"อาเซียง เจ้าเดินรอข้าด้วยสิ"
"อาย้งเจ้าก็เดินให้เร็วหน่อยสิ พี่สะใภ้กำลังรอไก่จากข้าอยู่นะ" "เดี๋ยวนี้ เจ้าหายใจเข้าหายใจออกเป็นพี่สะใภ้ ข้าชักจะน้อยใจแล้วสิ" "หึ แน่นอนว่า พี่สะใภ้ของข้า ต้องสำคัญกว่าเจ้า" "เจ้าพูดเช่นนี้ คอยดูเถอะ คืนนี้ข้าจะลงโทษเจ้าเช่นไร" "เจ้า! ไม่ต้องพูดแล้ว รีบเดินเร็ว นี่มันหน้าบ้านท่านป้าเจ้านี่ รีบเดินเร็วๆ เข้าเถอะ เจ้าไม่กลัวหรือยังไง" ซินเซียงหันซ้ายแลขวา เนื่องจากบ้านหลังนี้เป็นบ้านของท่านป้าของเซียนย้ง แต่นางเสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว ส่วนบุตรชายกับลูกสะใภ้ก็ทำงานที่เมืองหลวง จึงปล่อยบ้านทิ้งร้างไว้ เคร้ง......ปึก ปึก ปึก ซินเซียงหันไปเกาะแขนเซียนย้ง หน้าขาวซีด "อา...ย้ง เจ้า..ได้ยินเสียง อะไรไหม" "คงจะเป็นเสียงหนูละมั้ง ข้าว่าเรารีบไปกันดีกว่าเนอะ" เซียนย้งที่หิ้วไก่อยู่ ใช้มืออีกข้างดึงให้ซินเซียงรีบเดินตาม "อาย้ง ....อาเซียง" "อา...ย้ง ได้ยินเสียงคน คนเรียก พวกเราไหม" ตอนนี้ เซียนย้งเองก็เริ่มหน้าซีดไปเหมือนกัน จับมือซินเซียงเตรียมวิ่งออกไป "อาย้ง อาเซียง นี่ข้าเอง พี่ซีเม่ย ภรรยาท่านพี่เหวินฉีไง" "พี่สะใภ้ เป็นท่าน แล้วท่านพี่เหวินฉีละขอรับ" เซียนย้ง รู้สึกดีใจมาก เนื่องจากกุ้ยเหวินฉี นอกจากจะเป็นญาติผู้พี่ของเขาแล้ว ยังเป็นคนสอนวิชาพรานป่าล่าสัตว์ให้กับเขาและหานตงอีกด้วย "พี่ชายเจ้าอยู่ในบ้าน กำลังซ่อมแซมบ้านอยู่ เจ้าเข้าไปหาเขาสิ" "ยังก่อนพี่สะใภ้ ท่านอย่าพึ่งบอกท่านพี่เหวินฉีว่าเจอข้านะขอรับ ข้าจะไปพาพี่หานตงมาด้วย อ้อ แล้วท่านอย่าพึ่งทำกับข้าวนะขอรับ เดี๋ยวข้าจะเชิญท่านไปทานข้าวที่บ้านข้า เร็วๆ อาเซียงรีบกลับบ้านกัน" "ท่านพี่หานตง ท่านพี่ ข้ามีข่าวมาบอกขอรับ" "เสียงดังอะไร พี่สะใภ้เจ้ากำลังบ่นอยู่เลย ว่าพวกเจ้าหายไปนาน" "อย่าเพิ่งพูดอะไรขอรับ ท่านรีบตามข้ามาก่อน เดี๋ยวข้าเล่าให้ฟังระหว่างทาง อาซียงเจ้าเอาไก่ไปให้พี่สะใภ้ แล้วฝากบอกพี่สะใภ้ด้วยนะ ว่าวันนี้เรามีแขกสำคัญ" ซินเซียงพยักหน้ารับอย่างตื่นเต้นไม่แพ้กัน ในขณะที่เซียนย้งลากหานตงเดินออกจากบ้านไปแล้ว "เจ้าว่าอะไรนะ พี่เหวินฉีกลับมาแล้วเหรอ " "จริงๆ ขอรับ เห็นว่ากำลังซ่อมบ้านด้วย หรือว่าพี่เหวินฉีจะกลับมาอยู่ที่นี่ขอรับ หานตงส่ายหน้าอย่างไม่แน่ใจ กุ้ยเหวินฉีสำหรับเขาเปรียบเสมือนพี่ชายที่เป็นที่พึ่ง ทุกๆ ครั้งที่เขาโดนท่านแม่ตี หรือ ทำโทษไม่ให้กินข้าว พี่เหวินฉีก็จะพาเขากลับไปที่บ้าน ให้พี่สะใภ้หาข้าวให้เขากิน ส่วนท่านแม่ของพี่เหวินฉีก็มักจะออกหน้าต่อว่าท่านแม่ให้กับเขาบ่อยๆ พอเขาโตขึ้นมาหน่อย พี่เหวินฉีกลัวว่า เขากับเซียนย้งจะเสียเปรียบคนอื่น หากไม่รู้หนังสือ ก็ให้พี่สะใภ้ที่เป็นลูกสาวบัณฑิต สอนให้เขาเขียนอ่าน ซ้ำพี่เหวินฉียังสอนวิชาพรานป่าให้เขาอีกด้วย ช่วงที่เขาแยกบ้านออกมา เป็นช่วงที่พี่เหวินฉีได้งานเป็นคนคุ้มกันที่บ้านเศรษฐีที่เมืองหลวง ตอนแรกพี่เหวินฉีจะพาท่านแม่ของเขาไปด้วย แต่ท่านแม่ของเขา ยืนยันที่จะอยู่ที่นี่ ทำให้พี่เหวินฉีต้องเดินทางไปพร้อมภรรยาโดยลำพัง เมื่อปีก่อน แม่ของพี่เหวินฉีป่วยหนัก เพียงไม่นานก็เสียชีวิตลง พี่เหวินฉีกลับมาทำงานศพ ยังแวะมาเยี่ยมเขากับบุตรชาย พร้อมทั้งยังนำข้าวของมาให้เขาเอาไว้กินไว้ใช้อีกด้วย "พี่เหวินฉี" "พี่ชาย" "อาตง อาย้ง เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้ากลับมาแล้ว" "พี่เหวินฉี โชคดีที่ข้าออกมาที่หมู่บ้านกับอาเซียง เลยรู้ว่าท่านกลับมาแล้ว" เซียนย้ง รู้สึกว่า ตอนนี้เขากลับไปเป็นน้องชายตัวน้อยๆ ที่มีพี่ชายสองคนคอยปกป้องอีกครั้ง "มา มา เข้าไปหาพี่สะใภ้เจ้ากัน" เหวินฉี เดินนำชายหนุ่มทั้งสองเข้าไปในบ้าน ภายในบ้านไม่มีเครื่องเรือนเหลืออยู่เลย เพราะครั้งที่เหวินฉีกลับมาครั้งสุดท้าย เขายกข้าวของเครื่องใช้ไปให้หานตงที่บ้านหมด "ขอโทษด้วยนะ ข้าพึ่งจะกลับมา แม้แต่ชา ยังไม่มีจะเลี้ยงเจ้าเลย" "อ้าวมาแล้วรึ อาตง อาย้ง" "พี่สะใภ้" "พี่สะใภ้" "ท่านพี่ ท่านนำพวกเขาไปนั่งคุยที่หน้าบ้านดีไหมเจ้าคะ เดี๋ยวข้าจะทำความสะอาดในบ้านต่อเอง" หานตงมองสภาพในบ้าน บ้านหลังนี้ถูกปล่อยทิ้งร้าง ไม่ได้ซ่อมแซมมาเป็นปี ตอนนี้จะมาทำความสะอาดแค่วันเดียว แถมยังไม่มีเครื่องเรือนอีก "พี่เหวินฉี ท่านกับพี่สะใภ้ก็เก็บข้าวของไปพักที่บ้านข้าสักหลายวันเถอะ ส่วนเรื่องซ่อมบ้านเดี๋ยวข้ากับอาย้งจะมาช่วยท่านเองขอรับ" "จะทำอย่างนั้นได้ยังไง พวกข้าเพิ่งจะกลับมาถึงก็จะให้ไปรบกวนเจ้าเสียแล้ว" เหวินฉีรีบปฏิเสธทันที "นั่นนะสิ วันนี้พวกข้าแค่ปัดๆ ถูๆ ให้แค่พออยู่ได้ไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที" ซีเม่ยคล้อยตามสามีด้วยความเกรงใจ "พี่เหวินฉี พี่สะใภ้ พวกท่านไม่ได้เห็นข้าเป็นน้องชายใช่หรือไม่ ถ้าท่านไม่ยอมไป ข้ากลับอาย้งจะคุกเข่าขอร้องท่านอยู่ตรงนี้" หานตงและเซียนย้งทำท่าจะคุกเข่าลงไปจริงๆ "เอาละๆ พอแล้ว ได้ได้ ข้ายอมไปพักบ้านเจ้า แต่หลังจากซ่อมบ้านเสร็จ เจ้าต้องยอมให้ข้าย้ายกลับมานะ" "ขอรับ" "งั้นพวกเจ้ารอข้าสักครู่ ข้าขอเข้าไปเอาของกันก่อน" เหวินฉีใช้เวลาไม่นาน ก็ออกมาพร้อมภรรยาในมือมีห่อผ้าเพียงแค่คนละห่อเท่านั้น ทั้งหมดสี่คนเดินทางกลับไปบ้านของหานตง ในระหว่างทางหานตงก็เล่าเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้อีกฝ่ายได้รับรู้ "เหยาเอ๋อ เหยาเอ๋อ เจ้าออกมาหน่อยข้ามีคนจะแนะนำให้เจ้ารู้จัก" หานตงตะโกนเรียกหาภรรยาลั่นบ้าน ด้วยอยากจะให้นางได้มารู้จักกับพี่ชายอีกคนของเขา "อาตง เจ้าค่อยๆ ก็ได้ เจ้าทำยังกับว่า ข้ากับนางไม่รู้จักกัน อย่าลืมสิ วันแต่งงานเจ้า ข้ากับพี่สะใภ้เจ้ายังไปดื่มเหล้ามงคลอยู่เลย" เหวินฉี เอ่ยปรามผู้เป็นน้องชาย งานมงคลของหานตง ในสายตาเขา เป็นงานที่เล็กและเงียบมาก เนื่องจากมารดาของหานตงกับมารดาของฝ่ายเจ้าสาวบอกว่า ทั้งคู่ทำผิดจารีต จัดงานใหญ่โตจะเป็นขี้ปากชาวบ้านเสียเปล่าๆ แต่ในสายตาของเขากับภรรยาเห็นว่า ทั้งสองครอบครัวต่างจัดงานส่งๆ ไปอย่างนั้นเอง หานตงเองก็แต่งงานตามคำสั่งของมารดาเท่านั้น ไม่ได้มีความรักใคร่ในตัวภรรยา สายตาทุกครั้งที่มองผู้เป็นภรรยา เหมือนมองคนแปลกหน้าที่มีหน้าที่ต่อกันก็เท่านั้น ไม่เหมือนกับตอนนี้ เขาสัมผัสได้ถึงความรักใคร่ในน้ำเสียงของชายที่เปรียบเสมือนน้องของเขาอีกคน "ท่านพี่ เรียกข้าซะเสียงดัง มีอะไรเจ้าคะ" "เหยาเอ๋อ มาเร็ว นี่พี่เหวินฉี กับพี่สะใภ้ คนที่สอนอาชีพพราน กับสอนหนังสือให้กับข้าไง ที่ข้าเคยเล่าให้เจ้าฟังบ่อยๆ ไง" "พี่เหวินฉี พี่สะใภ้" เว่ยเหนียนเหยาคารวะคนทั้งสองอย่างนอบน้อม นางจำได้ว่าตอนที่นางหลอกสอบถามข้อมูลเรื่องแคว้นนี้ มีบางตอนที่หานตงพูดถึงสองคนนี้ให้ฟัง "เหยาเอ๋อ ข้าเชิญพี่เหวินฉี กับพี่สะใภ้มาพักที่บ้าน สักหลายวันนะ" "ได้สิเจ้าคะ งั้นข้าจะให้เจ้ารองย้ายไปนอนกับเจ้าใหญ่ก่อน เชิญท่านทั้งสองเข้าไปนั่งในห้องโถงก่อนเถิดเจ้าค่ะ" เว่ยเหนียนเหยาเดินนำคนทั้งหมดเข้ามาที่ห้องโถง เห็นซินเซียงเดินยกน้ำชาออกมาพอดี "พี่เหวินฉี พี่สะใภ้น้ำชาเจ้าค่ะ" "พวกเจ้าเติบโตแล้วจริงๆ ข้าดีใจ ข้าดีใจมาก" เหวินฉี รู้สึกดีใจกับพวกเขาจริงๆ ตอนที่จากไปพวกเขายังอดกังวลใจเรื่องน้องชายทั้งสองคนนี้ไม่ได้ ตอนที่กลับมาบ้านครั้งที่แล้ว เห็นสภาพของหานตงเขายิ่งใจหาย ตอนแรกเขากะจะชวนหานตงไปทำงานด้วย แต่รู้ว่าหานตงมีบุตรที่จะต้องดูแล คงไม่อาจจะตัดใจจากไปได้ เขาเลยช่วยเท่าที่สามารถจะช่วยได้ "ท่านพี่ ท่านพูดจาเป็นตาแก่เชียว ดูสิ ทำลายบรรยากาศดีๆ หมด" "นั่นสิขอรับพี่เหวินฉี เดี๋ยวเรากินข้าวไปพูดคุยกันไปจะดีกว่า" "ข้าว่า ท่านพาพี่เหวินฉี กับพี่สะใภ้ไปอาบน้ำให้สบายเนื้อสบายตัวก่อนดีกว่า เดี๋ยวข้าจะขึ้นไปจัดห้องไว้ให้ ส่วนโต๊ะอาหารก็มอบให้ อาย้งกับอาเซียงจัดการ" หานตงจัดแจงตามคำสั่งของภรรยา ไม่นานคนทั้งหมดก็ได้มานั่งล้อมวงกินอาหารพูดถึงคืนวันที่ผ่านมา "ท่านพ่อ" "ท่านแม่" "ข้ากลับมาแล้วขอรับ เสียงสองเสียงประสานดังขึ้นก่อนที่จะวิ่งเข้ามาในห้องโถง เมื่อคืนพวกเขาไม่ได้กลับมานอนที่ห้อง เพราะขออนุญาตจากมารดาไปนอนกลับพี่เซียนเหยา เด็กน้อยทั้งสองหยุดวิ่ง เมื่อเห็นมีคนแปลกหน้าสองคนนั่งอยู่ในห้องโถงกับบิดาด้วย ตอนนี้เด็กทั้งสองไม่ได้ตกใจกลัวคนไปทั่วเหมือนแต่ก่อนแล้ว มารดาบอกพวกเขาว่า เด็กผู้ชายต้องกล้าหาญ แข็งแกร่ง ต่อไปจะได้ปกป้องมารดาจากพวกบรรดาคนชั่วได้ หานชิงและหานเหนียนต่างเข้าใจว่า คนชั่วที่มารดาหมายถึง คือครอบครัวของท่านย่าแน่ๆ เพราะคนพวกนั้นชอบตะคอกบิดามารดาของเขา แถมยังชอบตีพวกเขาแบบเจ็บๆ แต่สองคนที่นั่งอยู่ในห้องโถง เด็กน้อยสองคนเหมือนจะคุ้นเคย แต่กลับจำไม่ได้เท่าไหร่ "เจ้าใหญ่ เจ้ารอง มานี่มา มาคารวะท่านลุงฉี กับท่านป้า" "ท่านลุง ท่านป้า" สองแฝดพี่น้องคารวะพร้อมกันอย่างเสียงดัง "อาตง เจ้าเลี้ยงดูบุตรชายได้น่ารักจริงๆ ดูสิตัวขาวอวบอ้วน จนข้าอยากจะกัดสักคำ" เสียงซีเม่ยหยอกเย้าเด็กๆ อย่างเอ็นดู "ไม่ได้นะขอรับท่านป้า ท่านแม่ข้ารักข้ามาก หากท่านกัดข้าเข้าไปท่านแม่ข้าต้องเสียใจแน่ๆ ขอรับ" หานเหนียนส่งสายตาออดอ้อนพร้อมกะพริบตาปริบๆ อย่างขอความเห็นใจ "ฮะ ฮะ ฮะ เจ้ารองท่านป้าเพียงแต่เย้าเจ้าเล่นก็เท่านั้น" เหวินฉีหัวเราะกับคำพูดของหลานชายตัวดีขึ้นมาทันที "ท่านแม่ของเจ้ากำลังวุ่นวายอยู่ในครัว พวกเจ้าขึ้นไปจัดการตัวเองเถอะ เจ้ารองเจ้ารู้แล้วใช่หรือไม่ว่าต้องไปพักห้องเจ้าใหญ่" "ข้าทราบแล้วขอรับท่านพ่อ งั้นข้าไปก่อนนะขอรับ จะได้รีบลงมากินข้าว" บนโต๊ะอาหารเช้านี้เว่ยเหนียนเหยาทำข้าวต้มหมูพร้อมทั้งหั่นรากบัวเป็นลูกเต๋าชิ้นเล็กๆ ใส่ลงไปด้วย ทำให้น้ำแกงยิ่งเข้มข้นหอมกรุ่น ตามด้วยซาลาเปาลูกโตไส้หมูสับที่มีมันฝรั่งเป็นส่วนผสม และสุดท้ายก็กลั้วคอด้วยน้ำแกงไก่รากบัวสูตรพิเศษที่นางเสียเวลาเคี่ยวมาตั้งแต่เช้ามืด "อาตง ภรรยาของเจ้ามีพรสวรรค์ด้านการทำอาหารจริงๆ ดูสิหยิบจับอะไรก็ดูน่ากินไปหมด" เหวินฉีเริ่มรู้สึกดีกับหญิงสาวตรงหน้า เมื่อคืนหลังจากปล่อยบรรดาหญิงสาวขึ้นไปนอนก่อน พวกเขาก็นั่งคุยกันต่ออีกครึ่งคืน ได้ฟังอาตงเล่าถึงพฤติกรรมของนางที่เปลี่ยนไป ตอนแรกเขาก็คิดว่านางเสแสร้งแกล้งทำหรือเปล่า แต่พออาตงเล่าว่าฐานะความเป็นอยู่ในบ้านดีขึ้นเพราะนาง แถมนางยังต่อกรกับแม่สามีและเว่ยหานหมิงอีก นั่นก็ทำให้เขาประหลาดขึ้นไปอีก แต่เช้านี้ได้เห็นนางดูแลบุตร ดูแลสามี ครอบครัวของชาวบ้านธรรมดา เต็มที่ก็กินอาหารสองมื้อ คือช่วงสายๆ กับช่วงเย็น แต่นางกับทำอาหารถึงสามมื้อ แต่ละมื้อดูท่าใช้เงินจับจ่ายไปไม่น้อย "พี่เหวินฉี พี่สะใภ้ วันนี้ข้ากับท่านพี่ และอาย้งจะเขาไปในตัวเมือง ท่านไปกับพวกข้าดีไหมเจ้าค่ะ เรื่องบ้านเดี๋ยวพรุ่งนี้ท่านพี่กับอาย้งว่างค่อยไปลงแรงช่วยกันทำ" "ให้ท่านพี่เข้าไปคนเดียวเถอะ ข้านัดอาเซียงไว้แล้ว เห็นว่าท่านป้าลี่ กำลังหาช่างเย็บเพิ่ม ข้าก็เลยจะลองไปทดสอบดู" ซีเม่ยกล่าวขึ้น นางรู้สึกดีที่กลับมาครั้งนี้มีงานที่นางพอจะทำได้อยู่บ้าง เพราะที่ผ่านมาสามีไม่ค่อยจะให้นางหยิบจับงานหนักอะไรนัก เพราะเกรงว่า นางที่มาจากครอบครัวบัณฑิตจะทำไม่ไหว กลับมาครั้งนี้นางกับสามีเรียกว่ามาแต่ตัว มีเงินทองติดตัวกลับมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดูจากสภาพบ้านที่ผุพังแล้ว น่าจะใช้เงินไม่น้อยที่จะซ่อมแซมให้พอที่จะใช้พักอาศัยได้ "ดีเหมือนกัน ข้าก็อยากจะลองไปหางานในเมืองทำสักหน่อย" เมื่อวานตอนที่พวกนางนั่งคุยกัน เหวินฉีก็นั่งอยู่ข้างๆ เขารู้สึกว่าหากให้ภรรยาของเขาทำงานกับพวกซินเซียงก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยก้ยังพอมีเพื่อนนั่งพูดคุย ไม่ต้องทนเหงาอยู่เพียงลำพังเมื่อยามที่เขาต้องออกไปทำงาน ซีเม่ยของเขาเป็นผู้หญิงที่งดงาม เรือนร่างแลดูเย้ายวน แต่นิสัยของนางกลับเรียบร้อย ไม่ค่อยทันผู้คน เนื่องจากบิดาของนางมักจะให้นางอยู่กับการอ่านตำรา จนทำให้นางนึกว่าผู้คนทั้งหลายล้วนเป็นไปตามตำราที่นางร่ำเรียนมา ตอนนี้ท่านแม่ของเขาก็ไม่อยู่แล้ว หากปล่อยนางอยู่บ้านตามลำพัง เขาคงทำงานอย่างไม่เป็นสุขเป็นแน่ เห็นซินเซียงเล่าว่า งานที่พวกนางทำ เป็นงานปักเย็บเบาๆ แค่มีความละเอียด ประณีต และใส่ใจงานก็พอ อีกทั้งตอนกลางก็มีอาหารเลี้ยงอีกหนึ่งมื้อด้วย ถือว่าภรรยาหานตงเป็นนายจ้างที่ใจกว้างทีเดียว "ท่านพี่เหวินฉี บุญคุณที่ท่านมีต่อครอบครัวข้าเมื่อครั้งก่อน ถือว่าเป็นน้ำใจที่พวกข้าติดหนี้พวกท่าน หากแต่ข้าเป็นคนตรงๆ และจริงใจกับคนที่ถือว่าเป็นคนในครอบครัว หากข้าจะขอถามท่านสักคำ จะได้ไหมเจ้าคะ" เว่ยเหนียนเหยาพูดขึ้นมา เนื่องจากเมื่อเช้าสามีของนางก็คุยกับนางในเรื่องนี้ เขาบอกว่าเหวินฉีมีฝีมือการต่อสู้ไม่ธรรมดา อีกทั้งยังมีบุญคุณต่อเขามาตั้งแต่เด็ก มาตอนนี้อีกฝ่ายประสบความลำบาก ในเมื่อเขาช่วยได้ เขาก็อยากจะช่วย สามีของนางยังกล่าวอีกว่า บ้านที่เหวินฉีจะซ่อมแซมผุพังมานาน หากจะลงมือซ่อมแซมจริงๆ คงต้องใช้เงินค่อนข้างมากแน่นอน เขาเกรงว่า ที่เหวินฉีบอกว่าจะซ่อมแซม ก็แค่ทำให้พอที่จะซุกหัวนอนเท่านั้น ตอนที่เขาพูดกับนาง ดวงตาแดงก่ำ คงจะคิดถึงความขมขื่นในอดีตที่ผ่านมา แล้วจะให้นางทำอย่างไรได้ นอกจากโอนอ่อนผ่อนตามใจของสามี เฮ้อ ตอนที่นางดูซีรี่ย์เห็นพวกนางสนม ชอบใช้วิธีนี้มาออดอ้อนให้ฮ่องเต้ตามใจ ยังก่นด่าฮ่องเต้เหล่านั้นว่าจิตใจช่างอ่อนแอนัก หากเป็นนางไม่มีทางหลงกลตื้นๆ เหล่านั้นเป็นแน่ แต่ตอนนี้นางได้แต่พร่ำขอโทษฮ่องเต้เหล่านั้นอยู่ในใจ ความรู้สึกนั้น นางเข้าใจแล้วจริงๆ "เชิญน้องสะใภ้ถามมาเถอะ ข้ากับอาตงเปรียบเสมือนพี่น้อง ย่อมไม่มีอะไรปิดบัง" นางเห็นสามีส่ายหน้าส่งสัญญาณไม่ให้นางซักถาม แต่เจ้าสองแสบกลับทำตาแป๋ว ประหนึ่งจะบอกว่า ข้าพร้อมจะฟังแล้วขอรับท่านแม่ นางส่งสายตากลับให้สามี พร้อมทั้งเอ่ยปากไล่ลูกชายให้ไปหาอาเส้า เด็กๆ หน้าหงอยลงแต่ก็ยอมเดินออกไป " ขออภัยพี่เหวินฉี ข้าแค่อยากรู้ว่า เหตุใดท่านถึงกลับมาประหนึ่งว่ากำลังลี้ภัย ก็เท่านั้น" นางมีคนในครอบครัว ให้ปกป้องมากมาย ดังนั้นการจะทำอะไร นางต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของทุกคน อย่างน้อยถ้ามีเหตุร้าย ก็ต้องรู้ต้นสายปลายเหตุเสียก่อน หากสามารถแก้ไขได้จะได้ทำแต่เนิ่นๆ คราวนี้เหวินฉีและภรรยาถึงกับหน้าซีดไป ดวงตาคล้ายมีความหวาดวิตก ตัดสินใจไม่ถูก เหมือนไม่รู้ว่าควรจะเริ่มเอ่ยปากจากตรงไหน "ท่านพี่เหวินฉี หากท่านมีความลำบากใจก็ช่างเถอะขอรับ" "เอาเถอะ จริงอย่างที่ภรรยาเจ้าพูด คนเราคบหาล้วนควรจริงใจ การที่ข้ากลับมากะทันหันเพราะเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ ก่อนที่ข้าจะกลับมา พวกเจ้าก็รู้ว่า ข้าไปทำงานคุ้มภัยให้บ้านเศรษฐีในเมืองหลวง มีอยู่วันหนึ่ง นายท่านให้ข้าคุ้มครองหลงจู๊ออกไปเก็บค่าเช่าแผงค้าที่ด้านฝั่งตะวันตก ระหว่างเดินทางหลงจู๊เกิดปวดท้อง ต้องยกเลิกการเดินทาง โดยนัดหมายกับข้าว่าจะเปลี่ยนไปเก็บค่าเช่าในวันรุ่งขึ้นแทน ระหว่างทางหลงจู๊เกิดคลื่นไส้อาเจียนรดกางเกงข้าจนเปรอะเปื้อน หลังจากที่ข้าส่งหลงจู๊ไปหาหมอแล้ว จึงกลับเข้าไปที่เรือนพัก เพื่อจะเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนที่จะเข้าไปรายงานนายท่าน คาดไม่ถึง ตอนที่ไปถึงหน้าห้องก็ได้ยินเสียงร้องของพี่สะใภ้เจ้าดังขึ้น ข้ารีบเข้าไปในห้อง เห็นคุณชายรองกำลังปลุกปล้ำพี่สะใภ้ของพวกเจ้าอยู่ ตอนที่ข้าเห็นน้ำตาของนางนองหน้า เสื้อผ้าหลุดลุ่ย สติข้าก็หายไปหมดแล้ว รู้ตัวอีกทีก็เห็นเจ้าเดรัจฉานนั่น นอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น ข้าไม่ทันคิดอะไร รีบเก็บข้าวของเท่าที่ได้แล้วฉุดมือพี่สะใภ้เจ้าวิ่งออกมา ในที่สุด เมื่อไม่รู้จะไปที่ไหน ก็เลยกลับมาที่นี่ก่อน" เหวินฉีกัดฟันแน่น ตาแดงก่ำเมื่อพูดถึงเหตุการณ์ที่ประสบมา ส่วนซีเม่ยตอนนี้ดวงตาคลอไปด้วยน้ำตา ก่อนจะปล่อยให้ไหลลงมาช้าๆ พร้อมเสียงสะอื้น "เจ้าสารเลวนั่น มันสมควรตาย ที่ท่านพี่เหวินฉีทำถูกต้องแล้วขอรับ" เซียนย้งกับซินเซียงที่มายืนฟังอยู่ด้านหลังพอดี เอ่ยขึ้นอย่างโมโห ซินเซียงตาแดงก่ำ วิ่งเข้ามาโอบตัวพี่สะใภ้ที่ร้องไห้จนตัวโยน เว่ยเหนียนเหยารู้สึกสะเทือนใจกับสิ่งที่คนทั้งสองได้รับ หากเปลี่ยนเป็นนาง ไอ้ผู้ชายคนนั้นต้องตายคามือนางแน่ๆ "น้องสะใภ้ เจ้าไม่ต้องกังวล พวกข้ารบกวนเจ้าไม่นาน พอซ่อมแซมบ้านแล้ว พวกข้าจะออกไปทันที" "พี่เหวินฉี ท่านอย่าได้เข้าใจผิด ข้าเพียงแต่กำลังวางแผนว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี" "ใช่ใช่ ท่านพี่เหวินฉี พี่สะใภ้ของข้าคนนี้เป็นคนรักครอบครัว นางไม่ยอมให้ใครมารังแกพวกท่านหรอกขอรับ" เซียนย้งกล่าวชื่นชม ดวงตามองนางอย่างคาดหวัง พี่สะใภ้เขาเป็นคนฉลาด ขนาดปลิงตัวใหญ่อย่างบ้านแม่สามี นางยังสลัดทิ้งอย่างง่ายดาย เรื่องนี้ถ้านางลงมือช่วย ญาติผู้พี่เขาก็น่าจะมีหวัง "ท่านพี่เหวินฉี ตอนที่ท่านกลับมา ได้พบเจอคนในหมู่บ้านคนอื่นบ้างหรือไม่เจ้าคะ" "ไม่นะ ตอนที่ข้ามาถึงก็เย็นแล้ว แถมบ้านข้าก็อยู่ท้ายหมู่บ้านเหมือนพวกเจ้า ผู้คนที่อาศัยอยู่แถบนั้นส่วนมากก็เข้าบ้านกันหมดแล้ว" "แล้วบ้านเศรษฐีที่ท่านไปทำงานด้วยชื่อแซ่อะไร แล้วรู้จักถิ่นฐานพวกท่านหรือไม่" "บ้านที่ข้าไปทำงานด้วย คือบ้านตระกูลหย่ง ส่วนถิ่นฐานนั้น เนื่องจากตอนที่ท่านแม่ข้าเสีย ข้าไม่คิดจะกลับมาที่นี่อีก จึงได้ใส่ที่อยู่ของท่านพ่อตาที่ย้ายไปเมืองเหนือไว้แทน เพราะเหตุนี้ข้าถึงไม่กล้าจะไปขอความช่วยเหลือจากท่านพ่อตา เพราะเกรงว่าจะทำให้พวกท่านพลอยลำบากไปด้วย" "ถ้าอย่างนั้นเรายังพอมีเวลาที่จะทำอะไรกันบ้าง ช่วงนี้พวกท่านพักอยู่ในบ้านข้าไปก่อน อย่าพึ่งออกไหน ข้ายังไม่อยากให้ใครรู้ว่า พวกท่านกลับมาแล้ว" "ข้าจะเอาเปรียบพวกเจ้าได้อย่างไร กินอยู่ล้วนใช้เงินทอง พวกข้าสองปากสองท้อง จะงอมืองอเท้าให้พวกเจ้าเลี้ยงดู ข้าไม่อาจรับไว้ได้" เฮ่อ นางว่าแล้วเชียว พวกผู้ชายสมัยนี้บ้าศักดิ์ศรี ฆ่าได้หยามไม่ได้ ดีนะที่นางเตรียมแผนไว้แล้ว "ข้าไม่ได้จะให้ท่านอยู่เฉยๆ เสียหน่อย พอดีข้ามีความคิดจะปลูกบัวเพิ่ม แต่ยังขาดคนช่วยในส่วนนี้ ไม่ทราบว่าถ้าหากให้พี่เหวินฉี ช่วยดูแลในส่วนนี้จะได้หรือไม่เจ้าคะ" เหวินฉียิ้มอย่างยินดี เขารู้ว่าจริงๆ งานแบบนี้ น้องสะใภ้จะให้ใครทำก็ได้ แต่เพื่อให้เขาสบายใจจึงตั้งใจมอบงานนี้ให้ "ส่วนพี่สะใภ้ บุตรชายข้ากับบุตรชายของอาเซียง กำลังจะเข้าทดสอบในสถานศึกษาในอีกสามเดือนข้างหน้า หากแต่น้องชายข้าที่ทำหน้าที่ดูแลพวกเขาอยู่ ก็กำลังจะเขาสอบซิ่วไฉ่ในอีกสามเดือนข้างหน้าเหมือนกัน ดังนั้นข้าอยากจะรบกวนให้ท่านช่วยสอนหนังสือเด็กๆ แทนเขาจะได้หรือไม่" "พวกข้ายินดี ยินดีอย่างมาก ขอบคุณน้องสะใภ้" "ถ้าอย่างนั้น วันนี้ท่านก็พักผ่อนอีกสักวันเถิดเจ้าค่ะ พรุ่งนี้ค่อยเริ่มงาน เดี๋ยวข้า ท่านพี่ อาย้งจะขอเข้าตัวเมืองไปส่งของก่อน พอกลับมา ข้าจะพาพวกท่านไปดูที่ที่จะทำบึงบัวเพิ่มนะเจ้าคะ" ไรท์ขอเวลารวมตัวฝ่ายพระเอกก่อนนะคะ เพราะตัวร้ายก็กำลังจะผนึกกำลังกันแล้ววววเว่ยเหนียนเหยากำลังกล่าวขอตัวจากเหวินฉีและภรรยา แต่อาเสิ้นก็เดินเข้ามาในบ้านซะก่อน"พี่บุญธรรม ท่านพอจะมีเวลาสักครู่หรือไม่ขอรับ ถ่านเตาแรกตากแดดดีแล้ว ข้าอยากพาท่านไปดู""ได้สิ งั้นอาเซียงเจ้าไปโรงงานเถอะ เดี๋ยวพวกข้าจะไปกับอาเสิ้น"อาเสิ้นลากถ่านที่เขาเก็บใส่ตะกร้าแล้ว ออกมาให้ทุกคนดู หญิงสาวหยิบถ่านขึ้นมาตรวจดู เห็นว่าทุกก้อนแห้งสนิทแล้วจริงๆจึงให้อาเสิ้นลองก่อไฟขึ้นมาดู ถ่านนี้เป็นถ่านที่ทำจากเศษไม้ต่างๆที่เก็บมารวมกัน จึงทำให้มีควันไฟค่อนข้างมาก ซ้ำยังมีกลิ่นแรง แถมแรงไฟที่ได้ก็ไม่สม่ำเสมอนางบอกให้อาเสิ้นจดข้อเสียเหล่านี้ไว้ เพราะเตาต่อไปจะลองใช้ไม้ไผ่อย่างเดียว อาเสิ้นตื่นเต้นมากอยากจะรีบไปเก็บไม้ไผ่กลับมาทดลองแต่นางบอกว่า รอให้พวกนางกลับมาจากในเมืองก่อนจะดีกว่า จะได้มีคนขึ้นเขาไปเป็นเพื่อนเมื่อเห็นว่าไม่มีธุระอะไรที่ต้องทำในบ้านแล้ว เว่ยเหนียนเหยาจึงรีบเดินทางเข้าในเมือง วันนี้นางมีงานต้องทำมากมายเลยทีเดียวเมื่อมาถึงตัวเมือง นางให้สามีและเซียนย้ง นำปลาไหลที่ได้ไปขายก่อนหานตงจึงมุ่งหน้าไปที่ภัตตาคารที่เคยนำปลาไหลมาขายในครั้งก่อน เสี่ยวเอ้อจำพวกเขาได้ก็ร้องทักอย่างดีใจ"พวก
ชุนเหมยเมื่อเห็นน้องสาวต่างสายเลือด กระวีกระวาดวิ่งออกไปหาสามีก็ส่ายหัวยิ้มๆ นางเดินออกจากห้องโถง มุ่งตรงกลับเข้าห้องนอนทันที"เวิ้นสุ่ย"เสียงราบเรียบของหญิงสาวคล้ายพูดคุยกับอากาศที่อยู่ภายในห้อง เงาดำสายหนึ่งเคลื่อนออกมาจากมุมห้องอย่างเงียบๆ"นายหญิง""เจ้าไปสืบเรื่องนั้นมาให้ข้า จำไว้ข้าต้องการเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียด"ไร้เสียงตอบรับใดๆ มีเพียงเงาดำสายนั้น ที่เลือนหายไปคล้ายไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ชุนเหมย เดินออกจากห้องไปช้าๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น"ท่านพี่ตอนที่อยู่ที่หอการค้ากลางทำไมท่านไม่ช่วยข้าออกความคิดเห็นบ้างเลยเจ้าค่ะ"หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างแง่งอน ที่สามีไม่ช่วยนางออกความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับร้านค้าที่นางจะซื้อ"ก็พี่ไม่มีความรู้เรื่องนี้ พี่ว่าร้านไหนเจ้าเห็นว่าดีพี่ก็ว่าดี พี่ล้วนเชื่อฟังเจ้าเหยาเอ๋อ"เซียงย้งกลั้นหัวเราะหน้าแดง เมื่อเห็นพี่ชายกลายสภาพเป็นแมวหนุ่มช่างออดอ้อนต่อหน้าพี่สะใภ้ ก่อนจะรีบปรับสีหน้า เมื่อเห็นสายตาพิฆาตที่พี่ชายส่งตรงมาให้"พี่สะใภ้ในเมื่อท่านยังไม่ถูกใจ ก็ค่อยๆ หาไปก็ได้ขอรับ ข้าและ พี่หานตงล้วนเชื่อฟังท่าน""อะ นั่น นั่น น่าจะใช่ร้านเหล็กที่พี่ช
"มา มาลูกสะใภ้เจ้านั่งก่อน"นางลี่สือหลิน รีบบอกให้บุตรชายประคองลูกสะใภ้นั่งลงบนเก้าอี้"น้องสาว น้องเขยตอนนี้คงสบายดีสินะ ท่าทางจะร่ำรวยกันใหญ่"ลี่ห่าวฟงบุตรชายของนางลี่สือหลิน กล่าวออกมาอย่างประชดประชัน เขามองไปมองรอบๆบ้านหลังนี้ด้วยความอิจฉา ครั้งก่อนเขาเคยขอให้มารดา ช่วยพูดกับน้องสาวและน้องเขยว่าให้ตนและภรรยาเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วย แต่คนพวกนี้ล้วนแล้งน้ำใจต่อเขากับภรรยา ดีว่ามารดาแอบส่งเงินทองไปให้เขาใช้อยู่เรื่อยๆ ชีวิตเขากับภรรยาจึงไม่ได้ลำบากอะไร"พวกข้าก็แค่มีกินมีใช้นะขอรับ ท่านพี่ภรรยา"เซียนย้งจริงๆ ไม่ค่อยจะชอบพี่ภรรยาคนนี้มากนะ เพราะเขาเป็นคนหยิบโหย่งไม่ค่อยชอบทำงานเท่าไหร่ แถมยังชอบใช้กำลังกับภรรยาของเขาและท่านแม่ยายอยู่บ่อยครั้ง"เอาละ เอาละ มากินข้าวกันเถอะ วันนี้พวกเจ้าต้องกินเยอะๆนะ อ้าวข้าลืม พวกเจ้ากินกันไปก่อน ข้าไปเอาน้ำแกงไก่ที่บ้านอาเหยาก่อน"นางลี่สือหลินออกไปไม่นานก็กลับมาพร้อมน้ำแกงไก่ถ้วยใหญ่"อาเซียงเมื่อกี้ตอนแม่ไปตักน้ำแกงไก่ เห็นกล่องใส่โสมยังวางอยู่ในครัว เห็นอาย้งบอกว่า โสมหัวนั้นราคาหลายร้อยตำลึงทอง ทำไมเอามาวางไว้อย่างนั้นละ"ซินเซียงแอบมองไปยังพี่ชาย
"ภรรยาเจ้าเร็วหน่อยเถอะ เราต้องรีบไปให้ทันรถเที่ยวเช้านะ""ท่านพี่จะรีบไปไหน ป่านนี้คนพวกนั้นยังไม่มีใครรู้หรอกน่า"นางลี่สือหลินยืนกำมือแน่นที่หน้าประตู จู่ๆประตูก็ถูกเปิดออกจากคนที่อยู่ข้างใน ห่าวฟงเห็นมารดา พร้อมน้องเขย น้องสาวยืนอยู่ก็ตกใจ พยายามตั้งสติ"ท่านแม่ ท่าน มาได้ยังไงขอรับ"นางลี่สือหลินมองดูบุตรชายที่ก้าวเท้าถอยหลังเข้าไปในบ้าน ในมือถือห่อผ้าห่อหนึ่ง"เจ้าใหญ่ พวกเจ้ารีบร้อนจะไปไหนกันแต่เช้า"นางลี่สือหลินไม่ตอบ แต่ย้อนถามบุตรชายแทน"พอ ดี แม่ภรรยาไม่ค่อยสบาย ข้าเลยจะพานางไปเยี่ยมดูอาการขอรับ"สะใภ้ตระกูลลี่เมื่อเห็นสามีส่งสายตามาให้ ก็รีบเอ่ยเสริมคำ"ใช่เจ้าค่ะท่านแม่สามี ท่านแม่ข้าไม่สบาย ข้าจึงจะรีบไปเยี่ยม อีกอย่างข้าอยากจะนำข่าวดีไปบอกท่านด้วยตัวเอง""พวกเจ้าก็เลยทำตัวเป็นบุตรเขยบุตรสาวที่ดี เอาต้นโสมไปเยี่ยมซินะ"นางลี่สือหลิน ตวาดออกไปอย่างหมดความอดทน มองมือบุตรชายที่กุมห่อผ้าแน่นเข้าไปอีก"ท่านแม่ ท่านพูดเรื่องอะไร ข้าไม่เข้าใจขอรับ""ข้าก็พูดเรื่องที่เจ้าสองสามีภรรยาเข้าไปขโมยโสมที่บ้านของอาเหยาไงละ"ห่าวฟงหน้าซีด เขารู้ตั้งแต่เห็นหน้ามารดาที่หน้าประตูแล้ว ว่าม
เว่ยเหนียนเหยายืนอยู่บนระเบียง คิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา นางนับถือนางลี่สือหลินมาก แม้จะรักบุตรชายเพียงใดแต่ก็ไม่ยอมเห็นผิดเป็นถูก กัดฟันส่งบุตรชายเข้ารับโทษที่ก่อตอนแรกนางยังคิดว่า นางลี่สือหลินจะล้มป่วยเพราะตรอมใจอยู่หลายวัน หากเพียงแค่สองวัน นางลี่สือหลินกลับลุกขึ้นไปทำงาน นางกับซินเซียงพยายามห้ามปรามขอให้พักผ่อนอีกสักหน่อยรอยยิ้มเศร้าสร้อยปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากคู่นั้น ก่อนจะกล่าวว่า" อาเหยา คนเป็นแม่จะอ่อนแอไม่ได้ ตอนนี้บุตรชายของข้ากำลังหกล้ม ข้าหวังว่า สักวันเขาจะคิดได้ และลุกขึ้นยืนใหม่ เมื่อนั้นมือคู่นี้ของข้ายังต้องช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้น"เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็น้ำตาคลอ ชาติที่แล้ว นางไม่มีพ่อแม่ ไม่เคยรับรู้ถึงความรักของพ่อแม่มาก่อน หญิงสาวคิดไปถึงต้นโสมเจ้าปัญหาต้นนั้น ที่บัดนี้ถูกนำไปเก็บไว้ในห้องของนางเป็นที่เรียบร้อยต้นโสมเพียงหนึ่งต้น แต่กลับลากดึงเอาความโลภโมโทสันภายในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ออกมาตีแผ่ นางหวังเพียงแต่ว่า ลี่ห่าวฟง จะไม่ทำให้มารดาของเขาผิดหวัง"พี่สะใภ้ พี่หานตงให้ข้ามาบอกท่านว่า วันนี้เป็นวันที่นัดกับช่างเฟิ่งไว้ขอรับ""เจ้าช่วยไปเรียกอาเสิ้นมาพบข้าหน
"พี่สะใภ้ขอรับ สำหรับสบู่ของข้า ข้าคิดออกแล้วขอรับว่าจะทำยังไง"เซียนย้งเกิดความคิดขึ้นตอนที่เขาฟังพี่สะใภ้กับทุกคนวางแผนการค้าถ่านกัน"ไหนเจ้าลองว่ามาซิ อาย้ง""ตอนนี้สบู่ของข้ามีรูปร่างเหมือนสบู่ทั่วไปที่ขายอยู่ ข้าอยากให้ท่านช่วยข้าออกแบบแม่พิมพ์ขึ้นมาใหม่ นอกจากนั้นข้าอยากมีตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ที่จะให้คนทั่วไปรู้ว่า นี่เป็นสบู่ของพวกเราด้วยขอรับ""สัญลักษณ์?""ขอรับพี่สะใภ้ ข้าอยากตั้งชื่อทางการค้าให้คนรู้ว่า สินค้าพวกนี้มาจากครอบครัวของพวกเรา""ดีๆ ข้าเห็นด้วยกับเจ้า"อาเสิ้นตาโต เขาก็อยากให้ถ่านของเขามีชื่อร้านเหมือนกัน"แล้วเจ้าคิดชื่อไว้แล้วหรือยัง หรือจะให้พวกข้าช่วยคิดให้"หญิงสาวมองดูเด็กหนุ่มทั้งสองที่กระตือรือร้น ดวงตาเป็นประกายอย่างตื่นเต้น ก็ช่วยส่งเสริม"ข้าอยากให้ร้านของข้า ชื่อ เหนียนเหยา ขอรับ"หญิงสาวตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าเซียนย้งจะเสนอชื่อนางขึ้นมา"เจ้าพอจะบอกเหตุผลข้าได้หรือไม่อาย้ง"หานตงถามขึ้น เขาพอจะรู้ใจของน้องคนนี้ดี แต่ก็อยากจะรู้ว่า จะเหมือนที่เขาคิดไว้หรือไม่"เพราะพี่สะใภ้ เป็นเสมือนแสงสว่างที่สาดเข้ามาในชีวิตของครอบครัวข้า ขับไล่ความมืดมิด ช่วยให้ข้าเห
"ท่านแม่ ท่านแม่ขอรับ ได้โปรดตื่นเถิด อย่าทิ้งข้ากับท่านพ่อไปนะขอรับ ฮือ ฮือ""ท่านพ่อ ทำไมท่านแม่ถึงนอนแน่นิ่งแบบนี้ ท่านพ่อช่วยปลุกท่านแม่หน่อยขอรับ"เสียงใครกัน หนวกหูชะมัด ฉันขอนอนนานๆหน่อยได้ไหม เว่ยเหนียนเหยา คิดในใจอย่างรำคาญ เมื่อวานนี้กว่าเธอจะปิดบัญชีของภัตตาคารหรูระดับห้าดาวเสร็จ เธอต้องเคร่งเครียดจนลืมกินลืมนอนไปหลายคืน " เจ้าใหญ่ เจ้ารอง หยุดร้องไห้ก่อนเถอะ เจ้าดูแม่เจ้าไว้ก่อน เดียวพ่อจะไปตามท่านหมอจางมาดูแม่เจ้า"เสียงอีกเสียงดังขึ้น ฟังดูก็รู้ว่า น่าจะเป็นชายหนุ่มอายุไม่เยอะเท่าไหร่ ว่าแต่ว่าพวกเขาพูดถึงใครกัน แล้วคนพวกนี้เข้ามาอยู่ในบ้านเธอได้ยังไง แย่แล้ว!!! หรือว่าจะเป็นโจร เว่ยเหนียนเหยาคิดอย่างตกใจ พยายามที่จะลืมตาขึ้น แต่กลับรู้สึกปวดหัว และเจ็บข้างหลังท้ายทอยเป็นอย่างมาก หญิงสาวค่อยๆยกมือ ลูบไปยังบริเวณที่เจ็บ พร้อมกับลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก แสงสว่างสาดเข้ากับดวงตา ทำให้ตาของเธอพร่าไปเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆคุ้นชิน หญิงสาวกวาดสายตามองดูโดยรอบนี่เธออยู่ที่ไหน ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ หรือเธอถูกโจรจับมาเรียกค่าไถ่ สารพัดคำถามที่ไร้คำตอบดังขึ้นมาในหัว แต่ก่อนที
" ท่านพ่อเร็วเข้าเถอะขอรับ ท่านแม่อาการหนักแน่ๆ""ใช่ขอรับท่านพ่อ เมื่อครู่ท่านแม่จำข้ากับพี่ใหญ่ไม่ได้ด้วยขอรับ"เสียงโวยวายของเด็กทั้งสองดังขึ้น พ่อของเด็กน่าจะพาหมอกลับมาแล้ว หญิงสาวแสร้งนอนนิ่ง เพื่อรอดูเหตุการณ์ "ท่านหมอ ท่านช่วยตรวจดูภรรยาข้าหน่อยเถอะขอรับ"น้ำเสียงทุ้มกล่าวอย่างนอบน้อม หมอชราถอนหายใจในความอยุติธรรมที่ชายหนุ่มตรงหน้าได้รับ เขาบังเอิญรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น สองครอบครัวร่วมมือกันเล่นละคร เพื่อผลักดันชายหนึ่งหญิงหนึ่งที่ตนไม่ต้องการให้กระเด็นออกมา " หานตงเอ๋ย ข้าสงสารเจ้ายิ่งนัก เวรกรรมอะไรของเจ้าหนักหนา"ชายชราส่ายหน้า พลางนั่งลงตรงข้างร่างหญิงสาว หลังจากลงมือสำรวจบาดแผล และตรวจดูชีพจร เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง จึงมอบยารักษาบาดแผลไว้ให้ หมอชราปฏิเสธที่จะรับเงินค่ารักษา ขอรับเพียงแต่เงินค่ายาเท่านั้นหลังจากที่หมอชราจากไป ชายหนุ่มจึงปลอบโยนลูกทั้งสอง ก่อนจะนำกะละมังและผ้าชุบน้ำมาเช็ดตามเนื้อตัวของภรรยา เว่ยเหนียนเหยารู้สึกซาบซึ้งใจกับสิ่งที่ชายหนุ่มปฏิบัติต่อเธอ ร่างบางค่อยๆลืมตาขึ้นมองสบเข้ากับดวงตาคู่คม เธอมองเห็นความกังวลปนเปกับความโล่งอก"เจ้ารู้สึกเ
"พี่สะใภ้ขอรับ สำหรับสบู่ของข้า ข้าคิดออกแล้วขอรับว่าจะทำยังไง"เซียนย้งเกิดความคิดขึ้นตอนที่เขาฟังพี่สะใภ้กับทุกคนวางแผนการค้าถ่านกัน"ไหนเจ้าลองว่ามาซิ อาย้ง""ตอนนี้สบู่ของข้ามีรูปร่างเหมือนสบู่ทั่วไปที่ขายอยู่ ข้าอยากให้ท่านช่วยข้าออกแบบแม่พิมพ์ขึ้นมาใหม่ นอกจากนั้นข้าอยากมีตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ที่จะให้คนทั่วไปรู้ว่า นี่เป็นสบู่ของพวกเราด้วยขอรับ""สัญลักษณ์?""ขอรับพี่สะใภ้ ข้าอยากตั้งชื่อทางการค้าให้คนรู้ว่า สินค้าพวกนี้มาจากครอบครัวของพวกเรา""ดีๆ ข้าเห็นด้วยกับเจ้า"อาเสิ้นตาโต เขาก็อยากให้ถ่านของเขามีชื่อร้านเหมือนกัน"แล้วเจ้าคิดชื่อไว้แล้วหรือยัง หรือจะให้พวกข้าช่วยคิดให้"หญิงสาวมองดูเด็กหนุ่มทั้งสองที่กระตือรือร้น ดวงตาเป็นประกายอย่างตื่นเต้น ก็ช่วยส่งเสริม"ข้าอยากให้ร้านของข้า ชื่อ เหนียนเหยา ขอรับ"หญิงสาวตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าเซียนย้งจะเสนอชื่อนางขึ้นมา"เจ้าพอจะบอกเหตุผลข้าได้หรือไม่อาย้ง"หานตงถามขึ้น เขาพอจะรู้ใจของน้องคนนี้ดี แต่ก็อยากจะรู้ว่า จะเหมือนที่เขาคิดไว้หรือไม่"เพราะพี่สะใภ้ เป็นเสมือนแสงสว่างที่สาดเข้ามาในชีวิตของครอบครัวข้า ขับไล่ความมืดมิด ช่วยให้ข้าเห
เว่ยเหนียนเหยายืนอยู่บนระเบียง คิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา นางนับถือนางลี่สือหลินมาก แม้จะรักบุตรชายเพียงใดแต่ก็ไม่ยอมเห็นผิดเป็นถูก กัดฟันส่งบุตรชายเข้ารับโทษที่ก่อตอนแรกนางยังคิดว่า นางลี่สือหลินจะล้มป่วยเพราะตรอมใจอยู่หลายวัน หากเพียงแค่สองวัน นางลี่สือหลินกลับลุกขึ้นไปทำงาน นางกับซินเซียงพยายามห้ามปรามขอให้พักผ่อนอีกสักหน่อยรอยยิ้มเศร้าสร้อยปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากคู่นั้น ก่อนจะกล่าวว่า" อาเหยา คนเป็นแม่จะอ่อนแอไม่ได้ ตอนนี้บุตรชายของข้ากำลังหกล้ม ข้าหวังว่า สักวันเขาจะคิดได้ และลุกขึ้นยืนใหม่ เมื่อนั้นมือคู่นี้ของข้ายังต้องช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้น"เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็น้ำตาคลอ ชาติที่แล้ว นางไม่มีพ่อแม่ ไม่เคยรับรู้ถึงความรักของพ่อแม่มาก่อน หญิงสาวคิดไปถึงต้นโสมเจ้าปัญหาต้นนั้น ที่บัดนี้ถูกนำไปเก็บไว้ในห้องของนางเป็นที่เรียบร้อยต้นโสมเพียงหนึ่งต้น แต่กลับลากดึงเอาความโลภโมโทสันภายในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ออกมาตีแผ่ นางหวังเพียงแต่ว่า ลี่ห่าวฟง จะไม่ทำให้มารดาของเขาผิดหวัง"พี่สะใภ้ พี่หานตงให้ข้ามาบอกท่านว่า วันนี้เป็นวันที่นัดกับช่างเฟิ่งไว้ขอรับ""เจ้าช่วยไปเรียกอาเสิ้นมาพบข้าหน
"ภรรยาเจ้าเร็วหน่อยเถอะ เราต้องรีบไปให้ทันรถเที่ยวเช้านะ""ท่านพี่จะรีบไปไหน ป่านนี้คนพวกนั้นยังไม่มีใครรู้หรอกน่า"นางลี่สือหลินยืนกำมือแน่นที่หน้าประตู จู่ๆประตูก็ถูกเปิดออกจากคนที่อยู่ข้างใน ห่าวฟงเห็นมารดา พร้อมน้องเขย น้องสาวยืนอยู่ก็ตกใจ พยายามตั้งสติ"ท่านแม่ ท่าน มาได้ยังไงขอรับ"นางลี่สือหลินมองดูบุตรชายที่ก้าวเท้าถอยหลังเข้าไปในบ้าน ในมือถือห่อผ้าห่อหนึ่ง"เจ้าใหญ่ พวกเจ้ารีบร้อนจะไปไหนกันแต่เช้า"นางลี่สือหลินไม่ตอบ แต่ย้อนถามบุตรชายแทน"พอ ดี แม่ภรรยาไม่ค่อยสบาย ข้าเลยจะพานางไปเยี่ยมดูอาการขอรับ"สะใภ้ตระกูลลี่เมื่อเห็นสามีส่งสายตามาให้ ก็รีบเอ่ยเสริมคำ"ใช่เจ้าค่ะท่านแม่สามี ท่านแม่ข้าไม่สบาย ข้าจึงจะรีบไปเยี่ยม อีกอย่างข้าอยากจะนำข่าวดีไปบอกท่านด้วยตัวเอง""พวกเจ้าก็เลยทำตัวเป็นบุตรเขยบุตรสาวที่ดี เอาต้นโสมไปเยี่ยมซินะ"นางลี่สือหลิน ตวาดออกไปอย่างหมดความอดทน มองมือบุตรชายที่กุมห่อผ้าแน่นเข้าไปอีก"ท่านแม่ ท่านพูดเรื่องอะไร ข้าไม่เข้าใจขอรับ""ข้าก็พูดเรื่องที่เจ้าสองสามีภรรยาเข้าไปขโมยโสมที่บ้านของอาเหยาไงละ"ห่าวฟงหน้าซีด เขารู้ตั้งแต่เห็นหน้ามารดาที่หน้าประตูแล้ว ว่าม
"มา มาลูกสะใภ้เจ้านั่งก่อน"นางลี่สือหลิน รีบบอกให้บุตรชายประคองลูกสะใภ้นั่งลงบนเก้าอี้"น้องสาว น้องเขยตอนนี้คงสบายดีสินะ ท่าทางจะร่ำรวยกันใหญ่"ลี่ห่าวฟงบุตรชายของนางลี่สือหลิน กล่าวออกมาอย่างประชดประชัน เขามองไปมองรอบๆบ้านหลังนี้ด้วยความอิจฉา ครั้งก่อนเขาเคยขอให้มารดา ช่วยพูดกับน้องสาวและน้องเขยว่าให้ตนและภรรยาเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วย แต่คนพวกนี้ล้วนแล้งน้ำใจต่อเขากับภรรยา ดีว่ามารดาแอบส่งเงินทองไปให้เขาใช้อยู่เรื่อยๆ ชีวิตเขากับภรรยาจึงไม่ได้ลำบากอะไร"พวกข้าก็แค่มีกินมีใช้นะขอรับ ท่านพี่ภรรยา"เซียนย้งจริงๆ ไม่ค่อยจะชอบพี่ภรรยาคนนี้มากนะ เพราะเขาเป็นคนหยิบโหย่งไม่ค่อยชอบทำงานเท่าไหร่ แถมยังชอบใช้กำลังกับภรรยาของเขาและท่านแม่ยายอยู่บ่อยครั้ง"เอาละ เอาละ มากินข้าวกันเถอะ วันนี้พวกเจ้าต้องกินเยอะๆนะ อ้าวข้าลืม พวกเจ้ากินกันไปก่อน ข้าไปเอาน้ำแกงไก่ที่บ้านอาเหยาก่อน"นางลี่สือหลินออกไปไม่นานก็กลับมาพร้อมน้ำแกงไก่ถ้วยใหญ่"อาเซียงเมื่อกี้ตอนแม่ไปตักน้ำแกงไก่ เห็นกล่องใส่โสมยังวางอยู่ในครัว เห็นอาย้งบอกว่า โสมหัวนั้นราคาหลายร้อยตำลึงทอง ทำไมเอามาวางไว้อย่างนั้นละ"ซินเซียงแอบมองไปยังพี่ชาย
ชุนเหมยเมื่อเห็นน้องสาวต่างสายเลือด กระวีกระวาดวิ่งออกไปหาสามีก็ส่ายหัวยิ้มๆ นางเดินออกจากห้องโถง มุ่งตรงกลับเข้าห้องนอนทันที"เวิ้นสุ่ย"เสียงราบเรียบของหญิงสาวคล้ายพูดคุยกับอากาศที่อยู่ภายในห้อง เงาดำสายหนึ่งเคลื่อนออกมาจากมุมห้องอย่างเงียบๆ"นายหญิง""เจ้าไปสืบเรื่องนั้นมาให้ข้า จำไว้ข้าต้องการเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียด"ไร้เสียงตอบรับใดๆ มีเพียงเงาดำสายนั้น ที่เลือนหายไปคล้ายไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ชุนเหมย เดินออกจากห้องไปช้าๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น"ท่านพี่ตอนที่อยู่ที่หอการค้ากลางทำไมท่านไม่ช่วยข้าออกความคิดเห็นบ้างเลยเจ้าค่ะ"หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างแง่งอน ที่สามีไม่ช่วยนางออกความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับร้านค้าที่นางจะซื้อ"ก็พี่ไม่มีความรู้เรื่องนี้ พี่ว่าร้านไหนเจ้าเห็นว่าดีพี่ก็ว่าดี พี่ล้วนเชื่อฟังเจ้าเหยาเอ๋อ"เซียงย้งกลั้นหัวเราะหน้าแดง เมื่อเห็นพี่ชายกลายสภาพเป็นแมวหนุ่มช่างออดอ้อนต่อหน้าพี่สะใภ้ ก่อนจะรีบปรับสีหน้า เมื่อเห็นสายตาพิฆาตที่พี่ชายส่งตรงมาให้"พี่สะใภ้ในเมื่อท่านยังไม่ถูกใจ ก็ค่อยๆ หาไปก็ได้ขอรับ ข้าและ พี่หานตงล้วนเชื่อฟังท่าน""อะ นั่น นั่น น่าจะใช่ร้านเหล็กที่พี่ช
เว่ยเหนียนเหยากำลังกล่าวขอตัวจากเหวินฉีและภรรยา แต่อาเสิ้นก็เดินเข้ามาในบ้านซะก่อน"พี่บุญธรรม ท่านพอจะมีเวลาสักครู่หรือไม่ขอรับ ถ่านเตาแรกตากแดดดีแล้ว ข้าอยากพาท่านไปดู""ได้สิ งั้นอาเซียงเจ้าไปโรงงานเถอะ เดี๋ยวพวกข้าจะไปกับอาเสิ้น"อาเสิ้นลากถ่านที่เขาเก็บใส่ตะกร้าแล้ว ออกมาให้ทุกคนดู หญิงสาวหยิบถ่านขึ้นมาตรวจดู เห็นว่าทุกก้อนแห้งสนิทแล้วจริงๆจึงให้อาเสิ้นลองก่อไฟขึ้นมาดู ถ่านนี้เป็นถ่านที่ทำจากเศษไม้ต่างๆที่เก็บมารวมกัน จึงทำให้มีควันไฟค่อนข้างมาก ซ้ำยังมีกลิ่นแรง แถมแรงไฟที่ได้ก็ไม่สม่ำเสมอนางบอกให้อาเสิ้นจดข้อเสียเหล่านี้ไว้ เพราะเตาต่อไปจะลองใช้ไม้ไผ่อย่างเดียว อาเสิ้นตื่นเต้นมากอยากจะรีบไปเก็บไม้ไผ่กลับมาทดลองแต่นางบอกว่า รอให้พวกนางกลับมาจากในเมืองก่อนจะดีกว่า จะได้มีคนขึ้นเขาไปเป็นเพื่อนเมื่อเห็นว่าไม่มีธุระอะไรที่ต้องทำในบ้านแล้ว เว่ยเหนียนเหยาจึงรีบเดินทางเข้าในเมือง วันนี้นางมีงานต้องทำมากมายเลยทีเดียวเมื่อมาถึงตัวเมือง นางให้สามีและเซียนย้ง นำปลาไหลที่ได้ไปขายก่อนหานตงจึงมุ่งหน้าไปที่ภัตตาคารที่เคยนำปลาไหลมาขายในครั้งก่อน เสี่ยวเอ้อจำพวกเขาได้ก็ร้องทักอย่างดีใจ"พวก
"อาเซียง เจ้าเดินรอข้าด้วยสิ""อาย้งเจ้าก็เดินให้เร็วหน่อยสิ พี่สะใภ้กำลังรอไก่จากข้าอยู่นะ""เดี๋ยวนี้ เจ้าหายใจเข้าหายใจออกเป็นพี่สะใภ้ ข้าชักจะน้อยใจแล้วสิ""หึ แน่นอนว่า พี่สะใภ้ของข้า ต้องสำคัญกว่าเจ้า""เจ้าพูดเช่นนี้ คอยดูเถอะ คืนนี้ข้าจะลงโทษเจ้าเช่นไร""เจ้า! ไม่ต้องพูดแล้ว รีบเดินเร็ว นี่มันหน้าบ้านท่านป้าเจ้านี่ รีบเดินเร็วๆ เข้าเถอะ เจ้าไม่กลัวหรือยังไง"ซินเซียงหันซ้ายแลขวา เนื่องจากบ้านหลังนี้เป็นบ้านของท่านป้าของเซียนย้ง แต่นางเสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว ส่วนบุตรชายกับลูกสะใภ้ก็ทำงานที่เมืองหลวง จึงปล่อยบ้านทิ้งร้างไว้เคร้ง......ปึก ปึก ปึกซินเซียงหันไปเกาะแขนเซียนย้ง หน้าขาวซีด"อา...ย้ง เจ้า..ได้ยินเสียง อะไรไหม""คงจะเป็นเสียงหนูละมั้ง ข้าว่าเรารีบไปกันดีกว่าเนอะ"เซียนย้งที่หิ้วไก่อยู่ ใช้มืออีกข้างดึงให้ซินเซียงรีบเดินตาม"อาย้ง ....อาเซียง""อา...ย้ง ได้ยินเสียงคน คนเรียก พวกเราไหม"ตอนนี้ เซียนย้งเองก็เริ่มหน้าซีดไปเหมือนกัน จับมือซินเซียงเตรียมวิ่งออกไป"อาย้ง อาเซียง นี่ข้าเอง พี่ซีเม่ย ภรรยาท่านพี่เหวินฉีไง""พี่สะใภ้ เป็นท่าน แล้วท่านพี่เหวินฉีละขอรับ"เซียนย
" พี่สะใภ้ท่านมาแล้ว ข้าจะออกไปตามก็ไม่กล้าวางมือ""อาย้ง นำโถที่ข้าเตรียมไว้ทางโน่นมา นำผ้ามาปูบนปากโถ แล้วเอาผ้าชิ้นเล็กที่ข้าตัดไว้แล้ว รัดผ้าที่วางตรงปากโถให้แน่น ข้าจะกรองน้ำมันหอมอีกรอบ"เซียนย้งทำงานคล่องแคล่ว เดี๋ยวเดียวโถพร้อมผ้ากรองก็อยู่ตรงหน้านาง นางจัดการตามขั้นตอนสุดท้ายอย่างรวดเร็วในที่สุดน้ำมันทั้งหมดก็ถูกเทใส่โถ และดอกกุหลาบก็ถูกวางใส่ผ้ากรองทิ้งไว้"พี่สะใภ้ ต้องวางไว้นานเท่าใดขอรับ""วางไว้จนกว่า น้ำมันในดอกไม้จะออกมาหมด""ดอกไม้กับน้ำมันยังเหลืออยู่ ท่านจะให้ข้าทำต่อเลยไหมขอรับ""น่าจะทำต่อได้อีกหนึ่งถังเจ้าจัดการเลย ข้าจะคอยดู"เซียนย้งจัดการตามวิธีที่จำได้ มีผิดไปบ้างแต่เว่ยเหนียนเหยาก็คอยบอกอยู่ข้างๆ จนตุ๋นน้ำมันหอมเรียบร้อย"เอาละทีนี้มาตัดสบู่กัน เจ้าไปหยิบถาดที่ใส่สบู่มา"เซียนย้งหยิบถาดที่ใส่สบู่มาหนึ่งถาด วันนี้พี่สะใภ้ทำสบู่สามถาด เขาทำเองอีกหนึ่งถาด รวมแล้วเป็นสี่ถาด เดี๋ยวถาดนี้ให้พี่สะใภ้ตัดให้เขาดู ส่วนถาดอื่นๆเขาจะขอลองตัดเองเว่ยเหนียนเหยารับถาดไม้มา จากนั้นก็ใช้มีดเล็กบางเลาะไปข้างๆถาดไม้แล้วคว่ำถาดลงเคาะเบาๆ สบู่ก็หลุดออกมา นางจับก้อนสบู่ก้อนใหญ่ไ
หญิงสาวเล่าเรื่องที่เว่ยหานหมิงเข้าหานาง ทุกคำพูด ทุกการกระทำ นางล้วนเล่าออกมาทั้งหมด นางไม่ใช่นางเอก ที่จะยอมปิดบังเรื่องต่างๆ เพื่อความสบายใจของพระเอก จนบางครั้งก็เกิดเรื่องราวใหญ่โตสำหรับนางการพูดคุยกันทุกเรื่องจะช่วยให้ชีวิตคู่ของพวกนางมั่นคงขึ้นอีกก้าว"เจ้าบอกว่าน้องเล็กเรียกเจ้าว่า อาเหยา หรือ""เจ้าค่ะ""แถมยังทำท่าอาลัยอาวรณ์เจ้าอีก""เจ้าค่ะ""ถ้าอย่างนั้นต่อไป เจ้าก็ไม่ต้องตามพี่ไปที่บ้านนั้นอีก และต่อไปพี่จะไม่เรียกเจ้าว่า อาเหยา แล้ว"อ้าว นี่นางทำให้สามีทำไหน้ำส้มหกนองหรือไร หญิงสาวเอนกายซบอกแกร่งสามีอย่างออดอ้อน"ถ้าเช่นนั้น ท่านจะเรียกข้าว่าอะไรดีเจ้าคะ""เหยาเอ๋อ พี่จะเรียกเจ้าว่า เหยาเอ๋อ ต่อไปเจ้าจะเป็นเหยาเอ๋อของพี่เพียงคนเดียว เจ้ายังจำสัญญาได้หรือไม่ ครั้งนี้เจ้าต้องมีลูกสาวอวบอ้วนให้พี่สักหลายๆ คนนะ เหยาเอ๋อ"ชายหนุ่มจับคางภรรยาขึ้นรับจุมพิตอ่อนโยนที่เขามอบให้ เขารู้ว่า นางไม่ใช่อาเหยาในอดีตที่มีใจรักต่อเว่ยหานหมิงผู้เป็นน้องชายครั้งนี้เขาตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่า จะทำตามคำสั่งบิดา ไม่จำเป็นจะไม่ไปที่บ้านหลังนั้นอีกกลิ่นกายหอมกรุ่นในอ้อมแขน ดึงสติเขาออกจากความคิ