"หลังจากที่กลับมาจากบ้านท่านในวันนั้น สามีของข้าเห็นว่าครอบครัวกำลังจะอดตาย เกรงว่าผู้คนจะก่นด่า ท่านแม่สามีว่า เป็นหญิงชั่วช้า ใจดำอำมหิต จึงกระเสือกกระสนนำกระดาษแผ่นนี้ไปที่ศาลากลาง เพื่อตัดขาดครอบครัวออกจากบ้านใหญ่ ไม่ให้ผู้คนก่นด่าท่านได้"
เชอะ! เรื่องกลับขาวเป็นดำ เอาความดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น นางก็ทำเป็น นางเว่ยหลัวหลานถลึงตาใส่ลูกสะใภ้คนกลาง มือไม้สั่นระริก เมื่อถูกหลอกด่า เว่ยหานหมิงเห็นว่าตอนนี้ครอบครัวของตนเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แผนการที่เขากับมารดาวางไว้ถือว่าไร้ที่ติ คาดไม่ถึงว่าเป็นเพราะเขาประมาทพี่รองจนเกินไป ทำให้อีกฝ่ายพลิกกลับมาชนะได้ หานหมิงพิจารณาทุกอย่าง อย่างรอบคอบอีกครั้ง ไม่เพียงแต่พี่ชายของเขาที่เปลี่ยนไป แต่คนที่เปลี่ยนไปมากที่สุดคือ พี่สะใภ้หรือ คนรักเก่าของเขานั่นเอง หานหมิงนึกทบทวนถึงสายตาของนางที่มองมายังเขา ความรัก ความห่วงหา อาลัยอาวรณ์ ที่เคยมี บัดนี้กับถูกแทนที่ด้วยความเย็นชา และเหินห่าง หากเขารู้ว่า นางมากความสามารถเช่นนี้ เขาคงจะเกลี้ยกล่อมมารดาให้ได้แต่งงานกับนาง แทนที่จะปล่อยให้พี่รองแย่งวาสนาเขาไปเช่นนี้ ในเมื่อตอนนี้ การใช้ไม้แข็งไปก็รังแต่จะแตกหัก มิสู้ใช้ไม้อ่อน อย่างน้อยพวกเขายังจะได้ประโยชน์จากความสัมพันธ์นี้อยู่บ้าง "พี่สะใภ้ที่ท่านกล่าวมานั้นก็ไม่ถูกทั้งหมด สายสัมพันธ์แม่ลูกจะตัดขาดกันด้วยเหตุผลแค่นี้ได้ยังไง ตอนนั้นที่ท่านแม่ทำรุนแรงเช่นนั้นเพราะอารมณ์โมโห และเลอะเลือนไปชั่วขณะ พี่รองเป็นคนกตัญญู คงจะไม่ถือสาท่านแม่กระมัง" เว่ยเหนียนเหยาเหลือบมองน้องชายของสามี บุรุษผู้นี้ถือว่าเฉลียวฉลาดทีเดียว รู้ว่าเวลาไหนควรรุก เวลาไหนควรถอย "ช่างเถอะอาหมิง พวกเขาปลีกกล้าขาแข็ง จนลืมไปแล้วกระมังว่า ตอนนี้ซุกหัวนอนอยู่ในที่ของใคร" "ที่นั่นไม่ใช่ ท่านแม่สามียกให้ท่านพี่แล้วหรือเจ้าคะ" หญิงสาวแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องที่ดิน โชคดีที่แม้น้องสามีจะฉลาด แต่แม่สามีดูไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่ "ท่านแม่ เรื่องนี้......" เว่ยหานหมิงพยายามจะเอ่ยปากห้ามแต่ก็พูดไม่ทันมารดา "ข้าก็แค่ให้ครอบครัวของเจ้าเข้าไปอาศัยอยู่ แต่ชื่อยังเป็นของข้ากับสามี ตอนนี้พวกเจ้าอยากจะตัดความสัมพันธ์กับครอบครัว ยังจะกล้าหน้าด้านอยู่ในที่ดินของข้าอีกอย่างนั้นหรือ" หญิงสาวหัวเราะในใจ เชิญร้ายมาเลยเจ้าค่ะท่านแม่สามี พวกข้าอยากเป็นผู้โดนกระทำจะแย่อยู่แล้ว "แล้วท่านแม่จะให้ข้าทำเช่นไรขอรับ" หานตงก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า มารดาจะใจร้ายกับเขาได้ถึงเพียงไหน "ท่านแม่ข้าว่า....." หานหมิงพยายามจะเอ่ยห้ามมารดาอีกครั้ง "อาหมิง เจ้าไม่ต้องมาช่วยพูดแทนพวกเขาเลย ในเมื่อพวกเขาไม่เห็นพวกเราเป็นญาติ เจ้าจะพูดแทนพวกเขาทำไม" นางเว่ยหมัวหลานพยายามพูดให้ครอบครัวตัวเองดีขึ้นในสายตาของชาวบ้านอีกครั้ง ชาวบ้านทั้งหลายต่างเบ้ปาก ที่พวกเขายังไม่ไปไหน เพราะอยากดูเรื่องสนุกของผู้อื่นต่างหาก "อาตง หากพวกเจ้ายังอยากจะมีที่ซุกหัวนอน ก็ต้องจ่ายค่าเช่าให้กับบ้านข้าเดือนละ หนึ่งตำลึงทอง หาไม่แล้วก็ไสหัวไปให้พ้นจากบ้านข้าเสียตั้งแต่วันนี้" ชาวบ้านทุกคนต่างสูดปาก นางเว่ยหมัวหลานบ้าไปแล้วหรือไง บ้านซอมซ่อหลังนั้น จะให้ลูกชายจ่ายเงินให้นางถึง หนึ่งตำลึงทอง "เรื่องนี้ข้ายกให้ภรรยาข้าเป็นคนตัดสินใจ" หานตงรู้ดีกว่า ภรรยายังลังเลหลายอย่าง เพราะเป็นห่วงความรู้สึกของเขา ที่เขาพูดเช่นนี้เพื่อให้นางรู้ว่า ต่อไป ไม่ว่านางจะทำอะไร ทุกอย่างเขาล้วนสนับสนุนนาง "ถ้าท่านแม่ต้องการแบบนั้น ข้าก็ไม่ขัดข้องเจ้าค่ะ วันนี้ข้าจะมอบเงินหนึ่งตำลึงทอง ให้ท่านต่อหน้าทุกคนในที่นี้" คราวนี้ชาวบ้านฮือฮาอีกครั้ง แม้จะรู้ว่าครอบครัวของหานตงมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่ไม่คิดว่าจะดีถึงขนาดมอบเงินหนึ่งตำลึงทองออกมาได้ในทันที มิน่าเล่านางเว่ยหมัวหลานถึงอยากจะให้บุตรชายกลับเข้าบ้านใหญ่ถึงเพียงนี้ "ยังมีอีก ปรกติอาตงจะเป็นคนออกเงินค่าซ่อมแซมศาลบรรพชนในส่วนของบ้านใหญ่ แต่ปีนี้มีผู้ใจบุญออกเงินซ่อมแซมให้ ในเมื่อปีนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินส่วนนี้ งั้นก็นำเงินส่วนนี้ มอบเข้ามาในกองกลางของบ้านใหญ่ อีกสองปีข้างหน้า เงินส่วนนี้ข้าจะนำมาซ่อมแซมศาลบรรพชน ถือว่าแสดงความกตัญญูเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะแยกครอบครัว" นางเว่ยหมัวหลาน เมื่อได้คืบก็จะเอาศอก นางคิดว่า เงินส่วนใหญ่ที่หามาได้ ทางครอบครัวหานตงน่าจะเอาออกไปสร้างโรงงาน และลงทุนกับกิจการไปหมดแล้ว กว่าจะเก็บเงินมาซื้อที่ กว่าจะสร้างบ้าน ก็น่าจะอีกนาน นางน่าจะยังได้เงินจากครอบครัวนี้อีกหลายตำลึงทีเดียว ส่วนเงินซ่อมแซมศาลบรรพชน ก็ยังอีกตั้งสองปี ยังไงก็เก็บเงินส่วนที่ต้องได้มาไว้ก่อน "แม่อาตง เรื่องนี้ไม่ค่อยเหมาะสักเท่าไหร่กระมัง เงินก้อนนี้ยังไงก็มีผู้ใจบุญออกมาให้แล้ว ส่วนอีกสองปีค่อยว่ากันเถอะ" เนื่องจากหานตงขอร้องไม่ให้พวกเขาป่าวประกาศเรื่องที่บริจาคเงินออกไป ทางท่านผู้นำจึงได้แต่พูดเลี่ยงๆ "นั่นสิ นั่นสิ เรื่องนี้ค่อยพูดกันทีหลังเถอะ" ทางผู้ใหญ่บ้านรีบพูดสนับสนุน เนื่องจากทุกวันนี้ ห้องแจ้งข่าวที่หานตงช่วยออกเงินซ่อมแซมให้ ก็เป็นที่เชิดหน้าชูตาให้เขาไม่เบา พวกผู้ใหญ่บ้านหมู่อื่นต่างอิจฉาตาร้อน อยากจะมีลูกบ้านดีๆ แบบเขาบ้าง "พวกท่านพูดแบบนี้ เพราะเห็นว่าอาตงกำลังได้ดี เลยเข้าข้างเขาใช่ไหมเจ้าคะ" ผู้ใหญ่บ้านและ ผู้นำตระกูล ถูกคำพูดของนางเว่ยหลัวหลานยั่วโมโหจนหน้าแดงหน้าดำ "ดี! ดี! ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนี้ วันนี้ข้าคงต้องผิดคำพูดกับอาตงซะแล้ว ข้าจะบอกให้พวกเจ้าทุกคนรู้ไว้ คนที่ออกเงินซ่อมแซมศาลบรรพชนแทนพวกเจ้าทุกคนก็คืออาตง เป็นเพราะเขาเห็นว่าปีนี้ฟ้าฝนไม่ดี หลายบ้านมีความเป็นอยู่แร้นแค้น แต่ครอบครัวเขาโชคดีทำการค้าได้ จึงขอออกหน้าจ่ายเงินแทนพวกเจ้าทุกคน เขาทำขนาดนี้ ซ้ำยังไม่ยอมโอ้อวด แล้วเจ้าจะให้ข้า ยอมให้พวกเจ้าเอาเปรียบพวกเขาอีก เช่นนั้น ข้าก็ไม่ควรจะเป็นผู้นำตระกูลแล้ว อีกอย่าง ถึงแม้เขาจะเป็นคนตระกูลเว่ย แต่เขากลับยอมออกเงินซ่อมแซมศาลบรรพชนตระกูลอื่นอย่างใจกว้าง พวกเจ้าที่อยู่ตรงนี้ คิดว่าคนแบบนี้จะเป็นคนอกตัญญูอีกหรือ " คราวนี้ลูกหลานตระกูลต่างๆ ที่รู้ว่าครอบครัวของหานตง ช่วยออกเงินซ่อมแซมศาลบรรพชนแทนทุกคนอย่างใจกว้าง แถมยังไม่คิดโอ้อวดทวงบุญคุณ ต่างก็ตะโกนด่าทอนางเว่ยหมัวหลาน และครอบครัว อย่างหยาบคาย เว่ยเหนียนเหนายกยิ้มน้อยๆ ตาเป็นประกาย ในที่สุดหมากที่นางวางไว้ก็ถูกใช้งานอย่างสมบูรณ์ ซะที เหตุการณ์ทั้งหลายสิ้นสุดลงด้วยการที่ ครอบครัวของหานตงมอบเงินค่าเช่าบ้านให้นางเว่ยหมัวหลานเป็นจำนวนเงินหนึ่งตำลึงทอง และครอบครัวของนางเว่ยหมัวหลาน กลับไปพร้อมกับเสียงก่นด่าของเหล่าผู้คน แต่ครอบครัวของหานตงกับได้ยินเสียงสรรเสริญเยินยอไปตลอดทาง เซียนย้งรู้ข่าวหลังจากที่พาเด็กๆกลับมาจากบึงบัวแล้ว ถึงเขาอยากจะตามไป แต่ติดที่คำสั่งพี่สะใภ้ บอกให้เขาดูเด็กๆอยู่ที่บ้าน ดังนั้นเขาจึงพาเด็กๆช่วยกันเด็ดกลีบบัว และเกสร แยกออกมาตากแดดไว้ เพื่อให้พี่สะใภ้เก็บมาทำชา ตอนที่เขานำบัวถาดสุดท้ายออกมาตากแดด สองสามีภรรยาก็เดินเข้ามาถึงบ้านแล้ว หานตงไม่ทักทายใคร เขาตรงเข้าบ้านและเดินตรงเข้าไปในห้องนอนทันที เซียนย้งอยากจะตามเข้าไปปลอบโยนผู้ที่เป็นพี่ชาย แต่เว่ยเหนียนเหยากลับจับไหล่เขาไว้ แล้วส่ายหน้าห้าม "ปล่อยให้ท่านพี่อยู่คนเดียวเถอะ เรื่องแบบนี้ เขาจะต้องผ่านมันไปด้วยตัวเอง เชื่อข้า ท่านพี่ของเจ้าเข้มแข็งพอ ให้เวลาเขาสักพัก" เซียนย้งถอนหายใจ ก่อนจะสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น "ท่านป้าทำเกินไปหรือเปล่า ท่านพี่หานตง ตั้งแต่ทำงานได้ เงินทั้งหมดล้วนแต่มอบให้นางทั้งสิ้น ไม่ว่านางจะสั่งอะไร เขาล้วนไม่เคยขัดขืนสักคำ แบบนี้ยังไม่เรียกว่ากตัญญูอีกหรือ" "เรื่องก็ผ่านไปแล้ว ตอนนี้ข้าอยากรู้ว่า เรื่องบ้านเป็นอย่างไรบ้างมากกว่า" "น่าใช้เวลาอีกไม่เกินเจ็ดวันขอรับ หลังจากที่พวกช่างส่งมอบงานแล้ว ข้าได้จ้างคนงาน ให้ทำความสะอาดให้เรียบร้อยตามที่ท่านสั่ง" "ดีงั้นพวกเจ้าก็เตรียมตัวให้พร้อม ก่อนสิ้นเดือนนี้ ข้าจะย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านใหม่ ส่วนเงินหนึ่งตำลึงทองนั่น ถือเสียว่า ข้าให้นางไว้ซื้อยาแก้ช้ำในกินก็แล้วกัน" กุ้ยเซียนย้งทำตาโต คิดไม่ถึงเลยว่า พี่สะใภ้จะใช้วิธีการนี้แก้เผ็ดแม่สามี คิดถึงสภาพของท่านป้า หากรู้ว่าเงินที่ตัวเองหมายมั่น ลอยหายไปในอากาศเช่นนี้ คงต้องช้ำใจไม่น้อย ยิ่งใกล้ถึงเวลาย้ายบ้าน ทุกคนดูยุ่งไม่น้อย แม้แต่เด็กทั้งสามที่กำลังสนใจในการเรียน ยังอดที่จะตื่นเต้นไปกับการย้ายบ้านในครั้งนี้ไม่ได้ เว่ยเหนียนเหยาและซินเซียงตกลงกันว่าจะใช้ห้องโถงด้านใน ในบ้านของซินเซียงทำเป็นห้องเรียนหนังสือให้เด็กๆชั่วคราว ในส่วนของอาเส้านั้น หญิงสาวได้ปรึกษากับสามีแล้วว่า หากเด็กๆเข้าไปเรียนที่สถานศึกษาแล้ว จะให้อาเส้ามาช่วยคุมคนงานและดูแลในเรื่องของงานบัญชี ซึ่งอาเส้าก็ยินดีที่จะรับหน้าที่ใหม่นี้ เว่ยเหนียนเหยายืนดูกำแพงที่รายล้อมรอบที่ดินของนางอย่างพอใจ จริงๆแล้ว กำแพงนี้ต้องส่งมอบในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หากแต่นางขอให้นายช่างใหญ่ติดต่อให้ช่างที่มาสร้างโรงงานทำให้ โดยนางยินดีจ่ายค่าแรงในส่วนนี้เพิ่มขึ้นต่างหาก หญิงสาวยืนคิดอะไรเพลินๆ จนกระทั่งมีแขนคู่หนึ่งมารั้งตัวเข้าไปกอดไว้ "อุ้ย! ท่านพี่นี่เอง จัดของเสร็จแล้วหรือเจ้าคะ" "จะต้องจัดอะไรมากมาย มิใช่ว่าเจ้าใช้ให้พี่ทยอยเอาของมาจัดตั้งแต่ก่อนย้ายเข้ามาแล้วหรือ" ต้องขอบคุณภรรยาตัวน้อย ที่ช่างสรรหาวิธีการคลายความเศร้า มาให้กับเขา ในแต่ละวันไม่รู้นางสรรหางานมาจากไหน ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ เขาแทบจะไม่มีเวลาหายใจ แม้กระทั่งยามนอนเขาก็เพลียจนไม่มีเวลาแม้แต่จะฝัน ยามนี้พวกเขายืนอยู่บนระเบียงชั้นสองของบ้าน ด้านหน้าเป็นลำธารผืนใหญ่สามารถมองเห็นสายน้ำที่ไหลเลาะโขดหินลงไปตามแอ่งน้ำเบื้องล่าง ด้านขวาเป็นทิวเขาตระหง่านห่มด้วยความเขียวชอุ่มของบรรดาพืชพรรณ ส่วนด้านซ้ายกลับมองเห็นพื้นที่โล่งกว้างมีกำแพงล้อมรอบสุดลูกหูลูกตา หานตรงมองบ้านทั้งสองหลังด้วยความพึงพอใจ บ้านทั้งสองหลังนี้ทำกลับด้านกัน ทำให้ตัวบ้านของแต่ละหลัง ไม่ยื่นออกมาบังระเบียงของแต่ละฝ่าย อีกทั้งยังตั้งห่างกันพอสมควร ทำให้แต่ละบ้านมีความเป็นส่วนตัวอยู่ไม่น้อย "อาเหยา พี่มีความสุขเหลือเกิน หากสิ่งนี้เป็นเพียงความฝัน หรือหากเจ้าคนนี้เป็นเพียงความฝัน พี่คงมีชีวิตอยู่ไม่ได้แน่ๆ" ชายหนุ่มพลิกตัวคนในอ้อมแขนให้หันกลับมาอย่างอ่อนโยน มือหยาบกร้านที่ทำงานหนักไล้ไปตามดวงหน้างามอย่างหลงใหล "อาเหยา เจ้าสัญญาแล้วนะ ว่าจะมีลูกสาวให้พี่อีกสักคน" เว่ยเหนียนเหยา กายสั่นสะท้านไปกับความอ่อนโยนของบุรุษตรงหน้า นางไม่คิดจะปฏิเสธสามี ร่างหอมกรุ่นเอนกายเข้าซบอกกว้างอย่างเอียงอาย หานตงประคองกอดร่างงามของภรรยากลับเข้าห้องด้วยความรู้สึกฮึกเหิม ทันทีที่ประตูระเบียงปิดลง ชายหนุ่มอุ้มร่างงามของภรรยาเข้ามาในอ้อมแขน ก่อนที่จะตรงไปที่เตียงนอนที่จัดเตรียมไว้อย่างสวยงาม ร่างงามของหญิงสาวอ่อนระทวยเอนกายลงบนที่นอน ก่อนที่ร่างแข็งแกร่งจะตามเข้ามาพัวพัน จมูกโด่งไล่คลอเคลียไปตามดวงหน้างาม ก่อนจะซุกซบหยุดที่ลำคอระหง มือทั้งสองข้างฟอนเฟ้นไปตามร่างกายที่อ่อนนุ่มเย้ายวน มือใหญ่เอื้อมเข้าไปปลดสายรัดเอวเสื้อตัวบาง "ท่านพ่อ " "ท่านแม่" เว่ยเหนียนเหยาตกใจ นึกเป็นห่วงบุตรชาย รีบผลักสามีออกจากร่าง จัดแจงชุดให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะไปเปิดประตูทันที "เกิดอะไรขึ้น เจ้าใหญ่เจ้ารอง" "ท่านแม่ขอรับ ข้าไม่เคยชินกับการนอนคนเดียวขอรับ" "ใช่ขอรับ นอนคนเดียวห้องมันใหญ่เหลือเกินขอรับ" "แล้วเหตุใดพวกเจ้าสองคนถึงไม่ไปนอนด้วยกันเล่า" หานตงตอนนี้แทบอยากจะจับลูกรักโยนออกจากห้องเสียเหลือเกิน "ไม่ขอรับ คืนนี้ข้าจะนอนกับท่านแม่" "ไม่ขอรับ คืนนี้ข้าก็จะนอนกับท่านแม่" สองปีศาจน้อยทั้งสองต่างไม่มีใครยอมใคร รีบแทรกตัวขึ้นไปนอนบนที่นอนทันที เว่ยเหนียนเหยาหันมายิ้มแหยๆให้สามี ก่อนจะรีบตามบุตรชายขึ้นเตียงไปเมื่อได้ยินเสียงเรียก หานตงมองดูก้อนซาลาเปากลมๆสองก้อนที่นอนขนาบข้างกอดก่ายภรรยาเขาอย่างมีความสุข ก่อนจะถอนหายใจอย่างยอมจำนน เฮ้อ ลูกหนอ ลูก ทำไมต้องมาวันนี้ด้วยนะ อุ อุ อุ สงสารพ่อจุง (ยกยิ้มแบบชั่วร้าย)เช้าวันนี้เว่ยเหนียนเหยารู้สึกตัวตื่นขึ้น เมื่อรู้สึกว่าคนที่นอนอีกด้านขยับกาย"เหตุใดถึงรีบตื่นละเจ้าคะท่านพี่ ฟ้ายังไม่ทันแจ้งเลย เมื่อวานท่านก็ทำงานมาทั้งวัน วันนี้ตื่นสายเสียหน่อยก็ได้เจ้าค่ะ""ตอนแรกพี่ว่าจะลงไปอาบน้ำที่ลำธารเสียหน่อย แต่ตอนนี้ไหนๆเจ้าก็ตื่นแล้ว พี่ว่า พี่พาเจ้าลงไปอาบน้ำด้วยดีกว่า เมื่อคืนเจ้าก็ผิดสัญญากับพี่แล้ว ตอนนี้ถือว่าให้รางวัลปลอบใจพี่นิดๆหน่อยก็แล้วกัน""เรื่องเมื่อคืนหาใช่ความผิดของข้าเสียหน่อย เอาเถอะไปก็ได้เจ้าค่ะ แต่ข้าไปอาบเป้ปเดียวนะเจ้าคะ เช้าๆแบบนี้ข้าว่า อากาศเย็นอยู่ไม่น้อย"หานตงจัดเตรียมสบู่ ก่อนจะจุดตะเกียงเดินนำภรรยาลงไปจากบ้านทางเดินไปลำธารถูกปรับให้เรียบ มีไม้ปักแขวนตะเกียงอยู่เป็นระยะ หานตงนำตะเกียงแขวนไว้ตรงไม้ที่ปักอยู่ริมน้ำบริเวณนี้หญิงสาวให้ช่างปรับไว้เป็นที่อาบน้ำบริเวณริมธาร สำหรับเด็กๆที่มักจะชอบมาว่ายน้ำเล่นหานตงถอดเสื้อผ้าออกเหลือแต่กางเกงข้างในติดกาย ก่อนจะช่วยภรรยา ถอดชุดด้านนอกออกบ้างชายหนุ่มตระกองกอดร่างงามให้เดินลงไปในน้ำลึกประมาณระดับอก"น้ำเย็นเหมือนกับที่เจ้าบอกจริงๆ มาเถอะพี่จะช่วยขัดถูตัวให้ เลือดลมจะได้เดินดี คล
รถม้าวิ่งผ่านกำแพงเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน ร่างของนางลี่สือหลินที่เดินกระวนกระวายอยู่ พุ่งเข้ามาหาหานตงทันที"เกิดเรื่องใหญ่แล้ว อาตง"เสียงโวยวาย ทำให้หญิงสาวในรถม้า เปิดผ้าออกมาทันที"เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะท่านแม่ลี่ เหตุใดท่านถึงดูร้อนใจถึงเพียงนี้"สีหน้าท่าทางของนางลี่สือหลินไม่ดีเลย ทำให้นางรู้สึกตกใจไปด้วย"ที่บ้านอาหงเกิดเรื่อง วันนี้ลุงฟงเห็นว่าหลังคาบ้านที่พักอยู่เกิดรอยรั่ว เลยปีนขึ้นไปซ่อม ไม่รู้ว่าพลาดพลั้งยังไง ตกลงมา อาหงวิ่งมาตามอาเส้าที่นี่ เห็นว่าหมอจางรักษาไม่ได้ ต้องส่งเข้าไปรักษาที่ตัวเมือง ทางผู้ใหญ่ให้เกวียนของหมู่บ้านไปส่งสักพักแล้ว""แล้วเขาเอาไปรักษาที่ไหน ท่านแม่ลี่รู้รึไม่เจ้าคะ""ได้ยินมาว่า เป็นร้านยามู่ถาน""ท่านพี่ ท่านขับรถไหวหรือไหม ข้าอยากไปดูพวกเขาสักหน่อย""ข้าไหว งั้นเดี๋ยวข้ากับอาย้งจะรีบขนของลงจากรถม้าก่อน""ถ้าอย่างนั้นข้าขอขึ้นไปเตรียมของสักครู่"เว่ยเหนียนเหยาเดินขึ้นมาหยิบเงินติดไปมากหน่อย ตามที่ได้ยินอาการลุงฟงน่าจะหนักไม่น้อย จากรายได้ของคนทั้งสามที่ทำกับนางมา ถ้าจะใช้จ่ายอย่างประหยัด ก็น่าจะมีเงินเก็บอยู่บ้างแต่ร้านยาในตัวเมืองเห็นว่าค่ารักษาแพง
เพล้ง! เพล้ง! เสียงสิ่งของแตกหักดังออกมาจากในห้อง ทำให้ผู้เฒ่าเว่ยจื้อจงรีบเดินเข้ามาในห้อง"ยายเฒ่า เจ้าจะบ้าไปแล้วหรือ ทำไมถึงต้องขว้างปา ข้าวของเช่นนี้""ใช่ ข้ามันบ้าไปแล้ว ท่านพี่ ท่านดู บุตรชายสุดที่รักของท่านทำเข้า"ชายชรามองหน้าบุตรชายคนโต กับคนเล็กที่อยู่ในห้อง ก่อนถอนหายใจ"อาเวิ่น อาหมิง เจ้าเอาเรื่องอะไรมากวนใจแม่ของเจ้าอีก เหอะ""ท่านอย่ามาตวาดบุตรชายของข้านะ ท่านไปตวาดบุตรชายของท่านโน่น ตั้งแต่มีเงินก็ปีกกล้าขาแข็ง ไม่เห็นหัวพ่อแม่ ที่กับครอบครัวคนอื่น กับสอดไม้สอดมือช่วยเหลือวุ่นวายไปหมด"ชายชราถอนใจ ที่แท้ก็เป็นเรื่องครอบครัวตระกูลจงนี่เอง"ยายเฒ่าเอ๊ย ตาเฒ่าฟงประสบเคราะห์ร้าย ภรรยาและบุตรของเขาก็ทำงานอยู่กับอาตง อาตงคงเห็นแก่คนพวกนั้นจึงได้ช่วยเหลือก็ได้ เจ้าก็อย่าคิดมากเลย""ข้าคิดมากอะไร ตั้งแต่เรื่องค่าเช่าที่ดินแล้ว ที่พวกมันตั้งใจหลอกลวงข้า หากข้ารู้ว่า พวกมันเตรียมย้ายบ้าน ข้าจะไม่เรียกเงินแค่นั้นหรอก พูดแล้ว ก็เจ็บใจจริงๆ"นางเว่ยหมัวหลานแทบกระอักเลือดออกมา เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากที่กลับมาจากห้องแจ้งข่าว นางกับคนในบ้านก็อับอายจนไม่อยากออกไปไหนจ
"ท่านหมอเจ้าคะ ข้านำต้นโสมมาส่งเจ้าค่ะ"เว่ยเหนียนเหยายื่นกล่องโสม วางลงบนโต๊ะที่ท่านหมอนั่งอยู่"เจ้าไปเสียนาน ข้าคิดว่า เจ้าจะหามาไม่ได้เสียแล้ว"หมอชรานำกล่องโสมมาเปิดดู พอฝากล่องเปิดขึ้น ชายชราถึงกับมือไม้สั่นรีบประคับประคองกล่องโสมวางลงบนโต๊ะ"โสมต้นนี้สมบูรณ์มากนัก ข้าคิดว่ามันน่ามีอายุหลายสิบปีเลยทีเดียว ราคาของโสมต้นนี้น่าจะอยู่ที่เจ็ดร้อยถึงแปดร้อยตำลึงทอง ข้าคิดว่าเจ้าจะหาซื้อโสมต้นเล็กๆ มาเสียอีก""เดิมทีข้าก็คิดเช่นนั้น แต่สหายของข้าบอกว่ามีคนให้โสมต้นนี้กับเขามา แต่เขาไม่ได้ใช้ เลยให้ข้ามาอีกทีเจ้าค่ะ"" สหายดี! สหายดี! เจ้ามีสหายที่ดีเช่นนี้ ถือว่ามีบุญยิ่งนัก อะ เอาคืนไป ข้าใช้แค่รากโสมพวกนี้ก็พอแล้ว"หมอชราใช้กรรไกรตัดส่วนของรากที่ตนต้องการออกไว้ จากนั้นก็นำโสมใส่ลงไปในกล่อง และส่งให้เว่ยเหนียนเหยาคืน"มันจะพอหรือเจ้าคะ มิสู้ท่านเอาไว้ให้มากหน่อยดีกว่า"เว่ยเหนียนเหยาที่เห็นว่า ท่านหมอตัดแค่รากโสมไว้ก็เกรงว่าตัวยาจะไม่พอ คะยั้นคะยอให้ท่านหมอตัดเพิ่มไว้อีก"พอแล้ว พอแล้ว โสมนี้เจ้าก็เก็บไว้ให้ดี แล้วอย่าเที่ยวไปบอกใครละ เดี๋ยวจะเป็นภัยกับตัวเอง พรุ่งนี้ข้าจะเริ่มรักษาใน
"พี่สะใภ้ เมื่อกี้ตอนข้าเข้าไปในหมู่บ้านเห็นคนพูดถึงเรื่องมันฝรั่งกันใหญ่เลย""ผู้ใหญ่บ้านแจกของออกไปแล้วหรือ""น่าจะแจกไปเกือบหมดแล้วนะขอรับ ข้าได้ยินบางคนบอกว่าที่บ้านเขากินจนหมดไปแล้ว จะไปหาผู้ใหญ่เพื่อขอเพิ่มอีกด้วยขอรับ""เช่นนั้นก็ดีแล้ว อย่างน้อยพวกบรรดาเหล่าผู้นำตระกูล คงไม่มาวุ่นวายกับพี่เจ้าไปพักใหญ่""ใครจะมาวุ่นวายกับพี่หรือ"หานตงเดินเข้ามาในบ้าน ด้านหลังมีอาเสิ้นเดินตามมาห่างๆ"ท่านไปทำอะไรกันมาเจ้าคะ เนื้อตัวดูมอมแมมเชียว""พี่กับอาเสิ้นช่วยกันทำความสะอาดคอกม้า กับพามันไปอาบน้ำมานะ ว่าแต่เจ้ายังไม่ตอบพี่เลยว่าใครจะมาวุ่นวายกับพี่""ข้าหมายถึงเล่าบรรดาท่านผู้นำตระกูลกับผู้ใหญ่บ้านนะเจ้าคะ เห็นอาย้งบอกว่า คนพวกนั้นนำมันฝรั่งออกมาแจกให้ชาวบ้านจนหมดแล้ว""คนเยอะแหล่งอาหารน้อย แถมปีนี้พืชผลก็ให้ผลผลิตออกมาน้อย พี่ว่าหากไม่มีอาชีพอื่นมาเสริม อีกไม่นานทุกอย่างจะเลวร้ายกว่านี้"เว่ยเหนียนเหยาถอนหายใจ นางอยากช่วยทุกคน เพราะนางรู้ดีกว่าความอดยากหิวโหยทรมานมากเพียงไหน นางนึกไปถึงตอนที่นางเป็นเด็กในชาติที่แล้ว หลายครั้งที่นางทนหิวไม่ไหว เคยเดินเข้าไปขอเศษอาหารในร้านอาหารมากินเพื่อป
หญิงสาวเล่าเรื่องที่เว่ยหานหมิงเข้าหานาง ทุกคำพูด ทุกการกระทำ นางล้วนเล่าออกมาทั้งหมด นางไม่ใช่นางเอก ที่จะยอมปิดบังเรื่องต่างๆ เพื่อความสบายใจของพระเอก จนบางครั้งก็เกิดเรื่องราวใหญ่โตสำหรับนางการพูดคุยกันทุกเรื่องจะช่วยให้ชีวิตคู่ของพวกนางมั่นคงขึ้นอีกก้าว"เจ้าบอกว่าน้องเล็กเรียกเจ้าว่า อาเหยา หรือ""เจ้าค่ะ""แถมยังทำท่าอาลัยอาวรณ์เจ้าอีก""เจ้าค่ะ""ถ้าอย่างนั้นต่อไป เจ้าก็ไม่ต้องตามพี่ไปที่บ้านนั้นอีก และต่อไปพี่จะไม่เรียกเจ้าว่า อาเหยา แล้ว"อ้าว นี่นางทำให้สามีทำไหน้ำส้มหกนองหรือไร หญิงสาวเอนกายซบอกแกร่งสามีอย่างออดอ้อน"ถ้าเช่นนั้น ท่านจะเรียกข้าว่าอะไรดีเจ้าคะ""เหยาเอ๋อ พี่จะเรียกเจ้าว่า เหยาเอ๋อ ต่อไปเจ้าจะเป็นเหยาเอ๋อของพี่เพียงคนเดียว เจ้ายังจำสัญญาได้หรือไม่ ครั้งนี้เจ้าต้องมีลูกสาวอวบอ้วนให้พี่สักหลายๆ คนนะ เหยาเอ๋อ"ชายหนุ่มจับคางภรรยาขึ้นรับจุมพิตอ่อนโยนที่เขามอบให้ เขารู้ว่า นางไม่ใช่อาเหยาในอดีตที่มีใจรักต่อเว่ยหานหมิงผู้เป็นน้องชายครั้งนี้เขาตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่า จะทำตามคำสั่งบิดา ไม่จำเป็นจะไม่ไปที่บ้านหลังนั้นอีกกลิ่นกายหอมกรุ่นในอ้อมแขน ดึงสติเขาออกจากความคิ
" พี่สะใภ้ท่านมาแล้ว ข้าจะออกไปตามก็ไม่กล้าวางมือ""อาย้ง นำโถที่ข้าเตรียมไว้ทางโน่นมา นำผ้ามาปูบนปากโถ แล้วเอาผ้าชิ้นเล็กที่ข้าตัดไว้แล้ว รัดผ้าที่วางตรงปากโถให้แน่น ข้าจะกรองน้ำมันหอมอีกรอบ"เซียนย้งทำงานคล่องแคล่ว เดี๋ยวเดียวโถพร้อมผ้ากรองก็อยู่ตรงหน้านาง นางจัดการตามขั้นตอนสุดท้ายอย่างรวดเร็วในที่สุดน้ำมันทั้งหมดก็ถูกเทใส่โถ และดอกกุหลาบก็ถูกวางใส่ผ้ากรองทิ้งไว้"พี่สะใภ้ ต้องวางไว้นานเท่าใดขอรับ""วางไว้จนกว่า น้ำมันในดอกไม้จะออกมาหมด""ดอกไม้กับน้ำมันยังเหลืออยู่ ท่านจะให้ข้าทำต่อเลยไหมขอรับ""น่าจะทำต่อได้อีกหนึ่งถังเจ้าจัดการเลย ข้าจะคอยดู"เซียนย้งจัดการตามวิธีที่จำได้ มีผิดไปบ้างแต่เว่ยเหนียนเหยาก็คอยบอกอยู่ข้างๆ จนตุ๋นน้ำมันหอมเรียบร้อย"เอาละทีนี้มาตัดสบู่กัน เจ้าไปหยิบถาดที่ใส่สบู่มา"เซียนย้งหยิบถาดที่ใส่สบู่มาหนึ่งถาด วันนี้พี่สะใภ้ทำสบู่สามถาด เขาทำเองอีกหนึ่งถาด รวมแล้วเป็นสี่ถาด เดี๋ยวถาดนี้ให้พี่สะใภ้ตัดให้เขาดู ส่วนถาดอื่นๆเขาจะขอลองตัดเองเว่ยเหนียนเหยารับถาดไม้มา จากนั้นก็ใช้มีดเล็กบางเลาะไปข้างๆถาดไม้แล้วคว่ำถาดลงเคาะเบาๆ สบู่ก็หลุดออกมา นางจับก้อนสบู่ก้อนใหญ่ไ
"อาเซียง เจ้าเดินรอข้าด้วยสิ""อาย้งเจ้าก็เดินให้เร็วหน่อยสิ พี่สะใภ้กำลังรอไก่จากข้าอยู่นะ""เดี๋ยวนี้ เจ้าหายใจเข้าหายใจออกเป็นพี่สะใภ้ ข้าชักจะน้อยใจแล้วสิ""หึ แน่นอนว่า พี่สะใภ้ของข้า ต้องสำคัญกว่าเจ้า""เจ้าพูดเช่นนี้ คอยดูเถอะ คืนนี้ข้าจะลงโทษเจ้าเช่นไร""เจ้า! ไม่ต้องพูดแล้ว รีบเดินเร็ว นี่มันหน้าบ้านท่านป้าเจ้านี่ รีบเดินเร็วๆ เข้าเถอะ เจ้าไม่กลัวหรือยังไง"ซินเซียงหันซ้ายแลขวา เนื่องจากบ้านหลังนี้เป็นบ้านของท่านป้าของเซียนย้ง แต่นางเสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว ส่วนบุตรชายกับลูกสะใภ้ก็ทำงานที่เมืองหลวง จึงปล่อยบ้านทิ้งร้างไว้เคร้ง......ปึก ปึก ปึกซินเซียงหันไปเกาะแขนเซียนย้ง หน้าขาวซีด"อา...ย้ง เจ้า..ได้ยินเสียง อะไรไหม""คงจะเป็นเสียงหนูละมั้ง ข้าว่าเรารีบไปกันดีกว่าเนอะ"เซียนย้งที่หิ้วไก่อยู่ ใช้มืออีกข้างดึงให้ซินเซียงรีบเดินตาม"อาย้ง ....อาเซียง""อา...ย้ง ได้ยินเสียงคน คนเรียก พวกเราไหม"ตอนนี้ เซียนย้งเองก็เริ่มหน้าซีดไปเหมือนกัน จับมือซินเซียงเตรียมวิ่งออกไป"อาย้ง อาเซียง นี่ข้าเอง พี่ซีเม่ย ภรรยาท่านพี่เหวินฉีไง""พี่สะใภ้ เป็นท่าน แล้วท่านพี่เหวินฉีละขอรับ"เซียนย
"ถูกต้องแล้ว นางไม่ใช่มารดาของเจ้า"หานตงหันกลับไปตามเสียง ร่างของชายชราเว่ยจื้อจงเดินเข้ามาภายในบ้านด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก"ท่านพี่ ท่านสัญญาแล้วว่าจะไม่พูดเรื่องนี้ ท่านกล้าผิดคำสาบาน?""ตอนนี้อาตงโตแล้ว เขาดูแลตัวเองได้แล้ว ตอนนั้นเจ้าใช้ชีวิตอาตงยามที่เป็นเด็กมาข่มขู่ข้า บีบบังคับให้ข้าไม่กล้าพูดอะไร แต่ตอนนี้เขาแข็งแกร่งขึ้นแล้ว มีคนที่เขารักและรักเขาคอยอยู่เคียงข้าง เขาไม่ต้องการความรักของเจ้าอีกแล้ว ส่วนข้าวันนี้ที่ผิดคำสาบาน ข้ายินดีตายอย่างอนาถ เป็นผีไม่มีญาติที่ไม่มีคนคอยเซ่นไหว้"" ฮ่ะ ฮ่ะ ฮะ่ ท่านยินดีตายอย่างอนาถ เพราะท่านต้องการไปพบนังหมัวเล่อ นังน้องสาวสารเลวคนนั้นของข้าใช่หรือไม่ ข้ารู้นะ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ท่านเอาแต่คิดถึงมัน"นางเว่ยหมัวหลานสติแตก เมื่อต้องมาพูดถึงคนที่นางเกลียดเข้ากระดูก"อาหลาน คนก็ตายไปนานแล้ว เหตุใดเจ้าจึงไม่เคยปล่อยวาง""ปล่อยวาง ทำไมข้าต้องปล่อยวางด้วย ข้าเกลียดมัน ตั้งแต่มันเกิดมา ใครๆก็พากันรักแต่มัน ไม่ว่าจะเป็นท่านพ่อท่านแม่ หรือแม้แต่ท่าน มันก็รู้ว่าข้าหลงรักท่าน แต่มันก็ยังจะยั่วยวนท่านให้หลงใหลมัน ได้ยินไหมไอ้เด็กสารเลว แม่ของแกเป็นผู
ภายในห้องนอน หานตงกำลังออดอ้อนเมียรัก อย่างสำนึกผิด ที่ไม่รู้เท่าทันมารยาหญิง ยิ่งเมื่อรู้ว่าหญิงสาวคนนั้นคิดไม่ซื่อกับตน ถึงขนาดให้ญาติผู้ใหญ่ของนาง มาบีบบังคับภรรยาของเขาแบบนี้เขาก็ยิ่งรังเกียจเข้าไปใหญ่"ข้าว่าพวกเขาคงไม่หยุดแค่นี้แน่เจ้าค่ะ ต่อไปพวกเราต้องคอยระวังตัวให้ดีๆ แล้วตอนที่ข้าไม่อยู่ นางได้แสดงกิริยาอะไรกับท่านหรือไม่เจ้าคะ""ก็มีบ้างนะ แต่เจอฤทธิ์เจ้าสองแสบนั่นเข้าไป ก็เลยไม่กล้าทำอะไรอีก มีแต่ท่านแม่กับพี่ใหญ่นี่ละ"หานตงเล่าให้ฟังว่า หลังจากที่นางออกไป แม่สามีกับพี่ชายคนโตก็บอกว่า รู้มาว่า ทางหานตงต้องการซื้อร้านในเมือง พวกเขามีคนรู้จัก ที่อยากขายร้านในย่านการค้าอยู่พอดี เพียงแต่ราคาที่ตั้งขายค่อนข้างสูง จึงหาคนซื้อได้ยาก หากพวกเขาหาคนมาซื้อได้ จะให้ค่านายหน้าถึงสิบตำลึงทองเลยทีเดียว"ร้านค้าในย่านการค้า ร้านเล็กๆ ก็ขายกันที่เจ็ดสิบหรือแปดสิบตำลึงทองแล้ว ส่วนร้านใหญ่หน่อยก็หนึ่งร้อยถึงสามร้อยตำลึงทอง เพียงแต่ที่ข้าสงสัย พี่ใหญ่ของท่านถึงจะเป็นพ่อค้า แต่ก็ค้าขายผลิตผลทางการเกษตรเท่านั้น จะรู้จักคนที่ย่านการค้าได้ยังไง""อาจจะเป็นน้องเล็กก็ได้ น้องเล็กเข้าไปเรียนหนังสือ
มู่ชุยเหลียนได้ยินเสียงพี่สาวต่างมารดากล่าวแบบนั้นก็ชักสีหน้า เตรียมจะโต้ตอบ แต่ถูกนางมู่ชิงเหมี่ยนจับมือไว้ จึงได้แต่กัดฟันก้มหน้า คิดอาฆาตแค้นอยู่ในใจ หึ รอให้ข้าได้แต่งเข้าไปก่อนเถอะ ข้าจะทำให้พี่เขยเฉดหัวพวกเจ้าสามคนแม่ลูกออกไปให้ได้"เหนียนเหยา วันนี้ท่านย่าของเจ้ากับท่านอารองก็มา นางสั่งให้ข้าพาเจ้าไปพบด้วย เจ้าก็ตามข้าไปคารวะท่านย่าของเจ้าสักหน่อยเถิด"ท่านย่า? หญิงสาวพยายามค้นความทรงจำของร่างเดิม ความทรงจำของร่างนี้กับท่านย่าของนางเรียกว่าเลวร้ายก็ได้ หญิงชราผู้นั้นเกลียดมารดากับเจ้าของร่างเป็นที่สุด เพราะมารดาของนางมาจากครอบครัวที่ยากจน แม้ตระกูลมู่จะไม่ถือว่าเป็นครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ท่านพ่อและท่านอาก็มีอาชีพเป็นพ่อค้าที่มั่นคง สามารถเลี้ยงดูครอบครัวให้สุขสบายได้ ท่านย่าของนางอยากจะให้ท่านพ่อแต่งงานกับหญิงสาวที่มีฐานะสักหน่อย เพื่อที่จะได้ยกระดับครอบครัว แต่ท่านพ่อหลงใหลในความงามของท่านแม่ จึงดื้อรั้นจนในที่สุดก็ได้แต่งงานกัน หลังจากอยู่กันได้ไม่นาน ท่านแม่ก็มีนาง แต่เพราะคลอดนางอย่างยากลำบาก ทำให้ท่านแม่สุขภาพอ่อนแอลง ไม่สามารถปรนนิบัติท่านพ่อได้อีก ท่านย่าถือโอกาสนั้นส่งนาง
"พี่สะใภ้ขอรับ สำหรับสบู่ของข้า ข้าคิดออกแล้วขอรับว่าจะทำยังไง"เซียนย้งเกิดความคิดขึ้นตอนที่เขาฟังพี่สะใภ้กับทุกคนวางแผนการค้าถ่านกัน"ไหนเจ้าลองว่ามาซิ อาย้ง""ตอนนี้สบู่ของข้ามีรูปร่างเหมือนสบู่ทั่วไปที่ขายอยู่ ข้าอยากให้ท่านช่วยข้าออกแบบแม่พิมพ์ขึ้นมาใหม่ นอกจากนั้นข้าอยากมีตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ที่จะให้คนทั่วไปรู้ว่า นี่เป็นสบู่ของพวกเราด้วยขอรับ""สัญลักษณ์?""ขอรับพี่สะใภ้ ข้าอยากตั้งชื่อทางการค้าให้คนรู้ว่า สินค้าพวกนี้มาจากครอบครัวของพวกเรา""ดีๆ ข้าเห็นด้วยกับเจ้า"อาเสิ้นตาโต เขาก็อยากให้ถ่านของเขามีชื่อร้านเหมือนกัน"แล้วเจ้าคิดชื่อไว้แล้วหรือยัง หรือจะให้พวกข้าช่วยคิดให้"หญิงสาวมองดูเด็กหนุ่มทั้งสองที่กระตือรือร้น ดวงตาเป็นประกายอย่างตื่นเต้น ก็ช่วยส่งเสริม"ข้าอยากให้ร้านของข้า ชื่อ เหนียนเหยา ขอรับ"หญิงสาวตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าเซียนย้งจะเสนอชื่อนางขึ้นมา"เจ้าพอจะบอกเหตุผลข้าได้หรือไม่อาย้ง"หานตงถามขึ้น เขาพอจะรู้ใจของน้องคนนี้ดี แต่ก็อยากจะรู้ว่า จะเหมือนที่เขาคิดไว้หรือไม่"เพราะพี่สะใภ้ เป็นเสมือนแสงสว่างที่สาดเข้ามาในชีวิตของครอบครัวข้า ขับไล่ความมืดมิด ช่วยให้ข้าเห
เว่ยเหนียนเหยายืนอยู่บนระเบียง คิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา นางนับถือนางลี่สือหลินมาก แม้จะรักบุตรชายเพียงใดแต่ก็ไม่ยอมเห็นผิดเป็นถูก กัดฟันส่งบุตรชายเข้ารับโทษที่ก่อตอนแรกนางยังคิดว่า นางลี่สือหลินจะล้มป่วยเพราะตรอมใจอยู่หลายวัน หากเพียงแค่สองวัน นางลี่สือหลินกลับลุกขึ้นไปทำงาน นางกับซินเซียงพยายามห้ามปรามขอให้พักผ่อนอีกสักหน่อยรอยยิ้มเศร้าสร้อยปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากคู่นั้น ก่อนจะกล่าวว่า" อาเหยา คนเป็นแม่จะอ่อนแอไม่ได้ ตอนนี้บุตรชายของข้ากำลังหกล้ม ข้าหวังว่า สักวันเขาจะคิดได้ และลุกขึ้นยืนใหม่ เมื่อนั้นมือคู่นี้ของข้ายังต้องช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้น"เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็น้ำตาคลอ ชาติที่แล้ว นางไม่มีพ่อแม่ ไม่เคยรับรู้ถึงความรักของพ่อแม่มาก่อน หญิงสาวคิดไปถึงต้นโสมเจ้าปัญหาต้นนั้น ที่บัดนี้ถูกนำไปเก็บไว้ในห้องของนางเป็นที่เรียบร้อยต้นโสมเพียงหนึ่งต้น แต่กลับลากดึงเอาความโลภโมโทสันภายในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ออกมาตีแผ่ นางหวังเพียงแต่ว่า ลี่ห่าวฟง จะไม่ทำให้มารดาของเขาผิดหวัง"พี่สะใภ้ พี่หานตงให้ข้ามาบอกท่านว่า วันนี้เป็นวันที่นัดกับช่างเฟิ่งไว้ขอรับ""เจ้าช่วยไปเรียกอาเสิ้นมาพบข้าหน
"ภรรยาเจ้าเร็วหน่อยเถอะ เราต้องรีบไปให้ทันรถเที่ยวเช้านะ""ท่านพี่จะรีบไปไหน ป่านนี้คนพวกนั้นยังไม่มีใครรู้หรอกน่า"นางลี่สือหลินยืนกำมือแน่นที่หน้าประตู จู่ๆประตูก็ถูกเปิดออกจากคนที่อยู่ข้างใน ห่าวฟงเห็นมารดา พร้อมน้องเขย น้องสาวยืนอยู่ก็ตกใจ พยายามตั้งสติ"ท่านแม่ ท่าน มาได้ยังไงขอรับ"นางลี่สือหลินมองดูบุตรชายที่ก้าวเท้าถอยหลังเข้าไปในบ้าน ในมือถือห่อผ้าห่อหนึ่ง"เจ้าใหญ่ พวกเจ้ารีบร้อนจะไปไหนกันแต่เช้า"นางลี่สือหลินไม่ตอบ แต่ย้อนถามบุตรชายแทน"พอ ดี แม่ภรรยาไม่ค่อยสบาย ข้าเลยจะพานางไปเยี่ยมดูอาการขอรับ"สะใภ้ตระกูลลี่เมื่อเห็นสามีส่งสายตามาให้ ก็รีบเอ่ยเสริมคำ"ใช่เจ้าค่ะท่านแม่สามี ท่านแม่ข้าไม่สบาย ข้าจึงจะรีบไปเยี่ยม อีกอย่างข้าอยากจะนำข่าวดีไปบอกท่านด้วยตัวเอง""พวกเจ้าก็เลยทำตัวเป็นบุตรเขยบุตรสาวที่ดี เอาต้นโสมไปเยี่ยมซินะ"นางลี่สือหลิน ตวาดออกไปอย่างหมดความอดทน มองมือบุตรชายที่กุมห่อผ้าแน่นเข้าไปอีก"ท่านแม่ ท่านพูดเรื่องอะไร ข้าไม่เข้าใจขอรับ""ข้าก็พูดเรื่องที่เจ้าสองสามีภรรยาเข้าไปขโมยโสมที่บ้านของอาเหยาไงละ"ห่าวฟงหน้าซีด เขารู้ตั้งแต่เห็นหน้ามารดาที่หน้าประตูแล้ว ว่าม
"มา มาลูกสะใภ้เจ้านั่งก่อน"นางลี่สือหลิน รีบบอกให้บุตรชายประคองลูกสะใภ้นั่งลงบนเก้าอี้"น้องสาว น้องเขยตอนนี้คงสบายดีสินะ ท่าทางจะร่ำรวยกันใหญ่"ลี่ห่าวฟงบุตรชายของนางลี่สือหลิน กล่าวออกมาอย่างประชดประชัน เขามองไปมองรอบๆบ้านหลังนี้ด้วยความอิจฉา ครั้งก่อนเขาเคยขอให้มารดา ช่วยพูดกับน้องสาวและน้องเขยว่าให้ตนและภรรยาเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วย แต่คนพวกนี้ล้วนแล้งน้ำใจต่อเขากับภรรยา ดีว่ามารดาแอบส่งเงินทองไปให้เขาใช้อยู่เรื่อยๆ ชีวิตเขากับภรรยาจึงไม่ได้ลำบากอะไร"พวกข้าก็แค่มีกินมีใช้นะขอรับ ท่านพี่ภรรยา"เซียนย้งจริงๆ ไม่ค่อยจะชอบพี่ภรรยาคนนี้มากนะ เพราะเขาเป็นคนหยิบโหย่งไม่ค่อยชอบทำงานเท่าไหร่ แถมยังชอบใช้กำลังกับภรรยาของเขาและท่านแม่ยายอยู่บ่อยครั้ง"เอาละ เอาละ มากินข้าวกันเถอะ วันนี้พวกเจ้าต้องกินเยอะๆนะ อ้าวข้าลืม พวกเจ้ากินกันไปก่อน ข้าไปเอาน้ำแกงไก่ที่บ้านอาเหยาก่อน"นางลี่สือหลินออกไปไม่นานก็กลับมาพร้อมน้ำแกงไก่ถ้วยใหญ่"อาเซียงเมื่อกี้ตอนแม่ไปตักน้ำแกงไก่ เห็นกล่องใส่โสมยังวางอยู่ในครัว เห็นอาย้งบอกว่า โสมหัวนั้นราคาหลายร้อยตำลึงทอง ทำไมเอามาวางไว้อย่างนั้นละ"ซินเซียงแอบมองไปยังพี่ชาย
ชุนเหมยเมื่อเห็นน้องสาวต่างสายเลือด กระวีกระวาดวิ่งออกไปหาสามีก็ส่ายหัวยิ้มๆ นางเดินออกจากห้องโถง มุ่งตรงกลับเข้าห้องนอนทันที"เวิ้นสุ่ย"เสียงราบเรียบของหญิงสาวคล้ายพูดคุยกับอากาศที่อยู่ภายในห้อง เงาดำสายหนึ่งเคลื่อนออกมาจากมุมห้องอย่างเงียบๆ"นายหญิง""เจ้าไปสืบเรื่องนั้นมาให้ข้า จำไว้ข้าต้องการเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียด"ไร้เสียงตอบรับใดๆ มีเพียงเงาดำสายนั้น ที่เลือนหายไปคล้ายไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ชุนเหมย เดินออกจากห้องไปช้าๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น"ท่านพี่ตอนที่อยู่ที่หอการค้ากลางทำไมท่านไม่ช่วยข้าออกความคิดเห็นบ้างเลยเจ้าค่ะ"หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างแง่งอน ที่สามีไม่ช่วยนางออกความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับร้านค้าที่นางจะซื้อ"ก็พี่ไม่มีความรู้เรื่องนี้ พี่ว่าร้านไหนเจ้าเห็นว่าดีพี่ก็ว่าดี พี่ล้วนเชื่อฟังเจ้าเหยาเอ๋อ"เซียงย้งกลั้นหัวเราะหน้าแดง เมื่อเห็นพี่ชายกลายสภาพเป็นแมวหนุ่มช่างออดอ้อนต่อหน้าพี่สะใภ้ ก่อนจะรีบปรับสีหน้า เมื่อเห็นสายตาพิฆาตที่พี่ชายส่งตรงมาให้"พี่สะใภ้ในเมื่อท่านยังไม่ถูกใจ ก็ค่อยๆ หาไปก็ได้ขอรับ ข้าและ พี่หานตงล้วนเชื่อฟังท่าน""อะ นั่น นั่น น่าจะใช่ร้านเหล็กที่พี่ช
เว่ยเหนียนเหยากำลังกล่าวขอตัวจากเหวินฉีและภรรยา แต่อาเสิ้นก็เดินเข้ามาในบ้านซะก่อน"พี่บุญธรรม ท่านพอจะมีเวลาสักครู่หรือไม่ขอรับ ถ่านเตาแรกตากแดดดีแล้ว ข้าอยากพาท่านไปดู""ได้สิ งั้นอาเซียงเจ้าไปโรงงานเถอะ เดี๋ยวพวกข้าจะไปกับอาเสิ้น"อาเสิ้นลากถ่านที่เขาเก็บใส่ตะกร้าแล้ว ออกมาให้ทุกคนดู หญิงสาวหยิบถ่านขึ้นมาตรวจดู เห็นว่าทุกก้อนแห้งสนิทแล้วจริงๆจึงให้อาเสิ้นลองก่อไฟขึ้นมาดู ถ่านนี้เป็นถ่านที่ทำจากเศษไม้ต่างๆที่เก็บมารวมกัน จึงทำให้มีควันไฟค่อนข้างมาก ซ้ำยังมีกลิ่นแรง แถมแรงไฟที่ได้ก็ไม่สม่ำเสมอนางบอกให้อาเสิ้นจดข้อเสียเหล่านี้ไว้ เพราะเตาต่อไปจะลองใช้ไม้ไผ่อย่างเดียว อาเสิ้นตื่นเต้นมากอยากจะรีบไปเก็บไม้ไผ่กลับมาทดลองแต่นางบอกว่า รอให้พวกนางกลับมาจากในเมืองก่อนจะดีกว่า จะได้มีคนขึ้นเขาไปเป็นเพื่อนเมื่อเห็นว่าไม่มีธุระอะไรที่ต้องทำในบ้านแล้ว เว่ยเหนียนเหยาจึงรีบเดินทางเข้าในเมือง วันนี้นางมีงานต้องทำมากมายเลยทีเดียวเมื่อมาถึงตัวเมือง นางให้สามีและเซียนย้ง นำปลาไหลที่ได้ไปขายก่อนหานตงจึงมุ่งหน้าไปที่ภัตตาคารที่เคยนำปลาไหลมาขายในครั้งก่อน เสี่ยวเอ้อจำพวกเขาได้ก็ร้องทักอย่างดีใจ"พวก