็นว่าทางไร่ศังกรเป็นคนแจ้งไปครับ"
กิตติภูมพูดเท่าที่เขารู้มาเท่านั้น
"มันต้องการจะเป็นศรัตรูกับฉันสินะ"
เสี่ยเคี้ยงฉุนหนักหากเรื่องนี้เป็นฝีมือของคนที่ไร่ก็อย่าหวังว่าไร่ศังกรจะอยู่กันอย่างสงบสุข
"เอาเป็นว่าเรื่องนี้ผมจะช่วยให้คนสาวไม่ถึงตัวเสี่ยละกันครับ"
"มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วเพราะถ้าผมซวยคุณก็คงไม่เหลือนะสารวัตร"
เสี่ยเคี้ยงรู้ดีว่ายังไงคนที่สน.ที่นี่ก็ไม่มีทางให้เรื่องมาถึงเขาอยู่แล้วเพราะถ้าเรื่องมาถึงเขาคนที่จะซวยคงไม่มีแค่เขาคนเดียวแน่นอน
วันต่อมา
"เรื่องเมื่อวานเรียบร้อยดีครับนายแต่พวกคนที่ถูกจับได้ก็ไม่ยอมสาวถึงตัวคนสั่งการครับ"
ลุงครามรีบมารายงานความคืบหน้าเรื่องที่ทำกันอยู่ลับๆสองคนกับหิรัญ
"ผมคิดไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนั้นเพราะการที่แจ้งทางการครั้งนี้ผมถือว่าเป็นการเตือนให้รู้ตัวถ้ายังไม่หยุดคงต้องสู้กันสักตั้ง"
หิรัญรู้ดีว่าเรื่องมันต้องออกมาเป็นแบบนี้อยู่แล้วที่เขาทำเพื่อเป็นการเตือนเท่านั้นเพราะถ้าหากมีอีกครั้งมีหรือคนอย่างเขาจะจัดการกับพวกมีอิทธิพลพวกนี้ไม่ได้
"อย่าหาว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะครับนายผมกลัวว่าถ้าพวกมันรู้ว่านายเป็นคนแจ้งทางการนายจะไม่ปลอดภัยเอานะครับ"
สิ่งที่ลุงครามเป็นกังวลไม่ใช่กลัวว่าจะจับพวกนั้นไม่ได้แต่กังวลเรื่องความปลอดภัยของคนเป็นนายต่างหาก
"ผมไม่กลัวอยู่แล้วครับลุงแล้วผมก็คิดว่าคนพวกนั้นน่าจะรู้แล้วด้วยหลังจากนี้ผมจะให้คนของผมมาคอยตรวจตราดูที่ไร่เพิ่มขึ้นด้วยลุงก็คอยเป็นหูเป็นตาให้รอบคอบกว่าเดิมด้วยนะครับ"
หิรัญเตรียมแผนรับมือเรื่องนี้เอาไว้แล้วอยู่เหมือนกัน
"ครับนาย"
บ่ายของวัน
"พี่รัญคะพราวมาอยู่นี่หลายวันแล้วทำไมยังไม่เคยเจอหมอโจเลยล่ะคะ"
พราวพิไลแอบสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมการที่จะเจอหมอโจนั้นยากเย็นเหลือเกิน
"อ๋อ..หมอโจเค้าไม่ค่อยว่างเท่าไรเสร็จจากงานที่ไร่เราก็ชอบไปตรวจดูพวกสัตว์ของคนในหมู่บ้านน่ะ"
"หางานหาเงินเพิ่มแบบนี้เหรอคะ"
หญิงสาวขมวดคิ้วสงสัย
"เปล่าหรอกหมอเค้าทำให้ฟรีน่ะได้เงินแค่ไร่เราเท่านั้น"
หิรัญส่ายหัวพร้อมอมยิ้มเป็นใครก็ต้องคิดแบบนี้หากยังไม่รู้จักหมอโจที่เขายุ่งนั้นเป็นเพราะชอบช่วยเหลือต่างหาก
"โหแบบนี้ต้องเรียกว่าฮีโร่แล้วใช่ไหมคะ"
พราวพิไลพยักหน้าเข้าใจ
"5555...ฮีโร่เหรอ"
คำพูดของหญิงสาวทำเอาหิรัญกลั้นขำไม่อยู่
"ค่ะ..วันหลังถ้าพราวเจอหมอโจพราวอยากจะขอช่วยเค้าบ้างแล้วเพราะอยู่ที่นี่เฉยๆมันก็น่าเบื่อ"
"อืมก็ได้ไว้เดี๋ยวพี่จะบอกให้ก็แล้วกันนะแต่เดี๋ยวพี่จะออกไปท้ายไร่ลุงครามสักพักนะ"
ชายหนุ่มไม่ปฏิเสธอยู่แล้วหากเป็นความต้องการของเธอเหลือแค่หมอโจจะอนุญาตรึเปล่าเท่านั้น
"ค่ะ..จะกลับมาช่วงกี่โมงคะ"
"น่าจะเย็นๆเกือบๆดึกน่ะทานข้าวเย็นได้เลยไม่ต้องรอพี่"
หิรัญมีนัดคุยงานกับลุงครามและคนของเขาที่พึ่งมาจากกรุงเทพเพื่อคุ้มกันที่นี่ให้แน่นหนาเขาเลยต้องมีการประชุมเตรียมตัววางแผนการทำงานกันพักใหญ่น่ากลับมาไม่ทันทานข้าวเย็นจึงต้องบอกหญิงสาวเอาไว้เพื่อที่เธอจะไม่ต้องรอเขา
"ค่ะ"
ชั่วโมงต่อมา
ท้ายไร่
"นี่พืชพรรณเราเสียหายเพราะพวกเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวแท้ๆ"
หิรัญดูร่องรอยจากน้ำป่าที่ไหลลงมาสร้างความเสียหายให้กับพืชพรรณของเขาก็อดโมโหไม่ได้เพราะคนที่เห็นแก่ได้ไม่สนแม้ว่าจะสร้างความเสียหายให้คนอื่นมากมายแค่ไหน
"นายครับผมได้ยินจากพวกคนงานมาว่าช่วงนี้พวกเสี่ยเคี้ยงมันยังเก็บตัวอยู่ครับไม่เคลื่อนไหวอะไรแม้แต่บ้านก็ยังไม่เปิดให้ใครเข้า"
ลุงครามรายงานคนเป็นนายตามที่ได้รับข่าวมา
"ลุงครามพอจะรู้รายละเอียดรึเปล่าว่าพวกนั้นทำกิจการอะไรบ้าง"
หิรัญเองก็ไม่ค่อยสนใจลงลึกกับพวกเสี่ยเคี้ยงเท่าไรแต่ตอนนี้เขาอยากจะรู้ให้ละเอียดมากขึ้นเสียแล้วเพราะเห็นว่าธุรกิจที่เห็นๆกันอยู่ไม่กี่อย่างไม่น่าจะทำให้เสี่ยเคี้ยงรวยจนมีอิทธิพลได้ขนาดนี้
"ก็มีเด่นๆก็เป็นตลาดกับโรงสีข้าวแล้วก็เปิดโกดังให้คนเช่าเก็บสินค้าแต่คนแถวนี้เค้าก็ไม่ได้มีสินค้าการเกษตรเยอะจนต้องเก็บนะครับเก็บผลผลิตได้ก็ขายไปเท่าที่มีแต่ผมก็ยังเห็นพวกเสี่ยเค้ายังดำรงกิจการนี้อยู่ผมว่าน่าจะเก็บอย่างอื่นมากกว่าเพราะผมรู้มาว่าคนเข้าออกที่นั่นบ่อยแถมยังเข้าได้แค่คนในเท่านั้นครับ"
"ผมคิดว่าพวกมันน่าจะใช้ที่นี่เป็นที่เก็บอะไรสักอย่างแต่ผมว่าไม่ใช่ไม้แน่นอนครับเพราะของพวกนี้พวกมันจะเอาไว้กับตัวนานไม่ได้""นายคิดว่าเป็นอะไรครับ"ลุงครามขมวดคิ้วเป็นปม"ถ้ากิจการไม่กี่อย่างของพวกมันทำให้รวยและมีอิทธิพลจนใครก็เกรงกลัวไม่ค้าสิ่งเสพติดก็ค้าอาวุธเถื่อนล่ะครับ""ผมชักไม่อยากจะให้นายยุ่งกับพวกมันเสียแล้วสิครับ"เมื่อได้ยินคนเป็นนายพูดแบบนั้นลุงครามเองก็ยิ่งคิดไม่ตกว่าอยากจะให้นายตัวเองยุ่งกับคนพวกนี้อีกดีหรือไม่"ผมรู้ว่าพวกมันรู้ว่าผมเลือกที่จะเป็นศรัตรูกับมันแล้วสักวันมันต้องหาทางเอาคืนผมอยู่ดีติดแค่ว่าวันไหนเท่านั้นเองดังนั้นเราต้องเตรียมแผนรับมือเอาไว้ก่อนและหากเป็นไปได้คนที่เป็นอันตรายต่อคนอื่นมากขนาดนี้ถอนรากถอนโคนพวกมันได้ก็ยิ่งดีครับ"หิรัญพูดด้วยสีหน้าที่แน่วแน่และใครก็ขัดเขาไม่ได้ด้วยเรือนศังกร17.00 น."นั่นขาคุณพราวเป็นอะไรคะ"มาลีเดินมาเห็นอุ่นเรือนกำลังนั่งพันผ้าที่ข้อเท้าของพราวพิไลอยู่ความอยากรู้ของเธอจึงบังเกิด"คุณพราวข้อเท้าเคล็ดนิดหน่อยไม่เป็นอะไรมากหรอก"อุ่นเรือนตอบแทนพราวพิไลเธอแอบไม่ชอบใจนิสัยช่างสอดกับคำพูดคำจาที่ไม่มีมารยาทของมาลีอยู่บ่อยครั้งแต
14.00 น."มาหาใครคะ"ตกบ่ายในขณะที่มาลีกำลังเดินถือวัตถุดิบจากโรงครัวของคนงานเข้ามาในครัวของเรือนเธอก็เห็นสาวสวยลงมาจากรถหรูด้วยท่าทีรีบร้อนหมายจะเดินเข้าไปในเรือนเธอจึงต้องรีบสะกัดเอาไว้ก่อน"ฉันมาหารัญเค้าอยู่ไหม"สุพิชชาสาวหน้าสวยหุ่นดีระดับนางงามมองสาวใช้อย่างมาลีด้วยหางตาและไม่ได้สนใจคำที่สาวใช้ตรงหน้าถามเลยสักนิดเอาแต่ถามหาหิรัญว่าเขาอยู่หรือเปล่า"คุณเป็นใคร"มาลีได้ยินว่าสาวสวยคนนี้มาหาคนเป็นนายก็เกิดอาการไม่พอใจทันทีทั้งยังไม่ยอมให้หญิงสาวเข้าไปข้างในง่ายๆ"ฉันเป็นคนสนิทกับเค้าเธอล่ะเป็นใครน่าจะเป็นแค่คนงานที่นี่อย่าสอดถามให้มันมากนักฉันถามก็แค่ตอบไม่ใช่มาย้อนถามฉัน"สุพิชชาพูดเสียงแข็งใส่มาลีด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์"ถ้าคุณไม่ตอบฉันคงให้คุณเข้าไปในบ้านไม่ได้"มาลียืนลอยหน้าลอยตาขวางอีกฝ่ายิย่างไม่เกรงกลัวตามประสาของเธอ"เธอนี่ช่างกล้านะ"สุพิชชาชี้หน้ามาลีทั้งเน้นเขี้ยวเน้นฟันพูดขู่คนตรงหน้า"มีอะไรกันลี...คุณมาหาใครคะ"ป้าพวงได้ยินเสียงดังเลยรีบออกมาจากในครัวเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น"ฉันมาหารัญฉันเป็นแฟนเค้าทีนี้มีสิทเข้าไปในบ้านได้หรือยัง"สุพิชชายืยกอดอกเชิดหน้าอย่างมั่นใจ"ยั
ครู่ต่อมา"ตกลงคุณเป็นใครกันแน่"ด้วยความสอดรู้สอดเห็นและอยากจะรู้เรื่องท่ี่แท้จริงมาลีจึงเดินออกมาหน้าเรือนในขณะที่สุพิชชากำลังจะขับรถกลับ"ฉันเป็นใครแล้วคนใช้อย่างเธอมายุ่งอะไรด้วย"สุพิชชามองมาลีด้วยหางตาและรีบขับรถกลับออกไปเพราะเธอไม่จำเป็นจะต้องบอกอะไรสาวใช้อย่างมาลี"หืม..นังหน้าพลาสติกฉันอุตส่าห์จะช่วยงั้นก็ช่วยเหลือตัวเองไปแล้วกัน"มาลีเห็นอาการสุพิชชาแล้วเธอก็หมั่นไส้สุดทนเธอตั้งใจว่าจะยืมมือสุพิชชากำจัดพราวพิไลเสียกน่อยแต่เหผ้นครั้งนี้เธอจะต้องเชียพราวพิไลแล้วล่ะมั้ง"......"หิรัญพาพราวพิไลมาในห้องนอนทั้งยืนจ้องมองเธอนานสองนานจนหญิงสาวรู้สึกแปลกๆ"พ..พี่รัญทำไมมองพราวแบบนั้นคะ""บอกความจริงได้ไหม""ค..ความจริงเรื่องอะไรคะ"พราวพิไลได้ยินคำถามก็เกิดกลืนน้ำลายไม่ลงคอเสียอย่างนั้น"ทำไมถึงยอมมาเล่นบทภรรยาพี่ที่นี่"หิรัญเดินมานั่งใกล้ๆกับพราวพิไลและถามเธอด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบไม่ได้บ่งบอกถึงอารมณ์ใดๆ"พ..พี่รัญรู้เหรอคะ"พราวพิไลเบิกตาโพรงตกใจเข้าไปอีกรอบ"ใช่..พี่จะบอกก็ได้ว่าพี่ไม่ได้ความจำเสื่อม""นี่แสดงว่าพี่รัญโกหกตั้งแต่แรก"หญิงสาวมองหน้าคนตัวโตอย่างไม่น่าเชื่อ"อืม..
ครู่ต่อมา"หึ่...นึกว่าจะไม่มาแล้วนะคะ"มาลีได้ยินเสียงรถมาจอดหน้าบ้านเธอจึงเดินมาดูเมื่อเห็นว่าเป็นสุพิชชาเธอจึงกรอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์"ถอย.."สุพิชชาไม่อยากจะเสวนากับมาลีเท่าไรจึงเดินผ่านมาลีอย่างไม่สนใจ"นายไม่อยู่หรอกยังไม่กลับเห็นว่าพาเมียเค้าไปเปลี่ยนบรรยากาศนอนที่อื่น"มาลียิ้มเยาะอีกฝ่ายอย่างสะใจ"ที่ไหน.."สุพิชชาหันกลับมาค้อนขวับใส่มาลีทันทีหลังจากหญิงสาวพูดจบ"ไม่รู้สินะ"มาลีเดินเยื้องย่างออกไปด้วยรอยยิ้มแห่งผู้ชนะที่ยั่วโมโหสุพิชชาได้"นี่..หื้มม.."สุพิชชากำมือแน่นกัดฟันกรอดที่ทุกอย่างไม่เป็นดั่งใจหอศังกร"พี่รัญคะ"พราวพิไลลุกจากเตียงนอนในช่วงสายออกทาจากห้องนอนเห็นหิรัญยืนชมวิวอยู่ที่ระเบียงจึงหน้ามุ่ยเล็กน้อยที่เขาตื่นแล้วแต่ไม่ยอมปลุกเธอ"ตื่นแล้วเหรอ""สายแล้วทำไมไม่ปลุกพราวล่ะคะ""พี่เห็นว่าพราวนอนดึกเลยไม่อยากปลุกแต่เช้า""นี่เราจะกลับกันรึยังคะ"เมื่อตื่นมาได้คนนอนน้อยอย่างพราวพิไลก็เริ่มหิวขึ้นมาเสียแล้วจึงอยากจะกลับไปที่เรือนทานอาหารเช้าเต็มทน"ไปสิ"20 นาทีต่อมาหิรัญใช้เวลาไม่นานก็ขับรถมาถึงเรือนทั้งสองเดินเข้ามาในบ้านก็ต้องมีสีหน้าเอือมระอาตั้งแต่มาถึง
ตลาดสด"เอาผักตามนี้จะ"บัวตองยื่นกระดาษให้แม่ค้าขายผักเช่นเดิมที่คนมาจ่ายตลาดจากไร่ทำทุกวันวันนี้เธอมาเองเพราะไม่อยากให้มาลีมาที่นี่อีกเพราะเบื่อที่จะฟังคนเขาลือกันเต็มทนเรื่องลูกสาวเธอกับเสี่ยเกลี้ยง"แล้ววันนี้ลูกสาวไม่มาเหรอบัวตอง""ฉันจะมาจ่ายตลาดเองแล้วล่ะ""ดีแล้วล่ะเตือนลูกแกให้อยู่ห่างๆเสี่ยเกลี้ยงหน่อยก็ดีนะ"แม่ค้าขายผักก็เห็นว่าดีแล้วที่มาลีไม่ต้องมาเพราะน้อยคนนักที่อยากจะคบค้าสมาคมกับเสี่ยเกลี้ยงถ้าไม่จำเป็น"ก็เพราะเหตุผลนี้นี่แหละที่ทำให้ฉันต้องมาจ่ายตลาดเอง"บัวตองตอบกลับอย่างเหลือใจ"ดีแล้ว"เย็นของวัน"ทำไมแม่ไม่ให้ฉันไปจ่ายตลาดเองล่ะ"มาลีหน้าบูดหน้าบึ้งที่เธอไม่ได้ไปจ่ายตลาดเองเช่นทุกวัน"ฉันไม่อยากให้แกเป็นขี้ปากใคร"บัวตองหันมามองค้อนทำหน้าไม่พอใจใส่คนเป็นลูกสาว"ฉันโตแล้วนะแม่เลิกห้ามโน่นห้ามนี่ซะทีได้ไหม"มาลีรำคาญที่คนเป็นแม่คอยเจ้ากี้เจ้าการกับชีวิตเธอแทบทุกเรื่องทั้งทีาเธอก็โตจนป่านนี้แล้ว"โตแล้วไม่มีหัวคิดอย่างแกฉันต้องคอยห้าม""โอ้ยยย.."มาลีกระฟัดกระเฟียดใส่คนเป็นแม่เพราะคิดว่าแม่เธอไม่เคยเข้าใจอะไรเธอเลย"แม่แกบ่นก็ห่วงแกนั่นแหละนังลี"พวงเองเห็นว่าสองแ
ครู่ต่อมา"ปวดจัง.."หลังจากที่เกวลินจากไปพักใหญ่แต่แพรวพิลาสยังคงปวดข้อเท้าอยู่ไม่หายที่ล้มลงไปเธอจึงพยายามนวดให้หายปวดด้วยสีหน้าที่ห่อเหี่ยว"มาพบท่านรองครับ"ภัคดนัยกรรมการอีกฝ่ายของที่นี่เดินมาหน้าห้องธรัฐเพื่อมาแจ้งข่าวกำหนดการการทำงานที่ญี่ปุ่น"สักครู่นะคะ..พี่นัย"แพรวพิลาสเงยหน้าขึ้นมาก็ยิ้มหน้่บานเมื่อเจอเพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทและไม่ได้เจอกันนานแล้วตั้งแต่เรียนจบ"อ้าวแพรวทำงานที่นี่เหรอ"ภัคดนัยเองก็ดีใจไม่แพ้กันเขาคิดว่าแพรวพิลาสจะทำงานอยู่สิงคโปร์เสียอีกไม่รู้ว่าเธอกลับมาตอนไหนเหมือนกัน"ค่ะแพรวพึ่งเข้ามาช่วยงานที่นี่ค่ะพี่นัยล่ะคะมาทำอะไรที่นี่""พี่มาพบท่านรองน่ะพอดีพี่ช่วยงานพ่อของนิที่นี่""พึ่งรู้นะคะเนี่ยไม่งั้นเราคงเจอกันไปนานแล้ว""พี่ดีใจมากเลยนะที่มีโอกาสได้เจอแพรวอีก""หลังจากนี้เราคงเจอกันบ่อยขึ้นแล้วล่ะค่ะ"ทั้งสองคุยกันหัวเราะเสียงดังอย่างสนิทสนมจนคนในห้องต้องออกมาดูว่าเลขาของเขานั้นยืนคุยอยู่กับใคร"อ้าวคุณนัย"ธรัฐมองท่าทีที่ภัคดนัยและแพรวพิลาสคุยกันก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะมันดูสนิทสนมกันมากเป็นพิเศษ"ท่านรองผมกำลังจะเข้าไปคุยเรื่องที่เราต้องไปดูงานที่ญี่ปุ่นพ
"อะไรนะ"ธรัฐเองก็พึ่งรู้ข้อนี้เหมือนกันถึงว่าทำไมดูภัคดนัยกับแพรวพิลาสจะสนิทสนมกันเป็นพิเศษ"เอาเป็นว่าคุณสบายใจได้ว่าเมื่อคืนนัยไม่ได้อยู่กับแพรวเพราะผมก็อยู่ห้องตรงข้ามกับแพรวทำไมผมจะไม่รู้เมื่อเช้าเธอก็มาทำงานพร้อมผม"ความจริงเป็นอย่างไรไม่รู้แต่เขาขอแก้ผ้าเอาหน้ารอดไปก่อนเพื่อที่ทุกคนจะได้ไม่มีปัญหากัน"จริงเหรอคะ"นิรชาดูใจชื้นขึ้นมาหน่อย"คุณนัยเค้าอาจจะไปหาที่นอนที่อื่นก็ได้เพราะเลี่ยงที่จะทะเลาะกับคุณถ้าเค้ากลับบ้านคุณก็เคลียกันให้ดี""ค่ะ.."นิรชายอมรับฟังความคิดเห็นจากธรัฐและยอมกลับไปแต่โดยดี17.00 น."แพรว"ภัคดนัยเดินมาหาแพรวในช่วงเวลาเลิกงานเพื่อที่จะขอไปส่งหญิงสาวอีกเพราะเขารู้สึกว่าเมื่ออยู่กับเธอหรือได้พูดคุยกันมันทำให้เขาสบายใจขึ้นอย่างมาก"พี่นัย""วันนี้พี่ขอไปส่งแพรวอีกนะ""เอ่อ..ไม่เป็นไรค่ะแพรวกลับกับท่านรองเอ่อ..แล้วเมื่อวานพี่นัยไปไหนมาคะตอนเช้าพี่นิถึงตามมาที่นี่"แพรวพิลาสขอปฏิเสธจะดีกว่าเพราะเธอไม่อยากมีปัญหากับใครอีกทั้งถามเรื่องที่ภัคดนัยไม่กลับบ้านจนนิรชาต้องตามมาที่นี่อีกด้วย"คือพี่ทะเลาะกับเค้านิดหน่อยเลยไม่อยากกลับบ้าน"ภัคดนัยพูดด้วยแววตาที่เศร้าหมอ
ครู่ต่อมาเมื่อทั้งสามมาถึงเพลิงก็ได้ไหม้ไปเกือบหมดแล้วแต่คนงานก็ยังห่วงของข้างในห้องตัวเองจึงไม่ลดละที่จะหาน้ำหาท่ามาดับไฟรถดับเพลิงที่เรียกมาก็เข้ามาค่อนข้างช้าเพราะทางเข้าไล่ค่อนข้างลำบาก"ทุกคนหนีออกมาก่อนของช่างมันเดี๋ยวฉันจะซื้อให้ใหม่"หิรัญตะโกนก้องบอกทุกคนให้ละจาดการดับไฟเพราะห่วงความปลอดภัยของลูกไร่ของทุกอย่สงหาซื้อใหม่ได้แต่ชีวิตคนหาซื้อไม่ได้"ออกมาก่อน""ลูกแม่...ฮือๆๆๆ.."หิรัญหันไปเห็นคนงานผู้หญิงที่กำลังพยายามจะเข้าไปในกองไฟให้ได้แต่ก็ถูกคนที่ทำงานด้วยกันรั้งเอาไว้เขาจึงต้องเข้าไปดูว่ามันมีปัญหาเรื่องอะไรถึงอยากจะเข้าไปในกองเพลิงนัก"อะไรกัน""ลูกฉันอยู่ข้างในจะนาย..ช่วยลูกฉันด้วย"หญิงสาวภรรยาคนงานที่เป็นแม่ลูกอ่อนร้องให้ขอร้องหิรัญด้วยสีหน้าแทบขาดใจว่าให้ช่วยลูกสาววัยสองขวบของเธอที่อยู่ด้านในกองเพลิงด้วย"ได้.."หิรัญไม่ลังเลเลยสักนิดเขาถอดเสื้อชุบน้ำคลุมหัววิ่งฝ่าเข้าไปในกองเพลิงโดยไม่ห่วงชีวิต"พ..พี่รัญ""คุณพราวอย่าตามไปครับ"พราวพิไลเห็นหิรัญวิ่งเข้าไปข้างในกองเพลิงด้วยความเป็นห่วงเธอจึงวิ่งตามไปแต่ดีที่ลุงครามได้รั้งเธอเอาไว้ก่อน"ไฟลุกโชนขนาดนั้นพี่รัญจะปลอดภั