วันนี้ก่อนยามซื่อเล็กน้อย รถม้าของร้านเชิงอี้ชิงก็วิ่งมาจอดที่หน้าบ้าน
หญิงสาวกอดปลอบลูกรักทั้งสอง เนื่องจากเด็กทั้งสองอยากจะขอตามมารดาเข้าไปในเมืองด้วย หากแต่หญิงสาวเกรงว่า การเข้าไปพูดคุยการค้าครั้งนี้จะทำให้เด็กๆเบื่อหน่ายซะมากกว่า "เจ้าใหญ่ เจ้ารอง วันนี้ท่านอาของเจ้าจะพาคนมาสร้างคอกม้าเล็กๆที่บ้าน แม่อยากให้พวกเจ้าอยู่ช่วยท่านอาได้หรือไม่" "คอกม้าหรือขอรับ" "ใช่แล้ว ต่อไปเรื่องการหาหญ้ามาให้ม้าตัวนั้น แม่จะให้เจ้าทั้งสองกับเจ้าอาเหยารับผิดชอบร่วมกัน ต่อไปเจ้าจะเอาแต่เที่ยวเล่นไม่ได้แล้วนะ" เด็กทั้งสามเลิกสนใจที่จะเข้าเมืองทันที รีบเดินกลับไปหากลุ่มหญิงสาวที่นั่งล้อมวงเย็บผ้ากันอยู่ จากนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอยคนที่จะมาสร้างคอกม้าอย่างใจจดจ่อ เว่ยเหนียนเหยากับหานตง รีบเร่งขึ้นรถม้า เนื่องจากเห็นว่าใกล้ถึงเวลาที่นัดหมายอีกฝ่ายไว้แล้ว เมื่อเดินทางไปถึง ก็เห็นชุนเหมยมายืนคอยรับอยู่ที่หน้าร้านแล้ว "พวกเจ้ามากันแล้ว" "ท่านพี่ชุนเหมย" แม่นางชุนเหมย" สองสามีภรรยาทำความเคารพต่อชุนเหมยอย่างนอบน้อม "เอาละเข้าไปกันเถอะ พี่หญิงใหญ่ของข้ามารออยู่แล้ว" ชุนเหมยพาทั้งสองเดินเข้ามาภายในร้าน และตรงเข้าไปที่ห้องโถงอีกห้องหนึ่ง ภายในนั้นมีหญิงสาวรูปร่างบอบบาง ผิวกายขาวละมุน แต่งกายด้วยเสื้อผ้าของชนชั้นสูง นั่งอยู่ ข้างๆมีหญิงสาวคนหนึ่งแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีสุภาพ กำลังถือพัดคอยโบกไปมาอย่างเอาอกเอาใจ "พวกเจ้ามากันแล้ว" "อาเหยานี่ท่านพี่หญิงใหญ่ของข้า เสิ่นชิงหรู นางเป็นผู้ดูแลร้านเชิงอี้ชิงที่เมืองหลวง" "เว่ยเหนียนเหยาคาราวะคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ ส่วนนี้เว่ยหานตงสามีของข้าน้อยเจ้าค่ะ" "คาราวะคุณหนูใหญ่ขอรับ" "พอๆไม่ต้องมากพิธี ล้วนแต่เป็นคนกันเอง ข้าไม่คิดเลยว่าหญิงสาวที่คิดแบบเสื้อผ้า และมีฝีมือการปักลวดลายที่เป็นหนึ่งจะอ่อนเยาว์ถึงเพียงนี้" "ข้าน้อยยังด้อยความสามารถเจ้าค่ะ" เว่ยเหนียนเหยา กล่าวอย่างถ่อมตัว ก่อนจะลอบประเมินคุณหนูใหญ่ผู้อยู่ตรงหน้า หญิงผู้นี้ดูผิวเผินเหมือนสาวน้อยในห้องหอ แต่ประกายตากับแฝงไว้ด้วยความฉลาดหลักแหลม น่าสนใจยิ่งนัก "ข้าขอเรียกเจ้าว่าอาเหยา เหมือนชุนเหมยก็แล้วกันนะ ส่วนเจ้าก็เรียกข้าว่าพี่หญิงใหญ่เหมือนนางก็แล้วกัน" "ขอบคุณเจ้าค่ะพี่หญิงใหญ่" "ที่ข้าเชิญเจ้ามาวันนี้ ก็เรื่องชุดผ้าปักที่เจ้านำมาส่ง เจ้าน่าจะรู้แล้วว่า ชุดผ้าปักของเจ้ากำลังเป็นที่นิยมในเมืองหลวง คุณหนูทั้งหลายต่างล้วนอยากจะได้มาครอบครอง จนตอนนี้แม้กระทั่งคุณหนูที่อยู่ตามหัวเมืองต่างๆก็ร่ำร้องให้ร้านเชิงอี้ชิงสาขาต่างๆนำมาวางขาย" "ท่านพี่ ข้าก็บอกท่านไปแล้วว่า ลายปักนี้เป็นการปักแบบพิเศษของนาง นางมีมือเพียงคู่เดียว จะให้จัดส่งของออกมาจำนวนมากได้อย่างไร" "ชุนเหมย ข้าล้วนเข้าใจ แต่คนที่ไม่เข้าใจคือพวกบ้านสายรองต่างหาก พวกเขาไปฟ้องท่านปู่ว่า ข้ากับเจ้ารวมหัวกันกักตุนสินค้า ไม่ยอมแบ่งชุดผ้าปักไปให้พวกเขา ข้าถึงได้เชิญอาเหยามาปรึกษาไงเล่า" "พี่หญิงใหญ่ พี่ชุนเหมย จริงๆเรื่องนี้ข้ากับสามีคิดหาหนทางไว้แล้วเจ้าค่ะ ตอนนี้ข้าเปิดรับคนงานเข้ามาช่วยเย็บแบบผ้า ส่วนงานปักจะมีน้องสาวกับท่านแม่มาช่วยอีกแรง ในเรื่องความปราณีตของงานทุกชิ้นล้วนแต่ผ่านการตรวจสอบก่อนนำมาส่ง จริงๆข้าอยากจะรับคนเข้ามาเพิ่มอีก แต่ตอนนี้ยังไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่เจ้าค่ะ อีกทั้งการสอนงานปัก ย่อมต้องใช้เวลา" "ถ้าเช่นนั้นเจ้าสามารถส่งสินค้าให้ข้าได้มากที่สุดเท่าไหร่" "ประมาน50ชุดต่อเจ็ดวันเจ้าค่ะ" "ถือว่าเป็นตัวเลขที่ไม่เลว" "ส่วนปัญหาของร้านสาขาย่อย ข้าเห็นว่าท่านควรส่งชุดลายปักแต่ละลายไปให้อย่างละชุด และให้แต่ละสาขาเปิดรับจองสินค้า เหมือนอย่างที่ทางร้านหลักทำ ท่านเห็นว่าเป็นเช่นไรเจ้าคะ" "ตอนแรกข้าก็อยากทำเช่นนั้น แต่พอสินค้าไปถึงที่ร้าน ไม่รู้คุณหนูพวกนั้นรู้ได้อย่างไร ต่างคนต่างส่งคนเข้ามารับของ แถมยังสั่งอีกว่า ถ้ามีลวดลายแปลกใหม่ต้องมาแจ้งพวกนางก่อนเป็นคนแรก" โอ้แม่เจ้า เรื่องของแฟชั่นกับผู้หญิงเป็นสิ่งของที่คู่กันมานานแล้วจริงๆ นางคิดถูกแล้วที่หากินกับสิ่งๆนี้ "แล้วสาขาของบ้านรองมีอยู่กี่สาขาเจ้าค่ะ" "มีอยู่สี่สาขา" "ถ้าอย่างนั้นภายในสามวันข้าจะเร่งมือทำชุดผ้าปักตัวอย่างทั้งสี่สาขาส่งให้พวกท่านก่อน หลังจากนั้นทุกๆเจ็ดวันจะส่งสินค้าให้ท่านห้าสิบชุดจนกว่าจะครบจำนวนที่ลูกค้าสั่งเจ้าค่ะ" "แล้วหลังจากนั้นละ" คุณหนูใหญ่เอ่ยถามอย่างลองเชิง "หลังจากนั้นยังไงเสียพวกถุงหอม ผ้าเช็ดหน้า และถุงเงิน ก็เป็นสินค้าที่พวกนางล้วนขาดไม่ได้ ลวดลายเดิมเปลี่ยนสีผ้าใหม่ก็ยังขายออกได้ ลวดลายที่ข้าออกไปก่อนหน้าจะถือว่าเป็นสินค้าประจำร้าน แต่ทุกๆสองเดือน ทางร้านจะออกแบบลายสินค้าใหม่และจะเปิดให้ลูกค้าได้จับจองตามระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น" "เช่นนี้ พวกคุณหนูเหล่านั้นก็ต้องพยายามซื้อของชิ้นนี้ให้ทัน เพื่อไม่ให้ถูกคุณหนูท่านอื่นนำมาอวดอ้างที่หลัง ข้ากล่าวเช่นนี้ถูกต้องหรือไม่อาเหยา" "เป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะพี่หญิงใหญ่" "ชุนเหมย ข้าว่าเจ้าควรเรียนรู้วิธีทำการค้าจากอาเหยาให้มากกว่านี้นะ" "หึ พี่หญิงใหญ่ข้าก็บอกท่านแล้วว่า น้องสาวคนนี้ของข้าร้ายกาจยิ่งนักในเรื่องการค้าขาย แต่ข้าย่อมเก่งกาจกว่าเพราะเป็นผู้ค้นพบนาง" ชุนเหมยแสร้งยืดคอขึ้นอย่างอวดตน "อาเหยา ข้าอยากจะสั่งหุ่นไม้เจ้าเพิ่มด้วย ที่น้องข้าสั่งมาข้าจะส่งไปให้พวกสาขาย่อยก่อนอย่างละตัว หากได้ของที่สั่งมาเพิ่ม ข้าถึงจะส่งไปเพิ่มอีกสาขาละสองตัว" "พี่หญิงใหญ่ ข้าคิดว่าหุ่นไม้ตัวนี้ก็เป็นสินค้าที่ไม่เลวนะเจ้าคะ" "ไหนเจ้าลองพูดให้ข้าฟังสิ" "ปรกติพี่หญิงใหญ่ เวลาที่จะออกจากบ้าน ต้องให้สาวใช้นำชุดต่างๆมาให้เลือกดูใช่หรือไม่เจ้าคะ" "ย่อมเป็นเช่นนั้น โดยเฉพาะข้าเป็นถึงคุณหนูใหญ่ของจวน วันๆต้องพบผู้คนมากมาย การแต่งกายให้เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก" "หากเช่นนั้นจะดีกว่าหรือไม่ ที่จะให้สาวใช้ในทุกครั้งนำเสื้อผ้าที่เลือกไว้ ใส่หุ่นตัวนี้ให้ท่านพิจารณา ว่าเสื้อแบบนี้เหมาะสมกับถุงหอมแบบไหน ผ้าเช็ดหน้าสีใด หรือเครื่องประดับแบบไหน" เสิ่นชิงหรู พยักหน้าคิดตาม "แล้วเสื้อผ้าที่ท่านเลือกแต่ละครั้งมีจำนวนกี่ชุดเจ้าคะ" "แน่นอนว่าอย่างน้อยต้องสามถึงสี่ชุดต่อครั้ง" ยิ่งพูด ดวงตาคุณหนูใหญ่ยิ่งเปล่งประกายแวววาว "เจ้าจะให้ข้าเสนอหุ่นไม้นี้ให้คุณหนูเหล่านั้น?" "ไม่เจ้าค่ะ แค่ท่านใช้ ผู้หญิงในจวนท่านใช้ เพื่อนสนิทท่านใช้ สิ่งนี้ข้าเรียกว่า การสร้างกระแสนิยมเจ้าค่ะ" "ข้าเข้าใจแล้ว หลังจากนั้น พวกฮูหยินและคุณหนูจวนต่างๆ ย่อมต้องอยากจะครอบครองของสิ่งนี้ และวิ่งเข้าหาร้านของข้าในที่สุด ถูกต้องหรือไม่" "ใช่แล้วเจ้าค่ะ เมื่อสินค้าเป็นที่ต้องการแน่นอนว่าราคาก็ต้องสูงขึ้นอีก" "เป็นโชคของข้าที่เจ้าไม่คิดจะเปิดร้านขายของแข่งกับข้า มิฉะนั้นร้านของข้าคงจะขาดทุนป่นปี้" ชุนเหมยถอนหายใจอย่างโล่งอก "ถ้าอย่างนั้นข้าจะสั่งหุ่นไม้เพิ่มอีกห้าสิบตัว ส่วนราคาให้เจ้าชิ้นละสี่ตำลึงเท่าเดิม เจ้าสามารถส่งของให้ข้าได้เมื่อใด" เว่ยเหนียนเหยาคิดคำนวณในใจว่า ครั้งที่แล้วนายช่างหวังใช้เวลา3วันในการทำโครงไม้ให้นางสิบชิ้น โดยคิดราคาชิ้นละ 5ตำลึงเงิน ส่วนนางมาประกอบสัดส่วนของหุ่นต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 2ตำลึงเงิน โดยสิบตัวใช้เวลาประกอบสองวัน รวมแล้วใช้เวลาทั้งสิ้น ห้าวันต่อสิบตัว เช่นนั้นนางต้องลองให้สามีไปปรึกษานายช่างหวังดูใหม่ว่าสามารถส่งงานได้เร็วกว่านี้หรือไม่ การค้ากำไรงามเช่นนี้อย่างไรนางก็ต้องคว้าเอาไว้ "พี่หญิงใหญ่ เรื่องนี้ข้าขอปรึกษากับนายช่างของข้าดูก่อน ถึงจะให้คำตอบที่แน่นอนได้เจ้าค่ะ" "ถ้าเช่นนั้นเรื่องนี้ข้าจะให้ชุนเหมยเป็นคนติดต่อกับเจ้าเหมือนเดิม ส่วนนี้ตั๋วเงินร้อยตำลึงข้ามอบให้เจ้าเป็นค่ามัดจำไปก่อน" "ขอบคุณเจ้าค่ะพี่หญิงใหญ่ แต่มีอีกเรื่องหนึ่งที่ข้าอยากขอความเมตตาจากพวกท่านเจ้าค่ะ คือว่าต่อไปข้าจะให้สามีของข้าเป็นผู้ติดต่อในการส่งสินค้า และ จัดซื้อวัตถุดิบ แต่เนื่องจากสามีของข้ายังไม่มีความรู้ในการเลือกผ้าและด้ายต่างๆ ดังนั้นข้าจึงอยากจะขอความเมตตาให้ท่านช่วยจัดเตรียมสิ่งเหล่านั้นให้ด้วยเจ้าค่ะ" "เรื่องนั้นไม่ยากอะไร ข้าจะจัดเตรียมให้เจ้าเอง" ชุนเหมยรีบรับปากทันที ผู้หญิงกับแฟชั่นเป็นของคู่กันไม่ว่าจะอยู่ในยุคไปจ้า น้องกำลังจะรวยแล้ววววว กด❤️ กดคอมเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยนร้าาาาหลังจากที่พูดคุยสรุปเรื่องการค้ากันเป็นที่เรียบร้อย ทั้งสี่คนก็ย้ายสถานที่ไปพูดคุยสร้างความสนิทสนมกันต่อที่โต๊ะอาหารในช่วงมื้อกลางวันหญิงสาวทั้งสามต่างรู้สึกสนิทสนมราวกับเป็นพี่น้องที่คลานออกจากมารดาเดียวกันมา โดยเฉพาะคุณหนูใหญ่ที่อยากจะขโมยเว่ยเหนียนเหยากลับไปเมืองหลวงกับนางด้วยซะเหลือเกิน"อาเหยา อาตง คราวหน้าพวกเจ้าต้องพาหลานๆ เข้าไปเยี่ยมข้าที่เมืองหลวงนะ"สองสามีรับคำก่อนจะโค้งคำนับเป็นการอำลา เนื่องจากเสิ่นชิงหรูต้องเร่งเดินทางกลับเมืองหลวงในทันทีส่วนชุนเหมยกับยืนหน้าบึ้งอยู่ด้านข้าง เนื่องจากพี่สาวของนาง กวาดสินค้าที่เว่ยเหนียนเหยาจัดส่งมาครั้งนี้กลับไปเมืองหลวงทั้งหมด ไม่เหลือไว้ให้นางแม้แต่ชิ้นเดียวเมื่อส่งคนจากไปแล้ว ชุนเหมยจึงชวนสองสามีภรรยา โดยเฉพาะหานตงให้ลองไปศึกษาวิธีการดูผ้าด้วยกัน"พี่ชุนเหมยเจ้าคะ แต่นี่ก็บ่ายแล้ว ครั้งนี้ที่ข้ามา ข้าอยากจะหาซื้อรถม้าไว้ใช้งานสักคันเจ้าค่ะ""อาเหยา การเลือกซื้อรถม้า ต้องเป็นคนที่ชำนาญในการดูลักษณะของม้า อีกทั้งยังต้องดูโครงสร้างความสมดุลของส่วนที่เป็นตัวรถเป็นอีกด้วย สิ่งนี้ไม่ใช่ใครก็จะทำเป็น มิสู้เอาแบบนี้เถอะ ในร้านข้ามีบ่าวที่
หานตงนำเด็กชายทั้งสามกลับเข้าไปแต่งตัว ก่อนจะสั่งให้นั่งเล่นอยู่ภายในห้องจากนั้นเขาจึงออกมาที่ห้องโถง นำโต๊ะและเก้าอี้เข้าไปเก็บไว้ในห้องของตัวเอง ก่อนจะลงมือถูพื้นที่ห้องโถงจนสะอาด และนำเสื่อมาปูวางไว้ภรรยาของเขาเคยบอกว่า ที่สั่งทำโต๊ะกินข้าวใหญ่ขึ้น เพราะอยากให้ทุกคนกินข้าวพร้อมกัน เช่นนี้ถึงจะเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ในเมื่อยังไม่มีโต๊ะมา ทำแบบนี้ก็ได้เช่นกัน ชายหนุ่มเดินเข้าไปในครัว ช่วยจัดเตรียมถ้วยชามนำออกไปวาง เพื่อช่วยผ่อนแรงภรรยาเว่ยเหนียนเหยาหันมายิ้มกับสามี วันนี้นางทำกับข้าวสามอย่าง น้ำแกงปลาอีกหนึ่งอย่าง แถมท้ายพิเศษด้วยถั่วเขียวต้มน้ำตาลจริงๆเมื่อสักครู่ซินเซียงก็วิ่งแจ้นเข้ามาจะช่วยนางลงครัว แต่ถูกนางให้กลับไปดูแลเรื่องเย็บแบบผ้าต่อเว่ยเหนียนเหยาทำอาหารไป วางแผนงานไปอย่างเพลิดเพลิน จนเมื่อเห็นสามีเดินเข้ามาช่วยจัดเตรียมถ้วยชาม นางจึงแอบตามไปดู พบว่าหานตงนำเสื่อมาปูที่พื้น จัดเป็นที่กินข้าวขนาดใหญ่ไปเสียแล้วหญิงสาวยิ้มอย่างมีความสุขในความเอาใจใส่ของสามี ในชีวิตลูกผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งงานแล้ว นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกนางล้วนฝันหาหรอกหรือนางเดินเข้าไปจัดเตรียมอาหาร เพื่อจะน
เช้าวันรุ่งขึ้น เด็กสาวนามว่าอาหง ก็พาครอบครัวของนางเข้ามาหา หญิงสาวจึงเดินไปชี้บริเวณที่ว่างข้างบ้านให้ครอบครัวนั้นดูนางบอกถึงขนาดคร่าวๆ ที่ตัวนางต้องการ บิดาของอาหงนามว่าท่านลุงฟงยังให้คำชี้แนะเรื่องต่างๆ กับนางอย่างใจดี อย่างเช่น เรื่องที่นางบอกว่าจะก่อพื้นยกระดับขึ้นมา เพื่อให้คนงานใช้นั่งทำงานแต่ท่านลุงฟงกับบอกว่า ในเมื่อทำไว้ใช้งานชั่วคราว ให้ใช้เป็นแคร่ไม้จะดีกว่า เพราะสามารถโย้กย้ายไปที่ต่างๆ ได้ตามความต้องการซ้ำยังอาสาให้บุตรชาย ออกไปสั่งซื้อวัสดุที่ต้องเอามาใช้งานแทนสามีที่ไม่อยู่ของนางอีกด้วยอาเส้าลูกชายคนโตของท่านลุงฟง เป็นเด็กหนุ่มหน้าคมคายหล่อเหลา ท่าทางเคร่งขรึมเกินวัย เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดหาวัสดุในการสร้างเพิงให้กับครอบครัวของนางเพียงแค่ครึ่งวัน เพิงก็เป็นรูปเป็นร่างเกิดขึ้นมาเกินสามส่วน นางจึงเรียกทั้งหมดให้หยุดพัก ลงมากินข้าวกินปลาเสียก่อนแต่คนทั้งหมดกลับปฏิเสธบอกว่าจัดเตรียมอาหารมาแล้ว ทั้งหมดรวมทั้งอาหงออกไปนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งนางเห็นแม่ของอาหงนำก้อนอะไรอย่างหนึ่งขึ้นมาหักแจกจ่ายให้คนในครอบครัว จากนั้นก็นำน้ำออกมาวางไว้ตรงกลางสองกระบอกทุกคนกินเจ้าก้
"ท่านแม่ลี่ เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ"นางลี่สือหลินหันมายิ้ม พลางหยิบงานที่นางปักเสร็จขึ้นมาให้ดู"เจ้าลองดูก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง"เว่ยเหนียนเหยาพิจารณาดูผ้าที่นางลี่หลินสือส่งมาให้ เห็นว่าฝีเข็มคล้ายของนางอยู่เก้าถึงสิบส่วนก็วางใจ ตอนนี้ทั้งซินเซียงและนางลี่สือหลินต่างขึ้นมาเป็นช่างปักเป็นที่เรียบร้อยแล้วส่วนลวดลายของผ้าปักทั้งหมด นางได้ให้สามีนำไปขึ้นทะเบียนที่หอการค้ากลางเป็นที่เรียบร้อยนางลี่สือหลินและซินเซียงขอร้องให้นางและสามี ร่างสัญญาการจ้างงานให้กับพวกนางด้วย เพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย โดยให้กำหนดเพิ่มเข้าไปด้วยว่า จะต้องทำงานกับนางเป็นระยะเวลาสิบปี ห้ามสอนวิธีการปักนี้ให้กับใครตลอดสัญญา หากผิดสัญญาต้องเสียเงินค่าปรับเป็นจำนวนหนึ่งพันตำลึงทอง และรับโทษโบยที่มือห้าสิบไม้นางกับสามีปฏิเสธเพราะเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ได้สำคัญอะไรเลย สำหรับคนทั้งคู่ที่เป็นเหมือนมารดาและน้องสาว นางดูออกว่าทั้งสองคนเป็นคนยังไงแต่นางลี่สือหลินยืนกรานว่ายังไงก็ต้องทำ นอกจากจะเป็นความสบายใจของพวกนางแล้ว ยังถือว่าสัญญาพวกนั้นคือความคุ้มครองที่พวกนางจะได้รับอีกด้วยนางชี้แจงต่อไปว่า หากต่อไปมีคนไม่ประสงค
ผ่านมาหลายวัน ตอนนี้ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางไปไม่น้อย เว่ยเหนียนเหยาขีดฆ่าแผนงานต่างๆ ที่เสร็จเรียบร้อยไปแล้วช่วงนี้เด็กๆ ก็ไม่ได้ออกมาวิ่งเล่นเหมือนแต่ก่อน เพราะอาเส้าบุตรชายคนโตของท่านลุงฟง ตกลงที่จะเข้ามาสอนหนังสือเด็กๆ ให้เด็กทั้งสามเริ่มเรียนช้ากว่าเด็กทั่วไป ดังนั้นจึงต้องเพิ่มเวลาสอนขึ้นเป็นพิเศษ ตัวนางไม่เข้าใจเรื่องการศึกษาของคนยุคนี้เท่าไหร่ แต่โชคดีที่เจ้าของร่างเก่ามีความสามารถอ่านเขียนได้พอสมควร ไม่อย่างนั้นนางคงต้องไปนั่งเรียนพร้อมลูกๆ เป็นแน่หลังจากที่ปรึกษาและตกลงเรื่องค่าจ้างกันเป็นที่เรียบร้อย อาเส้าก็ส่งรายละเอียดของหนังสือและอุปกรณ์ที่ต้องซื้อหามาให้โชคดีที่ช่วงนั้นบ่าวรับใช้ของชุนเหมยนำรถม้าเข้ามาส่งพอดี บ่าวคนดังกล่าวส่งจดหมายให้กับนางอีกหนึ่งฉบับ ในจดหมายนั้นบอกให้เร่งสร้างหุ่นไม้ เพราะตอนนี้พี่สาวของนาง "สร้างกระแสนิยมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว"แถมยังเล่าให้ฟังอีกว่า ตอนนี้ร้านที่เมืองหลวงวุ่นวายมาก แต่ละวันมีคนเดินเข้ามาสอบถามเรื่องหุ่นไม้จำนวนไม่น้อยบางจวนคุณหนูที่ไม่ขาดเงินพวกนั้น ถึงกับจะขอซื้อหุ่นที่ตั้งอยู่ที่หน้าร้านในราคาตัวละห้าสิบตำลึงทองเลยทีเดียว
"ท่านแม่ ท่านไม่คิดจะทำอะไรเลยหรือขอรับ ข่าวที่น้องเล็กสืบมา ก็บอกอยู่แล้ว ตอนนี้ครอบครัวของเจ้ารอง ทำการค้าได้เป็นกอบเป็นกำ""นั่นสิเจ้าคะ ท่านแม่ อีกไม่นานท่านพี่ก็ต้องเอาเงินไปจ่ายค่าสมัครเรียนของหานเอ่อแล้ว อย่างน้อยท่านก็ควรให้อาตงมอบเงินให้ท่านสัก หนึ่งร้อยหรือสองร้อยตำลึงทองนะเจ้าคะ"นางเว่ยหมัวหลานปรายตามองบุตรชายคนโตและลูกสะใภ้ ตีโพยตีพาย ที่เห็นนางไม่ขยับเขยื้อนทำอะไรบ้างเลย"พวกเจ้าสงบใจลงบ้างเถอะ ข้าก็บอกพวกเจ้าไปแล้ว ว่าข้ากำลังรอเวลา""ท่านแม่เจ้าขา ท่านรอเวลาอะไรเจ้าคะ ท่านดูสิ ตอนนี้อาตงปีกกล้าขาแข็งขนาดไหน นี่ก็เลยวันที่ท่านกำหนดให้มอบเงินส่วนกลางแล้ว ข้าไม่เห็นเขาจะส่งเงินกลับมาสักอีแปะ""จริงด้วยขอรับ อีกอย่างเรื่องที่เขาซื้อที่ทำโรงงาน ข้าก็ไปสืบมาแล้ว ว่าเป็นเรื่องจริง เห็นว่าพรุ่งนี้ก็จะย้ายคนงานเข้าไปทำงานที่นั่นแล้ว หากปล่อยให้เขาใช้เงินเป็นเบี้ยแบบนี้ต่อไป คงไม่ดีแน่ขอรับท่านแม่""นั่นสิขอรับท่านแม่ ตอนนี้เพื่อนที่อยู่ในเมือง ก็เชิญข้าร่วมทุนทำการค้า ในเมื่อพี่รองทำการค้าได้เป็นกอบเป็นกำเช่นนี้ ก็น่าจะช่วยเหลือเจือจุนให้พวกเราได้ลืมตาอ้าปากบ้าง"คราวนี้เป็นเสี
"พี่หานตง พี่หานตง ท่านผู้นำบอกให้ท่านกับพี่สะใภ้รีบไปที่ห้องแจ้งข่าวขอรับ ตอนนี้ท่านแม่ของท่านไปฟ้องร้องท่านข้อหา อกตัญญูต่อบิดามารดาขอรับ"หานตงหน้าซีดเผือด ไม่เคยมีบิดามารดาคนไหน ฟ้องร้องบุตรด้วยข้อหานี้มาก่อน เนื่องจากหากสืบสวนแล้วพบว่าบุตรผิดจริงบุตรคนนั้นจะต้องได้รับโทษตามกฎของหมู่บ้านและของทางการอีกด้วยตามกฎของหมู่บ้าน บุตรที่ได้รับโทษจะถูกโทษโบยห้าสิบไม้ หลังจากนั้นก็จะถูกนำชื่อออกจากตระกูลทั้งครอบครัว และขับไล่ออกจากหมู่บ้านส่วนผู้ใหญ่บ้านก็จะนำตัวไปส่งที่ศาลอาญากลางเมือง พร้อมข้อมูลความผิด คนผู้นั้นจะถูกตัดสินจองจำหนึ่งปี โทษโบยอีกห้าสิบไม้ ส่วนทรัพย์สินที่เป็นที่ดิน หรือกิจการที่เป็นชื่อตระกูล จะถูกโอนย้ายเข้าเป็นกองกลางของบ้านนั้นๆจะมีเพียงเงินทอง ของมีค่า หรือสิ่งที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า เป็นสิทธิ์ของตระกูล ที่คู่สามีหรือภรรยา สามารถนำติดตัวออกไปจากหมู่บ้านได้เท่านั้นหานตงแขนขาอ่อนแรง ทรุดนั่งลงกับพื้นตาแดงก่ำ จนแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เขารู้ว่ามารดาไม่ค่อยจะรักเขานัก แต่ไม่เคยคิดเลยว่า มารดาจะกล้าทำถึงเพียงนี้เว่ยเหนียนเหยาก่นด่าแม่สามีภายในใจ ผู้หญิงคนนั้นยังเป
"ท่านแม่ ท่านแม่ขอรับ ได้โปรดตื่นเถิด อย่าทิ้งข้ากับท่านพ่อไปนะขอรับ ฮือ ฮือ""ท่านพ่อ ทำไมท่านแม่ถึงนอนแน่นิ่งแบบนี้ ท่านพ่อช่วยปลุกท่านแม่หน่อยขอรับ"เสียงใครกัน หนวกหูชะมัด ฉันขอนอนนานๆหน่อยได้ไหม เว่ยเหนียนเหยา คิดในใจอย่างรำคาญ เมื่อวานนี้กว่าเธอจะปิดบัญชีของภัตตาคารหรูระดับห้าดาวเสร็จ เธอต้องเคร่งเครียดจนลืมกินลืมนอนไปหลายคืน " เจ้าใหญ่ เจ้ารอง หยุดร้องไห้ก่อนเถอะ เจ้าดูแม่เจ้าไว้ก่อน เดียวพ่อจะไปตามท่านหมอจางมาดูแม่เจ้า"เสียงอีกเสียงดังขึ้น ฟังดูก็รู้ว่า น่าจะเป็นชายหนุ่มอายุไม่เยอะเท่าไหร่ ว่าแต่ว่าพวกเขาพูดถึงใครกัน แล้วคนพวกนี้เข้ามาอยู่ในบ้านเธอได้ยังไง แย่แล้ว!!! หรือว่าจะเป็นโจร เว่ยเหนียนเหยาคิดอย่างตกใจ พยายามที่จะลืมตาขึ้น แต่กลับรู้สึกปวดหัว และเจ็บข้างหลังท้ายทอยเป็นอย่างมาก หญิงสาวค่อยๆยกมือ ลูบไปยังบริเวณที่เจ็บ พร้อมกับลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก แสงสว่างสาดเข้ากับดวงตา ทำให้ตาของเธอพร่าไปเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆคุ้นชิน หญิงสาวกวาดสายตามองดูโดยรอบนี่เธออยู่ที่ไหน ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ หรือเธอถูกโจรจับมาเรียกค่าไถ่ สารพัดคำถามที่ไร้คำตอบดังขึ้นมาในหัว แต่ก่อนที
"พี่หานตง พี่หานตง ท่านผู้นำบอกให้ท่านกับพี่สะใภ้รีบไปที่ห้องแจ้งข่าวขอรับ ตอนนี้ท่านแม่ของท่านไปฟ้องร้องท่านข้อหา อกตัญญูต่อบิดามารดาขอรับ"หานตงหน้าซีดเผือด ไม่เคยมีบิดามารดาคนไหน ฟ้องร้องบุตรด้วยข้อหานี้มาก่อน เนื่องจากหากสืบสวนแล้วพบว่าบุตรผิดจริงบุตรคนนั้นจะต้องได้รับโทษตามกฎของหมู่บ้านและของทางการอีกด้วยตามกฎของหมู่บ้าน บุตรที่ได้รับโทษจะถูกโทษโบยห้าสิบไม้ หลังจากนั้นก็จะถูกนำชื่อออกจากตระกูลทั้งครอบครัว และขับไล่ออกจากหมู่บ้านส่วนผู้ใหญ่บ้านก็จะนำตัวไปส่งที่ศาลอาญากลางเมือง พร้อมข้อมูลความผิด คนผู้นั้นจะถูกตัดสินจองจำหนึ่งปี โทษโบยอีกห้าสิบไม้ ส่วนทรัพย์สินที่เป็นที่ดิน หรือกิจการที่เป็นชื่อตระกูล จะถูกโอนย้ายเข้าเป็นกองกลางของบ้านนั้นๆจะมีเพียงเงินทอง ของมีค่า หรือสิ่งที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า เป็นสิทธิ์ของตระกูล ที่คู่สามีหรือภรรยา สามารถนำติดตัวออกไปจากหมู่บ้านได้เท่านั้นหานตงแขนขาอ่อนแรง ทรุดนั่งลงกับพื้นตาแดงก่ำ จนแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เขารู้ว่ามารดาไม่ค่อยจะรักเขานัก แต่ไม่เคยคิดเลยว่า มารดาจะกล้าทำถึงเพียงนี้เว่ยเหนียนเหยาก่นด่าแม่สามีภายในใจ ผู้หญิงคนนั้นยังเป
"ท่านแม่ ท่านไม่คิดจะทำอะไรเลยหรือขอรับ ข่าวที่น้องเล็กสืบมา ก็บอกอยู่แล้ว ตอนนี้ครอบครัวของเจ้ารอง ทำการค้าได้เป็นกอบเป็นกำ""นั่นสิเจ้าคะ ท่านแม่ อีกไม่นานท่านพี่ก็ต้องเอาเงินไปจ่ายค่าสมัครเรียนของหานเอ่อแล้ว อย่างน้อยท่านก็ควรให้อาตงมอบเงินให้ท่านสัก หนึ่งร้อยหรือสองร้อยตำลึงทองนะเจ้าคะ"นางเว่ยหมัวหลานปรายตามองบุตรชายคนโตและลูกสะใภ้ ตีโพยตีพาย ที่เห็นนางไม่ขยับเขยื้อนทำอะไรบ้างเลย"พวกเจ้าสงบใจลงบ้างเถอะ ข้าก็บอกพวกเจ้าไปแล้ว ว่าข้ากำลังรอเวลา""ท่านแม่เจ้าขา ท่านรอเวลาอะไรเจ้าคะ ท่านดูสิ ตอนนี้อาตงปีกกล้าขาแข็งขนาดไหน นี่ก็เลยวันที่ท่านกำหนดให้มอบเงินส่วนกลางแล้ว ข้าไม่เห็นเขาจะส่งเงินกลับมาสักอีแปะ""จริงด้วยขอรับ อีกอย่างเรื่องที่เขาซื้อที่ทำโรงงาน ข้าก็ไปสืบมาแล้ว ว่าเป็นเรื่องจริง เห็นว่าพรุ่งนี้ก็จะย้ายคนงานเข้าไปทำงานที่นั่นแล้ว หากปล่อยให้เขาใช้เงินเป็นเบี้ยแบบนี้ต่อไป คงไม่ดีแน่ขอรับท่านแม่""นั่นสิขอรับท่านแม่ ตอนนี้เพื่อนที่อยู่ในเมือง ก็เชิญข้าร่วมทุนทำการค้า ในเมื่อพี่รองทำการค้าได้เป็นกอบเป็นกำเช่นนี้ ก็น่าจะช่วยเหลือเจือจุนให้พวกเราได้ลืมตาอ้าปากบ้าง"คราวนี้เป็นเสี
ผ่านมาหลายวัน ตอนนี้ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางไปไม่น้อย เว่ยเหนียนเหยาขีดฆ่าแผนงานต่างๆ ที่เสร็จเรียบร้อยไปแล้วช่วงนี้เด็กๆ ก็ไม่ได้ออกมาวิ่งเล่นเหมือนแต่ก่อน เพราะอาเส้าบุตรชายคนโตของท่านลุงฟง ตกลงที่จะเข้ามาสอนหนังสือเด็กๆ ให้เด็กทั้งสามเริ่มเรียนช้ากว่าเด็กทั่วไป ดังนั้นจึงต้องเพิ่มเวลาสอนขึ้นเป็นพิเศษ ตัวนางไม่เข้าใจเรื่องการศึกษาของคนยุคนี้เท่าไหร่ แต่โชคดีที่เจ้าของร่างเก่ามีความสามารถอ่านเขียนได้พอสมควร ไม่อย่างนั้นนางคงต้องไปนั่งเรียนพร้อมลูกๆ เป็นแน่หลังจากที่ปรึกษาและตกลงเรื่องค่าจ้างกันเป็นที่เรียบร้อย อาเส้าก็ส่งรายละเอียดของหนังสือและอุปกรณ์ที่ต้องซื้อหามาให้โชคดีที่ช่วงนั้นบ่าวรับใช้ของชุนเหมยนำรถม้าเข้ามาส่งพอดี บ่าวคนดังกล่าวส่งจดหมายให้กับนางอีกหนึ่งฉบับ ในจดหมายนั้นบอกให้เร่งสร้างหุ่นไม้ เพราะตอนนี้พี่สาวของนาง "สร้างกระแสนิยมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว"แถมยังเล่าให้ฟังอีกว่า ตอนนี้ร้านที่เมืองหลวงวุ่นวายมาก แต่ละวันมีคนเดินเข้ามาสอบถามเรื่องหุ่นไม้จำนวนไม่น้อยบางจวนคุณหนูที่ไม่ขาดเงินพวกนั้น ถึงกับจะขอซื้อหุ่นที่ตั้งอยู่ที่หน้าร้านในราคาตัวละห้าสิบตำลึงทองเลยทีเดียว
"ท่านแม่ลี่ เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ"นางลี่สือหลินหันมายิ้ม พลางหยิบงานที่นางปักเสร็จขึ้นมาให้ดู"เจ้าลองดูก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง"เว่ยเหนียนเหยาพิจารณาดูผ้าที่นางลี่หลินสือส่งมาให้ เห็นว่าฝีเข็มคล้ายของนางอยู่เก้าถึงสิบส่วนก็วางใจ ตอนนี้ทั้งซินเซียงและนางลี่สือหลินต่างขึ้นมาเป็นช่างปักเป็นที่เรียบร้อยแล้วส่วนลวดลายของผ้าปักทั้งหมด นางได้ให้สามีนำไปขึ้นทะเบียนที่หอการค้ากลางเป็นที่เรียบร้อยนางลี่สือหลินและซินเซียงขอร้องให้นางและสามี ร่างสัญญาการจ้างงานให้กับพวกนางด้วย เพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย โดยให้กำหนดเพิ่มเข้าไปด้วยว่า จะต้องทำงานกับนางเป็นระยะเวลาสิบปี ห้ามสอนวิธีการปักนี้ให้กับใครตลอดสัญญา หากผิดสัญญาต้องเสียเงินค่าปรับเป็นจำนวนหนึ่งพันตำลึงทอง และรับโทษโบยที่มือห้าสิบไม้นางกับสามีปฏิเสธเพราะเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ได้สำคัญอะไรเลย สำหรับคนทั้งคู่ที่เป็นเหมือนมารดาและน้องสาว นางดูออกว่าทั้งสองคนเป็นคนยังไงแต่นางลี่สือหลินยืนกรานว่ายังไงก็ต้องทำ นอกจากจะเป็นความสบายใจของพวกนางแล้ว ยังถือว่าสัญญาพวกนั้นคือความคุ้มครองที่พวกนางจะได้รับอีกด้วยนางชี้แจงต่อไปว่า หากต่อไปมีคนไม่ประสงค
เช้าวันรุ่งขึ้น เด็กสาวนามว่าอาหง ก็พาครอบครัวของนางเข้ามาหา หญิงสาวจึงเดินไปชี้บริเวณที่ว่างข้างบ้านให้ครอบครัวนั้นดูนางบอกถึงขนาดคร่าวๆ ที่ตัวนางต้องการ บิดาของอาหงนามว่าท่านลุงฟงยังให้คำชี้แนะเรื่องต่างๆ กับนางอย่างใจดี อย่างเช่น เรื่องที่นางบอกว่าจะก่อพื้นยกระดับขึ้นมา เพื่อให้คนงานใช้นั่งทำงานแต่ท่านลุงฟงกับบอกว่า ในเมื่อทำไว้ใช้งานชั่วคราว ให้ใช้เป็นแคร่ไม้จะดีกว่า เพราะสามารถโย้กย้ายไปที่ต่างๆ ได้ตามความต้องการซ้ำยังอาสาให้บุตรชาย ออกไปสั่งซื้อวัสดุที่ต้องเอามาใช้งานแทนสามีที่ไม่อยู่ของนางอีกด้วยอาเส้าลูกชายคนโตของท่านลุงฟง เป็นเด็กหนุ่มหน้าคมคายหล่อเหลา ท่าทางเคร่งขรึมเกินวัย เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดหาวัสดุในการสร้างเพิงให้กับครอบครัวของนางเพียงแค่ครึ่งวัน เพิงก็เป็นรูปเป็นร่างเกิดขึ้นมาเกินสามส่วน นางจึงเรียกทั้งหมดให้หยุดพัก ลงมากินข้าวกินปลาเสียก่อนแต่คนทั้งหมดกลับปฏิเสธบอกว่าจัดเตรียมอาหารมาแล้ว ทั้งหมดรวมทั้งอาหงออกไปนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งนางเห็นแม่ของอาหงนำก้อนอะไรอย่างหนึ่งขึ้นมาหักแจกจ่ายให้คนในครอบครัว จากนั้นก็นำน้ำออกมาวางไว้ตรงกลางสองกระบอกทุกคนกินเจ้าก้
หานตงนำเด็กชายทั้งสามกลับเข้าไปแต่งตัว ก่อนจะสั่งให้นั่งเล่นอยู่ภายในห้องจากนั้นเขาจึงออกมาที่ห้องโถง นำโต๊ะและเก้าอี้เข้าไปเก็บไว้ในห้องของตัวเอง ก่อนจะลงมือถูพื้นที่ห้องโถงจนสะอาด และนำเสื่อมาปูวางไว้ภรรยาของเขาเคยบอกว่า ที่สั่งทำโต๊ะกินข้าวใหญ่ขึ้น เพราะอยากให้ทุกคนกินข้าวพร้อมกัน เช่นนี้ถึงจะเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ในเมื่อยังไม่มีโต๊ะมา ทำแบบนี้ก็ได้เช่นกัน ชายหนุ่มเดินเข้าไปในครัว ช่วยจัดเตรียมถ้วยชามนำออกไปวาง เพื่อช่วยผ่อนแรงภรรยาเว่ยเหนียนเหยาหันมายิ้มกับสามี วันนี้นางทำกับข้าวสามอย่าง น้ำแกงปลาอีกหนึ่งอย่าง แถมท้ายพิเศษด้วยถั่วเขียวต้มน้ำตาลจริงๆเมื่อสักครู่ซินเซียงก็วิ่งแจ้นเข้ามาจะช่วยนางลงครัว แต่ถูกนางให้กลับไปดูแลเรื่องเย็บแบบผ้าต่อเว่ยเหนียนเหยาทำอาหารไป วางแผนงานไปอย่างเพลิดเพลิน จนเมื่อเห็นสามีเดินเข้ามาช่วยจัดเตรียมถ้วยชาม นางจึงแอบตามไปดู พบว่าหานตงนำเสื่อมาปูที่พื้น จัดเป็นที่กินข้าวขนาดใหญ่ไปเสียแล้วหญิงสาวยิ้มอย่างมีความสุขในความเอาใจใส่ของสามี ในชีวิตลูกผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งงานแล้ว นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกนางล้วนฝันหาหรอกหรือนางเดินเข้าไปจัดเตรียมอาหาร เพื่อจะน
หลังจากที่พูดคุยสรุปเรื่องการค้ากันเป็นที่เรียบร้อย ทั้งสี่คนก็ย้ายสถานที่ไปพูดคุยสร้างความสนิทสนมกันต่อที่โต๊ะอาหารในช่วงมื้อกลางวันหญิงสาวทั้งสามต่างรู้สึกสนิทสนมราวกับเป็นพี่น้องที่คลานออกจากมารดาเดียวกันมา โดยเฉพาะคุณหนูใหญ่ที่อยากจะขโมยเว่ยเหนียนเหยากลับไปเมืองหลวงกับนางด้วยซะเหลือเกิน"อาเหยา อาตง คราวหน้าพวกเจ้าต้องพาหลานๆ เข้าไปเยี่ยมข้าที่เมืองหลวงนะ"สองสามีรับคำก่อนจะโค้งคำนับเป็นการอำลา เนื่องจากเสิ่นชิงหรูต้องเร่งเดินทางกลับเมืองหลวงในทันทีส่วนชุนเหมยกับยืนหน้าบึ้งอยู่ด้านข้าง เนื่องจากพี่สาวของนาง กวาดสินค้าที่เว่ยเหนียนเหยาจัดส่งมาครั้งนี้กลับไปเมืองหลวงทั้งหมด ไม่เหลือไว้ให้นางแม้แต่ชิ้นเดียวเมื่อส่งคนจากไปแล้ว ชุนเหมยจึงชวนสองสามีภรรยา โดยเฉพาะหานตงให้ลองไปศึกษาวิธีการดูผ้าด้วยกัน"พี่ชุนเหมยเจ้าคะ แต่นี่ก็บ่ายแล้ว ครั้งนี้ที่ข้ามา ข้าอยากจะหาซื้อรถม้าไว้ใช้งานสักคันเจ้าค่ะ""อาเหยา การเลือกซื้อรถม้า ต้องเป็นคนที่ชำนาญในการดูลักษณะของม้า อีกทั้งยังต้องดูโครงสร้างความสมดุลของส่วนที่เป็นตัวรถเป็นอีกด้วย สิ่งนี้ไม่ใช่ใครก็จะทำเป็น มิสู้เอาแบบนี้เถอะ ในร้านข้ามีบ่าวที่
วันนี้ก่อนยามซื่อเล็กน้อย รถม้าของร้านเชิงอี้ชิงก็วิ่งมาจอดที่หน้าบ้านหญิงสาวกอดปลอบลูกรักทั้งสอง เนื่องจากเด็กทั้งสองอยากจะขอตามมารดาเข้าไปในเมืองด้วยหากแต่หญิงสาวเกรงว่า การเข้าไปพูดคุยการค้าครั้งนี้จะทำให้เด็กๆเบื่อหน่ายซะมากกว่า"เจ้าใหญ่ เจ้ารอง วันนี้ท่านอาของเจ้าจะพาคนมาสร้างคอกม้าเล็กๆที่บ้าน แม่อยากให้พวกเจ้าอยู่ช่วยท่านอาได้หรือไม่""คอกม้าหรือขอรับ""ใช่แล้ว ต่อไปเรื่องการหาหญ้ามาให้ม้าตัวนั้น แม่จะให้เจ้าทั้งสองกับเจ้าอาเหยารับผิดชอบร่วมกัน ต่อไปเจ้าจะเอาแต่เที่ยวเล่นไม่ได้แล้วนะ"เด็กทั้งสามเลิกสนใจที่จะเข้าเมืองทันที รีบเดินกลับไปหากลุ่มหญิงสาวที่นั่งล้อมวงเย็บผ้ากันอยู่ จากนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอยคนที่จะมาสร้างคอกม้าอย่างใจจดจ่อเว่ยเหนียนเหยากับหานตง รีบเร่งขึ้นรถม้า เนื่องจากเห็นว่าใกล้ถึงเวลาที่นัดหมายอีกฝ่ายไว้แล้ว เมื่อเดินทางไปถึง ก็เห็นชุนเหมยมายืนคอยรับอยู่ที่หน้าร้านแล้ว"พวกเจ้ามากันแล้ว""ท่านพี่ชุนเหมย" แม่นางชุนเหมย"สองสามีภรรยาทำความเคารพต่อชุนเหมยอย่างนอบน้อม"เอาละเข้าไปกันเถอะ พี่หญิงใหญ่ของข้ามารออยู่แล้ว"ชุนเหมยพาทั้งสองเดินเข้ามาภายในร้าน และตรง
เมื่อได้รับจดหมายจากชุนเหมย เว่ยเหนียนเหยาจึงตัดสินใจรับหญิงสาวทั้งสี่คนไว้ทั้งหมด โดยนางให้สามีร่างสัญญาการทำงานขึ้นมาสองฉบับ ต่างฝ่ายต่างเก็บไว้คนละฉบับ เพื่อกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายหน้าตกเย็นทางผู้ใหญ่บ้านก็ประกาศให้ลูกบ้านทั้งหมดไปรวมตัวกัน หานตงนำภรรยาและบุตร ร่วมเดินทางไปกับครอบครัวของเซียนย้งผู้ใหญ่บ้านเชิญผู้นำตระกูลทุกตระกูลออกมาเบื้องหน้า ผู้นำตระกูลแต่ละคน นำบันทึกสิ่งที่ต้องซ่อมศาลบรรพชนออกมาชี้แจงให้สมาชิกภายในตระกูลฟังหมู่บ้านแห่งนี้มีตระกูลหลักๆ อาศัยอยู่รวมกัน 4ตระกูล คือตระกูลเว่ย ตระกูลกุ้ย ตระกูลมู่ และตระกูลหวัง อีกทั้งมีตระกูลอื่นที่เป็นเครือญาติของแต่ละฝ่ายเข้ามาขออาศัยอีกจำนวนหนึ่งดังนั้นทางผู้ใหญ่บ้านและผู้นำตระกูลรุ่นก่อน จึงตั้งกฎขึ้น ให้จัดสร้างศาลบรรพชนของทั้งสี่ตระกูลขึ้นเหมือนๆ กัน และทุกสองปีจะมีการเรี่ยไรเงินจากสมาชิกในตระกูลมาซ่อมแซมศาลบรรพชน และเปิดให้ลูกหลานได้กราบไหว้บรรพชนเพื่อขอพรให้คุ้มครองคนหมู่บ้านปีนี้เป็นปีที่ครบกำหนดพอดี ทางผู้ใหญ่บ้านจึงเรียกทุกคนมาฟังรายละเอียด และกำหนดจะมีการเก็บเงินจากทุกครอบครัว ครอบครัวละสามร้อยอีแปะ ในอีกสองเดื