"หลังจากที่กลับมาจากบ้านท่านในวันนั้น สามีของข้าเห็นว่าครอบครัวกำลังจะอดตาย เกรงว่าผู้คนจะก่นด่า ท่านแม่สามีว่า เป็นหญิงชั่วช้า ใจดำอำมหิต จึงกระเสือกกระสนนำกระดาษแผ่นนี้ไปที่ศาลากลาง เพื่อตัดขาดครอบครัวออกจากบ้านใหญ่ ไม่ให้ผู้คนก่นด่าท่านได้"
เชอะ! เรื่องกลับขาวเป็นดำ เอาความดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น นางก็ทำเป็น นางเว่ยหลัวหลานถลึงตาใส่ลูกสะใภ้คนกลาง มือไม้สั่นระริก เมื่อถูกหลอกด่า เว่ยหานหมิงเห็นว่าตอนนี้ครอบครัวของตนเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แผนการที่เขากับมารดาวางไว้ถือว่าไร้ที่ติ คาดไม่ถึงว่าเป็นเพราะเขาประมาทพี่รองจนเกินไป ทำให้อีกฝ่ายพลิกกลับมาชนะได้ หานหมิงพิจารณาทุกอย่าง อย่างรอบคอบอีกครั้ง ไม่เพียงแต่พี่ชายของเขาที่เปลี่ยนไป แต่คนที่เปลี่ยนไปมากที่สุดคือ พี่สะใภ้หรือ คนรักเก่าของเขานั่นเอง หานหมิงนึกทบทวนถึงสายตาของนางที่มองมายังเขา ความรัก ความห่วงหา อาลัยอาวรณ์ ที่เคยมี บัดนี้กับถูกแทนที่ด้วยความเย็นชา และเหินห่าง หากเขารู้ว่า นางมากความสามารถเช่นนี้ เขาคงจะเกลี้ยกล่อมมารดาให้ได้แต่งงานกับนาง แทนที่จะปล่อยให้พี่รองแย่งวาสนาเขาไปเช่นนี้ ในเมื่อตอนนี้ การใช้ไม้แข็งไปก็รังแต่จะแตกหัก มิสู้ใช้ไม้อ่อน อย่างน้อยพวกเขายังจะได้ประโยชน์จากความสัมพันธ์นี้อยู่บ้าง "พี่สะใภ้ที่ท่านกล่าวมานั้นก็ไม่ถูกทั้งหมด สายสัมพันธ์แม่ลูกจะตัดขาดกันด้วยเหตุผลแค่นี้ได้ยังไง ตอนนั้นที่ท่านแม่ทำรุนแรงเช่นนั้นเพราะอารมณ์โมโห และเลอะเลือนไปชั่วขณะ พี่รองเป็นคนกตัญญู คงจะไม่ถือสาท่านแม่กระมัง" เว่ยเหนียนเหยาเหลือบมองน้องชายของสามี บุรุษผู้นี้ถือว่าเฉลียวฉลาดทีเดียว รู้ว่าเวลาไหนควรรุก เวลาไหนควรถอย "ช่างเถอะอาหมิง พวกเขาปลีกกล้าขาแข็ง จนลืมไปแล้วกระมังว่า ตอนนี้ซุกหัวนอนอยู่ในที่ของใคร" "ที่นั่นไม่ใช่ ท่านแม่สามียกให้ท่านพี่แล้วหรือเจ้าคะ" หญิงสาวแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องที่ดิน โชคดีที่แม้น้องสามีจะฉลาด แต่แม่สามีดูไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่ "ท่านแม่ เรื่องนี้......" เว่ยหานหมิงพยายามจะเอ่ยปากห้ามแต่ก็พูดไม่ทันมารดา "ข้าก็แค่ให้ครอบครัวของเจ้าเข้าไปอาศัยอยู่ แต่ชื่อยังเป็นของข้ากับสามี ตอนนี้พวกเจ้าอยากจะตัดความสัมพันธ์กับครอบครัว ยังจะกล้าหน้าด้านอยู่ในที่ดินของข้าอีกอย่างนั้นหรือ" หญิงสาวหัวเราะในใจ เชิญร้ายมาเลยเจ้าค่ะท่านแม่สามี พวกข้าอยากเป็นผู้โดนกระทำจะแย่อยู่แล้ว "แล้วท่านแม่จะให้ข้าทำเช่นไรขอรับ" หานตงก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า มารดาจะใจร้ายกับเขาได้ถึงเพียงไหน "ท่านแม่ข้าว่า....." หานหมิงพยายามจะเอ่ยห้ามมารดาอีกครั้ง "อาหมิง เจ้าไม่ต้องมาช่วยพูดแทนพวกเขาเลย ในเมื่อพวกเขาไม่เห็นพวกเราเป็นญาติ เจ้าจะพูดแทนพวกเขาทำไม" นางเว่ยหมัวหลานพยายามพูดให้ครอบครัวตัวเองดีขึ้นในสายตาของชาวบ้านอีกครั้ง ชาวบ้านทั้งหลายต่างเบ้ปาก ที่พวกเขายังไม่ไปไหน เพราะอยากดูเรื่องสนุกของผู้อื่นต่างหาก "อาตง หากพวกเจ้ายังอยากจะมีที่ซุกหัวนอน ก็ต้องจ่ายค่าเช่าให้กับบ้านข้าเดือนละ หนึ่งตำลึงทอง หาไม่แล้วก็ไสหัวไปให้พ้นจากบ้านข้าเสียตั้งแต่วันนี้" ชาวบ้านทุกคนต่างสูดปาก นางเว่ยหมัวหลานบ้าไปแล้วหรือไง บ้านซอมซ่อหลังนั้น จะให้ลูกชายจ่ายเงินให้นางถึง หนึ่งตำลึงทอง "เรื่องนี้ข้ายกให้ภรรยาข้าเป็นคนตัดสินใจ" หานตงรู้ดีกว่า ภรรยายังลังเลหลายอย่าง เพราะเป็นห่วงความรู้สึกของเขา ที่เขาพูดเช่นนี้เพื่อให้นางรู้ว่า ต่อไป ไม่ว่านางจะทำอะไร ทุกอย่างเขาล้วนสนับสนุนนาง "ถ้าท่านแม่ต้องการแบบนั้น ข้าก็ไม่ขัดข้องเจ้าค่ะ วันนี้ข้าจะมอบเงินหนึ่งตำลึงทอง ให้ท่านต่อหน้าทุกคนในที่นี้" คราวนี้ชาวบ้านฮือฮาอีกครั้ง แม้จะรู้ว่าครอบครัวของหานตงมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่ไม่คิดว่าจะดีถึงขนาดมอบเงินหนึ่งตำลึงทองออกมาได้ในทันที มิน่าเล่านางเว่ยหมัวหลานถึงอยากจะให้บุตรชายกลับเข้าบ้านใหญ่ถึงเพียงนี้ "ยังมีอีก ปรกติอาตงจะเป็นคนออกเงินค่าซ่อมแซมศาลบรรพชนในส่วนของบ้านใหญ่ แต่ปีนี้มีผู้ใจบุญออกเงินซ่อมแซมให้ ในเมื่อปีนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินส่วนนี้ งั้นก็นำเงินส่วนนี้ มอบเข้ามาในกองกลางของบ้านใหญ่ อีกสองปีข้างหน้า เงินส่วนนี้ข้าจะนำมาซ่อมแซมศาลบรรพชน ถือว่าแสดงความกตัญญูเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะแยกครอบครัว" นางเว่ยหมัวหลาน เมื่อได้คืบก็จะเอาศอก นางคิดว่า เงินส่วนใหญ่ที่หามาได้ ทางครอบครัวหานตงน่าจะเอาออกไปสร้างโรงงาน และลงทุนกับกิจการไปหมดแล้ว กว่าจะเก็บเงินมาซื้อที่ กว่าจะสร้างบ้าน ก็น่าจะอีกนาน นางน่าจะยังได้เงินจากครอบครัวนี้อีกหลายตำลึงทีเดียว ส่วนเงินซ่อมแซมศาลบรรพชน ก็ยังอีกตั้งสองปี ยังไงก็เก็บเงินส่วนที่ต้องได้มาไว้ก่อน "แม่อาตง เรื่องนี้ไม่ค่อยเหมาะสักเท่าไหร่กระมัง เงินก้อนนี้ยังไงก็มีผู้ใจบุญออกมาให้แล้ว ส่วนอีกสองปีค่อยว่ากันเถอะ" เนื่องจากหานตงขอร้องไม่ให้พวกเขาป่าวประกาศเรื่องที่บริจาคเงินออกไป ทางท่านผู้นำจึงได้แต่พูดเลี่ยงๆ "นั่นสิ นั่นสิ เรื่องนี้ค่อยพูดกันทีหลังเถอะ" ทางผู้ใหญ่บ้านรีบพูดสนับสนุน เนื่องจากทุกวันนี้ ห้องแจ้งข่าวที่หานตงช่วยออกเงินซ่อมแซมให้ ก็เป็นที่เชิดหน้าชูตาให้เขาไม่เบา พวกผู้ใหญ่บ้านหมู่อื่นต่างอิจฉาตาร้อน อยากจะมีลูกบ้านดีๆ แบบเขาบ้าง "พวกท่านพูดแบบนี้ เพราะเห็นว่าอาตงกำลังได้ดี เลยเข้าข้างเขาใช่ไหมเจ้าคะ" ผู้ใหญ่บ้านและ ผู้นำตระกูล ถูกคำพูดของนางเว่ยหลัวหลานยั่วโมโหจนหน้าแดงหน้าดำ "ดี! ดี! ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนี้ วันนี้ข้าคงต้องผิดคำพูดกับอาตงซะแล้ว ข้าจะบอกให้พวกเจ้าทุกคนรู้ไว้ คนที่ออกเงินซ่อมแซมศาลบรรพชนแทนพวกเจ้าทุกคนก็คืออาตง เป็นเพราะเขาเห็นว่าปีนี้ฟ้าฝนไม่ดี หลายบ้านมีความเป็นอยู่แร้นแค้น แต่ครอบครัวเขาโชคดีทำการค้าได้ จึงขอออกหน้าจ่ายเงินแทนพวกเจ้าทุกคน เขาทำขนาดนี้ ซ้ำยังไม่ยอมโอ้อวด แล้วเจ้าจะให้ข้า ยอมให้พวกเจ้าเอาเปรียบพวกเขาอีก เช่นนั้น ข้าก็ไม่ควรจะเป็นผู้นำตระกูลแล้ว อีกอย่าง ถึงแม้เขาจะเป็นคนตระกูลเว่ย แต่เขากลับยอมออกเงินซ่อมแซมศาลบรรพชนตระกูลอื่นอย่างใจกว้าง พวกเจ้าที่อยู่ตรงนี้ คิดว่าคนแบบนี้จะเป็นคนอกตัญญูอีกหรือ " คราวนี้ลูกหลานตระกูลต่างๆ ที่รู้ว่าครอบครัวของหานตง ช่วยออกเงินซ่อมแซมศาลบรรพชนแทนทุกคนอย่างใจกว้าง แถมยังไม่คิดโอ้อวดทวงบุญคุณ ต่างก็ตะโกนด่าทอนางเว่ยหมัวหลาน และครอบครัว อย่างหยาบคาย เว่ยเหนียนเหนายกยิ้มน้อยๆ ตาเป็นประกาย ในที่สุดหมากที่นางวางไว้ก็ถูกใช้งานอย่างสมบูรณ์ ซะที เหตุการณ์ทั้งหลายสิ้นสุดลงด้วยการที่ ครอบครัวของหานตงมอบเงินค่าเช่าบ้านให้นางเว่ยหมัวหลานเป็นจำนวนเงินหนึ่งตำลึงทอง และครอบครัวของนางเว่ยหมัวหลาน กลับไปพร้อมกับเสียงก่นด่าของเหล่าผู้คน แต่ครอบครัวของหานตงกับได้ยินเสียงสรรเสริญเยินยอไปตลอดทาง เซียนย้งรู้ข่าวหลังจากที่พาเด็กๆกลับมาจากบึงบัวแล้ว ถึงเขาอยากจะตามไป แต่ติดที่คำสั่งพี่สะใภ้ บอกให้เขาดูเด็กๆอยู่ที่บ้าน ดังนั้นเขาจึงพาเด็กๆช่วยกันเด็ดกลีบบัว และเกสร แยกออกมาตากแดดไว้ เพื่อให้พี่สะใภ้เก็บมาทำชา ตอนที่เขานำบัวถาดสุดท้ายออกมาตากแดด สองสามีภรรยาก็เดินเข้ามาถึงบ้านแล้ว หานตงไม่ทักทายใคร เขาตรงเข้าบ้านและเดินตรงเข้าไปในห้องนอนทันที เซียนย้งอยากจะตามเข้าไปปลอบโยนผู้ที่เป็นพี่ชาย แต่เว่ยเหนียนเหยากลับจับไหล่เขาไว้ แล้วส่ายหน้าห้าม "ปล่อยให้ท่านพี่อยู่คนเดียวเถอะ เรื่องแบบนี้ เขาจะต้องผ่านมันไปด้วยตัวเอง เชื่อข้า ท่านพี่ของเจ้าเข้มแข็งพอ ให้เวลาเขาสักพัก" เซียนย้งถอนหายใจ ก่อนจะสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น "ท่านป้าทำเกินไปหรือเปล่า ท่านพี่หานตง ตั้งแต่ทำงานได้ เงินทั้งหมดล้วนแต่มอบให้นางทั้งสิ้น ไม่ว่านางจะสั่งอะไร เขาล้วนไม่เคยขัดขืนสักคำ แบบนี้ยังไม่เรียกว่ากตัญญูอีกหรือ" "เรื่องก็ผ่านไปแล้ว ตอนนี้ข้าอยากรู้ว่า เรื่องบ้านเป็นอย่างไรบ้างมากกว่า" "น่าใช้เวลาอีกไม่เกินเจ็ดวันขอรับ หลังจากที่พวกช่างส่งมอบงานแล้ว ข้าได้จ้างคนงาน ให้ทำความสะอาดให้เรียบร้อยตามที่ท่านสั่ง" "ดีงั้นพวกเจ้าก็เตรียมตัวให้พร้อม ก่อนสิ้นเดือนนี้ ข้าจะย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านใหม่ ส่วนเงินหนึ่งตำลึงทองนั่น ถือเสียว่า ข้าให้นางไว้ซื้อยาแก้ช้ำในกินก็แล้วกัน" กุ้ยเซียนย้งทำตาโต คิดไม่ถึงเลยว่า พี่สะใภ้จะใช้วิธีการนี้แก้เผ็ดแม่สามี คิดถึงสภาพของท่านป้า หากรู้ว่าเงินที่ตัวเองหมายมั่น ลอยหายไปในอากาศเช่นนี้ คงต้องช้ำใจไม่น้อย ยิ่งใกล้ถึงเวลาย้ายบ้าน ทุกคนดูยุ่งไม่น้อย แม้แต่เด็กทั้งสามที่กำลังสนใจในการเรียน ยังอดที่จะตื่นเต้นไปกับการย้ายบ้านในครั้งนี้ไม่ได้ เว่ยเหนียนเหยาและซินเซียงตกลงกันว่าจะใช้ห้องโถงด้านใน ในบ้านของซินเซียงทำเป็นห้องเรียนหนังสือให้เด็กๆชั่วคราว ในส่วนของอาเส้านั้น หญิงสาวได้ปรึกษากับสามีแล้วว่า หากเด็กๆเข้าไปเรียนที่สถานศึกษาแล้ว จะให้อาเส้ามาช่วยคุมคนงานและดูแลในเรื่องของงานบัญชี ซึ่งอาเส้าก็ยินดีที่จะรับหน้าที่ใหม่นี้ เว่ยเหนียนเหยายืนดูกำแพงที่รายล้อมรอบที่ดินของนางอย่างพอใจ จริงๆแล้ว กำแพงนี้ต้องส่งมอบในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หากแต่นางขอให้นายช่างใหญ่ติดต่อให้ช่างที่มาสร้างโรงงานทำให้ โดยนางยินดีจ่ายค่าแรงในส่วนนี้เพิ่มขึ้นต่างหาก หญิงสาวยืนคิดอะไรเพลินๆ จนกระทั่งมีแขนคู่หนึ่งมารั้งตัวเข้าไปกอดไว้ "อุ้ย! ท่านพี่นี่เอง จัดของเสร็จแล้วหรือเจ้าคะ" "จะต้องจัดอะไรมากมาย มิใช่ว่าเจ้าใช้ให้พี่ทยอยเอาของมาจัดตั้งแต่ก่อนย้ายเข้ามาแล้วหรือ" ต้องขอบคุณภรรยาตัวน้อย ที่ช่างสรรหาวิธีการคลายความเศร้า มาให้กับเขา ในแต่ละวันไม่รู้นางสรรหางานมาจากไหน ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ เขาแทบจะไม่มีเวลาหายใจ แม้กระทั่งยามนอนเขาก็เพลียจนไม่มีเวลาแม้แต่จะฝัน ยามนี้พวกเขายืนอยู่บนระเบียงชั้นสองของบ้าน ด้านหน้าเป็นลำธารผืนใหญ่สามารถมองเห็นสายน้ำที่ไหลเลาะโขดหินลงไปตามแอ่งน้ำเบื้องล่าง ด้านขวาเป็นทิวเขาตระหง่านห่มด้วยความเขียวชอุ่มของบรรดาพืชพรรณ ส่วนด้านซ้ายกลับมองเห็นพื้นที่โล่งกว้างมีกำแพงล้อมรอบสุดลูกหูลูกตา หานตรงมองบ้านทั้งสองหลังด้วยความพึงพอใจ บ้านทั้งสองหลังนี้ทำกลับด้านกัน ทำให้ตัวบ้านของแต่ละหลัง ไม่ยื่นออกมาบังระเบียงของแต่ละฝ่าย อีกทั้งยังตั้งห่างกันพอสมควร ทำให้แต่ละบ้านมีความเป็นส่วนตัวอยู่ไม่น้อย "อาเหยา พี่มีความสุขเหลือเกิน หากสิ่งนี้เป็นเพียงความฝัน หรือหากเจ้าคนนี้เป็นเพียงความฝัน พี่คงมีชีวิตอยู่ไม่ได้แน่ๆ" ชายหนุ่มพลิกตัวคนในอ้อมแขนให้หันกลับมาอย่างอ่อนโยน มือหยาบกร้านที่ทำงานหนักไล้ไปตามดวงหน้างามอย่างหลงใหล "อาเหยา เจ้าสัญญาแล้วนะ ว่าจะมีลูกสาวให้พี่อีกสักคน" เว่ยเหนียนเหยา กายสั่นสะท้านไปกับความอ่อนโยนของบุรุษตรงหน้า นางไม่คิดจะปฏิเสธสามี ร่างหอมกรุ่นเอนกายเข้าซบอกกว้างอย่างเอียงอาย หานตงประคองกอดร่างงามของภรรยากลับเข้าห้องด้วยความรู้สึกฮึกเหิม ทันทีที่ประตูระเบียงปิดลง ชายหนุ่มอุ้มร่างงามของภรรยาเข้ามาในอ้อมแขน ก่อนที่จะตรงไปที่เตียงนอนที่จัดเตรียมไว้อย่างสวยงาม ร่างงามของหญิงสาวอ่อนระทวยเอนกายลงบนที่นอน ก่อนที่ร่างแข็งแกร่งจะตามเข้ามาพัวพัน จมูกโด่งไล่คลอเคลียไปตามดวงหน้างาม ก่อนจะซุกซบหยุดที่ลำคอระหง มือทั้งสองข้างฟอนเฟ้นไปตามร่างกายที่อ่อนนุ่มเย้ายวน มือใหญ่เอื้อมเข้าไปปลดสายรัดเอวเสื้อตัวบาง "ท่านพ่อ " "ท่านแม่" เว่ยเหนียนเหยาตกใจ นึกเป็นห่วงบุตรชาย รีบผลักสามีออกจากร่าง จัดแจงชุดให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะไปเปิดประตูทันที "เกิดอะไรขึ้น เจ้าใหญ่เจ้ารอง" "ท่านแม่ขอรับ ข้าไม่เคยชินกับการนอนคนเดียวขอรับ" "ใช่ขอรับ นอนคนเดียวห้องมันใหญ่เหลือเกินขอรับ" "แล้วเหตุใดพวกเจ้าสองคนถึงไม่ไปนอนด้วยกันเล่า" หานตงตอนนี้แทบอยากจะจับลูกรักโยนออกจากห้องเสียเหลือเกิน "ไม่ขอรับ คืนนี้ข้าจะนอนกับท่านแม่" "ไม่ขอรับ คืนนี้ข้าก็จะนอนกับท่านแม่" สองปีศาจน้อยทั้งสองต่างไม่มีใครยอมใคร รีบแทรกตัวขึ้นไปนอนบนที่นอนทันที เว่ยเหนียนเหยาหันมายิ้มแหยๆให้สามี ก่อนจะรีบตามบุตรชายขึ้นเตียงไปเมื่อได้ยินเสียงเรียก หานตงมองดูก้อนซาลาเปากลมๆสองก้อนที่นอนขนาบข้างกอดก่ายภรรยาเขาอย่างมีความสุข ก่อนจะถอนหายใจอย่างยอมจำนน เฮ้อ ลูกหนอ ลูก ทำไมต้องมาวันนี้ด้วยนะ อุ อุ อุ สงสารพ่อจุง (ยกยิ้มแบบชั่วร้าย)เช้าวันนี้เว่ยเหนียนเหยารู้สึกตัวตื่นขึ้น เมื่อรู้สึกว่าคนที่นอนอีกด้านขยับกาย"เหตุใดถึงรีบตื่นละเจ้าคะท่านพี่ ฟ้ายังไม่ทันแจ้งเลย เมื่อวานท่านก็ทำงานมาทั้งวัน วันนี้ตื่นสายเสียหน่อยก็ได้เจ้าค่ะ""ตอนแรกพี่ว่าจะลงไปอาบน้ำที่ลำธารเสียหน่อย แต่ตอนนี้ไหนๆเจ้าก็ตื่นแล้ว พี่ว่า พี่พาเจ้าลงไปอาบน้ำด้วยดีกว่า เมื่อคืนเจ้าก็ผิดสัญญากับพี่แล้ว ตอนนี้ถือว่าให้รางวัลปลอบใจพี่นิดๆหน่อยก็แล้วกัน""เรื่องเมื่อคืนหาใช่ความผิดของข้าเสียหน่อย เอาเถอะไปก็ได้เจ้าค่ะ แต่ข้าไปอาบเป้ปเดียวนะเจ้าคะ เช้าๆแบบนี้ข้าว่า อากาศเย็นอยู่ไม่น้อย"หานตงจัดเตรียมสบู่ ก่อนจะจุดตะเกียงเดินนำภรรยาลงไปจากบ้านทางเดินไปลำธารถูกปรับให้เรียบ มีไม้ปักแขวนตะเกียงอยู่เป็นระยะ หานตงนำตะเกียงแขวนไว้ตรงไม้ที่ปักอยู่ริมน้ำบริเวณนี้หญิงสาวให้ช่างปรับไว้เป็นที่อาบน้ำบริเวณริมธาร สำหรับเด็กๆที่มักจะชอบมาว่ายน้ำเล่นหานตงถอดเสื้อผ้าออกเหลือแต่กางเกงข้างในติดกาย ก่อนจะช่วยภรรยา ถอดชุดด้านนอกออกบ้างชายหนุ่มตระกองกอดร่างงามให้เดินลงไปในน้ำลึกประมาณระดับอก"น้ำเย็นเหมือนกับที่เจ้าบอกจริงๆ มาเถอะพี่จะช่วยขัดถูตัวให้ เลือดลมจะได้เดินดี คล
รถม้าวิ่งผ่านกำแพงเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน ร่างของนางลี่สือหลินที่เดินกระวนกระวายอยู่ พุ่งเข้ามาหาหานตงทันที"เกิดเรื่องใหญ่แล้ว อาตง"เสียงโวยวาย ทำให้หญิงสาวในรถม้า เปิดผ้าออกมาทันที"เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะท่านแม่ลี่ เหตุใดท่านถึงดูร้อนใจถึงเพียงนี้"สีหน้าท่าทางของนางลี่สือหลินไม่ดีเลย ทำให้นางรู้สึกตกใจไปด้วย"ที่บ้านอาหงเกิดเรื่อง วันนี้ลุงฟงเห็นว่าหลังคาบ้านที่พักอยู่เกิดรอยรั่ว เลยปีนขึ้นไปซ่อม ไม่รู้ว่าพลาดพลั้งยังไง ตกลงมา อาหงวิ่งมาตามอาเส้าที่นี่ เห็นว่าหมอจางรักษาไม่ได้ ต้องส่งเข้าไปรักษาที่ตัวเมือง ทางผู้ใหญ่ให้เกวียนของหมู่บ้านไปส่งสักพักแล้ว""แล้วเขาเอาไปรักษาที่ไหน ท่านแม่ลี่รู้รึไม่เจ้าคะ""ได้ยินมาว่า เป็นร้านยามู่ถาน""ท่านพี่ ท่านขับรถไหวหรือไหม ข้าอยากไปดูพวกเขาสักหน่อย""ข้าไหว งั้นเดี๋ยวข้ากับอาย้งจะรีบขนของลงจากรถม้าก่อน""ถ้าอย่างนั้นข้าขอขึ้นไปเตรียมของสักครู่"เว่ยเหนียนเหยาเดินขึ้นมาหยิบเงินติดไปมากหน่อย ตามที่ได้ยินอาการลุงฟงน่าจะหนักไม่น้อย จากรายได้ของคนทั้งสามที่ทำกับนางมา ถ้าจะใช้จ่ายอย่างประหยัด ก็น่าจะมีเงินเก็บอยู่บ้างแต่ร้านยาในตัวเมืองเห็นว่าค่ารักษาแพง
เพล้ง! เพล้ง! เสียงสิ่งของแตกหักดังออกมาจากในห้อง ทำให้ผู้เฒ่าเว่ยจื้อจงรีบเดินเข้ามาในห้อง"ยายเฒ่า เจ้าจะบ้าไปแล้วหรือ ทำไมถึงต้องขว้างปา ข้าวของเช่นนี้""ใช่ ข้ามันบ้าไปแล้ว ท่านพี่ ท่านดู บุตรชายสุดที่รักของท่านทำเข้า"ชายชรามองหน้าบุตรชายคนโต กับคนเล็กที่อยู่ในห้อง ก่อนถอนหายใจ"อาเวิ่น อาหมิง เจ้าเอาเรื่องอะไรมากวนใจแม่ของเจ้าอีก เหอะ""ท่านอย่ามาตวาดบุตรชายของข้านะ ท่านไปตวาดบุตรชายของท่านโน่น ตั้งแต่มีเงินก็ปีกกล้าขาแข็ง ไม่เห็นหัวพ่อแม่ ที่กับครอบครัวคนอื่น กับสอดไม้สอดมือช่วยเหลือวุ่นวายไปหมด"ชายชราถอนใจ ที่แท้ก็เป็นเรื่องครอบครัวตระกูลจงนี่เอง"ยายเฒ่าเอ๊ย ตาเฒ่าฟงประสบเคราะห์ร้าย ภรรยาและบุตรของเขาก็ทำงานอยู่กับอาตง อาตงคงเห็นแก่คนพวกนั้นจึงได้ช่วยเหลือก็ได้ เจ้าก็อย่าคิดมากเลย""ข้าคิดมากอะไร ตั้งแต่เรื่องค่าเช่าที่ดินแล้ว ที่พวกมันตั้งใจหลอกลวงข้า หากข้ารู้ว่า พวกมันเตรียมย้ายบ้าน ข้าจะไม่เรียกเงินแค่นั้นหรอก พูดแล้ว ก็เจ็บใจจริงๆ"นางเว่ยหมัวหลานแทบกระอักเลือดออกมา เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากที่กลับมาจากห้องแจ้งข่าว นางกับคนในบ้านก็อับอายจนไม่อยากออกไปไหนจ
"ท่านหมอเจ้าคะ ข้านำต้นโสมมาส่งเจ้าค่ะ"เว่ยเหนียนเหยายื่นกล่องโสม วางลงบนโต๊ะที่ท่านหมอนั่งอยู่"เจ้าไปเสียนาน ข้าคิดว่า เจ้าจะหามาไม่ได้เสียแล้ว"หมอชรานำกล่องโสมมาเปิดดู พอฝากล่องเปิดขึ้น ชายชราถึงกับมือไม้สั่นรีบประคับประคองกล่องโสมวางลงบนโต๊ะ"โสมต้นนี้สมบูรณ์มากนัก ข้าคิดว่ามันน่ามีอายุหลายสิบปีเลยทีเดียว ราคาของโสมต้นนี้น่าจะอยู่ที่เจ็ดร้อยถึงแปดร้อยตำลึงทอง ข้าคิดว่าเจ้าจะหาซื้อโสมต้นเล็กๆ มาเสียอีก""เดิมทีข้าก็คิดเช่นนั้น แต่สหายของข้าบอกว่ามีคนให้โสมต้นนี้กับเขามา แต่เขาไม่ได้ใช้ เลยให้ข้ามาอีกทีเจ้าค่ะ"" สหายดี! สหายดี! เจ้ามีสหายที่ดีเช่นนี้ ถือว่ามีบุญยิ่งนัก อะ เอาคืนไป ข้าใช้แค่รากโสมพวกนี้ก็พอแล้ว"หมอชราใช้กรรไกรตัดส่วนของรากที่ตนต้องการออกไว้ จากนั้นก็นำโสมใส่ลงไปในกล่อง และส่งให้เว่ยเหนียนเหยาคืน"มันจะพอหรือเจ้าคะ มิสู้ท่านเอาไว้ให้มากหน่อยดีกว่า"เว่ยเหนียนเหยาที่เห็นว่า ท่านหมอตัดแค่รากโสมไว้ก็เกรงว่าตัวยาจะไม่พอ คะยั้นคะยอให้ท่านหมอตัดเพิ่มไว้อีก"พอแล้ว พอแล้ว โสมนี้เจ้าก็เก็บไว้ให้ดี แล้วอย่าเที่ยวไปบอกใครละ เดี๋ยวจะเป็นภัยกับตัวเอง พรุ่งนี้ข้าจะเริ่มรักษาใน
"ท่านแม่ ท่านแม่ขอรับ ได้โปรดตื่นเถิด อย่าทิ้งข้ากับท่านพ่อไปนะขอรับ ฮือ ฮือ""ท่านพ่อ ทำไมท่านแม่ถึงนอนแน่นิ่งแบบนี้ ท่านพ่อช่วยปลุกท่านแม่หน่อยขอรับ"เสียงใครกัน หนวกหูชะมัด ฉันขอนอนนานๆหน่อยได้ไหม เว่ยเหนียนเหยา คิดในใจอย่างรำคาญ เมื่อวานนี้กว่าเธอจะปิดบัญชีของภัตตาคารหรูระดับห้าดาวเสร็จ เธอต้องเคร่งเครียดจนลืมกินลืมนอนไปหลายคืน " เจ้าใหญ่ เจ้ารอง หยุดร้องไห้ก่อนเถอะ เจ้าดูแม่เจ้าไว้ก่อน เดียวพ่อจะไปตามท่านหมอจางมาดูแม่เจ้า"เสียงอีกเสียงดังขึ้น ฟังดูก็รู้ว่า น่าจะเป็นชายหนุ่มอายุไม่เยอะเท่าไหร่ ว่าแต่ว่าพวกเขาพูดถึงใครกัน แล้วคนพวกนี้เข้ามาอยู่ในบ้านเธอได้ยังไง แย่แล้ว!!! หรือว่าจะเป็นโจร เว่ยเหนียนเหยาคิดอย่างตกใจ พยายามที่จะลืมตาขึ้น แต่กลับรู้สึกปวดหัว และเจ็บข้างหลังท้ายทอยเป็นอย่างมาก หญิงสาวค่อยๆยกมือ ลูบไปยังบริเวณที่เจ็บ พร้อมกับลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก แสงสว่างสาดเข้ากับดวงตา ทำให้ตาของเธอพร่าไปเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆคุ้นชิน หญิงสาวกวาดสายตามองดูโดยรอบนี่เธออยู่ที่ไหน ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ หรือเธอถูกโจรจับมาเรียกค่าไถ่ สารพัดคำถามที่ไร้คำตอบดังขึ้นมาในหัว แต่ก่อนที
" ท่านพ่อเร็วเข้าเถอะขอรับ ท่านแม่อาการหนักแน่ๆ""ใช่ขอรับท่านพ่อ เมื่อครู่ท่านแม่จำข้ากับพี่ใหญ่ไม่ได้ด้วยขอรับ"เสียงโวยวายของเด็กทั้งสองดังขึ้น พ่อของเด็กน่าจะพาหมอกลับมาแล้ว หญิงสาวแสร้งนอนนิ่ง เพื่อรอดูเหตุการณ์ "ท่านหมอ ท่านช่วยตรวจดูภรรยาข้าหน่อยเถอะขอรับ"น้ำเสียงทุ้มกล่าวอย่างนอบน้อม หมอชราถอนหายใจในความอยุติธรรมที่ชายหนุ่มตรงหน้าได้รับ เขาบังเอิญรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น สองครอบครัวร่วมมือกันเล่นละคร เพื่อผลักดันชายหนึ่งหญิงหนึ่งที่ตนไม่ต้องการให้กระเด็นออกมา " หานตงเอ๋ย ข้าสงสารเจ้ายิ่งนัก เวรกรรมอะไรของเจ้าหนักหนา"ชายชราส่ายหน้า พลางนั่งลงตรงข้างร่างหญิงสาว หลังจากลงมือสำรวจบาดแผล และตรวจดูชีพจร เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง จึงมอบยารักษาบาดแผลไว้ให้ หมอชราปฏิเสธที่จะรับเงินค่ารักษา ขอรับเพียงแต่เงินค่ายาเท่านั้นหลังจากที่หมอชราจากไป ชายหนุ่มจึงปลอบโยนลูกทั้งสอง ก่อนจะนำกะละมังและผ้าชุบน้ำมาเช็ดตามเนื้อตัวของภรรยา เว่ยเหนียนเหยารู้สึกซาบซึ้งใจกับสิ่งที่ชายหนุ่มปฏิบัติต่อเธอ ร่างบางค่อยๆลืมตาขึ้นมองสบเข้ากับดวงตาคู่คม เธอมองเห็นความกังวลปนเปกับความโล่งอก"เจ้ารู้สึกเ
สองสามีภรรยาเดินขึ้นเขาอย่างเร่งรีบ เมื่อเดินไปถึงแค่ตีนเขา กลับพบกอไผ่ขึ้นอยู่อย่างมากมาย ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็พบกับความเขียวชอุ่ม นับว่าเป็นภูเขาที่มีความอุดมสมบูรณ์ไม่น้อยเว่ยเหนียนเหยารีบเดินเข้าไปสำรวจตรงกอไผ่ทันที หลังจากที่แหวกดูดวงตาก็เปล่งประกาย"ท่านพี่ ท่านมาช่วยข้าขุดหน่อไม้หน่อยเถิด เราจะได้นำกลับไปเป็นอาหารที่บ้าน""หน่อไม้พวกนี้มีรสฝาดไม่เหมาะจะนำไปเป็นอาหารหรอก"ชายหนุ่มส่ายหน้ากับความไม่รู้ของผู้เป็นภรรยา หญิงสาวหาได้ถือสา ด้วยเข้าใจว่าผู้คนในอดีตย่อมไม่รู้ว่าควรนำหน่อไม้มาปรุงอาหารเช่นไรนางเพียงขุดขึ้นมาเป็นตัวอย่างให้สามีดู พลางเน้นย้ำว่า ให้ขุดขึ้นมาให้เยอะหน่อยเท่านั้น เมื่อเห็นว่าสามีไม่ปฏิเสธ หญิงสาวจึงค่อยๆ เดินสำรวจไปทางอื่นนางหยุดมองที่ต้นไม้กอใหญ่กอหนึ่ง หลังจากที่พิจารณาอยู่ชั่วครู่ ก็ตัดสินใจขุดลงไปในดินใต้ต้นไม้นั้นสิ่งที่ปรากฏอยู่ในดินทำให้หญิงสาวยิ้มแก้วปริ อย่างน้อยๆ สิ่งนี้ก็ช่วยให้นางและครอบครัวรอดพ้นจากความหิวโหยไปได้พักใหญ่สองมือเรียวค่อยๆ นำสิ่งที่อยู่ในดินขึ้นมา มันฝรั่งหัวใหญ่ถูกดึงขึ้นมาใส่ลงไปในตะกร้าจนเต็มก่อนที่หญิงสาวจะเดินกลับไปหาสามี
ด้วยประสบการณ์ความยากจนที่เคยผ่านมา เรื่องการจุดไฟทำอาหารไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับนางหญิงสาวนำหม้อเก่าใบหนึ่งขึ้นมาใส่น้ำก่อนจะหั่นปลาเป็นชิ้นๆ ลงไปต้มในหม้อ หลังจากควบคุมไฟไม่ให้แรงจนเกินไป จากนั้นนางจึงนำมันฝรั่งออกมาปอกเปลือกและหั่นทิ้งไว้ มองดูปลาที่ต้มไว้มีฟองลอยอยู่ไม่น้อยจึงค่อยๆ ตักฟองคาวออก รอจนกระทั่งไม่มีฟองขึ้นมาอีก จากนั้นจึงใส่เกลือลงไปเล็กน้อยนางตักน้ำแกงขึ้นมาชิม รสชาติความหวานของเนื้อปลาบวกกับความเค็มของเกลือ แม้จะยังไม่ใช่อาหารเลิศรสแต่ก็น่าจะประทังความหิวไปได้เมื่อยกหม้อปลาลง นางรีบนำกระทะขึ้นตั้งไฟ ใส่น้ำลงไปเล็กน้อย นำมันฝรั่งลงไปผัดจนสุก จากนั้นปรุงรสชาติด้วยเกลืออีกหน่อยปลาสองตัวกับมันฝรั่งพวกนี้น่าจะช่วยให้มื้อนี้ของครอบครัวผ่านไปด้วยดี นางรีบนำอาหารออกไปวางบนโต๊ะกินข้าว ภายในบ้านไม่มีใครอยู่ กลับปรากฏเสียงดังอยู่ด้านนอกเว่ยเหนียนเหยาเดินออกไปตามเสียง พบว่าสามีกำลังทำความสะอาดอุปกรณ์ที่นำไปขึ้นเขา ส่วนบุตรชายทั้งสองก็นั่งเล่นกันอยู่ข้าง ๆ"ท่านพี่ เจ้าใหญ่ เจ้ารอง มากินอาหารกันเถอะ"เด็กทั้งสองเมื่อได้ยินเสียงมารดาเรียก ก็รีบวิ่งกรูเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว หญิงสาว
"ท่านหมอเจ้าคะ ข้านำต้นโสมมาส่งเจ้าค่ะ"เว่ยเหนียนเหยายื่นกล่องโสม วางลงบนโต๊ะที่ท่านหมอนั่งอยู่"เจ้าไปเสียนาน ข้าคิดว่า เจ้าจะหามาไม่ได้เสียแล้ว"หมอชรานำกล่องโสมมาเปิดดู พอฝากล่องเปิดขึ้น ชายชราถึงกับมือไม้สั่นรีบประคับประคองกล่องโสมวางลงบนโต๊ะ"โสมต้นนี้สมบูรณ์มากนัก ข้าคิดว่ามันน่ามีอายุหลายสิบปีเลยทีเดียว ราคาของโสมต้นนี้น่าจะอยู่ที่เจ็ดร้อยถึงแปดร้อยตำลึงทอง ข้าคิดว่าเจ้าจะหาซื้อโสมต้นเล็กๆ มาเสียอีก""เดิมทีข้าก็คิดเช่นนั้น แต่สหายของข้าบอกว่ามีคนให้โสมต้นนี้กับเขามา แต่เขาไม่ได้ใช้ เลยให้ข้ามาอีกทีเจ้าค่ะ"" สหายดี! สหายดี! เจ้ามีสหายที่ดีเช่นนี้ ถือว่ามีบุญยิ่งนัก อะ เอาคืนไป ข้าใช้แค่รากโสมพวกนี้ก็พอแล้ว"หมอชราใช้กรรไกรตัดส่วนของรากที่ตนต้องการออกไว้ จากนั้นก็นำโสมใส่ลงไปในกล่อง และส่งให้เว่ยเหนียนเหยาคืน"มันจะพอหรือเจ้าคะ มิสู้ท่านเอาไว้ให้มากหน่อยดีกว่า"เว่ยเหนียนเหยาที่เห็นว่า ท่านหมอตัดแค่รากโสมไว้ก็เกรงว่าตัวยาจะไม่พอ คะยั้นคะยอให้ท่านหมอตัดเพิ่มไว้อีก"พอแล้ว พอแล้ว โสมนี้เจ้าก็เก็บไว้ให้ดี แล้วอย่าเที่ยวไปบอกใครละ เดี๋ยวจะเป็นภัยกับตัวเอง พรุ่งนี้ข้าจะเริ่มรักษาใน
เพล้ง! เพล้ง! เสียงสิ่งของแตกหักดังออกมาจากในห้อง ทำให้ผู้เฒ่าเว่ยจื้อจงรีบเดินเข้ามาในห้อง"ยายเฒ่า เจ้าจะบ้าไปแล้วหรือ ทำไมถึงต้องขว้างปา ข้าวของเช่นนี้""ใช่ ข้ามันบ้าไปแล้ว ท่านพี่ ท่านดู บุตรชายสุดที่รักของท่านทำเข้า"ชายชรามองหน้าบุตรชายคนโต กับคนเล็กที่อยู่ในห้อง ก่อนถอนหายใจ"อาเวิ่น อาหมิง เจ้าเอาเรื่องอะไรมากวนใจแม่ของเจ้าอีก เหอะ""ท่านอย่ามาตวาดบุตรชายของข้านะ ท่านไปตวาดบุตรชายของท่านโน่น ตั้งแต่มีเงินก็ปีกกล้าขาแข็ง ไม่เห็นหัวพ่อแม่ ที่กับครอบครัวคนอื่น กับสอดไม้สอดมือช่วยเหลือวุ่นวายไปหมด"ชายชราถอนใจ ที่แท้ก็เป็นเรื่องครอบครัวตระกูลจงนี่เอง"ยายเฒ่าเอ๊ย ตาเฒ่าฟงประสบเคราะห์ร้าย ภรรยาและบุตรของเขาก็ทำงานอยู่กับอาตง อาตงคงเห็นแก่คนพวกนั้นจึงได้ช่วยเหลือก็ได้ เจ้าก็อย่าคิดมากเลย""ข้าคิดมากอะไร ตั้งแต่เรื่องค่าเช่าที่ดินแล้ว ที่พวกมันตั้งใจหลอกลวงข้า หากข้ารู้ว่า พวกมันเตรียมย้ายบ้าน ข้าจะไม่เรียกเงินแค่นั้นหรอก พูดแล้ว ก็เจ็บใจจริงๆ"นางเว่ยหมัวหลานแทบกระอักเลือดออกมา เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากที่กลับมาจากห้องแจ้งข่าว นางกับคนในบ้านก็อับอายจนไม่อยากออกไปไหนจ
รถม้าวิ่งผ่านกำแพงเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน ร่างของนางลี่สือหลินที่เดินกระวนกระวายอยู่ พุ่งเข้ามาหาหานตงทันที"เกิดเรื่องใหญ่แล้ว อาตง"เสียงโวยวาย ทำให้หญิงสาวในรถม้า เปิดผ้าออกมาทันที"เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะท่านแม่ลี่ เหตุใดท่านถึงดูร้อนใจถึงเพียงนี้"สีหน้าท่าทางของนางลี่สือหลินไม่ดีเลย ทำให้นางรู้สึกตกใจไปด้วย"ที่บ้านอาหงเกิดเรื่อง วันนี้ลุงฟงเห็นว่าหลังคาบ้านที่พักอยู่เกิดรอยรั่ว เลยปีนขึ้นไปซ่อม ไม่รู้ว่าพลาดพลั้งยังไง ตกลงมา อาหงวิ่งมาตามอาเส้าที่นี่ เห็นว่าหมอจางรักษาไม่ได้ ต้องส่งเข้าไปรักษาที่ตัวเมือง ทางผู้ใหญ่ให้เกวียนของหมู่บ้านไปส่งสักพักแล้ว""แล้วเขาเอาไปรักษาที่ไหน ท่านแม่ลี่รู้รึไม่เจ้าคะ""ได้ยินมาว่า เป็นร้านยามู่ถาน""ท่านพี่ ท่านขับรถไหวหรือไหม ข้าอยากไปดูพวกเขาสักหน่อย""ข้าไหว งั้นเดี๋ยวข้ากับอาย้งจะรีบขนของลงจากรถม้าก่อน""ถ้าอย่างนั้นข้าขอขึ้นไปเตรียมของสักครู่"เว่ยเหนียนเหยาเดินขึ้นมาหยิบเงินติดไปมากหน่อย ตามที่ได้ยินอาการลุงฟงน่าจะหนักไม่น้อย จากรายได้ของคนทั้งสามที่ทำกับนางมา ถ้าจะใช้จ่ายอย่างประหยัด ก็น่าจะมีเงินเก็บอยู่บ้างแต่ร้านยาในตัวเมืองเห็นว่าค่ารักษาแพง
เช้าวันนี้เว่ยเหนียนเหยารู้สึกตัวตื่นขึ้น เมื่อรู้สึกว่าคนที่นอนอีกด้านขยับกาย"เหตุใดถึงรีบตื่นละเจ้าคะท่านพี่ ฟ้ายังไม่ทันแจ้งเลย เมื่อวานท่านก็ทำงานมาทั้งวัน วันนี้ตื่นสายเสียหน่อยก็ได้เจ้าค่ะ""ตอนแรกพี่ว่าจะลงไปอาบน้ำที่ลำธารเสียหน่อย แต่ตอนนี้ไหนๆเจ้าก็ตื่นแล้ว พี่ว่า พี่พาเจ้าลงไปอาบน้ำด้วยดีกว่า เมื่อคืนเจ้าก็ผิดสัญญากับพี่แล้ว ตอนนี้ถือว่าให้รางวัลปลอบใจพี่นิดๆหน่อยก็แล้วกัน""เรื่องเมื่อคืนหาใช่ความผิดของข้าเสียหน่อย เอาเถอะไปก็ได้เจ้าค่ะ แต่ข้าไปอาบเป้ปเดียวนะเจ้าคะ เช้าๆแบบนี้ข้าว่า อากาศเย็นอยู่ไม่น้อย"หานตงจัดเตรียมสบู่ ก่อนจะจุดตะเกียงเดินนำภรรยาลงไปจากบ้านทางเดินไปลำธารถูกปรับให้เรียบ มีไม้ปักแขวนตะเกียงอยู่เป็นระยะ หานตงนำตะเกียงแขวนไว้ตรงไม้ที่ปักอยู่ริมน้ำบริเวณนี้หญิงสาวให้ช่างปรับไว้เป็นที่อาบน้ำบริเวณริมธาร สำหรับเด็กๆที่มักจะชอบมาว่ายน้ำเล่นหานตงถอดเสื้อผ้าออกเหลือแต่กางเกงข้างในติดกาย ก่อนจะช่วยภรรยา ถอดชุดด้านนอกออกบ้างชายหนุ่มตระกองกอดร่างงามให้เดินลงไปในน้ำลึกประมาณระดับอก"น้ำเย็นเหมือนกับที่เจ้าบอกจริงๆ มาเถอะพี่จะช่วยขัดถูตัวให้ เลือดลมจะได้เดินดี คล
"หลังจากที่กลับมาจากบ้านท่านในวันนั้น สามีของข้าเห็นว่าครอบครัวกำลังจะอดตาย เกรงว่าผู้คนจะก่นด่า ท่านแม่สามีว่า เป็นหญิงชั่วช้า ใจดำอำมหิต จึงกระเสือกกระสนนำกระดาษแผ่นนี้ไปที่ศาลากลาง เพื่อตัดขาดครอบครัวออกจากบ้านใหญ่ ไม่ให้ผู้คนก่นด่าท่านได้"เชอะ! เรื่องกลับขาวเป็นดำ เอาความดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น นางก็ทำเป็นนางเว่ยหลัวหลานถลึงตาใส่ลูกสะใภ้คนกลาง มือไม้สั่นระริก เมื่อถูกหลอกด่าเว่ยหานหมิงเห็นว่าตอนนี้ครอบครัวของตนเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แผนการที่เขากับมารดาวางไว้ถือว่าไร้ที่ติ คาดไม่ถึงว่าเป็นเพราะเขาประมาทพี่รองจนเกินไป ทำให้อีกฝ่ายพลิกกลับมาชนะได้หานหมิงพิจารณาทุกอย่าง อย่างรอบคอบอีกครั้ง ไม่เพียงแต่พี่ชายของเขาที่เปลี่ยนไป แต่คนที่เปลี่ยนไปมากที่สุดคือ พี่สะใภ้หรือ คนรักเก่าของเขานั่นเองหานหมิงนึกทบทวนถึงสายตาของนางที่มองมายังเขา ความรัก ความห่วงหา อาลัยอาวรณ์ ที่เคยมี บัดนี้กับถูกแทนที่ด้วยความเย็นชา และเหินห่างหากเขารู้ว่า นางมากความสามารถเช่นนี้ เขาคงจะเกลี้ยกล่อมมารดาให้ได้แต่งงานกับนาง แทนที่จะปล่อยให้พี่รองแย่งวาสนาเขาไปเช่นนี้ในเมื่อตอนนี้ การใช้ไม้แข็งไปก็รังแต่จะแตกหั
"พี่หานตง พี่หานตง ท่านผู้นำบอกให้ท่านกับพี่สะใภ้รีบไปที่ห้องแจ้งข่าวขอรับ ตอนนี้ท่านแม่ของท่านไปฟ้องร้องท่านข้อหา อกตัญญูต่อบิดามารดาขอรับ"หานตงหน้าซีดเผือด ไม่เคยมีบิดามารดาคนไหน ฟ้องร้องบุตรด้วยข้อหานี้มาก่อน เนื่องจากหากสืบสวนแล้วพบว่าบุตรผิดจริงบุตรคนนั้นจะต้องได้รับโทษตามกฎของหมู่บ้านและของทางการอีกด้วยตามกฎของหมู่บ้าน บุตรที่ได้รับโทษจะถูกโทษโบยห้าสิบไม้ หลังจากนั้นก็จะถูกนำชื่อออกจากตระกูลทั้งครอบครัว และขับไล่ออกจากหมู่บ้านส่วนผู้ใหญ่บ้านก็จะนำตัวไปส่งที่ศาลอาญากลางเมือง พร้อมข้อมูลความผิด คนผู้นั้นจะถูกตัดสินจองจำหนึ่งปี โทษโบยอีกห้าสิบไม้ ส่วนทรัพย์สินที่เป็นที่ดิน หรือกิจการที่เป็นชื่อตระกูล จะถูกโอนย้ายเข้าเป็นกองกลางของบ้านนั้นๆจะมีเพียงเงินทอง ของมีค่า หรือสิ่งที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า เป็นสิทธิ์ของตระกูล ที่คู่สามีหรือภรรยา สามารถนำติดตัวออกไปจากหมู่บ้านได้เท่านั้นหานตงแขนขาอ่อนแรง ทรุดนั่งลงกับพื้นตาแดงก่ำ จนแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เขารู้ว่ามารดาไม่ค่อยจะรักเขานัก แต่ไม่เคยคิดเลยว่า มารดาจะกล้าทำถึงเพียงนี้เว่ยเหนียนเหยาก่นด่าแม่สามีภายในใจ ผู้หญิงคนนั้นยังเป
"ท่านแม่ ท่านไม่คิดจะทำอะไรเลยหรือขอรับ ข่าวที่น้องเล็กสืบมา ก็บอกอยู่แล้ว ตอนนี้ครอบครัวของเจ้ารอง ทำการค้าได้เป็นกอบเป็นกำ""นั่นสิเจ้าคะ ท่านแม่ อีกไม่นานท่านพี่ก็ต้องเอาเงินไปจ่ายค่าสมัครเรียนของหานเอ่อแล้ว อย่างน้อยท่านก็ควรให้อาตงมอบเงินให้ท่านสัก หนึ่งร้อยหรือสองร้อยตำลึงทองนะเจ้าคะ"นางเว่ยหมัวหลานปรายตามองบุตรชายคนโตและลูกสะใภ้ ตีโพยตีพาย ที่เห็นนางไม่ขยับเขยื้อนทำอะไรบ้างเลย"พวกเจ้าสงบใจลงบ้างเถอะ ข้าก็บอกพวกเจ้าไปแล้ว ว่าข้ากำลังรอเวลา""ท่านแม่เจ้าขา ท่านรอเวลาอะไรเจ้าคะ ท่านดูสิ ตอนนี้อาตงปีกกล้าขาแข็งขนาดไหน นี่ก็เลยวันที่ท่านกำหนดให้มอบเงินส่วนกลางแล้ว ข้าไม่เห็นเขาจะส่งเงินกลับมาสักอีแปะ""จริงด้วยขอรับ อีกอย่างเรื่องที่เขาซื้อที่ทำโรงงาน ข้าก็ไปสืบมาแล้ว ว่าเป็นเรื่องจริง เห็นว่าพรุ่งนี้ก็จะย้ายคนงานเข้าไปทำงานที่นั่นแล้ว หากปล่อยให้เขาใช้เงินเป็นเบี้ยแบบนี้ต่อไป คงไม่ดีแน่ขอรับท่านแม่""นั่นสิขอรับท่านแม่ ตอนนี้เพื่อนที่อยู่ในเมือง ก็เชิญข้าร่วมทุนทำการค้า ในเมื่อพี่รองทำการค้าได้เป็นกอบเป็นกำเช่นนี้ ก็น่าจะช่วยเหลือเจือจุนให้พวกเราได้ลืมตาอ้าปากบ้าง"คราวนี้เป็นเสี
ผ่านมาหลายวัน ตอนนี้ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางไปไม่น้อย เว่ยเหนียนเหยาขีดฆ่าแผนงานต่างๆ ที่เสร็จเรียบร้อยไปแล้วช่วงนี้เด็กๆ ก็ไม่ได้ออกมาวิ่งเล่นเหมือนแต่ก่อน เพราะอาเส้าบุตรชายคนโตของท่านลุงฟง ตกลงที่จะเข้ามาสอนหนังสือเด็กๆ ให้เด็กทั้งสามเริ่มเรียนช้ากว่าเด็กทั่วไป ดังนั้นจึงต้องเพิ่มเวลาสอนขึ้นเป็นพิเศษ ตัวนางไม่เข้าใจเรื่องการศึกษาของคนยุคนี้เท่าไหร่ แต่โชคดีที่เจ้าของร่างเก่ามีความสามารถอ่านเขียนได้พอสมควร ไม่อย่างนั้นนางคงต้องไปนั่งเรียนพร้อมลูกๆ เป็นแน่หลังจากที่ปรึกษาและตกลงเรื่องค่าจ้างกันเป็นที่เรียบร้อย อาเส้าก็ส่งรายละเอียดของหนังสือและอุปกรณ์ที่ต้องซื้อหามาให้โชคดีที่ช่วงนั้นบ่าวรับใช้ของชุนเหมยนำรถม้าเข้ามาส่งพอดี บ่าวคนดังกล่าวส่งจดหมายให้กับนางอีกหนึ่งฉบับ ในจดหมายนั้นบอกให้เร่งสร้างหุ่นไม้ เพราะตอนนี้พี่สาวของนาง "สร้างกระแสนิยมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว"แถมยังเล่าให้ฟังอีกว่า ตอนนี้ร้านที่เมืองหลวงวุ่นวายมาก แต่ละวันมีคนเดินเข้ามาสอบถามเรื่องหุ่นไม้จำนวนไม่น้อยบางจวนคุณหนูที่ไม่ขาดเงินพวกนั้น ถึงกับจะขอซื้อหุ่นที่ตั้งอยู่ที่หน้าร้านในราคาตัวละห้าสิบตำลึงทองเลยทีเดียว
"ท่านแม่ลี่ เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ"นางลี่สือหลินหันมายิ้ม พลางหยิบงานที่นางปักเสร็จขึ้นมาให้ดู"เจ้าลองดูก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง"เว่ยเหนียนเหยาพิจารณาดูผ้าที่นางลี่หลินสือส่งมาให้ เห็นว่าฝีเข็มคล้ายของนางอยู่เก้าถึงสิบส่วนก็วางใจ ตอนนี้ทั้งซินเซียงและนางลี่สือหลินต่างขึ้นมาเป็นช่างปักเป็นที่เรียบร้อยแล้วส่วนลวดลายของผ้าปักทั้งหมด นางได้ให้สามีนำไปขึ้นทะเบียนที่หอการค้ากลางเป็นที่เรียบร้อยนางลี่สือหลินและซินเซียงขอร้องให้นางและสามี ร่างสัญญาการจ้างงานให้กับพวกนางด้วย เพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย โดยให้กำหนดเพิ่มเข้าไปด้วยว่า จะต้องทำงานกับนางเป็นระยะเวลาสิบปี ห้ามสอนวิธีการปักนี้ให้กับใครตลอดสัญญา หากผิดสัญญาต้องเสียเงินค่าปรับเป็นจำนวนหนึ่งพันตำลึงทอง และรับโทษโบยที่มือห้าสิบไม้นางกับสามีปฏิเสธเพราะเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ได้สำคัญอะไรเลย สำหรับคนทั้งคู่ที่เป็นเหมือนมารดาและน้องสาว นางดูออกว่าทั้งสองคนเป็นคนยังไงแต่นางลี่สือหลินยืนกรานว่ายังไงก็ต้องทำ นอกจากจะเป็นความสบายใจของพวกนางแล้ว ยังถือว่าสัญญาพวกนั้นคือความคุ้มครองที่พวกนางจะได้รับอีกด้วยนางชี้แจงต่อไปว่า หากต่อไปมีคนไม่ประสงค