รถม้าคันใหญ่วิ่งเข้ามาในหมู่บ้าน ชาวบ้านต่างออกมามองดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น เนื่องจากผู้คนในหมู่บ้านนี้มีอยู่ไม่น้อย หากแต่ไม่มีผู้ใดจะมีฐานะถึงขนาดเช่ารถม้าคันใหญ่โตมาส่งเลยสักครั้ง
"โอ้ นั้นเป็นคนบ้านไหนกันนะ ทำไมถึงนั่งรถม้าคันใหญ่มาถึงหมู่บ้านเราได้" "นั่นสินั่นสิ นานแล้วนะที่ข้าไม่เคยเห็นรถม้าคันใหญ่ถึงเพียงนี้ เป็นบุญตาข้าจริงๆ" เสียงรถม้าค่อยๆวิ่งผ่านไปพร้อมกับเสียงเล่าลือปนสงสัยก็ดังตามรถม้าออกไปเรื่อยๆ "อาเหยาตื่นเถอะถึงบ้านแล้ว" หญิงสาวค่อยๆกะพริบตา ก่อนจะหลับตาตั้งสติอยู่ชั่วครู่ ตายแล้ว นางเผลอตัวนอนหลับไปตอนไหนเนี่ย นางช้อนตาขึ้นมองสามีอย่างออดอ้อนปนขอโทษ "ข้าขอโทษเจ้าค่ะท่านพี่ ข้าไม่รู้ตัวว่าเผลอหลับไปตอนไหน" ชายหนุ่มหันมาลูบผมและจัดเสื้อผ้าให้กับผู้เป็นภรรยาอย่างอ่อนโยน "หากเจ้ายังไม่หายง่วงอีกประเดี๋ยวก็เข้าไปนอนพักผ่อนในห้องอีกสักครู่ ข้าวของพวกนี้เดี๋ยวข้าจะขนเข้าไปเก็บเอง" หญิงสาวหน้าแดงกับความอ่อนโยนที่ได้รับ นางรีบส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนจะหันไปปลุกบุตรชายทั้งสอง เด็กทั้งสองเมื่อเห็นว่าตนมาถึงบ้านแล้ว ต่างทำหน้าเสียดายที่มัวแต่นอนหลับ เลยไม่ได้ดูทิวทัศน์จากนอกหน้าต่างเหมือนที่เคยคุยกันไว้ หานตงลงไปจากรถม้า จากนั้นก็รอรับบุตรและภรรยาลงตามมา คนขับรถม้าลงมาช่วยขนสิ่งของต่างๆเข้าบ้านอย่างมี อัธยาศัย เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางก็จ่ายเงินพิเศษเพิ่มให้คนขับรถม้าอีกห้าสิบอีแปะ ถือว่าเป็นการแสดงความขอบคุณ เว่ยเหนียนเหยาลงมือคัดแยกของออกเป็นหมวดหมู่ อะไรควรเก็บในครัว นางก็ให้สามีและบุตรชายนำเข้าไปจัดเก็บไว้ในครัวจนเรียบร้อย เมื่อเห็นว่าผู้เป็นสามีหยิบหม้อตุ๋นขนาดต่างๆที่นางซื้อมาขึ้นมามองอย่างสงสัย นางจึงบอกให้เขารู้ว่า นางอยากจะลองสกัดกลิ่นหอมจากดอกไม้ดูสักหน่อย ตอนที่นางพูดออกไปยังเกรงว่าหากสามีสงสัย ซักถามว่านางรู้วิธีการได้ยังไง นางจะหาข้อแก้ตัวอะไรมาแก้ต่างให้กับตัวเอง หากแต่ว่าสามีเพียงพยักหน้ารับรู้ไม่พูดจาซักถามอะไรต่อ สิ่งของต่างๆล้วนถูกทยอยนำเข้าไปเก็บ นอกจากสิ่งของที่อยู่ในครัวแล้ว พวกผ้าพับ กระดาษ รวมไปถึงอย่างอื่นล้วนแต่ต้องนำเข้าไปเก็บที่ห้องของนาง ตอนนี้เหลือเพียงพวกเครื่องนอน และเสื้อผ้าที่ซื้อมาเท่านั้น "ท่านพี่เจ้าคะ นี่ก็ยามเซินแล้ว ข้าว่าจะเข้าครัวไปเตรียมอาหารเย็นไว้เลย ข้ารบกวนท่านกับเจ้าใหญ่เจ้ารองช่วยนำที่นอนนี่เข้าไปปูในห้องของลูกลูกได้ไหมเจ้าคะ" นางไม่เคยเข้าไปในห้องของบุตรชาย แต่คาดว่าก็คงจะไม่ดีไปกว่าที่นางนอนอยู่เป็นแน่ ห้องนอนของนางมีเพียงผ้าห่มผืนบางๆปูรองนอน แม้ตอนนี้จะไม่ใช่หน้าหนาว แต่ตอนกลางคืนก็หนาวเย็นจับใจทีเดียว นางมองเข้าไปในตาของบุตรชายเห็นแววตาไร้เดียงสาทั้งสองคู่มีแต่ความสุขและไว้เนื้อเชื่อใจ ไม่เหมือนกับแววตาหวาดระแวงเหมือนเมื่อตอนที่นางเพิ่งฟื้นมา เว่ยเหนียนเหยารู้สึกถึงความสุขที่วิ่งวนอยู่รอบกาย ที่แท้การมุ่งมั่นที่จะทำให้คนที่เรารัก ทำให้เรามีความสุขแบบนี้นี่เอง "ท่านแม่ขอรับ เย็นนี้ท่านแม่จะทำอะไรให้พวกข้ากินขอรับ" "ท่านแม่ ท่านแม่ข้าอยากกินเนื้ออีกขอรับ" เด็กทั้งสองรู้สึกว่าเนื้อตุ๋นเมื่อกลางวันอร่อยยิ่งนัก ยิ่งกินยิ่งรู้สึกว่าไม่พอ พวกตนเห็นว่าเมื่อตอนกลางวันบิดาพาไปตลาดได้ซื้อเนื้อกลับมามากมาย ไม่รู้ว่าวันนี้มารดาจะทำให้กินด้วยหรือไม่ "ได้สิ งั้นวันนี้แม่จะทำเนื้อตุ๋นน้ำแดง กับต้มน้ำแกงกระดูกหมูให้เจ้ากินดีหรือไม่ แต่ตอนนี้พวกเจ้าช่วยท่านพ่อของเจ้า นำเสื้อผ้ากับเครื่องนอนเข้าไปเก็บก่อนเถอะ" เด็กๆเมื่อได้ยินดังนั้นก็ไม่รีรอ รีบช่วยกันยกข้าวของที่พอจะยกไหวเดินนำเข้าไปในห้องทันที เว่ยเหนียนเหยาปลีกตัวเดินเข้ามาที่ครัว ตอนนี้นางยังไม่มีความคิดที่จะปรับปรุงบ้านนี้ เนื่องจากแม้ปากจะบอกว่ายกที่ดินผืนนี้ให้หานตง หากแต่ชื่อกลับยังเป็นของบิดามารดาของสามี หากวันไหนคนในบ้านพวกนั้นไม่ถูกใจครอบครัวของนาง จนพาลมาขับไล่ เช่นนั้นไม่ใช่นางจะลงทุนโดยเปล่าประโยชน์หรอกหรือ หญิงสาวสลัดความคิดฟุ้งซ่าน ก่อนจะนำเนื้อแดง และเนื้อติดมันออกมาจากบ่อเก็บของ นางยกหมอตุ๋นใบใหญ่ขึ้นมาใส่น้ำก่อนจะยกตั้งขึ้นบนเตา รอจนน้ำเดือดจึงใส่เนื้อหมูลงไป ตามด้วยเครื่องเทศอีกพอประมาณ การตุ๋นเนื้อแต่ละครั้งต้องใช้เวลานาน นางจึงใช้เวลาที่ว่างเดินออกไปดูสามีและบุตรชายว่าจัดห้องกันเสร็จหรือยัง เมื่อเปิดประตูเข้าไปดู กลับเห็นเพียงบุตรชายที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกำลังนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนที่นอนอย่างมีความสุข "เป็นอย่างไรบ้างลูกแม่ ที่นอนนี่นุ่มดีหรือไม่" "ทั้งนุ่มทั้งอุ่นเลยขอรับ" "ข้ามีความสุขมากๆเลยขอรับ" เด็กๆแย่งกันตอบคำถามของนาง ดูท่าทางมีความสุขจนแทบจะไม่อยากลุกออกมาจากเตียงกันเลยทีเดียว "แล้วท่านพ่อของเจ้าหายไปไหนละ" หญิงสาวถามหาสามีอย่างสงสัย "ท่านพ่อพาพวกข้าไปอาบน้ำจากนั้นก็บอกให้พวกข้าเข้ามาแต่งตัวและเล่นอยู่ในห้องขอรับ" "เห็นท่านพ่อบอกว่าจะไปอาบน้ำและตักน้ำจากในลำธารขึ้นมาไว้ให้ท่านแม่อาบด้วยขอรับ" นี่ก็เป็นอีกข้อที่ดีของสามีนาง เขาไม่เคยปล่อยให้นางต้องลำบากเดินออกไปอาบน้ำที่ลำธารเองเลยสักครั้ง ทั้งเช้าทั้งเย็นล้วนแต่มีน้ำอาบน้ำใช้ไว้ให้นางอย่างเพียงพอ หญิงสาวนั่งเล่นเป็นเพื่อนลูกอีกพักใหญ่ ก่อนจะเห็นว่าสมควรต้องไปดูเนื้อตุ๋นที่ตุ๋นทิ้งเอาไว้แล้วจึงเดินออกจากห้องไป เมื่อเดินไปถึงห้องครัว กลิ่นเนื้อตุ๋นกลับกระจายส่งกลิ่นหอมไปทั่ว นางรีบเดินเข้าไปเปิดฝาหม้อขึ้น กลิ่นหอมของเนื้อที่ตุ๋นได้ที่ส่งกลิ่นหอมออกมาจนทั่วบริเวณบ้านไปหมด หานตงซึ่งตอนนี้กำลังยืนคุยกับกุ๋ยเซียนย้ง รุ่นน้องที่รักและนับถือกันราวกับพี่น้องแท้ๆ เซียนย้งเดินมาชวนให้ขึ้นเขาไปล่าสัตว์ด้วยกันในวันพรุ่งนี้ กลิ่นเนื้อหอมกรุ่นวิ่งเข้ามากระแทกจมูกคนทั้งคู่อย่างรุนแรง "วันนี้บ้านท่านกินเนื้อกันหรือขอรับ" "ใช่ พอดีวันนี้ข้ากับอาเหยาเข้าเมืองไปขายผ้าปักของนาง ได้เงินมาจำนวนหนึ่ง นางเลยซื้อเนื้อมาทำให้บุตรชายกิน" "เป็นไปได้ยังไง ไม่ใช่ว่านางร้ายกาจมากเลยหรือขอรับ" เซียนย้งพลั้งปากออกไปอย่างตกใจ ก่อนจะรีบเอ่ยปากขอโทษเมื่อเห็นสายตาของหานตง "ขอโทษ ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะว่าภรรยาของท่านพี่นะขอรับ" หานตงถอนหายใจ จะโทษน้องของตนก็ไม่ได้ เมื่อก่อนนั้นภรรยาของเขาเป็นเช่นนั้นจริงๆ นางไม่สนใจทั้งเขาและบุตรชาย ทุกครั้งที่เขาต้องขึ้นเขาล่าสัตว์ เขาต้องนำบุตรชายทั้งสองไปฝากให้ภรรยาของเซียนย้งช่วยดูแล เนื่องจากเกรงว่า หากปล่อยไว้ที่บ้านลูกของเขาต้องอดตายแน่ๆ "ท่านพี่ กับข้าวเสร็จแล้วรีบมาทานข้าวเถอะเจ้าค่ะ" เสียงเรียกขานอย่างอ่อนหวานดังออกมาจากในบ้าน ยิ่งทำให้เซียนย้งเบิ่งตาโตราวกับไข่ห่าน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาเคยมาหาหานตงหลายครั้ง แต่ไม่เคยได้ยินนางเอ่ยขานเช่นนี้เลยสักครั้ง "มาเถอะ วันนี้ลูกเมียเจ้าไม่อยู่ใช่หรือไม่ ถ้างั้นวันนี้มากินข้าวกับข้าเถอะ ให้ข้าได้ตอบแทนเจ้าบ้าง" กุ๋ยเซียนย้งอยากจะปฏิเสธ แต่ความอยากรู้อยากเห็นมีมากกว่า เขาจึงขอหน้าหนาเดินตามคนที่เอ่ยปากชวนไปติดๆ ภายในบ้านยังคงอบอวลไปด้วยกลิ่นเนื้อหอมๆ ทำให้คนทั้งสองที่เดินเข้ามาเผลอกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ลงคอ "อาเหยา วันนี้ข้าพาเซียนย้งมากินข้าวด้วย" กุ๋ยเซียนย้งตัวเกร็งขึ้นมาเล็กน้อย กลัวว่าอีกฝ่ายที่ถูกเรียกชื่อจะระเบิดอารมณ์ออกมา แล้วเขาจะเป็นชนวนที่ทำให้ครอบครัวของพี่ที่รักไม่สงบสุข หากแต่หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้ากับหันมายิ้มให้สามีของนางอย่างอ่อนหวาน พร้อมทั้งเอ่ยขอตัวไปจัดหาถ้วยชามให้เขาเพิ่มในทันที "ท่านอา" "ท่านอา" เด็กๆที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ รีบลงมาเกาะขาของเซียนย้งไว้คนละข้างอย่างคุ้นเคย ท่านอาคนนี้ใจดียิ่งนัก บ่อยครั้งที่พวกเขาต้องไปพักอยู่ที่บ้านของท่านอา ทั้งภรรยาและบุตรชายของท่านอาล้วนแต่ดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี เพียงแต่ครอบครัวของท่านอาก็มีสภาพเหมือนกับครอบครัวของเขา น้อยมื้อจะมีกินจนอิ่มหนำ ยิ่งพวกเขาไปอยู่ด้วย คนพวกนั้นก็ได้กินน้อยลงไปอีก "เจ้าใหญ่เจ้ารองพวกเจ้าสบายดีไหม" เซียนย้งถามออกไปด้วยความเคยชิน เด็กทั้งสองคนตรงหน้าตอนนี้ดูดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก หน้าตาสะอาดสะอ้าน ดูท่าทางมีความสุข ร่างกายก็ดูแข็งแรงขึ้นไม่น้อย "สบายดีขอรับท่านอา" สองพี่น้องต่างรีบจูงมือเซียนย้งมานั่งรอที่เก้าอี้ ปากก็สรรเสริญเยินยอรสมืออาหารของมารดาตนให้ผู้เป็นอาได้ฟัง เซียนย้งได้แต่คิดว่า เด็กๆคงไม่เคยกินอะไรแบบนี้ เมื่อมารดาทำออกมาให้กินก็เห็นว่าอร่อยไปเสียหมด ตัวเขาตั้งใจว่า ไม่ว่ารสชาติอาหารจะออกมายังไง ก็จะไม่แสดงอาการออกมาให้เด็กน้อยเสียใจเป็นอันขาด "ขอโทษด้วยนะเจ้าคะ พอดีข้าเกรงว่ากับข้าวจะน้อยเกินไป จึงไปทำอาหารออกมาอีกจาน เลยเสียเวลาไปสักหน่อย" เซียนย้งมองดูอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะตาโต ตอนแรกบนโต๊ะมีอาหารจานหลักสองจาน กับน้ำซุปหนึ่ง ถ้วยใหญ่ ถ้าสำหรับคนสี่คนก็ถือว่าฟุ่มเฟือยแล้ว นี่มีเขาเพิ่มเข้ามาอีกคน พี่สะใภ้ถึงกลับไปทำอาหารออกมาเพิ่มอีกหนึ่งจาน ช่างใจกว้างซะเหลือเกิน เว่ยเหนียนเหยาตักข้าวให้สามี ตามด้วยแขกและบุตรชาย ก่อนจะตักให้ตัวเองเป็นคนสุดท้าย มือเรียวยื่นไปตักน้ำแกงก่อนจะส่งให้สามีและ ทุกๆคนได้ดื่ม เซียนย้งตักเข้าแกงเข้าปาก รสชาติความหอมหวานกับแผ่กระจายไปทั่ว จนเขาเองไม่สามารถหยุดมือได้ สุดท้ายกว่าจะวางมือ น้ำแกงกระดูกก็หมดถ้วยไปเสียแล้ว "พี่สะใภ้ นี่เป็นน้ำแกงอะไรทำไมถึงอร่อยขนาดนี้ขอรับ" "อ๋อ นี่เป็นน้ำแกงต้มกระดูกหมูกับมันฝรั่ง ถ้าเจ้าชอบเดี๋ยวข้าจะแบ่งให้เจ้าเอากลับไปกินที่บ้านด้วย" หญิงสาวเอ่ยปากอย่างใจกว้าง พลางยื่นมือไปตักเนื้อที่ตุ๋นวางลงในชามสามี "ท่านพี่ ลองทานเนื้อตุ๋นดูนะเจ้าคะ ไม่รู้ว่าจะอร่อยสู้เนื้อตุ๋นของท่านลุงที่ขายบะหมี่ได้หรือไม่" เมื่อเห็นสามีลงมือกิน นางก็ตักเนื้อใส่ชามข้าวให้เด็กๆคนละชิ้น ก่อนจะเอ่ยปากชวนเซียวย้งอย่างใจดี "เซียวย้งเจ้าก็ลองชิมดูเถอะ" หลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง สองมือใหญ่ สองมือเล็ก ต่างแย่งกันตักอาหารอย่างไม่พูดพร่ำ หญิงสาวมองตามจนตาลาย เลยเลิกสนใจ หันมากินข้าวของตนอย่างเงียบๆ ไม่แย่งชิงกับผู้ใด หลังจากที่อาหารตรงหน้าเหลือแต่จานเปล่า ไม่เหลือแม้แต่น้ำสักหยด ความวุ่นวายทั้งหลายจึงยุติลงได้ซะที ช่วงครอบครัวสุขสันต์ อิ่มอร่อยกันทั้งครอบครัว แอบเช็ดปาก แปร๊บบบบ"โอ๊ย ข้าไม่เคยกินอิ่มขนาดนี้มาก่อนเลย กับข้าวที่พี่สะใภ้ทำอร่อยทุกอย่างเลยขอรับ"เซียนย้งเปลี่ยนท่าที เขาพูดจากับเว่ยเหนียนเหยาอย่างอ่อนน้อมมากขึ้น หานตงมองเซียนย้งอย่างเหยียดหยาม ไหนเมื่อครู่เจ้ายังไม่เชื่อถือเมียของข้า เหตุใดจึงเปลี่ยนใจง่ายดายเพียงนี้เล่า"นี่ก็มืดแล้ว ข้าว่าลูกเมียเจ้าน่าจะกลับมาแล้วนะ"หานตงเอ่ยปากไล่กลายๆ เนื่องจากรู้ดีว่า วันนี้เมียของตนตรากตรำมาทั้งวัน"แล้วที่จะขึ้นเขาพรุ่งนี้"เซียนย้งกล่าวอย่างคาดหวัง ที่เขาอยากให้หานตงขึ้นไปด้วย เพราะหานตงเป็นพรานป่าที่ชำนาญทางและล่าสัตว์เก่งเป็นที่หนึ่ง หากแต่ชายหนุ่มกับขึ้นเขานับครั้งได้ เนื่องจากเป็นห่วงบุตรชายทั้งสองแต่ครั้งนี้เซียนย้งเห็นแล้วว่า เมียของหานตงดูแลเอาใจใส่บุตรชายเป็นอย่างดี หานตงน่าจะขึ้นเขาล่าสัตว์ได้อย่างไร้กังวลหานตงเอ่ยปากให้ลูกชายทั้งสองเข้าไปนอนก่อน เนื่องจากเห็นว่าเด็กทั้งสองตาปรือจนจะหลับกลางอากาศอยู่แล้ว ก่อนจะเบือนมาสบตาเว่ยเหนียนเหยา เขาเห็นความกังวลและหวาดกลัวในตาคู่งาม ชายหนุ่มตัดสินใจ"ข้าคงไปด้วยไม่ได้ อาเหยาเพิ่งจะหายป่วย ซ้ำยังรับงานชิ้นใหญ่มาจากในเมือง ข้าต้องอยู่ช่วยนาง"ง"จริงๆ ข้า
ต้นยามเหมาชายหนุ่มจึงรู้สึกตัวตื่นขึ้น เขาไม่เคยนอนหลับสนิทแบบนี้มานานแล้ว หานตงนอนมองหน้าภรรยาอย่างสุขใจ ก่อนจะตัดใจลุกขึ้น เขาค่อยๆขยับแขนออก เนื่องจากต้องการให้ผู้เป็นภรรยานอนพักต่อไปอีกหน่อยหากแต่แค่เขาขยับลงจากเตียง ร่างบางกลับขยับตัวลุกตาม"ท่านพี่นี่ยามไหนแล้วเจ้าคะ""เพิ่งต้นยามเหมาเอง เจ้านอนต่ออีกหน่อยเถิด เดี๋ยวข้าจะออกไปอาบน้ำและตักน้ำมาให้เจ้าอาบในตอนเช้า""ข้าลุกขึ้นเลยดีกว่าเจ้าค่ะ วันนี้เราจะขึ้นเขากัน ข้าอยากทำอะไรติดไว้ไปกินกันระหว่างทางด้วยเจ้าค่ะ "หานตงเห็นภรรยาเดินลงจากเตียง จึงเข้าไปช่วยจุดตะเกียง จากนั้นทั้งสองจึงช่วยกันเก็บพับที่นอนจนเรียบร้อย ก่อนที่ชายหนุ่มจะถือตะเกียงเดินจูงมือภรรยาออกจากห้องหลังจากจุดตะเกียงที่ห้องโถงกลางบ้านแล้ว ชายหนุ่มก็รีบใช้กะละมังไปตักน้ำมาให้ภรรยาล้างหน้าล้างตา"เจ้าทำอาหารรอพี่ไปก่อน เดี๋ยวพี่อาบน้ำเสร็จจะรีบตักน้ำมาให้เจ้าอาบที่นี่ ทางเดินไปลำธารไม่ค่อยจะเรียบนัก พี่ไม่อยากให้เจ้าออกไปด้วย"หญิงสาวพยักหน้าอย่างรู้ความ ก่อนจะบอกให้สามีช่วยจับปลาในลำธารมาให้สักสามสี่ตัว แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร นางเพียงแต่จะลองทำข้าวต้มปลาให้ครอบคร
และแล้วกลุ่มคนทั้งหมดตอนนี้ก็ปรากฏตัวขึ้นหน้าผืนป่าไผ่"ท่านพี่เจ้าคะ ท่านลองขุดหน่อไม้ขึ้นมาให้พวกเขาดูว่า ต้องขุดแบบไหน และเลือกหน่อไม้แบบใด"หานตงไม่รอช้า เดินไปที่กอไผ่ที่สมบูรณ์กอหนึ่ง จากนั้นก็สังเกตดู เขาเลือกขุดหน่อที่เพิ่งจะแทงขึ้นมาจากดินเพียงไม่กี่คืบ ไม่นานหน่อไม้อวบอ้วน ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคนเมื่อทุกคนเข้าใจดีแล้ว ต่างก็แยกย้ายไปขุดโดยมีเว่ยเหนียนเหยาคอยกำกับให้ขุดไปแค่เพียงพอทำอาหารสัก 3-4วันหลังจากขุดหน่อไม้ได้พอสมควรแล้ว นางก็เดินนำทุกคนเข้าไปที่พุ่มมันฝรั่งที่ขึ้นกันหนาแน่น งานนี้นางต้องลงมือขุดให้ทุกคนดูเอง เนื่องจากสามีของนางไม่เคยเห็นตอนที่นางขุดขึ้นมาในครั้งก่อนเมื่อนางทำเป็นตัวอย่างให้ดู เหล่านักเรียนทั้งหลายก็ทำตามกันอย่างสนุกสนาน เมื่อเห็นว่าทุกคนมุ่งความสนใจไปที่การขุดมันฝรั่ง นางจึงเริ่มสำรวจบริเวณผืนป่าอีกครั้งนางเดินหยิบนั้นดูนี่ไปเรื่อย สายตาก็พบกับสิ่งที่ตนตามหา นี่มันพริกกับต้นกุหลาบนี่ โอ๊ยสวรรค์ เป็นใจ หญิงสาวกางผ้าเช็ดหน้าของตนออก ก่อนจะเด็ดดอกกุหลาบใส่ไปจนเต็มและห่อไว้อย่างเรียบร้อยแล้วพริกพวกนี้จะเอากลับยังไงดี นางมองไปโดยรอบก่อนจะตัดสินใจ ถ้า
"ท่านพี่เจ้าคะ สงสัยตอนนี้พวกปลามันคงจะไม่ค่อยว่ายมาแถวนี้แล้วหรือไม่ เรารอมาตั้งนานพึ่งจะจับมาได้แค่สองตัวเอง""ถ้างั้นเราเดินขึ้นไปทางต้นลำธารอีกหน่อยดีไหมเจ้าคะพี่สะใภ้ แถวนั้นข้าเห็นปลาว่ายชุกชุมยิ่งนัก"หลังจากคิดไตร่ตรองชั่วครู่ ทั้งหมดจึงตกลงใจพากันเดินขึ้นไปที่ต้นลำธาร สายตาเว่ยเหนียนเหยาเบิกกว้าง แม่เจ้า นี่มันบึงบัวนี่ โชคดีแท้ๆ นางกำลังเบื่อมันฝรั่งกับหน่อไม้อยู่เลย วันนี้นางจะนำรากบัวสดมาทำกับข้าวด้วยดีกว่า อีกทั้งเกสรดอกบัวและดอกบัวพวกนี้ยังสามารถนำมาทำชาดื่มบำรุงร่างกายได้อีกต่างหาก"ท่านพี่เจ้าคะ ท่านพาเซียนย้งไปช่วยกันจับปลาที่ทางโน้นก่อน ส่วนข้าจะสอนซินเซียงเก็บรากบัวมาไว้ทำอาหาร พวกเราแยกกันทำงานจะได้กลับบ้านเร็วขึ้น ดีไหมเจ้าคะ"ทั้งหมดต่างเห็นสอดคล้อง จึงแยกย้ายเดินไปคนละที่ เว่ยเเหนียนเหยาถอดรองเท้าออก และเดินลุยลงไปในบึง น้ำในบึงลึกไม่มาก นางไม่ต้องการเดินออกไปไกล เพราะแค่บัวที่ขึ้นใกล้ๆ ริมบึงก็มีอยู่มากโขหญิงสาวใช้ประสบการณ์ กวานมือลงไปใต้กอบัวก่อนจะดึงขึ้นมาทั้งกอ"พี่สะใภ้ รีบทิ้งไปเจ้าค่ะ นั่นๆ งู งูเจ้าค่ะ"เว่ยเหนียนเหยา ตกใจจนแทบจะโยนกอบัวทิ้งไปจริงๆ แต่
"อาตง อาตง เจ้าอยู่ไหม"เสียงเรียกชื่อดังกึกก้อง ตามด้วยการปรากฏตัวของชายหญิงคู่หนึ่ง ผู้ใหญ่ทั้งสามในบ้านที่กำลังอยู่ในกิจกรรมกินข้าวชะงักมือลงส่วนเด็กๆทั้งสามกับแสดงกิริยาหวาดกลัว ตัวหานชิงและหานเหนียนวิ่งเข้าไปกอดมารดาตัวสั่น ส่วนเซียนเหยาก็วิ่งเข้าไปหลบหลังมารดาของตน"หึ เจ้าใหญ่เจ้ารอง เจอลุงใหญ่กับป้าสะใภ้ใหญ่เหตุใดถึงไม่ทักทาย ช่างใช้ไม่ได้จริงๆ"น้ำเสียงดุดันเหยียดหยามของฝ่ายหญิงที่มา กล่าวขึ้นอย่างไม่ไว้หน้าเว่ยเหนียนเหยากอดปลอบลูกชายทั้งสองก่อนจะลุกขึ้น เฮ้อที่แท้ก็ญาติฝ่ายสามีนี้เอง"พี่สามี พี่สะใภ้ ไม่ทราบว่าท่านมีธุระอันใด ตอนนี้ท่านพี่ไม่อยู่เจ้าค่ะ"สองสามีภรรยาวางท่าเดินเข้ามาในบ้านอย่างไร้มารยาท มองดูกับข้าวบนโต๊ะตาวาว ดูท่าสิ่งที่ชาวบ้านร่ำลือจะเป็นจริง น้องชายของตนน่าจะได้โชคจากการเข้าป่า จนเปลี่ยนเป็นเงินก้อนโตเป็นแน่มิน่าล่ะ น้องสะใภ้คนนี้ถึงได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือแบบนี้ หานเวิ่นมองหญิงสาวด้วยสายตาเหยียดหยามดูแคลน"ท่านพ่อท่านแม่ เป็นห่วงเจ้ารองกับหลานๆเลยให้ข้าเข้ามาดู และให้บอกเจ้ารองด้วยว่า ให้พาหลานๆเข้าไปหาหน่อย เพราะนางคิดถึงหลานทั้งสองมาก"หานเว
"ท่านพี่ ท่านจะเข้าไปหาท่านแม่ที่บ้านหรือไม่เจ้าคะ"หานตงส่ายหน้า เขายังทำใจไปพบหน้ามารดาไม่ได้ บาดแผลในครั้งนั้นบาดลึก จนยากจะเยียวยาในระยะเวลาอันสั้น"แม้ท่านจะไม่เข้าไป ข้าว่าอย่างไรคนพวกนั้นก็คงไม่หยุดก่อกวนเราแน่เจ้าค่ะ""พี่ได้ยินมาว่า พี่ใหญ่กำลังหาเงิน เพราะอีกไม่นานทางผู้ใหญ่บ้านน่าจะเปิดให้จองชื่อบุตรชายที่ต้องการเข้าเรียนในสถานศึกษา""หึ บุตรชายเขาต้องเรียน แล้วบุตรเราไม่ต้องเรียนหรือยังไง""ช่างเถอะ ยังไงพี่ก็จะไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบครอบครัวเราอีกแล้ว"หานตงดึงผู้เป็นภรรยามากอดอย่างปลอบโยน"ท่านพี่ ท่านเคยเห็นบันทึกการแยกครอบครัวของท่านหรือไม่เจ้าคะ""ไม่นะ วันนั้นมีเพียงบิดามารดา และผู้ใหญ่บ้านไปหาท่านผู้นำตระกูล ส่วนพี่มารดาให้ย้ายสิ่งของเข้ามาจัดที่บ้านหลังนี้""งั้นวันพรุ่งนี้ ท่านนำหมูไปฝากท่านผู้นำตระกูลสักหนึ่งจิน พร้อมทั้งขอบันทึกแผ่นนั้นกลับมาด้วยนะเจ้าคะ""เจ้าคิดว่า บันทึกนั้นมีปัญหา"หญิงสาวส่ายหน้าไม่กล้าแสดงความคิดเห็นออกไปตรงๆ"ข้าก็แค่อยากเตรียมรับมือไว้เท่านั้นเจ้าค่ะ เรื่องนี้ข้าอยากให้ท่านทำแบบเงียบๆ อย่าให้มากความได้หรือไม่เจ้าคะ""นี่ก็ยังไม่เย็นมากนั
ตื่นเช้าขึ้นมา ทุกคนในบ้านยังคงดำเนินการทุกอย่างเหมือนเดิม หลังจากการกินข้าวเช้า หญิงสาวจึงปล่อยบุตรชายทั้งสองออกไปเล่นหน้าบ้าน ก่อนจะปรึกษาสามีเรื่องที่นางคิดมาตลอดคืน"ท่านพี่ ข้าอยากจะซื้อที่และสร้างบ้านใหม่ ท่านจะว่าอย่างไรเจ้าคะ"หานตงรู้ดีว่า ที่ภรรยาคิดเรื่องนี้ขึ้น เพราะบันทึกแผ่นนั้น การหาหนทางรอดให้ตนเองและครอบครัว ก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้น เป็นหนทางที่ดีที่สุดในตอนนี้"พี่เห็นด้วยกับเจ้า แล้วเจ้าอยากได้ที่ตรงไหนเล่า""ข้าอยากได้ที่ตรงบริเวณลำธารค่อนขึ้นไปทางบึงบัวเจ้าค่ะ""แต่บริเวณนั้น พื้นดินที่เหมาะแก่การเพาะปลูกแทบจะไม่มีเลยนะ""ท่านพี่เจ้าขา ข้าหาได้ต้องการพื้นที่เพาะปลูกไม่เจ้าค่ะ แต่ข้าต้องการสิ่งที่อยู่ในน้ำ กับบึงบัวนั้นต่างหาก""เอาแบบนี้เถอะ พี่ว่าเงินที่เจ้าได้มาก็ไม่น้อย น่าจะซื้อที่บริเวณด้านข้างเพิ่มขึ้นมาอีกสักหน่อย ดินตรงนั้นสามารถเพราะปลูกได้ดี พี่จะเก็บไว้ปลูกพวกพืชผัก ที่เจ้าชอบเก็บมาจากบนเขาดีหรือไม่"หญิงสาวตาสว่างวาบ สามีของนางช่างรอบคอบดีแท้"งั้นวันนี้ท่านพี่เร่งดำเนินการเลยนะเจ้าคะ ข้าคิดว่าอีกไม่กี่วันหากท่านยังไม่เข้าไปบ้านของท่านแม่ พวกเขาต้องส่งคนม
เมื่อมีคนนอกวิ่งเข้านอกออกในในหมู่บ้านอย่างคึกคัก ชาวบ้านต่างก็ร่ำลือกันอย่างสนุกปากบางคนก็ว่าคนที่มาซื้อที่สร้างบ้านเป็นเศรษฐีใหญ่ ต้องการหลบความวุ่นวาย จึงมาสร้างบ้านไว้พักผ่อนในชนบทบ้างก็ว่าเป็นคนมีเงินที่ต้องการสร้างไว้สำหรับพาอนุมาหาความสำราญทุกคนในหมู่บ้านล้วนแต่อยากรู้อยากเห็น ชาวบ้านบางคนที่รู้จักเซียนย้ง ทนความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหว ถึงกับเอ่ยปากถามออกมาตรงๆ ก็มีหากแต่เซียนย้งกับบอกว่า งานนี้มีคนจ้างวานให้เขาทำ เรื่องชื่อผู้จ้างวานไม่สามารถบอกใครได้ เนื่องจากติดอยู่ในสัญญาชาวบ้านทุกคนต่างคิดว่าเป็นจริงตามนั้น เพราะต่างก็เห็นว่า ตอนนี้บ้านของเซียนย้งมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าแต่ก่อนมาก ต่างคนต่างอิจฉาในความโชคดีของอีกฝ่ายเว่ยเหนียนเหยา กำลังนั่งตรวจดูพวกผ้าปักที่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ครั้งนี้นางทำผ้าปักได้ถึงยี่สิบชุดเลยทีเดียว ความดีความชอบนี้นางต้องยกให้กับซินเซียงและมารดาของนางเนื่องจากสองคนนั้นมีความจำดีเป็นเลิศ สามารถช่วยงานนางในเรื่องการตัดเย็บได้อย่างประณีต ส่วนนางเมื่อได้สะดึงมางานปักก็ลื่นไหล สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วขึ้นอีกเท่าตัวเว่ยเหนียนเหยาพอใจกับผลงานตรงหน้า
หานตงนำเด็กชายทั้งสามกลับเข้าไปแต่งตัว ก่อนจะสั่งให้นั่งเล่นอยู่ภายในห้องจากนั้นเขาจึงออกมาที่ห้องโถง นำโต๊ะและเก้าอี้เข้าไปเก็บไว้ในห้องของตัวเอง ก่อนจะลงมือถูพื้นที่ห้องโถงจนสะอาด และนำเสื่อมาปูวางไว้ภรรยาของเขาเคยบอกว่า ที่สั่งทำโต๊ะกินข้าวใหญ่ขึ้น เพราะอยากให้ทุกคนกินข้าวพร้อมกัน เช่นนี้ถึงจะเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ในเมื่อยังไม่มีโต๊ะมา ทำแบบนี้ก็ได้เช่นกัน ชายหนุ่มเดินเข้าไปในครัว ช่วยจัดเตรียมถ้วยชามนำออกไปวาง เพื่อช่วยผ่อนแรงภรรยาเว่ยเหนียนเหยาหันมายิ้มกับสามี วันนี้นางทำกับข้าวสามอย่าง น้ำแกงปลาอีกหนึ่งอย่าง แถมท้ายพิเศษด้วยถั่วเขียวต้มน้ำตาลจริงๆเมื่อสักครู่ซินเซียงก็วิ่งแจ้นเข้ามาจะช่วยนางลงครัว แต่ถูกนางให้กลับไปดูแลเรื่องเย็บแบบผ้าต่อเว่ยเหนียนเหยาทำอาหารไป วางแผนงานไปอย่างเพลิดเพลิน จนเมื่อเห็นสามีเดินเข้ามาช่วยจัดเตรียมถ้วยชาม นางจึงแอบตามไปดู พบว่าหานตงนำเสื่อมาปูที่พื้น จัดเป็นที่กินข้าวขนาดใหญ่ไปเสียแล้วหญิงสาวยิ้มอย่างมีความสุขในความเอาใจใส่ของสามี ในชีวิตลูกผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งงานแล้ว นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกนางล้วนฝันหาหรอกหรือนางเดินเข้าไปจัดเตรียมอาหาร เพื่อจะน
หลังจากที่พูดคุยสรุปเรื่องการค้ากันเป็นที่เรียบร้อย ทั้งสี่คนก็ย้ายสถานที่ไปพูดคุยสร้างความสนิทสนมกันต่อที่โต๊ะอาหารในช่วงมื้อกลางวันหญิงสาวทั้งสามต่างรู้สึกสนิทสนมราวกับเป็นพี่น้องที่คลานออกจากมารดาเดียวกันมา โดยเฉพาะคุณหนูใหญ่ที่อยากจะขโมยเว่ยเหนียนเหยากลับไปเมืองหลวงกับนางด้วยซะเหลือเกิน"อาเหยา อาตง คราวหน้าพวกเจ้าต้องพาหลานๆ เข้าไปเยี่ยมข้าที่เมืองหลวงนะ"สองสามีรับคำก่อนจะโค้งคำนับเป็นการอำลา เนื่องจากเสิ่นชิงหรูต้องเร่งเดินทางกลับเมืองหลวงในทันทีส่วนชุนเหมยกับยืนหน้าบึ้งอยู่ด้านข้าง เนื่องจากพี่สาวของนาง กวาดสินค้าที่เว่ยเหนียนเหยาจัดส่งมาครั้งนี้กลับไปเมืองหลวงทั้งหมด ไม่เหลือไว้ให้นางแม้แต่ชิ้นเดียวเมื่อส่งคนจากไปแล้ว ชุนเหมยจึงชวนสองสามีภรรยา โดยเฉพาะหานตงให้ลองไปศึกษาวิธีการดูผ้าด้วยกัน"พี่ชุนเหมยเจ้าคะ แต่นี่ก็บ่ายแล้ว ครั้งนี้ที่ข้ามา ข้าอยากจะหาซื้อรถม้าไว้ใช้งานสักคันเจ้าค่ะ""อาเหยา การเลือกซื้อรถม้า ต้องเป็นคนที่ชำนาญในการดูลักษณะของม้า อีกทั้งยังต้องดูโครงสร้างความสมดุลของส่วนที่เป็นตัวรถเป็นอีกด้วย สิ่งนี้ไม่ใช่ใครก็จะทำเป็น มิสู้เอาแบบนี้เถอะ ในร้านข้ามีบ่าวที่
วันนี้ก่อนยามซื่อเล็กน้อย รถม้าของร้านเชิงอี้ชิงก็วิ่งมาจอดที่หน้าบ้านหญิงสาวกอดปลอบลูกรักทั้งสอง เนื่องจากเด็กทั้งสองอยากจะขอตามมารดาเข้าไปในเมืองด้วยหากแต่หญิงสาวเกรงว่า การเข้าไปพูดคุยการค้าครั้งนี้จะทำให้เด็กๆเบื่อหน่ายซะมากกว่า"เจ้าใหญ่ เจ้ารอง วันนี้ท่านอาของเจ้าจะพาคนมาสร้างคอกม้าเล็กๆที่บ้าน แม่อยากให้พวกเจ้าอยู่ช่วยท่านอาได้หรือไม่""คอกม้าหรือขอรับ""ใช่แล้ว ต่อไปเรื่องการหาหญ้ามาให้ม้าตัวนั้น แม่จะให้เจ้าทั้งสองกับเจ้าอาเหยารับผิดชอบร่วมกัน ต่อไปเจ้าจะเอาแต่เที่ยวเล่นไม่ได้แล้วนะ"เด็กทั้งสามเลิกสนใจที่จะเข้าเมืองทันที รีบเดินกลับไปหากลุ่มหญิงสาวที่นั่งล้อมวงเย็บผ้ากันอยู่ จากนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอยคนที่จะมาสร้างคอกม้าอย่างใจจดจ่อเว่ยเหนียนเหยากับหานตง รีบเร่งขึ้นรถม้า เนื่องจากเห็นว่าใกล้ถึงเวลาที่นัดหมายอีกฝ่ายไว้แล้ว เมื่อเดินทางไปถึง ก็เห็นชุนเหมยมายืนคอยรับอยู่ที่หน้าร้านแล้ว"พวกเจ้ามากันแล้ว""ท่านพี่ชุนเหมย" แม่นางชุนเหมย"สองสามีภรรยาทำความเคารพต่อชุนเหมยอย่างนอบน้อม"เอาละเข้าไปกันเถอะ พี่หญิงใหญ่ของข้ามารออยู่แล้ว"ชุนเหมยพาทั้งสองเดินเข้ามาภายในร้าน และตรง
เมื่อได้รับจดหมายจากชุนเหมย เว่ยเหนียนเหยาจึงตัดสินใจรับหญิงสาวทั้งสี่คนไว้ทั้งหมด โดยนางให้สามีร่างสัญญาการทำงานขึ้นมาสองฉบับ ต่างฝ่ายต่างเก็บไว้คนละฉบับ เพื่อกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายหน้าตกเย็นทางผู้ใหญ่บ้านก็ประกาศให้ลูกบ้านทั้งหมดไปรวมตัวกัน หานตงนำภรรยาและบุตร ร่วมเดินทางไปกับครอบครัวของเซียนย้งผู้ใหญ่บ้านเชิญผู้นำตระกูลทุกตระกูลออกมาเบื้องหน้า ผู้นำตระกูลแต่ละคน นำบันทึกสิ่งที่ต้องซ่อมศาลบรรพชนออกมาชี้แจงให้สมาชิกภายในตระกูลฟังหมู่บ้านแห่งนี้มีตระกูลหลักๆ อาศัยอยู่รวมกัน 4ตระกูล คือตระกูลเว่ย ตระกูลกุ้ย ตระกูลมู่ และตระกูลหวัง อีกทั้งมีตระกูลอื่นที่เป็นเครือญาติของแต่ละฝ่ายเข้ามาขออาศัยอีกจำนวนหนึ่งดังนั้นทางผู้ใหญ่บ้านและผู้นำตระกูลรุ่นก่อน จึงตั้งกฎขึ้น ให้จัดสร้างศาลบรรพชนของทั้งสี่ตระกูลขึ้นเหมือนๆ กัน และทุกสองปีจะมีการเรี่ยไรเงินจากสมาชิกในตระกูลมาซ่อมแซมศาลบรรพชน และเปิดให้ลูกหลานได้กราบไหว้บรรพชนเพื่อขอพรให้คุ้มครองคนหมู่บ้านปีนี้เป็นปีที่ครบกำหนดพอดี ทางผู้ใหญ่บ้านจึงเรียกทุกคนมาฟังรายละเอียด และกำหนดจะมีการเก็บเงินจากทุกครอบครัว ครอบครัวละสามร้อยอีแปะ ในอีกสองเดื
"อาเซียง ทำไมวันนี้หน้าตาเจ้าดูไม่สู้ดีนักละ""พี่สะใภ้ เมื่อวานตอนที่พี่ชายข้ามาที่บ้าน เห็นว่าท่านแม่ได้เงินจากการช่วยงานท่าน ก็ยืนกรานจะรับตัวนางกลับไป แต่ท่านแม่ไม่ยอมกลับ พี่ชายข้าถึงกับอาละวาด ทุบทำลายข้าวของที่บ้านข้าเจ้าค่ะ""อาเซียง อย่าหาว่าข้ายุแยงเลยนะ กับคนบางจำพวก เจ้าควรจะทำตัวให้เห็นความร้ายกาจเสียบ้าง ข้าวของบ้านเจ้า เขามีสิทธิ์จะเข้ามาทำลายที่ไหน"จริงๆ ซินเซียงก็เคยคิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน หลายครั้งที่เซียนย้งคิดจะต่อกรกับผู้เป็นพี่ชาย แต่เป็นซินเซียงที่คอยห้ามปรามไว้ เพราะเกรงว่ามารดาจะไม่สบายใจต่อไปนางคงต้องยอมให้เซียนย้งจัดการพี่ชายนางดูสักครั้ง"อาเหยา อาเหยา เจ้าอยู่หรือไม่ ข้านำคนที่เจ้าต้องการมาให้เลือกแล้ว อาเหยาเด็กสาวพวกนี้เป็นช่างฝีมือการตัดเย็บในหมู่บ้านเรา แต่ละคนขยันขันแข็ง ข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จักนะ นี่อาซวง อาหง อาเหมย และ อาหมิ่น ข้าบอกพวกนางแล้วว่าเจ้าต้องการคนงานเพียงสามคน แต่พวกนางล้วนแต่เป็นคนมีฝีมือ ข้าตัดสินใจไม่ได้ จึงนำพวกนางกลับมาให้เจ้าเป็นคนเลือกเอง""นายหญิง"เด็กสาวทั้งสี่ทำความเคารพเว่ยเหนียนเหยาอย่างเรียบร้อย พวกนางทั้งหมด ล้วนแต่หาเ
"อาตง อาตง ลูกแม่เจ้าอยู่หรือไม่"เสียงของนางเว่ยหมัวหลาน ทำให้คนที่กำลังกินข้าวอยู่ในบ้านชะงักมือลง ยังไม่ทันจะขยับตัวลุกขึ้น อีกฝ่ายก็เดินเข้ามาในบ้านอย่างไม่คำนึงถึงมารยาท"หลานย่า ย่าคิดถึงเจ้ามากเหลือเกิน เจ้าสบายดีใช่ไหม"หานตงรีบนำภรรยาลุกขึ้นคำนับนางเว่ยหมัวหลานอย่างอ่อนน้อม"ท่านแม่ พี่ใหญ่ พี่สะใภ้เชิญนั่งก่อนขอรับ"หานตงพูดอย่างอ่อนน้อม ก่อนจะให้ภรรยาเดินไปรินน้ำออกมาให้ผู้เป็นมารดา"ท่านแม่สามี พี่สามี พี่สะใภ้ น้ำเจ้าค่ะ"จริงๆ ตอนนี้บ้านนางมีชากุหลาบ ชาเกสรดอกบัว ที่ลองทดลองทำไว้ แต่กับคนพวกนี้ให้กินไปก็เสียของ นางจึงรินน้ำเปล่ามาให้เท่านั้นส่วนเด็กสองคนไม่สนิทกับผู้เป็นย่าอยู่แล้ว เพราะทุกครั้งที่บิดาพาไปบ้านของนาง พวกเขามักจะโดนหาเรื่องลงโทษ เนื่องจากพวกเขาไปทะเลาะกับลูกชายของท่านลุงใหญ่เด็กท่านสองรีบเดินไปหลบหลังมารดา หญิงสาวนำตัวลูกชายเข้ามากอด ก่อนจะบอกให้คาราวะหญิงชรา"ท่านย่า" "ท่านย่า"เด็กทั้งสองโค้งตัวลงอย่างอ่อนน้อมฝ่ายหญิงชรากวาดตาดูความเปลี่ยนแปลงของคนในบ้าน ไม่เจอกันแค่ไม่นาน หานตงกลับดูดีขึ้นเป็นอย่างมาก เสื้อผ้าที่ใส่ดูเหมือนจะเป็นของที่เพิ่งซื้อใหม่เ
"ท่านแม่ขอรับ ท่านได้ยินข่าวลือข้างนอกหรือไม่ขอรับ เห็นชาวบ้านลือกันว่า เมื่อวันก่อนเจ้ารองมีรถม้าคันใหญ่มาส่งถึงหน้าบ้านเลยทีเดียว""แม่ได้ยินมาแล้ว เจ้าลูกอกตัญญู มีเงินมีทองกลับไม่เคยนึกถึงข้า มันน่าโมโหยิ่งนัก"นางเว่ยหมัวหลาน กล่าวออกมาด้วยความโมโห ใครๆ ต่างก็บอกว่านางเป็นแม่ที่รักลูกไม่เท่ากัน เอาใจลูกคนโต รักใคร่ลูกคนเล็ก แต่ทอดทิ้งลูกคนรองฮึ แน่ละ ใครจะไปรักลูกคนอื่นมากกว่าลูกตัวเองกันละ แท้จริงแล้วหานตงเป็นลูกของน้องสาวของนางต่างหาก มีอยู่ครั้งหนึ่งที่นางต้องเดินทางกลับไปที่บ้านเดิม เนื่องจากน้องสาวตัวดีเกิดตั้งครรภ์กับคู่หมั้น ที่กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกัน แต่ว่าที่เจ้าบ่าวกับโชคร้ายโดนโจรปล้น ระหว่างทาง หายสาบสูญไปไม่ทราบข่าวคราว มารดาและน้องสาวของนางรู้ข่าวถึงกับล้มป่วยอย่างหนักทั้งสองคน นางจึงต้องพาลูกและสามีกลับไปช่วยดูแลมารดาอยู่หลายเดือนน้องสาวของนางเจ็บป่วยเกินเยียวยา ทำให้เจ็บท้องก่อนกำหนด หลังจากนั้นก็คลอดเด็กชายออกมาผู้หนึ่ง ส่วนน้องของนางกลับจบชีวิตลงทันที แม่ของนางในตอนนั้นสงสารหลานชาย ไม่อยากให้หลานชายขึ้นชื่อว่า เป็นเด็กไม่มีพ่อแม่ ซ้ำพ่อแม่ยังทำผิดจารีตเสียอี
เว่ยเหนียนเหยายืนพิจารณาเสื้อผ้าชุดนั้น ก่อนจะตรวจดูความประณีตของชิ้นงาน ก็รู้สึกว่าช่างของชุนเหมยมีฝีมือไม่น้อยนางเรียกให้คนช่วยขยับหุ่นโชว์ที่นางทำขึ้นออกมาไว้ตรงกลาง จากนั้นจึงหยิบกระโปรงจากมือช่างคนหนึ่งใส่ลงไปในตัวหุ่น หลังจากนั้นก็หยิบเสื้อจากช่างอีกคนใส่ตามลงไปหลังจากตรวจดูความเรียบร้อย นางกับพบว่ามีบางสิ่งขาดหายไป หญิงสาวเดินไปเปิดห่อผ้าอีกห่อที่เตรียมมา ในนั้นมีผ้าคาดเอวแบบต่างๆ อยู่หลายชิ้นนางเลือกผ้าคาดเอวที่เข้ากับชุดนั้นได้ขึ้นมาชิ้นหนึ่ง จากนั้นจึงเดินเข้าไปตกแต่งชุดนั้นดูอีกครั้งชุนเหมยมองการกระทำของเว่ยเหนียนเหยาอย่างตกตะลึง นางไม่รู้ว่า สิ่งที่เว่ยเหนียนเหยานำมาคืออะไร แต่เมื่อนำเสื้อผ้าลงไปสวมใส่ กลับดูเหมือนว่าเสื้อผ้านั้นสวมอยู่บนตัวคนจริงๆ"น้องพี่สิ่งนี้เรียกว่าอะไร"ชุนเหมยเดินวนรอบๆ หุ่นโชว์อย่างชื่นชม หากมีสิ่งนี้มาตั้งหน้าร้าน ร้านของนางต้องเป็นจุดสนใจของผู้คนที่ผ่านมาผ่านไปเป็นแน่"สิ่งนี้เรียกว่า หุ่นไม้ เจ้าค่ะ มีไว้สำหรับใส่เสื้อผ้าวางไว้ให้ลูกค้าดู เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้าเจ้าค่ะพี่ชุนเหมย ท่านดูสิเจ้าคะ เสื้อชุดนี้หากเราตัดเย็บเสร็จก็ต้องพับเก็บ
เมื่อมีคนนอกวิ่งเข้านอกออกในในหมู่บ้านอย่างคึกคัก ชาวบ้านต่างก็ร่ำลือกันอย่างสนุกปากบางคนก็ว่าคนที่มาซื้อที่สร้างบ้านเป็นเศรษฐีใหญ่ ต้องการหลบความวุ่นวาย จึงมาสร้างบ้านไว้พักผ่อนในชนบทบ้างก็ว่าเป็นคนมีเงินที่ต้องการสร้างไว้สำหรับพาอนุมาหาความสำราญทุกคนในหมู่บ้านล้วนแต่อยากรู้อยากเห็น ชาวบ้านบางคนที่รู้จักเซียนย้ง ทนความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหว ถึงกับเอ่ยปากถามออกมาตรงๆ ก็มีหากแต่เซียนย้งกับบอกว่า งานนี้มีคนจ้างวานให้เขาทำ เรื่องชื่อผู้จ้างวานไม่สามารถบอกใครได้ เนื่องจากติดอยู่ในสัญญาชาวบ้านทุกคนต่างคิดว่าเป็นจริงตามนั้น เพราะต่างก็เห็นว่า ตอนนี้บ้านของเซียนย้งมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าแต่ก่อนมาก ต่างคนต่างอิจฉาในความโชคดีของอีกฝ่ายเว่ยเหนียนเหยา กำลังนั่งตรวจดูพวกผ้าปักที่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ครั้งนี้นางทำผ้าปักได้ถึงยี่สิบชุดเลยทีเดียว ความดีความชอบนี้นางต้องยกให้กับซินเซียงและมารดาของนางเนื่องจากสองคนนั้นมีความจำดีเป็นเลิศ สามารถช่วยงานนางในเรื่องการตัดเย็บได้อย่างประณีต ส่วนนางเมื่อได้สะดึงมางานปักก็ลื่นไหล สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วขึ้นอีกเท่าตัวเว่ยเหนียนเหยาพอใจกับผลงานตรงหน้า