เว่ยเหนียนเหยากำลังกล่าวขอตัวจากเหวินฉีและภรรยา แต่อาเสิ้นก็เดินเข้ามาในบ้านซะก่อน
"พี่บุญธรรม ท่านพอจะมีเวลาสักครู่หรือไม่ขอรับ ถ่านเตาแรกตากแดดดีแล้ว ข้าอยากพาท่านไปดู" "ได้สิ งั้นอาเซียงเจ้าไปโรงงานเถอะ เดี๋ยวพวกข้าจะไปกับอาเสิ้น" อาเสิ้นลากถ่านที่เขาเก็บใส่ตะกร้าแล้ว ออกมาให้ทุกคนดู หญิงสาวหยิบถ่านขึ้นมาตรวจดู เห็นว่าทุกก้อนแห้งสนิทแล้วจริงๆ จึงให้อาเสิ้นลองก่อไฟขึ้นมาดู ถ่านนี้เป็นถ่านที่ทำจากเศษไม้ต่างๆที่เก็บมารวมกัน จึงทำให้มีควันไฟค่อนข้างมาก ซ้ำยังมีกลิ่นแรง แถมแรงไฟที่ได้ก็ไม่สม่ำเสมอ นางบอกให้อาเสิ้นจดข้อเสียเหล่านี้ไว้ เพราะเตาต่อไปจะลองใช้ไม้ไผ่อย่างเดียว อาเสิ้นตื่นเต้นมากอยากจะรีบไปเก็บไม้ไผ่กลับมาทดลอง แต่นางบอกว่า รอให้พวกนางกลับมาจากในเมืองก่อนจะดีกว่า จะได้มีคนขึ้นเขาไปเป็นเพื่อน เมื่อเห็นว่าไม่มีธุระอะไรที่ต้องทำในบ้านแล้ว เว่ยเหนียนเหยาจึงรีบเดินทางเข้าในเมือง วันนี้นางมีงานต้องทำมากมายเลยทีเดียว เมื่อมาถึงตัวเมือง นางให้สามีและเซียนย้ง นำปลาไหลที่ได้ไปขายก่อน หานตงจึงมุ่งหน้าไปที่ภัตตาคารที่เคยนำปลาไหลมาขายในครั้งก่อน เสี่ยวเอ้อจำพวกเขาได้ก็ร้องทักอย่างดีใจ "พวกท่านหายไปเสียนาน รู้ไหมหลงจู๊บ่นถึงพวกท่านทุกวัน จนหูข้าชาหมดแล้ว พวกท่านรออยู่ที่นี่ก่อนนะ ข้าจะไปเรียนหลงจู๊ก่อน" หลงจู๊ประจำภัตตาคารเมื่อได้ทราบข่าวจากเสี่ยวเอ้อ ว่าคนที่เขาต้องการพบรออยู่ที่ด้านหลัง ก็รีบสาวเท้าไปพบทันที "ไม่ทราบว่า หลงจู๊ มีอะไรให้พวกข้ารับใช้ขอรับ" หานตงถามขึ้นเมื่อเห็นหลงจู๊เดินมาถึง "ขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณบรรพชนที่คุ้มครองข้า ในที่สุดพวกเจ้าก็มาเสียที" หานตงกับเซียนย้งยิ่งแปลกใจ ในพฤติกรรมของหลงจู๊คนนี้ "วันนี้เจ้ามีปลาไหลมาขายข้าหรือไม่ ถ้ามีละก็ เท่าไหร่ข้าก็ซื้อหมด" หานตงเริ่มเข้าใจแล้วว่าอะไรคืออะไร เขารีบตอบคำถามหลงจู๊ทันที "วันนี้ข้ามีปลาไหลมาขายขอรับ แต่ปลาไหลรอบนี้เกรงว่าจะเป็นรอบสุดท้ายของปี เพราะนี่ก็จะเข้าหน้าหนาวแล้วขอรับ" "แล้วเจ้ามีมามากน้อยเพียงใด" "ได้มาไม่น้อยขอรับ เพียงแต่ว่า ราคา......" หลงจู๊ได้ยินดังนั้นก็เข้าใจ ปลาไหลครั้งที่แล้ว ทำกำไรให้ร้านของเขามากแต่ก็สร้างความหนักใจให้เขามากเช่นกัน นายท่านของเขาเป็นน้องชายของฮูหยินนายอำเภอ นายอำเภอและฮูหยินแต่งงานกันมาหลายปี ไม่มีทายาทสักคน ฮูหยินเองสงสารสามี จึงอนุญาตให้แต่งอนุเข้ามา แม้ทั้งสองจะรักใคร่ ช่วยกันปฏิบัติสามี แต่กลับไร้วี่แววทายาทที่เฝ้ารอ ต่อมาเห็นว่าท่านนายอำเภอได้สูตรลับในเรื่องที่จะทำให้หญิงสาวมีครรภ์มา ตัวยาที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือปลาไหลนั่นเอง หลังจากที่รู้ว่ามีคนนำปลาไหลมาขาย นายท่านก็ห้ามเขาบอกคนอื่น ซ้ำยังให้คนมารับปลาไหลทั้งหมดไปอีกด้วย นายท่านของเขาส่งปลาไหลไปให้นายอำเภอถึงบ้านเพื่อแสดงความมีน้ำใจกับพี่สาว หลังจากที่นายท่าน ฮูหยิน และ อนุ กินยาสูตรลับนั่นเข้าไปแค่ครึ่งเดือน ต่อจากนั้นอีกเดือนกว่าๆหมอก็จับชีพจรมงคลได้จากฮูหยิน และอนุนางนั้น ท่านนายอำเภอดีใจมาก เปิดโรงทานแจกอาหารชาวบ้านถึงสามวันทีเดียว ไม่ทราบว่าข่าวนี้รู้ไปถึงหูท่านเจ้าเมืองได้ยังไง ถึงกับส่งคนมาขอสูตรลับกับท่านนายอำเภอ คาดไม่ถึงว่าแม้จะมีตำรับยา แต่ขาดตัวยาสำคัญอย่างปลาไหล แม้จะประกาศรับซื้อด้วยราคาสูง แต่ก็มีชาวบ้านส่วนน้อยที่เอามาขาย ซ้ำของที่เอามาขายก็เป็นเพียงปลาที่ยังไม่โตเต็มท่ีอีกด้วย ท่านเจ้าเมืองสืบจนรู้ว่า ปลาไหลที่นายอำเภอได้รับมาจากร้านของเขา คราวนี้ความซวยจึงตกลงมาที่หัวหลงจู๊แบบเขา ที่ได้รับคำสั่งให้สืบหาคนที่เอาปลาไหลมาขาย หลงจู๊ถอนหายใจ เขาเป็นหลงจู๊มานาน มีแต่คนพวกนี้ต้องพึ่งพาเขา เขาเคยใส่ใจคนพวกนี้เสียเมื่อไหร่ "เอาเถอะ ครั้งนี้ข้าจะให้เจ้าเพิ่มอีกตัวละ 2ตำลึงเงินดีหรือไม่" "ข้าขอเป็น 3ตำลึงเงินได้ไหมขอรับ เพราะกว่าข้าจะจับมาได้ลำบากไม่น้อย" หานตงยังต่อรอง โดยไม่ยอมเปิดตะกร้า ให้หลงจู๊ดู หลงจู๊ตัดสินใจ ช่างเถอะ ยังไงเขาก็ได้กำไรอยู่ดี "ได้ตกลงตามนี้ แต่ข้าบอกไว้ก่อนเลยนะว่า ปลาไหลที่ข้าจะซื้อต้องตัวโตเหมือนครั้งที่แล้วเท่านั้น" "แน่นอนขอรับ เชิญท่านตรวจดูได้เลยขอรับ" หานตงพยักหน้าให้เซียนย้งเปิดตะกร้าทั้งสองตะกร้าให้หลงจู๊ดู ปลาไหลสีดำตัวเขื่องไหลวนไปมาอยู่ในตะกร้าหลายสิบตัว "ครั้งที่แล้วเจ้าส่งมาให้ข้ายี่สิบสามตัว ข้าเหมาจ่ายเจ้าที่สามร้อยตำลึงทอง ครั้งนี้มีมากกว่าเดิมมาสิบตัวตัว ข้าให้เจ้าสี่ร้อยตำลึงทอง เจ้าพอใจหรือไม่" "ข้าพอใจขอรับ ส่วนเงินข้าขอรับเป็นตั๋วเงินนะขอรับ " "ได้ๆ เด็ก เจ้าเอาของไปเก็บ แล้วไปบอกให้คนดูแลบัญชีเอาเงินมา เดี๋ยวข้าจะรีบส่งคนไปรายงานนายท่านว่าได้ของมาแล้ว เออ แล้วเจ้าจะนำปลากลับมาขายอีกเมื่อไหร่ เผื่อมีคนต้องการอีก ข้าจะได้แจ้งถูก" "น่าจะสามสี่เดือนขอรับ แต่หากข้าสามารถหามาได้ก่อนจะรีบนำมาให้ท่านทันทีขอรับ" "แล้วถ้าข้ามีเรื่องเร่งด่วนจะติดต่อเจ้าได้ยังไง" "ข้าชื่อเว่ยหานตง บ้านอยู่ท้ายหมู่บ้านหลัวโจวขอรับ" หลงจู๊ยิ้มอย่างพอใจ เพราะนายท่านของเขาบอกมาว่า ท่านนายอำเภอมอบสูตรลับมาให้ภัตตาคารของเขาทำเป็นอาหารประจำภัตตาคารแห่งนี้ ซึ่งแน่นอนว่า มันสามารถเรียกเงินออกจากกระเป๋าของเหล่าบรรดานายท่านและฮูหยินทั้งหลาย ที่อยากจะมีบุตรมากมายไว้คอยสืบสกุล ดังนั้นปลาไหลจึงเป็นส่วนสำคัญ ที่ทางร้านของเขาต้องการ หลังจากที่กำเงินออกจากร้านอาหาร เว่ยเหนียนเหยาก็ให้หานตงพาไปพบนายช่างใหญ่ เรื่องการสร้างบ้านตามที่คิดไว้ เพียงแต่ตอนนี้นางต้องการสร้างบ้านในลักษณะแบบน็อคดาวน์หลังเล็กหนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องนั่งเล่นที่เห็นได้ทั่วไปตามยุคของนางสักประมาณแปดหลัง โดยให้หันหน้าเรียงกันเข้าหาลำธาร คล้ายๆรีสอร์ทที่นางเคยไปพักเมื่อครั้งที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกก่อน ทั้งยังมีห้องน้ำห้องอาบน้ำ และโกดังเก็บของเพิ่มเข้ามาอีก2 แห่ง หานตงเดินเข้ามาชี้แปลนบริเวณที่เขาจะให้สร้างบ้าน ให้นายช่างดู นายช่างใหญ่เห็นว่านี่ใกล้จะหน้าหนาวแล้วจึงยังไม่กล้ารับปาก บอกแค่ว่าถ้าหาคนงานได้แล้วจะรีบติดต่อกลับไป ส่วนราคาค่าสร้างบ้าน เขาขอคิดราคาเดิม แต่กำหนดการต่างๆ รอให้หาคนได้ก่อนถึงจะจัดการได้ เมื่อเสร็จงานจากนายช่างใหญ่เรื่องสร้างบ้าน นางจึงตรงไปหาชุนเหมยที่ร้าน เว่ยเหนียนเหยามีเรื่องจะคุยเป็นการส่วนตัวกับชุนเหมย จึงบอกให้สามีกับเซียนย้งออกไปหาซื้อข้าวของตามรายการที่เธอจดไว้ แล้วค่อยกลับมารับนาง "พี่ชุนเหมยครั้งนี้ข้านำสินค้าใหม่มาส่ง นี่คือภาพปักสกุณาหลงไพร เชิญท่านดูก่อนเจ้าค่ะ" หญิงสาวเปิดตะกร้าสานใบหนึ่งออกมา ในนั้นเป็นภาพของนกตัวหนึ่งที่กำลังเกาะอยู่บนกิ่งไม้ ตรงปลายกิ่งเป็นรูปดอกไม้ที่กำลังแย้มออกน้อยๆ มองดูแล้วคล้ายนกน้อยตัวนั้นไม่อยากจะบินจากไป เพราะอาลัยอาวรณ์ดอกไม้ดอกนั้น "งาม งามมาก นกน้อยตัวนี้ให้สีสันสวยงาม เสมือนนกจริงๆ ข้าว่าสินค้าครั้งนี้คงขายดีไม่น้อย ครั้งนี้เจ้าส่งมาเท่าไหร่ละ " "ครั้งนี้ข้านำงานมาส่ง 400ชุดเจ้าค่ะ โชคดีที่ตอนนี้ข้ามีช่างปัก และช่างเย็บฝีมือดีมาช่วยหลายคน จึงทำได้เยอะหน่อย ในตะกร้าสานที่ข้านำมา มีทั้งหมดสี่ตะกร้า แต่ละตะกร้าเป็นผ้าแต่ละสี สีละ100 ชุด" "ตะกร้าสานที่เจ้าใส่ของนำมาส่งท่าทางจะน้ำหนักเบา ข้าเห็นคนงานยกเข้ามาท่าทางเหมือนไม่ค่อยจะหนักเท่าไหร่" "ตะกร้าสานนี้น้ำหนักเบากว่ากล่องไม้เยอะมากเจ้าค่ะ ข้าคิดว่าใช้ตะกร้าสานแบบนี้ส่งงานให้ท่าน ทำให้ม้าที่ขนส่งไม่เปลืองแรงเท่าไหร่ แถมสินค้ายังไม่เสียหายอีกด้วยนะเจ้าคะ" "ถ้าอย่างงั้นตะกร้านี้ข้าจะลองเอาส่งของไปให้พี่หญิงใหญ่ หากจริงอย่างเจ้าว่า ข้าจะสั่งซื้อจากเจ้าเพิ่มละกัน ส่วนชุดปักสกุลณาหลงไพรนี้ข้าว่าเจ้าก็ปักเพิ่มไว้อีกละกัน พวกคุณหนูพวกนั้น หากเห็นงานของเจ้าคงต้องรีบกันจับจองเป็นแน่" "ส่วนอันนี้เป็นแบบชุดที่พวกท่านต้องการเจ้าค่ะ เพียงแต่ครั้งนี้ ข้าทำมาครบ ทั้งหญิง ชาย เด็กหญิงและ เด็กชาย ส่วนหุ่นไม้พวกนั้นข้ากำลังทำแบบหุ่นชาย และหุ่นเด็ก ออกมาเจ้าค่ะ" "หึ หึ หึ งานนี้นอกจากเจ้าจะกวาดเงินเหล่าบรรดาคุณหนูเหล่านั้น ยังคิดกวาดเงินบุรุษเจ้าสำอางค์ของเมืองหลวงด้วยหรือ" เว่ยเหนียนเหยาไม่ตอบอะไร นอกจากอมยิ้มน้อยๆ "แล้วสบู่ของข้าละ เจ้านำมาด้วยหรือไม่ ของที่เจ้าให้มาคราวก่อนข้าใช้ไปหมดแล้ว" "ครั้งนี้นอกจากสบู่แล้ว ข้ายังมีอะไรที่ดีกว่าสบู่มาให้ท่านลองเจ้าค่ะ" หญิงสาวหยิบขวดน้ำมันหอมกุหลาบขึ้นมาวางตรงหน้าชุนเหมยสามขวด พลางบอกให้ชุนเหมยส่งมือข้างหนึ่งมาให้นาง นางเปิดฝาจุกของขวดออก ก่อนจะเทน้ำมันออกมาเล็กน้อย กลิ่นหอมของกุหลาบเริ่มกระจายออกมาจนสัมผัสได้ หญิงสาวค่อยๆนวดวนจนน้ำมันจางหายไป เหลือแต่ความชุ่มชื้นบนผิว กับความหอมละมุนของกลิ่นกุหลาบบนมือเท่านั้น "นี่คืออะไร ทำไมถึงดีเช่นนี้ เจ้ารู้ไหมทุกครั้งที่ถึงหน้าหนาว ผิวหน้าผิวกายของข้าจะต้องแห้งจนข้าอยากจะร้องไห้เลยทีเดียว" "นี่เรียกว่า น้ำมันหอมกุหลาบเจ้าค่ะ ช่วยบำรุงผิวหน้า ผิวกายให้ชุ่มชื่น แต่บางทีจะขึ้นไขแบบนี้ ถ้าเป็นแบบนี้ท่านก็แค่เอาไปตั้งในที่ที่มีความร้อน น้ำมันก็จะกลับมาเหมือนเดิมเจ้าค่ะ หรือถ้าท่านอยากจะแช่น้ำ ท่านก็หยดลงไปในอ่างอาบน้ำร้อนแล้วลงไปแช่ตัว เพียงเท่านี้ผิวกายท่านก็จะทั้งนุ่มทั้งหอม" "นี่คงเป็นสินค้าอีกตัว ที่เจ้าคิดจะทำใช่หรือไม่" "ใช่แล้วเจ้าค่ะ ข้าเลยลองเอามาให้ท่านใช้ ส่วนอีกสองขวดข้าฝากท่านช่วยส่งให้พี่หญิงใหญ่กับท่านแม่ของพวกท่านด้วยนะเจ้าคะ ส่วนนี่สบู่ เพียงแต่ตอนนี้มีแต่กลิ่นดอกบัว ข้าเอามาให้ท่านลองใช้กันก่อน" ชุนเหมยมองของกำนัลที่วางอยู่มากมายพลางหรี่ตา "เจ้านำของมามากมายเช่นนี้ มิใช่มีเรื่องอะไรมาให้ข้าช่วยอีกกระมัง" "พี่ชุนเหมย พี่ช่างรู้ใจข้าจริงๆเจ้าค่ะ" หญิงสาวทำตาโตพลางหัวเราะ "ข้ามีเรื่องจะปรึกษาท่านจริงๆเจ้าค่ะ " ชุนเหมยกรอกตาขึ้นบน พลางหยิบน้ำมันหอมมาเทใส่มือ อืมมมมมม หอมจริง สงสัยต้องไถ่น้องสาวตัวดีให้มากกว่านี้เสียแล้ว "เจ้าว่ามาเถอะ" "เรื่องแรก ข้าอยากให้ท่านช่วยสืบเรื่องๆหนึ่งให้ข้า เรื่องนี้เกิดที่เมืองหลวงข้าไม่รู้ว่า จะเริ่มสืบจากตรงไหนเจ้าค่ะ" นางเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเหวินฉี และซีเม่ยให้ชุนเหมยฟัง "เจ้าว่าเรื่องเกิดขึ้นที่บ้านสกุลหย่ง ในเมืองหลวงหรือ" "ใช่แล้วเจ้าค่ะ พี่ชุนเหมยรู้จักพวกเขาหรือเจ้าคะ" "พวกเขาล้วนทำการค้ากับตระกูลของข้า ถ้าเป็นแบบที่เจ้าเล่ามา คุณชายรองที่เจ้าว่า ต้องเป็น ไอ้สารเลวหย่งฉางเฉินแน่ๆ" "ท่านมีความแค้นกับเขาหรือเจ้าคะ" "จะว่าแบบนั้นก็ได้ ตอนวันงานปักปิ่นของข้า มันใช้โอกาสที่คนอยู่ในงาน ข่มเหงสาวใช้คนสนิทของข้าในที่ลับตาคน สาวใช้คนนั้นอีกไม่กี่เดือนก็จะแต่งงานออกเรือนไปแล้ว แต่โชคร้ายมาเจอเจ้าสารเลวนั่น นางทนรับเรื่องนี้ไม่ไหว จึงเขียนจดหมายสั่งเสีย แล้วผูกคอตายในห้องนอน กว่าที่พวกข้าจะรู้เรื่องทุกอย่างก็สายเสียแล้ว วันนั้นข้ากับพี่หญิงใหญ่คุกเข่าขอร้องท่านพ่อให้คืนความเป็นธรรมให้แก่นาง ท่านพ่อข้ายอมออกหน้าช่วย เชิญนายท่านสกุลหย่งมาพบ แต่เจ้าเดรัจฉานนั้นกลับบอกว่าถูกนางยั่วยวน พวกข้าสองคนหาข้อโต้แย้งต่างๆ จนมันยอมจำนน แต่คนก็ตายไปแล้ว นายท่านหย่งขอร้องท่านพ่อข้าทั้งน้ำตา สาบานว่ากลับไปจะอบรมบุตรชายให้ดี พร้อมยินดีชดใช้เงินจำนวนมากให้กับครอบครัวสาวใช้คนนั้น ท่านพ่อเห็นว่าถึงยังไงพวกเราก็ไม่มีหลักฐานจึงได้แต่จำยอมรับข้อเสนอนั้น" "ฟังจากที่ท่านพูด แสดงว่าเรื่องที่พี่สามีข้าเล่าให้ฟังน่าจะเป็นเรื่องจริง แต่ที่ข้ากังวลไม่ใช่เรื่องนั้น พี่สามีข้าเล่าว่า ทำร้ายคุณชายรองคนนั้นจนนอนแน่นิ่งไป ข้าเกรงว่า ฝ่ายตระกูลหย่งจะไม่ยอมให้เรื่องนี้จบง่ายๆ" "ตามที่ข้ารู้ นายท่านหย่งแม้จะรักบุตรชาย แต่ถือได้ว่าเป็นคนมีความยุติธรรม วันนั้นที่เขากลับไปจากบ้านข้า ก็สั่งโบยบุตรชายถึง20 ไม้ แถมยังกักบริเวณไม่ให้ออกไปไหนอีกหลายเดือน ยังไงเรื่องนี้ข้าจะสืบให้ชัดเจนก่อน แล้วเราค่อยคิดหาหนทางกันดู" "แล้วเรื่องนี้ท่านไม่ต้องให้พี่หญิงใหญ่ช่วยหรือเจ้าคะ" "สาวน้อย เจ้าคิดว่าผู้หญิงคนเดียวอย่างข้า มาเปิดร้านไกลถึงเพียงนี้ จะไร้ซึ่งเขี้ยวเล็บอย่างนั้นหรือ วางใจเถอะเรื่องนี้ข้าจะจัดการให้เจ้าเอง เพียงแต่เจ้าต้องมอบน้ำมันหอมนี่ให้ข้าอีกสักสองสามขวดเป็นค่าตอบแทน" "เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าจะให้ท่านพี่รีบนำมาส่งให้ท่านเลยเจ้าค่ะ ส่วนเรื่องที่สอง ข้าอยากจะซื้อร้านในเมืองเพื่อเปิดร้านค้าเจ้าค่ะ" "เรื่องนี้ไม่ยาก เจ้าไปที่หอการค้ากลาง ที่นั่นล้วนมีข้อมูลทุกอย่างที่เจ้าต้องการ" "อีกเรื่องข้าอยากหาช่างเหล็กฝีมือดี พวกที่ทำเกี่ยวกับเครื่องครัวท่านพอจะแนะนำข้าได้หรือไม่" "เรื่องนี้ข้าไม่แน่ใจ แต่เจ้าลองไปหานายช่างเฟิ่งที่ประตูตะวันออกดู" "ท่านพี่ชุนเหมย ท่านช่างรอบรู้เหลือเกินเจ้าค่ะ ขอบพระคุณท่านมาก ท่านช่วยข้าได้เยอะเลย" ชุนเหมยส่ายหน้าอย่างเอ็นดู "นั่นสามีเจ้าเอารถเข้ามาจอดแล้ว รีบไปเถอะเดี๋ยวร้านจะปิดเสียก่อน ข้าเองก็จะรีบสืบเรื่องนั้นให้เจ้าเหมือนกัน" มีคนบอกว่า ราคาของซื้อของขาย ของไรท์ ไม่สมเหตุสมผล เดี๋ยวไรท์ขอเขียนไปเรื่อยๆก่อนนะคะ อะไรแก้ได้ก็จะแก้เลย อะไรยังแก้ไม่ได้ เดี๋ยวจะกลับมารีไรท์ใหม่ค่ะ รับฟังทุกเหตุผล แต่อย่ารุนแรงนะคะ ใจไรท์บอบบางชุนเหมยเมื่อเห็นน้องสาวต่างสายเลือด กระวีกระวาดวิ่งออกไปหาสามีก็ส่ายหัวยิ้มๆ นางเดินออกจากห้องโถง มุ่งตรงกลับเข้าห้องนอนทันที"เวิ้นสุ่ย"เสียงราบเรียบของหญิงสาวคล้ายพูดคุยกับอากาศที่อยู่ภายในห้อง เงาดำสายหนึ่งเคลื่อนออกมาจากมุมห้องอย่างเงียบๆ"นายหญิง""เจ้าไปสืบเรื่องนั้นมาให้ข้า จำไว้ข้าต้องการเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียด"ไร้เสียงตอบรับใดๆ มีเพียงเงาดำสายนั้น ที่เลือนหายไปคล้ายไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ชุนเหมย เดินออกจากห้องไปช้าๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น"ท่านพี่ตอนที่อยู่ที่หอการค้ากลางทำไมท่านไม่ช่วยข้าออกความคิดเห็นบ้างเลยเจ้าค่ะ"หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างแง่งอน ที่สามีไม่ช่วยนางออกความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับร้านค้าที่นางจะซื้อ"ก็พี่ไม่มีความรู้เรื่องนี้ พี่ว่าร้านไหนเจ้าเห็นว่าดีพี่ก็ว่าดี พี่ล้วนเชื่อฟังเจ้าเหยาเอ๋อ"เซียงย้งกลั้นหัวเราะหน้าแดง เมื่อเห็นพี่ชายกลายสภาพเป็นแมวหนุ่มช่างออดอ้อนต่อหน้าพี่สะใภ้ ก่อนจะรีบปรับสีหน้า เมื่อเห็นสายตาพิฆาตที่พี่ชายส่งตรงมาให้"พี่สะใภ้ในเมื่อท่านยังไม่ถูกใจ ก็ค่อยๆ หาไปก็ได้ขอรับ ข้าและ พี่หานตงล้วนเชื่อฟังท่าน""อะ นั่น นั่น น่าจะใช่ร้านเหล็กที่พี่ช
"มา มาลูกสะใภ้เจ้านั่งก่อน"นางลี่สือหลิน รีบบอกให้บุตรชายประคองลูกสะใภ้นั่งลงบนเก้าอี้"น้องสาว น้องเขยตอนนี้คงสบายดีสินะ ท่าทางจะร่ำรวยกันใหญ่"ลี่ห่าวฟงบุตรชายของนางลี่สือหลิน กล่าวออกมาอย่างประชดประชัน เขามองไปมองรอบๆบ้านหลังนี้ด้วยความอิจฉา ครั้งก่อนเขาเคยขอให้มารดา ช่วยพูดกับน้องสาวและน้องเขยว่าให้ตนและภรรยาเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วย แต่คนพวกนี้ล้วนแล้งน้ำใจต่อเขากับภรรยา ดีว่ามารดาแอบส่งเงินทองไปให้เขาใช้อยู่เรื่อยๆ ชีวิตเขากับภรรยาจึงไม่ได้ลำบากอะไร"พวกข้าก็แค่มีกินมีใช้นะขอรับ ท่านพี่ภรรยา"เซียนย้งจริงๆ ไม่ค่อยจะชอบพี่ภรรยาคนนี้มากนะ เพราะเขาเป็นคนหยิบโหย่งไม่ค่อยชอบทำงานเท่าไหร่ แถมยังชอบใช้กำลังกับภรรยาของเขาและท่านแม่ยายอยู่บ่อยครั้ง"เอาละ เอาละ มากินข้าวกันเถอะ วันนี้พวกเจ้าต้องกินเยอะๆนะ อ้าวข้าลืม พวกเจ้ากินกันไปก่อน ข้าไปเอาน้ำแกงไก่ที่บ้านอาเหยาก่อน"นางลี่สือหลินออกไปไม่นานก็กลับมาพร้อมน้ำแกงไก่ถ้วยใหญ่"อาเซียงเมื่อกี้ตอนแม่ไปตักน้ำแกงไก่ เห็นกล่องใส่โสมยังวางอยู่ในครัว เห็นอาย้งบอกว่า โสมหัวนั้นราคาหลายร้อยตำลึงทอง ทำไมเอามาวางไว้อย่างนั้นละ"ซินเซียงแอบมองไปยังพี่ชาย
"ภรรยาเจ้าเร็วหน่อยเถอะ เราต้องรีบไปให้ทันรถเที่ยวเช้านะ""ท่านพี่จะรีบไปไหน ป่านนี้คนพวกนั้นยังไม่มีใครรู้หรอกน่า"นางลี่สือหลินยืนกำมือแน่นที่หน้าประตู จู่ๆประตูก็ถูกเปิดออกจากคนที่อยู่ข้างใน ห่าวฟงเห็นมารดา พร้อมน้องเขย น้องสาวยืนอยู่ก็ตกใจ พยายามตั้งสติ"ท่านแม่ ท่าน มาได้ยังไงขอรับ"นางลี่สือหลินมองดูบุตรชายที่ก้าวเท้าถอยหลังเข้าไปในบ้าน ในมือถือห่อผ้าห่อหนึ่ง"เจ้าใหญ่ พวกเจ้ารีบร้อนจะไปไหนกันแต่เช้า"นางลี่สือหลินไม่ตอบ แต่ย้อนถามบุตรชายแทน"พอ ดี แม่ภรรยาไม่ค่อยสบาย ข้าเลยจะพานางไปเยี่ยมดูอาการขอรับ"สะใภ้ตระกูลลี่เมื่อเห็นสามีส่งสายตามาให้ ก็รีบเอ่ยเสริมคำ"ใช่เจ้าค่ะท่านแม่สามี ท่านแม่ข้าไม่สบาย ข้าจึงจะรีบไปเยี่ยม อีกอย่างข้าอยากจะนำข่าวดีไปบอกท่านด้วยตัวเอง""พวกเจ้าก็เลยทำตัวเป็นบุตรเขยบุตรสาวที่ดี เอาต้นโสมไปเยี่ยมซินะ"นางลี่สือหลิน ตวาดออกไปอย่างหมดความอดทน มองมือบุตรชายที่กุมห่อผ้าแน่นเข้าไปอีก"ท่านแม่ ท่านพูดเรื่องอะไร ข้าไม่เข้าใจขอรับ""ข้าก็พูดเรื่องที่เจ้าสองสามีภรรยาเข้าไปขโมยโสมที่บ้านของอาเหยาไงละ"ห่าวฟงหน้าซีด เขารู้ตั้งแต่เห็นหน้ามารดาที่หน้าประตูแล้ว ว่าม
เว่ยเหนียนเหยายืนอยู่บนระเบียง คิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา นางนับถือนางลี่สือหลินมาก แม้จะรักบุตรชายเพียงใดแต่ก็ไม่ยอมเห็นผิดเป็นถูก กัดฟันส่งบุตรชายเข้ารับโทษที่ก่อตอนแรกนางยังคิดว่า นางลี่สือหลินจะล้มป่วยเพราะตรอมใจอยู่หลายวัน หากเพียงแค่สองวัน นางลี่สือหลินกลับลุกขึ้นไปทำงาน นางกับซินเซียงพยายามห้ามปรามขอให้พักผ่อนอีกสักหน่อยรอยยิ้มเศร้าสร้อยปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากคู่นั้น ก่อนจะกล่าวว่า" อาเหยา คนเป็นแม่จะอ่อนแอไม่ได้ ตอนนี้บุตรชายของข้ากำลังหกล้ม ข้าหวังว่า สักวันเขาจะคิดได้ และลุกขึ้นยืนใหม่ เมื่อนั้นมือคู่นี้ของข้ายังต้องช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้น"เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็น้ำตาคลอ ชาติที่แล้ว นางไม่มีพ่อแม่ ไม่เคยรับรู้ถึงความรักของพ่อแม่มาก่อน หญิงสาวคิดไปถึงต้นโสมเจ้าปัญหาต้นนั้น ที่บัดนี้ถูกนำไปเก็บไว้ในห้องของนางเป็นที่เรียบร้อยต้นโสมเพียงหนึ่งต้น แต่กลับลากดึงเอาความโลภโมโทสันภายในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ออกมาตีแผ่ นางหวังเพียงแต่ว่า ลี่ห่าวฟง จะไม่ทำให้มารดาของเขาผิดหวัง"พี่สะใภ้ พี่หานตงให้ข้ามาบอกท่านว่า วันนี้เป็นวันที่นัดกับช่างเฟิ่งไว้ขอรับ""เจ้าช่วยไปเรียกอาเสิ้นมาพบข้าหน
"พี่สะใภ้ขอรับ สำหรับสบู่ของข้า ข้าคิดออกแล้วขอรับว่าจะทำยังไง"เซียนย้งเกิดความคิดขึ้นตอนที่เขาฟังพี่สะใภ้กับทุกคนวางแผนการค้าถ่านกัน"ไหนเจ้าลองว่ามาซิ อาย้ง""ตอนนี้สบู่ของข้ามีรูปร่างเหมือนสบู่ทั่วไปที่ขายอยู่ ข้าอยากให้ท่านช่วยข้าออกแบบแม่พิมพ์ขึ้นมาใหม่ นอกจากนั้นข้าอยากมีตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ที่จะให้คนทั่วไปรู้ว่า นี่เป็นสบู่ของพวกเราด้วยขอรับ""สัญลักษณ์?""ขอรับพี่สะใภ้ ข้าอยากตั้งชื่อทางการค้าให้คนรู้ว่า สินค้าพวกนี้มาจากครอบครัวของพวกเรา""ดีๆ ข้าเห็นด้วยกับเจ้า"อาเสิ้นตาโต เขาก็อยากให้ถ่านของเขามีชื่อร้านเหมือนกัน"แล้วเจ้าคิดชื่อไว้แล้วหรือยัง หรือจะให้พวกข้าช่วยคิดให้"หญิงสาวมองดูเด็กหนุ่มทั้งสองที่กระตือรือร้น ดวงตาเป็นประกายอย่างตื่นเต้น ก็ช่วยส่งเสริม"ข้าอยากให้ร้านของข้า ชื่อ เหนียนเหยา ขอรับ"หญิงสาวตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าเซียนย้งจะเสนอชื่อนางขึ้นมา"เจ้าพอจะบอกเหตุผลข้าได้หรือไม่อาย้ง"หานตงถามขึ้น เขาพอจะรู้ใจของน้องคนนี้ดี แต่ก็อยากจะรู้ว่า จะเหมือนที่เขาคิดไว้หรือไม่"เพราะพี่สะใภ้ เป็นเสมือนแสงสว่างที่สาดเข้ามาในชีวิตของครอบครัวข้า ขับไล่ความมืดมิด ช่วยให้ข้าเห
"ท่านแม่ ท่านแม่ขอรับ ได้โปรดตื่นเถิด อย่าทิ้งข้ากับท่านพ่อไปนะขอรับ ฮือ ฮือ""ท่านพ่อ ทำไมท่านแม่ถึงนอนแน่นิ่งแบบนี้ ท่านพ่อช่วยปลุกท่านแม่หน่อยขอรับ"เสียงใครกัน หนวกหูชะมัด ฉันขอนอนนานๆหน่อยได้ไหม เว่ยเหนียนเหยา คิดในใจอย่างรำคาญ เมื่อวานนี้กว่าเธอจะปิดบัญชีของภัตตาคารหรูระดับห้าดาวเสร็จ เธอต้องเคร่งเครียดจนลืมกินลืมนอนไปหลายคืน " เจ้าใหญ่ เจ้ารอง หยุดร้องไห้ก่อนเถอะ เจ้าดูแม่เจ้าไว้ก่อน เดียวพ่อจะไปตามท่านหมอจางมาดูแม่เจ้า"เสียงอีกเสียงดังขึ้น ฟังดูก็รู้ว่า น่าจะเป็นชายหนุ่มอายุไม่เยอะเท่าไหร่ ว่าแต่ว่าพวกเขาพูดถึงใครกัน แล้วคนพวกนี้เข้ามาอยู่ในบ้านเธอได้ยังไง แย่แล้ว!!! หรือว่าจะเป็นโจร เว่ยเหนียนเหยาคิดอย่างตกใจ พยายามที่จะลืมตาขึ้น แต่กลับรู้สึกปวดหัว และเจ็บข้างหลังท้ายทอยเป็นอย่างมาก หญิงสาวค่อยๆยกมือ ลูบไปยังบริเวณที่เจ็บ พร้อมกับลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก แสงสว่างสาดเข้ากับดวงตา ทำให้ตาของเธอพร่าไปเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆคุ้นชิน หญิงสาวกวาดสายตามองดูโดยรอบนี่เธออยู่ที่ไหน ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ หรือเธอถูกโจรจับมาเรียกค่าไถ่ สารพัดคำถามที่ไร้คำตอบดังขึ้นมาในหัว แต่ก่อนที
" ท่านพ่อเร็วเข้าเถอะขอรับ ท่านแม่อาการหนักแน่ๆ""ใช่ขอรับท่านพ่อ เมื่อครู่ท่านแม่จำข้ากับพี่ใหญ่ไม่ได้ด้วยขอรับ"เสียงโวยวายของเด็กทั้งสองดังขึ้น พ่อของเด็กน่าจะพาหมอกลับมาแล้ว หญิงสาวแสร้งนอนนิ่ง เพื่อรอดูเหตุการณ์ "ท่านหมอ ท่านช่วยตรวจดูภรรยาข้าหน่อยเถอะขอรับ"น้ำเสียงทุ้มกล่าวอย่างนอบน้อม หมอชราถอนหายใจในความอยุติธรรมที่ชายหนุ่มตรงหน้าได้รับ เขาบังเอิญรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น สองครอบครัวร่วมมือกันเล่นละคร เพื่อผลักดันชายหนึ่งหญิงหนึ่งที่ตนไม่ต้องการให้กระเด็นออกมา " หานตงเอ๋ย ข้าสงสารเจ้ายิ่งนัก เวรกรรมอะไรของเจ้าหนักหนา"ชายชราส่ายหน้า พลางนั่งลงตรงข้างร่างหญิงสาว หลังจากลงมือสำรวจบาดแผล และตรวจดูชีพจร เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง จึงมอบยารักษาบาดแผลไว้ให้ หมอชราปฏิเสธที่จะรับเงินค่ารักษา ขอรับเพียงแต่เงินค่ายาเท่านั้นหลังจากที่หมอชราจากไป ชายหนุ่มจึงปลอบโยนลูกทั้งสอง ก่อนจะนำกะละมังและผ้าชุบน้ำมาเช็ดตามเนื้อตัวของภรรยา เว่ยเหนียนเหยารู้สึกซาบซึ้งใจกับสิ่งที่ชายหนุ่มปฏิบัติต่อเธอ ร่างบางค่อยๆลืมตาขึ้นมองสบเข้ากับดวงตาคู่คม เธอมองเห็นความกังวลปนเปกับความโล่งอก"เจ้ารู้สึกเ
สองสามีภรรยาเดินขึ้นเขาอย่างเร่งรีบ เมื่อเดินไปถึงแค่ตีนเขา กลับพบกอไผ่ขึ้นอยู่อย่างมากมาย ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็พบกับความเขียวชอุ่ม นับว่าเป็นภูเขาที่มีความอุดมสมบูรณ์ไม่น้อยเว่ยเหนียนเหยารีบเดินเข้าไปสำรวจตรงกอไผ่ทันที หลังจากที่แหวกดูดวงตาก็เปล่งประกาย"ท่านพี่ ท่านมาช่วยข้าขุดหน่อไม้หน่อยเถิด เราจะได้นำกลับไปเป็นอาหารที่บ้าน""หน่อไม้พวกนี้มีรสฝาดไม่เหมาะจะนำไปเป็นอาหารหรอก"ชายหนุ่มส่ายหน้ากับความไม่รู้ของผู้เป็นภรรยา หญิงสาวหาได้ถือสา ด้วยเข้าใจว่าผู้คนในอดีตย่อมไม่รู้ว่าควรนำหน่อไม้มาปรุงอาหารเช่นไรนางเพียงขุดขึ้นมาเป็นตัวอย่างให้สามีดู พลางเน้นย้ำว่า ให้ขุดขึ้นมาให้เยอะหน่อยเท่านั้น เมื่อเห็นว่าสามีไม่ปฏิเสธ หญิงสาวจึงค่อยๆ เดินสำรวจไปทางอื่นนางหยุดมองที่ต้นไม้กอใหญ่กอหนึ่ง หลังจากที่พิจารณาอยู่ชั่วครู่ ก็ตัดสินใจขุดลงไปในดินใต้ต้นไม้นั้นสิ่งที่ปรากฏอยู่ในดินทำให้หญิงสาวยิ้มแก้วปริ อย่างน้อยๆ สิ่งนี้ก็ช่วยให้นางและครอบครัวรอดพ้นจากความหิวโหยไปได้พักใหญ่สองมือเรียวค่อยๆ นำสิ่งที่อยู่ในดินขึ้นมา มันฝรั่งหัวใหญ่ถูกดึงขึ้นมาใส่ลงไปในตะกร้าจนเต็มก่อนที่หญิงสาวจะเดินกลับไปหาสามี
"พี่สะใภ้ขอรับ สำหรับสบู่ของข้า ข้าคิดออกแล้วขอรับว่าจะทำยังไง"เซียนย้งเกิดความคิดขึ้นตอนที่เขาฟังพี่สะใภ้กับทุกคนวางแผนการค้าถ่านกัน"ไหนเจ้าลองว่ามาซิ อาย้ง""ตอนนี้สบู่ของข้ามีรูปร่างเหมือนสบู่ทั่วไปที่ขายอยู่ ข้าอยากให้ท่านช่วยข้าออกแบบแม่พิมพ์ขึ้นมาใหม่ นอกจากนั้นข้าอยากมีตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ที่จะให้คนทั่วไปรู้ว่า นี่เป็นสบู่ของพวกเราด้วยขอรับ""สัญลักษณ์?""ขอรับพี่สะใภ้ ข้าอยากตั้งชื่อทางการค้าให้คนรู้ว่า สินค้าพวกนี้มาจากครอบครัวของพวกเรา""ดีๆ ข้าเห็นด้วยกับเจ้า"อาเสิ้นตาโต เขาก็อยากให้ถ่านของเขามีชื่อร้านเหมือนกัน"แล้วเจ้าคิดชื่อไว้แล้วหรือยัง หรือจะให้พวกข้าช่วยคิดให้"หญิงสาวมองดูเด็กหนุ่มทั้งสองที่กระตือรือร้น ดวงตาเป็นประกายอย่างตื่นเต้น ก็ช่วยส่งเสริม"ข้าอยากให้ร้านของข้า ชื่อ เหนียนเหยา ขอรับ"หญิงสาวตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าเซียนย้งจะเสนอชื่อนางขึ้นมา"เจ้าพอจะบอกเหตุผลข้าได้หรือไม่อาย้ง"หานตงถามขึ้น เขาพอจะรู้ใจของน้องคนนี้ดี แต่ก็อยากจะรู้ว่า จะเหมือนที่เขาคิดไว้หรือไม่"เพราะพี่สะใภ้ เป็นเสมือนแสงสว่างที่สาดเข้ามาในชีวิตของครอบครัวข้า ขับไล่ความมืดมิด ช่วยให้ข้าเห
เว่ยเหนียนเหยายืนอยู่บนระเบียง คิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา นางนับถือนางลี่สือหลินมาก แม้จะรักบุตรชายเพียงใดแต่ก็ไม่ยอมเห็นผิดเป็นถูก กัดฟันส่งบุตรชายเข้ารับโทษที่ก่อตอนแรกนางยังคิดว่า นางลี่สือหลินจะล้มป่วยเพราะตรอมใจอยู่หลายวัน หากเพียงแค่สองวัน นางลี่สือหลินกลับลุกขึ้นไปทำงาน นางกับซินเซียงพยายามห้ามปรามขอให้พักผ่อนอีกสักหน่อยรอยยิ้มเศร้าสร้อยปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากคู่นั้น ก่อนจะกล่าวว่า" อาเหยา คนเป็นแม่จะอ่อนแอไม่ได้ ตอนนี้บุตรชายของข้ากำลังหกล้ม ข้าหวังว่า สักวันเขาจะคิดได้ และลุกขึ้นยืนใหม่ เมื่อนั้นมือคู่นี้ของข้ายังต้องช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้น"เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็น้ำตาคลอ ชาติที่แล้ว นางไม่มีพ่อแม่ ไม่เคยรับรู้ถึงความรักของพ่อแม่มาก่อน หญิงสาวคิดไปถึงต้นโสมเจ้าปัญหาต้นนั้น ที่บัดนี้ถูกนำไปเก็บไว้ในห้องของนางเป็นที่เรียบร้อยต้นโสมเพียงหนึ่งต้น แต่กลับลากดึงเอาความโลภโมโทสันภายในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ออกมาตีแผ่ นางหวังเพียงแต่ว่า ลี่ห่าวฟง จะไม่ทำให้มารดาของเขาผิดหวัง"พี่สะใภ้ พี่หานตงให้ข้ามาบอกท่านว่า วันนี้เป็นวันที่นัดกับช่างเฟิ่งไว้ขอรับ""เจ้าช่วยไปเรียกอาเสิ้นมาพบข้าหน
"ภรรยาเจ้าเร็วหน่อยเถอะ เราต้องรีบไปให้ทันรถเที่ยวเช้านะ""ท่านพี่จะรีบไปไหน ป่านนี้คนพวกนั้นยังไม่มีใครรู้หรอกน่า"นางลี่สือหลินยืนกำมือแน่นที่หน้าประตู จู่ๆประตูก็ถูกเปิดออกจากคนที่อยู่ข้างใน ห่าวฟงเห็นมารดา พร้อมน้องเขย น้องสาวยืนอยู่ก็ตกใจ พยายามตั้งสติ"ท่านแม่ ท่าน มาได้ยังไงขอรับ"นางลี่สือหลินมองดูบุตรชายที่ก้าวเท้าถอยหลังเข้าไปในบ้าน ในมือถือห่อผ้าห่อหนึ่ง"เจ้าใหญ่ พวกเจ้ารีบร้อนจะไปไหนกันแต่เช้า"นางลี่สือหลินไม่ตอบ แต่ย้อนถามบุตรชายแทน"พอ ดี แม่ภรรยาไม่ค่อยสบาย ข้าเลยจะพานางไปเยี่ยมดูอาการขอรับ"สะใภ้ตระกูลลี่เมื่อเห็นสามีส่งสายตามาให้ ก็รีบเอ่ยเสริมคำ"ใช่เจ้าค่ะท่านแม่สามี ท่านแม่ข้าไม่สบาย ข้าจึงจะรีบไปเยี่ยม อีกอย่างข้าอยากจะนำข่าวดีไปบอกท่านด้วยตัวเอง""พวกเจ้าก็เลยทำตัวเป็นบุตรเขยบุตรสาวที่ดี เอาต้นโสมไปเยี่ยมซินะ"นางลี่สือหลิน ตวาดออกไปอย่างหมดความอดทน มองมือบุตรชายที่กุมห่อผ้าแน่นเข้าไปอีก"ท่านแม่ ท่านพูดเรื่องอะไร ข้าไม่เข้าใจขอรับ""ข้าก็พูดเรื่องที่เจ้าสองสามีภรรยาเข้าไปขโมยโสมที่บ้านของอาเหยาไงละ"ห่าวฟงหน้าซีด เขารู้ตั้งแต่เห็นหน้ามารดาที่หน้าประตูแล้ว ว่าม
"มา มาลูกสะใภ้เจ้านั่งก่อน"นางลี่สือหลิน รีบบอกให้บุตรชายประคองลูกสะใภ้นั่งลงบนเก้าอี้"น้องสาว น้องเขยตอนนี้คงสบายดีสินะ ท่าทางจะร่ำรวยกันใหญ่"ลี่ห่าวฟงบุตรชายของนางลี่สือหลิน กล่าวออกมาอย่างประชดประชัน เขามองไปมองรอบๆบ้านหลังนี้ด้วยความอิจฉา ครั้งก่อนเขาเคยขอให้มารดา ช่วยพูดกับน้องสาวและน้องเขยว่าให้ตนและภรรยาเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วย แต่คนพวกนี้ล้วนแล้งน้ำใจต่อเขากับภรรยา ดีว่ามารดาแอบส่งเงินทองไปให้เขาใช้อยู่เรื่อยๆ ชีวิตเขากับภรรยาจึงไม่ได้ลำบากอะไร"พวกข้าก็แค่มีกินมีใช้นะขอรับ ท่านพี่ภรรยา"เซียนย้งจริงๆ ไม่ค่อยจะชอบพี่ภรรยาคนนี้มากนะ เพราะเขาเป็นคนหยิบโหย่งไม่ค่อยชอบทำงานเท่าไหร่ แถมยังชอบใช้กำลังกับภรรยาของเขาและท่านแม่ยายอยู่บ่อยครั้ง"เอาละ เอาละ มากินข้าวกันเถอะ วันนี้พวกเจ้าต้องกินเยอะๆนะ อ้าวข้าลืม พวกเจ้ากินกันไปก่อน ข้าไปเอาน้ำแกงไก่ที่บ้านอาเหยาก่อน"นางลี่สือหลินออกไปไม่นานก็กลับมาพร้อมน้ำแกงไก่ถ้วยใหญ่"อาเซียงเมื่อกี้ตอนแม่ไปตักน้ำแกงไก่ เห็นกล่องใส่โสมยังวางอยู่ในครัว เห็นอาย้งบอกว่า โสมหัวนั้นราคาหลายร้อยตำลึงทอง ทำไมเอามาวางไว้อย่างนั้นละ"ซินเซียงแอบมองไปยังพี่ชาย
ชุนเหมยเมื่อเห็นน้องสาวต่างสายเลือด กระวีกระวาดวิ่งออกไปหาสามีก็ส่ายหัวยิ้มๆ นางเดินออกจากห้องโถง มุ่งตรงกลับเข้าห้องนอนทันที"เวิ้นสุ่ย"เสียงราบเรียบของหญิงสาวคล้ายพูดคุยกับอากาศที่อยู่ภายในห้อง เงาดำสายหนึ่งเคลื่อนออกมาจากมุมห้องอย่างเงียบๆ"นายหญิง""เจ้าไปสืบเรื่องนั้นมาให้ข้า จำไว้ข้าต้องการเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียด"ไร้เสียงตอบรับใดๆ มีเพียงเงาดำสายนั้น ที่เลือนหายไปคล้ายไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ชุนเหมย เดินออกจากห้องไปช้าๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น"ท่านพี่ตอนที่อยู่ที่หอการค้ากลางทำไมท่านไม่ช่วยข้าออกความคิดเห็นบ้างเลยเจ้าค่ะ"หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างแง่งอน ที่สามีไม่ช่วยนางออกความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับร้านค้าที่นางจะซื้อ"ก็พี่ไม่มีความรู้เรื่องนี้ พี่ว่าร้านไหนเจ้าเห็นว่าดีพี่ก็ว่าดี พี่ล้วนเชื่อฟังเจ้าเหยาเอ๋อ"เซียงย้งกลั้นหัวเราะหน้าแดง เมื่อเห็นพี่ชายกลายสภาพเป็นแมวหนุ่มช่างออดอ้อนต่อหน้าพี่สะใภ้ ก่อนจะรีบปรับสีหน้า เมื่อเห็นสายตาพิฆาตที่พี่ชายส่งตรงมาให้"พี่สะใภ้ในเมื่อท่านยังไม่ถูกใจ ก็ค่อยๆ หาไปก็ได้ขอรับ ข้าและ พี่หานตงล้วนเชื่อฟังท่าน""อะ นั่น นั่น น่าจะใช่ร้านเหล็กที่พี่ช
เว่ยเหนียนเหยากำลังกล่าวขอตัวจากเหวินฉีและภรรยา แต่อาเสิ้นก็เดินเข้ามาในบ้านซะก่อน"พี่บุญธรรม ท่านพอจะมีเวลาสักครู่หรือไม่ขอรับ ถ่านเตาแรกตากแดดดีแล้ว ข้าอยากพาท่านไปดู""ได้สิ งั้นอาเซียงเจ้าไปโรงงานเถอะ เดี๋ยวพวกข้าจะไปกับอาเสิ้น"อาเสิ้นลากถ่านที่เขาเก็บใส่ตะกร้าแล้ว ออกมาให้ทุกคนดู หญิงสาวหยิบถ่านขึ้นมาตรวจดู เห็นว่าทุกก้อนแห้งสนิทแล้วจริงๆจึงให้อาเสิ้นลองก่อไฟขึ้นมาดู ถ่านนี้เป็นถ่านที่ทำจากเศษไม้ต่างๆที่เก็บมารวมกัน จึงทำให้มีควันไฟค่อนข้างมาก ซ้ำยังมีกลิ่นแรง แถมแรงไฟที่ได้ก็ไม่สม่ำเสมอนางบอกให้อาเสิ้นจดข้อเสียเหล่านี้ไว้ เพราะเตาต่อไปจะลองใช้ไม้ไผ่อย่างเดียว อาเสิ้นตื่นเต้นมากอยากจะรีบไปเก็บไม้ไผ่กลับมาทดลองแต่นางบอกว่า รอให้พวกนางกลับมาจากในเมืองก่อนจะดีกว่า จะได้มีคนขึ้นเขาไปเป็นเพื่อนเมื่อเห็นว่าไม่มีธุระอะไรที่ต้องทำในบ้านแล้ว เว่ยเหนียนเหยาจึงรีบเดินทางเข้าในเมือง วันนี้นางมีงานต้องทำมากมายเลยทีเดียวเมื่อมาถึงตัวเมือง นางให้สามีและเซียนย้ง นำปลาไหลที่ได้ไปขายก่อนหานตงจึงมุ่งหน้าไปที่ภัตตาคารที่เคยนำปลาไหลมาขายในครั้งก่อน เสี่ยวเอ้อจำพวกเขาได้ก็ร้องทักอย่างดีใจ"พวก
"อาเซียง เจ้าเดินรอข้าด้วยสิ""อาย้งเจ้าก็เดินให้เร็วหน่อยสิ พี่สะใภ้กำลังรอไก่จากข้าอยู่นะ""เดี๋ยวนี้ เจ้าหายใจเข้าหายใจออกเป็นพี่สะใภ้ ข้าชักจะน้อยใจแล้วสิ""หึ แน่นอนว่า พี่สะใภ้ของข้า ต้องสำคัญกว่าเจ้า""เจ้าพูดเช่นนี้ คอยดูเถอะ คืนนี้ข้าจะลงโทษเจ้าเช่นไร""เจ้า! ไม่ต้องพูดแล้ว รีบเดินเร็ว นี่มันหน้าบ้านท่านป้าเจ้านี่ รีบเดินเร็วๆ เข้าเถอะ เจ้าไม่กลัวหรือยังไง"ซินเซียงหันซ้ายแลขวา เนื่องจากบ้านหลังนี้เป็นบ้านของท่านป้าของเซียนย้ง แต่นางเสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว ส่วนบุตรชายกับลูกสะใภ้ก็ทำงานที่เมืองหลวง จึงปล่อยบ้านทิ้งร้างไว้เคร้ง......ปึก ปึก ปึกซินเซียงหันไปเกาะแขนเซียนย้ง หน้าขาวซีด"อา...ย้ง เจ้า..ได้ยินเสียง อะไรไหม""คงจะเป็นเสียงหนูละมั้ง ข้าว่าเรารีบไปกันดีกว่าเนอะ"เซียนย้งที่หิ้วไก่อยู่ ใช้มืออีกข้างดึงให้ซินเซียงรีบเดินตาม"อาย้ง ....อาเซียง""อา...ย้ง ได้ยินเสียงคน คนเรียก พวกเราไหม"ตอนนี้ เซียนย้งเองก็เริ่มหน้าซีดไปเหมือนกัน จับมือซินเซียงเตรียมวิ่งออกไป"อาย้ง อาเซียง นี่ข้าเอง พี่ซีเม่ย ภรรยาท่านพี่เหวินฉีไง""พี่สะใภ้ เป็นท่าน แล้วท่านพี่เหวินฉีละขอรับ"เซียนย
" พี่สะใภ้ท่านมาแล้ว ข้าจะออกไปตามก็ไม่กล้าวางมือ""อาย้ง นำโถที่ข้าเตรียมไว้ทางโน่นมา นำผ้ามาปูบนปากโถ แล้วเอาผ้าชิ้นเล็กที่ข้าตัดไว้แล้ว รัดผ้าที่วางตรงปากโถให้แน่น ข้าจะกรองน้ำมันหอมอีกรอบ"เซียนย้งทำงานคล่องแคล่ว เดี๋ยวเดียวโถพร้อมผ้ากรองก็อยู่ตรงหน้านาง นางจัดการตามขั้นตอนสุดท้ายอย่างรวดเร็วในที่สุดน้ำมันทั้งหมดก็ถูกเทใส่โถ และดอกกุหลาบก็ถูกวางใส่ผ้ากรองทิ้งไว้"พี่สะใภ้ ต้องวางไว้นานเท่าใดขอรับ""วางไว้จนกว่า น้ำมันในดอกไม้จะออกมาหมด""ดอกไม้กับน้ำมันยังเหลืออยู่ ท่านจะให้ข้าทำต่อเลยไหมขอรับ""น่าจะทำต่อได้อีกหนึ่งถังเจ้าจัดการเลย ข้าจะคอยดู"เซียนย้งจัดการตามวิธีที่จำได้ มีผิดไปบ้างแต่เว่ยเหนียนเหยาก็คอยบอกอยู่ข้างๆ จนตุ๋นน้ำมันหอมเรียบร้อย"เอาละทีนี้มาตัดสบู่กัน เจ้าไปหยิบถาดที่ใส่สบู่มา"เซียนย้งหยิบถาดที่ใส่สบู่มาหนึ่งถาด วันนี้พี่สะใภ้ทำสบู่สามถาด เขาทำเองอีกหนึ่งถาด รวมแล้วเป็นสี่ถาด เดี๋ยวถาดนี้ให้พี่สะใภ้ตัดให้เขาดู ส่วนถาดอื่นๆเขาจะขอลองตัดเองเว่ยเหนียนเหยารับถาดไม้มา จากนั้นก็ใช้มีดเล็กบางเลาะไปข้างๆถาดไม้แล้วคว่ำถาดลงเคาะเบาๆ สบู่ก็หลุดออกมา นางจับก้อนสบู่ก้อนใหญ่ไ
หญิงสาวเล่าเรื่องที่เว่ยหานหมิงเข้าหานาง ทุกคำพูด ทุกการกระทำ นางล้วนเล่าออกมาทั้งหมด นางไม่ใช่นางเอก ที่จะยอมปิดบังเรื่องต่างๆ เพื่อความสบายใจของพระเอก จนบางครั้งก็เกิดเรื่องราวใหญ่โตสำหรับนางการพูดคุยกันทุกเรื่องจะช่วยให้ชีวิตคู่ของพวกนางมั่นคงขึ้นอีกก้าว"เจ้าบอกว่าน้องเล็กเรียกเจ้าว่า อาเหยา หรือ""เจ้าค่ะ""แถมยังทำท่าอาลัยอาวรณ์เจ้าอีก""เจ้าค่ะ""ถ้าอย่างนั้นต่อไป เจ้าก็ไม่ต้องตามพี่ไปที่บ้านนั้นอีก และต่อไปพี่จะไม่เรียกเจ้าว่า อาเหยา แล้ว"อ้าว นี่นางทำให้สามีทำไหน้ำส้มหกนองหรือไร หญิงสาวเอนกายซบอกแกร่งสามีอย่างออดอ้อน"ถ้าเช่นนั้น ท่านจะเรียกข้าว่าอะไรดีเจ้าคะ""เหยาเอ๋อ พี่จะเรียกเจ้าว่า เหยาเอ๋อ ต่อไปเจ้าจะเป็นเหยาเอ๋อของพี่เพียงคนเดียว เจ้ายังจำสัญญาได้หรือไม่ ครั้งนี้เจ้าต้องมีลูกสาวอวบอ้วนให้พี่สักหลายๆ คนนะ เหยาเอ๋อ"ชายหนุ่มจับคางภรรยาขึ้นรับจุมพิตอ่อนโยนที่เขามอบให้ เขารู้ว่า นางไม่ใช่อาเหยาในอดีตที่มีใจรักต่อเว่ยหานหมิงผู้เป็นน้องชายครั้งนี้เขาตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่า จะทำตามคำสั่งบิดา ไม่จำเป็นจะไม่ไปที่บ้านหลังนั้นอีกกลิ่นกายหอมกรุ่นในอ้อมแขน ดึงสติเขาออกจากความคิ