ชุนเหมยเมื่อเห็นน้องสาวต่างสายเลือด กระวีกระวาดวิ่งออกไปหาสามีก็ส่ายหัวยิ้มๆ นางเดินออกจากห้องโถง มุ่งตรงกลับเข้าห้องนอนทันที
"เวิ้นสุ่ย" เสียงราบเรียบของหญิงสาวคล้ายพูดคุยกับอากาศที่อยู่ภายในห้อง เงาดำสายหนึ่งเคลื่อนออกมาจากมุมห้องอย่างเงียบๆ "นายหญิง" "เจ้าไปสืบเรื่องนั้นมาให้ข้า จำไว้ข้าต้องการเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียด" ไร้เสียงตอบรับใดๆ มีเพียงเงาดำสายนั้น ที่เลือนหายไปคล้ายไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ชุนเหมย เดินออกจากห้องไปช้าๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น "ท่านพี่ตอนที่อยู่ที่หอการค้ากลางทำไมท่านไม่ช่วยข้าออกความคิดเห็นบ้างเลยเจ้าค่ะ" หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างแง่งอน ที่สามีไม่ช่วยนางออกความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับร้านค้าที่นางจะซื้อ "ก็พี่ไม่มีความรู้เรื่องนี้ พี่ว่าร้านไหนเจ้าเห็นว่าดีพี่ก็ว่าดี พี่ล้วนเชื่อฟังเจ้าเหยาเอ๋อ" เซียงย้งกลั้นหัวเราะหน้าแดง เมื่อเห็นพี่ชายกลายสภาพเป็นแมวหนุ่มช่างออดอ้อนต่อหน้าพี่สะใภ้ ก่อนจะรีบปรับสีหน้า เมื่อเห็นสายตาพิฆาตที่พี่ชายส่งตรงมาให้ "พี่สะใภ้ในเมื่อท่านยังไม่ถูกใจ ก็ค่อยๆ หาไปก็ได้ขอรับ ข้าและ พี่หานตงล้วนเชื่อฟังท่าน" "อะ นั่น นั่น น่าจะใช่ร้านเหล็กที่พี่ชุนเหมยบอก เราเข้าไปดูกันเถอะเจ้าค่ะ" "ท่านลุงเจ้าคะ นี่ใช่ร้านของนายช่างเฟิ่งหรือเปล่า" "อ๋อ นั่นแหนะ นายช่างเฟิ่งอยู่ตรงนั้น" ชายชราชี้ไปที่ชายกลางคน ผิวคล้ำ รูปร่างกำยำ คนหนึ่ง "นายช่างเฟิ่ง นายช่างเฟิ่ง มีคนมาหาขอรับ" "พวกท่านเป็นใคร มีธุระอะไรกับข้าหรือ" "พอดีว่าข้าได้รับการแนะนำมา จึงอยากจะจ้างวานท่านทำของใช้บางอย่างเจ้าค่ะ" เว่ยเหนียนเหยาส่งแบบร่างสิ่งของสามอย่างที่นางวาดออกให้ช่างเฟิ่งดู ใบแรกคือเครื่องบดแบบมือหมุน ใบที่สองคือ เครื่องอัดถ่านแบบมือหมุน และใบที่สามคือ เตาอบแบบใช้ถ่านนั่นเอง นายช่างเฟิ่งมองดูของทั้งสามอย่างด้วยความแปลกใจ เขาไม่รู้ว่าไอ้เครื่องแบบที่หญิงสาวผู้นี้สั่งทำมีไว้เพื่ออะไรกันแน่ แม้ในกระดาษจะมีคำอธิบายอย่างชัดเจน แต่เขาก็ยังมีความสงสัยอยู่ดี "นายหญิงท่านนี้ แบบที่ท่านส่งให้ข้าดู ข้ายังไม่เคยทำ ข้าคงต้องขอลองทำดูก่อนขอรับ" "แล้วไม่ทราบว่า ท่านจะใช้เวลานานหรือไม่" "ช่วงนี้ไม่มีงานนอกส่งมา รวมช่างทั้งหมด ไม่เกินเจ็ดวันขอรับ" "แล้วค่าใช้จ่ายเล่าเจ้าคะ" "ใบแรก กับใบที่สองข้าคิดอย่างละ 8 ตำลึงเงิน ส่วนใบที่สามรูปร่างค่อนข้างใหญ่ ใช้เนื้อเหล็กเยอะมาก ข้าขอคิด 2ตำลึงทองขอรับ" ถือว่าเป็นราคาสูงมากทีเดียว แต่นางก็เข้าใจ สิ่งที่นางสั่งล้วนส่งให้ใช้เหล็กอย่างดี หากผลออกมาเป็นที่น่าพอใจ ลู่ทางที่นางวางไว้ จะได้กำไรมากกว่านี้หลายเท่านัก "ตกลงตามนี้เจ้าค่ะ ข้ารบกวนท่านร่างสัญญา ข้าจะวางเงินมัดจำให้ท่านก่อน 2ตำลึงทอง ส่วนที่เหลือเมื่องานเสร็จแล้ว ข้าจะมาชำระตอนรับของเจ้าค่ะ" ฝ่ายนายช่างเฟิ่งให้คนมาร่างสัญญาทันที หลังจากได้สัญญาแล้ว นางมองไปรอบๆ เห็นว่าร้านแถวนี้เป็นเหมือนตลาดนัดที่พวกพ่อค้าชอบเอาสิ่งของต่างๆ มาตั้งขาย นางจึงขอหานตงเดินดูของสักครู่ ทั้งสามเดินลัดเลาะไปตามถนนต่างๆ โดยมีหญิงสาวเป็นผู้นำ จนกระทั่งไปถึงร้านหนึ่ง ร้านขายต้นไม้ นางรีบเดินเข้าไปดูทันที "นายหญิงขอรับ ไม่ทราบว่าท่านต้องการซื้อหาสิ่งใดขอรับ ร้านของข้ามีต้นไม้หลากหลายชนิด ที่มาจากต่างแคว้นก็มีนะขอรับ" "ข้าอยากได้ดอก โม่ลี่ฮวา (มะลิ) ไป๋หลาน (จำปี) หวงหลาน (จำปา) ท่านมีหรือไม่" "ถ้าเป็นดอกไม้ เชิญทางนี้ขอรับ นี่เป็นดอกที่ท่านต้องการทั้งหมด ราคาก็แตกต่างกันไปขอรับ" "ข้าขอดอกโม่ลี่ฮว่า ขนาดนี้สามสิบต้น ไป๋หลานสิบต้น หวงหลานสิบต้น" "โม่ลี่ฮวา ราคาต้นละสิบห้าอีแปะ ไป๋หลาน หวงหลาน ท่านเลือกต้นที่โตแล้ว ข้าคิดต้นละสี่สิบอีแปะต่อต้นขอรับ รวมแล้วเป็นเงินหนึ่งตำลึงเงิน กับสองร้อยห้าสิบอีแปะขอรับ" "ข้าอยากได้ต้นโป้เหอ (มินต์) ท่านมีหรือไม่" "เชิญท่านตามมาทางนี้ขอรับ ตอนนี้โป้เหอ กำลังแตกใบสวยเลยขอรับ ตอนนี้ข้าเหลืออีกแค่สามสิบต้น หากท่านรับทั้งหมดข้าจะคิดแค่ต้นละสิบอีแปะขอรับ" "ได้ แต่ข้าซื้อของท่านเยอะขนาดนี้ ไม่ทราบว่า ท่านสามารถจัดส่งให้ข้าได้หรือไม่ " "หากเป็นในตัวเมือง ข้าสามารถจัดส่งโดยไม่คิดเงินเพิ่มขอรับ แต่ถ้าออกไปด้านนอกเมืองข้าคิดค่าส่งครั้งละ 50 อีแปะขอรับ" "แต่ข้าซื้อของท่านตั้งเยอะ ท่านน่าจะส่งให้ข้าโดยไม่คิดเงินนะ " พ่อค้ามองหน้าลูกค้ารายใหญ่อย่างหนักใจ "เอาเช่นนี้เถอะ งั้นท่านก็แถม พืชสวนครัวให้ข้าสักสี่ห้าต้นแทนแบบนี้ดีไหม" "แบบนั้นก็ได้ขอรับ แต่ว่าของที่แถมข้าต้องเลือกให้ท่านเองนะขอรับ" "ได้เลยท่านพ่อค้า อาย้งเจ้ามาอธิบายทางไปบ้านเรา ท่านพี่เชิญมาจ่ายเงินเจ้าค่ะ" สองหนุ่มเดินมาทำหน้าที่อย่างขมีขมัน ไม่ขาดตกบกพร่อง "พี่สะใภ้ ท่านซื้อต้นไม้ไปเยอะขนาดนี้ ท่านจะเอาไปทำอะไรขอรับ" นางยกยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผู้เป็นน้อง "สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นเงินเป็นทอง " เซียนย้ง "? ...? หลายวันที่ผ่านมา ครอบครัวของนางถือว่าใช้ชีวิตอย่างสงบสุข หลังจากที่ต้นไม้มาส่ง สามีของนาง เหวินฉี และ เซียนย้ง ต่างพากันช่วยนำไปปลูกในที่ดินที่ว่างอยู่ อาซ่างส่งบันทึกเรื่องของมันฝรั่งมาให้ดู พบว่ามันฝรั่งส่วนมากเริ่มมีรากงอกแล้ว นับดูจากบันทึกนั่นแสดงให้เห็นว่า มันฝรั่งพวกนี้สามารถเก็บไว้ในที่แห้งและอากาศเย็นได้เป็นสิบวันทีเดียว นางบอกให้สามีช่วยหาซื้อแกลบของชาวบ้านมาจำนวนหนึ่ง จากนั้นจึงขอกำลังพวกผู้ชาย ช่วยกันไถพรวนที่ดินขึ้นมาหนึ่งแปลง นางขุดหลุมลึกพอประมาณ นำมันฝรั่งที่รากงอกหงายขึ้นข้างบน และวางลงในหลุม แล้วก็ใช้แกลบปูทับหน้าดินจนทั่ว รดน้ำให้ชุ่ม รอเวลาให้ต้นมันฝรั่งเติบโตเป็นต้นกล้า ถึงเวลานั้นค่อยนำดินมากลบอีกครั้ง ตอนนี้นางไม่รู้ว่าต้นมันฝรั่งบนเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง ได้ยินว่ามีชาวบ้านบางส่วนเริ่มขึ้นเขาไปหาหน่อไม้และมันฝรั่งเพื่อนำมากินบ้างแล้ว นางได้แต่หวังว่า คนเหล่านั้นจะไม่มักง่ายทำลายแหล่งที่มาของอาหารที่ตัวเองต้องพึ่งพิงจนหมด จากตรงนี้นางมองเห็นอาเสิ้นกับสามี ที่กำลังทำบ่อเผาถ่านเพิ่มอีกสี่บ่อ โดยมีเซียนย้งและเหวินฉีกำลังสร้างหลังคาขึ้นมาคลุมบ่อทั้งหมด เพราะเกรงว่าหากหิมะตกจะทำให้บ่อที่สร้างเสียหายขึ้นมาได้ หญิงสาวยิ้มอย่างมีความสุข มือเรียวยกถ้วยชาขึ้นดื่ม วันนี้อากาศกำลังเย็นสบาย นางจึงขึ้นมานั่งเล่นรับลมที่ตรงระเบียงบ้าน ตรงหน้าคือแผนงานบางส่วนที่โดนขีดฆ่าไปแล้ว นางมองไปรอบๆ ตอนนี้ทุกคนในบ้านมีความสุขกันมาก มากจนใจส่วนหนึ่งของนางนึกหวั่นใจ ลางสังหรณ์บางอย่างบอกให้นางระมัดระวัง "พี่บุญธรรมท่านอยู่นี่เอง ทางร้านเชิงอี้ชิง ส่งจดหมายมาถึงท่านขอรับ" หญิงสาวเอื้อมมือไปรับจดหมายมาวางไว้ อาซ่างทำงานได้ดีกว่าที่นางคาดไว้เยอะ แม้จะมีผิดพลาดบ้าง แต่เมื่อถูกแนะนำ ก็สามารถนำมาแก้ไข และปรับปรุงไปใช้งานได้เป็นอย่างดี "อาซางตอนนี้ก็อากาศหนาวเย็นแล้ว ข้าอยากให้เจ้าช่วยวัดตัวคนงานทั้งชายหญิงให้ข้าทุกคน ข้าจะมอบเสื้อสำหรับใส่ในหน้าหนาวให้พวกเขาคนละสองตัว ผ้าห่มอีกคนละผืน" พี่บุญธรรมเขาช่างใจกว้างนัก ปรกติชาวบ้านพวกนี้ถ้าไปรับจ้างทำงานไร่ ก็จะจ้างผู้ชายวันละห้าสิบอีแปะ ส่วนผู้หญิงวันละสามสิบอีแปะ ซึ่งเป็นงานที่หนักพอสมควร แถมยังต้องนำอาหารไปกินกันเองด้วย แต่นี่นางเพิ่งขึ้นค่าแรงคนงานไป แถมตอนนี้ยังจะมอบเสื้อผ้า ผ้าห่มให้คนงานอีก จริงอยู่ว่า งานของนางขายได้ราคาที่สูงจนคนที่นี่คาดไม่ถึง แต่นี่ก็คือกฎของธรรมชาติมิใช่หรือ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก มิฉะนั้นจะเกิดความเหลื่อมล้ำในชนชั้นได้ยังไง ตัวเขาเองเมื่อก่อนนี้ แม้แต่ขนมที่กินก็เรียกได้มามาจากร้านที่มีชื่อเสียง ราคากล่องหนึ่งไม่ต่ำกว่าตำลึงทอง เงินเหรียญอีแปะ เป็นอะไรที่พวกเขาไม่เคยเห็นค่าเสียด้วยซ้ำ "ข้าทราบแล้วขอรับพี่บุญธรรม" "แล้วอาเส้า เป็นยังไงบ้าง" "ตั้งแต่ที่ท่านให้หยุดสอนเด็กๆ พี่ใหญ่ก็ตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสืออยู่ที่บ้านขอรับ" "เย็นนี้ข้าจะต้มน้ำแกงไก่กับรากบัว เดี๋ยวข้าจะแบ่งไว้ให้ พวกเจ้าก็เอาไปกินบำรุงร่างกายกัน ส่วนชาเกสรดอกบัว ถ้าหมดแล้วก็ให้รีบมาบอก ชานั้นช่วยบำรุงร่างกาย บำรุงเลือดลมได้เป็นอย่างดี" อาซ่างน้ำตารื้น คนไม่ใช่ญาติ แต่ทำไมช่างดีกับพวกเขาซะเหลือเกิน ต่างจากคนที่มีเลือดเนื้อเดียวกันดุจฟ้ากับเหวเลยจริงๆ "ขอบคุณขอรับท่านพี่บุญธรรม ถ้างั้นข้าขอตัวไปทำงานก่อนนะขอรับ" หญิงสาวหยิบจดหมายที่วางไว้เมื่อสักครู่มาเปิดดู ในที่สุดข่าวที่นางรอคอยก็มาสักที หญิงสาวกวาดสายตาไล่ไปตามตัวอักษรอย่างโล่งอก นี่ก็ได้เวลาอาหารกลางวันแล้ว โชคดีที่ตอนนี้พี่ซีเม่ยขอรับหน้าที่ทำอาหารแทนนาง นางจึงมีเวลาทำโน่นทำนี่ขึ้นมาอีกเล็กน้อย ข่าวดีที่นางพึ่งได้รับ เดี๋ยวค่อยคุยกับทุกคนตอนหลังอาหารกลางวันก็น่าจะได้ "ท่านพี่เจ้าคะ พี่ชุนเหมยส่งข่าวเรื่องบ้านสกุลหย่งมาแล้วเจ้าค่ะ" เสียงนี้ทำให้ทุกคนชะงักไปทันที หลังจากกินข้าวกันเสร็จแล้ว ทุกคนจึงย้ายมานั่งกันที่ห้องโถงนี้ ขณะที่กำลังคุยกันด้วยเรื่องสัพเพเหระ เสียงนี้กับหยุดคำพูดทุกคำลง "ได้เรื่องว่าไงบ้างเหยาเอ๋อ" หานตงถามออกมาอย่างตื่นเต้นแทนผู้เป็นพี่ "ถือว่าพี่เหวินฉีโชคดีไม่น้อย คุณชายรองนั่นไม่ได้บาดเจ็บสาหัสอะไร เห็นว่าตกใจกลัวจนเป็นลมไปมากกว่า ตอนนี้สบายดีแล้ว" "โชคดี โชคดีแล้วจริงๆ ท่านพี่เหวินฉี" เซียนย้งเข้าไปกอดพี่ชายอย่างโล่งอก เรื่องนี้ทำให้เขาวิตกมาหลายวันทีเดียว "น้องสะใภ้ แล้วทางนายท่านตะกูลหย่งว่ายังไงบ้าง" "ที่ข้าบอกว่าท่านโชคดี เพราะอีกเรื่องหนึ่งก็คือ คุณหนูสามวิ่งเล่น แล้วแอบสาวใช้เข้าไปที่ห้องท่าน ข้าก็ไม่รู้ว่านางแอบอยู่ตรงไหน แต่เป็นนางที่วิ่งไปตามนายท่านหย่งให้มาช่วยพี่ชาย และเล่าเรื่องที่นางได้ยินให้เขาฟัง นายท่านหย่งได้ชื่อว่าเป็นคนซื่อตรง เห็นบุตรชายมาถูกทำร้ายที่ห้องท่าน ประกอบกับเหตุการณ์ที่คุณหนูสามซึ่งยังเป็นเด็กเล่าให้ฟัง ก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดได้ทันที แม้เขาจะโกรธที่บุตรชายถูกทำร้าย แต่ก็ถือว่าชดใช้ให้พวกท่าน หากปัญหาก็คือ คุณชายรองคนนั้นพอหายดีก็ประกาศจะแก้แค้นท่าน เห็นว่าให้คนไปข่มขู่หลงจู๊เพื่อขอสัญญาจ้างของท่านด้วย เพียงแต่สัญญาถูกนายท่านหย่งเอาไปก่อนหน้านี้แล้ว เขาเลยต้องรามือไป" กุ๋ยซีเม่ยน้ำตาไหล นางดีใจ ดีใจมากจริง อย่างน้อยสามีของนางก็ไม่ได้ฆ่าใคร ไม่ต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ อีกต่อไป เว่ยเหนียนเหยา เข้าไปกอดนาง พลางเช็ดน้ำตาให้ "พี่สะใภ้ ต่อไปนี้ท่านก็ไม่ต้องทนอุดอู้อยู่แต่ในบ้านแล้ว สามารถไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ" "ถ้าอย่างนั้นข้าจะรีบออกไปซ่อมแซมบ้าน รบกวนพวกเจ้ามานานแล้ว" เหวินฉีพูดออกมา ด้วยรู้สึกเกรงใจครอบครัวของหานตง เว่ยเหนียนเหยารู้ใจสามีดีว่า อยากช่วยเหลือครอบครัวของพี่ชายท่านนี้ "พี่เหวินฉี พี่สะใภ้ ตอนนี้บ้านข้ามีงานมากมาย มิสู้ท่านอยู่บ้านข้า คอยช่วยงานข้ากับพี่หานตงไปก่อน ไว้เก็บเงินเก็บทองได้ท่านค่อยซ่อมแซมบ้านก็ยังไม่สาย" " ได้ ถ้ายังงั้นพวกข้าขอรบกวนพวกเจ้าไปก่อน รอเก็บเงินซ่อมบ้านได้เมื่อไหร่ พวกข้าจะรีบย้ายออกไปทันที" "อาเหยา อาเหยา อาเหยา " เสียงวิ่งดังเข้ามาพร้อมกับเสียงของนางลี่สือหลิน หญิงชราวิ่งเข้ามาด้วยความดีใจ ในตาเต็มไปด้วยความปีติ "ท่านแม่ลี่เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ เหตุใดจึงรีบวิ่งมาเช่นนี้" "อาเหยา วันนี้ข้าจะขอลางานเจ้าสักหนึ่งวัน เมื่อ เมื่อกี้บุตรชายกับลูกสะใภ้ข้ามาบอกว่า สะใภ้ข้าตั้งครรภ์แล้ว ข้าจะได้เป็นย่าคนแล้ว" นางลี่สือหลิน พูดออกมาอย่างดีใจ บุตรชายนางแต่งงานมานาน แต่ก็ยังไร้ทายาทสืบตระกูลเรื่องนี้เป็นเรื่องที่นางกังวลใจอยู่หลายปี เมื่อกี้นี้บุตรชายและสะใภ้มาแจ้งข่าวให้ทราบว่าลูกสะใภ้กำลังตั้งครรภ์นางดีใจซะเหลือเกิน ทุกคนต่างยินดีกับนางลี่สือหลินที่จะได้มีหลานไว้สืบตระกูลสมดังตั้งใจ "อาเหยาเจ้าคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม ถ้าข้าจะขอให้บุตรชายกับสะใภ้มากินข้าวที่บ้านวันนี้" "โธ่ ท่านแม่ลี่เจ้าคะ บ้านนั้นก็เป็นบ้านท่านนะเจ้าคะ" "ดี ดี อาย้ง เดี๋ยวเจ้าไปซื้อไก่มาให้ข้า ข้าจะเคี่ยวนำ้แกงไก่ให้พวกเขา" "ท่านแม่ลี่น้ำแกงไก่ข้าเคี่ยวไว้ในครัวตั้งเยอะ ตั้งใจไว้ให้ท่านพี่เอาไปส่งให้ท่านพ่อสามีด้วย เดี๋ยวลูกสะใภ้ท่านมา ท่านค่อยมาตักไปก็ได้เจ้าคะ" "งั้นเดี๋ยวอาย้งเจ้าไปกับข้า ไปช่วยข้าดูแลจัดบ้านจัดช่องใหม่สักหน่อย ไปไป" นางลี่สือหลินเดินนำเซียงย้งกลับบ้านอย่างลนลาน ในใจนางตอนนี้มีแต่คำว่าหลานชายอยู่ในหัวเต็มไปหมด"มา มาลูกสะใภ้เจ้านั่งก่อน"นางลี่สือหลิน รีบบอกให้บุตรชายประคองลูกสะใภ้นั่งลงบนเก้าอี้"น้องสาว น้องเขยตอนนี้คงสบายดีสินะ ท่าทางจะร่ำรวยกันใหญ่"ลี่ห่าวฟงบุตรชายของนางลี่สือหลิน กล่าวออกมาอย่างประชดประชัน เขามองไปมองรอบๆบ้านหลังนี้ด้วยความอิจฉา ครั้งก่อนเขาเคยขอให้มารดา ช่วยพูดกับน้องสาวและน้องเขยว่าให้ตนและภรรยาเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วย แต่คนพวกนี้ล้วนแล้งน้ำใจต่อเขากับภรรยา ดีว่ามารดาแอบส่งเงินทองไปให้เขาใช้อยู่เรื่อยๆ ชีวิตเขากับภรรยาจึงไม่ได้ลำบากอะไร"พวกข้าก็แค่มีกินมีใช้นะขอรับ ท่านพี่ภรรยา"เซียนย้งจริงๆ ไม่ค่อยจะชอบพี่ภรรยาคนนี้มากนะ เพราะเขาเป็นคนหยิบโหย่งไม่ค่อยชอบทำงานเท่าไหร่ แถมยังชอบใช้กำลังกับภรรยาของเขาและท่านแม่ยายอยู่บ่อยครั้ง"เอาละ เอาละ มากินข้าวกันเถอะ วันนี้พวกเจ้าต้องกินเยอะๆนะ อ้าวข้าลืม พวกเจ้ากินกันไปก่อน ข้าไปเอาน้ำแกงไก่ที่บ้านอาเหยาก่อน"นางลี่สือหลินออกไปไม่นานก็กลับมาพร้อมน้ำแกงไก่ถ้วยใหญ่"อาเซียงเมื่อกี้ตอนแม่ไปตักน้ำแกงไก่ เห็นกล่องใส่โสมยังวางอยู่ในครัว เห็นอาย้งบอกว่า โสมหัวนั้นราคาหลายร้อยตำลึงทอง ทำไมเอามาวางไว้อย่างนั้นละ"ซินเซียงแอบมองไปยังพี่ชาย
"ภรรยาเจ้าเร็วหน่อยเถอะ เราต้องรีบไปให้ทันรถเที่ยวเช้านะ""ท่านพี่จะรีบไปไหน ป่านนี้คนพวกนั้นยังไม่มีใครรู้หรอกน่า"นางลี่สือหลินยืนกำมือแน่นที่หน้าประตู จู่ๆประตูก็ถูกเปิดออกจากคนที่อยู่ข้างใน ห่าวฟงเห็นมารดา พร้อมน้องเขย น้องสาวยืนอยู่ก็ตกใจ พยายามตั้งสติ"ท่านแม่ ท่าน มาได้ยังไงขอรับ"นางลี่สือหลินมองดูบุตรชายที่ก้าวเท้าถอยหลังเข้าไปในบ้าน ในมือถือห่อผ้าห่อหนึ่ง"เจ้าใหญ่ พวกเจ้ารีบร้อนจะไปไหนกันแต่เช้า"นางลี่สือหลินไม่ตอบ แต่ย้อนถามบุตรชายแทน"พอ ดี แม่ภรรยาไม่ค่อยสบาย ข้าเลยจะพานางไปเยี่ยมดูอาการขอรับ"สะใภ้ตระกูลลี่เมื่อเห็นสามีส่งสายตามาให้ ก็รีบเอ่ยเสริมคำ"ใช่เจ้าค่ะท่านแม่สามี ท่านแม่ข้าไม่สบาย ข้าจึงจะรีบไปเยี่ยม อีกอย่างข้าอยากจะนำข่าวดีไปบอกท่านด้วยตัวเอง""พวกเจ้าก็เลยทำตัวเป็นบุตรเขยบุตรสาวที่ดี เอาต้นโสมไปเยี่ยมซินะ"นางลี่สือหลิน ตวาดออกไปอย่างหมดความอดทน มองมือบุตรชายที่กุมห่อผ้าแน่นเข้าไปอีก"ท่านแม่ ท่านพูดเรื่องอะไร ข้าไม่เข้าใจขอรับ""ข้าก็พูดเรื่องที่เจ้าสองสามีภรรยาเข้าไปขโมยโสมที่บ้านของอาเหยาไงละ"ห่าวฟงหน้าซีด เขารู้ตั้งแต่เห็นหน้ามารดาที่หน้าประตูแล้ว ว่าม
เว่ยเหนียนเหยายืนอยู่บนระเบียง คิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา นางนับถือนางลี่สือหลินมาก แม้จะรักบุตรชายเพียงใดแต่ก็ไม่ยอมเห็นผิดเป็นถูก กัดฟันส่งบุตรชายเข้ารับโทษที่ก่อตอนแรกนางยังคิดว่า นางลี่สือหลินจะล้มป่วยเพราะตรอมใจอยู่หลายวัน หากเพียงแค่สองวัน นางลี่สือหลินกลับลุกขึ้นไปทำงาน นางกับซินเซียงพยายามห้ามปรามขอให้พักผ่อนอีกสักหน่อยรอยยิ้มเศร้าสร้อยปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากคู่นั้น ก่อนจะกล่าวว่า" อาเหยา คนเป็นแม่จะอ่อนแอไม่ได้ ตอนนี้บุตรชายของข้ากำลังหกล้ม ข้าหวังว่า สักวันเขาจะคิดได้ และลุกขึ้นยืนใหม่ เมื่อนั้นมือคู่นี้ของข้ายังต้องช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้น"เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็น้ำตาคลอ ชาติที่แล้ว นางไม่มีพ่อแม่ ไม่เคยรับรู้ถึงความรักของพ่อแม่มาก่อน หญิงสาวคิดไปถึงต้นโสมเจ้าปัญหาต้นนั้น ที่บัดนี้ถูกนำไปเก็บไว้ในห้องของนางเป็นที่เรียบร้อยต้นโสมเพียงหนึ่งต้น แต่กลับลากดึงเอาความโลภโมโทสันภายในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ออกมาตีแผ่ นางหวังเพียงแต่ว่า ลี่ห่าวฟง จะไม่ทำให้มารดาของเขาผิดหวัง"พี่สะใภ้ พี่หานตงให้ข้ามาบอกท่านว่า วันนี้เป็นวันที่นัดกับช่างเฟิ่งไว้ขอรับ""เจ้าช่วยไปเรียกอาเสิ้นมาพบข้าหน
"พี่สะใภ้ขอรับ สำหรับสบู่ของข้า ข้าคิดออกแล้วขอรับว่าจะทำยังไง"เซียนย้งเกิดความคิดขึ้นตอนที่เขาฟังพี่สะใภ้กับทุกคนวางแผนการค้าถ่านกัน"ไหนเจ้าลองว่ามาซิ อาย้ง""ตอนนี้สบู่ของข้ามีรูปร่างเหมือนสบู่ทั่วไปที่ขายอยู่ ข้าอยากให้ท่านช่วยข้าออกแบบแม่พิมพ์ขึ้นมาใหม่ นอกจากนั้นข้าอยากมีตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ที่จะให้คนทั่วไปรู้ว่า นี่เป็นสบู่ของพวกเราด้วยขอรับ""สัญลักษณ์?""ขอรับพี่สะใภ้ ข้าอยากตั้งชื่อทางการค้าให้คนรู้ว่า สินค้าพวกนี้มาจากครอบครัวของพวกเรา""ดีๆ ข้าเห็นด้วยกับเจ้า"อาเสิ้นตาโต เขาก็อยากให้ถ่านของเขามีชื่อร้านเหมือนกัน"แล้วเจ้าคิดชื่อไว้แล้วหรือยัง หรือจะให้พวกข้าช่วยคิดให้"หญิงสาวมองดูเด็กหนุ่มทั้งสองที่กระตือรือร้น ดวงตาเป็นประกายอย่างตื่นเต้น ก็ช่วยส่งเสริม"ข้าอยากให้ร้านของข้า ชื่อ เหนียนเหยา ขอรับ"หญิงสาวตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าเซียนย้งจะเสนอชื่อนางขึ้นมา"เจ้าพอจะบอกเหตุผลข้าได้หรือไม่อาย้ง"หานตงถามขึ้น เขาพอจะรู้ใจของน้องคนนี้ดี แต่ก็อยากจะรู้ว่า จะเหมือนที่เขาคิดไว้หรือไม่"เพราะพี่สะใภ้ เป็นเสมือนแสงสว่างที่สาดเข้ามาในชีวิตของครอบครัวข้า ขับไล่ความมืดมิด ช่วยให้ข้าเห
"ท่านแม่ ท่านแม่ขอรับ ได้โปรดตื่นเถิด อย่าทิ้งข้ากับท่านพ่อไปนะขอรับ ฮือ ฮือ""ท่านพ่อ ทำไมท่านแม่ถึงนอนแน่นิ่งแบบนี้ ท่านพ่อช่วยปลุกท่านแม่หน่อยขอรับ"เสียงใครกัน หนวกหูชะมัด ฉันขอนอนนานๆหน่อยได้ไหม เว่ยเหนียนเหยา คิดในใจอย่างรำคาญ เมื่อวานนี้กว่าเธอจะปิดบัญชีของภัตตาคารหรูระดับห้าดาวเสร็จ เธอต้องเคร่งเครียดจนลืมกินลืมนอนไปหลายคืน " เจ้าใหญ่ เจ้ารอง หยุดร้องไห้ก่อนเถอะ เจ้าดูแม่เจ้าไว้ก่อน เดียวพ่อจะไปตามท่านหมอจางมาดูแม่เจ้า"เสียงอีกเสียงดังขึ้น ฟังดูก็รู้ว่า น่าจะเป็นชายหนุ่มอายุไม่เยอะเท่าไหร่ ว่าแต่ว่าพวกเขาพูดถึงใครกัน แล้วคนพวกนี้เข้ามาอยู่ในบ้านเธอได้ยังไง แย่แล้ว!!! หรือว่าจะเป็นโจร เว่ยเหนียนเหยาคิดอย่างตกใจ พยายามที่จะลืมตาขึ้น แต่กลับรู้สึกปวดหัว และเจ็บข้างหลังท้ายทอยเป็นอย่างมาก หญิงสาวค่อยๆยกมือ ลูบไปยังบริเวณที่เจ็บ พร้อมกับลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก แสงสว่างสาดเข้ากับดวงตา ทำให้ตาของเธอพร่าไปเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆคุ้นชิน หญิงสาวกวาดสายตามองดูโดยรอบนี่เธออยู่ที่ไหน ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ หรือเธอถูกโจรจับมาเรียกค่าไถ่ สารพัดคำถามที่ไร้คำตอบดังขึ้นมาในหัว แต่ก่อนที
" ท่านพ่อเร็วเข้าเถอะขอรับ ท่านแม่อาการหนักแน่ๆ""ใช่ขอรับท่านพ่อ เมื่อครู่ท่านแม่จำข้ากับพี่ใหญ่ไม่ได้ด้วยขอรับ"เสียงโวยวายของเด็กทั้งสองดังขึ้น พ่อของเด็กน่าจะพาหมอกลับมาแล้ว หญิงสาวแสร้งนอนนิ่ง เพื่อรอดูเหตุการณ์ "ท่านหมอ ท่านช่วยตรวจดูภรรยาข้าหน่อยเถอะขอรับ"น้ำเสียงทุ้มกล่าวอย่างนอบน้อม หมอชราถอนหายใจในความอยุติธรรมที่ชายหนุ่มตรงหน้าได้รับ เขาบังเอิญรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น สองครอบครัวร่วมมือกันเล่นละคร เพื่อผลักดันชายหนึ่งหญิงหนึ่งที่ตนไม่ต้องการให้กระเด็นออกมา " หานตงเอ๋ย ข้าสงสารเจ้ายิ่งนัก เวรกรรมอะไรของเจ้าหนักหนา"ชายชราส่ายหน้า พลางนั่งลงตรงข้างร่างหญิงสาว หลังจากลงมือสำรวจบาดแผล และตรวจดูชีพจร เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง จึงมอบยารักษาบาดแผลไว้ให้ หมอชราปฏิเสธที่จะรับเงินค่ารักษา ขอรับเพียงแต่เงินค่ายาเท่านั้นหลังจากที่หมอชราจากไป ชายหนุ่มจึงปลอบโยนลูกทั้งสอง ก่อนจะนำกะละมังและผ้าชุบน้ำมาเช็ดตามเนื้อตัวของภรรยา เว่ยเหนียนเหยารู้สึกซาบซึ้งใจกับสิ่งที่ชายหนุ่มปฏิบัติต่อเธอ ร่างบางค่อยๆลืมตาขึ้นมองสบเข้ากับดวงตาคู่คม เธอมองเห็นความกังวลปนเปกับความโล่งอก"เจ้ารู้สึกเ
สองสามีภรรยาเดินขึ้นเขาอย่างเร่งรีบ เมื่อเดินไปถึงแค่ตีนเขา กลับพบกอไผ่ขึ้นอยู่อย่างมากมาย ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็พบกับความเขียวชอุ่ม นับว่าเป็นภูเขาที่มีความอุดมสมบูรณ์ไม่น้อยเว่ยเหนียนเหยารีบเดินเข้าไปสำรวจตรงกอไผ่ทันที หลังจากที่แหวกดูดวงตาก็เปล่งประกาย"ท่านพี่ ท่านมาช่วยข้าขุดหน่อไม้หน่อยเถิด เราจะได้นำกลับไปเป็นอาหารที่บ้าน""หน่อไม้พวกนี้มีรสฝาดไม่เหมาะจะนำไปเป็นอาหารหรอก"ชายหนุ่มส่ายหน้ากับความไม่รู้ของผู้เป็นภรรยา หญิงสาวหาได้ถือสา ด้วยเข้าใจว่าผู้คนในอดีตย่อมไม่รู้ว่าควรนำหน่อไม้มาปรุงอาหารเช่นไรนางเพียงขุดขึ้นมาเป็นตัวอย่างให้สามีดู พลางเน้นย้ำว่า ให้ขุดขึ้นมาให้เยอะหน่อยเท่านั้น เมื่อเห็นว่าสามีไม่ปฏิเสธ หญิงสาวจึงค่อยๆ เดินสำรวจไปทางอื่นนางหยุดมองที่ต้นไม้กอใหญ่กอหนึ่ง หลังจากที่พิจารณาอยู่ชั่วครู่ ก็ตัดสินใจขุดลงไปในดินใต้ต้นไม้นั้นสิ่งที่ปรากฏอยู่ในดินทำให้หญิงสาวยิ้มแก้วปริ อย่างน้อยๆ สิ่งนี้ก็ช่วยให้นางและครอบครัวรอดพ้นจากความหิวโหยไปได้พักใหญ่สองมือเรียวค่อยๆ นำสิ่งที่อยู่ในดินขึ้นมา มันฝรั่งหัวใหญ่ถูกดึงขึ้นมาใส่ลงไปในตะกร้าจนเต็มก่อนที่หญิงสาวจะเดินกลับไปหาสามี
ด้วยประสบการณ์ความยากจนที่เคยผ่านมา เรื่องการจุดไฟทำอาหารไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับนางหญิงสาวนำหม้อเก่าใบหนึ่งขึ้นมาใส่น้ำก่อนจะหั่นปลาเป็นชิ้นๆ ลงไปต้มในหม้อ หลังจากควบคุมไฟไม่ให้แรงจนเกินไป จากนั้นนางจึงนำมันฝรั่งออกมาปอกเปลือกและหั่นทิ้งไว้ มองดูปลาที่ต้มไว้มีฟองลอยอยู่ไม่น้อยจึงค่อยๆ ตักฟองคาวออก รอจนกระทั่งไม่มีฟองขึ้นมาอีก จากนั้นจึงใส่เกลือลงไปเล็กน้อยนางตักน้ำแกงขึ้นมาชิม รสชาติความหวานของเนื้อปลาบวกกับความเค็มของเกลือ แม้จะยังไม่ใช่อาหารเลิศรสแต่ก็น่าจะประทังความหิวไปได้เมื่อยกหม้อปลาลง นางรีบนำกระทะขึ้นตั้งไฟ ใส่น้ำลงไปเล็กน้อย นำมันฝรั่งลงไปผัดจนสุก จากนั้นปรุงรสชาติด้วยเกลืออีกหน่อยปลาสองตัวกับมันฝรั่งพวกนี้น่าจะช่วยให้มื้อนี้ของครอบครัวผ่านไปด้วยดี นางรีบนำอาหารออกไปวางบนโต๊ะกินข้าว ภายในบ้านไม่มีใครอยู่ กลับปรากฏเสียงดังอยู่ด้านนอกเว่ยเหนียนเหยาเดินออกไปตามเสียง พบว่าสามีกำลังทำความสะอาดอุปกรณ์ที่นำไปขึ้นเขา ส่วนบุตรชายทั้งสองก็นั่งเล่นกันอยู่ข้าง ๆ"ท่านพี่ เจ้าใหญ่ เจ้ารอง มากินอาหารกันเถอะ"เด็กทั้งสองเมื่อได้ยินเสียงมารดาเรียก ก็รีบวิ่งกรูเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว หญิงสาว
"พี่สะใภ้ขอรับ สำหรับสบู่ของข้า ข้าคิดออกแล้วขอรับว่าจะทำยังไง"เซียนย้งเกิดความคิดขึ้นตอนที่เขาฟังพี่สะใภ้กับทุกคนวางแผนการค้าถ่านกัน"ไหนเจ้าลองว่ามาซิ อาย้ง""ตอนนี้สบู่ของข้ามีรูปร่างเหมือนสบู่ทั่วไปที่ขายอยู่ ข้าอยากให้ท่านช่วยข้าออกแบบแม่พิมพ์ขึ้นมาใหม่ นอกจากนั้นข้าอยากมีตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ที่จะให้คนทั่วไปรู้ว่า นี่เป็นสบู่ของพวกเราด้วยขอรับ""สัญลักษณ์?""ขอรับพี่สะใภ้ ข้าอยากตั้งชื่อทางการค้าให้คนรู้ว่า สินค้าพวกนี้มาจากครอบครัวของพวกเรา""ดีๆ ข้าเห็นด้วยกับเจ้า"อาเสิ้นตาโต เขาก็อยากให้ถ่านของเขามีชื่อร้านเหมือนกัน"แล้วเจ้าคิดชื่อไว้แล้วหรือยัง หรือจะให้พวกข้าช่วยคิดให้"หญิงสาวมองดูเด็กหนุ่มทั้งสองที่กระตือรือร้น ดวงตาเป็นประกายอย่างตื่นเต้น ก็ช่วยส่งเสริม"ข้าอยากให้ร้านของข้า ชื่อ เหนียนเหยา ขอรับ"หญิงสาวตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าเซียนย้งจะเสนอชื่อนางขึ้นมา"เจ้าพอจะบอกเหตุผลข้าได้หรือไม่อาย้ง"หานตงถามขึ้น เขาพอจะรู้ใจของน้องคนนี้ดี แต่ก็อยากจะรู้ว่า จะเหมือนที่เขาคิดไว้หรือไม่"เพราะพี่สะใภ้ เป็นเสมือนแสงสว่างที่สาดเข้ามาในชีวิตของครอบครัวข้า ขับไล่ความมืดมิด ช่วยให้ข้าเห
เว่ยเหนียนเหยายืนอยู่บนระเบียง คิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา นางนับถือนางลี่สือหลินมาก แม้จะรักบุตรชายเพียงใดแต่ก็ไม่ยอมเห็นผิดเป็นถูก กัดฟันส่งบุตรชายเข้ารับโทษที่ก่อตอนแรกนางยังคิดว่า นางลี่สือหลินจะล้มป่วยเพราะตรอมใจอยู่หลายวัน หากเพียงแค่สองวัน นางลี่สือหลินกลับลุกขึ้นไปทำงาน นางกับซินเซียงพยายามห้ามปรามขอให้พักผ่อนอีกสักหน่อยรอยยิ้มเศร้าสร้อยปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากคู่นั้น ก่อนจะกล่าวว่า" อาเหยา คนเป็นแม่จะอ่อนแอไม่ได้ ตอนนี้บุตรชายของข้ากำลังหกล้ม ข้าหวังว่า สักวันเขาจะคิดได้ และลุกขึ้นยืนใหม่ เมื่อนั้นมือคู่นี้ของข้ายังต้องช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้น"เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็น้ำตาคลอ ชาติที่แล้ว นางไม่มีพ่อแม่ ไม่เคยรับรู้ถึงความรักของพ่อแม่มาก่อน หญิงสาวคิดไปถึงต้นโสมเจ้าปัญหาต้นนั้น ที่บัดนี้ถูกนำไปเก็บไว้ในห้องของนางเป็นที่เรียบร้อยต้นโสมเพียงหนึ่งต้น แต่กลับลากดึงเอาความโลภโมโทสันภายในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ออกมาตีแผ่ นางหวังเพียงแต่ว่า ลี่ห่าวฟง จะไม่ทำให้มารดาของเขาผิดหวัง"พี่สะใภ้ พี่หานตงให้ข้ามาบอกท่านว่า วันนี้เป็นวันที่นัดกับช่างเฟิ่งไว้ขอรับ""เจ้าช่วยไปเรียกอาเสิ้นมาพบข้าหน
"ภรรยาเจ้าเร็วหน่อยเถอะ เราต้องรีบไปให้ทันรถเที่ยวเช้านะ""ท่านพี่จะรีบไปไหน ป่านนี้คนพวกนั้นยังไม่มีใครรู้หรอกน่า"นางลี่สือหลินยืนกำมือแน่นที่หน้าประตู จู่ๆประตูก็ถูกเปิดออกจากคนที่อยู่ข้างใน ห่าวฟงเห็นมารดา พร้อมน้องเขย น้องสาวยืนอยู่ก็ตกใจ พยายามตั้งสติ"ท่านแม่ ท่าน มาได้ยังไงขอรับ"นางลี่สือหลินมองดูบุตรชายที่ก้าวเท้าถอยหลังเข้าไปในบ้าน ในมือถือห่อผ้าห่อหนึ่ง"เจ้าใหญ่ พวกเจ้ารีบร้อนจะไปไหนกันแต่เช้า"นางลี่สือหลินไม่ตอบ แต่ย้อนถามบุตรชายแทน"พอ ดี แม่ภรรยาไม่ค่อยสบาย ข้าเลยจะพานางไปเยี่ยมดูอาการขอรับ"สะใภ้ตระกูลลี่เมื่อเห็นสามีส่งสายตามาให้ ก็รีบเอ่ยเสริมคำ"ใช่เจ้าค่ะท่านแม่สามี ท่านแม่ข้าไม่สบาย ข้าจึงจะรีบไปเยี่ยม อีกอย่างข้าอยากจะนำข่าวดีไปบอกท่านด้วยตัวเอง""พวกเจ้าก็เลยทำตัวเป็นบุตรเขยบุตรสาวที่ดี เอาต้นโสมไปเยี่ยมซินะ"นางลี่สือหลิน ตวาดออกไปอย่างหมดความอดทน มองมือบุตรชายที่กุมห่อผ้าแน่นเข้าไปอีก"ท่านแม่ ท่านพูดเรื่องอะไร ข้าไม่เข้าใจขอรับ""ข้าก็พูดเรื่องที่เจ้าสองสามีภรรยาเข้าไปขโมยโสมที่บ้านของอาเหยาไงละ"ห่าวฟงหน้าซีด เขารู้ตั้งแต่เห็นหน้ามารดาที่หน้าประตูแล้ว ว่าม
"มา มาลูกสะใภ้เจ้านั่งก่อน"นางลี่สือหลิน รีบบอกให้บุตรชายประคองลูกสะใภ้นั่งลงบนเก้าอี้"น้องสาว น้องเขยตอนนี้คงสบายดีสินะ ท่าทางจะร่ำรวยกันใหญ่"ลี่ห่าวฟงบุตรชายของนางลี่สือหลิน กล่าวออกมาอย่างประชดประชัน เขามองไปมองรอบๆบ้านหลังนี้ด้วยความอิจฉา ครั้งก่อนเขาเคยขอให้มารดา ช่วยพูดกับน้องสาวและน้องเขยว่าให้ตนและภรรยาเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วย แต่คนพวกนี้ล้วนแล้งน้ำใจต่อเขากับภรรยา ดีว่ามารดาแอบส่งเงินทองไปให้เขาใช้อยู่เรื่อยๆ ชีวิตเขากับภรรยาจึงไม่ได้ลำบากอะไร"พวกข้าก็แค่มีกินมีใช้นะขอรับ ท่านพี่ภรรยา"เซียนย้งจริงๆ ไม่ค่อยจะชอบพี่ภรรยาคนนี้มากนะ เพราะเขาเป็นคนหยิบโหย่งไม่ค่อยชอบทำงานเท่าไหร่ แถมยังชอบใช้กำลังกับภรรยาของเขาและท่านแม่ยายอยู่บ่อยครั้ง"เอาละ เอาละ มากินข้าวกันเถอะ วันนี้พวกเจ้าต้องกินเยอะๆนะ อ้าวข้าลืม พวกเจ้ากินกันไปก่อน ข้าไปเอาน้ำแกงไก่ที่บ้านอาเหยาก่อน"นางลี่สือหลินออกไปไม่นานก็กลับมาพร้อมน้ำแกงไก่ถ้วยใหญ่"อาเซียงเมื่อกี้ตอนแม่ไปตักน้ำแกงไก่ เห็นกล่องใส่โสมยังวางอยู่ในครัว เห็นอาย้งบอกว่า โสมหัวนั้นราคาหลายร้อยตำลึงทอง ทำไมเอามาวางไว้อย่างนั้นละ"ซินเซียงแอบมองไปยังพี่ชาย
ชุนเหมยเมื่อเห็นน้องสาวต่างสายเลือด กระวีกระวาดวิ่งออกไปหาสามีก็ส่ายหัวยิ้มๆ นางเดินออกจากห้องโถง มุ่งตรงกลับเข้าห้องนอนทันที"เวิ้นสุ่ย"เสียงราบเรียบของหญิงสาวคล้ายพูดคุยกับอากาศที่อยู่ภายในห้อง เงาดำสายหนึ่งเคลื่อนออกมาจากมุมห้องอย่างเงียบๆ"นายหญิง""เจ้าไปสืบเรื่องนั้นมาให้ข้า จำไว้ข้าต้องการเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียด"ไร้เสียงตอบรับใดๆ มีเพียงเงาดำสายนั้น ที่เลือนหายไปคล้ายไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ชุนเหมย เดินออกจากห้องไปช้าๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น"ท่านพี่ตอนที่อยู่ที่หอการค้ากลางทำไมท่านไม่ช่วยข้าออกความคิดเห็นบ้างเลยเจ้าค่ะ"หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างแง่งอน ที่สามีไม่ช่วยนางออกความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับร้านค้าที่นางจะซื้อ"ก็พี่ไม่มีความรู้เรื่องนี้ พี่ว่าร้านไหนเจ้าเห็นว่าดีพี่ก็ว่าดี พี่ล้วนเชื่อฟังเจ้าเหยาเอ๋อ"เซียงย้งกลั้นหัวเราะหน้าแดง เมื่อเห็นพี่ชายกลายสภาพเป็นแมวหนุ่มช่างออดอ้อนต่อหน้าพี่สะใภ้ ก่อนจะรีบปรับสีหน้า เมื่อเห็นสายตาพิฆาตที่พี่ชายส่งตรงมาให้"พี่สะใภ้ในเมื่อท่านยังไม่ถูกใจ ก็ค่อยๆ หาไปก็ได้ขอรับ ข้าและ พี่หานตงล้วนเชื่อฟังท่าน""อะ นั่น นั่น น่าจะใช่ร้านเหล็กที่พี่ช
เว่ยเหนียนเหยากำลังกล่าวขอตัวจากเหวินฉีและภรรยา แต่อาเสิ้นก็เดินเข้ามาในบ้านซะก่อน"พี่บุญธรรม ท่านพอจะมีเวลาสักครู่หรือไม่ขอรับ ถ่านเตาแรกตากแดดดีแล้ว ข้าอยากพาท่านไปดู""ได้สิ งั้นอาเซียงเจ้าไปโรงงานเถอะ เดี๋ยวพวกข้าจะไปกับอาเสิ้น"อาเสิ้นลากถ่านที่เขาเก็บใส่ตะกร้าแล้ว ออกมาให้ทุกคนดู หญิงสาวหยิบถ่านขึ้นมาตรวจดู เห็นว่าทุกก้อนแห้งสนิทแล้วจริงๆจึงให้อาเสิ้นลองก่อไฟขึ้นมาดู ถ่านนี้เป็นถ่านที่ทำจากเศษไม้ต่างๆที่เก็บมารวมกัน จึงทำให้มีควันไฟค่อนข้างมาก ซ้ำยังมีกลิ่นแรง แถมแรงไฟที่ได้ก็ไม่สม่ำเสมอนางบอกให้อาเสิ้นจดข้อเสียเหล่านี้ไว้ เพราะเตาต่อไปจะลองใช้ไม้ไผ่อย่างเดียว อาเสิ้นตื่นเต้นมากอยากจะรีบไปเก็บไม้ไผ่กลับมาทดลองแต่นางบอกว่า รอให้พวกนางกลับมาจากในเมืองก่อนจะดีกว่า จะได้มีคนขึ้นเขาไปเป็นเพื่อนเมื่อเห็นว่าไม่มีธุระอะไรที่ต้องทำในบ้านแล้ว เว่ยเหนียนเหยาจึงรีบเดินทางเข้าในเมือง วันนี้นางมีงานต้องทำมากมายเลยทีเดียวเมื่อมาถึงตัวเมือง นางให้สามีและเซียนย้ง นำปลาไหลที่ได้ไปขายก่อนหานตงจึงมุ่งหน้าไปที่ภัตตาคารที่เคยนำปลาไหลมาขายในครั้งก่อน เสี่ยวเอ้อจำพวกเขาได้ก็ร้องทักอย่างดีใจ"พวก
"อาเซียง เจ้าเดินรอข้าด้วยสิ""อาย้งเจ้าก็เดินให้เร็วหน่อยสิ พี่สะใภ้กำลังรอไก่จากข้าอยู่นะ""เดี๋ยวนี้ เจ้าหายใจเข้าหายใจออกเป็นพี่สะใภ้ ข้าชักจะน้อยใจแล้วสิ""หึ แน่นอนว่า พี่สะใภ้ของข้า ต้องสำคัญกว่าเจ้า""เจ้าพูดเช่นนี้ คอยดูเถอะ คืนนี้ข้าจะลงโทษเจ้าเช่นไร""เจ้า! ไม่ต้องพูดแล้ว รีบเดินเร็ว นี่มันหน้าบ้านท่านป้าเจ้านี่ รีบเดินเร็วๆ เข้าเถอะ เจ้าไม่กลัวหรือยังไง"ซินเซียงหันซ้ายแลขวา เนื่องจากบ้านหลังนี้เป็นบ้านของท่านป้าของเซียนย้ง แต่นางเสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว ส่วนบุตรชายกับลูกสะใภ้ก็ทำงานที่เมืองหลวง จึงปล่อยบ้านทิ้งร้างไว้เคร้ง......ปึก ปึก ปึกซินเซียงหันไปเกาะแขนเซียนย้ง หน้าขาวซีด"อา...ย้ง เจ้า..ได้ยินเสียง อะไรไหม""คงจะเป็นเสียงหนูละมั้ง ข้าว่าเรารีบไปกันดีกว่าเนอะ"เซียนย้งที่หิ้วไก่อยู่ ใช้มืออีกข้างดึงให้ซินเซียงรีบเดินตาม"อาย้ง ....อาเซียง""อา...ย้ง ได้ยินเสียงคน คนเรียก พวกเราไหม"ตอนนี้ เซียนย้งเองก็เริ่มหน้าซีดไปเหมือนกัน จับมือซินเซียงเตรียมวิ่งออกไป"อาย้ง อาเซียง นี่ข้าเอง พี่ซีเม่ย ภรรยาท่านพี่เหวินฉีไง""พี่สะใภ้ เป็นท่าน แล้วท่านพี่เหวินฉีละขอรับ"เซียนย
" พี่สะใภ้ท่านมาแล้ว ข้าจะออกไปตามก็ไม่กล้าวางมือ""อาย้ง นำโถที่ข้าเตรียมไว้ทางโน่นมา นำผ้ามาปูบนปากโถ แล้วเอาผ้าชิ้นเล็กที่ข้าตัดไว้แล้ว รัดผ้าที่วางตรงปากโถให้แน่น ข้าจะกรองน้ำมันหอมอีกรอบ"เซียนย้งทำงานคล่องแคล่ว เดี๋ยวเดียวโถพร้อมผ้ากรองก็อยู่ตรงหน้านาง นางจัดการตามขั้นตอนสุดท้ายอย่างรวดเร็วในที่สุดน้ำมันทั้งหมดก็ถูกเทใส่โถ และดอกกุหลาบก็ถูกวางใส่ผ้ากรองทิ้งไว้"พี่สะใภ้ ต้องวางไว้นานเท่าใดขอรับ""วางไว้จนกว่า น้ำมันในดอกไม้จะออกมาหมด""ดอกไม้กับน้ำมันยังเหลืออยู่ ท่านจะให้ข้าทำต่อเลยไหมขอรับ""น่าจะทำต่อได้อีกหนึ่งถังเจ้าจัดการเลย ข้าจะคอยดู"เซียนย้งจัดการตามวิธีที่จำได้ มีผิดไปบ้างแต่เว่ยเหนียนเหยาก็คอยบอกอยู่ข้างๆ จนตุ๋นน้ำมันหอมเรียบร้อย"เอาละทีนี้มาตัดสบู่กัน เจ้าไปหยิบถาดที่ใส่สบู่มา"เซียนย้งหยิบถาดที่ใส่สบู่มาหนึ่งถาด วันนี้พี่สะใภ้ทำสบู่สามถาด เขาทำเองอีกหนึ่งถาด รวมแล้วเป็นสี่ถาด เดี๋ยวถาดนี้ให้พี่สะใภ้ตัดให้เขาดู ส่วนถาดอื่นๆเขาจะขอลองตัดเองเว่ยเหนียนเหยารับถาดไม้มา จากนั้นก็ใช้มีดเล็กบางเลาะไปข้างๆถาดไม้แล้วคว่ำถาดลงเคาะเบาๆ สบู่ก็หลุดออกมา นางจับก้อนสบู่ก้อนใหญ่ไ
หญิงสาวเล่าเรื่องที่เว่ยหานหมิงเข้าหานาง ทุกคำพูด ทุกการกระทำ นางล้วนเล่าออกมาทั้งหมด นางไม่ใช่นางเอก ที่จะยอมปิดบังเรื่องต่างๆ เพื่อความสบายใจของพระเอก จนบางครั้งก็เกิดเรื่องราวใหญ่โตสำหรับนางการพูดคุยกันทุกเรื่องจะช่วยให้ชีวิตคู่ของพวกนางมั่นคงขึ้นอีกก้าว"เจ้าบอกว่าน้องเล็กเรียกเจ้าว่า อาเหยา หรือ""เจ้าค่ะ""แถมยังทำท่าอาลัยอาวรณ์เจ้าอีก""เจ้าค่ะ""ถ้าอย่างนั้นต่อไป เจ้าก็ไม่ต้องตามพี่ไปที่บ้านนั้นอีก และต่อไปพี่จะไม่เรียกเจ้าว่า อาเหยา แล้ว"อ้าว นี่นางทำให้สามีทำไหน้ำส้มหกนองหรือไร หญิงสาวเอนกายซบอกแกร่งสามีอย่างออดอ้อน"ถ้าเช่นนั้น ท่านจะเรียกข้าว่าอะไรดีเจ้าคะ""เหยาเอ๋อ พี่จะเรียกเจ้าว่า เหยาเอ๋อ ต่อไปเจ้าจะเป็นเหยาเอ๋อของพี่เพียงคนเดียว เจ้ายังจำสัญญาได้หรือไม่ ครั้งนี้เจ้าต้องมีลูกสาวอวบอ้วนให้พี่สักหลายๆ คนนะ เหยาเอ๋อ"ชายหนุ่มจับคางภรรยาขึ้นรับจุมพิตอ่อนโยนที่เขามอบให้ เขารู้ว่า นางไม่ใช่อาเหยาในอดีตที่มีใจรักต่อเว่ยหานหมิงผู้เป็นน้องชายครั้งนี้เขาตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่า จะทำตามคำสั่งบิดา ไม่จำเป็นจะไม่ไปที่บ้านหลังนั้นอีกกลิ่นกายหอมกรุ่นในอ้อมแขน ดึงสติเขาออกจากความคิ