"ท่านแม่ ท่านไม่คิดจะทำอะไรเลยหรือขอรับ ข่าวที่น้องเล็กสืบมา ก็บอกอยู่แล้ว ตอนนี้ครอบครัวของเจ้ารอง ทำการค้าได้เป็นกอบเป็นกำ"
"นั่นสิเจ้าคะ ท่านแม่ อีกไม่นานท่านพี่ก็ต้องเอาเงินไปจ่ายค่าสมัครเรียนของหานเอ่อแล้ว อย่างน้อยท่านก็ควรให้อาตงมอบเงินให้ท่านสัก หนึ่งร้อยหรือสองร้อยตำลึงทองนะเจ้าคะ" นางเว่ยหมัวหลานปรายตามองบุตรชายคนโตและลูกสะใภ้ ตีโพยตีพาย ที่เห็นนางไม่ขยับเขยื้อนทำอะไรบ้างเลย "พวกเจ้าสงบใจลงบ้างเถอะ ข้าก็บอกพวกเจ้าไปแล้ว ว่าข้ากำลังรอเวลา" "ท่านแม่เจ้าขา ท่านรอเวลาอะไรเจ้าคะ ท่านดูสิ ตอนนี้อาตงปีกกล้าขาแข็งขนาดไหน นี่ก็เลยวันที่ท่านกำหนดให้มอบเงินส่วนกลางแล้ว ข้าไม่เห็นเขาจะส่งเงินกลับมาสักอีแปะ" "จริงด้วยขอรับ อีกอย่างเรื่องที่เขาซื้อที่ทำโรงงาน ข้าก็ไปสืบมาแล้ว ว่าเป็นเรื่องจริง เห็นว่าพรุ่งนี้ก็จะย้ายคนงานเข้าไปทำงานที่นั่นแล้ว หากปล่อยให้เขาใช้เงินเป็นเบี้ยแบบนี้ต่อไป คงไม่ดีแน่ขอรับท่านแม่" "นั่นสิขอรับท่านแม่ ตอนนี้เพื่อนที่อยู่ในเมือง ก็เชิญข้าร่วมทุนทำการค้า ในเมื่อพี่รองทำการค้าได้เป็นกอบเป็นกำเช่นนี้ ก็น่าจะช่วยเหลือเจือจุนให้พวกเราได้ลืมตาอ้าปากบ้าง" คราวนี้เป็นเสียงบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนที่เพิ่งเดินเข้ามา เป็นคนเอ่ยปาก ผลการทดสอบ การสอบระดับอำเภอออกมาแล้ว ปรากฏว่าลูกชายคนเล็กของนางสอบไม่ผ่าน หลายวันที่ผ่านมา นางเห็นเขาหมกตัวอยู่ในห้อง นางก็ยิ่งเจ็บปวดใจ "อาหมิง เจ้าก็อยากทำการค้าเช่นกันหรือ" หานหมิงพยักหน้ารับ ตัวเขาร่ำเรียนมามากกว่าพี่น้อง เพื่อนฝูงในเมืองล้วนมากมาย หากเขาเปลี่ยนมาทำการค้า แน่นอนว่าต้องทำได้ดีกว่าผู้ที่เป็นพี่ชายเป็นแน่ "เอาเถอะ เมื่อพวกเจ้าเห็นพ้องกันเช่นนี้ ตอนแรกแม่กะว่าจะรอจนกิจการของอาตงมั่นคงกว่านี้ ค่อยจัดการ แต่ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะไปพบท่านผู้นำตระกูล" นางเว่ยหมัวหลานพาสามีไปถอนบันทึกคำร้องที่ให้หานตงแยกครอบครัว ตามสิทธิ์ของผู้เป็นบิดามารดา หลังจากกลับมาก็ให้บุตรชายคนโต ไปแจ้งแก่บุตรคนรองว่า บิดาของเขาเรียกพบ นางสั่งให้หลานชายที่ตอนนี้ครอบครองห้องของหานตง เก็บข้าวของย้ายออกไปอยู่ที่ห้องบิดามารดาของพวกเขาก่อน "ท่านย่าข้าไม่ยอม ข้าไม่ย้ายขอรับ ห้องของท่านพ่อท่านแม่แคบจะตาย ข้าจะอยู่ห้องเดิม" "เด็กโง่ ย่าก็แค่ให้เจ้าย้ายไปชั่วคราว รอให้ท่านอาของเจ้าย้ายเข้ามา ข้าจะให้เขาต่อเติมห้องให้เจ้าใหม่ เอาให้ใหญ่ ให้สวยกว่าเดิมเสียอีก" "งั้นท่านย่า ต้องบอกให้ท่านอา เอารถม้ามาให้ข้าใช้ตอนไปเรียนในเมืองด้วยนะขอรับ" เด็กน้อยแอบได้ยินบิดาบอกว่า บ้านของท่านอารองมีรถม้าคันใหญ่ เขาแอบอิจฉาลูกพี่ลูกน้องทั้งสองคนยิ่งนัก ก็แค่เด็กที่แม่ไม่รัก มีสิทธิ์อะไรที่จะมาใช้ของเกินหน้าเกินตาเขา "แน่นอนหลานรักของย่า ขอเพียงตอนนี้เจ้าเป็นเด็กดีย้ายไปอยู่กับบิดามารดาเจ้าชั่วคราว รอให้ครอบครัวของท่านอารองของเจ้าย้ายเข้ามา เจ้าต้องการสิ่งใด ย่าคนนี้จะจัดการให้เจ้าเอง" เด็กน้อยยิ้มแย้มรับคำ ครอบครัวนางเว่ยหมัวหลาน ต่างคนต่างนึกถึงผลประโยชน์ที่ตนจะได้รับจากครอบครัวของหานตง ต่างรอคอยเวลาที่ครอบครัวนั้นจะเข้ามาหาบิดา ดุจพยัคฆ์เฝ้ารอตะครุบเหยื่อ "ท่านพี่ พี่ชายของท่านมาทำไมเจ้าคะ" เว่ยเหนียนเหยาถามขึ้น เนื่องจากในตอนที่พี่ชายคนโตของสามีมา นางกำลังพาพวกเด็กสาวเข้าไปช่วยกันทำความสะอาดโรงงาน และจัดเตรียมสถานที่ ไว้ใช้ทำงานในวันพรุ่งนี้ มีเพียงเซียนย้งและซินเซียงที่ยังอยู่ที่บ้าน ตรวจดูสิ่งอื่นๆ ที่ยังไม่ได้โย้กย้ายไป เรื่องนี้เป็นซินเซียงที่เข้ามากระซิบบอกนาง ยามที่กลับมาถึงที่บ้าน "สายข่าวของภรรยาช่างทำงานรวดเร็วดีแท้" หานตงกล่าวหยอกเอินผู้เป็นภรรยา เว่ยเหนียนเหยาส่งค้อนให้สามีแต่พองาม แม้หานตงจะกล่าวเย้าหยอก แต่นางก็สังเกตเห็นร่องรอยความกังวลในดวงตาของสามีนางได้ หานตงถอนหายใจ เมื่อมองเห็นแววตาคาดคั้นของผู้เป็นภรรยา "เมื่อครู่ก่อนที่พี่ใหญ่จะมา ทางท่านผู้นำให้คนมาบอกว่า ท่านพ่อกับท่านแม่ ไปแจ้งยกเลิกบันทึกการแยกครอบครัวของพี่แล้ว" "ถ้าอย่างนั้น ข้าขอเดาว่า บ้านของท่านแม่ต้องการให้ท่านเข้าไปพบใช่หรือไม่เจ้าคะ" หานตรงพยักหน้า สิ่งที่เขากังวลกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว "ท่านพี่ใช่ว่าข้าจะเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น แต่ข้าอยากให้ท่านคิดถึงอดีตที่ผ่านมา อยากให้ท่านเห็นแก่บุตรชายทั้งสองของเราบ้างนะเจ้าคะ" เว่ยเหนียนเหยารู้ดีว่าหานตงเป็นคนกตัญญู เขาย่อมไม่อยากทำให้บิดามารดาขัดเคืองใจ หากทางบ้านนั้นในอดีตดีต่อสามีและบุตรชายของนางบ้างสักนิด วันนี้นางคงไม่ทำเช่นนี้ คิดถึงวันที่นางเพิ่งฟื้นขึ้นมาในโลกนี้ ภาพบุตรชายที่ผอมโซ แววตาแห้งแล้ง กับวันที่สามียืนนิ่งอยู่ข้างหน้านาง หน้าซีดเผือด ดวงตาแดงก่ำ สำหรับนาง คำว่าครอบครัว หาใช่เพียงเพราะมีสายเลือดเดียวกัน แต่คำว่า ครอบครัวสำหรับนาง คือคนที่ต้องร่วมทั้งทุกข์ และสุขไปด้วยกันต่างหาก "พี่เข้าใจในสิ่งที่เจ้าพูด แต่ถ้าหากท่านแม่แค่เรียกร้องให้พี่จ่ายเงินเข้ากองกลาง พี่ก็อยากขอร้องเจ้าเรื่องนี้ได้หรือไม่" เว่ยเหนียนเหยารู้ดีว่า คนที่เห็นแก่ตัวและชอบเอาเปรียบคนอื่นอย่างนางเว่ยหมัวหลาน ไม่มีทางต้องการแค่นั้นแน่ ไม่เช่นนั้นนางคงไม่เรียกร้องเก็บเงินที่สามีได้ทั้งหมดไปหรอก "หากท่านแม่ต้องการเพียงเท่านั้นข้าก็ยินดีเจ้าค่ะ แต่ถ้าหากนางเรียกร้องมากกว่านั้น ท่านต้องให้ข้าเป็นผู้ตัดสินใจนะเจ้าคะ" "มันต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้วอาเหยา" "แล้วนางให้ท่านเข้าไปหายามใดเจ้าคะ" "เป็นช่วงยามโหย่ว" "ถ้าอย่างนั้นวันนี้ก็กินข้าวกินปลากันเร็วหน่อย จากนั้นข้าจะไหว้วานให้ครอบครัวของอาย้งอยู่เป็นเพื่อนบุตรชายเราที่บ้านก่อน" หญิงสาวแปลกใจว่าเหตุใดครอบครัวแม่สามีถึงเรียกเข้าไปในเวลานั้น ปรกติยามโหย่ว จะเป็นช่วงเวลากินข้าวเย็นของหลายๆ ครอบครัว รวมถึงครอบครัวของแม่สามีนางด้วย คนพวกนั้นคงจะไม่คิดเลี้ยงข้าวนางกับสามีหรอกกระมัง หลังจากจัดการกับเรื่องในบ้านเรียบร้อยแล้ว ยามโหย่วสองสามีภรรยาก็ก้าวเท้า ออกจากบ้านไปยังบ้านพ่อแม่สามี ตอนที่มาถึงทุกคนในครอบครัว กำลังล้อมวงกันนั่งกินข้าว นางเว่ยหมัวหลานทำเป็นตกใจ เมื่อเห็นนางกับสามี บอกว่าไม่คิดว่าพวกนางจะมาในเวลานี้ นางบอกให้ลูกสะใภ้คนโต ไปนำถ้วยชามมาเพิ่ม พร้อมทั้งกล่าวชวนพวกนางให้กินข้าวด้วยกัน คนทั้งหมดหกชีวิต มีเพียงผัดผักจืดชืดวางอยู่สองจาน ในชามข้าวปรากฏเป็นข้าวต้มน้ำใสแจ๋วที่มีเพียงข้าวอยู่ไม่กี่เม็ด เว่ยเหนียนเหยาถอนหายใจ อยากจะยกมือขึ้นจับดูบนหัวตัวเองซะจริงๆ นี่ข้าเป็นคนหรือเป็นควายกันนะ คนพวกนี้ถึงได้จัดฉากแผนการตื้นๆ พวกนี้ให้นางดู นางเว่ยหมัวหลานเห็นลูกสะใภ้ถอนใจ ก็คิดว่าอีกฝ่ายตกหลุมพรางที่นางวางไว้ อย่างน้อยลูกสะใภ้คนนี้ก็เคยหลงรักบุตรชายคนเล็กของนางอย่างโง่หัวไม่ขึ้น ตอนนี้นางอาจจะเห็นใจอดีตคนรักที่ต้องมีความเป็นอยู่อย่างยากลำบากก็ได้ "ข้าแก่แล้ว กินแค่นี้ก็พอ สะใภ้ใหญ่ส่วนของข้าก็เอาให้หานเอ่อกินเถอะนะ เขายังเด็กอยู่จะให้ทนหิวเหมือนเราผู้ใหญ่ได้ยังไง" นางเว่ยหมัวหลาน วางตะเกียบลง หึ ของพวกนี้ใครจะไปกินลงกัน กว่านางจะบังคับหลานรักให้ร่วมเล่นละครฉากนี้ได้ ต้องเกลี้ยกล่อมอยู่นานเลยทีเดียว "พวกเจ้าก็ตามข้าเข้าไปพบบิดาที่ด้านในเถอะ" สามีของนางเป็นตายยังไงก็ไม่ยอมเข้าร่วมการจัดฉากในครั้งนี้ นางจึงขู่เขาว่า ถ้าเขาขัดขวางเรื่องนี้ นางกับบุตรชาย รวมไปถึงหลานชาย จะฆ่าตัวตายต่อหน้าเขา ให้เขาหมดสิ้นวงศ์ตระกูล แม้กลายเป็นผีก็ไม่อาจสู้หน้าบิดามารดาในปรภพได้อีก ส่วนเรื่องการเกลี้ยกล่อมหานตง นางจะเป็นคนพูดเองทั้งหมด ขอแค่สามีของนางไม่สอดไม้สอดมือเข้ามาก็พอ หานตงพาภรรยาเข้าไปในห้อง เห็นบิดานั่งนิ่งอยู่บนเตียงไม่ยอมพูดจา "ท่านพ่อ" "ท่านพ่อสามี" หานตงเห็นว่าบิดาทำท่าถอนหายใจไม่ยอมกล่าวอะไร จึงหันมามองนางเว่ยหมัวหลาน ฝ่ายนางเว่ยหมัวหลานเห็นสามีทำท่าทางแบบนั้นในใจก็นึกโกรธเคือง ที่นางทำไปทั้งหมดก็เพื่อครอบครัวทั้งนั้น ตาแก่คนนี้ช่างดื้อด้านนัก จะรักลูกคนอื่นมากกว่าลูกของตนหรือยังไง นางรีบเข้าไปนั่งข้างๆ สามี จับมือของสามีขึ้นมาเหมือนเป็นการปลอบโยน หึ ได้ งั้นเรื่องทั้งหมดข้าจะจัดการเองก็แล้วกัน "อาตงลูกแม่ ตั้งแต่เจ้าแยกครอบครัวออกไป ท่านพ่อก็ต้องโหมงานหนักอยู่คนเดียว ร่างกายจึงทรุดโทรมลงไม่น้อย ส่วนพี่ใหญ่ของเจ้าปีนี้ฟ้าฝนก็ไม่อำนวยเสียอีก เฮ้อ ตอนนี้ครอบครัวของเราลำบากอย่างยิ่งลูกรัก" นั่นไงเริ่มแล้วมหกรรมความลำบาก เว่ยเหนียนเหยาอยากจะเบ๊ปากแล้วมองบนซะจริงๆ " อาตงแม่รู้แล้วว่าทำผิดต่อครอบครัวเจ้า เจ้าก็กลับมาอยู่เป็นครอบครัวเดียวกันเหมือนเมื่อก่อนเถอะนะ ห้องหับของเจ้า แม่ก็จัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว" "เหตุใดสุขภาพของท่านพ่อถึงได้ทรุดโทรมได้รวดเร็วเช่นนี้เล่า เมื่อวันก่อนข้ายังได้ยินชาวบ้าน กล่าวชมเชยที่ท่านพ่อไปช่วยซ่อมแซมศาลบรรพชนอยู่เลย เห็นผู้คนกล่าวว่า ท่านพ่อแบกกระเบื้องทีละห้าหกแผ่น แข็งแรงกว่าหนุ่มฉกรรจ์ในหมู่บ้านบางคนเสียอีก" นางเว่ยหมัวหลานกัดฟันกรอด เอ่ยแก้ตัว "นั่นเป็นเพราะ ท่านพ่อของเจ้ามีใจกตัญญูต่อบรรพชนต่างหาก แม้จะเจ็บป่วยก็สู้ทน" "ท่านแม่สามีพูดแบบนี้ เหมือนจะบอกว่า ท่านพี่สามีกับน้องสามี ไม่มีใจกตัญญูนะเจ้าคะ" นางเว่ยหมัวหลานกัดฟันแน่นเข้าไปอีก ก่อนจะตวาดออกมาอย่างทนไม่ไหว "นั่นไม่ใช่กงการอะไรของเจ้า ที่ข้าเรียกพวกเจ้ามาวันนี้ ก็เพื่อบอกให้รู้เรื่องที่ให้กลับมาอยู่ที่บ้านใหญ่เท่านั้น" นางเว่ยหมัวหลานพูดออกมาอย่างเอาแต่ใจ "ต้องขออภัยด้วยเจ้าค่ะท่านแม่สามี ตัวข้าและสามีเคยชินกับการช่วยเหลือตัวเองเพียงลำพังมาหลายปี ตอนนี้คงไม่สะดวกที่จะเอาใครมาเป็นภาระ เอ๊ย มาเป็นภาระของใครเจ้าค่ะ" หญิงสาวเอ่ยอย่างจิกกัดแม่สามีเล็กน้อยพอหอมปากหอมคอ "เรื่องนี้ต้องให้อาตงเป็นคนตัดสินใจ เจ้าเป็นแค่ภรรยาไม่มีสิทธิ์ออกความคิดเห็น อาตงลูกรัก เจ้าไม่คิดถึงแม่บ้างเลยหรือ ที่ผ่านมาแม่คิดถึงเจ้ามากนัก" นางเว่ยหลัวหลาน ดึงจุดอ่อนหานตงขึ้นมาใช้งานอีกครั้ง แต่ครั้งนี้นางกลับเดินหมากผิดไป คำพูดของนางกลับทำให้เขานึกถึงวันที่เขาโดนปฏิเสธในวันนั้น นางรักเขาจริงหรือ หากรักทำไมถึงทำกับเขาแบบนั้น ในวันที่ครอบครัวของเขากำลังจะอดตาย ทำไมนางถึงไม่เคยใส่ใจเลยสักนิด "ท่านแม่ ข้าเกรงว่าคงไม่สะดวกเท่าไหร่ ตอนนี้ข้ากับภรรยาเพิ่งเปิดการค้าเล็กๆ เวลาเข้าบ้านออกบ้านล้วนไม่เป็นเวลา เกรงว่าจะรบกวนเวลาพักผ่อนของพวกท่าน" "ไม่รบกวน ไม่รบกวน อีกอย่างเมื่อเจ้ากลับมา การค้าชิ้นนั้นก็เป็นเสมือนการค้าของครอบครัว พี่ชายน้องชายเจ้าต่างต้องช่วยเจ้าดูแลอยู่แล้ว" นั่นไง หางโผล่ออกมาแล้ว หญิงสาวแอบเหล่ตามองหน้าสามีเล็กน้อย เห็นสามีหน้ามืดครึ้ม มือกำแน่น ก็รู้แล้วว่า สามีคงเข้าใจทุกอย่างแล้ว งั้นนางลงมือจัดการเองดีกว่า "ท่านแม่สามี การค้าชิ้นนี้ลงนามสัญญาในชื่อของข้า และข้าไม่เคยมีความคิดจะกลับมาอยู่ที่นี่ ในเมื่อท่านพ่อไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว ข้ากับสามีคงต้องขอตัว อ้อ ข้าว่าท่านควรหาหมอมาตรวจหลานชายสักหน่อยก็ดี เห็นเขากินข้าวต้มกับผัก แต่ตัวกับอ้วนกลมยิ่งนัก เกรงว่าเขาอาจจะมีโรคร้ายแอบแฝงนะเจ้าคะ" คราวนี้นางเว่ยหมัวหลานถึงกับโกรธจนเก็บอาการไม่อยู่ ที่โดนลูกสะใภ้ฉีกหน้า ถึงกับลุกขึ้นยืนชี้หน้าเว่ยเหนียนเหยามือไม้สั่น " เจ้า! เจ้า! เจ้า!" ฝ่ายชายชราหน้าแดงก่ำด้วยฝ่ายอับอาย รีบโบกมือไล่ให้บุตรชายพาลูกสะใภ้ออกไป เมื่อครอบครัวหานตงจากไปแล้ว นางเว่ยหมัวหลานใช้เวลาต่อว่าสามีอยู่หลายคำ ก่อนจะเดินออกมาจากห้อง เมื่อออกมาถึงห้องโถงก็ถูกเหล่าบรรดาลูกชายและลูกสะใภ้รุมเข้ามาสอบถาม เมื่อรู้ว่าทางครอบครัวหานตงปฏิเสธที่จะกลับมา ก็ก่นด่าอีกฝ่ายเสียใหญ่ โดยไม่ได้สำนึกถึงสิ่งที่ตัวเองเคยทำในอดีต "พวกเจ้าเลิกพูดกันได้แล้ว ในเมื่อข้าพูดดีๆแล้วมันไม่ชอบ ก็อย่ามาหาว่าข้าคนนี้แล้งน้ำใจก็แล้วกัน" ตัวร้ายออกโรงแล้วววว ช่วยพ่อด้วย"พี่หานตง พี่หานตง ท่านผู้นำบอกให้ท่านกับพี่สะใภ้รีบไปที่ห้องแจ้งข่าวขอรับ ตอนนี้ท่านแม่ของท่านไปฟ้องร้องท่านข้อหา อกตัญญูต่อบิดามารดาขอรับ"หานตงหน้าซีดเผือด ไม่เคยมีบิดามารดาคนไหน ฟ้องร้องบุตรด้วยข้อหานี้มาก่อน เนื่องจากหากสืบสวนแล้วพบว่าบุตรผิดจริงบุตรคนนั้นจะต้องได้รับโทษตามกฎของหมู่บ้านและของทางการอีกด้วยตามกฎของหมู่บ้าน บุตรที่ได้รับโทษจะถูกโทษโบยห้าสิบไม้ หลังจากนั้นก็จะถูกนำชื่อออกจากตระกูลทั้งครอบครัว และขับไล่ออกจากหมู่บ้านส่วนผู้ใหญ่บ้านก็จะนำตัวไปส่งที่ศาลอาญากลางเมือง พร้อมข้อมูลความผิด คนผู้นั้นจะถูกตัดสินจองจำหนึ่งปี โทษโบยอีกห้าสิบไม้ ส่วนทรัพย์สินที่เป็นที่ดิน หรือกิจการที่เป็นชื่อตระกูล จะถูกโอนย้ายเข้าเป็นกองกลางของบ้านนั้นๆจะมีเพียงเงินทอง ของมีค่า หรือสิ่งที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า เป็นสิทธิ์ของตระกูล ที่คู่สามีหรือภรรยา สามารถนำติดตัวออกไปจากหมู่บ้านได้เท่านั้นหานตงแขนขาอ่อนแรง ทรุดนั่งลงกับพื้นตาแดงก่ำ จนแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เขารู้ว่ามารดาไม่ค่อยจะรักเขานัก แต่ไม่เคยคิดเลยว่า มารดาจะกล้าทำถึงเพียงนี้เว่ยเหนียนเหยาก่นด่าแม่สามีภายในใจ ผู้หญิงคนนั้นยังเป
"หลังจากที่กลับมาจากบ้านท่านในวันนั้น สามีของข้าเห็นว่าครอบครัวกำลังจะอดตาย เกรงว่าผู้คนจะก่นด่า ท่านแม่สามีว่า เป็นหญิงชั่วช้า ใจดำอำมหิต จึงกระเสือกกระสนนำกระดาษแผ่นนี้ไปที่ศาลากลาง เพื่อตัดขาดครอบครัวออกจากบ้านใหญ่ ไม่ให้ผู้คนก่นด่าท่านได้"เชอะ! เรื่องกลับขาวเป็นดำ เอาความดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น นางก็ทำเป็นนางเว่ยหลัวหลานถลึงตาใส่ลูกสะใภ้คนกลาง มือไม้สั่นระริก เมื่อถูกหลอกด่าเว่ยหานหมิงเห็นว่าตอนนี้ครอบครัวของตนเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แผนการที่เขากับมารดาวางไว้ถือว่าไร้ที่ติ คาดไม่ถึงว่าเป็นเพราะเขาประมาทพี่รองจนเกินไป ทำให้อีกฝ่ายพลิกกลับมาชนะได้หานหมิงพิจารณาทุกอย่าง อย่างรอบคอบอีกครั้ง ไม่เพียงแต่พี่ชายของเขาที่เปลี่ยนไป แต่คนที่เปลี่ยนไปมากที่สุดคือ พี่สะใภ้หรือ คนรักเก่าของเขานั่นเองหานหมิงนึกทบทวนถึงสายตาของนางที่มองมายังเขา ความรัก ความห่วงหา อาลัยอาวรณ์ ที่เคยมี บัดนี้กับถูกแทนที่ด้วยความเย็นชา และเหินห่างหากเขารู้ว่า นางมากความสามารถเช่นนี้ เขาคงจะเกลี้ยกล่อมมารดาให้ได้แต่งงานกับนาง แทนที่จะปล่อยให้พี่รองแย่งวาสนาเขาไปเช่นนี้ในเมื่อตอนนี้ การใช้ไม้แข็งไปก็รังแต่จะแตกหั
เช้าวันนี้เว่ยเหนียนเหยารู้สึกตัวตื่นขึ้น เมื่อรู้สึกว่าคนที่นอนอีกด้านขยับกาย"เหตุใดถึงรีบตื่นละเจ้าคะท่านพี่ ฟ้ายังไม่ทันแจ้งเลย เมื่อวานท่านก็ทำงานมาทั้งวัน วันนี้ตื่นสายเสียหน่อยก็ได้เจ้าค่ะ""ตอนแรกพี่ว่าจะลงไปอาบน้ำที่ลำธารเสียหน่อย แต่ตอนนี้ไหนๆเจ้าก็ตื่นแล้ว พี่ว่า พี่พาเจ้าลงไปอาบน้ำด้วยดีกว่า เมื่อคืนเจ้าก็ผิดสัญญากับพี่แล้ว ตอนนี้ถือว่าให้รางวัลปลอบใจพี่นิดๆหน่อยก็แล้วกัน""เรื่องเมื่อคืนหาใช่ความผิดของข้าเสียหน่อย เอาเถอะไปก็ได้เจ้าค่ะ แต่ข้าไปอาบเป้ปเดียวนะเจ้าคะ เช้าๆแบบนี้ข้าว่า อากาศเย็นอยู่ไม่น้อย"หานตงจัดเตรียมสบู่ ก่อนจะจุดตะเกียงเดินนำภรรยาลงไปจากบ้านทางเดินไปลำธารถูกปรับให้เรียบ มีไม้ปักแขวนตะเกียงอยู่เป็นระยะ หานตงนำตะเกียงแขวนไว้ตรงไม้ที่ปักอยู่ริมน้ำบริเวณนี้หญิงสาวให้ช่างปรับไว้เป็นที่อาบน้ำบริเวณริมธาร สำหรับเด็กๆที่มักจะชอบมาว่ายน้ำเล่นหานตงถอดเสื้อผ้าออกเหลือแต่กางเกงข้างในติดกาย ก่อนจะช่วยภรรยา ถอดชุดด้านนอกออกบ้างชายหนุ่มตระกองกอดร่างงามให้เดินลงไปในน้ำลึกประมาณระดับอก"น้ำเย็นเหมือนกับที่เจ้าบอกจริงๆ มาเถอะพี่จะช่วยขัดถูตัวให้ เลือดลมจะได้เดินดี คล
รถม้าวิ่งผ่านกำแพงเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน ร่างของนางลี่สือหลินที่เดินกระวนกระวายอยู่ พุ่งเข้ามาหาหานตงทันที"เกิดเรื่องใหญ่แล้ว อาตง"เสียงโวยวาย ทำให้หญิงสาวในรถม้า เปิดผ้าออกมาทันที"เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะท่านแม่ลี่ เหตุใดท่านถึงดูร้อนใจถึงเพียงนี้"สีหน้าท่าทางของนางลี่สือหลินไม่ดีเลย ทำให้นางรู้สึกตกใจไปด้วย"ที่บ้านอาหงเกิดเรื่อง วันนี้ลุงฟงเห็นว่าหลังคาบ้านที่พักอยู่เกิดรอยรั่ว เลยปีนขึ้นไปซ่อม ไม่รู้ว่าพลาดพลั้งยังไง ตกลงมา อาหงวิ่งมาตามอาเส้าที่นี่ เห็นว่าหมอจางรักษาไม่ได้ ต้องส่งเข้าไปรักษาที่ตัวเมือง ทางผู้ใหญ่ให้เกวียนของหมู่บ้านไปส่งสักพักแล้ว""แล้วเขาเอาไปรักษาที่ไหน ท่านแม่ลี่รู้รึไม่เจ้าคะ""ได้ยินมาว่า เป็นร้านยามู่ถาน""ท่านพี่ ท่านขับรถไหวหรือไหม ข้าอยากไปดูพวกเขาสักหน่อย""ข้าไหว งั้นเดี๋ยวข้ากับอาย้งจะรีบขนของลงจากรถม้าก่อน""ถ้าอย่างนั้นข้าขอขึ้นไปเตรียมของสักครู่"เว่ยเหนียนเหยาเดินขึ้นมาหยิบเงินติดไปมากหน่อย ตามที่ได้ยินอาการลุงฟงน่าจะหนักไม่น้อย จากรายได้ของคนทั้งสามที่ทำกับนางมา ถ้าจะใช้จ่ายอย่างประหยัด ก็น่าจะมีเงินเก็บอยู่บ้างแต่ร้านยาในตัวเมืองเห็นว่าค่ารักษาแพง
เพล้ง! เพล้ง! เสียงสิ่งของแตกหักดังออกมาจากในห้อง ทำให้ผู้เฒ่าเว่ยจื้อจงรีบเดินเข้ามาในห้อง"ยายเฒ่า เจ้าจะบ้าไปแล้วหรือ ทำไมถึงต้องขว้างปา ข้าวของเช่นนี้""ใช่ ข้ามันบ้าไปแล้ว ท่านพี่ ท่านดู บุตรชายสุดที่รักของท่านทำเข้า"ชายชรามองหน้าบุตรชายคนโต กับคนเล็กที่อยู่ในห้อง ก่อนถอนหายใจ"อาเวิ่น อาหมิง เจ้าเอาเรื่องอะไรมากวนใจแม่ของเจ้าอีก เหอะ""ท่านอย่ามาตวาดบุตรชายของข้านะ ท่านไปตวาดบุตรชายของท่านโน่น ตั้งแต่มีเงินก็ปีกกล้าขาแข็ง ไม่เห็นหัวพ่อแม่ ที่กับครอบครัวคนอื่น กับสอดไม้สอดมือช่วยเหลือวุ่นวายไปหมด"ชายชราถอนใจ ที่แท้ก็เป็นเรื่องครอบครัวตระกูลจงนี่เอง"ยายเฒ่าเอ๊ย ตาเฒ่าฟงประสบเคราะห์ร้าย ภรรยาและบุตรของเขาก็ทำงานอยู่กับอาตง อาตงคงเห็นแก่คนพวกนั้นจึงได้ช่วยเหลือก็ได้ เจ้าก็อย่าคิดมากเลย""ข้าคิดมากอะไร ตั้งแต่เรื่องค่าเช่าที่ดินแล้ว ที่พวกมันตั้งใจหลอกลวงข้า หากข้ารู้ว่า พวกมันเตรียมย้ายบ้าน ข้าจะไม่เรียกเงินแค่นั้นหรอก พูดแล้ว ก็เจ็บใจจริงๆ"นางเว่ยหมัวหลานแทบกระอักเลือดออกมา เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากที่กลับมาจากห้องแจ้งข่าว นางกับคนในบ้านก็อับอายจนไม่อยากออกไปไหนจ
"ท่านหมอเจ้าคะ ข้านำต้นโสมมาส่งเจ้าค่ะ"เว่ยเหนียนเหยายื่นกล่องโสม วางลงบนโต๊ะที่ท่านหมอนั่งอยู่"เจ้าไปเสียนาน ข้าคิดว่า เจ้าจะหามาไม่ได้เสียแล้ว"หมอชรานำกล่องโสมมาเปิดดู พอฝากล่องเปิดขึ้น ชายชราถึงกับมือไม้สั่นรีบประคับประคองกล่องโสมวางลงบนโต๊ะ"โสมต้นนี้สมบูรณ์มากนัก ข้าคิดว่ามันน่ามีอายุหลายสิบปีเลยทีเดียว ราคาของโสมต้นนี้น่าจะอยู่ที่เจ็ดร้อยถึงแปดร้อยตำลึงทอง ข้าคิดว่าเจ้าจะหาซื้อโสมต้นเล็กๆ มาเสียอีก""เดิมทีข้าก็คิดเช่นนั้น แต่สหายของข้าบอกว่ามีคนให้โสมต้นนี้กับเขามา แต่เขาไม่ได้ใช้ เลยให้ข้ามาอีกทีเจ้าค่ะ"" สหายดี! สหายดี! เจ้ามีสหายที่ดีเช่นนี้ ถือว่ามีบุญยิ่งนัก อะ เอาคืนไป ข้าใช้แค่รากโสมพวกนี้ก็พอแล้ว"หมอชราใช้กรรไกรตัดส่วนของรากที่ตนต้องการออกไว้ จากนั้นก็นำโสมใส่ลงไปในกล่อง และส่งให้เว่ยเหนียนเหยาคืน"มันจะพอหรือเจ้าคะ มิสู้ท่านเอาไว้ให้มากหน่อยดีกว่า"เว่ยเหนียนเหยาที่เห็นว่า ท่านหมอตัดแค่รากโสมไว้ก็เกรงว่าตัวยาจะไม่พอ คะยั้นคะยอให้ท่านหมอตัดเพิ่มไว้อีก"พอแล้ว พอแล้ว โสมนี้เจ้าก็เก็บไว้ให้ดี แล้วอย่าเที่ยวไปบอกใครละ เดี๋ยวจะเป็นภัยกับตัวเอง พรุ่งนี้ข้าจะเริ่มรักษาใน
"พี่สะใภ้ เมื่อกี้ตอนข้าเข้าไปในหมู่บ้านเห็นคนพูดถึงเรื่องมันฝรั่งกันใหญ่เลย""ผู้ใหญ่บ้านแจกของออกไปแล้วหรือ""น่าจะแจกไปเกือบหมดแล้วนะขอรับ ข้าได้ยินบางคนบอกว่าที่บ้านเขากินจนหมดไปแล้ว จะไปหาผู้ใหญ่เพื่อขอเพิ่มอีกด้วยขอรับ""เช่นนั้นก็ดีแล้ว อย่างน้อยพวกบรรดาเหล่าผู้นำตระกูล คงไม่มาวุ่นวายกับพี่เจ้าไปพักใหญ่""ใครจะมาวุ่นวายกับพี่หรือ"หานตงเดินเข้ามาในบ้าน ด้านหลังมีอาเสิ้นเดินตามมาห่างๆ"ท่านไปทำอะไรกันมาเจ้าคะ เนื้อตัวดูมอมแมมเชียว""พี่กับอาเสิ้นช่วยกันทำความสะอาดคอกม้า กับพามันไปอาบน้ำมานะ ว่าแต่เจ้ายังไม่ตอบพี่เลยว่าใครจะมาวุ่นวายกับพี่""ข้าหมายถึงเล่าบรรดาท่านผู้นำตระกูลกับผู้ใหญ่บ้านนะเจ้าคะ เห็นอาย้งบอกว่า คนพวกนั้นนำมันฝรั่งออกมาแจกให้ชาวบ้านจนหมดแล้ว""คนเยอะแหล่งอาหารน้อย แถมปีนี้พืชผลก็ให้ผลผลิตออกมาน้อย พี่ว่าหากไม่มีอาชีพอื่นมาเสริม อีกไม่นานทุกอย่างจะเลวร้ายกว่านี้"เว่ยเหนียนเหยาถอนหายใจ นางอยากช่วยทุกคน เพราะนางรู้ดีกว่าความอดยากหิวโหยทรมานมากเพียงไหน นางนึกไปถึงตอนที่นางเป็นเด็กในชาติที่แล้ว หลายครั้งที่นางทนหิวไม่ไหว เคยเดินเข้าไปขอเศษอาหารในร้านอาหารมากินเพื่อป
หญิงสาวเล่าเรื่องที่เว่ยหานหมิงเข้าหานาง ทุกคำพูด ทุกการกระทำ นางล้วนเล่าออกมาทั้งหมด นางไม่ใช่นางเอก ที่จะยอมปิดบังเรื่องต่างๆ เพื่อความสบายใจของพระเอก จนบางครั้งก็เกิดเรื่องราวใหญ่โตสำหรับนางการพูดคุยกันทุกเรื่องจะช่วยให้ชีวิตคู่ของพวกนางมั่นคงขึ้นอีกก้าว"เจ้าบอกว่าน้องเล็กเรียกเจ้าว่า อาเหยา หรือ""เจ้าค่ะ""แถมยังทำท่าอาลัยอาวรณ์เจ้าอีก""เจ้าค่ะ""ถ้าอย่างนั้นต่อไป เจ้าก็ไม่ต้องตามพี่ไปที่บ้านนั้นอีก และต่อไปพี่จะไม่เรียกเจ้าว่า อาเหยา แล้ว"อ้าว นี่นางทำให้สามีทำไหน้ำส้มหกนองหรือไร หญิงสาวเอนกายซบอกแกร่งสามีอย่างออดอ้อน"ถ้าเช่นนั้น ท่านจะเรียกข้าว่าอะไรดีเจ้าคะ""เหยาเอ๋อ พี่จะเรียกเจ้าว่า เหยาเอ๋อ ต่อไปเจ้าจะเป็นเหยาเอ๋อของพี่เพียงคนเดียว เจ้ายังจำสัญญาได้หรือไม่ ครั้งนี้เจ้าต้องมีลูกสาวอวบอ้วนให้พี่สักหลายๆ คนนะ เหยาเอ๋อ"ชายหนุ่มจับคางภรรยาขึ้นรับจุมพิตอ่อนโยนที่เขามอบให้ เขารู้ว่า นางไม่ใช่อาเหยาในอดีตที่มีใจรักต่อเว่ยหานหมิงผู้เป็นน้องชายครั้งนี้เขาตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่า จะทำตามคำสั่งบิดา ไม่จำเป็นจะไม่ไปที่บ้านหลังนั้นอีกกลิ่นกายหอมกรุ่นในอ้อมแขน ดึงสติเขาออกจากความคิ
"ถูกต้องแล้ว นางไม่ใช่มารดาของเจ้า"หานตงหันกลับไปตามเสียง ร่างของชายชราเว่ยจื้อจงเดินเข้ามาภายในบ้านด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก"ท่านพี่ ท่านสัญญาแล้วว่าจะไม่พูดเรื่องนี้ ท่านกล้าผิดคำสาบาน?""ตอนนี้อาตงโตแล้ว เขาดูแลตัวเองได้แล้ว ตอนนั้นเจ้าใช้ชีวิตอาตงยามที่เป็นเด็กมาข่มขู่ข้า บีบบังคับให้ข้าไม่กล้าพูดอะไร แต่ตอนนี้เขาแข็งแกร่งขึ้นแล้ว มีคนที่เขารักและรักเขาคอยอยู่เคียงข้าง เขาไม่ต้องการความรักของเจ้าอีกแล้ว ส่วนข้าวันนี้ที่ผิดคำสาบาน ข้ายินดีตายอย่างอนาถ เป็นผีไม่มีญาติที่ไม่มีคนคอยเซ่นไหว้"" ฮ่ะ ฮ่ะ ฮะ่ ท่านยินดีตายอย่างอนาถ เพราะท่านต้องการไปพบนังหมัวเล่อ นังน้องสาวสารเลวคนนั้นของข้าใช่หรือไม่ ข้ารู้นะ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ท่านเอาแต่คิดถึงมัน"นางเว่ยหมัวหลานสติแตก เมื่อต้องมาพูดถึงคนที่นางเกลียดเข้ากระดูก"อาหลาน คนก็ตายไปนานแล้ว เหตุใดเจ้าจึงไม่เคยปล่อยวาง""ปล่อยวาง ทำไมข้าต้องปล่อยวางด้วย ข้าเกลียดมัน ตั้งแต่มันเกิดมา ใครๆก็พากันรักแต่มัน ไม่ว่าจะเป็นท่านพ่อท่านแม่ หรือแม้แต่ท่าน มันก็รู้ว่าข้าหลงรักท่าน แต่มันก็ยังจะยั่วยวนท่านให้หลงใหลมัน ได้ยินไหมไอ้เด็กสารเลว แม่ของแกเป็นผู
ภายในห้องนอน หานตงกำลังออดอ้อนเมียรัก อย่างสำนึกผิด ที่ไม่รู้เท่าทันมารยาหญิง ยิ่งเมื่อรู้ว่าหญิงสาวคนนั้นคิดไม่ซื่อกับตน ถึงขนาดให้ญาติผู้ใหญ่ของนาง มาบีบบังคับภรรยาของเขาแบบนี้เขาก็ยิ่งรังเกียจเข้าไปใหญ่"ข้าว่าพวกเขาคงไม่หยุดแค่นี้แน่เจ้าค่ะ ต่อไปพวกเราต้องคอยระวังตัวให้ดีๆ แล้วตอนที่ข้าไม่อยู่ นางได้แสดงกิริยาอะไรกับท่านหรือไม่เจ้าคะ""ก็มีบ้างนะ แต่เจอฤทธิ์เจ้าสองแสบนั่นเข้าไป ก็เลยไม่กล้าทำอะไรอีก มีแต่ท่านแม่กับพี่ใหญ่นี่ละ"หานตงเล่าให้ฟังว่า หลังจากที่นางออกไป แม่สามีกับพี่ชายคนโตก็บอกว่า รู้มาว่า ทางหานตงต้องการซื้อร้านในเมือง พวกเขามีคนรู้จัก ที่อยากขายร้านในย่านการค้าอยู่พอดี เพียงแต่ราคาที่ตั้งขายค่อนข้างสูง จึงหาคนซื้อได้ยาก หากพวกเขาหาคนมาซื้อได้ จะให้ค่านายหน้าถึงสิบตำลึงทองเลยทีเดียว"ร้านค้าในย่านการค้า ร้านเล็กๆ ก็ขายกันที่เจ็ดสิบหรือแปดสิบตำลึงทองแล้ว ส่วนร้านใหญ่หน่อยก็หนึ่งร้อยถึงสามร้อยตำลึงทอง เพียงแต่ที่ข้าสงสัย พี่ใหญ่ของท่านถึงจะเป็นพ่อค้า แต่ก็ค้าขายผลิตผลทางการเกษตรเท่านั้น จะรู้จักคนที่ย่านการค้าได้ยังไง""อาจจะเป็นน้องเล็กก็ได้ น้องเล็กเข้าไปเรียนหนังสือ
มู่ชุยเหลียนได้ยินเสียงพี่สาวต่างมารดากล่าวแบบนั้นก็ชักสีหน้า เตรียมจะโต้ตอบ แต่ถูกนางมู่ชิงเหมี่ยนจับมือไว้ จึงได้แต่กัดฟันก้มหน้า คิดอาฆาตแค้นอยู่ในใจ หึ รอให้ข้าได้แต่งเข้าไปก่อนเถอะ ข้าจะทำให้พี่เขยเฉดหัวพวกเจ้าสามคนแม่ลูกออกไปให้ได้"เหนียนเหยา วันนี้ท่านย่าของเจ้ากับท่านอารองก็มา นางสั่งให้ข้าพาเจ้าไปพบด้วย เจ้าก็ตามข้าไปคารวะท่านย่าของเจ้าสักหน่อยเถิด"ท่านย่า? หญิงสาวพยายามค้นความทรงจำของร่างเดิม ความทรงจำของร่างนี้กับท่านย่าของนางเรียกว่าเลวร้ายก็ได้ หญิงชราผู้นั้นเกลียดมารดากับเจ้าของร่างเป็นที่สุด เพราะมารดาของนางมาจากครอบครัวที่ยากจน แม้ตระกูลมู่จะไม่ถือว่าเป็นครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ท่านพ่อและท่านอาก็มีอาชีพเป็นพ่อค้าที่มั่นคง สามารถเลี้ยงดูครอบครัวให้สุขสบายได้ ท่านย่าของนางอยากจะให้ท่านพ่อแต่งงานกับหญิงสาวที่มีฐานะสักหน่อย เพื่อที่จะได้ยกระดับครอบครัว แต่ท่านพ่อหลงใหลในความงามของท่านแม่ จึงดื้อรั้นจนในที่สุดก็ได้แต่งงานกัน หลังจากอยู่กันได้ไม่นาน ท่านแม่ก็มีนาง แต่เพราะคลอดนางอย่างยากลำบาก ทำให้ท่านแม่สุขภาพอ่อนแอลง ไม่สามารถปรนนิบัติท่านพ่อได้อีก ท่านย่าถือโอกาสนั้นส่งนาง
"พี่สะใภ้ขอรับ สำหรับสบู่ของข้า ข้าคิดออกแล้วขอรับว่าจะทำยังไง"เซียนย้งเกิดความคิดขึ้นตอนที่เขาฟังพี่สะใภ้กับทุกคนวางแผนการค้าถ่านกัน"ไหนเจ้าลองว่ามาซิ อาย้ง""ตอนนี้สบู่ของข้ามีรูปร่างเหมือนสบู่ทั่วไปที่ขายอยู่ ข้าอยากให้ท่านช่วยข้าออกแบบแม่พิมพ์ขึ้นมาใหม่ นอกจากนั้นข้าอยากมีตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ที่จะให้คนทั่วไปรู้ว่า นี่เป็นสบู่ของพวกเราด้วยขอรับ""สัญลักษณ์?""ขอรับพี่สะใภ้ ข้าอยากตั้งชื่อทางการค้าให้คนรู้ว่า สินค้าพวกนี้มาจากครอบครัวของพวกเรา""ดีๆ ข้าเห็นด้วยกับเจ้า"อาเสิ้นตาโต เขาก็อยากให้ถ่านของเขามีชื่อร้านเหมือนกัน"แล้วเจ้าคิดชื่อไว้แล้วหรือยัง หรือจะให้พวกข้าช่วยคิดให้"หญิงสาวมองดูเด็กหนุ่มทั้งสองที่กระตือรือร้น ดวงตาเป็นประกายอย่างตื่นเต้น ก็ช่วยส่งเสริม"ข้าอยากให้ร้านของข้า ชื่อ เหนียนเหยา ขอรับ"หญิงสาวตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าเซียนย้งจะเสนอชื่อนางขึ้นมา"เจ้าพอจะบอกเหตุผลข้าได้หรือไม่อาย้ง"หานตงถามขึ้น เขาพอจะรู้ใจของน้องคนนี้ดี แต่ก็อยากจะรู้ว่า จะเหมือนที่เขาคิดไว้หรือไม่"เพราะพี่สะใภ้ เป็นเสมือนแสงสว่างที่สาดเข้ามาในชีวิตของครอบครัวข้า ขับไล่ความมืดมิด ช่วยให้ข้าเห
เว่ยเหนียนเหยายืนอยู่บนระเบียง คิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา นางนับถือนางลี่สือหลินมาก แม้จะรักบุตรชายเพียงใดแต่ก็ไม่ยอมเห็นผิดเป็นถูก กัดฟันส่งบุตรชายเข้ารับโทษที่ก่อตอนแรกนางยังคิดว่า นางลี่สือหลินจะล้มป่วยเพราะตรอมใจอยู่หลายวัน หากเพียงแค่สองวัน นางลี่สือหลินกลับลุกขึ้นไปทำงาน นางกับซินเซียงพยายามห้ามปรามขอให้พักผ่อนอีกสักหน่อยรอยยิ้มเศร้าสร้อยปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากคู่นั้น ก่อนจะกล่าวว่า" อาเหยา คนเป็นแม่จะอ่อนแอไม่ได้ ตอนนี้บุตรชายของข้ากำลังหกล้ม ข้าหวังว่า สักวันเขาจะคิดได้ และลุกขึ้นยืนใหม่ เมื่อนั้นมือคู่นี้ของข้ายังต้องช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้น"เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็น้ำตาคลอ ชาติที่แล้ว นางไม่มีพ่อแม่ ไม่เคยรับรู้ถึงความรักของพ่อแม่มาก่อน หญิงสาวคิดไปถึงต้นโสมเจ้าปัญหาต้นนั้น ที่บัดนี้ถูกนำไปเก็บไว้ในห้องของนางเป็นที่เรียบร้อยต้นโสมเพียงหนึ่งต้น แต่กลับลากดึงเอาความโลภโมโทสันภายในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ออกมาตีแผ่ นางหวังเพียงแต่ว่า ลี่ห่าวฟง จะไม่ทำให้มารดาของเขาผิดหวัง"พี่สะใภ้ พี่หานตงให้ข้ามาบอกท่านว่า วันนี้เป็นวันที่นัดกับช่างเฟิ่งไว้ขอรับ""เจ้าช่วยไปเรียกอาเสิ้นมาพบข้าหน
"ภรรยาเจ้าเร็วหน่อยเถอะ เราต้องรีบไปให้ทันรถเที่ยวเช้านะ""ท่านพี่จะรีบไปไหน ป่านนี้คนพวกนั้นยังไม่มีใครรู้หรอกน่า"นางลี่สือหลินยืนกำมือแน่นที่หน้าประตู จู่ๆประตูก็ถูกเปิดออกจากคนที่อยู่ข้างใน ห่าวฟงเห็นมารดา พร้อมน้องเขย น้องสาวยืนอยู่ก็ตกใจ พยายามตั้งสติ"ท่านแม่ ท่าน มาได้ยังไงขอรับ"นางลี่สือหลินมองดูบุตรชายที่ก้าวเท้าถอยหลังเข้าไปในบ้าน ในมือถือห่อผ้าห่อหนึ่ง"เจ้าใหญ่ พวกเจ้ารีบร้อนจะไปไหนกันแต่เช้า"นางลี่สือหลินไม่ตอบ แต่ย้อนถามบุตรชายแทน"พอ ดี แม่ภรรยาไม่ค่อยสบาย ข้าเลยจะพานางไปเยี่ยมดูอาการขอรับ"สะใภ้ตระกูลลี่เมื่อเห็นสามีส่งสายตามาให้ ก็รีบเอ่ยเสริมคำ"ใช่เจ้าค่ะท่านแม่สามี ท่านแม่ข้าไม่สบาย ข้าจึงจะรีบไปเยี่ยม อีกอย่างข้าอยากจะนำข่าวดีไปบอกท่านด้วยตัวเอง""พวกเจ้าก็เลยทำตัวเป็นบุตรเขยบุตรสาวที่ดี เอาต้นโสมไปเยี่ยมซินะ"นางลี่สือหลิน ตวาดออกไปอย่างหมดความอดทน มองมือบุตรชายที่กุมห่อผ้าแน่นเข้าไปอีก"ท่านแม่ ท่านพูดเรื่องอะไร ข้าไม่เข้าใจขอรับ""ข้าก็พูดเรื่องที่เจ้าสองสามีภรรยาเข้าไปขโมยโสมที่บ้านของอาเหยาไงละ"ห่าวฟงหน้าซีด เขารู้ตั้งแต่เห็นหน้ามารดาที่หน้าประตูแล้ว ว่าม
"มา มาลูกสะใภ้เจ้านั่งก่อน"นางลี่สือหลิน รีบบอกให้บุตรชายประคองลูกสะใภ้นั่งลงบนเก้าอี้"น้องสาว น้องเขยตอนนี้คงสบายดีสินะ ท่าทางจะร่ำรวยกันใหญ่"ลี่ห่าวฟงบุตรชายของนางลี่สือหลิน กล่าวออกมาอย่างประชดประชัน เขามองไปมองรอบๆบ้านหลังนี้ด้วยความอิจฉา ครั้งก่อนเขาเคยขอให้มารดา ช่วยพูดกับน้องสาวและน้องเขยว่าให้ตนและภรรยาเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วย แต่คนพวกนี้ล้วนแล้งน้ำใจต่อเขากับภรรยา ดีว่ามารดาแอบส่งเงินทองไปให้เขาใช้อยู่เรื่อยๆ ชีวิตเขากับภรรยาจึงไม่ได้ลำบากอะไร"พวกข้าก็แค่มีกินมีใช้นะขอรับ ท่านพี่ภรรยา"เซียนย้งจริงๆ ไม่ค่อยจะชอบพี่ภรรยาคนนี้มากนะ เพราะเขาเป็นคนหยิบโหย่งไม่ค่อยชอบทำงานเท่าไหร่ แถมยังชอบใช้กำลังกับภรรยาของเขาและท่านแม่ยายอยู่บ่อยครั้ง"เอาละ เอาละ มากินข้าวกันเถอะ วันนี้พวกเจ้าต้องกินเยอะๆนะ อ้าวข้าลืม พวกเจ้ากินกันไปก่อน ข้าไปเอาน้ำแกงไก่ที่บ้านอาเหยาก่อน"นางลี่สือหลินออกไปไม่นานก็กลับมาพร้อมน้ำแกงไก่ถ้วยใหญ่"อาเซียงเมื่อกี้ตอนแม่ไปตักน้ำแกงไก่ เห็นกล่องใส่โสมยังวางอยู่ในครัว เห็นอาย้งบอกว่า โสมหัวนั้นราคาหลายร้อยตำลึงทอง ทำไมเอามาวางไว้อย่างนั้นละ"ซินเซียงแอบมองไปยังพี่ชาย
ชุนเหมยเมื่อเห็นน้องสาวต่างสายเลือด กระวีกระวาดวิ่งออกไปหาสามีก็ส่ายหัวยิ้มๆ นางเดินออกจากห้องโถง มุ่งตรงกลับเข้าห้องนอนทันที"เวิ้นสุ่ย"เสียงราบเรียบของหญิงสาวคล้ายพูดคุยกับอากาศที่อยู่ภายในห้อง เงาดำสายหนึ่งเคลื่อนออกมาจากมุมห้องอย่างเงียบๆ"นายหญิง""เจ้าไปสืบเรื่องนั้นมาให้ข้า จำไว้ข้าต้องการเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียด"ไร้เสียงตอบรับใดๆ มีเพียงเงาดำสายนั้น ที่เลือนหายไปคล้ายไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ชุนเหมย เดินออกจากห้องไปช้าๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น"ท่านพี่ตอนที่อยู่ที่หอการค้ากลางทำไมท่านไม่ช่วยข้าออกความคิดเห็นบ้างเลยเจ้าค่ะ"หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างแง่งอน ที่สามีไม่ช่วยนางออกความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับร้านค้าที่นางจะซื้อ"ก็พี่ไม่มีความรู้เรื่องนี้ พี่ว่าร้านไหนเจ้าเห็นว่าดีพี่ก็ว่าดี พี่ล้วนเชื่อฟังเจ้าเหยาเอ๋อ"เซียงย้งกลั้นหัวเราะหน้าแดง เมื่อเห็นพี่ชายกลายสภาพเป็นแมวหนุ่มช่างออดอ้อนต่อหน้าพี่สะใภ้ ก่อนจะรีบปรับสีหน้า เมื่อเห็นสายตาพิฆาตที่พี่ชายส่งตรงมาให้"พี่สะใภ้ในเมื่อท่านยังไม่ถูกใจ ก็ค่อยๆ หาไปก็ได้ขอรับ ข้าและ พี่หานตงล้วนเชื่อฟังท่าน""อะ นั่น นั่น น่าจะใช่ร้านเหล็กที่พี่ช
เว่ยเหนียนเหยากำลังกล่าวขอตัวจากเหวินฉีและภรรยา แต่อาเสิ้นก็เดินเข้ามาในบ้านซะก่อน"พี่บุญธรรม ท่านพอจะมีเวลาสักครู่หรือไม่ขอรับ ถ่านเตาแรกตากแดดดีแล้ว ข้าอยากพาท่านไปดู""ได้สิ งั้นอาเซียงเจ้าไปโรงงานเถอะ เดี๋ยวพวกข้าจะไปกับอาเสิ้น"อาเสิ้นลากถ่านที่เขาเก็บใส่ตะกร้าแล้ว ออกมาให้ทุกคนดู หญิงสาวหยิบถ่านขึ้นมาตรวจดู เห็นว่าทุกก้อนแห้งสนิทแล้วจริงๆจึงให้อาเสิ้นลองก่อไฟขึ้นมาดู ถ่านนี้เป็นถ่านที่ทำจากเศษไม้ต่างๆที่เก็บมารวมกัน จึงทำให้มีควันไฟค่อนข้างมาก ซ้ำยังมีกลิ่นแรง แถมแรงไฟที่ได้ก็ไม่สม่ำเสมอนางบอกให้อาเสิ้นจดข้อเสียเหล่านี้ไว้ เพราะเตาต่อไปจะลองใช้ไม้ไผ่อย่างเดียว อาเสิ้นตื่นเต้นมากอยากจะรีบไปเก็บไม้ไผ่กลับมาทดลองแต่นางบอกว่า รอให้พวกนางกลับมาจากในเมืองก่อนจะดีกว่า จะได้มีคนขึ้นเขาไปเป็นเพื่อนเมื่อเห็นว่าไม่มีธุระอะไรที่ต้องทำในบ้านแล้ว เว่ยเหนียนเหยาจึงรีบเดินทางเข้าในเมือง วันนี้นางมีงานต้องทำมากมายเลยทีเดียวเมื่อมาถึงตัวเมือง นางให้สามีและเซียนย้ง นำปลาไหลที่ได้ไปขายก่อนหานตงจึงมุ่งหน้าไปที่ภัตตาคารที่เคยนำปลาไหลมาขายในครั้งก่อน เสี่ยวเอ้อจำพวกเขาได้ก็ร้องทักอย่างดีใจ"พวก