"โอเคนะจ๊ะ"
หทัยรัตน์มองหน้าพราวพิไลอย่างเป็นกังวลเล็กๆหวังว่าหญิงสาวจะไม่เปลี่ยนใจตอนนี้หรอกนะ
"ค่ะ..พร้อมค่ะ"
"ตามแม่มาเลยจะ"
เมื่อพราวพิไลพยักหน้าหทัยรัตน์จึงโล่งอกและเดินนำหน้าหญิงสาวมาด้านใน
"น้องมาแล้วนะรัญ"
"......"
หิรัญหันหน้ามามองหญิงสาวร่างเล็กผมยาวสวยหน้าจิ้มลิ้มสะกดสายตาเขามองเธอด้วยอาการแน่นิ่งจนคนรอบข้างดูไม่ออกว่าเขานั้นคิดอะไรอยู่
"พี่รัญ...พราวคิดถึงพี่มากๆเลยค่ะ...พราวดีใจมากเลยนะคะที่พี่รัญดีขึ้นมากๆแล้ว"
"เอ่อ.."
พราวพิไลมองชายหนุ่มที่หล่อเหลานึกว่าหลุดออกมาจากปกนิตยสารทั้งรีบฉีกยิ้มกว้างรวบรวมความกล้ารีบวิ่งโล่เข้ามาโผกอดคนที่นั่งอยู่ที่โซฟาแน่นทั้งยังซุกอกแกร่งจนคนตัวโตที่ตั้งตัวไม่ถูกนั่งตัวแข็งทื่อ
"ท่าคุณพราวจะคิดถึงคุณหนูมากเลยนะคะ"
อุ่นเรือนยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
"ค่ะ..นม.."
พราวพิไลพยักหน้าให้อุ่นเรือนพรางขยิบตารู้กัน
"อืม...แม่ครับผมอยากจะเข้าห้องพักผ่อนแล้ว"
หิรัญหันไปบอกคนเป็นแม่ทั้งยังรีบยกมือประคองโอบร่างเล็กที่เอาแต่กอดเขาอยู่ไว้เบาๆ
"อ๋อ..จะ..งั้นเดี๋ยวแม่พาไปนะ"
"ก็ภรรยาผมมาแล้วนี่ครับให้เธอดูแลผมก็ได้อีกอย่างผมเองก็อยากคุยกับเธออยู่หลายเรื่องเลย"
หิรัญปฏิเสธด้วยรอยยิ้มเล็กๆทำเอาพราวพิไลหน้าเจื่อนอย่างเห็นได้ชัดเมื่อรู้ว่าต่อจากนี้จะต้องอยู่ในห้องกับชายหนุ่มที่พึ่งเจอกันสองต่อสอง
"0*0"
คำพูดของหิรัญทำเอาพราวพิไลอ้าปากค้างเล็กน้อย
"งั้น...ก็...เชิญตามสบายนะ"
หทัยรัตน์ยิ้มแห้งๆพรางมองไปที่พราวพิไลและหวังว่สเธอจะรับมือได้เป็นอย่างดี
"ไป...เข้าห้องกัน"
หิรัญเดินจูงร่างเล็กไปหน้าตาเฉยตรงไปยังห้องนอนของเขา
"ค..ค่ะ.."
หญิงสาวแอบมีสีหน้ากังวลหันกลับมามองหทัยรัตน์เล็กน้อยอีกฝ่ายก็ได้แต่ยกมือบอกให้สู้ๆเท่านั้นเพราะตอนนี้เธอยุ่งอะไรไม่ได้แล้วเหมือนกัน
แกร๊กกก
"...พราวว่าเรื่องคุยกันเอาไว้ก่อนดีกว่าค่ะ...ถ้าพี่รัญอยากพักผ่อนก็พักไปก่อนเลยค่ะ.."
หิรัญเดินจูงพราวพิไลมานั่งอยู่ที่เตียงนุ่มสีขาวของเขาบริเวณในห้องค่อนข้างจะกว้างพอสมควรแต่หญิงสาวในตอนนี้ดันรู้สึกอึดอัดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดทั้งยังนั่งตัวรีบเกร็งจนชายหนุ่มต้องอุ้มคนตัวเล็กมานั่งพิงที่หัวเตียงข้างๆเขา
"อืม...งั้นพราวมานอนข้างๆพี่สิมาเหนื่อยๆนอนพักสักแปปตื่นมาก็น่าจะเย็นพอดี.."
"เอ่อ...พราว..ม..ไม่ค่อยง่วงเท่าไรค่ะ"
"อย่าลุกไปไหนเลยถ้าพราวไม่ง่วงเรานอนคุยกันก็ได้"
"อืม..ฮืมม.."
พราวพิไลรีบถดตัวลงจากเตียงแต่ถูกมือหนารั้งเอาไว้ให้เธอนอนลงหญิงสาวจึงทำได้แต่ยิ้มแหยๆเท่านั้นเธอรู้สึกใจเต้นไม่ค่อยเป็นส่ำเท่าไรที่ดูเหมือนเธอจะประมาทคิดว่าน่าจะไม่มีอะไรเกินไปซะแล้วสิ
"พี่รู้จากคุณแม่มาว่าเราแต่งงานกันก่อนที่พี่จะเกิดอุบัติเหตุช่วยบอกพี่หน่อยสิว่าเราเจอกันรักกันได้ยังไงเพราะที่พี่จำได้ว่าพี่กับพราวเรายังไม่เคยเจอกัน"
หิรัญนอนตะแคงใช้แขนชันหัวมาทางหญิงสาวทั้งถามคำถามที่อยากได้ยินคำตอบจากปากของคนหน้าจิ้มลิ้มที่ยิ้มหน้าเจื่อนอยู่ตรงหน้าของเขา
"อืม...ก็เราเจอกันตอน..ที่..งานเลี้ยงงานนึงน่ะค่ะ"
"งั้นเหรอ...แล้วเราตกลงคบกันตอนไหน"
หิรัญเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเขาไม่ค่อยออกงานสังคมเท่าไรแต่เธอกลับตอบว่าเจอเขาตามงานเลี้ยงเสียอย่างนั้น
"คือพราวเป็นคนจีบพี่รัญก่อนเองค่ะหลังจากนั้นเราก็คุยกันมาเรื่อยๆแล้วก็ตกลงแต่งงานกัน"
"เรื่องราวมีแค่นี้เองเหรอ.."
"ค่ะ..อืมพราวรู้สึกง่วงแล้วขอนอนก่อนนะคะ"
พราวพิไลชิงแกล้งง่วงไปก่อนเพราะตอนนี้เธอไม่รู้ว่าเขาจะถามคำถามลงลึกอะไรอีก
"อืม..ก็ได้"
การแกล้งหลับของหญิงสาวเป็นไปได้ไม่นานเธอก็ผลอยหลับไปจริงเพราะว่าบรรยากาศตอนที่ฝนตกมาจนเย็นชุ่มฉ่ำมันทำให้เธอเคลิ้มหลับไปอย่างง่ายดาย
สำนักงานธนาคาร
"ลุงขอบใจมากนะที่มาช่วยงานลุง"
พิศมัยและแพรวพิลาสนั่งคุยกันอยู่ในห้องผู้บริหารระดับสูงของธนาคารนั่นก็คืออนุชิตสามีของหทัยรัตน์นั่นเองอนุชิตยินดีที่จะได้คนเก่งๆอย่สงแพรวพิลาสมาทำงานด้วยเพราะเขารู้ว่าเธอเก่งเรื่องบัญชีจากปากของหทัยรัตน์อยู่บ่อยครั้งจากนี้ลูกชายคนเล็กของเขาจะได้มีคนมาช่วยงานเสียที
"แพรวเธอเต็มใจค่ะ"
"เก่งๆอย่างนี้ลุงจะให้หนูแพรวมาเป็นผู้ช่วยตารัฐแล้วกัน"
"ผู้ช่วยคุณรัฐเหรอคะ"
แพรวพิลาสเคยรู้จักธรัฐจากในข่าวแต่เธอเองก็ไม่เคยเจอตัวจริงเสียทีไม่รู้ว่าเธอกับเขาจะทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดีหรือไม่แต่นั่นก็ต้องลองกันสักตั้งมันอาจจะราบรื่นมากกว่าที่เธอคิดเอาไว้ก็ได้
"ใช่เป็นเลขานุการกรรมการผู้จัดการหนูแพรวรับงานนี้ไหม"
"ถ้าคุณลุงเห็นว่าแพรวมีศักยภาพในการทำงานนี้ได้แพรวก็จะทำให้เต็มที่ึค่ะ"
"คุณพ่อครับ"
ธรัฐเดินเข้าห้องคนเป็นพ่อโดยที่ไม่ได้เคาะประตูเพราะคิดว่าคงไม่มีแขกอยู่
"ตารัฐเข้ามาพอดีนี่น้าพิศมัยกับหนูแพรวพิลาส"
อนุชิตแนะนำให้ธรัฐได้รู้จักกับคนทั้งสองเพราะวันนี้เป็นวันแรกที่ธรัฐนั้นได้เจอคนทั้งสองครั้งแรกหลังจากที่รู้จักกันเพียงชื่อมานาน
"สวัสดีครับ"
ธรัฐค่อนข้างตกใจเล็กน้อยเขาไม่คิดว่าโลกมันจะกลมจนเกินไปเพราะหญิงสาวคนที่เขาเจอที่ร้านอาหารแถมยังพ่วงข้อหาชอบแย่งสามีคนอื่นเป็นคนรู้จักกับพ่อแม่ของเขามานมนานแถมเท่าที่เขารู้มาลูกสาวบ้านนี้เรียนจบได้ก็เพราะเงินของแม่เขาอีกด้วย
"สวัสดีจะ"
"สวัสดีค่ะ"
พิศมัยทักทายชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มแพรวพิลาสก็รีบยกมือสวัสดีอีกฝ่ายทั้งส่งยิ้มหวานทักทายอย่างเป็นมิตรด้วยเช่นกัน
"คุณพ่อเรียกผมมามีอะไรหรือเปล่าครับ"
ธรัฐแอบยืนนิ่งงันกับรอยยิ้มหวานๆกับลักยิ้มที่สองพวงแก้มของหญิงสาวอยู่ครู่หนึ่งจึงรีบผละสายตามองมาทางคนเป็นพ่อโดยทันทีเพราะรอยยิ้มแบบนี้สินะถึงได้มีปัญหาแบบวันนั้นเขาคิดในใจ
"พ่อจะให้หนูแพรวมาเป็นเลขาแกหนูแพรวเก่งมากคงจะช่วยงานแกได้เยอะ"
"อ๋อ..ครับเรื่องพ่อจะแจ้งผมมีเท่านี้ใช่ไหมครับงั้นผมขอตัวไปทำงานต่อก่อน"
ธรัฐค่อนข้างไม่ค่อยพอใจเท่าไรนักที่พ่อของเขาให้คนมาช่วยงานโดยที่ไม่บอกเขาก่อนแต่ต่อหน้าผู้ใหญ่ทั้งสองเขาจึงไม่อยากพูดอะไรตอนนี้เพียงแค่เดินออกจากห้องไปหน้าตาเฉยเท่านั้นหากหญิงสาวมีความสามารถทำงานได้จริงก็คงอยู่กับเขาได้แต่ถ้ามาทำไปวันๆเขาไล่ตะเพิดกลับอย่างไม่เกรงใจแน่
"......"
พิศมัยและแพรวพิลาสค่อนข้างงงกับอาการของธรัฐอยู่อย่างมากที่ท่าทีของเขาดูไม่ออกเลยว่ายินดีหรือยินร้ายที่จะมีผู้ช่วย
"ตารัฐก็แบบนี้ล่ะครับทำอะไรรีบๆร้อนๆผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ตารัฐเหมือนจะเสียมารยาท"อนุชิตพอจะดูอาการของลูกชายของเขาออกจึงต้องเอ่ยปากขอโทษคนทั้งสอง"ไม่เป็นไรค่ะคุณรัฐน่าจะยุ่งๆจริงแหละค่ะ"พิศมัยคิดในแง่ดรเอาไว้ก่อนเพราะเธอไม่อยากทำให้ลูกสาวของเธอเสียขวัญก่อนจะเริ่มงาน"แล้วหนูแพรวพร้อมที่จะทำงานที่นี่เมื่อไร""แพรวพร้อมเริ่มงานทันทีค่ะ""งั้นเป็นพรุ่งนี้ก็แล้วกันนะเดี๋ยวลุงจะให้ศจีเลขาลุงสอนงานเราสักสามวันก่อน""ค่ะคุณลุง"เมื่อตกลงกันได้ทั้งสามก็อยู่คุยกันไม่นานพิศมัยจึงพาแพรวพิลาสกลับเย็นของวันไร่ศังกร"อืม..."พราวพิไลตื่นขึ้นมาในช่วงเย็นแต่เธอไม่เห็นหิรัญจึงรีบลุกจากเตียงเปิดประตูออกมาข้างนอก"คุณแม่คะพี่รัญล่ะคะ"หญิงดาวเดินมาหาหทัยรัตน์ที่นั่งดูทีวีอยู่ตรงโซนนั่งเล่น"ออกไปเดินหน้าบ้านน่ะฝนพึ่งหยุดตกอากาศกำลังดี""อ๋อ..ค่ะ..""พรุ่งนี้แม่จะกลับแล้วนะหนูพราว""ทำไมเร็วจังล่ะคะ"พราวพิไลถึงกับใจหายวาบเธอคิดว่าหทัยรัตน์จะอยู่ที่นี่กับเธอและหิรัญเสียอีก"แม่มีธุระหลายอย่างที่ต้องทำทางนี้แม่ก็ฝากพี่เค้าด้วยนะ"หทัยรัตน์ถือโอกาสนี้ฝากฝังให้พราวพิไลดูแลลูกชายของเธอเสียเลยเพราะเ
วันต่อมาหิรัญขับรถกระบะพาพราวพิไลไล่ชมรอบๆตั้งแต่เช้าจนมาหยุดอยู่ที่หนึ่งซึ่งเหล่าคนงานกำลังจับกลุ่มกันง่วนด้วยใบหน้าเคร่งเครียดเหมือนกำลังมีปัญหากันอยู่หนึ่งในนั้นคือลุงครามผู้จัดการไร่ร่วมด้วย"ดูอะไรกันเหรอครับหน้าเคร่งเครียดเชียว"พราวพิไลและหิรัญลงจากรถมาดูเหล่าคนงานทั้งถามถึงเหตุที่ต้องมารวมกันตรงนี้ด้วยท่าทีเป็นกังวล"นายครับผมว่าจะเข้าไปหาอยู่พอดีเลยครับ"ลุงครามพอเห็นคนเป็นเจ้านายมาที่นี่พอดีจึงรีบเดินมาต้อนรับ"มีอะไรครับ""ก็แปลงผักเราสิครับทางโน้นที่ติดตีนเขาพอฝนตกหนักเข้าน้ำก็หลากจากเขาจนผักเสียหายเยอะเลย"ลุงครามชี้ไปทางแปลงผักที่อยู่ใกล้ๆกับตีนเขา"ปกติไม่เป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอครับ"หิรัญขมวดคิ้วเป็นปมแน่นพราวพิไลเองก็ยืนฟังด้วยสีหน้ากังวลถึงปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นที่ไร่หิรัญเองก็เห็นว่าปกติแล้วถึงฝนจะตกแรงแค่ไหนน้ำในป่าก็ไม่น่าจะหลากลงมาแรงขนาดทำให้แปลงผักเสียหายได้"ครับ..เห็นคนงานในไร่ที่ไปหาของป่าบอกว่ามีกลุ่มคนเข้าไปลักลอบตัดไม้ข้างในจนเป็นเวิ้งกว้าง"ลุงครามพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เบาลงเหมือนแค่อยากให้เรื่องนี้รู้แค่วงแคบๆเท่านั้น"ถ้ามีเรื่องแบบนี้แล้วทำไมไม่มีใครแจ
"นี่หยุดเดี๋ยวนี้นะ...ออกไปจากที่ของผมเดี๋ยวนี้"ธรัฐถอดเสื้อสูทของเขาออกคลุมร่างแพรวพิลาสเอาไว้และรีบไล่คนนอกทั้งสองออกไปทันทีเขาจำได้ว่าผู้หญิงคนที่ทำร้ายแพรวพิลาสคือคนที่มาอาละวาดหญิงสาวที่ร้านอาหารในวันนั้นและถ้าเดาไม่ผิดผู้ชายที่ยืนดูผู้หญิงตบตีกันหน้าตาเฉยคงจะเป็นตัวต้นเหตุเป็นแน่"ไปแน่...แล้วคุณเป็นเจ้าของที่นี่ใช่ไหม...บอกอีนี่ด้วยว่าอย่ามานัดผัวชาวบ้านมาพลอดรักแบบนี้อีก"นาถลดาตะคอกใส่ธรัฐและแพรวพิลาสก่อนจะดึงสามีของเธอให้รีบเดินออกไป"ฉันไม่ได้นัดนะคะ...ส่วนคุณก็เลิกยุ่งกับฉันซะที"แพรวพิลาสหลบอยู่ในอ้อมอกของธรัฐตอนนี้เธอตัวสั่นเป็นลูกนกพร้อมเค้นเสียงบอกนาถลดาด้วยเสียงสั่นเครือและอติรุจก็เช่นกันเธออยากพูดครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายว่าให้เขาเลิกยุ่งกับเธอซะที"แพรว..""นี่หยุดนะคุณรุจ"นาถลดากระชากคนเป็นสามีออกไปจากห้องอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นอติรุจทำท่าทีอาลัยอาวรแพรวพิลาสอยู่"เตือนไว้ก่อนอย่าให้ถึงวันที่ฉันหมดความอดทนแล้วแกจะไม่ได้มาเดินลอยหน้าลอยตาแบบนี้หรอก"ก่อนจะปิดประตูนาถลดายังมิวายส่งเสียงขู่แพรวพิลาสอีกครั้ง"ฮึก..อือ..ฮือ....ขอบคุณนะคะ"เมื่อทั้งสองออกไปแล้วแพรวพิลาสก
"ไม่จริง.."อติรุจดูเหมือนจะไม่ยอมรับความจริงกับสิ่งที่ได้ยินสักเท่าไรนักพยายามมองหน้าแพรวพิลาสแต่หญิงสาวก็ไม่ชายตามองมาทางเขาแม้แต่น้อย"จริงเลิกยุ่งกับภรรยาผมซะทีแล้วเอาเวลาไปดูลูกเมียตัวเองไม่อย่างนั้นผมจะแจ้งความจับคุณในข้อหาคุกคามความเป็นส่วนตัว"เมื่อขู่คนตรงหน้าเสร็จธรัฐก็รีบดึงมือหญิงสาวเดินดุ่มๆเข้าลิฟท์ไปในทันที"แพรว..."ทิ้งให้อติรุจยืนอึ้งกับคำที่พึ่งได้ยินจนหน้าเสียอย่างเห็นได้ชัดครู่ต่อมา"คุณไปพูดแบบนั้นได้ไงคะ"เมื่อขึ้นลิฟท์มาถึงชั้นที่ทั้งคู่อยู่แพรวพิลาสจึงรีบดึงมือออกจากชายหนุ่มและถามอีกฝ่ายด้วยสีหน้าบึ้งตึงเพราะเธอไม่ชอบคำที่เขาบอกกับอติรุจว่าเธอเป็นภรรยาเขาแม้แต่นิดเดียวไม่ใช่ว่ากลัวอติรุจเข้าใจผิดแต่เธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่คนแถวนั้นที่ได้ยินเขาจะคิดกันยังไง"มันจะได้เลิกยุ่งกับคุณไง..ถึงห้องคุณแล้วเข้าไปสิ""ค่ะ.."ธรัฐยังคงตอบหญิงสาวหน้าตาเฉยเฉกเช่นเดิมทั้งยังไล่หญิงสาวเข้าห้องตัวเองไปด้วยเขาจะได้เข้าห้องพักผ่อนเช่นกันซึ่งห้องเขาก็อยู่ตรงข้ามกับเธอนี่เองแกร๊กกแพรวพิลาสเปิดประตูและหันกลับมาหาชายหนุ่มจนธรัฐต้องหันมามองเธอพร้อมขมวดคิ้วสงสัย"อะไร...""ขอบคุณ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา"อ้าว..ลุงครามมีอะไรเหรอครับ"หิรัญเดินออกมาหาลุงครามที่หน้าบ้าน"ของคุณพราวมาส่งน่ะครับ""อ๋อ.."ลุงครามยื่นพัสดุให้กับหิรัญ"ของพราวใช่ไหมคะ"พราวพิไลอาบน้ำแต่งตัวเสร็จทันเวลาที่ของเพื่อนเธอส่งมาพอดีเมื่อเห็นกล่องอยู่ในมือชายหนุ่มจึงรีบแย่งออกมาอย่างรวดเร็ว"อะไรเหรอ"หิรัญหันหน้าถามพราวพิไลอย่างสงสัยว่าด้านในเป็นอะไรเธอถึงได้หวงขนาดนั้น"ก็..เป็นพวกน้ำหอมที่พราวสั่งให้เพื่อนซื้อส่งมาให้น่ะค่ะไม่มีอะไรขอบคุณนะคะลุงครามที่เอามาให้"หญิงสาวพูดเสร็จก็รีบวิ่งกลับเข้าห้องหาที่ซ่อนของทันทีอันที่จริงแล้วมันเป็นยาสลบที่เธอสั่งให้เพื่อนเธอซื้อส่งมาให้ต่างหากเอาไว้ใช้ในเวลาที่ฉุกเฉินครู่ต่อมาโต๊ะอาหาร"ป้าพวงขาพราวขอข้าวเพิ่มอีกนะคะ"ตอนนี้พราวพิไลและหิรัญร่วมโต๊ะอาหารเย็นกันอยู่พักใหญ่วันนี้กับจ้าวค่อนข้างอร่อยเป็นพิเศษจนหญิงสาวต้องขอข้าวเพิ่ม"ได้เลยค่ะคุณพราว""ของหวานมาแล้วค่ะ..."ปึก"ว้าย..ขอโทษค่ะคุณพราว"มาลีตั้งใจที่จะให้กล้วยบวชชีในมือหกใส่พราวพิไลเธอแกล้งตกใจกับเรื่องที่เธอจงใจทำเพื่อให้ดูเป็นอุบัติเหตุ"ไม่เป็นไร.."พราพิไลเงยหน้าส่งยิ้มให้มาลีแต่สีหน้าของเธอต
วันต่อมา08.30 น."คุณหนูยังไม่ตื่นเหรอคะคุณพราว"อุ่นเรือนวันนี้ค่อนข้างสายแล้วแต่คุณหนูของเธอยังไม่ตื่นถึงถามถามพราวพิไรที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะอาหารด้วยความสงสัย"ยังเลยค่ะ"พราวพิไลส่ายกัวพร้อมยิ้มแหยๆเล็กน้อย"อ้าว.. นั่น.. วันนี้คุณหนูตื่นช้าจังล่ะคะ"อุ่นเรือนหันไปถามคนที่กำลังเดินเข้ามา"อ๋อ...เมื่อคืนคงจะเพลียๆน่ะครับ"หิรัญก็สงสัยตัวเองอยู่เหมือนกันว่าทำไมตอนตื่นมาถึงเพลียแปลกๆพวกคนที่ยืนอยู่ทั้งอุ่นเรือนบัวตองป้าพวงต่างยิ้มกริ่มเพราะคิดว่าทั้งคู่คงจะทำกิจกรรมอะไรกันจนดึกตามประสาสามีภรรยาถึงได้เพลียแต่คนที่ยิ้มไม่ออกเห็นจะเป็นมาลีเพราะเธอไม่ได้ปารถนาให้ทั้งคู่รักกันดี"ยิ้มอะไรกันเหรอคะ"พราวพิไลไม่เข้าใจว่าจู่ๆทั้งนมอุ่นและป้าพวงต่างก็อมยิ้มกันแปลกๆ"อ๋อ...ไม่มีอะไรหรอกค่ะ..ทานข้าวดีกว่านะคะ"อุ่นเรือนส่ายหัวเล็กน้อย10.00 น."ทำอะไรเหรอพราว"หิรัญเดินหาพราวหลังจากทานอาหารเสร็จเมื่อมาที่สวนข้างบ้านก็เห็นว่าหญิงสาวกำลังหยิบจับท่อนไม้ตอกลงดินอย่างขมักเขม้น"พราวเห็นว่าวันนี้ฝนน่าจะตกหนักค่ะเลยหาผ้ามาขึงกันต้นดอกไม้พวกนี้ไว้เดี๋ยวฝนตกหนักใส่แล้วจะตายซะก่อน""มาเดี๋ยวพี่ช่วย"หิรัญ
ในป่าบนภูเขา"ฝนตกหนักขนาดนี้จะตัดต่อยังไงไหวครับเสี่ย"คนงานตัดไม้รีบวิ่งมาบอกเสี่ยเคี้ยงว่าไม่มีใครตัดต้นไม้ต่อไหวเพราะฝนที่ตกหนักบวกกับดินที่ลื่นจึงทำให้ทำงานยาก"ยังไงก็ต้องตัดละวะต้องส่งไม้ให้ทันตามกำหนด"เสี่ยเคี้ยงจะให้คนงานหยุดการตัดไม้ลอตนี้ไม่ได้เพราะจะไม่ทันวันที่นัดส่งไม้กับลูกค้ารายใหญ่แล้วเขาจะเสียเครดิตเอาได้"นายครับ..ตำรวจ"ในขณะที่เสี่ยเกลี้ยงกำลังสั่งการกับคนงานอยู่นั้นก็มีคนงานอีกคนวิ่งตะโกนมาว่ามีตำรวจกำลังเข้ามาล้อมจับพวกตน"มาได้ไงวะ"เสี่ยเคี้ยงถึงกับหัวเสียกัดฟันกรอดที่ไม่รู้ว่าทำไมพวกตำรวจถึงได้มายุ่มย่ามกับงานของพวกตนได้"หนีมาทางนี้ก่อนครับนาย"คนสนิทเสี่ยเคี้ยงอย่างอาคมได้เตรียมแผนรับมือเอาไว้แล้วหากลูกน้องถูกจับเขาต้องพาเสี่ยเคี้ยงหนีไปก่อน"ยกมือขึ้นให้หมดตอนนี้ตำรวจได้ล้อมเอาไว้หมดแล้ว"ตำรวจใช้เวลาไม่นานก็จับคนงานและของกลางได้ทั้งหมดแต่หัวหน้าใหญ่อย่างเสี่ยเคี้ยงไม่มีใครจับได้และคำซักทอดจากผู้ต้องหาก็สาวไม่ถึงตัวการใหญ่ด้วยเพราะไม่มีใครปริปากพูดแม้แต่คนเดียวบ้านเสี่ยเคี้ยง"มันเป็นแบบนี้ได้ไงสารวัตร"เมื่อเสี่ยเคี้ยงกลับมาถึงบ้านเขาก็รีบให้อาคมตามสาร
"ผมคิดว่าพวกมันน่าจะใช้ที่นี่เป็นที่เก็บอะไรสักอย่างแต่ผมว่าไม่ใช่ไม้แน่นอนครับเพราะของพวกนี้พวกมันจะเอาไว้กับตัวนานไม่ได้""นายคิดว่าเป็นอะไรครับ"ลุงครามขมวดคิ้วเป็นปม"ถ้ากิจการไม่กี่อย่างของพวกมันทำให้รวยและมีอิทธิพลจนใครก็เกรงกลัวไม่ค้าสิ่งเสพติดก็ค้าอาวุธเถื่อนล่ะครับ""ผมชักไม่อยากจะให้นายยุ่งกับพวกมันเสียแล้วสิครับ"เมื่อได้ยินคนเป็นนายพูดแบบนั้นลุงครามเองก็ยิ่งคิดไม่ตกว่าอยากจะให้นายตัวเองยุ่งกับคนพวกนี้อีกดีหรือไม่"ผมรู้ว่าพวกมันรู้ว่าผมเลือกที่จะเป็นศรัตรูกับมันแล้วสักวันมันต้องหาทางเอาคืนผมอยู่ดีติดแค่ว่าวันไหนเท่านั้นเองดังนั้นเราต้องเตรียมแผนรับมือเอาไว้ก่อนและหากเป็นไปได้คนที่เป็นอันตรายต่อคนอื่นมากขนาดนี้ถอนรากถอนโคนพวกมันได้ก็ยิ่งดีครับ"หิรัญพูดด้วยสีหน้าที่แน่วแน่และใครก็ขัดเขาไม่ได้ด้วยเรือนศังกร17.00 น."นั่นขาคุณพราวเป็นอะไรคะ"มาลีเดินมาเห็นอุ่นเรือนกำลังนั่งพันผ้าที่ข้อเท้าของพราวพิไลอยู่ความอยากรู้ของเธอจึงบังเกิด"คุณพราวข้อเท้าเคล็ดนิดหน่อยไม่เป็นอะไรมากหรอก"อุ่นเรือนตอบแทนพราวพิไลเธอแอบไม่ชอบใจนิสัยช่างสอดกับคำพูดคำจาที่ไม่มีมารยาทของมาลีอยู่บ่อยครั้งแต