รถม้าคันใหญ่วิ่งเข้ามาในหมู่บ้าน ชาวบ้านต่างออกมามองดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น เนื่องจากผู้คนในหมู่บ้านนี้มีอยู่ไม่น้อย หากแต่ไม่มีผู้ใดจะมีฐานะถึงขนาดเช่ารถม้าคันใหญ่โตมาส่งเลยสักครั้ง
"โอ้ นั้นเป็นคนบ้านไหนกันนะ ทำไมถึงนั่งรถม้าคันใหญ่มาถึงหมู่บ้านเราได้" "นั่นสินั่นสิ นานแล้วนะที่ข้าไม่เคยเห็นรถม้าคันใหญ่ถึงเพียงนี้ เป็นบุญตาข้าจริงๆ" เสียงรถม้าค่อยๆวิ่งผ่านไปพร้อมกับเสียงเล่าลือปนสงสัยก็ดังตามรถม้าออกไปเรื่อยๆ "อาเหยาตื่นเถอะถึงบ้านแล้ว" หญิงสาวค่อยๆกะพริบตา ก่อนจะหลับตาตั้งสติอยู่ชั่วครู่ ตายแล้ว นางเผลอตัวนอนหลับไปตอนไหนเนี่ย นางช้อนตาขึ้นมองสามีอย่างออดอ้อนปนขอโทษ "ข้าขอโทษเจ้าค่ะท่านพี่ ข้าไม่รู้ตัวว่าเผลอหลับไปตอนไหน" ชายหนุ่มหันมาลูบผมและจัดเสื้อผ้าให้กับผู้เป็นภรรยาอย่างอ่อนโยน "หากเจ้ายังไม่หายง่วงอีกประเดี๋ยวก็เข้าไปนอนพักผ่อนในห้องอีกสักครู่ ข้าวของพวกนี้เดี๋ยวข้าจะขนเข้าไปเก็บเอง" หญิงสาวหน้าแดงกับความอ่อนโยนที่ได้รับ นางรีบส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนจะหันไปปลุกบุตรชายทั้งสอง เด็กทั้งสองเมื่อเห็นว่าตนมาถึงบ้านแล้ว ต่างทำหน้าเสียดายที่มัวแต่นอนหลับ เลยไม่ได้ดูทิวทัศน์จากนอกหน้าต่างเหมือนที่เคยคุยกันไว้ หานตงลงไปจากรถม้า จากนั้นก็รอรับบุตรและภรรยาลงตามมา คนขับรถม้าลงมาช่วยขนสิ่งของต่างๆเข้าบ้านอย่างมี อัธยาศัย เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางก็จ่ายเงินพิเศษเพิ่มให้คนขับรถม้าอีกห้าสิบอีแปะ ถือว่าเป็นการแสดงความขอบคุณ เว่ยเหนียนเหยาลงมือคัดแยกของออกเป็นหมวดหมู่ อะไรควรเก็บในครัว นางก็ให้สามีและบุตรชายนำเข้าไปจัดเก็บไว้ในครัวจนเรียบร้อย เมื่อเห็นว่าผู้เป็นสามีหยิบหม้อตุ๋นขนาดต่างๆที่นางซื้อมาขึ้นมามองอย่างสงสัย นางจึงบอกให้เขารู้ว่า นางอยากจะลองสกัดกลิ่นหอมจากดอกไม้ดูสักหน่อย ตอนที่นางพูดออกไปยังเกรงว่าหากสามีสงสัย ซักถามว่านางรู้วิธีการได้ยังไง นางจะหาข้อแก้ตัวอะไรมาแก้ต่างให้กับตัวเอง หากแต่ว่าสามีเพียงพยักหน้ารับรู้ไม่พูดจาซักถามอะไรต่อ สิ่งของต่างๆล้วนถูกทยอยนำเข้าไปเก็บ นอกจากสิ่งของที่อยู่ในครัวแล้ว พวกผ้าพับ กระดาษ รวมไปถึงอย่างอื่นล้วนแต่ต้องนำเข้าไปเก็บที่ห้องของนาง ตอนนี้เหลือเพียงพวกเครื่องนอน และเสื้อผ้าที่ซื้อมาเท่านั้น "ท่านพี่เจ้าคะ นี่ก็ยามเซินแล้ว ข้าว่าจะเข้าครัวไปเตรียมอาหารเย็นไว้เลย ข้ารบกวนท่านกับเจ้าใหญ่เจ้ารองช่วยนำที่นอนนี่เข้าไปปูในห้องของลูกลูกได้ไหมเจ้าคะ" นางไม่เคยเข้าไปในห้องของบุตรชาย แต่คาดว่าก็คงจะไม่ดีไปกว่าที่นางนอนอยู่เป็นแน่ ห้องนอนของนางมีเพียงผ้าห่มผืนบางๆปูรองนอน แม้ตอนนี้จะไม่ใช่หน้าหนาว แต่ตอนกลางคืนก็หนาวเย็นจับใจทีเดียว นางมองเข้าไปในตาของบุตรชายเห็นแววตาไร้เดียงสาทั้งสองคู่มีแต่ความสุขและไว้เนื้อเชื่อใจ ไม่เหมือนกับแววตาหวาดระแวงเหมือนเมื่อตอนที่นางเพิ่งฟื้นมา เว่ยเหนียนเหยารู้สึกถึงความสุขที่วิ่งวนอยู่รอบกาย ที่แท้การมุ่งมั่นที่จะทำให้คนที่เรารัก ทำให้เรามีความสุขแบบนี้นี่เอง "ท่านแม่ขอรับ เย็นนี้ท่านแม่จะทำอะไรให้พวกข้ากินขอรับ" "ท่านแม่ ท่านแม่ข้าอยากกินเนื้ออีกขอรับ" เด็กทั้งสองรู้สึกว่าเนื้อตุ๋นเมื่อกลางวันอร่อยยิ่งนัก ยิ่งกินยิ่งรู้สึกว่าไม่พอ พวกตนเห็นว่าเมื่อตอนกลางวันบิดาพาไปตลาดได้ซื้อเนื้อกลับมามากมาย ไม่รู้ว่าวันนี้มารดาจะทำให้กินด้วยหรือไม่ "ได้สิ งั้นวันนี้แม่จะทำเนื้อตุ๋นน้ำแดง กับต้มน้ำแกงกระดูกหมูให้เจ้ากินดีหรือไม่ แต่ตอนนี้พวกเจ้าช่วยท่านพ่อของเจ้า นำเสื้อผ้ากับเครื่องนอนเข้าไปเก็บก่อนเถอะ" เด็กๆเมื่อได้ยินดังนั้นก็ไม่รีรอ รีบช่วยกันยกข้าวของที่พอจะยกไหวเดินนำเข้าไปในห้องทันที เว่ยเหนียนเหยาปลีกตัวเดินเข้ามาที่ครัว ตอนนี้นางยังไม่มีความคิดที่จะปรับปรุงบ้านนี้ เนื่องจากแม้ปากจะบอกว่ายกที่ดินผืนนี้ให้หานตง หากแต่ชื่อกลับยังเป็นของบิดามารดาของสามี หากวันไหนคนในบ้านพวกนั้นไม่ถูกใจครอบครัวของนาง จนพาลมาขับไล่ เช่นนั้นไม่ใช่นางจะลงทุนโดยเปล่าประโยชน์หรอกหรือ หญิงสาวสลัดความคิดฟุ้งซ่าน ก่อนจะนำเนื้อแดง และเนื้อติดมันออกมาจากบ่อเก็บของ นางยกหมอตุ๋นใบใหญ่ขึ้นมาใส่น้ำก่อนจะยกตั้งขึ้นบนเตา รอจนน้ำเดือดจึงใส่เนื้อหมูลงไป ตามด้วยเครื่องเทศอีกพอประมาณ การตุ๋นเนื้อแต่ละครั้งต้องใช้เวลานาน นางจึงใช้เวลาที่ว่างเดินออกไปดูสามีและบุตรชายว่าจัดห้องกันเสร็จหรือยัง เมื่อเปิดประตูเข้าไปดู กลับเห็นเพียงบุตรชายที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกำลังนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนที่นอนอย่างมีความสุข "เป็นอย่างไรบ้างลูกแม่ ที่นอนนี่นุ่มดีหรือไม่" "ทั้งนุ่มทั้งอุ่นเลยขอรับ" "ข้ามีความสุขมากๆเลยขอรับ" เด็กๆแย่งกันตอบคำถามของนาง ดูท่าทางมีความสุขจนแทบจะไม่อยากลุกออกมาจากเตียงกันเลยทีเดียว "แล้วท่านพ่อของเจ้าหายไปไหนละ" หญิงสาวถามหาสามีอย่างสงสัย "ท่านพ่อพาพวกข้าไปอาบน้ำจากนั้นก็บอกให้พวกข้าเข้ามาแต่งตัวและเล่นอยู่ในห้องขอรับ" "เห็นท่านพ่อบอกว่าจะไปอาบน้ำและตักน้ำจากในลำธารขึ้นมาไว้ให้ท่านแม่อาบด้วยขอรับ" นี่ก็เป็นอีกข้อที่ดีของสามีนาง เขาไม่เคยปล่อยให้นางต้องลำบากเดินออกไปอาบน้ำที่ลำธารเองเลยสักครั้ง ทั้งเช้าทั้งเย็นล้วนแต่มีน้ำอาบน้ำใช้ไว้ให้นางอย่างเพียงพอ หญิงสาวนั่งเล่นเป็นเพื่อนลูกอีกพักใหญ่ ก่อนจะเห็นว่าสมควรต้องไปดูเนื้อตุ๋นที่ตุ๋นทิ้งเอาไว้แล้วจึงเดินออกจากห้องไป เมื่อเดินไปถึงห้องครัว กลิ่นเนื้อตุ๋นกลับกระจายส่งกลิ่นหอมไปทั่ว นางรีบเดินเข้าไปเปิดฝาหม้อขึ้น กลิ่นหอมของเนื้อที่ตุ๋นได้ที่ส่งกลิ่นหอมออกมาจนทั่วบริเวณบ้านไปหมด หานตงซึ่งตอนนี้กำลังยืนคุยกับกุ๋ยเซียนย้ง รุ่นน้องที่รักและนับถือกันราวกับพี่น้องแท้ๆ เซียนย้งเดินมาชวนให้ขึ้นเขาไปล่าสัตว์ด้วยกันในวันพรุ่งนี้ กลิ่นเนื้อหอมกรุ่นวิ่งเข้ามากระแทกจมูกคนทั้งคู่อย่างรุนแรง "วันนี้บ้านท่านกินเนื้อกันหรือขอรับ" "ใช่ พอดีวันนี้ข้ากับอาเหยาเข้าเมืองไปขายผ้าปักของนาง ได้เงินมาจำนวนหนึ่ง นางเลยซื้อเนื้อมาทำให้บุตรชายกิน" "เป็นไปได้ยังไง ไม่ใช่ว่านางร้ายกาจมากเลยหรือขอรับ" เซียนย้งพลั้งปากออกไปอย่างตกใจ ก่อนจะรีบเอ่ยปากขอโทษเมื่อเห็นสายตาของหานตง "ขอโทษ ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะว่าภรรยาของท่านพี่นะขอรับ" หานตงถอนหายใจ จะโทษน้องของตนก็ไม่ได้ เมื่อก่อนนั้นภรรยาของเขาเป็นเช่นนั้นจริงๆ นางไม่สนใจทั้งเขาและบุตรชาย ทุกครั้งที่เขาต้องขึ้นเขาล่าสัตว์ เขาต้องนำบุตรชายทั้งสองไปฝากให้ภรรยาของเซียนย้งช่วยดูแล เนื่องจากเกรงว่า หากปล่อยไว้ที่บ้านลูกของเขาต้องอดตายแน่ๆ "ท่านพี่ กับข้าวเสร็จแล้วรีบมาทานข้าวเถอะเจ้าค่ะ" เสียงเรียกขานอย่างอ่อนหวานดังออกมาจากในบ้าน ยิ่งทำให้เซียนย้งเบิ่งตาโตราวกับไข่ห่าน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาเคยมาหาหานตงหลายครั้ง แต่ไม่เคยได้ยินนางเอ่ยขานเช่นนี้เลยสักครั้ง "มาเถอะ วันนี้ลูกเมียเจ้าไม่อยู่ใช่หรือไม่ ถ้างั้นวันนี้มากินข้าวกับข้าเถอะ ให้ข้าได้ตอบแทนเจ้าบ้าง" กุ๋ยเซียนย้งอยากจะปฏิเสธ แต่ความอยากรู้อยากเห็นมีมากกว่า เขาจึงขอหน้าหนาเดินตามคนที่เอ่ยปากชวนไปติดๆ ภายในบ้านยังคงอบอวลไปด้วยกลิ่นเนื้อหอมๆ ทำให้คนทั้งสองที่เดินเข้ามาเผลอกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ลงคอ "อาเหยา วันนี้ข้าพาเซียนย้งมากินข้าวด้วย" กุ๋ยเซียนย้งตัวเกร็งขึ้นมาเล็กน้อย กลัวว่าอีกฝ่ายที่ถูกเรียกชื่อจะระเบิดอารมณ์ออกมา แล้วเขาจะเป็นชนวนที่ทำให้ครอบครัวของพี่ที่รักไม่สงบสุข หากแต่หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้ากับหันมายิ้มให้สามีของนางอย่างอ่อนหวาน พร้อมทั้งเอ่ยขอตัวไปจัดหาถ้วยชามให้เขาเพิ่มในทันที "ท่านอา" "ท่านอา" เด็กๆที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ รีบลงมาเกาะขาของเซียนย้งไว้คนละข้างอย่างคุ้นเคย ท่านอาคนนี้ใจดียิ่งนัก บ่อยครั้งที่พวกเขาต้องไปพักอยู่ที่บ้านของท่านอา ทั้งภรรยาและบุตรชายของท่านอาล้วนแต่ดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี เพียงแต่ครอบครัวของท่านอาก็มีสภาพเหมือนกับครอบครัวของเขา น้อยมื้อจะมีกินจนอิ่มหนำ ยิ่งพวกเขาไปอยู่ด้วย คนพวกนั้นก็ได้กินน้อยลงไปอีก "เจ้าใหญ่เจ้ารองพวกเจ้าสบายดีไหม" เซียนย้งถามออกไปด้วยความเคยชิน เด็กทั้งสองคนตรงหน้าตอนนี้ดูดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก หน้าตาสะอาดสะอ้าน ดูท่าทางมีความสุข ร่างกายก็ดูแข็งแรงขึ้นไม่น้อย "สบายดีขอรับท่านอา" สองพี่น้องต่างรีบจูงมือเซียนย้งมานั่งรอที่เก้าอี้ ปากก็สรรเสริญเยินยอรสมืออาหารของมารดาตนให้ผู้เป็นอาได้ฟัง เซียนย้งได้แต่คิดว่า เด็กๆคงไม่เคยกินอะไรแบบนี้ เมื่อมารดาทำออกมาให้กินก็เห็นว่าอร่อยไปเสียหมด ตัวเขาตั้งใจว่า ไม่ว่ารสชาติอาหารจะออกมายังไง ก็จะไม่แสดงอาการออกมาให้เด็กน้อยเสียใจเป็นอันขาด "ขอโทษด้วยนะเจ้าคะ พอดีข้าเกรงว่ากับข้าวจะน้อยเกินไป จึงไปทำอาหารออกมาอีกจาน เลยเสียเวลาไปสักหน่อย" เซียนย้งมองดูอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะตาโต ตอนแรกบนโต๊ะมีอาหารจานหลักสองจาน กับน้ำซุปหนึ่ง ถ้วยใหญ่ ถ้าสำหรับคนสี่คนก็ถือว่าฟุ่มเฟือยแล้ว นี่มีเขาเพิ่มเข้ามาอีกคน พี่สะใภ้ถึงกลับไปทำอาหารออกมาเพิ่มอีกหนึ่งจาน ช่างใจกว้างซะเหลือเกิน เว่ยเหนียนเหยาตักข้าวให้สามี ตามด้วยแขกและบุตรชาย ก่อนจะตักให้ตัวเองเป็นคนสุดท้าย มือเรียวยื่นไปตักน้ำแกงก่อนจะส่งให้สามีและ ทุกๆคนได้ดื่ม เซียนย้งตักเข้าแกงเข้าปาก รสชาติความหอมหวานกับแผ่กระจายไปทั่ว จนเขาเองไม่สามารถหยุดมือได้ สุดท้ายกว่าจะวางมือ น้ำแกงกระดูกก็หมดถ้วยไปเสียแล้ว "พี่สะใภ้ นี่เป็นน้ำแกงอะไรทำไมถึงอร่อยขนาดนี้ขอรับ" "อ๋อ นี่เป็นน้ำแกงต้มกระดูกหมูกับมันฝรั่ง ถ้าเจ้าชอบเดี๋ยวข้าจะแบ่งให้เจ้าเอากลับไปกินที่บ้านด้วย" หญิงสาวเอ่ยปากอย่างใจกว้าง พลางยื่นมือไปตักเนื้อที่ตุ๋นวางลงในชามสามี "ท่านพี่ ลองทานเนื้อตุ๋นดูนะเจ้าคะ ไม่รู้ว่าจะอร่อยสู้เนื้อตุ๋นของท่านลุงที่ขายบะหมี่ได้หรือไม่" เมื่อเห็นสามีลงมือกิน นางก็ตักเนื้อใส่ชามข้าวให้เด็กๆคนละชิ้น ก่อนจะเอ่ยปากชวนเซียวย้งอย่างใจดี "เซียวย้งเจ้าก็ลองชิมดูเถอะ" หลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง สองมือใหญ่ สองมือเล็ก ต่างแย่งกันตักอาหารอย่างไม่พูดพร่ำ หญิงสาวมองตามจนตาลาย เลยเลิกสนใจ หันมากินข้าวของตนอย่างเงียบๆ ไม่แย่งชิงกับผู้ใด หลังจากที่อาหารตรงหน้าเหลือแต่จานเปล่า ไม่เหลือแม้แต่น้ำสักหยด ความวุ่นวายทั้งหลายจึงยุติลงได้ซะที ช่วงครอบครัวสุขสันต์ อิ่มอร่อยกันทั้งครอบครัว แอบเช็ดปาก แปร๊บบบบ"โอ๊ย ข้าไม่เคยกินอิ่มขนาดนี้มาก่อนเลย กับข้าวที่พี่สะใภ้ทำอร่อยทุกอย่างเลยขอรับ"เซียนย้งเปลี่ยนท่าที เขาพูดจากับเว่ยเหนียนเหยาอย่างอ่อนน้อมมากขึ้น หานตงมองเซียนย้งอย่างเหยียดหยาม ไหนเมื่อครู่เจ้ายังไม่เชื่อถือเมียของข้า เหตุใดจึงเปลี่ยนใจง่ายดายเพียงนี้เล่า"นี่ก็มืดแล้ว ข้าว่าลูกเมียเจ้าน่าจะกลับมาแล้วนะ"หานตงเอ่ยปากไล่กลายๆ เนื่องจากรู้ดีว่า วันนี้เมียของตนตรากตรำมาทั้งวัน"แล้วที่จะขึ้นเขาพรุ่งนี้"เซียนย้งกล่าวอย่างคาดหวัง ที่เขาอยากให้หานตงขึ้นไปด้วย เพราะหานตงเป็นพรานป่าที่ชำนาญทางและล่าสัตว์เก่งเป็นที่หนึ่ง หากแต่ชายหนุ่มกับขึ้นเขานับครั้งได้ เนื่องจากเป็นห่วงบุตรชายทั้งสองแต่ครั้งนี้เซียนย้งเห็นแล้วว่า เมียของหานตงดูแลเอาใจใส่บุตรชายเป็นอย่างดี หานตงน่าจะขึ้นเขาล่าสัตว์ได้อย่างไร้กังวลหานตงเอ่ยปากให้ลูกชายทั้งสองเข้าไปนอนก่อน เนื่องจากเห็นว่าเด็กทั้งสองตาปรือจนจะหลับกลางอากาศอยู่แล้ว ก่อนจะเบือนมาสบตาเว่ยเหนียนเหยา เขาเห็นความกังวลและหวาดกลัวในตาคู่งาม ชายหนุ่มตัดสินใจ"ข้าคงไปด้วยไม่ได้ อาเหยาเพิ่งจะหายป่วย ซ้ำยังรับงานชิ้นใหญ่มาจากในเมือง ข้าต้องอยู่ช่วยนาง"ง"จริงๆ ข้า
ต้นยามเหมาชายหนุ่มจึงรู้สึกตัวตื่นขึ้น เขาไม่เคยนอนหลับสนิทแบบนี้มานานแล้ว หานตงนอนมองหน้าภรรยาอย่างสุขใจ ก่อนจะตัดใจลุกขึ้น เขาค่อยๆขยับแขนออก เนื่องจากต้องการให้ผู้เป็นภรรยานอนพักต่อไปอีกหน่อยหากแต่แค่เขาขยับลงจากเตียง ร่างบางกลับขยับตัวลุกตาม"ท่านพี่นี่ยามไหนแล้วเจ้าคะ""เพิ่งต้นยามเหมาเอง เจ้านอนต่ออีกหน่อยเถิด เดี๋ยวข้าจะออกไปอาบน้ำและตักน้ำมาให้เจ้าอาบในตอนเช้า""ข้าลุกขึ้นเลยดีกว่าเจ้าค่ะ วันนี้เราจะขึ้นเขากัน ข้าอยากทำอะไรติดไว้ไปกินกันระหว่างทางด้วยเจ้าค่ะ "หานตงเห็นภรรยาเดินลงจากเตียง จึงเข้าไปช่วยจุดตะเกียง จากนั้นทั้งสองจึงช่วยกันเก็บพับที่นอนจนเรียบร้อย ก่อนที่ชายหนุ่มจะถือตะเกียงเดินจูงมือภรรยาออกจากห้องหลังจากจุดตะเกียงที่ห้องโถงกลางบ้านแล้ว ชายหนุ่มก็รีบใช้กะละมังไปตักน้ำมาให้ภรรยาล้างหน้าล้างตา"เจ้าทำอาหารรอพี่ไปก่อน เดี๋ยวพี่อาบน้ำเสร็จจะรีบตักน้ำมาให้เจ้าอาบที่นี่ ทางเดินไปลำธารไม่ค่อยจะเรียบนัก พี่ไม่อยากให้เจ้าออกไปด้วย"หญิงสาวพยักหน้าอย่างรู้ความ ก่อนจะบอกให้สามีช่วยจับปลาในลำธารมาให้สักสามสี่ตัว แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร นางเพียงแต่จะลองทำข้าวต้มปลาให้ครอบคร
และแล้วกลุ่มคนทั้งหมดตอนนี้ก็ปรากฏตัวขึ้นหน้าผืนป่าไผ่"ท่านพี่เจ้าคะ ท่านลองขุดหน่อไม้ขึ้นมาให้พวกเขาดูว่า ต้องขุดแบบไหน และเลือกหน่อไม้แบบใด"หานตงไม่รอช้า เดินไปที่กอไผ่ที่สมบูรณ์กอหนึ่ง จากนั้นก็สังเกตดู เขาเลือกขุดหน่อที่เพิ่งจะแทงขึ้นมาจากดินเพียงไม่กี่คืบ ไม่นานหน่อไม้อวบอ้วน ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคนเมื่อทุกคนเข้าใจดีแล้ว ต่างก็แยกย้ายไปขุดโดยมีเว่ยเหนียนเหยาคอยกำกับให้ขุดไปแค่เพียงพอทำอาหารสัก 3-4วันหลังจากขุดหน่อไม้ได้พอสมควรแล้ว นางก็เดินนำทุกคนเข้าไปที่พุ่มมันฝรั่งที่ขึ้นกันหนาแน่น งานนี้นางต้องลงมือขุดให้ทุกคนดูเอง เนื่องจากสามีของนางไม่เคยเห็นตอนที่นางขุดขึ้นมาในครั้งก่อนเมื่อนางทำเป็นตัวอย่างให้ดู เหล่านักเรียนทั้งหลายก็ทำตามกันอย่างสนุกสนาน เมื่อเห็นว่าทุกคนมุ่งความสนใจไปที่การขุดมันฝรั่ง นางจึงเริ่มสำรวจบริเวณผืนป่าอีกครั้งนางเดินหยิบนั้นดูนี่ไปเรื่อย สายตาก็พบกับสิ่งที่ตนตามหา นี่มันพริกกับต้นกุหลาบนี่ โอ๊ยสวรรค์ เป็นใจ หญิงสาวกางผ้าเช็ดหน้าของตนออก ก่อนจะเด็ดดอกกุหลาบใส่ไปจนเต็มและห่อไว้อย่างเรียบร้อยแล้วพริกพวกนี้จะเอากลับยังไงดี นางมองไปโดยรอบก่อนจะตัดสินใจ ถ้า
"ท่านพี่เจ้าคะ สงสัยตอนนี้พวกปลามันคงจะไม่ค่อยว่ายมาแถวนี้แล้วหรือไม่ เรารอมาตั้งนานพึ่งจะจับมาได้แค่สองตัวเอง""ถ้างั้นเราเดินขึ้นไปทางต้นลำธารอีกหน่อยดีไหมเจ้าคะพี่สะใภ้ แถวนั้นข้าเห็นปลาว่ายชุกชุมยิ่งนัก"หลังจากคิดไตร่ตรองชั่วครู่ ทั้งหมดจึงตกลงใจพากันเดินขึ้นไปที่ต้นลำธาร สายตาเว่ยเหนียนเหยาเบิกกว้าง แม่เจ้า นี่มันบึงบัวนี่ โชคดีแท้ๆ นางกำลังเบื่อมันฝรั่งกับหน่อไม้อยู่เลย วันนี้นางจะนำรากบัวสดมาทำกับข้าวด้วยดีกว่า อีกทั้งเกสรดอกบัวและดอกบัวพวกนี้ยังสามารถนำมาทำชาดื่มบำรุงร่างกายได้อีกต่างหาก"ท่านพี่เจ้าคะ ท่านพาเซียนย้งไปช่วยกันจับปลาที่ทางโน้นก่อน ส่วนข้าจะสอนซินเซียงเก็บรากบัวมาไว้ทำอาหาร พวกเราแยกกันทำงานจะได้กลับบ้านเร็วขึ้น ดีไหมเจ้าคะ"ทั้งหมดต่างเห็นสอดคล้อง จึงแยกย้ายเดินไปคนละที่ เว่ยเเหนียนเหยาถอดรองเท้าออก และเดินลุยลงไปในบึง น้ำในบึงลึกไม่มาก นางไม่ต้องการเดินออกไปไกล เพราะแค่บัวที่ขึ้นใกล้ๆ ริมบึงก็มีอยู่มากโขหญิงสาวใช้ประสบการณ์ กวานมือลงไปใต้กอบัวก่อนจะดึงขึ้นมาทั้งกอ"พี่สะใภ้ รีบทิ้งไปเจ้าค่ะ นั่นๆ งู งูเจ้าค่ะ"เว่ยเหนียนเหยา ตกใจจนแทบจะโยนกอบัวทิ้งไปจริงๆ แต่
"อาตง อาตง เจ้าอยู่ไหม"เสียงเรียกชื่อดังกึกก้อง ตามด้วยการปรากฏตัวของชายหญิงคู่หนึ่ง ผู้ใหญ่ทั้งสามในบ้านที่กำลังอยู่ในกิจกรรมกินข้าวชะงักมือลงส่วนเด็กๆทั้งสามกับแสดงกิริยาหวาดกลัว ตัวหานชิงและหานเหนียนวิ่งเข้าไปกอดมารดาตัวสั่น ส่วนเซียนเหยาก็วิ่งเข้าไปหลบหลังมารดาของตน"หึ เจ้าใหญ่เจ้ารอง เจอลุงใหญ่กับป้าสะใภ้ใหญ่เหตุใดถึงไม่ทักทาย ช่างใช้ไม่ได้จริงๆ"น้ำเสียงดุดันเหยียดหยามของฝ่ายหญิงที่มา กล่าวขึ้นอย่างไม่ไว้หน้าเว่ยเหนียนเหยากอดปลอบลูกชายทั้งสองก่อนจะลุกขึ้น เฮ้อที่แท้ก็ญาติฝ่ายสามีนี้เอง"พี่สามี พี่สะใภ้ ไม่ทราบว่าท่านมีธุระอันใด ตอนนี้ท่านพี่ไม่อยู่เจ้าค่ะ"สองสามีภรรยาวางท่าเดินเข้ามาในบ้านอย่างไร้มารยาท มองดูกับข้าวบนโต๊ะตาวาว ดูท่าสิ่งที่ชาวบ้านร่ำลือจะเป็นจริง น้องชายของตนน่าจะได้โชคจากการเข้าป่า จนเปลี่ยนเป็นเงินก้อนโตเป็นแน่มิน่าล่ะ น้องสะใภ้คนนี้ถึงได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือแบบนี้ หานเวิ่นมองหญิงสาวด้วยสายตาเหยียดหยามดูแคลน"ท่านพ่อท่านแม่ เป็นห่วงเจ้ารองกับหลานๆเลยให้ข้าเข้ามาดู และให้บอกเจ้ารองด้วยว่า ให้พาหลานๆเข้าไปหาหน่อย เพราะนางคิดถึงหลานทั้งสองมาก"หานเว
"ท่านพี่ ท่านจะเข้าไปหาท่านแม่ที่บ้านหรือไม่เจ้าคะ"หานตงส่ายหน้า เขายังทำใจไปพบหน้ามารดาไม่ได้ บาดแผลในครั้งนั้นบาดลึก จนยากจะเยียวยาในระยะเวลาอันสั้น"แม้ท่านจะไม่เข้าไป ข้าว่าอย่างไรคนพวกนั้นก็คงไม่หยุดก่อกวนเราแน่เจ้าค่ะ""พี่ได้ยินมาว่า พี่ใหญ่กำลังหาเงิน เพราะอีกไม่นานทางผู้ใหญ่บ้านน่าจะเปิดให้จองชื่อบุตรชายที่ต้องการเข้าเรียนในสถานศึกษา""หึ บุตรชายเขาต้องเรียน แล้วบุตรเราไม่ต้องเรียนหรือยังไง""ช่างเถอะ ยังไงพี่ก็จะไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบครอบครัวเราอีกแล้ว"หานตงดึงผู้เป็นภรรยามากอดอย่างปลอบโยน"ท่านพี่ ท่านเคยเห็นบันทึกการแยกครอบครัวของท่านหรือไม่เจ้าคะ""ไม่นะ วันนั้นมีเพียงบิดามารดา และผู้ใหญ่บ้านไปหาท่านผู้นำตระกูล ส่วนพี่มารดาให้ย้ายสิ่งของเข้ามาจัดที่บ้านหลังนี้""งั้นวันพรุ่งนี้ ท่านนำหมูไปฝากท่านผู้นำตระกูลสักหนึ่งจิน พร้อมทั้งขอบันทึกแผ่นนั้นกลับมาด้วยนะเจ้าคะ""เจ้าคิดว่า บันทึกนั้นมีปัญหา"หญิงสาวส่ายหน้าไม่กล้าแสดงความคิดเห็นออกไปตรงๆ"ข้าก็แค่อยากเตรียมรับมือไว้เท่านั้นเจ้าค่ะ เรื่องนี้ข้าอยากให้ท่านทำแบบเงียบๆ อย่าให้มากความได้หรือไม่เจ้าคะ""นี่ก็ยังไม่เย็นมากนั
ตื่นเช้าขึ้นมา ทุกคนในบ้านยังคงดำเนินการทุกอย่างเหมือนเดิม หลังจากการกินข้าวเช้า หญิงสาวจึงปล่อยบุตรชายทั้งสองออกไปเล่นหน้าบ้าน ก่อนจะปรึกษาสามีเรื่องที่นางคิดมาตลอดคืน"ท่านพี่ ข้าอยากจะซื้อที่และสร้างบ้านใหม่ ท่านจะว่าอย่างไรเจ้าคะ"หานตงรู้ดีว่า ที่ภรรยาคิดเรื่องนี้ขึ้น เพราะบันทึกแผ่นนั้น การหาหนทางรอดให้ตนเองและครอบครัว ก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้น เป็นหนทางที่ดีที่สุดในตอนนี้"พี่เห็นด้วยกับเจ้า แล้วเจ้าอยากได้ที่ตรงไหนเล่า""ข้าอยากได้ที่ตรงบริเวณลำธารค่อนขึ้นไปทางบึงบัวเจ้าค่ะ""แต่บริเวณนั้น พื้นดินที่เหมาะแก่การเพาะปลูกแทบจะไม่มีเลยนะ""ท่านพี่เจ้าขา ข้าหาได้ต้องการพื้นที่เพาะปลูกไม่เจ้าค่ะ แต่ข้าต้องการสิ่งที่อยู่ในน้ำ กับบึงบัวนั้นต่างหาก""เอาแบบนี้เถอะ พี่ว่าเงินที่เจ้าได้มาก็ไม่น้อย น่าจะซื้อที่บริเวณด้านข้างเพิ่มขึ้นมาอีกสักหน่อย ดินตรงนั้นสามารถเพราะปลูกได้ดี พี่จะเก็บไว้ปลูกพวกพืชผัก ที่เจ้าชอบเก็บมาจากบนเขาดีหรือไม่"หญิงสาวตาสว่างวาบ สามีของนางช่างรอบคอบดีแท้"งั้นวันนี้ท่านพี่เร่งดำเนินการเลยนะเจ้าคะ ข้าคิดว่าอีกไม่กี่วันหากท่านยังไม่เข้าไปบ้านของท่านแม่ พวกเขาต้องส่งคนม
เมื่อมีคนนอกวิ่งเข้านอกออกในในหมู่บ้านอย่างคึกคัก ชาวบ้านต่างก็ร่ำลือกันอย่างสนุกปากบางคนก็ว่าคนที่มาซื้อที่สร้างบ้านเป็นเศรษฐีใหญ่ ต้องการหลบความวุ่นวาย จึงมาสร้างบ้านไว้พักผ่อนในชนบทบ้างก็ว่าเป็นคนมีเงินที่ต้องการสร้างไว้สำหรับพาอนุมาหาความสำราญทุกคนในหมู่บ้านล้วนแต่อยากรู้อยากเห็น ชาวบ้านบางคนที่รู้จักเซียนย้ง ทนความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหว ถึงกับเอ่ยปากถามออกมาตรงๆ ก็มีหากแต่เซียนย้งกับบอกว่า งานนี้มีคนจ้างวานให้เขาทำ เรื่องชื่อผู้จ้างวานไม่สามารถบอกใครได้ เนื่องจากติดอยู่ในสัญญาชาวบ้านทุกคนต่างคิดว่าเป็นจริงตามนั้น เพราะต่างก็เห็นว่า ตอนนี้บ้านของเซียนย้งมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าแต่ก่อนมาก ต่างคนต่างอิจฉาในความโชคดีของอีกฝ่ายเว่ยเหนียนเหยา กำลังนั่งตรวจดูพวกผ้าปักที่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ครั้งนี้นางทำผ้าปักได้ถึงยี่สิบชุดเลยทีเดียว ความดีความชอบนี้นางต้องยกให้กับซินเซียงและมารดาของนางเนื่องจากสองคนนั้นมีความจำดีเป็นเลิศ สามารถช่วยงานนางในเรื่องการตัดเย็บได้อย่างประณีต ส่วนนางเมื่อได้สะดึงมางานปักก็ลื่นไหล สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วขึ้นอีกเท่าตัวเว่ยเหนียนเหยาพอใจกับผลงานตรงหน้า
"พี่สะใภ้ขอรับ สำหรับสบู่ของข้า ข้าคิดออกแล้วขอรับว่าจะทำยังไง"เซียนย้งเกิดความคิดขึ้นตอนที่เขาฟังพี่สะใภ้กับทุกคนวางแผนการค้าถ่านกัน"ไหนเจ้าลองว่ามาซิ อาย้ง""ตอนนี้สบู่ของข้ามีรูปร่างเหมือนสบู่ทั่วไปที่ขายอยู่ ข้าอยากให้ท่านช่วยข้าออกแบบแม่พิมพ์ขึ้นมาใหม่ นอกจากนั้นข้าอยากมีตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ที่จะให้คนทั่วไปรู้ว่า นี่เป็นสบู่ของพวกเราด้วยขอรับ""สัญลักษณ์?""ขอรับพี่สะใภ้ ข้าอยากตั้งชื่อทางการค้าให้คนรู้ว่า สินค้าพวกนี้มาจากครอบครัวของพวกเรา""ดีๆ ข้าเห็นด้วยกับเจ้า"อาเสิ้นตาโต เขาก็อยากให้ถ่านของเขามีชื่อร้านเหมือนกัน"แล้วเจ้าคิดชื่อไว้แล้วหรือยัง หรือจะให้พวกข้าช่วยคิดให้"หญิงสาวมองดูเด็กหนุ่มทั้งสองที่กระตือรือร้น ดวงตาเป็นประกายอย่างตื่นเต้น ก็ช่วยส่งเสริม"ข้าอยากให้ร้านของข้า ชื่อ เหนียนเหยา ขอรับ"หญิงสาวตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าเซียนย้งจะเสนอชื่อนางขึ้นมา"เจ้าพอจะบอกเหตุผลข้าได้หรือไม่อาย้ง"หานตงถามขึ้น เขาพอจะรู้ใจของน้องคนนี้ดี แต่ก็อยากจะรู้ว่า จะเหมือนที่เขาคิดไว้หรือไม่"เพราะพี่สะใภ้ เป็นเสมือนแสงสว่างที่สาดเข้ามาในชีวิตของครอบครัวข้า ขับไล่ความมืดมิด ช่วยให้ข้าเห
เว่ยเหนียนเหยายืนอยู่บนระเบียง คิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา นางนับถือนางลี่สือหลินมาก แม้จะรักบุตรชายเพียงใดแต่ก็ไม่ยอมเห็นผิดเป็นถูก กัดฟันส่งบุตรชายเข้ารับโทษที่ก่อตอนแรกนางยังคิดว่า นางลี่สือหลินจะล้มป่วยเพราะตรอมใจอยู่หลายวัน หากเพียงแค่สองวัน นางลี่สือหลินกลับลุกขึ้นไปทำงาน นางกับซินเซียงพยายามห้ามปรามขอให้พักผ่อนอีกสักหน่อยรอยยิ้มเศร้าสร้อยปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากคู่นั้น ก่อนจะกล่าวว่า" อาเหยา คนเป็นแม่จะอ่อนแอไม่ได้ ตอนนี้บุตรชายของข้ากำลังหกล้ม ข้าหวังว่า สักวันเขาจะคิดได้ และลุกขึ้นยืนใหม่ เมื่อนั้นมือคู่นี้ของข้ายังต้องช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้น"เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็น้ำตาคลอ ชาติที่แล้ว นางไม่มีพ่อแม่ ไม่เคยรับรู้ถึงความรักของพ่อแม่มาก่อน หญิงสาวคิดไปถึงต้นโสมเจ้าปัญหาต้นนั้น ที่บัดนี้ถูกนำไปเก็บไว้ในห้องของนางเป็นที่เรียบร้อยต้นโสมเพียงหนึ่งต้น แต่กลับลากดึงเอาความโลภโมโทสันภายในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ออกมาตีแผ่ นางหวังเพียงแต่ว่า ลี่ห่าวฟง จะไม่ทำให้มารดาของเขาผิดหวัง"พี่สะใภ้ พี่หานตงให้ข้ามาบอกท่านว่า วันนี้เป็นวันที่นัดกับช่างเฟิ่งไว้ขอรับ""เจ้าช่วยไปเรียกอาเสิ้นมาพบข้าหน
"ภรรยาเจ้าเร็วหน่อยเถอะ เราต้องรีบไปให้ทันรถเที่ยวเช้านะ""ท่านพี่จะรีบไปไหน ป่านนี้คนพวกนั้นยังไม่มีใครรู้หรอกน่า"นางลี่สือหลินยืนกำมือแน่นที่หน้าประตู จู่ๆประตูก็ถูกเปิดออกจากคนที่อยู่ข้างใน ห่าวฟงเห็นมารดา พร้อมน้องเขย น้องสาวยืนอยู่ก็ตกใจ พยายามตั้งสติ"ท่านแม่ ท่าน มาได้ยังไงขอรับ"นางลี่สือหลินมองดูบุตรชายที่ก้าวเท้าถอยหลังเข้าไปในบ้าน ในมือถือห่อผ้าห่อหนึ่ง"เจ้าใหญ่ พวกเจ้ารีบร้อนจะไปไหนกันแต่เช้า"นางลี่สือหลินไม่ตอบ แต่ย้อนถามบุตรชายแทน"พอ ดี แม่ภรรยาไม่ค่อยสบาย ข้าเลยจะพานางไปเยี่ยมดูอาการขอรับ"สะใภ้ตระกูลลี่เมื่อเห็นสามีส่งสายตามาให้ ก็รีบเอ่ยเสริมคำ"ใช่เจ้าค่ะท่านแม่สามี ท่านแม่ข้าไม่สบาย ข้าจึงจะรีบไปเยี่ยม อีกอย่างข้าอยากจะนำข่าวดีไปบอกท่านด้วยตัวเอง""พวกเจ้าก็เลยทำตัวเป็นบุตรเขยบุตรสาวที่ดี เอาต้นโสมไปเยี่ยมซินะ"นางลี่สือหลิน ตวาดออกไปอย่างหมดความอดทน มองมือบุตรชายที่กุมห่อผ้าแน่นเข้าไปอีก"ท่านแม่ ท่านพูดเรื่องอะไร ข้าไม่เข้าใจขอรับ""ข้าก็พูดเรื่องที่เจ้าสองสามีภรรยาเข้าไปขโมยโสมที่บ้านของอาเหยาไงละ"ห่าวฟงหน้าซีด เขารู้ตั้งแต่เห็นหน้ามารดาที่หน้าประตูแล้ว ว่าม
"มา มาลูกสะใภ้เจ้านั่งก่อน"นางลี่สือหลิน รีบบอกให้บุตรชายประคองลูกสะใภ้นั่งลงบนเก้าอี้"น้องสาว น้องเขยตอนนี้คงสบายดีสินะ ท่าทางจะร่ำรวยกันใหญ่"ลี่ห่าวฟงบุตรชายของนางลี่สือหลิน กล่าวออกมาอย่างประชดประชัน เขามองไปมองรอบๆบ้านหลังนี้ด้วยความอิจฉา ครั้งก่อนเขาเคยขอให้มารดา ช่วยพูดกับน้องสาวและน้องเขยว่าให้ตนและภรรยาเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วย แต่คนพวกนี้ล้วนแล้งน้ำใจต่อเขากับภรรยา ดีว่ามารดาแอบส่งเงินทองไปให้เขาใช้อยู่เรื่อยๆ ชีวิตเขากับภรรยาจึงไม่ได้ลำบากอะไร"พวกข้าก็แค่มีกินมีใช้นะขอรับ ท่านพี่ภรรยา"เซียนย้งจริงๆ ไม่ค่อยจะชอบพี่ภรรยาคนนี้มากนะ เพราะเขาเป็นคนหยิบโหย่งไม่ค่อยชอบทำงานเท่าไหร่ แถมยังชอบใช้กำลังกับภรรยาของเขาและท่านแม่ยายอยู่บ่อยครั้ง"เอาละ เอาละ มากินข้าวกันเถอะ วันนี้พวกเจ้าต้องกินเยอะๆนะ อ้าวข้าลืม พวกเจ้ากินกันไปก่อน ข้าไปเอาน้ำแกงไก่ที่บ้านอาเหยาก่อน"นางลี่สือหลินออกไปไม่นานก็กลับมาพร้อมน้ำแกงไก่ถ้วยใหญ่"อาเซียงเมื่อกี้ตอนแม่ไปตักน้ำแกงไก่ เห็นกล่องใส่โสมยังวางอยู่ในครัว เห็นอาย้งบอกว่า โสมหัวนั้นราคาหลายร้อยตำลึงทอง ทำไมเอามาวางไว้อย่างนั้นละ"ซินเซียงแอบมองไปยังพี่ชาย
ชุนเหมยเมื่อเห็นน้องสาวต่างสายเลือด กระวีกระวาดวิ่งออกไปหาสามีก็ส่ายหัวยิ้มๆ นางเดินออกจากห้องโถง มุ่งตรงกลับเข้าห้องนอนทันที"เวิ้นสุ่ย"เสียงราบเรียบของหญิงสาวคล้ายพูดคุยกับอากาศที่อยู่ภายในห้อง เงาดำสายหนึ่งเคลื่อนออกมาจากมุมห้องอย่างเงียบๆ"นายหญิง""เจ้าไปสืบเรื่องนั้นมาให้ข้า จำไว้ข้าต้องการเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียด"ไร้เสียงตอบรับใดๆ มีเพียงเงาดำสายนั้น ที่เลือนหายไปคล้ายไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ชุนเหมย เดินออกจากห้องไปช้าๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น"ท่านพี่ตอนที่อยู่ที่หอการค้ากลางทำไมท่านไม่ช่วยข้าออกความคิดเห็นบ้างเลยเจ้าค่ะ"หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างแง่งอน ที่สามีไม่ช่วยนางออกความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับร้านค้าที่นางจะซื้อ"ก็พี่ไม่มีความรู้เรื่องนี้ พี่ว่าร้านไหนเจ้าเห็นว่าดีพี่ก็ว่าดี พี่ล้วนเชื่อฟังเจ้าเหยาเอ๋อ"เซียงย้งกลั้นหัวเราะหน้าแดง เมื่อเห็นพี่ชายกลายสภาพเป็นแมวหนุ่มช่างออดอ้อนต่อหน้าพี่สะใภ้ ก่อนจะรีบปรับสีหน้า เมื่อเห็นสายตาพิฆาตที่พี่ชายส่งตรงมาให้"พี่สะใภ้ในเมื่อท่านยังไม่ถูกใจ ก็ค่อยๆ หาไปก็ได้ขอรับ ข้าและ พี่หานตงล้วนเชื่อฟังท่าน""อะ นั่น นั่น น่าจะใช่ร้านเหล็กที่พี่ช
เว่ยเหนียนเหยากำลังกล่าวขอตัวจากเหวินฉีและภรรยา แต่อาเสิ้นก็เดินเข้ามาในบ้านซะก่อน"พี่บุญธรรม ท่านพอจะมีเวลาสักครู่หรือไม่ขอรับ ถ่านเตาแรกตากแดดดีแล้ว ข้าอยากพาท่านไปดู""ได้สิ งั้นอาเซียงเจ้าไปโรงงานเถอะ เดี๋ยวพวกข้าจะไปกับอาเสิ้น"อาเสิ้นลากถ่านที่เขาเก็บใส่ตะกร้าแล้ว ออกมาให้ทุกคนดู หญิงสาวหยิบถ่านขึ้นมาตรวจดู เห็นว่าทุกก้อนแห้งสนิทแล้วจริงๆจึงให้อาเสิ้นลองก่อไฟขึ้นมาดู ถ่านนี้เป็นถ่านที่ทำจากเศษไม้ต่างๆที่เก็บมารวมกัน จึงทำให้มีควันไฟค่อนข้างมาก ซ้ำยังมีกลิ่นแรง แถมแรงไฟที่ได้ก็ไม่สม่ำเสมอนางบอกให้อาเสิ้นจดข้อเสียเหล่านี้ไว้ เพราะเตาต่อไปจะลองใช้ไม้ไผ่อย่างเดียว อาเสิ้นตื่นเต้นมากอยากจะรีบไปเก็บไม้ไผ่กลับมาทดลองแต่นางบอกว่า รอให้พวกนางกลับมาจากในเมืองก่อนจะดีกว่า จะได้มีคนขึ้นเขาไปเป็นเพื่อนเมื่อเห็นว่าไม่มีธุระอะไรที่ต้องทำในบ้านแล้ว เว่ยเหนียนเหยาจึงรีบเดินทางเข้าในเมือง วันนี้นางมีงานต้องทำมากมายเลยทีเดียวเมื่อมาถึงตัวเมือง นางให้สามีและเซียนย้ง นำปลาไหลที่ได้ไปขายก่อนหานตงจึงมุ่งหน้าไปที่ภัตตาคารที่เคยนำปลาไหลมาขายในครั้งก่อน เสี่ยวเอ้อจำพวกเขาได้ก็ร้องทักอย่างดีใจ"พวก
"อาเซียง เจ้าเดินรอข้าด้วยสิ""อาย้งเจ้าก็เดินให้เร็วหน่อยสิ พี่สะใภ้กำลังรอไก่จากข้าอยู่นะ""เดี๋ยวนี้ เจ้าหายใจเข้าหายใจออกเป็นพี่สะใภ้ ข้าชักจะน้อยใจแล้วสิ""หึ แน่นอนว่า พี่สะใภ้ของข้า ต้องสำคัญกว่าเจ้า""เจ้าพูดเช่นนี้ คอยดูเถอะ คืนนี้ข้าจะลงโทษเจ้าเช่นไร""เจ้า! ไม่ต้องพูดแล้ว รีบเดินเร็ว นี่มันหน้าบ้านท่านป้าเจ้านี่ รีบเดินเร็วๆ เข้าเถอะ เจ้าไม่กลัวหรือยังไง"ซินเซียงหันซ้ายแลขวา เนื่องจากบ้านหลังนี้เป็นบ้านของท่านป้าของเซียนย้ง แต่นางเสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว ส่วนบุตรชายกับลูกสะใภ้ก็ทำงานที่เมืองหลวง จึงปล่อยบ้านทิ้งร้างไว้เคร้ง......ปึก ปึก ปึกซินเซียงหันไปเกาะแขนเซียนย้ง หน้าขาวซีด"อา...ย้ง เจ้า..ได้ยินเสียง อะไรไหม""คงจะเป็นเสียงหนูละมั้ง ข้าว่าเรารีบไปกันดีกว่าเนอะ"เซียนย้งที่หิ้วไก่อยู่ ใช้มืออีกข้างดึงให้ซินเซียงรีบเดินตาม"อาย้ง ....อาเซียง""อา...ย้ง ได้ยินเสียงคน คนเรียก พวกเราไหม"ตอนนี้ เซียนย้งเองก็เริ่มหน้าซีดไปเหมือนกัน จับมือซินเซียงเตรียมวิ่งออกไป"อาย้ง อาเซียง นี่ข้าเอง พี่ซีเม่ย ภรรยาท่านพี่เหวินฉีไง""พี่สะใภ้ เป็นท่าน แล้วท่านพี่เหวินฉีละขอรับ"เซียนย
" พี่สะใภ้ท่านมาแล้ว ข้าจะออกไปตามก็ไม่กล้าวางมือ""อาย้ง นำโถที่ข้าเตรียมไว้ทางโน่นมา นำผ้ามาปูบนปากโถ แล้วเอาผ้าชิ้นเล็กที่ข้าตัดไว้แล้ว รัดผ้าที่วางตรงปากโถให้แน่น ข้าจะกรองน้ำมันหอมอีกรอบ"เซียนย้งทำงานคล่องแคล่ว เดี๋ยวเดียวโถพร้อมผ้ากรองก็อยู่ตรงหน้านาง นางจัดการตามขั้นตอนสุดท้ายอย่างรวดเร็วในที่สุดน้ำมันทั้งหมดก็ถูกเทใส่โถ และดอกกุหลาบก็ถูกวางใส่ผ้ากรองทิ้งไว้"พี่สะใภ้ ต้องวางไว้นานเท่าใดขอรับ""วางไว้จนกว่า น้ำมันในดอกไม้จะออกมาหมด""ดอกไม้กับน้ำมันยังเหลืออยู่ ท่านจะให้ข้าทำต่อเลยไหมขอรับ""น่าจะทำต่อได้อีกหนึ่งถังเจ้าจัดการเลย ข้าจะคอยดู"เซียนย้งจัดการตามวิธีที่จำได้ มีผิดไปบ้างแต่เว่ยเหนียนเหยาก็คอยบอกอยู่ข้างๆ จนตุ๋นน้ำมันหอมเรียบร้อย"เอาละทีนี้มาตัดสบู่กัน เจ้าไปหยิบถาดที่ใส่สบู่มา"เซียนย้งหยิบถาดที่ใส่สบู่มาหนึ่งถาด วันนี้พี่สะใภ้ทำสบู่สามถาด เขาทำเองอีกหนึ่งถาด รวมแล้วเป็นสี่ถาด เดี๋ยวถาดนี้ให้พี่สะใภ้ตัดให้เขาดู ส่วนถาดอื่นๆเขาจะขอลองตัดเองเว่ยเหนียนเหยารับถาดไม้มา จากนั้นก็ใช้มีดเล็กบางเลาะไปข้างๆถาดไม้แล้วคว่ำถาดลงเคาะเบาๆ สบู่ก็หลุดออกมา นางจับก้อนสบู่ก้อนใหญ่ไ
หญิงสาวเล่าเรื่องที่เว่ยหานหมิงเข้าหานาง ทุกคำพูด ทุกการกระทำ นางล้วนเล่าออกมาทั้งหมด นางไม่ใช่นางเอก ที่จะยอมปิดบังเรื่องต่างๆ เพื่อความสบายใจของพระเอก จนบางครั้งก็เกิดเรื่องราวใหญ่โตสำหรับนางการพูดคุยกันทุกเรื่องจะช่วยให้ชีวิตคู่ของพวกนางมั่นคงขึ้นอีกก้าว"เจ้าบอกว่าน้องเล็กเรียกเจ้าว่า อาเหยา หรือ""เจ้าค่ะ""แถมยังทำท่าอาลัยอาวรณ์เจ้าอีก""เจ้าค่ะ""ถ้าอย่างนั้นต่อไป เจ้าก็ไม่ต้องตามพี่ไปที่บ้านนั้นอีก และต่อไปพี่จะไม่เรียกเจ้าว่า อาเหยา แล้ว"อ้าว นี่นางทำให้สามีทำไหน้ำส้มหกนองหรือไร หญิงสาวเอนกายซบอกแกร่งสามีอย่างออดอ้อน"ถ้าเช่นนั้น ท่านจะเรียกข้าว่าอะไรดีเจ้าคะ""เหยาเอ๋อ พี่จะเรียกเจ้าว่า เหยาเอ๋อ ต่อไปเจ้าจะเป็นเหยาเอ๋อของพี่เพียงคนเดียว เจ้ายังจำสัญญาได้หรือไม่ ครั้งนี้เจ้าต้องมีลูกสาวอวบอ้วนให้พี่สักหลายๆ คนนะ เหยาเอ๋อ"ชายหนุ่มจับคางภรรยาขึ้นรับจุมพิตอ่อนโยนที่เขามอบให้ เขารู้ว่า นางไม่ใช่อาเหยาในอดีตที่มีใจรักต่อเว่ยหานหมิงผู้เป็นน้องชายครั้งนี้เขาตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่า จะทำตามคำสั่งบิดา ไม่จำเป็นจะไม่ไปที่บ้านหลังนั้นอีกกลิ่นกายหอมกรุ่นในอ้อมแขน ดึงสติเขาออกจากความคิ