ตื่นเช้าขึ้นมา ทุกคนในบ้านยังคงดำเนินการทุกอย่างเหมือนเดิม หลังจากการกินข้าวเช้า หญิงสาวจึงปล่อยบุตรชายทั้งสองออกไปเล่นหน้าบ้าน ก่อนจะปรึกษาสามีเรื่องที่นางคิดมาตลอดคืน
"ท่านพี่ ข้าอยากจะซื้อที่และสร้างบ้านใหม่ ท่านจะว่าอย่างไรเจ้าคะ" หานตงรู้ดีว่า ที่ภรรยาคิดเรื่องนี้ขึ้น เพราะบันทึกแผ่นนั้น การหาหนทางรอดให้ตนเองและครอบครัว ก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้น เป็นหนทางที่ดีที่สุดในตอนนี้ "พี่เห็นด้วยกับเจ้า แล้วเจ้าอยากได้ที่ตรงไหนเล่า" "ข้าอยากได้ที่ตรงบริเวณลำธารค่อนขึ้นไปทางบึงบัวเจ้าค่ะ" "แต่บริเวณนั้น พื้นดินที่เหมาะแก่การเพาะปลูกแทบจะไม่มีเลยนะ" "ท่านพี่เจ้าขา ข้าหาได้ต้องการพื้นที่เพาะปลูกไม่เจ้าค่ะ แต่ข้าต้องการสิ่งที่อยู่ในน้ำ กับบึงบัวนั้นต่างหาก" "เอาแบบนี้เถอะ พี่ว่าเงินที่เจ้าได้มาก็ไม่น้อย น่าจะซื้อที่บริเวณด้านข้างเพิ่มขึ้นมาอีกสักหน่อย ดินตรงนั้นสามารถเพราะปลูกได้ดี พี่จะเก็บไว้ปลูกพวกพืชผัก ที่เจ้าชอบเก็บมาจากบนเขาดีหรือไม่" หญิงสาวตาสว่างวาบ สามีของนางช่างรอบคอบดีแท้ "งั้นวันนี้ท่านพี่เร่งดำเนินการเลยนะเจ้าคะ ข้าคิดว่าอีกไม่กี่วันหากท่านยังไม่เข้าไปบ้านของท่านแม่ พวกเขาต้องส่งคนมาตามอีกแน่ๆ ข้าอยากมีที่ทางของตัวเอง มากกว่าจะต้องมาอยู่ในที่ทางของคนอื่นเช่นนี้" "งั้นเดี๋ยวพี่จะออกไปเลย พี่จะพาเจ้าใหญ่เจ้ารองไปด้วย หากใครถามพี่จะได้บอกว่าพาบุตรชายไปสอบถามเรื่องสำนักศึกษา" หญิงสาวยิ้มแก้มปริ่ม จริงๆ แล้วสามีของนางฉลาดยิ่ง เมื่อเขาไม่คิดจะเสียเปรียบคนอื่น ทั้งฝีมือและความรอบคอบล้วนแล้วแต่ไม่เป็นรองใคร เมื่อสามีพาบุตรชายออกไปแล้ว นางเห็นว่าซินเซียงยังมาไม่ถึง นางจึงนำกระดาษและเครื่องเขียนออกมาร่างแบบบ้านในฝันของนางแบบคร่าวๆ บ้านหลังนี้นางต้องการสร้างชั้นล่างเป็นอิฐ ชั้นบนเป็นไม้ โดยห้องนอนทั้งหมดจะอยู่ชั้นบน รวมไปถึงห้องทำงานของนางที่จะมีระเบียงด้านข้างขนาดกว้างพอสมควรตั้งอยู่ด้านนอก นางหลับตาลงนึกถึงภาพระเบียงไม้ มีกันสาดกันแดดกันฝน ยามที่อากาศดีๆ สี่คนพ่อแม่ลูกได้ออกมานั่งรับลมเย็นๆ พร้อมวิวทิวทัศน์สวยๆ แค่นี้ก็มีความสุขมากแล้ว หญิงสาวร่างแบบด้านบนของบ้านเรียบร้อย ต่อไปก็หันมาร่างแบบบ้านด้านล่างต่อ อืม แบบด้านล่างต้องมีห้องโถงรับแขก ห้องครัว ห้องเก็บของ อ๊ะ ห้องโถงแบ่งเป็นสองชั้นจะดีกว่า เอ๊ะ ห้องเก็บของต้องกว้างกว่านี้อีกหน่อย หญิงสาวปรับปรับแก้แก้อยู่กับความคิดของตัวเอง จนไม่ได้ยินเสียงครอบครัวซินเซียงที่เดินเข้ามา "พี่สะใภ้ ท่านทำอะไรอยู่เจ้าคะ ข้ายืนเรียกอยู่นาน ไม่เห็นท่านตอบ จึงถือวิสาสะเดินเข้ามาดู" "อ้าวพวกเจ้ามากันแล้วเหรอ ขอโทษทีข้ามัวแต่คิดอะไรเพลินไปหน่อย" "สิ่งนี้เรียกว่าอะไรเจ้าคะ ข้าเห็นท่านขีดๆ เขียนๆ อยู่นานแล้ว" "สิ่งนี้เรียกว่าแบบบ้าน มาๆ เจ้ากับท่านแม่นั่งลงก่อนเซียนเหยาเจ้าก็ด้วย เดี๋ยวข้าจะอธิบายให้เจ้าฟัง" เว่ยเหนียนเหยาใช้ความสามารถส่วนตัว ในการสร้างจินตนาการให้อีกฝ่ายฟังอีกครั้ง ทุกคนคิดภาพตามจินตนาการ การบรรยายขั้นเทพของนาง ทั้งสามคนต่างคิดเหมือนกันว่า หากได้อยู่ในบ้านแบบนี้ในชีวิตก็ตายตาหลับแล้ว "แล้วห้องด้านนอกคือห้องอะไรเจ้าคะ" "อ๋อ อันนี้คือห้องอาบน้ำและห้องปลดทุกข์นะ คือแบบนี้นะ....." หลังจากซินเซียงฟังการสาธยายเรื่องห้องอาบน้ำและห้องปลดทุกข์ของเว่ยเหนียนเหยา ระดับความนับถือในใจก็เพิ่มขึ้นไปอีก หญิงสาวเดินเอากระดาษเขียนแบบไปเก็บ ก่อนจะนำผืนผ้าที่ตัดเตรียมไว้สำหรับทำผ้าเช็ดหน้าออกมา นางลงมือเย็บขอบริมให้ซินเซียงดูก่อนหนึ่งรอบ จากนั้นจึงลองให้ซินเซียงลองทำดู ซินเซียงถือว่าเป็นนักเรียนที่หัวไว ลองผิดลองถูกอยู่สามสี่ครั้ง ผลงานก็ออกมาเป็นที่น่าพอใจ นางลี่สือหลินเห็นแบบนั้นก็อดคันไม้คันมือไม่ได้ นางเคยเป็นช่างเย็บฝีมือดีมาก่อน เสียดายแต่ว่า เมื่อแต่งงานแล้ว สามีไม่ยอมให้เข้าไปทำงานในตัวเมือง นางจึงได้แต่ใช้ฝีมือปะชุนเสื้อผ้าให้กับสามีและลูกๆ เท่านั้น เมื่อคืนหลังจากที่ตามบุตรเขยและบุตรสาวกลับบ้านไป นางเห็นข้าวของกองอยู่มากมาย จนนางแทบจะเป็นลมด้วยความตกตะลึง หลังจากเก็บข้าวของและจัดการปูที่หลับที่นอนใหม่แล้ว บุตรเขยจึงส่งถุงเงินที่ได้รับมาให้บุตรสาวของนาง เมื่อบุตรสาวเทเงินออกมาดูในนั้นมีเงินอยู่ถึงห้าตำลึงทอง นางเห็นมือของบุตรสาวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะคว้าถุงเงินที่ตัวเองได้รับออกมาเทดูบ้าง ก้อนเงินสีทองกลิ้งออกมาอยู่บนฝ่ามือของบุตรสาวอีกห้าก้อน ตอนนี้นางเข่าอ่อนทรุดตัวลงไปอย่างแท้จริง เงินสิบตำลึงทอง อย่าว่าแต่เงินสิบตำลึงทองเลย ในชีวิตนางยังไม่เคยได้จับเงินก้อนสักตำลึงเดียวเลย นางรีบสั่งสอนบุตรเขย และบุตรสาว รวมไปถึงหลานชาย ว่าห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป เพราะอาจจะนำภัยไปสู่ผู้มีคุณ พร้อมทั้งเน้นย้ำให้รู้จักกตัญญูและเชื่อฟังครอบครัวของเว่ยหานตงอีกด้วย นางลี่สือหลินช่วยคอยแนะนำฝีมือการเย็บให้บุตรสาว ทั้งยังลงมือ ช่วยนำผ้ามาเย็บเพิ่มอีกด้วย ผ่านไปไม่นาน หานตงก็เดินกลับมาพร้อมกับเซียนย้งและเด็กๆ ด้านหลังพวกเขายังมีบุรุษวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่เดินตามมาด้วย "พี่สะใภ้ นี่คือนายช่างหวังขอรับ" "นายช่างหวัง" หญิงสาวทำความเคารพฝ่ายที่สูงวัยกว่าอย่างอ่อนน้อม "ฮูหยินไม่ต้องเกรงใจ น้องชายท่านนี้บอกว่าท่านมีงานต้องการ ให้ข้าทำใช่หรือไม่ขอรับ" "ต้องขอโทษด้วยที่บ้านข้าคับแคบไปสักหน่อย ซินเซียงเจ้าไปรินน้ำมารับรองนายช่างหวังแทนพี่หน่อยเถิด เดี๋ยวพี่จะรีบเข้าไปเอาแบบร่างในห้องมาก่อน" หญิงสาวรีบเดินกลับเข้าห้องก่อนจะคว้ากระดาษแบบร่างออกไป เมื่อออกมาถึงห้องโถง เห็นเพียงหานตงและเซียนย้งนั่งคุยเป็นเพื่อนนายช่างหวังอยู่เท่านั้น ส่วนคนอื่นๆ ขนข้าวของออกไปนั่งทำที่แคร่หน้าบ้านแทน หญิงสาวส่งภาพงานแรกให้นายช่างหวังดู "สิ่งนี้ข้าเรียกมันว่าสะดึงเจ้าค่ะ มันทำมาจากไม้วงกลมซ้อนกันสองอัน ตรงด้านล่างจะมีที่ยึดไม้ทั้งสองเข้าด้วยกัน ส่วนอันนี้ข้าต้องการให้มีฐานข้างล่างสำหรับตั้งวางได้ ส่วนตรงกลางเป็นไม้สูงขึ้นมาประมาณนี้ อ๋อต้องขัดมันให้เรียบร้อยด้วยนะเจ้าค่ะ อย่างสุดท้ายเป็นโต๊ะกลมสำหรับกินข้าว ด้านในข้าอยากให้ใช้ไม้แยกอีกชิ้น ให้มันสามารถหมุนได้โดยรอบ ส่วนเก้าอี้ข้าขอตามแบบของผู้ใหญ่เจ็ดตัว เด็กสามตัวเจ้าค่ะ" นายช่างหวังรับแบบที่นางร่างมาดู หญิงสาวคนนี้เขียนแบบต่างๆ ไว้อย่างละเอียด ดูแล้วสามารถทำความเข้าใจได้โดยง่าย หากแต่โต๊ะกินข้าวที่นางสั่งทำมันจะใหญ่โตเกินไปกระมัง หากนำมาตั้งในห้องนี้ แทบจะกินพื้นที่เกินสามส่วนของห้องทีเดียว แต่เรื่องแบบนี้หาใช่เรื่องที่จะคิดแทนผู้จ้างวาน หน้าที่ของเขาเพียงแต่ทำงานของตนให้ออกมาดีเท่านั้น "งานชิ้นแรกไม่ยากมากนัก ข้าสามารถนำส่งให้ได้ภายในวันพรุ่งนี้ ส่วนงานชิ้นที่สองข้าขอเวลาสองวัน แต่งานชิ้นสุดท้าย ข้าต้องเข้าไปเลือกดูไม้ในตัวเมือง และต้องใช้เวลานานสักหน่อย ข้าขอกำหนดส่งงานอีกยี่สิบวัน ส่วนราคาค่าใช้จ่ายทั้งหมด ค่าคิดรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1ตำลึงทอง กับ 2 ตำลึงเงิน ท่านจะว่าอย่างไรขอรับ" ถือว่าเป็นราคาที่นางยังพอรับไว้ อีกทั้งกำหนดส่งงานก็เร็วเกินคาด นางจึงส่งกระดาษอีกแผ่นให้หานตงร่างสัญญาจ้างให้เรียบร้อย ก่อนจะนำเงินมัดจำส่งให้นายช่างหวังไปหนึ่งตำลึงทอง เมื่อส่งนายช่างหวังกลับไปแล้ว ก็กลับมานั่งหารือเกี่ยวกับการซื้อที่อีกครั้ง "อาเหยา พี่ไปหาผู้ใหญ่บ้านมาแล้ว คำนวณกันโดยคราวๆ ที่ที่พวกเราต้องการอยู่ที่ประมาณยี่สิบหมู่ ที่ตั้งแต่บึงบัวลงมาประมาณสิบห้าหมู่ไม่สามารถเพราะปลูกได้ ขายอยู่ที่ หมู่ละสามตำลึงทอง ส่วนอีกห้าหมู่เหมาะสำหรับการเพาะปลูกขายที่หมู่ละสี่ตำลึงทอง รวมทั้งหมดเป็นเงิน หกห้าตำลีงทอง เจ้าเห็นว่าเป็นอย่างไร" "ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้ ข้ายกให้ท่านจัดการเจ้าค่ะท่านพี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ท่านติดเงินไปสักหนึ่งร้อยตำลึงทอง สิ่งใดควรเสีย ก็อย่าเสียดาย หลังจากเสร็จเรื่องกับผู้ใหญ่บ้านแล้วข้าอยากให้ท่านเข้าไปดำเนินเรื่องในเมืองให้เรียบร้อยด้วย อ๋อ ท่านนำบันทึกแผ่นนั้นไปทำให้ถูกกฎหมายในเมืองด้วยนะเจ้าคะ ต่อไปจะได้ไม่เป็นปัญหา" บันทึกแผ่นที่หานตงนำมา ถือว่าเป็นบันทึกภายในตระกูล ยังไม่มีการรับรองอย่างเป็นทางการ หากบิดามารดาเห็นว่าสมควรยกเลิก ก็สามารถแจ้งให้ผู้นำตระกูลยกเลิกได้โดยง่าย นางคิดว่าครอบครัวแม่สามีคงคิดแผนทางหนีที่ไล่ไว้แล้วว่า สามีของนางเป็นคนกตัญญูไม่มีทางไปขอดูบันทึกเป็นแน่ หากสามีของตนได้ดีก็แค่ขอให้ผู้นำตระกูลยกเลิกบันทึกแผ่นนั้นไปเสีย กลับกัน หากครอบครัวของสามีนางโชคร้าย ทางบ้านแม่สามีก็ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ทุกครั้งที่จดบันทึกตระกูล บันทึกจะถูกทำขึ้นมาสามแผ่น แผ่นที่หนึ่งเก็บไว้ที่ผู้นำตระกูล อีกสองแผ่นจะส่งให้กับคู่กรณี ซึ่งแน่นอนอีกหนึ่งแผ่นต้องอยู่กับพ่อแม่ของสามีแล้ว ส่วนอีกหนึ่งแผ่นสามีของนางเพิ่งจะไปนำมา การที่จะทำให้บันทึกมีผลตามกฎหมาย ต้องนำไปให้เจ้าหน้าที่ส่วนกลางลงตราประทับรับรอง วันพรุ่งนี้นางจะให้สามีของนางจัดการทุกสิ่งทุกอย่างให้เรียบร้อย ก่อนที่ความวุ่นวายครั้งใหญ่จะตามมา "ท่านพี่ อาย้ง ข้ามีอีกสิ่งหนึ่งจะปรึกษา นี่เป็นแบบบ้านที่ข้าร่างขึ้น แต่ข้าคิดจะสร้างให้เหมือนกันขึ้นมาสองหลัง ข้าอยากให้เจ้ากับซินเซียงย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน" เซียนย้งนั่งนิ่งไปแล้ว เขาคิดไม่ถึงว่าพี่สะใภ้จะดีกับเขาถึงเพียงนี้ ที่ดินที่เขาปลูกบ้านเป็นที่ที่ทางการจัดสรรขึ้นมาให้เช่า ไม่ใช่ที่ที่สืบทอดจากบรรพบุรุษเหมือนของคนอื่น ดังนั้นทุกปีจะต้องเสียค่าเช่าบำรุงปีละสามร้อยอีแปะให้กับทางการ ทุกๆ ปีเขากับภรรยาต้องอดมื้อกินมื้อ เพื่อจะเก็บเงินส่วนนี้ให้ครบ เมื่อวานที่เขาเห็นเงินก้อนนั้น ยังคิดอยู่เลยว่า คงจะไม่ต้องทนอดมื้อกินมื้อเพื่อหาเงินเก็บไว้สำหรับจ่ายค่าบำรุงอีกนาน มาตอนนี้พี่สะใภ้ถึงกับจะสร้างบ้านให้พวกเขาเข้ามาอยู่ด้วยกัน ชายหนุ่มถึงกับตาแดงกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ "ขอบคุณพี่สะใภ้ ขอบคุณขอรับ" ส่วนหานตงกับจับมือข้างหนึ่งของภรรยาไว้อย่างตื้นตัน เขารู้ว่านางทำไปเพื่อตอบแทนเซียงย้งและครอบครัว แต่ไม่คิดว่านางจะมีน้ำใจถึงเพียงนี้ "อาย้งข้ามอบงานเรื่องการสร้างบ้านให้เจ้าดูแล จำไว้ หากมีคนถามถึงให้เจ้าบอกว่ามีคนจ้างมาดูแล ห้ามเปิดเผยทุกสิ่งก่อนที่บ้านจะเสร็จเรียบร้อย ส่วนการสร้างเจ้าให้นายช่างหาคนเข้ามามากสักหน่อย ข้าอยากให้เสร็จก่อนหน้าหนาวที่จะมาถึง" เมื่อแจกแจงงานทุกอย่างให้กับทุกคนแล้ว เว่ยเหนียนเหยาก็กลับมาจดจ่อกับงานของตนอีกครั้ง ตอนนี้ทุกอย่างล้วนดำเนินไปตามที่นางต้องการ สามีของนางจัดการเรื่องที่ดินกับบันทึกฉบับนั้นเป็นที่เรียบร้อย ส่วนเซียนย้งก็ติดต่อนายช่างใหญ่เข้ามาตีราคาการสร้างบ้านตามแบบแปลนที่นางให้ นายช่างใหญ่ผู้นั้นบอกว่าไม่เคยสร้างบ้านแบบนี้มาก่อน แต่เขาเห็นว่าเป็นความท้าทายแบบหนึ่ง แน่นอนว่าเขาต้องสร้างออกมาให้ดีที่สุด หลังจากสอบถามรายละเอียดปลีกย่อยอีกเล็กน้อย นายช่างใหญ่ก็ตีราคาค่าสร้างบ้านมาเป็นจำนวนถึงสองร้อยตำลึง ซึ่งรวมไปถึงการสร้างรั้วอิฐล้อมรอบที่ดินทั้งยี่สิบหมู่ของนางด้วย เซียนย้งที่ได้ยินราคาถึงกับวิ่งมาปรึกษานางในทันที แต่นางเห็นว่าราคานี้เป็นราคาที่ไม่สูงมาก เพราะไหนจะต้องสร้างบ้านถึงสองหลัง วัสดุที่ระบุไว้ก็เป็นของชั้นดี อีกทั้งยังขอให้หาคนมาเพิ่มเพื่อเร่งงานอีก นางนำเงินร้อยตำลึงให้กับเซียนย้งไปทำสัญญา โดยในสัญญาระบุว่าจะส่งมอบบ้านที่สร้างเสร็จแล้วภายในระยะเวลาสองเดือน ส่วนกำแพงหินจะสร้างและส่งมอบหลังจากนั้นอีกหนึ่งเดือน พ่อกำลังจะมีบ้านใหม่แล้วนร้าาาาา ใครอยากจะไปอยู่กับนางบ้าง หุ หุ หุเมื่อมีคนนอกวิ่งเข้านอกออกในในหมู่บ้านอย่างคึกคัก ชาวบ้านต่างก็ร่ำลือกันอย่างสนุกปากบางคนก็ว่าคนที่มาซื้อที่สร้างบ้านเป็นเศรษฐีใหญ่ ต้องการหลบความวุ่นวาย จึงมาสร้างบ้านไว้พักผ่อนในชนบทบ้างก็ว่าเป็นคนมีเงินที่ต้องการสร้างไว้สำหรับพาอนุมาหาความสำราญทุกคนในหมู่บ้านล้วนแต่อยากรู้อยากเห็น ชาวบ้านบางคนที่รู้จักเซียนย้ง ทนความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหว ถึงกับเอ่ยปากถามออกมาตรงๆ ก็มีหากแต่เซียนย้งกับบอกว่า งานนี้มีคนจ้างวานให้เขาทำ เรื่องชื่อผู้จ้างวานไม่สามารถบอกใครได้ เนื่องจากติดอยู่ในสัญญาชาวบ้านทุกคนต่างคิดว่าเป็นจริงตามนั้น เพราะต่างก็เห็นว่า ตอนนี้บ้านของเซียนย้งมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าแต่ก่อนมาก ต่างคนต่างอิจฉาในความโชคดีของอีกฝ่ายเว่ยเหนียนเหยา กำลังนั่งตรวจดูพวกผ้าปักที่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ครั้งนี้นางทำผ้าปักได้ถึงยี่สิบชุดเลยทีเดียว ความดีความชอบนี้นางต้องยกให้กับซินเซียงและมารดาของนางเนื่องจากสองคนนั้นมีความจำดีเป็นเลิศ สามารถช่วยงานนางในเรื่องการตัดเย็บได้อย่างประณีต ส่วนนางเมื่อได้สะดึงมางานปักก็ลื่นไหล สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วขึ้นอีกเท่าตัวเว่ยเหนียนเหยาพอใจกับผลงานตรงหน้า
เว่ยเหนียนเหยายืนพิจารณาเสื้อผ้าชุดนั้น ก่อนจะตรวจดูความประณีตของชิ้นงาน ก็รู้สึกว่าช่างของชุนเหมยมีฝีมือไม่น้อยนางเรียกให้คนช่วยขยับหุ่นโชว์ที่นางทำขึ้นออกมาไว้ตรงกลาง จากนั้นจึงหยิบกระโปรงจากมือช่างคนหนึ่งใส่ลงไปในตัวหุ่น หลังจากนั้นก็หยิบเสื้อจากช่างอีกคนใส่ตามลงไปหลังจากตรวจดูความเรียบร้อย นางกับพบว่ามีบางสิ่งขาดหายไป หญิงสาวเดินไปเปิดห่อผ้าอีกห่อที่เตรียมมา ในนั้นมีผ้าคาดเอวแบบต่างๆ อยู่หลายชิ้นนางเลือกผ้าคาดเอวที่เข้ากับชุดนั้นได้ขึ้นมาชิ้นหนึ่ง จากนั้นจึงเดินเข้าไปตกแต่งชุดนั้นดูอีกครั้งชุนเหมยมองการกระทำของเว่ยเหนียนเหยาอย่างตกตะลึง นางไม่รู้ว่า สิ่งที่เว่ยเหนียนเหยานำมาคืออะไร แต่เมื่อนำเสื้อผ้าลงไปสวมใส่ กลับดูเหมือนว่าเสื้อผ้านั้นสวมอยู่บนตัวคนจริงๆ"น้องพี่สิ่งนี้เรียกว่าอะไร"ชุนเหมยเดินวนรอบๆ หุ่นโชว์อย่างชื่นชม หากมีสิ่งนี้มาตั้งหน้าร้าน ร้านของนางต้องเป็นจุดสนใจของผู้คนที่ผ่านมาผ่านไปเป็นแน่"สิ่งนี้เรียกว่า หุ่นไม้ เจ้าค่ะ มีไว้สำหรับใส่เสื้อผ้าวางไว้ให้ลูกค้าดู เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้าเจ้าค่ะพี่ชุนเหมย ท่านดูสิเจ้าคะ เสื้อชุดนี้หากเราตัดเย็บเสร็จก็ต้องพับเก็บ
"ท่านแม่ขอรับ ท่านได้ยินข่าวลือข้างนอกหรือไม่ขอรับ เห็นชาวบ้านลือกันว่า เมื่อวันก่อนเจ้ารองมีรถม้าคันใหญ่มาส่งถึงหน้าบ้านเลยทีเดียว""แม่ได้ยินมาแล้ว เจ้าลูกอกตัญญู มีเงินมีทองกลับไม่เคยนึกถึงข้า มันน่าโมโหยิ่งนัก"นางเว่ยหมัวหลาน กล่าวออกมาด้วยความโมโห ใครๆ ต่างก็บอกว่านางเป็นแม่ที่รักลูกไม่เท่ากัน เอาใจลูกคนโต รักใคร่ลูกคนเล็ก แต่ทอดทิ้งลูกคนรองฮึ แน่ละ ใครจะไปรักลูกคนอื่นมากกว่าลูกตัวเองกันละ แท้จริงแล้วหานตงเป็นลูกของน้องสาวของนางต่างหาก มีอยู่ครั้งหนึ่งที่นางต้องเดินทางกลับไปที่บ้านเดิม เนื่องจากน้องสาวตัวดีเกิดตั้งครรภ์กับคู่หมั้น ที่กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกัน แต่ว่าที่เจ้าบ่าวกับโชคร้ายโดนโจรปล้น ระหว่างทาง หายสาบสูญไปไม่ทราบข่าวคราว มารดาและน้องสาวของนางรู้ข่าวถึงกับล้มป่วยอย่างหนักทั้งสองคน นางจึงต้องพาลูกและสามีกลับไปช่วยดูแลมารดาอยู่หลายเดือนน้องสาวของนางเจ็บป่วยเกินเยียวยา ทำให้เจ็บท้องก่อนกำหนด หลังจากนั้นก็คลอดเด็กชายออกมาผู้หนึ่ง ส่วนน้องของนางกลับจบชีวิตลงทันที แม่ของนางในตอนนั้นสงสารหลานชาย ไม่อยากให้หลานชายขึ้นชื่อว่า เป็นเด็กไม่มีพ่อแม่ ซ้ำพ่อแม่ยังทำผิดจารีตเสียอี
"อาตง อาตง ลูกแม่เจ้าอยู่หรือไม่"เสียงของนางเว่ยหมัวหลาน ทำให้คนที่กำลังกินข้าวอยู่ในบ้านชะงักมือลง ยังไม่ทันจะขยับตัวลุกขึ้น อีกฝ่ายก็เดินเข้ามาในบ้านอย่างไม่คำนึงถึงมารยาท"หลานย่า ย่าคิดถึงเจ้ามากเหลือเกิน เจ้าสบายดีใช่ไหม"หานตงรีบนำภรรยาลุกขึ้นคำนับนางเว่ยหมัวหลานอย่างอ่อนน้อม"ท่านแม่ พี่ใหญ่ พี่สะใภ้เชิญนั่งก่อนขอรับ"หานตงพูดอย่างอ่อนน้อม ก่อนจะให้ภรรยาเดินไปรินน้ำออกมาให้ผู้เป็นมารดา"ท่านแม่สามี พี่สามี พี่สะใภ้ น้ำเจ้าค่ะ"จริงๆ ตอนนี้บ้านนางมีชากุหลาบ ชาเกสรดอกบัว ที่ลองทดลองทำไว้ แต่กับคนพวกนี้ให้กินไปก็เสียของ นางจึงรินน้ำเปล่ามาให้เท่านั้นส่วนเด็กสองคนไม่สนิทกับผู้เป็นย่าอยู่แล้ว เพราะทุกครั้งที่บิดาพาไปบ้านของนาง พวกเขามักจะโดนหาเรื่องลงโทษ เนื่องจากพวกเขาไปทะเลาะกับลูกชายของท่านลุงใหญ่เด็กท่านสองรีบเดินไปหลบหลังมารดา หญิงสาวนำตัวลูกชายเข้ามากอด ก่อนจะบอกให้คาราวะหญิงชรา"ท่านย่า" "ท่านย่า"เด็กทั้งสองโค้งตัวลงอย่างอ่อนน้อมฝ่ายหญิงชรากวาดตาดูความเปลี่ยนแปลงของคนในบ้าน ไม่เจอกันแค่ไม่นาน หานตงกลับดูดีขึ้นเป็นอย่างมาก เสื้อผ้าที่ใส่ดูเหมือนจะเป็นของที่เพิ่งซื้อใหม่เ
"อาเซียง ทำไมวันนี้หน้าตาเจ้าดูไม่สู้ดีนักละ""พี่สะใภ้ เมื่อวานตอนที่พี่ชายข้ามาที่บ้าน เห็นว่าท่านแม่ได้เงินจากการช่วยงานท่าน ก็ยืนกรานจะรับตัวนางกลับไป แต่ท่านแม่ไม่ยอมกลับ พี่ชายข้าถึงกับอาละวาด ทุบทำลายข้าวของที่บ้านข้าเจ้าค่ะ""อาเซียง อย่าหาว่าข้ายุแยงเลยนะ กับคนบางจำพวก เจ้าควรจะทำตัวให้เห็นความร้ายกาจเสียบ้าง ข้าวของบ้านเจ้า เขามีสิทธิ์จะเข้ามาทำลายที่ไหน"จริงๆ ซินเซียงก็เคยคิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน หลายครั้งที่เซียนย้งคิดจะต่อกรกับผู้เป็นพี่ชาย แต่เป็นซินเซียงที่คอยห้ามปรามไว้ เพราะเกรงว่ามารดาจะไม่สบายใจต่อไปนางคงต้องยอมให้เซียนย้งจัดการพี่ชายนางดูสักครั้ง"อาเหยา อาเหยา เจ้าอยู่หรือไม่ ข้านำคนที่เจ้าต้องการมาให้เลือกแล้ว อาเหยาเด็กสาวพวกนี้เป็นช่างฝีมือการตัดเย็บในหมู่บ้านเรา แต่ละคนขยันขันแข็ง ข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จักนะ นี่อาซวง อาหง อาเหมย และ อาหมิ่น ข้าบอกพวกนางแล้วว่าเจ้าต้องการคนงานเพียงสามคน แต่พวกนางล้วนแต่เป็นคนมีฝีมือ ข้าตัดสินใจไม่ได้ จึงนำพวกนางกลับมาให้เจ้าเป็นคนเลือกเอง""นายหญิง"เด็กสาวทั้งสี่ทำความเคารพเว่ยเหนียนเหยาอย่างเรียบร้อย พวกนางทั้งหมด ล้วนแต่หาเ
เมื่อได้รับจดหมายจากชุนเหมย เว่ยเหนียนเหยาจึงตัดสินใจรับหญิงสาวทั้งสี่คนไว้ทั้งหมด โดยนางให้สามีร่างสัญญาการทำงานขึ้นมาสองฉบับ ต่างฝ่ายต่างเก็บไว้คนละฉบับ เพื่อกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายหน้าตกเย็นทางผู้ใหญ่บ้านก็ประกาศให้ลูกบ้านทั้งหมดไปรวมตัวกัน หานตงนำภรรยาและบุตร ร่วมเดินทางไปกับครอบครัวของเซียนย้งผู้ใหญ่บ้านเชิญผู้นำตระกูลทุกตระกูลออกมาเบื้องหน้า ผู้นำตระกูลแต่ละคน นำบันทึกสิ่งที่ต้องซ่อมศาลบรรพชนออกมาชี้แจงให้สมาชิกภายในตระกูลฟังหมู่บ้านแห่งนี้มีตระกูลหลักๆ อาศัยอยู่รวมกัน 4ตระกูล คือตระกูลเว่ย ตระกูลกุ้ย ตระกูลมู่ และตระกูลหวัง อีกทั้งมีตระกูลอื่นที่เป็นเครือญาติของแต่ละฝ่ายเข้ามาขออาศัยอีกจำนวนหนึ่งดังนั้นทางผู้ใหญ่บ้านและผู้นำตระกูลรุ่นก่อน จึงตั้งกฎขึ้น ให้จัดสร้างศาลบรรพชนของทั้งสี่ตระกูลขึ้นเหมือนๆ กัน และทุกสองปีจะมีการเรี่ยไรเงินจากสมาชิกในตระกูลมาซ่อมแซมศาลบรรพชน และเปิดให้ลูกหลานได้กราบไหว้บรรพชนเพื่อขอพรให้คุ้มครองคนหมู่บ้านปีนี้เป็นปีที่ครบกำหนดพอดี ทางผู้ใหญ่บ้านจึงเรียกทุกคนมาฟังรายละเอียด และกำหนดจะมีการเก็บเงินจากทุกครอบครัว ครอบครัวละสามร้อยอีแปะ ในอีกสองเดื
วันนี้ก่อนยามซื่อเล็กน้อย รถม้าของร้านเชิงอี้ชิงก็วิ่งมาจอดที่หน้าบ้านหญิงสาวกอดปลอบลูกรักทั้งสอง เนื่องจากเด็กทั้งสองอยากจะขอตามมารดาเข้าไปในเมืองด้วยหากแต่หญิงสาวเกรงว่า การเข้าไปพูดคุยการค้าครั้งนี้จะทำให้เด็กๆเบื่อหน่ายซะมากกว่า"เจ้าใหญ่ เจ้ารอง วันนี้ท่านอาของเจ้าจะพาคนมาสร้างคอกม้าเล็กๆที่บ้าน แม่อยากให้พวกเจ้าอยู่ช่วยท่านอาได้หรือไม่""คอกม้าหรือขอรับ""ใช่แล้ว ต่อไปเรื่องการหาหญ้ามาให้ม้าตัวนั้น แม่จะให้เจ้าทั้งสองกับเจ้าอาเหยารับผิดชอบร่วมกัน ต่อไปเจ้าจะเอาแต่เที่ยวเล่นไม่ได้แล้วนะ"เด็กทั้งสามเลิกสนใจที่จะเข้าเมืองทันที รีบเดินกลับไปหากลุ่มหญิงสาวที่นั่งล้อมวงเย็บผ้ากันอยู่ จากนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอยคนที่จะมาสร้างคอกม้าอย่างใจจดจ่อเว่ยเหนียนเหยากับหานตง รีบเร่งขึ้นรถม้า เนื่องจากเห็นว่าใกล้ถึงเวลาที่นัดหมายอีกฝ่ายไว้แล้ว เมื่อเดินทางไปถึง ก็เห็นชุนเหมยมายืนคอยรับอยู่ที่หน้าร้านแล้ว"พวกเจ้ามากันแล้ว""ท่านพี่ชุนเหมย" แม่นางชุนเหมย"สองสามีภรรยาทำความเคารพต่อชุนเหมยอย่างนอบน้อม"เอาละเข้าไปกันเถอะ พี่หญิงใหญ่ของข้ามารออยู่แล้ว"ชุนเหมยพาทั้งสองเดินเข้ามาภายในร้าน และตรง
หลังจากที่พูดคุยสรุปเรื่องการค้ากันเป็นที่เรียบร้อย ทั้งสี่คนก็ย้ายสถานที่ไปพูดคุยสร้างความสนิทสนมกันต่อที่โต๊ะอาหารในช่วงมื้อกลางวันหญิงสาวทั้งสามต่างรู้สึกสนิทสนมราวกับเป็นพี่น้องที่คลานออกจากมารดาเดียวกันมา โดยเฉพาะคุณหนูใหญ่ที่อยากจะขโมยเว่ยเหนียนเหยากลับไปเมืองหลวงกับนางด้วยซะเหลือเกิน"อาเหยา อาตง คราวหน้าพวกเจ้าต้องพาหลานๆ เข้าไปเยี่ยมข้าที่เมืองหลวงนะ"สองสามีรับคำก่อนจะโค้งคำนับเป็นการอำลา เนื่องจากเสิ่นชิงหรูต้องเร่งเดินทางกลับเมืองหลวงในทันทีส่วนชุนเหมยกับยืนหน้าบึ้งอยู่ด้านข้าง เนื่องจากพี่สาวของนาง กวาดสินค้าที่เว่ยเหนียนเหยาจัดส่งมาครั้งนี้กลับไปเมืองหลวงทั้งหมด ไม่เหลือไว้ให้นางแม้แต่ชิ้นเดียวเมื่อส่งคนจากไปแล้ว ชุนเหมยจึงชวนสองสามีภรรยา โดยเฉพาะหานตงให้ลองไปศึกษาวิธีการดูผ้าด้วยกัน"พี่ชุนเหมยเจ้าคะ แต่นี่ก็บ่ายแล้ว ครั้งนี้ที่ข้ามา ข้าอยากจะหาซื้อรถม้าไว้ใช้งานสักคันเจ้าค่ะ""อาเหยา การเลือกซื้อรถม้า ต้องเป็นคนที่ชำนาญในการดูลักษณะของม้า อีกทั้งยังต้องดูโครงสร้างความสมดุลของส่วนที่เป็นตัวรถเป็นอีกด้วย สิ่งนี้ไม่ใช่ใครก็จะทำเป็น มิสู้เอาแบบนี้เถอะ ในร้านข้ามีบ่าวที่
"พี่สะใภ้ขอรับ สำหรับสบู่ของข้า ข้าคิดออกแล้วขอรับว่าจะทำยังไง"เซียนย้งเกิดความคิดขึ้นตอนที่เขาฟังพี่สะใภ้กับทุกคนวางแผนการค้าถ่านกัน"ไหนเจ้าลองว่ามาซิ อาย้ง""ตอนนี้สบู่ของข้ามีรูปร่างเหมือนสบู่ทั่วไปที่ขายอยู่ ข้าอยากให้ท่านช่วยข้าออกแบบแม่พิมพ์ขึ้นมาใหม่ นอกจากนั้นข้าอยากมีตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ที่จะให้คนทั่วไปรู้ว่า นี่เป็นสบู่ของพวกเราด้วยขอรับ""สัญลักษณ์?""ขอรับพี่สะใภ้ ข้าอยากตั้งชื่อทางการค้าให้คนรู้ว่า สินค้าพวกนี้มาจากครอบครัวของพวกเรา""ดีๆ ข้าเห็นด้วยกับเจ้า"อาเสิ้นตาโต เขาก็อยากให้ถ่านของเขามีชื่อร้านเหมือนกัน"แล้วเจ้าคิดชื่อไว้แล้วหรือยัง หรือจะให้พวกข้าช่วยคิดให้"หญิงสาวมองดูเด็กหนุ่มทั้งสองที่กระตือรือร้น ดวงตาเป็นประกายอย่างตื่นเต้น ก็ช่วยส่งเสริม"ข้าอยากให้ร้านของข้า ชื่อ เหนียนเหยา ขอรับ"หญิงสาวตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าเซียนย้งจะเสนอชื่อนางขึ้นมา"เจ้าพอจะบอกเหตุผลข้าได้หรือไม่อาย้ง"หานตงถามขึ้น เขาพอจะรู้ใจของน้องคนนี้ดี แต่ก็อยากจะรู้ว่า จะเหมือนที่เขาคิดไว้หรือไม่"เพราะพี่สะใภ้ เป็นเสมือนแสงสว่างที่สาดเข้ามาในชีวิตของครอบครัวข้า ขับไล่ความมืดมิด ช่วยให้ข้าเห
เว่ยเหนียนเหยายืนอยู่บนระเบียง คิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา นางนับถือนางลี่สือหลินมาก แม้จะรักบุตรชายเพียงใดแต่ก็ไม่ยอมเห็นผิดเป็นถูก กัดฟันส่งบุตรชายเข้ารับโทษที่ก่อตอนแรกนางยังคิดว่า นางลี่สือหลินจะล้มป่วยเพราะตรอมใจอยู่หลายวัน หากเพียงแค่สองวัน นางลี่สือหลินกลับลุกขึ้นไปทำงาน นางกับซินเซียงพยายามห้ามปรามขอให้พักผ่อนอีกสักหน่อยรอยยิ้มเศร้าสร้อยปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากคู่นั้น ก่อนจะกล่าวว่า" อาเหยา คนเป็นแม่จะอ่อนแอไม่ได้ ตอนนี้บุตรชายของข้ากำลังหกล้ม ข้าหวังว่า สักวันเขาจะคิดได้ และลุกขึ้นยืนใหม่ เมื่อนั้นมือคู่นี้ของข้ายังต้องช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้น"เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็น้ำตาคลอ ชาติที่แล้ว นางไม่มีพ่อแม่ ไม่เคยรับรู้ถึงความรักของพ่อแม่มาก่อน หญิงสาวคิดไปถึงต้นโสมเจ้าปัญหาต้นนั้น ที่บัดนี้ถูกนำไปเก็บไว้ในห้องของนางเป็นที่เรียบร้อยต้นโสมเพียงหนึ่งต้น แต่กลับลากดึงเอาความโลภโมโทสันภายในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ออกมาตีแผ่ นางหวังเพียงแต่ว่า ลี่ห่าวฟง จะไม่ทำให้มารดาของเขาผิดหวัง"พี่สะใภ้ พี่หานตงให้ข้ามาบอกท่านว่า วันนี้เป็นวันที่นัดกับช่างเฟิ่งไว้ขอรับ""เจ้าช่วยไปเรียกอาเสิ้นมาพบข้าหน
"ภรรยาเจ้าเร็วหน่อยเถอะ เราต้องรีบไปให้ทันรถเที่ยวเช้านะ""ท่านพี่จะรีบไปไหน ป่านนี้คนพวกนั้นยังไม่มีใครรู้หรอกน่า"นางลี่สือหลินยืนกำมือแน่นที่หน้าประตู จู่ๆประตูก็ถูกเปิดออกจากคนที่อยู่ข้างใน ห่าวฟงเห็นมารดา พร้อมน้องเขย น้องสาวยืนอยู่ก็ตกใจ พยายามตั้งสติ"ท่านแม่ ท่าน มาได้ยังไงขอรับ"นางลี่สือหลินมองดูบุตรชายที่ก้าวเท้าถอยหลังเข้าไปในบ้าน ในมือถือห่อผ้าห่อหนึ่ง"เจ้าใหญ่ พวกเจ้ารีบร้อนจะไปไหนกันแต่เช้า"นางลี่สือหลินไม่ตอบ แต่ย้อนถามบุตรชายแทน"พอ ดี แม่ภรรยาไม่ค่อยสบาย ข้าเลยจะพานางไปเยี่ยมดูอาการขอรับ"สะใภ้ตระกูลลี่เมื่อเห็นสามีส่งสายตามาให้ ก็รีบเอ่ยเสริมคำ"ใช่เจ้าค่ะท่านแม่สามี ท่านแม่ข้าไม่สบาย ข้าจึงจะรีบไปเยี่ยม อีกอย่างข้าอยากจะนำข่าวดีไปบอกท่านด้วยตัวเอง""พวกเจ้าก็เลยทำตัวเป็นบุตรเขยบุตรสาวที่ดี เอาต้นโสมไปเยี่ยมซินะ"นางลี่สือหลิน ตวาดออกไปอย่างหมดความอดทน มองมือบุตรชายที่กุมห่อผ้าแน่นเข้าไปอีก"ท่านแม่ ท่านพูดเรื่องอะไร ข้าไม่เข้าใจขอรับ""ข้าก็พูดเรื่องที่เจ้าสองสามีภรรยาเข้าไปขโมยโสมที่บ้านของอาเหยาไงละ"ห่าวฟงหน้าซีด เขารู้ตั้งแต่เห็นหน้ามารดาที่หน้าประตูแล้ว ว่าม
"มา มาลูกสะใภ้เจ้านั่งก่อน"นางลี่สือหลิน รีบบอกให้บุตรชายประคองลูกสะใภ้นั่งลงบนเก้าอี้"น้องสาว น้องเขยตอนนี้คงสบายดีสินะ ท่าทางจะร่ำรวยกันใหญ่"ลี่ห่าวฟงบุตรชายของนางลี่สือหลิน กล่าวออกมาอย่างประชดประชัน เขามองไปมองรอบๆบ้านหลังนี้ด้วยความอิจฉา ครั้งก่อนเขาเคยขอให้มารดา ช่วยพูดกับน้องสาวและน้องเขยว่าให้ตนและภรรยาเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วย แต่คนพวกนี้ล้วนแล้งน้ำใจต่อเขากับภรรยา ดีว่ามารดาแอบส่งเงินทองไปให้เขาใช้อยู่เรื่อยๆ ชีวิตเขากับภรรยาจึงไม่ได้ลำบากอะไร"พวกข้าก็แค่มีกินมีใช้นะขอรับ ท่านพี่ภรรยา"เซียนย้งจริงๆ ไม่ค่อยจะชอบพี่ภรรยาคนนี้มากนะ เพราะเขาเป็นคนหยิบโหย่งไม่ค่อยชอบทำงานเท่าไหร่ แถมยังชอบใช้กำลังกับภรรยาของเขาและท่านแม่ยายอยู่บ่อยครั้ง"เอาละ เอาละ มากินข้าวกันเถอะ วันนี้พวกเจ้าต้องกินเยอะๆนะ อ้าวข้าลืม พวกเจ้ากินกันไปก่อน ข้าไปเอาน้ำแกงไก่ที่บ้านอาเหยาก่อน"นางลี่สือหลินออกไปไม่นานก็กลับมาพร้อมน้ำแกงไก่ถ้วยใหญ่"อาเซียงเมื่อกี้ตอนแม่ไปตักน้ำแกงไก่ เห็นกล่องใส่โสมยังวางอยู่ในครัว เห็นอาย้งบอกว่า โสมหัวนั้นราคาหลายร้อยตำลึงทอง ทำไมเอามาวางไว้อย่างนั้นละ"ซินเซียงแอบมองไปยังพี่ชาย
ชุนเหมยเมื่อเห็นน้องสาวต่างสายเลือด กระวีกระวาดวิ่งออกไปหาสามีก็ส่ายหัวยิ้มๆ นางเดินออกจากห้องโถง มุ่งตรงกลับเข้าห้องนอนทันที"เวิ้นสุ่ย"เสียงราบเรียบของหญิงสาวคล้ายพูดคุยกับอากาศที่อยู่ภายในห้อง เงาดำสายหนึ่งเคลื่อนออกมาจากมุมห้องอย่างเงียบๆ"นายหญิง""เจ้าไปสืบเรื่องนั้นมาให้ข้า จำไว้ข้าต้องการเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียด"ไร้เสียงตอบรับใดๆ มีเพียงเงาดำสายนั้น ที่เลือนหายไปคล้ายไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ชุนเหมย เดินออกจากห้องไปช้าๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น"ท่านพี่ตอนที่อยู่ที่หอการค้ากลางทำไมท่านไม่ช่วยข้าออกความคิดเห็นบ้างเลยเจ้าค่ะ"หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างแง่งอน ที่สามีไม่ช่วยนางออกความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับร้านค้าที่นางจะซื้อ"ก็พี่ไม่มีความรู้เรื่องนี้ พี่ว่าร้านไหนเจ้าเห็นว่าดีพี่ก็ว่าดี พี่ล้วนเชื่อฟังเจ้าเหยาเอ๋อ"เซียงย้งกลั้นหัวเราะหน้าแดง เมื่อเห็นพี่ชายกลายสภาพเป็นแมวหนุ่มช่างออดอ้อนต่อหน้าพี่สะใภ้ ก่อนจะรีบปรับสีหน้า เมื่อเห็นสายตาพิฆาตที่พี่ชายส่งตรงมาให้"พี่สะใภ้ในเมื่อท่านยังไม่ถูกใจ ก็ค่อยๆ หาไปก็ได้ขอรับ ข้าและ พี่หานตงล้วนเชื่อฟังท่าน""อะ นั่น นั่น น่าจะใช่ร้านเหล็กที่พี่ช
เว่ยเหนียนเหยากำลังกล่าวขอตัวจากเหวินฉีและภรรยา แต่อาเสิ้นก็เดินเข้ามาในบ้านซะก่อน"พี่บุญธรรม ท่านพอจะมีเวลาสักครู่หรือไม่ขอรับ ถ่านเตาแรกตากแดดดีแล้ว ข้าอยากพาท่านไปดู""ได้สิ งั้นอาเซียงเจ้าไปโรงงานเถอะ เดี๋ยวพวกข้าจะไปกับอาเสิ้น"อาเสิ้นลากถ่านที่เขาเก็บใส่ตะกร้าแล้ว ออกมาให้ทุกคนดู หญิงสาวหยิบถ่านขึ้นมาตรวจดู เห็นว่าทุกก้อนแห้งสนิทแล้วจริงๆจึงให้อาเสิ้นลองก่อไฟขึ้นมาดู ถ่านนี้เป็นถ่านที่ทำจากเศษไม้ต่างๆที่เก็บมารวมกัน จึงทำให้มีควันไฟค่อนข้างมาก ซ้ำยังมีกลิ่นแรง แถมแรงไฟที่ได้ก็ไม่สม่ำเสมอนางบอกให้อาเสิ้นจดข้อเสียเหล่านี้ไว้ เพราะเตาต่อไปจะลองใช้ไม้ไผ่อย่างเดียว อาเสิ้นตื่นเต้นมากอยากจะรีบไปเก็บไม้ไผ่กลับมาทดลองแต่นางบอกว่า รอให้พวกนางกลับมาจากในเมืองก่อนจะดีกว่า จะได้มีคนขึ้นเขาไปเป็นเพื่อนเมื่อเห็นว่าไม่มีธุระอะไรที่ต้องทำในบ้านแล้ว เว่ยเหนียนเหยาจึงรีบเดินทางเข้าในเมือง วันนี้นางมีงานต้องทำมากมายเลยทีเดียวเมื่อมาถึงตัวเมือง นางให้สามีและเซียนย้ง นำปลาไหลที่ได้ไปขายก่อนหานตงจึงมุ่งหน้าไปที่ภัตตาคารที่เคยนำปลาไหลมาขายในครั้งก่อน เสี่ยวเอ้อจำพวกเขาได้ก็ร้องทักอย่างดีใจ"พวก
"อาเซียง เจ้าเดินรอข้าด้วยสิ""อาย้งเจ้าก็เดินให้เร็วหน่อยสิ พี่สะใภ้กำลังรอไก่จากข้าอยู่นะ""เดี๋ยวนี้ เจ้าหายใจเข้าหายใจออกเป็นพี่สะใภ้ ข้าชักจะน้อยใจแล้วสิ""หึ แน่นอนว่า พี่สะใภ้ของข้า ต้องสำคัญกว่าเจ้า""เจ้าพูดเช่นนี้ คอยดูเถอะ คืนนี้ข้าจะลงโทษเจ้าเช่นไร""เจ้า! ไม่ต้องพูดแล้ว รีบเดินเร็ว นี่มันหน้าบ้านท่านป้าเจ้านี่ รีบเดินเร็วๆ เข้าเถอะ เจ้าไม่กลัวหรือยังไง"ซินเซียงหันซ้ายแลขวา เนื่องจากบ้านหลังนี้เป็นบ้านของท่านป้าของเซียนย้ง แต่นางเสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว ส่วนบุตรชายกับลูกสะใภ้ก็ทำงานที่เมืองหลวง จึงปล่อยบ้านทิ้งร้างไว้เคร้ง......ปึก ปึก ปึกซินเซียงหันไปเกาะแขนเซียนย้ง หน้าขาวซีด"อา...ย้ง เจ้า..ได้ยินเสียง อะไรไหม""คงจะเป็นเสียงหนูละมั้ง ข้าว่าเรารีบไปกันดีกว่าเนอะ"เซียนย้งที่หิ้วไก่อยู่ ใช้มืออีกข้างดึงให้ซินเซียงรีบเดินตาม"อาย้ง ....อาเซียง""อา...ย้ง ได้ยินเสียงคน คนเรียก พวกเราไหม"ตอนนี้ เซียนย้งเองก็เริ่มหน้าซีดไปเหมือนกัน จับมือซินเซียงเตรียมวิ่งออกไป"อาย้ง อาเซียง นี่ข้าเอง พี่ซีเม่ย ภรรยาท่านพี่เหวินฉีไง""พี่สะใภ้ เป็นท่าน แล้วท่านพี่เหวินฉีละขอรับ"เซียนย
" พี่สะใภ้ท่านมาแล้ว ข้าจะออกไปตามก็ไม่กล้าวางมือ""อาย้ง นำโถที่ข้าเตรียมไว้ทางโน่นมา นำผ้ามาปูบนปากโถ แล้วเอาผ้าชิ้นเล็กที่ข้าตัดไว้แล้ว รัดผ้าที่วางตรงปากโถให้แน่น ข้าจะกรองน้ำมันหอมอีกรอบ"เซียนย้งทำงานคล่องแคล่ว เดี๋ยวเดียวโถพร้อมผ้ากรองก็อยู่ตรงหน้านาง นางจัดการตามขั้นตอนสุดท้ายอย่างรวดเร็วในที่สุดน้ำมันทั้งหมดก็ถูกเทใส่โถ และดอกกุหลาบก็ถูกวางใส่ผ้ากรองทิ้งไว้"พี่สะใภ้ ต้องวางไว้นานเท่าใดขอรับ""วางไว้จนกว่า น้ำมันในดอกไม้จะออกมาหมด""ดอกไม้กับน้ำมันยังเหลืออยู่ ท่านจะให้ข้าทำต่อเลยไหมขอรับ""น่าจะทำต่อได้อีกหนึ่งถังเจ้าจัดการเลย ข้าจะคอยดู"เซียนย้งจัดการตามวิธีที่จำได้ มีผิดไปบ้างแต่เว่ยเหนียนเหยาก็คอยบอกอยู่ข้างๆ จนตุ๋นน้ำมันหอมเรียบร้อย"เอาละทีนี้มาตัดสบู่กัน เจ้าไปหยิบถาดที่ใส่สบู่มา"เซียนย้งหยิบถาดที่ใส่สบู่มาหนึ่งถาด วันนี้พี่สะใภ้ทำสบู่สามถาด เขาทำเองอีกหนึ่งถาด รวมแล้วเป็นสี่ถาด เดี๋ยวถาดนี้ให้พี่สะใภ้ตัดให้เขาดู ส่วนถาดอื่นๆเขาจะขอลองตัดเองเว่ยเหนียนเหยารับถาดไม้มา จากนั้นก็ใช้มีดเล็กบางเลาะไปข้างๆถาดไม้แล้วคว่ำถาดลงเคาะเบาๆ สบู่ก็หลุดออกมา นางจับก้อนสบู่ก้อนใหญ่ไ
หญิงสาวเล่าเรื่องที่เว่ยหานหมิงเข้าหานาง ทุกคำพูด ทุกการกระทำ นางล้วนเล่าออกมาทั้งหมด นางไม่ใช่นางเอก ที่จะยอมปิดบังเรื่องต่างๆ เพื่อความสบายใจของพระเอก จนบางครั้งก็เกิดเรื่องราวใหญ่โตสำหรับนางการพูดคุยกันทุกเรื่องจะช่วยให้ชีวิตคู่ของพวกนางมั่นคงขึ้นอีกก้าว"เจ้าบอกว่าน้องเล็กเรียกเจ้าว่า อาเหยา หรือ""เจ้าค่ะ""แถมยังทำท่าอาลัยอาวรณ์เจ้าอีก""เจ้าค่ะ""ถ้าอย่างนั้นต่อไป เจ้าก็ไม่ต้องตามพี่ไปที่บ้านนั้นอีก และต่อไปพี่จะไม่เรียกเจ้าว่า อาเหยา แล้ว"อ้าว นี่นางทำให้สามีทำไหน้ำส้มหกนองหรือไร หญิงสาวเอนกายซบอกแกร่งสามีอย่างออดอ้อน"ถ้าเช่นนั้น ท่านจะเรียกข้าว่าอะไรดีเจ้าคะ""เหยาเอ๋อ พี่จะเรียกเจ้าว่า เหยาเอ๋อ ต่อไปเจ้าจะเป็นเหยาเอ๋อของพี่เพียงคนเดียว เจ้ายังจำสัญญาได้หรือไม่ ครั้งนี้เจ้าต้องมีลูกสาวอวบอ้วนให้พี่สักหลายๆ คนนะ เหยาเอ๋อ"ชายหนุ่มจับคางภรรยาขึ้นรับจุมพิตอ่อนโยนที่เขามอบให้ เขารู้ว่า นางไม่ใช่อาเหยาในอดีตที่มีใจรักต่อเว่ยหานหมิงผู้เป็นน้องชายครั้งนี้เขาตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่า จะทำตามคำสั่งบิดา ไม่จำเป็นจะไม่ไปที่บ้านหลังนั้นอีกกลิ่นกายหอมกรุ่นในอ้อมแขน ดึงสติเขาออกจากความคิ