" พี่สะใภ้ท่านมาแล้ว ข้าจะออกไปตามก็ไม่กล้าวางมือ"
"อาย้ง นำโถที่ข้าเตรียมไว้ทางโน่นมา นำผ้ามาปูบนปากโถ แล้วเอาผ้าชิ้นเล็กที่ข้าตัดไว้แล้ว รัดผ้าที่วางตรงปากโถให้แน่น ข้าจะกรองน้ำมันหอมอีกรอบ" เซียนย้งทำงานคล่องแคล่ว เดี๋ยวเดียวโถพร้อมผ้ากรองก็อยู่ตรงหน้านาง นางจัดการตามขั้นตอนสุดท้ายอย่างรวดเร็ว ในที่สุดน้ำมันทั้งหมดก็ถูกเทใส่โถ และดอกกุหลาบก็ถูกวางใส่ผ้ากรองทิ้งไว้ "พี่สะใภ้ ต้องวางไว้นานเท่าใดขอรับ" "วางไว้จนกว่า น้ำมันในดอกไม้จะออกมาหมด" "ดอกไม้กับน้ำมันยังเหลืออยู่ ท่านจะให้ข้าทำต่อเลยไหมขอรับ" "น่าจะทำต่อได้อีกหนึ่งถังเจ้าจัดการเลย ข้าจะคอยดู" เซียนย้งจัดการตามวิธีที่จำได้ มีผิดไปบ้างแต่เว่ยเหนียนเหยาก็คอยบอกอยู่ข้างๆ จนตุ๋นน้ำมันหอมเรียบร้อย "เอาละทีนี้มาตัดสบู่กัน เจ้าไปหยิบถาดที่ใส่สบู่มา" เซียนย้งหยิบถาดที่ใส่สบู่มาหนึ่งถาด วันนี้พี่สะใภ้ทำสบู่สามถาด เขาทำเองอีกหนึ่งถาด รวมแล้วเป็นสี่ถาด เดี๋ยวถาดนี้ให้พี่สะใภ้ตัดให้เขาดู ส่วนถาดอื่นๆเขาจะขอลองตัดเอง เว่ยเหนียนเหยารับถาดไม้มา จากนั้นก็ใช้มีดเล็กบางเลาะไปข้างๆถาดไม้แล้วคว่ำถาดลงเคาะเบาๆ สบู่ก็หลุดออกมา นางจับก้อนสบู่ก้อนใหญ่ไว้ จากนั้นก็หั่นแบ่งเป็นสามส่วนแท่งยาวก่อน แล้วนำแท่งนั้นมาแบ่งสามส่วนอีกที "ง่ายๆเช่นนี้ งั้นถาดที่เหลือข้าขอทำเองนะขอรับ" "ได้แต่เจ้าไปเฝ้าไฟก่อนดีกว่า ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วยามก็เอาขึ้นได้เลย ข้าจะออกไปหาท่านพี่สักหน่อย" "ได้ขอรับพี่สะใภ้" หญิงสาวเดินออกไปเดินหาสามี คิดว่าน่าจะอยู่ที่บ่อเผาถ่าน เมื่อเดินไปถึงก็เห็นสามีกับอาเสิ้น กำลังมองไปที่บ่อเผาถ่านอย่างใจจดจ่อ "เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ ท่านพี่ อาเสิ้น" "ครั้งนี้พี่กับอาเสิ้น ลองใส่ไม้ลงไปจนเต็ม แต่ยังมีไม้ที่เก็บมาเหลืออยู่อีกนิดหน่อย" นางเดินไปดูตรงกองไม้ เห็นกิ่งไม้กองอยู่รวมกันหลายชนิด สายตานางมองไปที่กิ่งไม้กิ่งหนึ่งที่วางอยู่ ใช่หรือเปล่านะ เอาเถอะลองเอาไปก่อน ถ้าไม่ใช่ก็แค่เอาออกมาคืน "ท่านพี่ กิ่งไม้นี้ข้าขอนะเจ้าคะ ส่วนพวกท่านก็อาบน้ำอาบท่ากันได้แล้ว อ้อ อาเสิ้นถ้าท่านแม่เจ้ามาถึง ฝากบอกด้วยว่า ข้าเชิญกินข้าวเย็นที่นี่ ข้ามีเรื่องงานจะปรึกษา" "ข้าทราบแล้วขอรับพี่บุญธรรม" หญิงสาวเดินนำกิ่งไม้ที่คิดว่าน่าจะเป็นกิ่งข่อยเข้าไปในบ้าน จริงๆต้นข่อยเป็นไม้ที่ขึ้นง่าย มักจะเกิดขึ้นตามที่รกร้างทั่วไปอยู่แล้ว ถ้าเกิดว่า กิ่งนี้เป็นต้นข่อยจริง นางจะให้สามีกลับไปตรงที่เก็บเศษกิ่งไม้ แล้วเอากลับมาปลูกข้างๆกำแพงสักหลายต้น นางเดินเข้ามาในครัว เซียนย้งกำลังเฝ้าดูน้ำมันหอมอย่างขมักเขม่น " พี่สะใภ้ เมื่อครู่ข้าใช้เวลาที่ว่างลองตัดสบู่ดูแล้ว ท่านลองตรวจดูก่อนนะขอรับ" "เดี๋ยวข้าจะตรวจดูเอง อาย้ง เจ้ากลับไปอาบน้ำเถอะ ข้าฝากบอกท่านแม่ลี่ กับซินเซียงด้วย วันนี้ข้าเชิญมากินข้าวด้วยกัน ข้ามีเรื่องงานจะปรึกษาสักหน่อย" "ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวก่อนนะขอรับพี่สะใภ้" เว่ยเหนียนเหยาเห็นว่า น้ำมันที่ตุ๋นไว้ยังไม่ได้เวลานำออก จึงหันมาสนใจกิ่งไม้ในมือนางต่อ นางนำกิ่งไม้มาตัดออกเป็นท่อนพอที่จะถือได้ถนัดมือ จากนั้นจึงใช้มีดปอกเปลือกบริเวณช่วงปลายออก แล้วเอาไม้ทุบไปบริเวณที่ปอกเปลือกแล้วจนละเอียด ใช่ ใช่ จริงๆด้วย ในที่สุดก็จะได้แปรงฟันซะที ตั้งแต่นางเข้ามาอยู่ในโลกนี้ ทุกๆวันได้แต่ใช้น้ำเกลือกลั้วปาก และใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นขัดถูฟัน เท่านั้น แม้จะช่วยให้ไม่มีกลิ่นปากแต่นางก็ไม่ค่อยมั่นใจเสียเลย เดี๋ยวเย็นนี้นางจะใช้เกลือผสมกับสารส้มที่มีอยู่แปรงฟันไปก่อน แล้วค่อยทำยาที่จะใช้แปรงฟันอีกที นางนำต้นข่อยมาตัดอีกสามสี่ชิ้น และทำแปรงเก็บไว้ เหลือกิ่งส่วนใหญ่ไว้ ให้สามีนำไปเปรียบเทียบดู ตอนขึ้นไปหาต้นข่อยบนเขาให้นาง น้ำมันหอมเริ่มได้ที่แล้ว นางจึงรีบนำออกจากเตา เซียนย้งทำโถผูกผ้าเตรียมไว้แล้ว นางจึงเทน้ำมันใส่โถและนำดอกไม้วางลงบนผ้า ตอนนี้น้ำหอม กับน้ำมันที่นางทำไว้ก่อนหน้า ก็เย็นหมดแล้ว นางนำขวดแก้วที่ซื้อจากพ่อค้าเร่ออกมา ค่อยๆนำมันใส่ลงไป น้ำมันมีไหลออกนอกขวดบ้าง ไม่รู้ว่าสมัยนี้มีกรวยกรอกน้ำไหมนะ สงสัยนางต้องให้ท่านพี่พาไปดูที่ร้านขายพวกอุปกรณ์เครื่องครัวซะแล้ว ขวดแก้วที่ใส่น้ำมันหอมสีแดงเข้ม วางเรียงราย กระทบแสงไฟคล้ายอัญมณีสีแดง ทำให้หญิงสาวรู้สึกพึงใจไม่น้อย โถหนึ่งนางทำออกมาได้ สิบสองขวด ตอนนี้นางซื้อขวดมาทั้งหมดสามสิบขวด ดังนั้นหลังจากที่นางกรอกน้ำมันหอมส่วนที่เหลือ นางจะเหลือขวดว่างอีกหกขวด งั้นก็เอาส่วนที่เป็นน้ำหอมใส่ไว้จะดีกว่า เพราะนางไม่รู้ว่า ถ้าใส่โถไว้กลิ่นหอมจะจางหายหรือไม่ หลังจากทำการจัดการเรื่องของเครื่องหอมเสร็จ นางก็หันมาเก็บสบู่เป็นงานต่อไป "พี่สะใภ้ เห็นอาย้งบอกว่าท่านให้พวกข้ามากินข้าวที่นี่ ข้าเลยมาช่วยท่านทำอาหาร" "แล้วอาย้งหายไปไหนละ ทำไมไม่มาด้วย" "อาย้งกับพี่หานตงไปเยี่ยมท่านลุงเจ้าค่ะ ตอนแรกอาย้งบอกว่าจะรอน้ำแกงไก่จากท่านก่อน แต่พี่หานตงใจร้อนอยากจะไปถามอาการท่านลุงกับท่านหมอจาง เลยบอกว่าวันหลังค่อยเอาไปเจ้าค่ะ" นางพยักหน้ารับรู้ คาดว่าสามีคงจะไปให้ตรงกับเวลาที่ท่านหมอจางมาตรวจอาการท่านพ่อสามีเป็นแน่ นางภาวนาขอให้ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่นางคิด "งั้นเราลงมือทำกับข้าวกันเถอะ อ้อ ว่าแต่เจ้าอาบน้ำมาหรือยัง" "ยังเจ้าค่ะ ข้าให้ท่านแม่กับท่านป้าหง อาบกันไปก่อน" "งั้นก็ดี เดี๋ยวก่อนที่เจ้าจะอาบน้ำ เจ้าผสมน้ำร้อนลงในอ่าง แล้วนำกุหลาบพวกนี้ลงไปใส่ วันนี้เจ้าลองแช่น้ำมันกุหลาบที่ข้าทำไว้ดู" "จริงหรือเจ้าคะ งั้นเรารีบทำกับข้าวกันดีกว่า ข้าอยากลองแช่น้ำเร็วๆแล้วเจ้าค่ะ" สองสาวยิ้มกริ่มอย่างมาดหมาย พูดคุยหยอกเย้าในระหว่างลงมือทำกับข้าวอย่างมีความสุข "หืมมมม ท่านแม่ วันนี้ตัวท่านหอมมากเลยขอรับ" หานเหนียนตัวน้อยเมื่อถูกมารดาอุ้มขึ้น ก็ได้กลิ่นหอมออกจากกายของมารดา เด็กน้อยใช้จมูกกดลงที่แก้มมารดาอย่างแรง เหมือนที่มารดาชอบทำกับเขา "แก้ม ท่านแม่ ห้อมหอม นุ่มด้วย ข้าชอบมากเลยขอรับ" หานตงเริ่มทำตาเขียวใส่บุตรชาย เจ้าตัวแสบหอมแก้มภรรยาเขาซะแรง ป่านนี้แก้มภรรยาเขาช้ำไปหมดแล้วมั้ง เซียนย้งเห็นพี่ชายทำตาเขียวใส่บุตรชาย ก็กลั้นหัวเราะ "ท่านแม่ของข้าก็หอมยิ่งขอรับ" เซียนเหยาที่นั่งใกล้มารดา กลัวว่ามารดาตนจะน้อยใจ จึงหันมาหอมแก้มมารดาของตนบ้าง พบว่าแก้มของมารดาก็หอมนุ่มเหมือนกัน จึงกดปากเล็กๆลงไปอีกรอบ "หืม หอมมากกกก ข้าชอบแก้มท่านแม่มากขอรับ" เซียนย้งเริ่มเข้าใจความรู้สึกของพี่ชาย หึม เจ้าปีศาจน้อยพวกนี้ร้ายกาจจริง กล้าลงมือล่วงเกินภรรยาของเขาต่อหน้าต่อตาพวกเขาเสียด้วย "เอาละ รีบกินข้าว กินปลากันเถอะ เจ้าใหญ่ เจ้ารอง เห็นอาเส้าบอกว่า ครั้งที่แล้วพวกเจ้าตอบคำถามยังไม่ดี กินข้าวเสร็จแล้วก็ขึ้นไปทบทวนบทเรียน" "เจ้าก็ด้วยอาเหยา" บรรดาพวกพ่อบ้านหวงเมีย ร่วมมือผนึกกำลังกันกลั่นแกล้งศัตรูตัวน้อยๆที่แสนจะร้ายกาจ อาเส้า "?...?" เด็กๆตัวน้อยหลังจากกินข้าวเสร็จก็พากันขึ้นห้องไปทบทวนบทเรียนตามคำสั่ง ส่วนผู้ใหญ่ก็ย้ายมานั่งเล่นกันที่ห้องโถง เว่ยเนียนเหยา เอาแผนงานที่นางเขียนไว้ออกมากาง "ข้าขอพูดในส่วนของงานปักก่อนนะเจ้าคะ ข้าจะให้ท่านป้าลั่วฮวา ย้ายมาช่วยข้าเย็บแบบหุ่นไม้ เพราะข้ามีแผนจะทำหุ่นไม้สำหรับผู้ชาย และเด็กเพิ่มเจ้าค่ะ" เรื่องฝีมือปักเย็บจริงๆนางลั่วฮวาก็ไม่เป็นรองใคร เพียงแต่เว่ยเหนียนเหยาบอกให้นางฝึกช่างตัดขึ้นมา เพื่อให้มาแทนที่นางเสียก่อนเท่านั้น "ส่วนอาหง ข้าจะให้เจ้าเลื่อนขึ้นมาเป็นช่างปัก ช่วยท่านแม่ลี่กับอาเซียง เพราะข้ากำลังจะออกงานชิ้นใหม่ เพื่อขายในหน้าร้อน" "พี่สะใภ้แต่นี่เพิ่งจะเข้าหน้าหนาว เหตุใดจึงเตรียมสินค้าในหน้าร้อนเร็วนักเจ้าค่ะ" "อาเซียง งานของพวกเราเป็นงานปัก ย่อมต้องใช้ความละเอียดและประณีต ดังนั้นจึงต้องใช้เวลา ข้าถึงต้องเตรียมวางแผนแต่เนิ่นๆ" ทุกคนต่างพยักหน้า ต่อเหตุผลของนาง "ท่านแม่ลี่ สำหรับท่าน ข้าจะขอให้ท่านประกาศรับคนงานเพิ่ม 4 คน คือ ตำแหน่งช่างตัด ช่างเย็บ คนครัว และแรงงานชายทั่วไป สำหรับค่าแรง ช่างเย็บคนเก่าจะปรับมาเป็น 70อีแปะต่อวัน ช่างตัด 50อีแปะวัน ส่วนคนที่มาใหม่ ช่างตัดกับคนครัว ข้าให้คนละ30 อีแปะต่อวัน แรงงานชายให้ 50 อีแปะต่อวัน ภายในสามเดือนหากพวกเขามีผลงานที่น่าพอใจก็จะเพิ่มเงินค่าแรงให้พวกเขา อีก20อีแปะต่อวัน ส่วนคนในครอบครัวเรา จะได้เดือนละ 1 ตำลึงทองทุกคน" "อาซ่าง งานของเจ้าที่ผ่านมาถือว่าละเอียดและรอบคอบ ต่อไปข้าให้เจ้าเป็นคนดูแลโรงงาน บัญชีสินค้าทุกตัวของพวกเรา และแรงงานชายยกให้เป็นผู้ช่วยของเจ้า" "ข้าจะพยายามทำให้ดีที่สุดขอรับ" "อาเสิ้น การทำถ่านของเจ้า เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว แต่ข้าอยากให้เจ้าลองแยกไม้ชนิดเดียวกันในการเผาแต่ละครั้ง โดยเริ่มจากไม้ไผ่ก่อน ป่าไผ่มีขึ้นอยู่เต็มป่าถือว่าเป็นวัตถุดิบชั้นดี เพียงแต่เจ้าต้องใช้ไม้ไผ่ที่โตเต็มที่เท่านั้น" "ข้าไม่เคยคิดถึงไม้ไผ่มาก่อนเลยขอรับ พรุ่งนี้ข้าจะลองขึ้นไปตัดไผ่มาลองเผาแต่เช้าขอรับ" "พรุ่งนี้เจ้าต้องเข้าเมืองไปรับท่านพ่อเจ้า เจ้าลืมแล้วหรือไง แต่เรื่องนี้เดี๋ยวข้าจะพูดอีกทีในตอนท้าย" ทุกคนต่างหยุดพูด เพื่อฟังแผนงานของหญิงสาวต่อ "ส่วนเซียนย้ง ต่อไปให้เจ้ารับซื้อดอกไม้ในช่วงเช้า ส่วนช่วงบ่ายให้เจ้ามาทำสบู่ ข้าอยากให้เจ้าลองคิดวิธีที่จะทำให้สบู่ของเจ้าดูดีเป็นที่สนใจของผู้คนให้มากขึ้น" "ส่วนท่านพี่ พรุ่งนี้ท่านกับอาเสิ้น ข้ารบกวนให้ไปรับท่านลุงฟง จะได้ไปดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายของท่านลุงด้วยเจ้าคะ" "ถ้างั้นเดี๋ยวพี่จะหาผ้านวมมารองรถม้าให้นุ่มขึ้นกว่านี้อีกหน่อยจะดีกว่า เผื่อจะได้ให้ท่านลุงนอนลงมาในรถม้า" "คนสุดท้ายคือ อาเส้า ตอนแรกที่เคยคุยกัน ข้าคิดจะให้เจ้าช่วยดูแลเรื่องบัญชี แต่ข้าคิดแล้วว่า เจ้าน่าจะรู้ว่าน้องชายเจ้าจะทำอะไร ดังนั้นเจ้าในฐานะพี่ชายคนโต จึงต้องรับหน้าที่หนักที่สุด เส้นทางการค้าไม่ใช่เรื่องง่าย หากไร้คนสนับสนุน ยิ่งถ้าต้องการขึ้นเป็นตระกูลการค้าหลัก ต้องมีคนคุ้มครอง ในระหว่างที่พวกข้าสร้างฐานการค้า ข้าอยากให้เจ้าสอบเข้ารับราชการ ใช้ความรู้ความสามารถ ปีนป่ายอยู่บนนั้น เป็นขาทองคำให้พวกข้าได้พักพิง เริ่มจากอีกสามเดือนที่จะมีการสอบซิวไฉ่ก็แล้วกัน" "พี่บุญธรรม เข้าเกรงว่า ข้าจะไร้ความสามารถ" "อาเส้า ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนฉลาด รอบคอบและปิดบังความคิดได้ดี เจ้าก็รู้ว่าวงการขุนนางเป็นเช่นไร ยังไงพวกเจ้าก็ต้องมีคนใดคนหนึ่งต้องไป เจ้าจะไว้ใจให้พวกน้องๆเจ้าไปแทนหรือ" ชายหนุ่มหันมามองหน้าน้องชายทั้งสอง รวมไปถึงแม่ของตน ก่อนจะตัดสินใจ "ข้าทราบแล้วพี่บุญธรรม ถ้างั้นข้าจะพยายามไม่ให้ท่านผิดหวัง" "ดี ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ เจ้าก็มอบงานให้เด็กๆไว้มากหน่อย ส่วนตัวเจ้าก็เข้าไปกับท่านพี่ หาตำรับตำรากับเครื่องเขียนที่จำเป็นมาเพิ่ม จำไว้ห้ามตระหนี่อย่างเด็ดขาด พวกข้าทั้งหมดหวังพึ่งเจ้า" "เอาละ ที่ข้ากล่าวมาทั้งหมดคืองานที่พวกเราต้องทำกันในยามปรกติ แต่พรุ่งนี้ ท่านลุงฟงจะกลับมาแล้ว ข้าคิดว่าจะให้ท่านป้าลั่วฮวาหยุดดูแลอาการท่านลุงฟงที่บ้านสักระยะเจ้าค่ะ" "ส่วนพรุ่งนี้ ข้ากับอาย้งและอาเซียงจะไปจับปลาไหลที่บึงบัว ช่วงนี้ข้าอาจจะต้องใช้เงินก้อน ข้าอยากหาเงินเข้าบ้านไว้สักหน่อย พวกท่านมีอะไรอยากจะสอบถามข้าหรือไม่เจ้าคะ" ทุกๆคนต่างยอมรับในสิ่งที่เว่ยเหนียนเหยาบอก และเนื่องจากยังไม่ได้ลองลงมือทำ จึงยังไม่มีปัญหาที่จะสอบถาม ทุกคนต่างขอตัวกลับไปพักผ่อน แต่แท้จริงแล้ว ตอนนี้ทุกคนต่างตื่นเต้นกับหน้าที่ใหม่ที่ได้รับมอบหมาย จนอยากจะทำเหมือนเว่ยเหนียนเหยา ที่สามารถเขียนแผนงานของตนออกมาได้เป็นข้อๆ วันนี้ความหวังในใจทุกคนถูกจุดประกายให้เบ่งบานอีกครั้ง "พี่สะใภ้ วันนี้ท่านจะจับปลาไหลทั้งหมดเลยหรือเจ้าค่ะ" "ไม่หรอกอาเซียง ข้าจะจับตัวที่โตสักหน่อย ส่วนตัวเล็กๆ ข้าว่าจะปล่อยให้มันได้โตไปอีกสักหน่อย" "แล้วตอนนี้ท่านจะใช้เงินทำอะไรหรือขอรับ กิจการผ้าปักของท่าน รายได้ก็เข้ามาต่อเนื่องนะขอรับ" "พวกเจ้าก็เห็น บ้านของท่านลุงฟงตอนนี้ผุพังไปหมดแล้ว เดือนหน้านี้ก็หน้าหนาวแล้ว ดีไม่ดีหากหิมะตกลงมาหนักๆ พวกเขาจะอยู่ยังไง ข้าอยากจะปลูกบ้านและให้พวกเขามาอยู่ซะด้วยกัน แต่เงินจากการค้าพวกนั้นต้องเก็บไว้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ข้าจึงไม่อาจแตะต้องตามใจ" สองสามีภรรยาตระกูลกุ้ย ลอบสบตากัน พลางมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างภักดี พวกเขาคงสะสมบุญมามากจริงๆ ถึงได้มาเจอหญิงสาวผู้นี้ "มาเถอะ เดี๋ยวข้ากับอาย้งจะลงไปจับปลาไหล อาเซียงเจ้าก็คอยส่งตะกร้ากับคอยเก็บรากบัวก็แล้วกัน เดี๋ยววันนี้ข้าจะทำ รากบัวเชื่อมให้เจ้ากิน" หญิงสาวเดินนำหน้าเซียนย้งลงไปในบึง เซียนย้งบอกให้นางจับปลาไหลอยู่ตรงริมบึงก็พอ ส่วนตัวเขาลุยลงไปลึกอีกหน่อย ถึงจะบอกว่าลุยลงไปลึก แต่จริงๆ น้ำก็สูงแค่สะโพกของชายหนุ่มเท่านั้น สองคนช่วยกันดึงรากบัว และจับปลาไหลกันอย่างสนุกสนาน ส่วนซินเซียงก็คอยส่งตะกร้า และ เก็บรากบัวเพื่อเตรียมให้พี่สะใภ้ทำของหวานให้นางกิน "อาย้ง ข้าว่าพอแล้วแหละ ครั้งนี้เราจับได้มากกว่าครั้งก่อนซะอีก น่าจะได้เงินมากกว่าครั้งก่อนขึ้นมาอีกสักหน่อย" "ถ้าอย่างนั้น พวกเราไปล้างไม้ล้างมือที่ริมลำธารกันเถอะเจ้าค่ะ ข้าจะได้นำรากบัวไปล้างด้วย" ขณะที่ล้างไม้ล้างมือ เว่ยเหนียนเหยามองดูบึงบัวอีกครั้ง เฮ่อ นางต้องเขียนแผนใหม่อีกซะแล้ว "ท่านพี่ ท่านกลับมาแล้ว ท่านลุงฟงเป็นยังไงบ้างเจ้าคะ" หญิงสาวที่เห็นสามีกลับมาแล้ว กำลังเอาน้ำเอาหญ้าให้ม้ากินอย่างสบายใจ "ดีขึ้นมากแล้ว วันนี้ตอนพี่ไปรับ ท่านลุงฟงนั่งคุยอยู่กับท่านหมอที่ห้องโถง ท่าทางแข็งแรงขึ้นมาก เมื่อกี้นี้พี่แวะไปส่งท่านที่บ้านแล้ว ตอนนี้ท่านป้าลั่วฮวาน่าจะดูแลอยู่" "ดีจริงงั้นวันนี้ข้าจะต้มน้ำแกงไก่กับรากบัวไปให้ท่านบำรุง อาย้ง อาเซียงพวกเจ้าออกไปซื้อไก่มาให้ข้าสักสามตัวเถอะ ข้าจะทำเผื่อท่านแม่ลี่ด้วย ได้ข่าวว่าตอนนี้ท่านทำงานหนักเหมือนกัน" "ได้ขอรับพี่สะใภ้ ไปอาเซียงไปร้านค้าในหมู่บ้านกัน" "เดี๋ยวๆ เจ้ากับข้าเอาของไปเก็บให้พี่สะใภ้ก่อน" สองสามีภรรยา เดินถกเถียงล้อเล่นกันออกไป อย่างร่าเริง "แล้วอาเส้า กับอาเสิ้นละเจ้าคะ อยู่กับท่านลุงฟงหรือ" "อาเส้า หอบเอาตำราไปเก็บไว้ในห้อง ส่วนอาเสิ้น เห็นบอกว่าจะไปดูถ่านที่เผาไว้เมื่อวาน" "ท่านพี่ช่วงนี้ท่านคงจะต้องเหนื่อยหน่อยนะเจ้าคะ พรุ่งนี้ข้ายังต้องเข้าเมืองอีก" "อืมมมม พี่ก็เหนื่อยจริงนั่นแหละ เช่นนั้นคืนนี้ พี่ขอแช่น้ำร้อน แล้วให้เหยาเอ๋อช่วยนวดน้ำมันกุหลาบให้หน่อยจะได้หรือไม่" หญิงสาวปรายตายิ้มอย่างยั่วยวน ก่อนจะกระซิบตอบที่ข้างหูหานตง "ได้สิเจ้าคะ คืนนี้ข้าจะรับใช้สามีอย่างดีเลยเจ้าค่ะ" ขอบอกว่าวิธีทำสบู่ / น้ำหอม เป็นแค่ความคิดแบบคร่าวๆของผู้แต่งที่ไม่มีความรู้เรื่องนี้ เพียงแต่ดูมาตามยูทูป แล้วประยุกต์เอา ดังนั้นขอให้มองผ่านด้านวิชาการไปนะคะ"อาเซียง เจ้าเดินรอข้าด้วยสิ""อาย้งเจ้าก็เดินให้เร็วหน่อยสิ พี่สะใภ้กำลังรอไก่จากข้าอยู่นะ""เดี๋ยวนี้ เจ้าหายใจเข้าหายใจออกเป็นพี่สะใภ้ ข้าชักจะน้อยใจแล้วสิ""หึ แน่นอนว่า พี่สะใภ้ของข้า ต้องสำคัญกว่าเจ้า""เจ้าพูดเช่นนี้ คอยดูเถอะ คืนนี้ข้าจะลงโทษเจ้าเช่นไร""เจ้า! ไม่ต้องพูดแล้ว รีบเดินเร็ว นี่มันหน้าบ้านท่านป้าเจ้านี่ รีบเดินเร็วๆ เข้าเถอะ เจ้าไม่กลัวหรือยังไง"ซินเซียงหันซ้ายแลขวา เนื่องจากบ้านหลังนี้เป็นบ้านของท่านป้าของเซียนย้ง แต่นางเสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว ส่วนบุตรชายกับลูกสะใภ้ก็ทำงานที่เมืองหลวง จึงปล่อยบ้านทิ้งร้างไว้เคร้ง......ปึก ปึก ปึกซินเซียงหันไปเกาะแขนเซียนย้ง หน้าขาวซีด"อา...ย้ง เจ้า..ได้ยินเสียง อะไรไหม""คงจะเป็นเสียงหนูละมั้ง ข้าว่าเรารีบไปกันดีกว่าเนอะ"เซียนย้งที่หิ้วไก่อยู่ ใช้มืออีกข้างดึงให้ซินเซียงรีบเดินตาม"อาย้ง ....อาเซียง""อา...ย้ง ได้ยินเสียงคน คนเรียก พวกเราไหม"ตอนนี้ เซียนย้งเองก็เริ่มหน้าซีดไปเหมือนกัน จับมือซินเซียงเตรียมวิ่งออกไป"อาย้ง อาเซียง นี่ข้าเอง พี่ซีเม่ย ภรรยาท่านพี่เหวินฉีไง""พี่สะใภ้ เป็นท่าน แล้วท่านพี่เหวินฉีละขอรับ"เซียนย
เว่ยเหนียนเหยากำลังกล่าวขอตัวจากเหวินฉีและภรรยา แต่อาเสิ้นก็เดินเข้ามาในบ้านซะก่อน"พี่บุญธรรม ท่านพอจะมีเวลาสักครู่หรือไม่ขอรับ ถ่านเตาแรกตากแดดดีแล้ว ข้าอยากพาท่านไปดู""ได้สิ งั้นอาเซียงเจ้าไปโรงงานเถอะ เดี๋ยวพวกข้าจะไปกับอาเสิ้น"อาเสิ้นลากถ่านที่เขาเก็บใส่ตะกร้าแล้ว ออกมาให้ทุกคนดู หญิงสาวหยิบถ่านขึ้นมาตรวจดู เห็นว่าทุกก้อนแห้งสนิทแล้วจริงๆจึงให้อาเสิ้นลองก่อไฟขึ้นมาดู ถ่านนี้เป็นถ่านที่ทำจากเศษไม้ต่างๆที่เก็บมารวมกัน จึงทำให้มีควันไฟค่อนข้างมาก ซ้ำยังมีกลิ่นแรง แถมแรงไฟที่ได้ก็ไม่สม่ำเสมอนางบอกให้อาเสิ้นจดข้อเสียเหล่านี้ไว้ เพราะเตาต่อไปจะลองใช้ไม้ไผ่อย่างเดียว อาเสิ้นตื่นเต้นมากอยากจะรีบไปเก็บไม้ไผ่กลับมาทดลองแต่นางบอกว่า รอให้พวกนางกลับมาจากในเมืองก่อนจะดีกว่า จะได้มีคนขึ้นเขาไปเป็นเพื่อนเมื่อเห็นว่าไม่มีธุระอะไรที่ต้องทำในบ้านแล้ว เว่ยเหนียนเหยาจึงรีบเดินทางเข้าในเมือง วันนี้นางมีงานต้องทำมากมายเลยทีเดียวเมื่อมาถึงตัวเมือง นางให้สามีและเซียนย้ง นำปลาไหลที่ได้ไปขายก่อนหานตงจึงมุ่งหน้าไปที่ภัตตาคารที่เคยนำปลาไหลมาขายในครั้งก่อน เสี่ยวเอ้อจำพวกเขาได้ก็ร้องทักอย่างดีใจ"พวก
ชุนเหมยเมื่อเห็นน้องสาวต่างสายเลือด กระวีกระวาดวิ่งออกไปหาสามีก็ส่ายหัวยิ้มๆ นางเดินออกจากห้องโถง มุ่งตรงกลับเข้าห้องนอนทันที"เวิ้นสุ่ย"เสียงราบเรียบของหญิงสาวคล้ายพูดคุยกับอากาศที่อยู่ภายในห้อง เงาดำสายหนึ่งเคลื่อนออกมาจากมุมห้องอย่างเงียบๆ"นายหญิง""เจ้าไปสืบเรื่องนั้นมาให้ข้า จำไว้ข้าต้องการเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียด"ไร้เสียงตอบรับใดๆ มีเพียงเงาดำสายนั้น ที่เลือนหายไปคล้ายไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ชุนเหมย เดินออกจากห้องไปช้าๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น"ท่านพี่ตอนที่อยู่ที่หอการค้ากลางทำไมท่านไม่ช่วยข้าออกความคิดเห็นบ้างเลยเจ้าค่ะ"หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างแง่งอน ที่สามีไม่ช่วยนางออกความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับร้านค้าที่นางจะซื้อ"ก็พี่ไม่มีความรู้เรื่องนี้ พี่ว่าร้านไหนเจ้าเห็นว่าดีพี่ก็ว่าดี พี่ล้วนเชื่อฟังเจ้าเหยาเอ๋อ"เซียงย้งกลั้นหัวเราะหน้าแดง เมื่อเห็นพี่ชายกลายสภาพเป็นแมวหนุ่มช่างออดอ้อนต่อหน้าพี่สะใภ้ ก่อนจะรีบปรับสีหน้า เมื่อเห็นสายตาพิฆาตที่พี่ชายส่งตรงมาให้"พี่สะใภ้ในเมื่อท่านยังไม่ถูกใจ ก็ค่อยๆ หาไปก็ได้ขอรับ ข้าและ พี่หานตงล้วนเชื่อฟังท่าน""อะ นั่น นั่น น่าจะใช่ร้านเหล็กที่พี่ช
"มา มาลูกสะใภ้เจ้านั่งก่อน"นางลี่สือหลิน รีบบอกให้บุตรชายประคองลูกสะใภ้นั่งลงบนเก้าอี้"น้องสาว น้องเขยตอนนี้คงสบายดีสินะ ท่าทางจะร่ำรวยกันใหญ่"ลี่ห่าวฟงบุตรชายของนางลี่สือหลิน กล่าวออกมาอย่างประชดประชัน เขามองไปมองรอบๆบ้านหลังนี้ด้วยความอิจฉา ครั้งก่อนเขาเคยขอให้มารดา ช่วยพูดกับน้องสาวและน้องเขยว่าให้ตนและภรรยาเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วย แต่คนพวกนี้ล้วนแล้งน้ำใจต่อเขากับภรรยา ดีว่ามารดาแอบส่งเงินทองไปให้เขาใช้อยู่เรื่อยๆ ชีวิตเขากับภรรยาจึงไม่ได้ลำบากอะไร"พวกข้าก็แค่มีกินมีใช้นะขอรับ ท่านพี่ภรรยา"เซียนย้งจริงๆ ไม่ค่อยจะชอบพี่ภรรยาคนนี้มากนะ เพราะเขาเป็นคนหยิบโหย่งไม่ค่อยชอบทำงานเท่าไหร่ แถมยังชอบใช้กำลังกับภรรยาของเขาและท่านแม่ยายอยู่บ่อยครั้ง"เอาละ เอาละ มากินข้าวกันเถอะ วันนี้พวกเจ้าต้องกินเยอะๆนะ อ้าวข้าลืม พวกเจ้ากินกันไปก่อน ข้าไปเอาน้ำแกงไก่ที่บ้านอาเหยาก่อน"นางลี่สือหลินออกไปไม่นานก็กลับมาพร้อมน้ำแกงไก่ถ้วยใหญ่"อาเซียงเมื่อกี้ตอนแม่ไปตักน้ำแกงไก่ เห็นกล่องใส่โสมยังวางอยู่ในครัว เห็นอาย้งบอกว่า โสมหัวนั้นราคาหลายร้อยตำลึงทอง ทำไมเอามาวางไว้อย่างนั้นละ"ซินเซียงแอบมองไปยังพี่ชาย
"ภรรยาเจ้าเร็วหน่อยเถอะ เราต้องรีบไปให้ทันรถเที่ยวเช้านะ""ท่านพี่จะรีบไปไหน ป่านนี้คนพวกนั้นยังไม่มีใครรู้หรอกน่า"นางลี่สือหลินยืนกำมือแน่นที่หน้าประตู จู่ๆประตูก็ถูกเปิดออกจากคนที่อยู่ข้างใน ห่าวฟงเห็นมารดา พร้อมน้องเขย น้องสาวยืนอยู่ก็ตกใจ พยายามตั้งสติ"ท่านแม่ ท่าน มาได้ยังไงขอรับ"นางลี่สือหลินมองดูบุตรชายที่ก้าวเท้าถอยหลังเข้าไปในบ้าน ในมือถือห่อผ้าห่อหนึ่ง"เจ้าใหญ่ พวกเจ้ารีบร้อนจะไปไหนกันแต่เช้า"นางลี่สือหลินไม่ตอบ แต่ย้อนถามบุตรชายแทน"พอ ดี แม่ภรรยาไม่ค่อยสบาย ข้าเลยจะพานางไปเยี่ยมดูอาการขอรับ"สะใภ้ตระกูลลี่เมื่อเห็นสามีส่งสายตามาให้ ก็รีบเอ่ยเสริมคำ"ใช่เจ้าค่ะท่านแม่สามี ท่านแม่ข้าไม่สบาย ข้าจึงจะรีบไปเยี่ยม อีกอย่างข้าอยากจะนำข่าวดีไปบอกท่านด้วยตัวเอง""พวกเจ้าก็เลยทำตัวเป็นบุตรเขยบุตรสาวที่ดี เอาต้นโสมไปเยี่ยมซินะ"นางลี่สือหลิน ตวาดออกไปอย่างหมดความอดทน มองมือบุตรชายที่กุมห่อผ้าแน่นเข้าไปอีก"ท่านแม่ ท่านพูดเรื่องอะไร ข้าไม่เข้าใจขอรับ""ข้าก็พูดเรื่องที่เจ้าสองสามีภรรยาเข้าไปขโมยโสมที่บ้านของอาเหยาไงละ"ห่าวฟงหน้าซีด เขารู้ตั้งแต่เห็นหน้ามารดาที่หน้าประตูแล้ว ว่าม
เว่ยเหนียนเหยายืนอยู่บนระเบียง คิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา นางนับถือนางลี่สือหลินมาก แม้จะรักบุตรชายเพียงใดแต่ก็ไม่ยอมเห็นผิดเป็นถูก กัดฟันส่งบุตรชายเข้ารับโทษที่ก่อตอนแรกนางยังคิดว่า นางลี่สือหลินจะล้มป่วยเพราะตรอมใจอยู่หลายวัน หากเพียงแค่สองวัน นางลี่สือหลินกลับลุกขึ้นไปทำงาน นางกับซินเซียงพยายามห้ามปรามขอให้พักผ่อนอีกสักหน่อยรอยยิ้มเศร้าสร้อยปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากคู่นั้น ก่อนจะกล่าวว่า" อาเหยา คนเป็นแม่จะอ่อนแอไม่ได้ ตอนนี้บุตรชายของข้ากำลังหกล้ม ข้าหวังว่า สักวันเขาจะคิดได้ และลุกขึ้นยืนใหม่ เมื่อนั้นมือคู่นี้ของข้ายังต้องช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้น"เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็น้ำตาคลอ ชาติที่แล้ว นางไม่มีพ่อแม่ ไม่เคยรับรู้ถึงความรักของพ่อแม่มาก่อน หญิงสาวคิดไปถึงต้นโสมเจ้าปัญหาต้นนั้น ที่บัดนี้ถูกนำไปเก็บไว้ในห้องของนางเป็นที่เรียบร้อยต้นโสมเพียงหนึ่งต้น แต่กลับลากดึงเอาความโลภโมโทสันภายในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ออกมาตีแผ่ นางหวังเพียงแต่ว่า ลี่ห่าวฟง จะไม่ทำให้มารดาของเขาผิดหวัง"พี่สะใภ้ พี่หานตงให้ข้ามาบอกท่านว่า วันนี้เป็นวันที่นัดกับช่างเฟิ่งไว้ขอรับ""เจ้าช่วยไปเรียกอาเสิ้นมาพบข้าหน
"พี่สะใภ้ขอรับ สำหรับสบู่ของข้า ข้าคิดออกแล้วขอรับว่าจะทำยังไง"เซียนย้งเกิดความคิดขึ้นตอนที่เขาฟังพี่สะใภ้กับทุกคนวางแผนการค้าถ่านกัน"ไหนเจ้าลองว่ามาซิ อาย้ง""ตอนนี้สบู่ของข้ามีรูปร่างเหมือนสบู่ทั่วไปที่ขายอยู่ ข้าอยากให้ท่านช่วยข้าออกแบบแม่พิมพ์ขึ้นมาใหม่ นอกจากนั้นข้าอยากมีตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ที่จะให้คนทั่วไปรู้ว่า นี่เป็นสบู่ของพวกเราด้วยขอรับ""สัญลักษณ์?""ขอรับพี่สะใภ้ ข้าอยากตั้งชื่อทางการค้าให้คนรู้ว่า สินค้าพวกนี้มาจากครอบครัวของพวกเรา""ดีๆ ข้าเห็นด้วยกับเจ้า"อาเสิ้นตาโต เขาก็อยากให้ถ่านของเขามีชื่อร้านเหมือนกัน"แล้วเจ้าคิดชื่อไว้แล้วหรือยัง หรือจะให้พวกข้าช่วยคิดให้"หญิงสาวมองดูเด็กหนุ่มทั้งสองที่กระตือรือร้น ดวงตาเป็นประกายอย่างตื่นเต้น ก็ช่วยส่งเสริม"ข้าอยากให้ร้านของข้า ชื่อ เหนียนเหยา ขอรับ"หญิงสาวตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าเซียนย้งจะเสนอชื่อนางขึ้นมา"เจ้าพอจะบอกเหตุผลข้าได้หรือไม่อาย้ง"หานตงถามขึ้น เขาพอจะรู้ใจของน้องคนนี้ดี แต่ก็อยากจะรู้ว่า จะเหมือนที่เขาคิดไว้หรือไม่"เพราะพี่สะใภ้ เป็นเสมือนแสงสว่างที่สาดเข้ามาในชีวิตของครอบครัวข้า ขับไล่ความมืดมิด ช่วยให้ข้าเห
"ท่านแม่ ท่านแม่ขอรับ ได้โปรดตื่นเถิด อย่าทิ้งข้ากับท่านพ่อไปนะขอรับ ฮือ ฮือ""ท่านพ่อ ทำไมท่านแม่ถึงนอนแน่นิ่งแบบนี้ ท่านพ่อช่วยปลุกท่านแม่หน่อยขอรับ"เสียงใครกัน หนวกหูชะมัด ฉันขอนอนนานๆหน่อยได้ไหม เว่ยเหนียนเหยา คิดในใจอย่างรำคาญ เมื่อวานนี้กว่าเธอจะปิดบัญชีของภัตตาคารหรูระดับห้าดาวเสร็จ เธอต้องเคร่งเครียดจนลืมกินลืมนอนไปหลายคืน " เจ้าใหญ่ เจ้ารอง หยุดร้องไห้ก่อนเถอะ เจ้าดูแม่เจ้าไว้ก่อน เดียวพ่อจะไปตามท่านหมอจางมาดูแม่เจ้า"เสียงอีกเสียงดังขึ้น ฟังดูก็รู้ว่า น่าจะเป็นชายหนุ่มอายุไม่เยอะเท่าไหร่ ว่าแต่ว่าพวกเขาพูดถึงใครกัน แล้วคนพวกนี้เข้ามาอยู่ในบ้านเธอได้ยังไง แย่แล้ว!!! หรือว่าจะเป็นโจร เว่ยเหนียนเหยาคิดอย่างตกใจ พยายามที่จะลืมตาขึ้น แต่กลับรู้สึกปวดหัว และเจ็บข้างหลังท้ายทอยเป็นอย่างมาก หญิงสาวค่อยๆยกมือ ลูบไปยังบริเวณที่เจ็บ พร้อมกับลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก แสงสว่างสาดเข้ากับดวงตา ทำให้ตาของเธอพร่าไปเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆคุ้นชิน หญิงสาวกวาดสายตามองดูโดยรอบนี่เธออยู่ที่ไหน ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ หรือเธอถูกโจรจับมาเรียกค่าไถ่ สารพัดคำถามที่ไร้คำตอบดังขึ้นมาในหัว แต่ก่อนที
"พี่สะใภ้ขอรับ สำหรับสบู่ของข้า ข้าคิดออกแล้วขอรับว่าจะทำยังไง"เซียนย้งเกิดความคิดขึ้นตอนที่เขาฟังพี่สะใภ้กับทุกคนวางแผนการค้าถ่านกัน"ไหนเจ้าลองว่ามาซิ อาย้ง""ตอนนี้สบู่ของข้ามีรูปร่างเหมือนสบู่ทั่วไปที่ขายอยู่ ข้าอยากให้ท่านช่วยข้าออกแบบแม่พิมพ์ขึ้นมาใหม่ นอกจากนั้นข้าอยากมีตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ที่จะให้คนทั่วไปรู้ว่า นี่เป็นสบู่ของพวกเราด้วยขอรับ""สัญลักษณ์?""ขอรับพี่สะใภ้ ข้าอยากตั้งชื่อทางการค้าให้คนรู้ว่า สินค้าพวกนี้มาจากครอบครัวของพวกเรา""ดีๆ ข้าเห็นด้วยกับเจ้า"อาเสิ้นตาโต เขาก็อยากให้ถ่านของเขามีชื่อร้านเหมือนกัน"แล้วเจ้าคิดชื่อไว้แล้วหรือยัง หรือจะให้พวกข้าช่วยคิดให้"หญิงสาวมองดูเด็กหนุ่มทั้งสองที่กระตือรือร้น ดวงตาเป็นประกายอย่างตื่นเต้น ก็ช่วยส่งเสริม"ข้าอยากให้ร้านของข้า ชื่อ เหนียนเหยา ขอรับ"หญิงสาวตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าเซียนย้งจะเสนอชื่อนางขึ้นมา"เจ้าพอจะบอกเหตุผลข้าได้หรือไม่อาย้ง"หานตงถามขึ้น เขาพอจะรู้ใจของน้องคนนี้ดี แต่ก็อยากจะรู้ว่า จะเหมือนที่เขาคิดไว้หรือไม่"เพราะพี่สะใภ้ เป็นเสมือนแสงสว่างที่สาดเข้ามาในชีวิตของครอบครัวข้า ขับไล่ความมืดมิด ช่วยให้ข้าเห
เว่ยเหนียนเหยายืนอยู่บนระเบียง คิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา นางนับถือนางลี่สือหลินมาก แม้จะรักบุตรชายเพียงใดแต่ก็ไม่ยอมเห็นผิดเป็นถูก กัดฟันส่งบุตรชายเข้ารับโทษที่ก่อตอนแรกนางยังคิดว่า นางลี่สือหลินจะล้มป่วยเพราะตรอมใจอยู่หลายวัน หากเพียงแค่สองวัน นางลี่สือหลินกลับลุกขึ้นไปทำงาน นางกับซินเซียงพยายามห้ามปรามขอให้พักผ่อนอีกสักหน่อยรอยยิ้มเศร้าสร้อยปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากคู่นั้น ก่อนจะกล่าวว่า" อาเหยา คนเป็นแม่จะอ่อนแอไม่ได้ ตอนนี้บุตรชายของข้ากำลังหกล้ม ข้าหวังว่า สักวันเขาจะคิดได้ และลุกขึ้นยืนใหม่ เมื่อนั้นมือคู่นี้ของข้ายังต้องช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้น"เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็น้ำตาคลอ ชาติที่แล้ว นางไม่มีพ่อแม่ ไม่เคยรับรู้ถึงความรักของพ่อแม่มาก่อน หญิงสาวคิดไปถึงต้นโสมเจ้าปัญหาต้นนั้น ที่บัดนี้ถูกนำไปเก็บไว้ในห้องของนางเป็นที่เรียบร้อยต้นโสมเพียงหนึ่งต้น แต่กลับลากดึงเอาความโลภโมโทสันภายในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ออกมาตีแผ่ นางหวังเพียงแต่ว่า ลี่ห่าวฟง จะไม่ทำให้มารดาของเขาผิดหวัง"พี่สะใภ้ พี่หานตงให้ข้ามาบอกท่านว่า วันนี้เป็นวันที่นัดกับช่างเฟิ่งไว้ขอรับ""เจ้าช่วยไปเรียกอาเสิ้นมาพบข้าหน
"ภรรยาเจ้าเร็วหน่อยเถอะ เราต้องรีบไปให้ทันรถเที่ยวเช้านะ""ท่านพี่จะรีบไปไหน ป่านนี้คนพวกนั้นยังไม่มีใครรู้หรอกน่า"นางลี่สือหลินยืนกำมือแน่นที่หน้าประตู จู่ๆประตูก็ถูกเปิดออกจากคนที่อยู่ข้างใน ห่าวฟงเห็นมารดา พร้อมน้องเขย น้องสาวยืนอยู่ก็ตกใจ พยายามตั้งสติ"ท่านแม่ ท่าน มาได้ยังไงขอรับ"นางลี่สือหลินมองดูบุตรชายที่ก้าวเท้าถอยหลังเข้าไปในบ้าน ในมือถือห่อผ้าห่อหนึ่ง"เจ้าใหญ่ พวกเจ้ารีบร้อนจะไปไหนกันแต่เช้า"นางลี่สือหลินไม่ตอบ แต่ย้อนถามบุตรชายแทน"พอ ดี แม่ภรรยาไม่ค่อยสบาย ข้าเลยจะพานางไปเยี่ยมดูอาการขอรับ"สะใภ้ตระกูลลี่เมื่อเห็นสามีส่งสายตามาให้ ก็รีบเอ่ยเสริมคำ"ใช่เจ้าค่ะท่านแม่สามี ท่านแม่ข้าไม่สบาย ข้าจึงจะรีบไปเยี่ยม อีกอย่างข้าอยากจะนำข่าวดีไปบอกท่านด้วยตัวเอง""พวกเจ้าก็เลยทำตัวเป็นบุตรเขยบุตรสาวที่ดี เอาต้นโสมไปเยี่ยมซินะ"นางลี่สือหลิน ตวาดออกไปอย่างหมดความอดทน มองมือบุตรชายที่กุมห่อผ้าแน่นเข้าไปอีก"ท่านแม่ ท่านพูดเรื่องอะไร ข้าไม่เข้าใจขอรับ""ข้าก็พูดเรื่องที่เจ้าสองสามีภรรยาเข้าไปขโมยโสมที่บ้านของอาเหยาไงละ"ห่าวฟงหน้าซีด เขารู้ตั้งแต่เห็นหน้ามารดาที่หน้าประตูแล้ว ว่าม
"มา มาลูกสะใภ้เจ้านั่งก่อน"นางลี่สือหลิน รีบบอกให้บุตรชายประคองลูกสะใภ้นั่งลงบนเก้าอี้"น้องสาว น้องเขยตอนนี้คงสบายดีสินะ ท่าทางจะร่ำรวยกันใหญ่"ลี่ห่าวฟงบุตรชายของนางลี่สือหลิน กล่าวออกมาอย่างประชดประชัน เขามองไปมองรอบๆบ้านหลังนี้ด้วยความอิจฉา ครั้งก่อนเขาเคยขอให้มารดา ช่วยพูดกับน้องสาวและน้องเขยว่าให้ตนและภรรยาเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วย แต่คนพวกนี้ล้วนแล้งน้ำใจต่อเขากับภรรยา ดีว่ามารดาแอบส่งเงินทองไปให้เขาใช้อยู่เรื่อยๆ ชีวิตเขากับภรรยาจึงไม่ได้ลำบากอะไร"พวกข้าก็แค่มีกินมีใช้นะขอรับ ท่านพี่ภรรยา"เซียนย้งจริงๆ ไม่ค่อยจะชอบพี่ภรรยาคนนี้มากนะ เพราะเขาเป็นคนหยิบโหย่งไม่ค่อยชอบทำงานเท่าไหร่ แถมยังชอบใช้กำลังกับภรรยาของเขาและท่านแม่ยายอยู่บ่อยครั้ง"เอาละ เอาละ มากินข้าวกันเถอะ วันนี้พวกเจ้าต้องกินเยอะๆนะ อ้าวข้าลืม พวกเจ้ากินกันไปก่อน ข้าไปเอาน้ำแกงไก่ที่บ้านอาเหยาก่อน"นางลี่สือหลินออกไปไม่นานก็กลับมาพร้อมน้ำแกงไก่ถ้วยใหญ่"อาเซียงเมื่อกี้ตอนแม่ไปตักน้ำแกงไก่ เห็นกล่องใส่โสมยังวางอยู่ในครัว เห็นอาย้งบอกว่า โสมหัวนั้นราคาหลายร้อยตำลึงทอง ทำไมเอามาวางไว้อย่างนั้นละ"ซินเซียงแอบมองไปยังพี่ชาย
ชุนเหมยเมื่อเห็นน้องสาวต่างสายเลือด กระวีกระวาดวิ่งออกไปหาสามีก็ส่ายหัวยิ้มๆ นางเดินออกจากห้องโถง มุ่งตรงกลับเข้าห้องนอนทันที"เวิ้นสุ่ย"เสียงราบเรียบของหญิงสาวคล้ายพูดคุยกับอากาศที่อยู่ภายในห้อง เงาดำสายหนึ่งเคลื่อนออกมาจากมุมห้องอย่างเงียบๆ"นายหญิง""เจ้าไปสืบเรื่องนั้นมาให้ข้า จำไว้ข้าต้องการเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียด"ไร้เสียงตอบรับใดๆ มีเพียงเงาดำสายนั้น ที่เลือนหายไปคล้ายไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ชุนเหมย เดินออกจากห้องไปช้าๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น"ท่านพี่ตอนที่อยู่ที่หอการค้ากลางทำไมท่านไม่ช่วยข้าออกความคิดเห็นบ้างเลยเจ้าค่ะ"หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างแง่งอน ที่สามีไม่ช่วยนางออกความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับร้านค้าที่นางจะซื้อ"ก็พี่ไม่มีความรู้เรื่องนี้ พี่ว่าร้านไหนเจ้าเห็นว่าดีพี่ก็ว่าดี พี่ล้วนเชื่อฟังเจ้าเหยาเอ๋อ"เซียงย้งกลั้นหัวเราะหน้าแดง เมื่อเห็นพี่ชายกลายสภาพเป็นแมวหนุ่มช่างออดอ้อนต่อหน้าพี่สะใภ้ ก่อนจะรีบปรับสีหน้า เมื่อเห็นสายตาพิฆาตที่พี่ชายส่งตรงมาให้"พี่สะใภ้ในเมื่อท่านยังไม่ถูกใจ ก็ค่อยๆ หาไปก็ได้ขอรับ ข้าและ พี่หานตงล้วนเชื่อฟังท่าน""อะ นั่น นั่น น่าจะใช่ร้านเหล็กที่พี่ช
เว่ยเหนียนเหยากำลังกล่าวขอตัวจากเหวินฉีและภรรยา แต่อาเสิ้นก็เดินเข้ามาในบ้านซะก่อน"พี่บุญธรรม ท่านพอจะมีเวลาสักครู่หรือไม่ขอรับ ถ่านเตาแรกตากแดดดีแล้ว ข้าอยากพาท่านไปดู""ได้สิ งั้นอาเซียงเจ้าไปโรงงานเถอะ เดี๋ยวพวกข้าจะไปกับอาเสิ้น"อาเสิ้นลากถ่านที่เขาเก็บใส่ตะกร้าแล้ว ออกมาให้ทุกคนดู หญิงสาวหยิบถ่านขึ้นมาตรวจดู เห็นว่าทุกก้อนแห้งสนิทแล้วจริงๆจึงให้อาเสิ้นลองก่อไฟขึ้นมาดู ถ่านนี้เป็นถ่านที่ทำจากเศษไม้ต่างๆที่เก็บมารวมกัน จึงทำให้มีควันไฟค่อนข้างมาก ซ้ำยังมีกลิ่นแรง แถมแรงไฟที่ได้ก็ไม่สม่ำเสมอนางบอกให้อาเสิ้นจดข้อเสียเหล่านี้ไว้ เพราะเตาต่อไปจะลองใช้ไม้ไผ่อย่างเดียว อาเสิ้นตื่นเต้นมากอยากจะรีบไปเก็บไม้ไผ่กลับมาทดลองแต่นางบอกว่า รอให้พวกนางกลับมาจากในเมืองก่อนจะดีกว่า จะได้มีคนขึ้นเขาไปเป็นเพื่อนเมื่อเห็นว่าไม่มีธุระอะไรที่ต้องทำในบ้านแล้ว เว่ยเหนียนเหยาจึงรีบเดินทางเข้าในเมือง วันนี้นางมีงานต้องทำมากมายเลยทีเดียวเมื่อมาถึงตัวเมือง นางให้สามีและเซียนย้ง นำปลาไหลที่ได้ไปขายก่อนหานตงจึงมุ่งหน้าไปที่ภัตตาคารที่เคยนำปลาไหลมาขายในครั้งก่อน เสี่ยวเอ้อจำพวกเขาได้ก็ร้องทักอย่างดีใจ"พวก
"อาเซียง เจ้าเดินรอข้าด้วยสิ""อาย้งเจ้าก็เดินให้เร็วหน่อยสิ พี่สะใภ้กำลังรอไก่จากข้าอยู่นะ""เดี๋ยวนี้ เจ้าหายใจเข้าหายใจออกเป็นพี่สะใภ้ ข้าชักจะน้อยใจแล้วสิ""หึ แน่นอนว่า พี่สะใภ้ของข้า ต้องสำคัญกว่าเจ้า""เจ้าพูดเช่นนี้ คอยดูเถอะ คืนนี้ข้าจะลงโทษเจ้าเช่นไร""เจ้า! ไม่ต้องพูดแล้ว รีบเดินเร็ว นี่มันหน้าบ้านท่านป้าเจ้านี่ รีบเดินเร็วๆ เข้าเถอะ เจ้าไม่กลัวหรือยังไง"ซินเซียงหันซ้ายแลขวา เนื่องจากบ้านหลังนี้เป็นบ้านของท่านป้าของเซียนย้ง แต่นางเสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว ส่วนบุตรชายกับลูกสะใภ้ก็ทำงานที่เมืองหลวง จึงปล่อยบ้านทิ้งร้างไว้เคร้ง......ปึก ปึก ปึกซินเซียงหันไปเกาะแขนเซียนย้ง หน้าขาวซีด"อา...ย้ง เจ้า..ได้ยินเสียง อะไรไหม""คงจะเป็นเสียงหนูละมั้ง ข้าว่าเรารีบไปกันดีกว่าเนอะ"เซียนย้งที่หิ้วไก่อยู่ ใช้มืออีกข้างดึงให้ซินเซียงรีบเดินตาม"อาย้ง ....อาเซียง""อา...ย้ง ได้ยินเสียงคน คนเรียก พวกเราไหม"ตอนนี้ เซียนย้งเองก็เริ่มหน้าซีดไปเหมือนกัน จับมือซินเซียงเตรียมวิ่งออกไป"อาย้ง อาเซียง นี่ข้าเอง พี่ซีเม่ย ภรรยาท่านพี่เหวินฉีไง""พี่สะใภ้ เป็นท่าน แล้วท่านพี่เหวินฉีละขอรับ"เซียนย
" พี่สะใภ้ท่านมาแล้ว ข้าจะออกไปตามก็ไม่กล้าวางมือ""อาย้ง นำโถที่ข้าเตรียมไว้ทางโน่นมา นำผ้ามาปูบนปากโถ แล้วเอาผ้าชิ้นเล็กที่ข้าตัดไว้แล้ว รัดผ้าที่วางตรงปากโถให้แน่น ข้าจะกรองน้ำมันหอมอีกรอบ"เซียนย้งทำงานคล่องแคล่ว เดี๋ยวเดียวโถพร้อมผ้ากรองก็อยู่ตรงหน้านาง นางจัดการตามขั้นตอนสุดท้ายอย่างรวดเร็วในที่สุดน้ำมันทั้งหมดก็ถูกเทใส่โถ และดอกกุหลาบก็ถูกวางใส่ผ้ากรองทิ้งไว้"พี่สะใภ้ ต้องวางไว้นานเท่าใดขอรับ""วางไว้จนกว่า น้ำมันในดอกไม้จะออกมาหมด""ดอกไม้กับน้ำมันยังเหลืออยู่ ท่านจะให้ข้าทำต่อเลยไหมขอรับ""น่าจะทำต่อได้อีกหนึ่งถังเจ้าจัดการเลย ข้าจะคอยดู"เซียนย้งจัดการตามวิธีที่จำได้ มีผิดไปบ้างแต่เว่ยเหนียนเหยาก็คอยบอกอยู่ข้างๆ จนตุ๋นน้ำมันหอมเรียบร้อย"เอาละทีนี้มาตัดสบู่กัน เจ้าไปหยิบถาดที่ใส่สบู่มา"เซียนย้งหยิบถาดที่ใส่สบู่มาหนึ่งถาด วันนี้พี่สะใภ้ทำสบู่สามถาด เขาทำเองอีกหนึ่งถาด รวมแล้วเป็นสี่ถาด เดี๋ยวถาดนี้ให้พี่สะใภ้ตัดให้เขาดู ส่วนถาดอื่นๆเขาจะขอลองตัดเองเว่ยเหนียนเหยารับถาดไม้มา จากนั้นก็ใช้มีดเล็กบางเลาะไปข้างๆถาดไม้แล้วคว่ำถาดลงเคาะเบาๆ สบู่ก็หลุดออกมา นางจับก้อนสบู่ก้อนใหญ่ไ
หญิงสาวเล่าเรื่องที่เว่ยหานหมิงเข้าหานาง ทุกคำพูด ทุกการกระทำ นางล้วนเล่าออกมาทั้งหมด นางไม่ใช่นางเอก ที่จะยอมปิดบังเรื่องต่างๆ เพื่อความสบายใจของพระเอก จนบางครั้งก็เกิดเรื่องราวใหญ่โตสำหรับนางการพูดคุยกันทุกเรื่องจะช่วยให้ชีวิตคู่ของพวกนางมั่นคงขึ้นอีกก้าว"เจ้าบอกว่าน้องเล็กเรียกเจ้าว่า อาเหยา หรือ""เจ้าค่ะ""แถมยังทำท่าอาลัยอาวรณ์เจ้าอีก""เจ้าค่ะ""ถ้าอย่างนั้นต่อไป เจ้าก็ไม่ต้องตามพี่ไปที่บ้านนั้นอีก และต่อไปพี่จะไม่เรียกเจ้าว่า อาเหยา แล้ว"อ้าว นี่นางทำให้สามีทำไหน้ำส้มหกนองหรือไร หญิงสาวเอนกายซบอกแกร่งสามีอย่างออดอ้อน"ถ้าเช่นนั้น ท่านจะเรียกข้าว่าอะไรดีเจ้าคะ""เหยาเอ๋อ พี่จะเรียกเจ้าว่า เหยาเอ๋อ ต่อไปเจ้าจะเป็นเหยาเอ๋อของพี่เพียงคนเดียว เจ้ายังจำสัญญาได้หรือไม่ ครั้งนี้เจ้าต้องมีลูกสาวอวบอ้วนให้พี่สักหลายๆ คนนะ เหยาเอ๋อ"ชายหนุ่มจับคางภรรยาขึ้นรับจุมพิตอ่อนโยนที่เขามอบให้ เขารู้ว่า นางไม่ใช่อาเหยาในอดีตที่มีใจรักต่อเว่ยหานหมิงผู้เป็นน้องชายครั้งนี้เขาตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่า จะทำตามคำสั่งบิดา ไม่จำเป็นจะไม่ไปที่บ้านหลังนั้นอีกกลิ่นกายหอมกรุ่นในอ้อมแขน ดึงสติเขาออกจากความคิ