"ภรรยาเจ้าเร็วหน่อยเถอะ เราต้องรีบไปให้ทันรถเที่ยวเช้านะ"
"ท่านพี่จะรีบไปไหน ป่านนี้คนพวกนั้นยังไม่มีใครรู้หรอกน่า" นางลี่สือหลินยืนกำมือแน่นที่หน้าประตู จู่ๆประตูก็ถูกเปิดออกจากคนที่อยู่ข้างใน ห่าวฟงเห็นมารดา พร้อมน้องเขย น้องสาวยืนอยู่ก็ตกใจ พยายามตั้งสติ "ท่านแม่ ท่าน มาได้ยังไงขอรับ" นางลี่สือหลินมองดูบุตรชายที่ก้าวเท้าถอยหลังเข้าไปในบ้าน ในมือถือห่อผ้าห่อหนึ่ง "เจ้าใหญ่ พวกเจ้ารีบร้อนจะไปไหนกันแต่เช้า" นางลี่สือหลินไม่ตอบ แต่ย้อนถามบุตรชายแทน "พอ ดี แม่ภรรยาไม่ค่อยสบาย ข้าเลยจะพานางไปเยี่ยมดูอาการขอรับ" สะใภ้ตระกูลลี่เมื่อเห็นสามีส่งสายตามาให้ ก็รีบเอ่ยเสริมคำ "ใช่เจ้าค่ะท่านแม่สามี ท่านแม่ข้าไม่สบาย ข้าจึงจะรีบไปเยี่ยม อีกอย่างข้าอยากจะนำข่าวดีไปบอกท่านด้วยตัวเอง" "พวกเจ้าก็เลยทำตัวเป็นบุตรเขยบุตรสาวที่ดี เอาต้นโสมไปเยี่ยมซินะ" นางลี่สือหลิน ตวาดออกไปอย่างหมดความอดทน มองมือบุตรชายที่กุมห่อผ้าแน่นเข้าไปอีก "ท่านแม่ ท่านพูดเรื่องอะไร ข้าไม่เข้าใจขอรับ" "ข้าก็พูดเรื่องที่เจ้าสองสามีภรรยาเข้าไปขโมยโสมที่บ้านของอาเหยาไงละ" ห่าวฟงหน้าซีด เขารู้ตั้งแต่เห็นหน้ามารดาที่หน้าประตูแล้ว ว่ามารดาน่าจะรู้เรื่องที่เขาทำทั้งหมดแล้ว ชายหนุ่มเอามือไขว้หลัง ส่งห่อผ้าให้ภรรยา "ท่านแม่ ท่านฟังข้าก่อน ท่านก็รู้ว่า โสมต้นนี้ราคาแพงเพียงไหน แค่เรานำมันไปขาย ครอบครัวเราก็จะสุขสบายกันทั้งบ้าน เอาอย่างนี้ดีไหมขอรับ พวกเรานำมันไปขายด้วยกัน ข้าจะแบ่งเงินให้พวกท่านครึ่งหนึ่ง พอเราได้เงินแล้ว พวกเราก็ไปจากที่นี่ ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ดีไหมขอรับท่านแม่" ห่าวฟงคุกเข่าลงกอดเอวมารดา เหมือนสมัยที่ตัวเองยังเป็นเด็กแล้วออดอ้อนอยากจะได้อะไรสักอย่าง ปรกติมารดารักเขามาก ยามที่เขาทำเช่นนี้ ไม่เคยมีสักครั้งที่มารดาจะขัดใจ "ท่านแม่ ท่านก็เห็น ภรรยาอาตงไม่ได้สนใจโสมต้นนี้ นางวางทิ้งไว้เหมือนของไม่มีค่า กว่านางจะรู้เราก็ไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว" "แต่เจ้ากำลังจะทำให้คนอื่นเดือดร้อน เจ้าคิดบ้างหรือเปล่า" "ท่านแม่ ท่านจะไปคิดถึงคนอื่นทำไม คนพวกนั้นไม่ใช่ญาติของเราเสียหน่อย ข้าต่างหากที่เป็นลูกท่าน" นางลี่สือหลินหลับตา น้ำตาที่อดกลั้นไว้ไหลลงมาอาบหน้า ผลักตัวบุตรชายออก พร้อมตวัดมือลงไปบนใบหน้าของบุตรชายอย่างแรง เพี๊ยะ ห่าวฟงลุกขึ้นยืนอย่างตกตะลึง ตั้งแต่เขาจำความได้ มารดารักและตามใจเขามากที่สุด นางไม่เคยแม้แต่จะด่าทอเขาเลยสักครั้ง แต่ครั้งนี้นางกลับตบหน้าเขา "อาย้ง ไปเอาห่อผ้ามาให้ข้า" นางลี่สือหลินพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด "พวกเจ้าอย่าเข้ามา ไม่อย่างนั้นจะหาว่าข้าไม่เตือน" ห่าวฟงดันภรรยาไปด้านหลัง วันนี้ยังไงเขาก็จะไม่ยอมมอบโสมต้นนี้ให้กับใครเด็ดขาด "พี่ชาย ท่านอย่าได้ทำผิดอีก ส่งโสมต้นนั้นมาเถอะ ให้พวกข้านำกลับไป ข้าสัญญาว่า เรื่องนี้เราจะรู้กันแค่นี้" "หยุดพูดไปเลย นังสารเลว ข้าไม่มีน้องอย่างเจ้า ที่พอได้ดิบได้ดี ก็ลืมญาติพี่น้อง โสมนี้อยู่ในมือข้าแล้ว ข้าจะไม่ยอมให้ใครเด็ดขาด พวกเจ้าถอยไป" ห่าวฟงคว้ากรรไกรในตะกร้าเย็บผ้าขึ้นมา พร้อมขู่ให้ทุกคนหลีกทาง "ท่านพี่ภรรยา ท่านเห็นแก่ท่านแม่ยายเถอะ อย่าทำแบบนี้เลย" เซียนย้งพยายามพูดเกลี้ยกล่อมพร้อมหาทางที่จะเข้าไปแย่งกรรไกรในมือของห่าวฟง ห่าวฟงมัวแต่ระวังทางเซียนย้ง นางลี่สือหลินเห็นดังนั้นก็โถมตัวเข้าไปแย่งกรรไกรในมือบุตรชายทันที เซียนย้งเห็นว่าแม่ยายตนทำเช่นนั้นก็รีบเข้าไปช่วย ห่าวฟงเห็นเซียนย้งโถมตัวเข้ามา ก็ลืมตัวสลัดร่างของมารดาอย่างแรง จนร่างของนางลี่สือหลิน กระเด็น ออกไป "กรี๊ดดดดดดด" "ท่านแม่!!!!" เสียงหญิงสาวสองคนที่อยู่ในบ้านร้องขึ้นอย่างตกใจ ซินเซียงวิ่งถลาเข้าไปหามารดาที่นอนนิ่งอยู่กับพื้น บริเวณหน้าผากมีเลือดไหลออกมา ส่วนภรรยาห่าวฟงตอนนี้แม้แต่เรี่ยวแรงจะยืนก็ยังไม่มี นางตัวสั่นเทาทรุดลงกับพื้น "หยุด นี่มันเกิดอะไรขึ้น หยุดเดี๋ยวนี้" ห่าวฟงตกใจกับเสียงตวาดที่ดังขึ้น ทำให้เซียนย้งมีโอกาสแย่งกรรไกรแล้วจับตัวเขาไว้ ผู้ใหญ่บ้านและชายฉกรรจ์อาวุธครบมือห้าหกคน เดินเข้ามาภายในบ้าน เมื่อสักครู่เพื่อนบ้านของห่าวฟงได้ยินเสียงโครมครามคล้ายคนต่อสู้กัน ก็คิดว่าอาจจะมีโจรเข้ามาปล้นบ้านเพื่อนบ้าน จึงได้รีบไปแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านรีบมาที่บ้านของห่าวฟง "นี่มันเกิดอะไรขึ้น มีใครจะตอบข้าได้บ้าง" ผู้ใหญ่บ้านเห็นซินเซียงร้องไห้กอดร่างนางลีสือหลินที่นอนแน่นิ่งมีเลือดไหลอาบใบหน้าก็ตกใจ สั่งให้คนรีบไปตามหมอจางมาทันที "สรุปแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นเพราะลี่ห่าวฟงกับภรรยาต้องการเอาโสมที่ขโมยมาจากบ้านเว่ยหานตงไปขาย พวกเจ้าสามคนรู้เรื่องเข้า จึงเข้ามาขัดขวาง ทำให้ลี่ห่าวฟงพลั้งมือทำร้ายมารดาถูกหรือไม่" "เป็นเช่นนั้นขอรับท่านผู้ใหญ่บ้าน" เซียนย้งกล่าวตอบ ตอนนี้คนทั้งหมดถูกพามาที่ห้องแจ้งข่าว เพื่อให้ผู้ใหญ่บ้าน สอบสวนข้อเท็จจริง "ลี่ห่าวฟง เจ้ามีอะไรจะแย้งหรือไม่" ผู้ใหญ่บ้านถามต่อ แม้จะมีหลักฐานคือต้นโสมในห่อผ้าที่ยึดมาจากภรรยาของห่าวฟง แต่เขาก็ต้องให้ความยุติธรรมกับทั้งสองฝ่าย "ท่านผู้ใหญ่บ้านเป็นข้าที่เลอะเลือนชั่วขณะ ปล่อยให้ความโลภเข้าบังตา ได้โปรดเมตตาปล่อยข้าไปสักครั้งเถอะขอรับ" ห่าวฟงพูดเสร็จก็ก้มหน้าก้มตา หลบสายตาชาวบ้านที่ตอนนี้อยู่ในห้องแจ้งข่าว เสียงพูดคุยหนาหูวิพากษ์วิจารณ์เขากับภรรยา ยิ่งทำให้ชายหนุ่มหน้าแดงก่ำไปด้วยความอับอาย "เจ้าแย่งชิงสิ่งของผู้อื่น ซ้ำยังทำร้ายมารดาจนบาดเจ็บ ไม่ว่าจะมองข้อไหนก็ล้วนเป็นความผิดร้ายแรง นางลี่สือหลิน ตอนนี้เจ้าเป็นเจ้าทุกข์ เจ้าจะว่ายังไง" นางลี่สือหลินซึ่งตอนนี้ฟื้นขึ้นมาแล้ว โชคดีที่แผลที่หน้าผากไม่เป็นอะไรมาก นางเพียงแค่ตกใจประกอบกับร่างกายที่ไม่ได้พักผ่อนมาตลอดคืนจึงหมดสติไป "เรื่องที่เขาทำกับข้า ยังไงเขาก็เป็นบุตรชาย ข้าไม่อาจตัดใจเอาเรื่องเขาได้" "ท่านแม่! " เสียงซินเซียงร้องขึ้นอย่างไม่ชอบใจ ในขณะที่ห่าวฟงเต็มไปด้วยความดีใจ "หากแต่เรื่องที่เขาแย่งชิงของผู้อื่น ข้าขอให้ท่านจัดการตามกฎของหมู่บ้านเจ้าค่ะ" สีหน้าลี่ห่าวฟงเปลี่ยนไปทันที เขารีบโขกศีรษะขอร้องนางลี่สือหลินผู้เป็นมารดา "ท่านแม่ ท่านแม่ ไม่ได้นะขอรับ โทษขโมยของ หนักมาก ท่านแม่ ท่านต้องช่วยพวกข้านะขอรับ" นางลี่สือหลินยกมือขึ้นปาดน้ำตา ทำไมนางจะไม่รู้ว่าโทษของการแย่งชิงของผู้อื่นหนักหนาเพียงใด ตามกฎหมู่บ้าน ผู้ที่แย่งชิงของผู้อื่นจะถูกโทษโบย 20ไม้ และไล่ออกจากหมู่บ้าน โดยจะมีผู้ใหญ่บ้านนำตัวไปส่งที่ศาลอาญาเพื่อรับโทษโบยและจองจำตามกฎหมายอีกครั้ง นางพยายามข่มความรู้สึกปวดร้าวในหัวใจ มองดูบุตรชายที่ร้องไห้อ้อนวอนนาง "เจ้าใหญ่ เป็นข้าเองที่ทำผิดต่อเจ้า เมื่อก่อนที่เจ้าเอาแต่ใจ กับข้า กับน้องสาวของเจ้า เป็นข้าที่ลำเอียง บอกให้นางยอมเจ้า อ่อนข้อให้เจ้า เพราะข้าคิดว่านางเป็นลูกผู้หญิง อีกไม่กี่ปีก็แต่งออกไป เจ้าเห็นแก่ตัวทำร้ายข้า ข้าไม่ว่า ยิ่งไม่เคยถือโทษเจ้า แต่เจ้ากลับก่อเรื่องใหญ่ ลงมือแย่งชิงข้าวของ ของผู้มีพระคุณ เจ้าใหญ่เงินทองที่ข้ามอบให้เจ้าใช้จ่าย ล้วนมาจากครอบครัวของหานตง วันนี้เจ้าทำเรื่องเนรคุณเช่นนี้ ข้าไม่อาจเมินเฉยได้อีก" ลูกสะใภ้นางลี่สือหลินเมื่อได้ยินแม่สามีพูดตัดรอนเช่นนั้นก็ลนลาน พยายามคิดหาหนทางรอดให้ตัวเองและสามี "ท่านแม่สามี ท่านแม่สามี ถ้าท่านไม่เห็นแก่ท่านพี่ ท่านก็เห็นแก่หลานชายของท่านคนนี้ หากพวกข้าต้องโทษ หลานชายคนนี้คงจะรักษาไว้ไม่ได้แล้ว ฮือออ ท่านแม่ เมตตาด้วย เมตตาทายาทตระกูลลี่ด้วย" นางลี่สือหลินนิ่งอึ้ง ท่าทางลังเล หลานชาย ทายาทของตระกูลลี่ นี่นางจะทำยังไงดี "เหอะ สะใภ้บ้านลี่ เมื่อหลายวันก่อน ข้าเจอเจ้านั่งหน้าตาซีดเซียวที่ริมลำธาร ข้าก็เลยเข้าไปถามไถ่เจ้า เจ้ายังบอกข้าอยู่เลยว่าท่านป้าของเจ้ามาเยี่ยม เจ้าจึงปวดท้องเล็กน้อย เหตุใดวันนี้มาบอกว่าท้องเสียแล้วเล่า" เสียงหญิงนางหนึ่งในกลุ่มชาวบ้านที่มุงดูเอ่ยขึ้น ห่าวฟงหันไปตวาดหญิงนางนั้นตาขวาง "นังบ้า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า หุบปากเน่าๆของเจ้าไปเลย" "ใช่เจ้าค่ะ ท่านแม่สามี นาง.... ข้าว่านางคงจะจำผิดคน " สะใภ้ตระกูลลี่ ปฏิเสธอย่างลนลาน "วันนั้นที่ลำธารมีคนอยู่ตั้งหลายคน จะเรียกมาเป็นพยานก็ยังได้ ไม่อย่างนั้นหมอจางก็อยู่ที่นี่ งั้นก็ให้ท่านหมอตรวจเจ้าดูสิว่าท้องจริงหรือไม่" หญิงคนนั้นกล่าวออกมาอย่างไม่ยอมแพ้ สองสามีภรรยาที่น่ารังเกียจ ขโมยของผู้อื่น นางจะไม่ยอมให้อยู่ในหมู่บ้านเด็ดขาด หากวันดีคืนดีมาขโมยของบ้านนางเล่าจะทำยังไง สองสามีภรรยาเมื่อได้ยินหญิงสาวคนนั้นพูดก็หน้าซีด ดวงตาหลุกหลิก นางลี่สือหลินเห็นดังนั้นก็เข้าใจทุกอย่าง หญิงชราปล่อยให้น้ำตารินไหลอย่างสุดกลั้น ความหวังดังตะเกียงที่ถูกพายุพัดไปจนไม่เหลือแม้เศษซาก "ท่านแม่ ท่าน ท่าน ฟังข้าก่อน ที่ข้าโกหกท่านว่าภรรยาข้าตั้งครรภ์ เพราะข้าคิดว่า ท่านอาจจะเห็นแก่หลานชาย จนยอมออกไปทำงานที่ร้านผ้ากับข้าที่ในเมือง ข้าเพียงแต่อยากมีชีวิตที่ดีกว่านี้ก็เท่านั้น ท่านแม่ ท่านยกโทษให้ข้าเถอะนะ" ห่าวฟงคลานเข้าไปหามารดา แต่ถูกซินเซียงผลักออก "ท่าน ท่านมันอกตัญญู ท่านก็รู้ว่า ท่านแม่อยากได้หลานชายคนนี้แค่ไหน แต่นี่ท่านกลับเอาเรื่องนี้มาเป็นเครื่องมือหลอกนาง ท่านมัน ท่านมัน ไม่ใช่ลูกผู้ชาย" ซินเซียนตวาดออกมาอย่างสุดกลั้น "เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาว่าข้า พวกเจ้าเกาะแข้งเกาะขา ประจบประแจงเจ้าหานตงนั่น พอได้ดีก็ทอดทิ้งพี่น้อง ข้าเคยขอร้องให้ท่านแม่ พาข้าเข้าไปอยู่ที่บ้านนั้นด้วย แต่นางก็ไม่ยอม อ้างว่าบ้านนั้นเป็นของครอบครัวเจ้า ในเมื่อพวกเจ้าทำเช่นนั้นได้ แล้วข้าผิดอะไรที่จะไขว่คว้าหาสิ่งที่ดีให้กับตัวเอง เรื่องโสมก็เหมือนกัน หากพวกเจ้าไม่พากันมาโวยวายที่บ้านข้า เรื่องจะบานปลายเช่นนี้หรือ เป็นพวกเจ้าต่างหากที่ผิดไม่ใช่ข้า" ห่าวฟงเริ่มคุมสติไม่อยู่ เมื่อเห็นมารดานิ่งเงียบไม่ยอมช่วยเหลือ "พี่ใหญ่ ท่านรู้หรือไม่ว่า ท่านแม่เป็นคนสุดท้ายที่เห็นโสมต้นนั้น หากโสมต้นนั้นหายไปท่านแม่จะตกเป็นผู้ต้องสงสัย" "รู้ ข้ารู้ดีเชียวละ ข้าคิดไว้แล้วว่า หากเจ้าหานตงกับเมียมัน สงสัยท่านแม่ จนเกิดเรื่องเกิดราว อย่างมากที่สุดพวกมันก็แค่ขับไล่ท่านแม่ออกมา เพราะเห็นแก่หน้าของพวกเจ้า เมื่อนั้นข้าก็จะรับท่านแม่มาอยู่ด้วย และเกลี้ยกล่อมให้ท่านเข้าไปทำงานกับข้าในตัวเมือง เช่นนั้นแล้วพวกเราจึงจะได้เสวยสุขกัน ฮะ ฮะ ฮะ แต่! พวกสารเลวอย่างพวกเจ้ากลับมาทำแผนการของข้าพังทั้งหมด" ห่าวฟงชี้กราดไปที่ซินเซียงและเซียนย้งอย่างโกรธแค้น "แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่า ท่านแม่ลี่และอาเซียงมีสัญญาจ้างงานกับข้าถึงสิบปี หากพวกนางผิดสัญญาข้อใดข้อหนึ่ง จะต้องชดใช้ให้ข้าเป็นเงินหนึ่งพันตำลึงทอง และต้องโทษโบยมืออีกห้าสิบไม้ด้วย" เสียงเว่ยเหนียนเหยาดังขึ้นจากในกลุ่มผู้คน นางและสามีพึ่งทราบข่าวจากคนที่ผู้ใหญ่บ้านให้ไปตาม จึงได้เร่งรีบตามมา แต่เมื่อมาถึงกับถูกคำพูดของเจ้าคนไม่รู้ถูกผิด ยั่วโมโหจนลมออกหู นางลี่สือหลินก้มหน้า นางละอายจนไม่สามารถมองหน้าหานตงและภรรยาได้ เว่ยเหนียนเหยาเดินเข้ามากอดหญิงชราไว้อย่างเห็นใจ นางลี่สือหลินปล่อยสะอื้น อยู่ในอ้อมกอดของหญิงสาวผู้ที่ไม่ได้มีความเกี่ยวพันทางสายเลือดแม้แต่น้อย "ท่านแม่ลี่ ท่านไม่ต้องกังวล เรื่องทุกเรื่องท่านต้องการอย่างไร ข้ากับท่านพี่ตามใจท่าน" ห่าวฟงได้ยินดังนั้นก็มีหวัง รีบร้องตะโกนบอกมารดา "ท่านแม่ ท่านรีบบอกนาง บอกนางว่า ไม่ให้เอาเรื่องพวกข้า บอกนางสิขอรับ" นางลี่สือหลิน ปาดน้ำตา มองดูบุตรชาย บุตรชายคนนี้ถูกนางตามใจจนเสียคน แม้แต่เรื่องที่ตัวเองทำผิดก็สรรหาคำพูดมาลบล้าง หากวันนี้นางยังยอมอ่อนข้อให้บุตรชาย ก็เหมือนนางเป็นคนหยิบมีดมาฆ่าบุตรชายด้วยตัวของนางเอง "อา เหยา ฮึก เจ้า เจ้า ช่วยข้า ฮึก สั่งสอนเขาให้ดี อย่าอ่อนข้อเด็ดขาด" หญิงสาวพยักหน้ารับคำ ก่อนจะสั่งเซียนย้งและซินเซียงให้พยุงนางลี่สือหลินกลับไปพักที่บ้านก่อน "ท่านผู้ใหญ่บ้านเจ้าคะ ข้าเป็นเจ้าทุกข์เรื่องของที่หาย ดังนั้นข้าขอร้องเรียน ขอให้ท่านทำตามกฎของหมู่บ้านเจ้าค่ะ" "เว่ยเหนียนเหยา เจ้า เจ้า ที่แท้เจ้ามันก็ เป็นนางจิ้งจอกสารเลว ทำเป็นรักใคร่มารดาข้า แต่กลับกล้าร้องเรียนข้าผู้เป็นบุตรชายคนเดียวของนาง" พลั๊ว! กำปั้นอันหนักหน่วงของหานตงต่อยไปที่ปากของห่าวฟงอย่างแรง ห่าวฟงตกใจมาก คิดไม่ถึงว่าหานตงที่เป็นคนที่เฉยชามาตลอด จะลงมือกับตนเช่นนี้ "เจ้าไม่มีสิทธิ์มาพูดจา ด่าทอภรรยาของข้า ต่อไปถ้าข้าได้ยินเจ้าพูดจาว่าร้ายนาง ข้าจะเลาะฟันเจ้าออกมาให้หมดปาก" หานตงพูดใส่อีกฝ่ายอย่างดุดัน ห่าวฟงเอามือเช็ดเลือดออกจากปากที่แตก หลบสายตาของหานตงที่มองมาอย่างโกรธเคือง "เอาละ ๆ เมื่อเจ้าทุกข์มาร้องทุกข์เช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นก็จัดการตามกฎของหมู่บ้านซะก่อน จากนั้นข้าจะนำพวกเขาเข้าไปที่ศาลอาญาในอำเภอ" ผู้ใหญ่บ้านสั่งใช้ชายฉกรรจ์ที่เป็นผู้ช่วย เอาตัวคนทั้งสองไปที่ลาน อ่านประกาศความผิดให้ชาวบ้านได้รับรู้ หลังจากนั้นก็ลงโทษโบย20ไม้แก่คนทั้งคู่ เสียงกรีดร้อง และคร่ำครวญโหยหวนดังต่อเนื่องอย่างน่าสยดสยอง ชาวบ้านที่มามุงดู ต่างสั่งสอนบุตรหลาน ให้เกรงกลัวต่อการกระทำผิด มิฉะนั้นจะต้องโดนลงโทษหนักกว่านี้ หลังจากที่เสร็จสิ้นการลงโทษของหมู่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านก็จับคนทั้งสองขึ้นรถเกวียนไปพร้อมกับผู้คุม ส่วนตัวเองก็นั่งรถม้าไปกับหานตงอย่างสง่าผ่าเผย ในที่สุด ต้นโสมก็ได้ออกโรงแล้ววววววเว่ยเหนียนเหยายืนอยู่บนระเบียง คิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา นางนับถือนางลี่สือหลินมาก แม้จะรักบุตรชายเพียงใดแต่ก็ไม่ยอมเห็นผิดเป็นถูก กัดฟันส่งบุตรชายเข้ารับโทษที่ก่อตอนแรกนางยังคิดว่า นางลี่สือหลินจะล้มป่วยเพราะตรอมใจอยู่หลายวัน หากเพียงแค่สองวัน นางลี่สือหลินกลับลุกขึ้นไปทำงาน นางกับซินเซียงพยายามห้ามปรามขอให้พักผ่อนอีกสักหน่อยรอยยิ้มเศร้าสร้อยปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากคู่นั้น ก่อนจะกล่าวว่า" อาเหยา คนเป็นแม่จะอ่อนแอไม่ได้ ตอนนี้บุตรชายของข้ากำลังหกล้ม ข้าหวังว่า สักวันเขาจะคิดได้ และลุกขึ้นยืนใหม่ เมื่อนั้นมือคู่นี้ของข้ายังต้องช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้น"เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็น้ำตาคลอ ชาติที่แล้ว นางไม่มีพ่อแม่ ไม่เคยรับรู้ถึงความรักของพ่อแม่มาก่อน หญิงสาวคิดไปถึงต้นโสมเจ้าปัญหาต้นนั้น ที่บัดนี้ถูกนำไปเก็บไว้ในห้องของนางเป็นที่เรียบร้อยต้นโสมเพียงหนึ่งต้น แต่กลับลากดึงเอาความโลภโมโทสันภายในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ออกมาตีแผ่ นางหวังเพียงแต่ว่า ลี่ห่าวฟง จะไม่ทำให้มารดาของเขาผิดหวัง"พี่สะใภ้ พี่หานตงให้ข้ามาบอกท่านว่า วันนี้เป็นวันที่นัดกับช่างเฟิ่งไว้ขอรับ""เจ้าช่วยไปเรียกอาเสิ้นมาพบข้าหน
"พี่สะใภ้ขอรับ สำหรับสบู่ของข้า ข้าคิดออกแล้วขอรับว่าจะทำยังไง"เซียนย้งเกิดความคิดขึ้นตอนที่เขาฟังพี่สะใภ้กับทุกคนวางแผนการค้าถ่านกัน"ไหนเจ้าลองว่ามาซิ อาย้ง""ตอนนี้สบู่ของข้ามีรูปร่างเหมือนสบู่ทั่วไปที่ขายอยู่ ข้าอยากให้ท่านช่วยข้าออกแบบแม่พิมพ์ขึ้นมาใหม่ นอกจากนั้นข้าอยากมีตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ที่จะให้คนทั่วไปรู้ว่า นี่เป็นสบู่ของพวกเราด้วยขอรับ""สัญลักษณ์?""ขอรับพี่สะใภ้ ข้าอยากตั้งชื่อทางการค้าให้คนรู้ว่า สินค้าพวกนี้มาจากครอบครัวของพวกเรา""ดีๆ ข้าเห็นด้วยกับเจ้า"อาเสิ้นตาโต เขาก็อยากให้ถ่านของเขามีชื่อร้านเหมือนกัน"แล้วเจ้าคิดชื่อไว้แล้วหรือยัง หรือจะให้พวกข้าช่วยคิดให้"หญิงสาวมองดูเด็กหนุ่มทั้งสองที่กระตือรือร้น ดวงตาเป็นประกายอย่างตื่นเต้น ก็ช่วยส่งเสริม"ข้าอยากให้ร้านของข้า ชื่อ เหนียนเหยา ขอรับ"หญิงสาวตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าเซียนย้งจะเสนอชื่อนางขึ้นมา"เจ้าพอจะบอกเหตุผลข้าได้หรือไม่อาย้ง"หานตงถามขึ้น เขาพอจะรู้ใจของน้องคนนี้ดี แต่ก็อยากจะรู้ว่า จะเหมือนที่เขาคิดไว้หรือไม่"เพราะพี่สะใภ้ เป็นเสมือนแสงสว่างที่สาดเข้ามาในชีวิตของครอบครัวข้า ขับไล่ความมืดมิด ช่วยให้ข้าเห
"ท่านแม่ ท่านแม่ขอรับ ได้โปรดตื่นเถิด อย่าทิ้งข้ากับท่านพ่อไปนะขอรับ ฮือ ฮือ""ท่านพ่อ ทำไมท่านแม่ถึงนอนแน่นิ่งแบบนี้ ท่านพ่อช่วยปลุกท่านแม่หน่อยขอรับ"เสียงใครกัน หนวกหูชะมัด ฉันขอนอนนานๆหน่อยได้ไหม เว่ยเหนียนเหยา คิดในใจอย่างรำคาญ เมื่อวานนี้กว่าเธอจะปิดบัญชีของภัตตาคารหรูระดับห้าดาวเสร็จ เธอต้องเคร่งเครียดจนลืมกินลืมนอนไปหลายคืน " เจ้าใหญ่ เจ้ารอง หยุดร้องไห้ก่อนเถอะ เจ้าดูแม่เจ้าไว้ก่อน เดียวพ่อจะไปตามท่านหมอจางมาดูแม่เจ้า"เสียงอีกเสียงดังขึ้น ฟังดูก็รู้ว่า น่าจะเป็นชายหนุ่มอายุไม่เยอะเท่าไหร่ ว่าแต่ว่าพวกเขาพูดถึงใครกัน แล้วคนพวกนี้เข้ามาอยู่ในบ้านเธอได้ยังไง แย่แล้ว!!! หรือว่าจะเป็นโจร เว่ยเหนียนเหยาคิดอย่างตกใจ พยายามที่จะลืมตาขึ้น แต่กลับรู้สึกปวดหัว และเจ็บข้างหลังท้ายทอยเป็นอย่างมาก หญิงสาวค่อยๆยกมือ ลูบไปยังบริเวณที่เจ็บ พร้อมกับลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก แสงสว่างสาดเข้ากับดวงตา ทำให้ตาของเธอพร่าไปเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆคุ้นชิน หญิงสาวกวาดสายตามองดูโดยรอบนี่เธออยู่ที่ไหน ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ หรือเธอถูกโจรจับมาเรียกค่าไถ่ สารพัดคำถามที่ไร้คำตอบดังขึ้นมาในหัว แต่ก่อนที
" ท่านพ่อเร็วเข้าเถอะขอรับ ท่านแม่อาการหนักแน่ๆ""ใช่ขอรับท่านพ่อ เมื่อครู่ท่านแม่จำข้ากับพี่ใหญ่ไม่ได้ด้วยขอรับ"เสียงโวยวายของเด็กทั้งสองดังขึ้น พ่อของเด็กน่าจะพาหมอกลับมาแล้ว หญิงสาวแสร้งนอนนิ่ง เพื่อรอดูเหตุการณ์ "ท่านหมอ ท่านช่วยตรวจดูภรรยาข้าหน่อยเถอะขอรับ"น้ำเสียงทุ้มกล่าวอย่างนอบน้อม หมอชราถอนหายใจในความอยุติธรรมที่ชายหนุ่มตรงหน้าได้รับ เขาบังเอิญรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น สองครอบครัวร่วมมือกันเล่นละคร เพื่อผลักดันชายหนึ่งหญิงหนึ่งที่ตนไม่ต้องการให้กระเด็นออกมา " หานตงเอ๋ย ข้าสงสารเจ้ายิ่งนัก เวรกรรมอะไรของเจ้าหนักหนา"ชายชราส่ายหน้า พลางนั่งลงตรงข้างร่างหญิงสาว หลังจากลงมือสำรวจบาดแผล และตรวจดูชีพจร เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง จึงมอบยารักษาบาดแผลไว้ให้ หมอชราปฏิเสธที่จะรับเงินค่ารักษา ขอรับเพียงแต่เงินค่ายาเท่านั้นหลังจากที่หมอชราจากไป ชายหนุ่มจึงปลอบโยนลูกทั้งสอง ก่อนจะนำกะละมังและผ้าชุบน้ำมาเช็ดตามเนื้อตัวของภรรยา เว่ยเหนียนเหยารู้สึกซาบซึ้งใจกับสิ่งที่ชายหนุ่มปฏิบัติต่อเธอ ร่างบางค่อยๆลืมตาขึ้นมองสบเข้ากับดวงตาคู่คม เธอมองเห็นความกังวลปนเปกับความโล่งอก"เจ้ารู้สึกเ
สองสามีภรรยาเดินขึ้นเขาอย่างเร่งรีบ เมื่อเดินไปถึงแค่ตีนเขา กลับพบกอไผ่ขึ้นอยู่อย่างมากมาย ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็พบกับความเขียวชอุ่ม นับว่าเป็นภูเขาที่มีความอุดมสมบูรณ์ไม่น้อยเว่ยเหนียนเหยารีบเดินเข้าไปสำรวจตรงกอไผ่ทันที หลังจากที่แหวกดูดวงตาก็เปล่งประกาย"ท่านพี่ ท่านมาช่วยข้าขุดหน่อไม้หน่อยเถิด เราจะได้นำกลับไปเป็นอาหารที่บ้าน""หน่อไม้พวกนี้มีรสฝาดไม่เหมาะจะนำไปเป็นอาหารหรอก"ชายหนุ่มส่ายหน้ากับความไม่รู้ของผู้เป็นภรรยา หญิงสาวหาได้ถือสา ด้วยเข้าใจว่าผู้คนในอดีตย่อมไม่รู้ว่าควรนำหน่อไม้มาปรุงอาหารเช่นไรนางเพียงขุดขึ้นมาเป็นตัวอย่างให้สามีดู พลางเน้นย้ำว่า ให้ขุดขึ้นมาให้เยอะหน่อยเท่านั้น เมื่อเห็นว่าสามีไม่ปฏิเสธ หญิงสาวจึงค่อยๆ เดินสำรวจไปทางอื่นนางหยุดมองที่ต้นไม้กอใหญ่กอหนึ่ง หลังจากที่พิจารณาอยู่ชั่วครู่ ก็ตัดสินใจขุดลงไปในดินใต้ต้นไม้นั้นสิ่งที่ปรากฏอยู่ในดินทำให้หญิงสาวยิ้มแก้วปริ อย่างน้อยๆ สิ่งนี้ก็ช่วยให้นางและครอบครัวรอดพ้นจากความหิวโหยไปได้พักใหญ่สองมือเรียวค่อยๆ นำสิ่งที่อยู่ในดินขึ้นมา มันฝรั่งหัวใหญ่ถูกดึงขึ้นมาใส่ลงไปในตะกร้าจนเต็มก่อนที่หญิงสาวจะเดินกลับไปหาสามี
ด้วยประสบการณ์ความยากจนที่เคยผ่านมา เรื่องการจุดไฟทำอาหารไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับนางหญิงสาวนำหม้อเก่าใบหนึ่งขึ้นมาใส่น้ำก่อนจะหั่นปลาเป็นชิ้นๆ ลงไปต้มในหม้อ หลังจากควบคุมไฟไม่ให้แรงจนเกินไป จากนั้นนางจึงนำมันฝรั่งออกมาปอกเปลือกและหั่นทิ้งไว้ มองดูปลาที่ต้มไว้มีฟองลอยอยู่ไม่น้อยจึงค่อยๆ ตักฟองคาวออก รอจนกระทั่งไม่มีฟองขึ้นมาอีก จากนั้นจึงใส่เกลือลงไปเล็กน้อยนางตักน้ำแกงขึ้นมาชิม รสชาติความหวานของเนื้อปลาบวกกับความเค็มของเกลือ แม้จะยังไม่ใช่อาหารเลิศรสแต่ก็น่าจะประทังความหิวไปได้เมื่อยกหม้อปลาลง นางรีบนำกระทะขึ้นตั้งไฟ ใส่น้ำลงไปเล็กน้อย นำมันฝรั่งลงไปผัดจนสุก จากนั้นปรุงรสชาติด้วยเกลืออีกหน่อยปลาสองตัวกับมันฝรั่งพวกนี้น่าจะช่วยให้มื้อนี้ของครอบครัวผ่านไปด้วยดี นางรีบนำอาหารออกไปวางบนโต๊ะกินข้าว ภายในบ้านไม่มีใครอยู่ กลับปรากฏเสียงดังอยู่ด้านนอกเว่ยเหนียนเหยาเดินออกไปตามเสียง พบว่าสามีกำลังทำความสะอาดอุปกรณ์ที่นำไปขึ้นเขา ส่วนบุตรชายทั้งสองก็นั่งเล่นกันอยู่ข้าง ๆ"ท่านพี่ เจ้าใหญ่ เจ้ารอง มากินอาหารกันเถอะ"เด็กทั้งสองเมื่อได้ยินเสียงมารดาเรียก ก็รีบวิ่งกรูเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว หญิงสาว
หญิงสาวจัดการย้ายข้าวของเข้าไปไว้ในครัวจนเรียบร้อย หลังจากเห็นสามีกลับมาพร้อมปลาตามที่ต้องการ อีกทั้งปลาสองตัวที่จะนำมาทำอาหารเย็น ก็จัดการทำความสะอาดมาเรียบร้อยแล้วเมื่อเห็นสามีพาบุตรชายทั้งสองออกไปนั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน นางจึงวางใจเดินกลับเข้าห้องไปอีกครั้ง ก่อนจะนำผ้าทั้ง2พับขึ้นมาดูอย่างครุ่นคิด นางเริ่มนำผ้าเช็ดหน้า ถุงเครื่องหอม และ ถุงเงินขึ้นมาพิจารณาจากนั้นจึงเลาะถุงเงิน ตามด้วยถุงเครื่องหอมออกเพื่อศึกษาวิธีการตัดเย็บ อาจจะเป็นด้วยโชคชะตากำหนดไว้ให้ จึงทำให้ช่วงหนึ่งในเวลาที่ยากลำบากนางเคยทำงานอยู่ในร้านเสื้อผ้าชั้นสูงแห่งหนึ่ง ร้านร้านนี้เป็นร้านไม่ใหญ่มาก แต่ราคาเสื้อผ้าแต่ละตัวแพงลิบลิ่วทีเดียว เนื่องจากเสื้อผ้าที่ตัดแต่ละตัว รวมไปถึงการปักลวดลายต่างๆ จะต้องใช้มือปักเท่านั้นงานที่ออกมาแต่ละตัวจะได้รับการตรวจทานจากสายตาอันเฉียบคมของเจ้าของร้าน หากทำไม่ดีไม่ละเอียดจะถูกต่อว่าและให้นำกลับไปแก้ไขมาใหม่ให้เรียบร้อย เว่ยเหนียนเหยาเป็นคนหัวดี แถมยังละเอียดใส่ใจ เจ้าของร้านจึงเอ็นดูนางเป็นอย่างมากพร่ำสอนสิ่งต่างๆ ให้อย่างไม่คิดหวงวิชา ตอนนี้นางรู้สึกขอบคุณเจ้าของร้านเป็นอย่างยิ
เวลาดึกสงัดรอบข้างไร้เสียงรบกวน หากแต่ร่างสูงใหญ่กลับไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ หานตงครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาตั้งแต่เช้าเขาจำได้ว่า ตัวเขาออกจากบ้านไปด้วยความหวังอันริบหรี่ หากแต่บ้านบิดามารดาเป็นเชือกเส้นสุดท้าย ที่เขาหวังจะเกาะเกี่ยวยามเมื่อกำลังจะจมน้ำแต่คำตอบที่ได้รับกลับทำให้รู้ว่า สิ่งที่เขาเห็นเป็นเชือก แท้จริงเป็นเพียงแค่ฟางเส้นบางๆ ที่ไม่สามารถยึดเกี่ยวอะไรได้เขาจำได้ดี วันแต่งงานของน้องชาย ที่บ้านจัดงานเลี้ยงใหญ่โต ทั้งข้าวปลาอาหารมีวางไว้เต็มโต๊ะไปหมด เพื่อนบ้านต่างพากันมาแสดงความยินดีแตกต่างจากงานแต่งงานของเขากับภรรยา ท่านแม่อ้างว่าเพราะพวกเขาทำผิดประเพณี หากจัดงานใหญ่โตยิ่งจะเป็นขี้ปากชาวบ้านไปทั่ว จึงจัดงานเล็กๆ ขึ้นมาเท่านั้นมาครั้งนี้เขาบากหน้าไปขอยืมข้าว หวังเพียงแค่ให้บุตรชายทั้งสองได้ประทังความหิวโหย คำตอบที่มารดาเขาให้คือ ครอบครัวเขาเป็นคนนอก อาหารมีเพียงพอสำหรับคนในครอบครัวเท่านั้นเขาเงยหน้าสบตากับบิดา อีกฝ่ายก็เอาแต่หลบสายตา แม้เขาจะรู้ดีว่า เรื่องทุกเรื่องในบ้านบิดาล้วนให้มารดาเป็นคนดูแลหากแต่เขายังหวังว่าบิดาจะมีความผูกพันกับเขาสักนิด ช่วยเอ่ยปากกับมาร
"พี่สะใภ้ขอรับ สำหรับสบู่ของข้า ข้าคิดออกแล้วขอรับว่าจะทำยังไง"เซียนย้งเกิดความคิดขึ้นตอนที่เขาฟังพี่สะใภ้กับทุกคนวางแผนการค้าถ่านกัน"ไหนเจ้าลองว่ามาซิ อาย้ง""ตอนนี้สบู่ของข้ามีรูปร่างเหมือนสบู่ทั่วไปที่ขายอยู่ ข้าอยากให้ท่านช่วยข้าออกแบบแม่พิมพ์ขึ้นมาใหม่ นอกจากนั้นข้าอยากมีตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ที่จะให้คนทั่วไปรู้ว่า นี่เป็นสบู่ของพวกเราด้วยขอรับ""สัญลักษณ์?""ขอรับพี่สะใภ้ ข้าอยากตั้งชื่อทางการค้าให้คนรู้ว่า สินค้าพวกนี้มาจากครอบครัวของพวกเรา""ดีๆ ข้าเห็นด้วยกับเจ้า"อาเสิ้นตาโต เขาก็อยากให้ถ่านของเขามีชื่อร้านเหมือนกัน"แล้วเจ้าคิดชื่อไว้แล้วหรือยัง หรือจะให้พวกข้าช่วยคิดให้"หญิงสาวมองดูเด็กหนุ่มทั้งสองที่กระตือรือร้น ดวงตาเป็นประกายอย่างตื่นเต้น ก็ช่วยส่งเสริม"ข้าอยากให้ร้านของข้า ชื่อ เหนียนเหยา ขอรับ"หญิงสาวตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าเซียนย้งจะเสนอชื่อนางขึ้นมา"เจ้าพอจะบอกเหตุผลข้าได้หรือไม่อาย้ง"หานตงถามขึ้น เขาพอจะรู้ใจของน้องคนนี้ดี แต่ก็อยากจะรู้ว่า จะเหมือนที่เขาคิดไว้หรือไม่"เพราะพี่สะใภ้ เป็นเสมือนแสงสว่างที่สาดเข้ามาในชีวิตของครอบครัวข้า ขับไล่ความมืดมิด ช่วยให้ข้าเห
เว่ยเหนียนเหยายืนอยู่บนระเบียง คิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา นางนับถือนางลี่สือหลินมาก แม้จะรักบุตรชายเพียงใดแต่ก็ไม่ยอมเห็นผิดเป็นถูก กัดฟันส่งบุตรชายเข้ารับโทษที่ก่อตอนแรกนางยังคิดว่า นางลี่สือหลินจะล้มป่วยเพราะตรอมใจอยู่หลายวัน หากเพียงแค่สองวัน นางลี่สือหลินกลับลุกขึ้นไปทำงาน นางกับซินเซียงพยายามห้ามปรามขอให้พักผ่อนอีกสักหน่อยรอยยิ้มเศร้าสร้อยปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากคู่นั้น ก่อนจะกล่าวว่า" อาเหยา คนเป็นแม่จะอ่อนแอไม่ได้ ตอนนี้บุตรชายของข้ากำลังหกล้ม ข้าหวังว่า สักวันเขาจะคิดได้ และลุกขึ้นยืนใหม่ เมื่อนั้นมือคู่นี้ของข้ายังต้องช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้น"เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็น้ำตาคลอ ชาติที่แล้ว นางไม่มีพ่อแม่ ไม่เคยรับรู้ถึงความรักของพ่อแม่มาก่อน หญิงสาวคิดไปถึงต้นโสมเจ้าปัญหาต้นนั้น ที่บัดนี้ถูกนำไปเก็บไว้ในห้องของนางเป็นที่เรียบร้อยต้นโสมเพียงหนึ่งต้น แต่กลับลากดึงเอาความโลภโมโทสันภายในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ออกมาตีแผ่ นางหวังเพียงแต่ว่า ลี่ห่าวฟง จะไม่ทำให้มารดาของเขาผิดหวัง"พี่สะใภ้ พี่หานตงให้ข้ามาบอกท่านว่า วันนี้เป็นวันที่นัดกับช่างเฟิ่งไว้ขอรับ""เจ้าช่วยไปเรียกอาเสิ้นมาพบข้าหน
"ภรรยาเจ้าเร็วหน่อยเถอะ เราต้องรีบไปให้ทันรถเที่ยวเช้านะ""ท่านพี่จะรีบไปไหน ป่านนี้คนพวกนั้นยังไม่มีใครรู้หรอกน่า"นางลี่สือหลินยืนกำมือแน่นที่หน้าประตู จู่ๆประตูก็ถูกเปิดออกจากคนที่อยู่ข้างใน ห่าวฟงเห็นมารดา พร้อมน้องเขย น้องสาวยืนอยู่ก็ตกใจ พยายามตั้งสติ"ท่านแม่ ท่าน มาได้ยังไงขอรับ"นางลี่สือหลินมองดูบุตรชายที่ก้าวเท้าถอยหลังเข้าไปในบ้าน ในมือถือห่อผ้าห่อหนึ่ง"เจ้าใหญ่ พวกเจ้ารีบร้อนจะไปไหนกันแต่เช้า"นางลี่สือหลินไม่ตอบ แต่ย้อนถามบุตรชายแทน"พอ ดี แม่ภรรยาไม่ค่อยสบาย ข้าเลยจะพานางไปเยี่ยมดูอาการขอรับ"สะใภ้ตระกูลลี่เมื่อเห็นสามีส่งสายตามาให้ ก็รีบเอ่ยเสริมคำ"ใช่เจ้าค่ะท่านแม่สามี ท่านแม่ข้าไม่สบาย ข้าจึงจะรีบไปเยี่ยม อีกอย่างข้าอยากจะนำข่าวดีไปบอกท่านด้วยตัวเอง""พวกเจ้าก็เลยทำตัวเป็นบุตรเขยบุตรสาวที่ดี เอาต้นโสมไปเยี่ยมซินะ"นางลี่สือหลิน ตวาดออกไปอย่างหมดความอดทน มองมือบุตรชายที่กุมห่อผ้าแน่นเข้าไปอีก"ท่านแม่ ท่านพูดเรื่องอะไร ข้าไม่เข้าใจขอรับ""ข้าก็พูดเรื่องที่เจ้าสองสามีภรรยาเข้าไปขโมยโสมที่บ้านของอาเหยาไงละ"ห่าวฟงหน้าซีด เขารู้ตั้งแต่เห็นหน้ามารดาที่หน้าประตูแล้ว ว่าม
"มา มาลูกสะใภ้เจ้านั่งก่อน"นางลี่สือหลิน รีบบอกให้บุตรชายประคองลูกสะใภ้นั่งลงบนเก้าอี้"น้องสาว น้องเขยตอนนี้คงสบายดีสินะ ท่าทางจะร่ำรวยกันใหญ่"ลี่ห่าวฟงบุตรชายของนางลี่สือหลิน กล่าวออกมาอย่างประชดประชัน เขามองไปมองรอบๆบ้านหลังนี้ด้วยความอิจฉา ครั้งก่อนเขาเคยขอให้มารดา ช่วยพูดกับน้องสาวและน้องเขยว่าให้ตนและภรรยาเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วย แต่คนพวกนี้ล้วนแล้งน้ำใจต่อเขากับภรรยา ดีว่ามารดาแอบส่งเงินทองไปให้เขาใช้อยู่เรื่อยๆ ชีวิตเขากับภรรยาจึงไม่ได้ลำบากอะไร"พวกข้าก็แค่มีกินมีใช้นะขอรับ ท่านพี่ภรรยา"เซียนย้งจริงๆ ไม่ค่อยจะชอบพี่ภรรยาคนนี้มากนะ เพราะเขาเป็นคนหยิบโหย่งไม่ค่อยชอบทำงานเท่าไหร่ แถมยังชอบใช้กำลังกับภรรยาของเขาและท่านแม่ยายอยู่บ่อยครั้ง"เอาละ เอาละ มากินข้าวกันเถอะ วันนี้พวกเจ้าต้องกินเยอะๆนะ อ้าวข้าลืม พวกเจ้ากินกันไปก่อน ข้าไปเอาน้ำแกงไก่ที่บ้านอาเหยาก่อน"นางลี่สือหลินออกไปไม่นานก็กลับมาพร้อมน้ำแกงไก่ถ้วยใหญ่"อาเซียงเมื่อกี้ตอนแม่ไปตักน้ำแกงไก่ เห็นกล่องใส่โสมยังวางอยู่ในครัว เห็นอาย้งบอกว่า โสมหัวนั้นราคาหลายร้อยตำลึงทอง ทำไมเอามาวางไว้อย่างนั้นละ"ซินเซียงแอบมองไปยังพี่ชาย
ชุนเหมยเมื่อเห็นน้องสาวต่างสายเลือด กระวีกระวาดวิ่งออกไปหาสามีก็ส่ายหัวยิ้มๆ นางเดินออกจากห้องโถง มุ่งตรงกลับเข้าห้องนอนทันที"เวิ้นสุ่ย"เสียงราบเรียบของหญิงสาวคล้ายพูดคุยกับอากาศที่อยู่ภายในห้อง เงาดำสายหนึ่งเคลื่อนออกมาจากมุมห้องอย่างเงียบๆ"นายหญิง""เจ้าไปสืบเรื่องนั้นมาให้ข้า จำไว้ข้าต้องการเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียด"ไร้เสียงตอบรับใดๆ มีเพียงเงาดำสายนั้น ที่เลือนหายไปคล้ายไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ชุนเหมย เดินออกจากห้องไปช้าๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น"ท่านพี่ตอนที่อยู่ที่หอการค้ากลางทำไมท่านไม่ช่วยข้าออกความคิดเห็นบ้างเลยเจ้าค่ะ"หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างแง่งอน ที่สามีไม่ช่วยนางออกความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับร้านค้าที่นางจะซื้อ"ก็พี่ไม่มีความรู้เรื่องนี้ พี่ว่าร้านไหนเจ้าเห็นว่าดีพี่ก็ว่าดี พี่ล้วนเชื่อฟังเจ้าเหยาเอ๋อ"เซียงย้งกลั้นหัวเราะหน้าแดง เมื่อเห็นพี่ชายกลายสภาพเป็นแมวหนุ่มช่างออดอ้อนต่อหน้าพี่สะใภ้ ก่อนจะรีบปรับสีหน้า เมื่อเห็นสายตาพิฆาตที่พี่ชายส่งตรงมาให้"พี่สะใภ้ในเมื่อท่านยังไม่ถูกใจ ก็ค่อยๆ หาไปก็ได้ขอรับ ข้าและ พี่หานตงล้วนเชื่อฟังท่าน""อะ นั่น นั่น น่าจะใช่ร้านเหล็กที่พี่ช
เว่ยเหนียนเหยากำลังกล่าวขอตัวจากเหวินฉีและภรรยา แต่อาเสิ้นก็เดินเข้ามาในบ้านซะก่อน"พี่บุญธรรม ท่านพอจะมีเวลาสักครู่หรือไม่ขอรับ ถ่านเตาแรกตากแดดดีแล้ว ข้าอยากพาท่านไปดู""ได้สิ งั้นอาเซียงเจ้าไปโรงงานเถอะ เดี๋ยวพวกข้าจะไปกับอาเสิ้น"อาเสิ้นลากถ่านที่เขาเก็บใส่ตะกร้าแล้ว ออกมาให้ทุกคนดู หญิงสาวหยิบถ่านขึ้นมาตรวจดู เห็นว่าทุกก้อนแห้งสนิทแล้วจริงๆจึงให้อาเสิ้นลองก่อไฟขึ้นมาดู ถ่านนี้เป็นถ่านที่ทำจากเศษไม้ต่างๆที่เก็บมารวมกัน จึงทำให้มีควันไฟค่อนข้างมาก ซ้ำยังมีกลิ่นแรง แถมแรงไฟที่ได้ก็ไม่สม่ำเสมอนางบอกให้อาเสิ้นจดข้อเสียเหล่านี้ไว้ เพราะเตาต่อไปจะลองใช้ไม้ไผ่อย่างเดียว อาเสิ้นตื่นเต้นมากอยากจะรีบไปเก็บไม้ไผ่กลับมาทดลองแต่นางบอกว่า รอให้พวกนางกลับมาจากในเมืองก่อนจะดีกว่า จะได้มีคนขึ้นเขาไปเป็นเพื่อนเมื่อเห็นว่าไม่มีธุระอะไรที่ต้องทำในบ้านแล้ว เว่ยเหนียนเหยาจึงรีบเดินทางเข้าในเมือง วันนี้นางมีงานต้องทำมากมายเลยทีเดียวเมื่อมาถึงตัวเมือง นางให้สามีและเซียนย้ง นำปลาไหลที่ได้ไปขายก่อนหานตงจึงมุ่งหน้าไปที่ภัตตาคารที่เคยนำปลาไหลมาขายในครั้งก่อน เสี่ยวเอ้อจำพวกเขาได้ก็ร้องทักอย่างดีใจ"พวก
"อาเซียง เจ้าเดินรอข้าด้วยสิ""อาย้งเจ้าก็เดินให้เร็วหน่อยสิ พี่สะใภ้กำลังรอไก่จากข้าอยู่นะ""เดี๋ยวนี้ เจ้าหายใจเข้าหายใจออกเป็นพี่สะใภ้ ข้าชักจะน้อยใจแล้วสิ""หึ แน่นอนว่า พี่สะใภ้ของข้า ต้องสำคัญกว่าเจ้า""เจ้าพูดเช่นนี้ คอยดูเถอะ คืนนี้ข้าจะลงโทษเจ้าเช่นไร""เจ้า! ไม่ต้องพูดแล้ว รีบเดินเร็ว นี่มันหน้าบ้านท่านป้าเจ้านี่ รีบเดินเร็วๆ เข้าเถอะ เจ้าไม่กลัวหรือยังไง"ซินเซียงหันซ้ายแลขวา เนื่องจากบ้านหลังนี้เป็นบ้านของท่านป้าของเซียนย้ง แต่นางเสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว ส่วนบุตรชายกับลูกสะใภ้ก็ทำงานที่เมืองหลวง จึงปล่อยบ้านทิ้งร้างไว้เคร้ง......ปึก ปึก ปึกซินเซียงหันไปเกาะแขนเซียนย้ง หน้าขาวซีด"อา...ย้ง เจ้า..ได้ยินเสียง อะไรไหม""คงจะเป็นเสียงหนูละมั้ง ข้าว่าเรารีบไปกันดีกว่าเนอะ"เซียนย้งที่หิ้วไก่อยู่ ใช้มืออีกข้างดึงให้ซินเซียงรีบเดินตาม"อาย้ง ....อาเซียง""อา...ย้ง ได้ยินเสียงคน คนเรียก พวกเราไหม"ตอนนี้ เซียนย้งเองก็เริ่มหน้าซีดไปเหมือนกัน จับมือซินเซียงเตรียมวิ่งออกไป"อาย้ง อาเซียง นี่ข้าเอง พี่ซีเม่ย ภรรยาท่านพี่เหวินฉีไง""พี่สะใภ้ เป็นท่าน แล้วท่านพี่เหวินฉีละขอรับ"เซียนย
" พี่สะใภ้ท่านมาแล้ว ข้าจะออกไปตามก็ไม่กล้าวางมือ""อาย้ง นำโถที่ข้าเตรียมไว้ทางโน่นมา นำผ้ามาปูบนปากโถ แล้วเอาผ้าชิ้นเล็กที่ข้าตัดไว้แล้ว รัดผ้าที่วางตรงปากโถให้แน่น ข้าจะกรองน้ำมันหอมอีกรอบ"เซียนย้งทำงานคล่องแคล่ว เดี๋ยวเดียวโถพร้อมผ้ากรองก็อยู่ตรงหน้านาง นางจัดการตามขั้นตอนสุดท้ายอย่างรวดเร็วในที่สุดน้ำมันทั้งหมดก็ถูกเทใส่โถ และดอกกุหลาบก็ถูกวางใส่ผ้ากรองทิ้งไว้"พี่สะใภ้ ต้องวางไว้นานเท่าใดขอรับ""วางไว้จนกว่า น้ำมันในดอกไม้จะออกมาหมด""ดอกไม้กับน้ำมันยังเหลืออยู่ ท่านจะให้ข้าทำต่อเลยไหมขอรับ""น่าจะทำต่อได้อีกหนึ่งถังเจ้าจัดการเลย ข้าจะคอยดู"เซียนย้งจัดการตามวิธีที่จำได้ มีผิดไปบ้างแต่เว่ยเหนียนเหยาก็คอยบอกอยู่ข้างๆ จนตุ๋นน้ำมันหอมเรียบร้อย"เอาละทีนี้มาตัดสบู่กัน เจ้าไปหยิบถาดที่ใส่สบู่มา"เซียนย้งหยิบถาดที่ใส่สบู่มาหนึ่งถาด วันนี้พี่สะใภ้ทำสบู่สามถาด เขาทำเองอีกหนึ่งถาด รวมแล้วเป็นสี่ถาด เดี๋ยวถาดนี้ให้พี่สะใภ้ตัดให้เขาดู ส่วนถาดอื่นๆเขาจะขอลองตัดเองเว่ยเหนียนเหยารับถาดไม้มา จากนั้นก็ใช้มีดเล็กบางเลาะไปข้างๆถาดไม้แล้วคว่ำถาดลงเคาะเบาๆ สบู่ก็หลุดออกมา นางจับก้อนสบู่ก้อนใหญ่ไ
หญิงสาวเล่าเรื่องที่เว่ยหานหมิงเข้าหานาง ทุกคำพูด ทุกการกระทำ นางล้วนเล่าออกมาทั้งหมด นางไม่ใช่นางเอก ที่จะยอมปิดบังเรื่องต่างๆ เพื่อความสบายใจของพระเอก จนบางครั้งก็เกิดเรื่องราวใหญ่โตสำหรับนางการพูดคุยกันทุกเรื่องจะช่วยให้ชีวิตคู่ของพวกนางมั่นคงขึ้นอีกก้าว"เจ้าบอกว่าน้องเล็กเรียกเจ้าว่า อาเหยา หรือ""เจ้าค่ะ""แถมยังทำท่าอาลัยอาวรณ์เจ้าอีก""เจ้าค่ะ""ถ้าอย่างนั้นต่อไป เจ้าก็ไม่ต้องตามพี่ไปที่บ้านนั้นอีก และต่อไปพี่จะไม่เรียกเจ้าว่า อาเหยา แล้ว"อ้าว นี่นางทำให้สามีทำไหน้ำส้มหกนองหรือไร หญิงสาวเอนกายซบอกแกร่งสามีอย่างออดอ้อน"ถ้าเช่นนั้น ท่านจะเรียกข้าว่าอะไรดีเจ้าคะ""เหยาเอ๋อ พี่จะเรียกเจ้าว่า เหยาเอ๋อ ต่อไปเจ้าจะเป็นเหยาเอ๋อของพี่เพียงคนเดียว เจ้ายังจำสัญญาได้หรือไม่ ครั้งนี้เจ้าต้องมีลูกสาวอวบอ้วนให้พี่สักหลายๆ คนนะ เหยาเอ๋อ"ชายหนุ่มจับคางภรรยาขึ้นรับจุมพิตอ่อนโยนที่เขามอบให้ เขารู้ว่า นางไม่ใช่อาเหยาในอดีตที่มีใจรักต่อเว่ยหานหมิงผู้เป็นน้องชายครั้งนี้เขาตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่า จะทำตามคำสั่งบิดา ไม่จำเป็นจะไม่ไปที่บ้านหลังนั้นอีกกลิ่นกายหอมกรุ่นในอ้อมแขน ดึงสติเขาออกจากความคิ