หญิงสาวจัดการย้ายข้าวของเข้าไปไว้ในครัวจนเรียบร้อย หลังจากเห็นสามีกลับมาพร้อมปลาตามที่ต้องการ อีกทั้งปลาสองตัวที่จะนำมาทำอาหารเย็น ก็จัดการทำความสะอาดมาเรียบร้อยแล้ว
เมื่อเห็นสามีพาบุตรชายทั้งสองออกไปนั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน นางจึงวางใจเดินกลับเข้าห้องไปอีกครั้ง ก่อนจะนำผ้าทั้ง2พับขึ้นมาดูอย่างครุ่นคิด นางเริ่มนำผ้าเช็ดหน้า ถุงเครื่องหอม และ ถุงเงินขึ้นมาพิจารณา จากนั้นจึงเลาะถุงเงิน ตามด้วยถุงเครื่องหอมออกเพื่อศึกษาวิธีการตัดเย็บ อาจจะเป็นด้วยโชคชะตากำหนดไว้ให้ จึงทำให้ช่วงหนึ่งในเวลาที่ยากลำบาก นางเคยทำงานอยู่ในร้านเสื้อผ้าชั้นสูงแห่งหนึ่ง ร้านร้านนี้เป็นร้านไม่ใหญ่มาก แต่ราคาเสื้อผ้าแต่ละตัวแพงลิบลิ่วทีเดียว เนื่องจากเสื้อผ้าที่ตัดแต่ละตัว รวมไปถึงการปักลวดลายต่างๆ จะต้องใช้มือปักเท่านั้น งานที่ออกมาแต่ละตัวจะได้รับการตรวจทานจากสายตาอันเฉียบคมของเจ้าของร้าน หากทำไม่ดีไม่ละเอียดจะถูกต่อว่าและให้นำกลับไปแก้ไขมาใหม่ให้เรียบร้อย เว่ยเหนียนเหยาเป็นคนหัวดี แถมยังละเอียดใส่ใจ เจ้าของร้านจึงเอ็นดูนางเป็นอย่างมาก พร่ำสอนสิ่งต่างๆ ให้อย่างไม่คิดหวงวิชา ตอนนี้นางรู้สึกขอบคุณเจ้าของร้านเป็นอย่างยิ่ง อย่างน้อยเวลานี้นางก็สามารถนำมันมาเปลี่ยนเป็นรายได้สำหรับเลี้ยงดูครอบครัวได้แล้ว หญิงสาวมัวแต่ง่วนอยู่กับการตัดเย็บ มารู้สึกตัวอีกทีก็เย็นเสียแล้ว นางรีบนำสิ่งของเข้าไปเก็บในตู้ ก่อนจะกระวีกระวาดเดินออกจากห้องไป ภายในบ้านยังคงไร้เงาคน มีเพียงแต่เสียงที่ดังเล็ดลอดเข้ามา บ่งบอกให้รับรู้ว่ามีคนอยู่ข้างนอกบ้าน ร่างบางเร่งเดินเข้าห้องครัว ก่อนจะลงมือหุงข้าว และทำอาหารเย็นอย่างมีความสุข หญิงสาวเริ่มลำเลียงอาหารออกมาจัดวางบนโต๊ะ "ท่านแม่ขอรับ กินข้าวเย็นได้หรือยังขอรับ ข้าหิวมากมากเลย" "ข้าก็ด้วยขอรับ ท่านแม่ทำอาหารอร่อยที่สุดเลยขอรับ" ร่างบางหันกลับไปมองทางต้นเสียง ก่อนจะพบว่าสามคนพ่อลูกอาบน้ำมาเป็นที่เรียบร้อย นางยิ้มให้เด็กน้อยทั้งสอง ก่อนจะอุ้มตัวเจ้ารองขึ้นนั่งบนเก้าอี้ หันมาอีกทีเจ้าใหญ่ก็ปีนขึ้นไปนั่งประจำที่เรียบร้อยเสียแล้ว "พวกท่านลงมือกินกันไปก่อน ข้าขอตัวไปอาบน้ำสักครู่" "ท่านแม่ไม่เห็นจะเหม็นสักหน่อย " "จริงด้วยขอรับ ตัวท่านแม่หอมมากมาก" เมื่อมีบุตรชายทั้งสองคอยให้กำลังใจ ทำให้นางค่อยลดความกังวลใจเรื่องกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ไปได้ "นั่งลงกินข้าวก่อนเถอะ ข้าหาบน้ำมาให้เจ้าแล้ว กินข้าวเสร็จค่อยไปอาบก็ได้" เมื่อความคิดเห็นเป็นเอกฉันท์ ทั้งหมดจึงนั่งล้อมวงกันเพื่อกินข้าวทันที "โอ้โห ท่านแม่ขอรับ วันนี้ทำไมมีของกินเยอะแยะจังขอรับ" "นั่นสิขอรับ ตอนนี้ข้าไม่รู้จะกินอะไรก่อนดีเลยขอรับ" เสียงเด็กน้อยพูดขึ้นอย่างดีใจ อาหารที่เด็กน้อยบอกว่ามีมากมาย กลับมีแค่ข้าวสวยพร้อมกับข้าว3อย่าง "งั้นพวกเจ้าลองกินทุกอย่างดีไหม จะได้ช่วยแม่ติชมด้วยว่าอร่อยหรือไม่" "ของที่ท่านแม่ทำ แน่นอนว่าต้องอร่อยมากมากขอรับ" หญิงสาวยิ้มรับคำชม ก่อนจะเริ่มตักน้ำแกงใส่เนื้อปลาและหน่อไม้ให้สามีเป็นคนแรก เด็กๆ เมื่อเห็นบิดาลงมือกินอาหาร ก็ใช้ตะเกียบหยิบจับอาหารตามทันทีอย่างไม่รีรอ "ท่านแม่ขอรับ สิ่งนี้เรียกว่าอะไรขอรับ ข้าชอบมากมากเลยขอรับ" "จานนี้เรียกว่าปลานึ่งจ๊ะ" "แล้วจานนี้ละขอรับท่านแม่ จานนี้ก็อร่อยเหมือนกันข้าชอบมากเหมือนกันขอรับ" เสียงเจ้ารองเอ่ยพูดขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้พี่ชาย "จานนี้เรียกว่ามันฝรั่งผัดไข่ หากเจ้าชอบต่อไปแม่จะทำให้กินบ่อยๆ ดีหรือไม่" "ในเมื่อพวกเจ้าชอบก็กินเยอะๆ เลิกซักถามท่านแม่เจ้าเสียที ไม่เห็นหรือไร ว่าท่านแม่ของเจ้ายังไม่ได้ตักข้าวเข้าปากสักคำ" เสียงของบิดาปรามออกมา เมื่อเห็นว่าบุตรชายทั้งสองเอาแต่รบกวนจนนางยังไม่ได้กินข้าวแม้แต่น้อย เด็กทั้งสองเมื่อเห็นบิดาเอ่ยปากดุจึงรีบก้มหน้าก้มตากินข้าว ไม่สนใจพูดคุยกันอีกต่อไป เว่ยเหนียนเหยาให้รู้สึกเอ็นดูบุตรชาย เกรงว่าข้าวจะแห้งติดคอ จึงตักน้ำแกงพร้อมทั้งแกะเนื้อปลาส่งให้บุตรชายคนละถ้วย ก่อนจะลงมือกินข้าวของตัวเอง หลังจากกินข้าวเสร็จ นางก็ถูกสามีไล่ให้รีบไปอาบน้ำทันที เพราะเกรงว่าหากมืดกว่านี้อากาศจะหนาวเย็นจนเกินไป เมื่ออาบน้ำออกมา ก็พบว่าโต๊ะอาหารและข้าวของถูกทำความสะอาดเรียบร้อย รวมทั้งตัวคนก็อันตรธานหายไปเสียหมดสิ้น หญิงสาวถอนหายใจก่อนจะเดินเข้าไปยังห้องนอนของตัวเอง ฝากเพื่อนๆ กด ❤️ ให้ไรท์ด้วยน้าาาาาาาาาา 🥰🥰🥰เวลาดึกสงัดรอบข้างไร้เสียงรบกวน หากแต่ร่างสูงใหญ่กลับไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ หานตงครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาตั้งแต่เช้าเขาจำได้ว่า ตัวเขาออกจากบ้านไปด้วยความหวังอันริบหรี่ หากแต่บ้านบิดามารดาเป็นเชือกเส้นสุดท้าย ที่เขาหวังจะเกาะเกี่ยวยามเมื่อกำลังจะจมน้ำแต่คำตอบที่ได้รับกลับทำให้รู้ว่า สิ่งที่เขาเห็นเป็นเชือก แท้จริงเป็นเพียงแค่ฟางเส้นบางๆ ที่ไม่สามารถยึดเกี่ยวอะไรได้เขาจำได้ดี วันแต่งงานของน้องชาย ที่บ้านจัดงานเลี้ยงใหญ่โต ทั้งข้าวปลาอาหารมีวางไว้เต็มโต๊ะไปหมด เพื่อนบ้านต่างพากันมาแสดงความยินดีแตกต่างจากงานแต่งงานของเขากับภรรยา ท่านแม่อ้างว่าเพราะพวกเขาทำผิดประเพณี หากจัดงานใหญ่โตยิ่งจะเป็นขี้ปากชาวบ้านไปทั่ว จึงจัดงานเล็กๆ ขึ้นมาเท่านั้นมาครั้งนี้เขาบากหน้าไปขอยืมข้าว หวังเพียงแค่ให้บุตรชายทั้งสองได้ประทังความหิวโหย คำตอบที่มารดาเขาให้คือ ครอบครัวเขาเป็นคนนอก อาหารมีเพียงพอสำหรับคนในครอบครัวเท่านั้นเขาเงยหน้าสบตากับบิดา อีกฝ่ายก็เอาแต่หลบสายตา แม้เขาจะรู้ดีว่า เรื่องทุกเรื่องในบ้านบิดาล้วนให้มารดาเป็นคนดูแลหากแต่เขายังหวังว่าบิดาจะมีความผูกพันกับเขาสักนิด ช่วยเอ่ยปากกับมาร
"ท่านแม่ ท่านแม่ขอรับ ได้โปรดตื่นเถิด อย่าทิ้งข้ากับท่านพ่อไปนะขอรับ ฮือ ฮือ""ท่านพ่อ ทำไมท่านแม่ถึงนอนแน่นิ่งแบบนี้ ท่านพ่อช่วยปลุกท่านแม่หน่อยขอรับ"เสียงใครกัน หนวกหูชะมัด ฉันขอนอนนานๆหน่อยได้ไหม เว่ยเหนียนเหยา คิดในใจอย่างรำคาญ เมื่อวานนี้กว่าเธอจะปิดบัญชีของภัตตาคารหรูระดับห้าดาวเสร็จ เธอต้องเคร่งเครียดจนลืมกินลืมนอนไปหลายคืน " เจ้าใหญ่ เจ้ารอง หยุดร้องไห้ก่อนเถอะ เจ้าดูแม่เจ้าไว้ก่อน เดียวพ่อจะไปตามท่านหมอจางมาดูแม่เจ้า"เสียงอีกเสียงดังขึ้น ฟังดูก็รู้ว่า น่าจะเป็นชายหนุ่มอายุไม่เยอะเท่าไหร่ ว่าแต่ว่าพวกเขาพูดถึงใครกัน แล้วคนพวกนี้เข้ามาอยู่ในบ้านเธอได้ยังไง แย่แล้ว!!! หรือว่าจะเป็นโจร เว่ยเหนียนเหยาคิดอย่างตกใจ พยายามที่จะลืมตาขึ้น แต่กลับรู้สึกปวดหัว และเจ็บข้างหลังท้ายทอยเป็นอย่างมาก หญิงสาวค่อยๆยกมือ ลูบไปยังบริเวณที่เจ็บ พร้อมกับลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก แสงสว่างสาดเข้ากับดวงตา ทำให้ตาของเธอพร่าไปเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆคุ้นชิน หญิงสาวกวาดสายตามองดูโดยรอบนี่เธออยู่ที่ไหน ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ หรือเธอถูกโจรจับมาเรียกค่าไถ่ สารพัดคำถามที่ไร้คำตอบดังขึ้นมาในหัว แต่ก่อนที
" ท่านพ่อเร็วเข้าเถอะขอรับ ท่านแม่อาการหนักแน่ๆ""ใช่ขอรับท่านพ่อ เมื่อครู่ท่านแม่จำข้ากับพี่ใหญ่ไม่ได้ด้วยขอรับ"เสียงโวยวายของเด็กทั้งสองดังขึ้น พ่อของเด็กน่าจะพาหมอกลับมาแล้ว หญิงสาวแสร้งนอนนิ่ง เพื่อรอดูเหตุการณ์ "ท่านหมอ ท่านช่วยตรวจดูภรรยาข้าหน่อยเถอะขอรับ"น้ำเสียงทุ้มกล่าวอย่างนอบน้อม หมอชราถอนหายใจในความอยุติธรรมที่ชายหนุ่มตรงหน้าได้รับ เขาบังเอิญรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น สองครอบครัวร่วมมือกันเล่นละคร เพื่อผลักดันชายหนึ่งหญิงหนึ่งที่ตนไม่ต้องการให้กระเด็นออกมา " หานตงเอ๋ย ข้าสงสารเจ้ายิ่งนัก เวรกรรมอะไรของเจ้าหนักหนา"ชายชราส่ายหน้า พลางนั่งลงตรงข้างร่างหญิงสาว หลังจากลงมือสำรวจบาดแผล และตรวจดูชีพจร เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง จึงมอบยารักษาบาดแผลไว้ให้ หมอชราปฏิเสธที่จะรับเงินค่ารักษา ขอรับเพียงแต่เงินค่ายาเท่านั้นหลังจากที่หมอชราจากไป ชายหนุ่มจึงปลอบโยนลูกทั้งสอง ก่อนจะนำกะละมังและผ้าชุบน้ำมาเช็ดตามเนื้อตัวของภรรยา เว่ยเหนียนเหยารู้สึกซาบซึ้งใจกับสิ่งที่ชายหนุ่มปฏิบัติต่อเธอ ร่างบางค่อยๆลืมตาขึ้นมองสบเข้ากับดวงตาคู่คม เธอมองเห็นความกังวลปนเปกับความโล่งอก"เจ้ารู้สึกเ
สองสามีภรรยาเดินขึ้นเขาอย่างเร่งรีบ เมื่อเดินไปถึงแค่ตีนเขา กลับพบกอไผ่ขึ้นอยู่อย่างมากมาย ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็พบกับความเขียวชอุ่ม นับว่าเป็นภูเขาที่มีความอุดมสมบูรณ์ไม่น้อยเว่ยเหนียนเหยารีบเดินเข้าไปสำรวจตรงกอไผ่ทันที หลังจากที่แหวกดูดวงตาก็เปล่งประกาย"ท่านพี่ ท่านมาช่วยข้าขุดหน่อไม้หน่อยเถิด เราจะได้นำกลับไปเป็นอาหารที่บ้าน""หน่อไม้พวกนี้มีรสฝาดไม่เหมาะจะนำไปเป็นอาหารหรอก"ชายหนุ่มส่ายหน้ากับความไม่รู้ของผู้เป็นภรรยา หญิงสาวหาได้ถือสา ด้วยเข้าใจว่าผู้คนในอดีตย่อมไม่รู้ว่าควรนำหน่อไม้มาปรุงอาหารเช่นไรนางเพียงขุดขึ้นมาเป็นตัวอย่างให้สามีดู พลางเน้นย้ำว่า ให้ขุดขึ้นมาให้เยอะหน่อยเท่านั้น เมื่อเห็นว่าสามีไม่ปฏิเสธ หญิงสาวจึงค่อยๆ เดินสำรวจไปทางอื่นนางหยุดมองที่ต้นไม้กอใหญ่กอหนึ่ง หลังจากที่พิจารณาอยู่ชั่วครู่ ก็ตัดสินใจขุดลงไปในดินใต้ต้นไม้นั้นสิ่งที่ปรากฏอยู่ในดินทำให้หญิงสาวยิ้มแก้วปริ อย่างน้อยๆ สิ่งนี้ก็ช่วยให้นางและครอบครัวรอดพ้นจากความหิวโหยไปได้พักใหญ่สองมือเรียวค่อยๆ นำสิ่งที่อยู่ในดินขึ้นมา มันฝรั่งหัวใหญ่ถูกดึงขึ้นมาใส่ลงไปในตะกร้าจนเต็มก่อนที่หญิงสาวจะเดินกลับไปหาสามี
ด้วยประสบการณ์ความยากจนที่เคยผ่านมา เรื่องการจุดไฟทำอาหารไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับนางหญิงสาวนำหม้อเก่าใบหนึ่งขึ้นมาใส่น้ำก่อนจะหั่นปลาเป็นชิ้นๆ ลงไปต้มในหม้อ หลังจากควบคุมไฟไม่ให้แรงจนเกินไป จากนั้นนางจึงนำมันฝรั่งออกมาปอกเปลือกและหั่นทิ้งไว้ มองดูปลาที่ต้มไว้มีฟองลอยอยู่ไม่น้อยจึงค่อยๆ ตักฟองคาวออก รอจนกระทั่งไม่มีฟองขึ้นมาอีก จากนั้นจึงใส่เกลือลงไปเล็กน้อยนางตักน้ำแกงขึ้นมาชิม รสชาติความหวานของเนื้อปลาบวกกับความเค็มของเกลือ แม้จะยังไม่ใช่อาหารเลิศรสแต่ก็น่าจะประทังความหิวไปได้เมื่อยกหม้อปลาลง นางรีบนำกระทะขึ้นตั้งไฟ ใส่น้ำลงไปเล็กน้อย นำมันฝรั่งลงไปผัดจนสุก จากนั้นปรุงรสชาติด้วยเกลืออีกหน่อยปลาสองตัวกับมันฝรั่งพวกนี้น่าจะช่วยให้มื้อนี้ของครอบครัวผ่านไปด้วยดี นางรีบนำอาหารออกไปวางบนโต๊ะกินข้าว ภายในบ้านไม่มีใครอยู่ กลับปรากฏเสียงดังอยู่ด้านนอกเว่ยเหนียนเหยาเดินออกไปตามเสียง พบว่าสามีกำลังทำความสะอาดอุปกรณ์ที่นำไปขึ้นเขา ส่วนบุตรชายทั้งสองก็นั่งเล่นกันอยู่ข้าง ๆ"ท่านพี่ เจ้าใหญ่ เจ้ารอง มากินอาหารกันเถอะ"เด็กทั้งสองเมื่อได้ยินเสียงมารดาเรียก ก็รีบวิ่งกรูเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว หญิงสาว
เวลาดึกสงัดรอบข้างไร้เสียงรบกวน หากแต่ร่างสูงใหญ่กลับไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ หานตงครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาตั้งแต่เช้าเขาจำได้ว่า ตัวเขาออกจากบ้านไปด้วยความหวังอันริบหรี่ หากแต่บ้านบิดามารดาเป็นเชือกเส้นสุดท้าย ที่เขาหวังจะเกาะเกี่ยวยามเมื่อกำลังจะจมน้ำแต่คำตอบที่ได้รับกลับทำให้รู้ว่า สิ่งที่เขาเห็นเป็นเชือก แท้จริงเป็นเพียงแค่ฟางเส้นบางๆ ที่ไม่สามารถยึดเกี่ยวอะไรได้เขาจำได้ดี วันแต่งงานของน้องชาย ที่บ้านจัดงานเลี้ยงใหญ่โต ทั้งข้าวปลาอาหารมีวางไว้เต็มโต๊ะไปหมด เพื่อนบ้านต่างพากันมาแสดงความยินดีแตกต่างจากงานแต่งงานของเขากับภรรยา ท่านแม่อ้างว่าเพราะพวกเขาทำผิดประเพณี หากจัดงานใหญ่โตยิ่งจะเป็นขี้ปากชาวบ้านไปทั่ว จึงจัดงานเล็กๆ ขึ้นมาเท่านั้นมาครั้งนี้เขาบากหน้าไปขอยืมข้าว หวังเพียงแค่ให้บุตรชายทั้งสองได้ประทังความหิวโหย คำตอบที่มารดาเขาให้คือ ครอบครัวเขาเป็นคนนอก อาหารมีเพียงพอสำหรับคนในครอบครัวเท่านั้นเขาเงยหน้าสบตากับบิดา อีกฝ่ายก็เอาแต่หลบสายตา แม้เขาจะรู้ดีว่า เรื่องทุกเรื่องในบ้านบิดาล้วนให้มารดาเป็นคนดูแลหากแต่เขายังหวังว่าบิดาจะมีความผูกพันกับเขาสักนิด ช่วยเอ่ยปากกับมาร
หญิงสาวจัดการย้ายข้าวของเข้าไปไว้ในครัวจนเรียบร้อย หลังจากเห็นสามีกลับมาพร้อมปลาตามที่ต้องการ อีกทั้งปลาสองตัวที่จะนำมาทำอาหารเย็น ก็จัดการทำความสะอาดมาเรียบร้อยแล้วเมื่อเห็นสามีพาบุตรชายทั้งสองออกไปนั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน นางจึงวางใจเดินกลับเข้าห้องไปอีกครั้ง ก่อนจะนำผ้าทั้ง2พับขึ้นมาดูอย่างครุ่นคิด นางเริ่มนำผ้าเช็ดหน้า ถุงเครื่องหอม และ ถุงเงินขึ้นมาพิจารณาจากนั้นจึงเลาะถุงเงิน ตามด้วยถุงเครื่องหอมออกเพื่อศึกษาวิธีการตัดเย็บ อาจจะเป็นด้วยโชคชะตากำหนดไว้ให้ จึงทำให้ช่วงหนึ่งในเวลาที่ยากลำบากนางเคยทำงานอยู่ในร้านเสื้อผ้าชั้นสูงแห่งหนึ่ง ร้านร้านนี้เป็นร้านไม่ใหญ่มาก แต่ราคาเสื้อผ้าแต่ละตัวแพงลิบลิ่วทีเดียว เนื่องจากเสื้อผ้าที่ตัดแต่ละตัว รวมไปถึงการปักลวดลายต่างๆ จะต้องใช้มือปักเท่านั้นงานที่ออกมาแต่ละตัวจะได้รับการตรวจทานจากสายตาอันเฉียบคมของเจ้าของร้าน หากทำไม่ดีไม่ละเอียดจะถูกต่อว่าและให้นำกลับไปแก้ไขมาใหม่ให้เรียบร้อย เว่ยเหนียนเหยาเป็นคนหัวดี แถมยังละเอียดใส่ใจ เจ้าของร้านจึงเอ็นดูนางเป็นอย่างมากพร่ำสอนสิ่งต่างๆ ให้อย่างไม่คิดหวงวิชา ตอนนี้นางรู้สึกขอบคุณเจ้าของร้านเป็นอย่างยิ
ด้วยประสบการณ์ความยากจนที่เคยผ่านมา เรื่องการจุดไฟทำอาหารไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับนางหญิงสาวนำหม้อเก่าใบหนึ่งขึ้นมาใส่น้ำก่อนจะหั่นปลาเป็นชิ้นๆ ลงไปต้มในหม้อ หลังจากควบคุมไฟไม่ให้แรงจนเกินไป จากนั้นนางจึงนำมันฝรั่งออกมาปอกเปลือกและหั่นทิ้งไว้ มองดูปลาที่ต้มไว้มีฟองลอยอยู่ไม่น้อยจึงค่อยๆ ตักฟองคาวออก รอจนกระทั่งไม่มีฟองขึ้นมาอีก จากนั้นจึงใส่เกลือลงไปเล็กน้อยนางตักน้ำแกงขึ้นมาชิม รสชาติความหวานของเนื้อปลาบวกกับความเค็มของเกลือ แม้จะยังไม่ใช่อาหารเลิศรสแต่ก็น่าจะประทังความหิวไปได้เมื่อยกหม้อปลาลง นางรีบนำกระทะขึ้นตั้งไฟ ใส่น้ำลงไปเล็กน้อย นำมันฝรั่งลงไปผัดจนสุก จากนั้นปรุงรสชาติด้วยเกลืออีกหน่อยปลาสองตัวกับมันฝรั่งพวกนี้น่าจะช่วยให้มื้อนี้ของครอบครัวผ่านไปด้วยดี นางรีบนำอาหารออกไปวางบนโต๊ะกินข้าว ภายในบ้านไม่มีใครอยู่ กลับปรากฏเสียงดังอยู่ด้านนอกเว่ยเหนียนเหยาเดินออกไปตามเสียง พบว่าสามีกำลังทำความสะอาดอุปกรณ์ที่นำไปขึ้นเขา ส่วนบุตรชายทั้งสองก็นั่งเล่นกันอยู่ข้าง ๆ"ท่านพี่ เจ้าใหญ่ เจ้ารอง มากินอาหารกันเถอะ"เด็กทั้งสองเมื่อได้ยินเสียงมารดาเรียก ก็รีบวิ่งกรูเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว หญิงสาว
สองสามีภรรยาเดินขึ้นเขาอย่างเร่งรีบ เมื่อเดินไปถึงแค่ตีนเขา กลับพบกอไผ่ขึ้นอยู่อย่างมากมาย ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็พบกับความเขียวชอุ่ม นับว่าเป็นภูเขาที่มีความอุดมสมบูรณ์ไม่น้อยเว่ยเหนียนเหยารีบเดินเข้าไปสำรวจตรงกอไผ่ทันที หลังจากที่แหวกดูดวงตาก็เปล่งประกาย"ท่านพี่ ท่านมาช่วยข้าขุดหน่อไม้หน่อยเถิด เราจะได้นำกลับไปเป็นอาหารที่บ้าน""หน่อไม้พวกนี้มีรสฝาดไม่เหมาะจะนำไปเป็นอาหารหรอก"ชายหนุ่มส่ายหน้ากับความไม่รู้ของผู้เป็นภรรยา หญิงสาวหาได้ถือสา ด้วยเข้าใจว่าผู้คนในอดีตย่อมไม่รู้ว่าควรนำหน่อไม้มาปรุงอาหารเช่นไรนางเพียงขุดขึ้นมาเป็นตัวอย่างให้สามีดู พลางเน้นย้ำว่า ให้ขุดขึ้นมาให้เยอะหน่อยเท่านั้น เมื่อเห็นว่าสามีไม่ปฏิเสธ หญิงสาวจึงค่อยๆ เดินสำรวจไปทางอื่นนางหยุดมองที่ต้นไม้กอใหญ่กอหนึ่ง หลังจากที่พิจารณาอยู่ชั่วครู่ ก็ตัดสินใจขุดลงไปในดินใต้ต้นไม้นั้นสิ่งที่ปรากฏอยู่ในดินทำให้หญิงสาวยิ้มแก้วปริ อย่างน้อยๆ สิ่งนี้ก็ช่วยให้นางและครอบครัวรอดพ้นจากความหิวโหยไปได้พักใหญ่สองมือเรียวค่อยๆ นำสิ่งที่อยู่ในดินขึ้นมา มันฝรั่งหัวใหญ่ถูกดึงขึ้นมาใส่ลงไปในตะกร้าจนเต็มก่อนที่หญิงสาวจะเดินกลับไปหาสามี
" ท่านพ่อเร็วเข้าเถอะขอรับ ท่านแม่อาการหนักแน่ๆ""ใช่ขอรับท่านพ่อ เมื่อครู่ท่านแม่จำข้ากับพี่ใหญ่ไม่ได้ด้วยขอรับ"เสียงโวยวายของเด็กทั้งสองดังขึ้น พ่อของเด็กน่าจะพาหมอกลับมาแล้ว หญิงสาวแสร้งนอนนิ่ง เพื่อรอดูเหตุการณ์ "ท่านหมอ ท่านช่วยตรวจดูภรรยาข้าหน่อยเถอะขอรับ"น้ำเสียงทุ้มกล่าวอย่างนอบน้อม หมอชราถอนหายใจในความอยุติธรรมที่ชายหนุ่มตรงหน้าได้รับ เขาบังเอิญรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น สองครอบครัวร่วมมือกันเล่นละคร เพื่อผลักดันชายหนึ่งหญิงหนึ่งที่ตนไม่ต้องการให้กระเด็นออกมา " หานตงเอ๋ย ข้าสงสารเจ้ายิ่งนัก เวรกรรมอะไรของเจ้าหนักหนา"ชายชราส่ายหน้า พลางนั่งลงตรงข้างร่างหญิงสาว หลังจากลงมือสำรวจบาดแผล และตรวจดูชีพจร เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง จึงมอบยารักษาบาดแผลไว้ให้ หมอชราปฏิเสธที่จะรับเงินค่ารักษา ขอรับเพียงแต่เงินค่ายาเท่านั้นหลังจากที่หมอชราจากไป ชายหนุ่มจึงปลอบโยนลูกทั้งสอง ก่อนจะนำกะละมังและผ้าชุบน้ำมาเช็ดตามเนื้อตัวของภรรยา เว่ยเหนียนเหยารู้สึกซาบซึ้งใจกับสิ่งที่ชายหนุ่มปฏิบัติต่อเธอ ร่างบางค่อยๆลืมตาขึ้นมองสบเข้ากับดวงตาคู่คม เธอมองเห็นความกังวลปนเปกับความโล่งอก"เจ้ารู้สึกเ
"ท่านแม่ ท่านแม่ขอรับ ได้โปรดตื่นเถิด อย่าทิ้งข้ากับท่านพ่อไปนะขอรับ ฮือ ฮือ""ท่านพ่อ ทำไมท่านแม่ถึงนอนแน่นิ่งแบบนี้ ท่านพ่อช่วยปลุกท่านแม่หน่อยขอรับ"เสียงใครกัน หนวกหูชะมัด ฉันขอนอนนานๆหน่อยได้ไหม เว่ยเหนียนเหยา คิดในใจอย่างรำคาญ เมื่อวานนี้กว่าเธอจะปิดบัญชีของภัตตาคารหรูระดับห้าดาวเสร็จ เธอต้องเคร่งเครียดจนลืมกินลืมนอนไปหลายคืน " เจ้าใหญ่ เจ้ารอง หยุดร้องไห้ก่อนเถอะ เจ้าดูแม่เจ้าไว้ก่อน เดียวพ่อจะไปตามท่านหมอจางมาดูแม่เจ้า"เสียงอีกเสียงดังขึ้น ฟังดูก็รู้ว่า น่าจะเป็นชายหนุ่มอายุไม่เยอะเท่าไหร่ ว่าแต่ว่าพวกเขาพูดถึงใครกัน แล้วคนพวกนี้เข้ามาอยู่ในบ้านเธอได้ยังไง แย่แล้ว!!! หรือว่าจะเป็นโจร เว่ยเหนียนเหยาคิดอย่างตกใจ พยายามที่จะลืมตาขึ้น แต่กลับรู้สึกปวดหัว และเจ็บข้างหลังท้ายทอยเป็นอย่างมาก หญิงสาวค่อยๆยกมือ ลูบไปยังบริเวณที่เจ็บ พร้อมกับลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก แสงสว่างสาดเข้ากับดวงตา ทำให้ตาของเธอพร่าไปเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆคุ้นชิน หญิงสาวกวาดสายตามองดูโดยรอบนี่เธออยู่ที่ไหน ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ หรือเธอถูกโจรจับมาเรียกค่าไถ่ สารพัดคำถามที่ไร้คำตอบดังขึ้นมาในหัว แต่ก่อนที