มู่ชุยเหลียนได้ยินเสียงพี่สาวต่างมารดากล่าวแบบนั้นก็ชักสีหน้า เตรียมจะโต้ตอบ แต่ถูกนางมู่ชิงเหมี่ยนจับมือไว้ จึงได้แต่กัดฟันก้มหน้า คิดอาฆาตแค้นอยู่ในใจ หึ รอให้ข้าได้แต่งเข้าไปก่อนเถอะ ข้าจะทำให้พี่เขยเฉดหัวพวกเจ้าสามคนแม่ลูกออกไปให้ได้
"เหนียนเหยา วันนี้ท่านย่าของเจ้ากับท่านอารองก็มา นางสั่งให้ข้าพาเจ้าไปพบด้วย เจ้าก็ตามข้าไปคารวะท่านย่าของเจ้าสักหน่อยเถิด" ท่านย่า? หญิงสาวพยายามค้นความทรงจำของร่างเดิม ความทรงจำของร่างนี้กับท่านย่าของนางเรียกว่าเลวร้ายก็ได้ หญิงชราผู้นั้นเกลียดมารดากับเจ้าของร่างเป็นที่สุด เพราะมารดาของนางมาจากครอบครัวที่ยากจน แม้ตระกูลมู่จะไม่ถือว่าเป็นครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ท่านพ่อและท่านอาก็มีอาชีพเป็นพ่อค้าที่มั่นคง สามารถเลี้ยงดูครอบครัวให้สุขสบายได้ ท่านย่าของนางอยากจะให้ท่านพ่อแต่งงานกับหญิงสาวที่มีฐานะสักหน่อย เพื่อที่จะได้ยกระดับครอบครัว แต่ท่านพ่อหลงใหลในความงามของท่านแม่ จึงดื้อรั้นจนในที่สุดก็ได้แต่งงานกัน หลังจากอยู่กันได้ไม่นาน ท่านแม่ก็มีนาง แต่เพราะคลอดนางอย่างยากลำบาก ทำให้ท่านแม่สุขภาพอ่อนแอลง ไม่สามารถปรนนิบัติท่านพ่อได้อีก ท่านย่าถือโอกาสนั้นส่งนางชิงเหมี่ยนแต่งเข้ามาเป็นภรรยารอง จากท่านพ่อที่เคยรักใคร่นางและมารดา ก็กลายเป็นความห่างเหินในที่สุด มารดาที่ถูกทรมานทั้งใจกายก็จากไปในตอนที่นางมีอายุเพียงเจ็ดหนาวเท่านั้น เด็กผู้หญิงที่พ่อไม่ใส่ใจ มีมารดาเลี้ยง เลี้ยงดู จะหาความสุขได้จากที่ไหน แต่ที่หนักที่สุดก็คือท่านย่าของนางที่มักจะมาเยี่ยมเยียนบุตรชายคนโตอยู่เป็นประจำ และหาทางกลั่นแกล้งและทุบตีหลานสาวคนโตแทบจะทุกครั้ง ท่านย่ามักจะสบถและต่อว่า ว่าหน้าตานางเหมือนมารดา ที่เอาไว้ล่อลวงผู้ชายให้ลุ่มหลง จนเรื่องรู้ถึงหูท่านยายของนาง ท่านยายมาขอร้องท่านพ่อ ขอรับนางไปเลี้ยงดูเอง ตอนแรกท่านพ่อก็จะไม่ยอม แต่ท่านยายขอร้องด้วยน้ำตาให้เห็นแก่มารดาของนาง นับตั้งแต่นั้นมานางก็ได้ท่านยายเลี้ยงดูนางมาตลอด จนท่านยายสิ้นไป นางจึงถูกส่งกลับมาที่บ้านนี้อีกครั้ง นางกลับมาอยู่บ้านได้ไม่นาน ท่านพ่อก็ป่วยหนักจนเสียชีวิต ท่านย่าทุบตีนางหาว่านางเป็นตัวซวย กลับมาได้ไม่นานก็ทำให้บิดาเสียชีวิต ในวันที่นางถูกวางแผนให้มีมลทิน ท่านย่าของนางก็เป็นพยานสำคัญ ในความอัปยศของนาง ในวันนั้นนางถูกลงโทษเฆี่ยนตี เพียงเพราะนางปฏิเสธไม่ยอมแต่งงาน จนในที่สุดนางก็ทนไม่ไหวต้องพยักหน้ายินยอม เว่ยเหนียนเหยารันทดใจกับความทรงจำที่หลั่งไหลออกมา หญิงชรานั่นเรียกนางไปพบคงไม่ใช่เพราะรักและคิดถึงแน่ๆ คนพวกนี้คงวางแผนอะไรมา คงคิดว่านางเป็นหลานสาวคนเก่า ที่จะข่มเหงยังไงก็ได้กระมัง "ได้สิเจ้าคะ ท่านแม่เลี้ยง เจ้าใหญ่เจ้ารอง เจ้านั่งอยู่กับท่านพ่อที่นี่ อย่าให้สิ่งสกปรกเข้าใกล้ท่านพ่อของเจ้าได้ ไม่อย่างนั้นแม่จะให้พวกเจ้ากับท่านพ่อของเจ้ากินเจสักสามสี่วันเพื่อเป็นการปัดเสนียด" หญิงสาวส่งสายตาพิฆาตให้สามี ก่อนจะบุ้ยใบ้ให้บุตรชายรู้ว่าสิ่งสกปรกที่นางหมายถึงคือใคร หานชิง หานเหนียน กินเจ เท่ากับ กินผัก หานตง กินเจ เท่ากับกินภรรยาไม่ได้ "รับทราบขอรับท่านแม่ " "พี่เข้าใจแล้ว เหยาเอ๋อ" สามคนพ่อลูกต่างรับปากอย่างหนักแน่น นางมู่ชิงเหมี่ยนดวงตาแข็งกร้าว มือกำแน่น สะบัดหน้าเดินนำออกไป นางจะคอยดูนังเด็กนี่ถูกแม่สามีของนางขย้ำไว้ในกำมือ หญิงสาวเดินตามนางมู่ชิงเหมี่ยนไปจนถึงโต๊ะของหญิงชรา หญิงชราที่นั่งอยู่กับบุตรชายคนรองและบรรดาลูกหลาน หันมามองหน้าหลานสาวคนโตที่นางแสนจะเกลียดชัง จากที่เคยคิดว่า สามารถขับไสไล่ส่งให้หลานคนนี้ไปมีชีวิตที่แสนจะตกต่ำได้แล้ว ไม่คิดเลยว่ากลับโยนเพชรเม็ดงามไปให้นางครอบครองซะได้ ตอนที่ลูกสะใภ้เล่าเรื่องการค้าของครอบครัวหลานคนนี้ให้ฟัง ไม่ว่ายังไงนางก็ไม่เชื่อว่าเป็นฝีมือของหลานสาว นางคิดว่าเป็นฝีมือของหลานเขยผู้นั้นซะมากกว่า ตอนที่ลูกสะใภ้แนะให้นางยกชุยเหลียนให้แต่งเข้าไปเป็นเมียรอง ตอนแรกนางก็ไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไหร่ แต่พอฟังบุตรชายคนรองพูดว่า หลานเขยของนางคนนี้ ตอนนี้ถือว่าเป็นบุคคลสำคัญของหมู่บ้านเลยทีเดียว เส้นทางการค้าที่สร้างขึ้นก็ดูมั่นคง มีทีท่าว่าจะขยายใหญ่โตขึ้น อีกไม่นานไม่แน่ว่า ทางครอบครัวของนางอาจต้องพึ่งพาหลานเขยของนางคนนี้ อีกทั้งวันนี้นางเห็นแล้วว่าท่านผู้นำตระกูลต่างให้ความสำคัญกับหลานเขยคนนี้เพียงใด ดูอย่างโต๊ะในปีนี้ที่ครอบครัวนางนั่งอยู่ ก็จัดอยู่ในระดับแถวหน้าของตระกูลเลยทีเดียว เมื่อบุตรชายคนรองพยักหน้าเห็นด้วยกับลูกสะใภ้ นางจึงยอมที่จะให้หลาวสาวที่นางเลี้ยงมากับมืออย่างชุยเหลียน แต่งเข้าไปเป็นภรรยารองของหานตง จริงๆ เรื่องการแต่งงานพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายพยักหน้าตกลงก็ใช้ได้แล้ว นางมู่ชิงเหมี่ยนเองก็ปรึกษาเรื่องนี้กับเว่ยหมัวหลานแล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างยินดีต่องานแต่งงานครั้งนี้ เพียงแต่ตอนนี้หานตงได้แยกครอบครัวออกไปแล้ว นางเว่ยหมัวหลานจึงไม่อาจบังคับบุตรชายและลูกสะใภ้ได้อีก ดังนั้นเรื่องนี้จึงต้องเป็นนางออกหน้าแทนหลานสาว "คารวะท่านย่า ท่านอารอง ท่านอาสะใภ้เจ้าค่ะ" หญิงสาวย่อตัวคำนับอย่างนอบน้อม พลางมองตาจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์อย่างไม่ยอมหลบ "ท่าทางของเจ้าดูสบายดี ชีวิตแต่งงานคงจะมีความสุขไม่น้อยละสิ" "เป็นเพราะได้ท่านย่ากับท่านแม่สนับสนุนเจ้าค่ะ" หญิงชราในตากร้าวขึ้นมาเมื่อโดนหลานสาวพูดจาประชดประชัน "ที่ข้าเรียกเจ้ามาพบก็เพราะมีเรื่องจะคุยกับเจ้า เห็นท่านอารองของเจ้าบอกว่า ตอนนี้กิจการของเจ้ากับสามีกำลังเติบโตขึ้นมาก พวกผู้ชายเวลาเหน็ดเหนื่อยจากงานก็มักอยากจะมีคนคอยดูแล เจ้าเองก็คงจะวุ่นวายเรื่องดูแลบ้านดูแลลูก หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่ ดังนั้นเพื่อช่วยเจ้า ข้าจึงได้ตัดใจ ให้ชุยเหลียนแต่งเข้าไปเป็นภรรยารองของสามีเจ้า ต่อไปพวกเจ้าสองคนร่วมมือร่วมใจกันดูแลสามี เจ้าก็ไม่ต้องกังวลใจเรื่องผู้หญิงคนอื่น ข้าดูฤกษ์ยามมาแล้ว อีกสามวันเป็นวันดี เจ้าก็บอกให้หลานเขยไปสู่ขอชุยเหลียนเสียให้เรียบร้อย สินสอดทองหมั้นก็จัดเตรียมให้มากสักหน่อย อย่าให้น้องของเจ้าขายหน้าใครได้ เจ้าฟังที่ข้าพูดอยู่หรือไม่ เหตุใดจึงนั่งไม่อยู่สุข ลูบหัวตัวเองอยู่ได้ " หญิงชรารู้สึกไม่พอใจ ที่หญิงสาวตรงหน้าไม่ยอมรับคำ เอาแต่นั่งเอามือลูบหัวตัวเองไปมา "ข้ากำลังสงสัยเจ้าค่ะ สงสัยว่า บนหัวของข้ามีเขางอกออกมา หรือหน้าตาของข้าเหมือนวัวเหมือนควาย พวกท่านจึงคิดว่าข้าจะโง่ ให้พวกท่านสนตะพาย สั่งหันซ้ายหันขวาได้ตามใจ" เว่ยเหนียนเหยาฉีกยิ้ม แต่ดวงตากับแข็งกร้าว "เจ้า เจ้า กล้าขัดคำสั่งข้า เจ้าคิดจะเนรคุณต่อตระกูลมู่ งั้นเหรอ" "ท่านย่า! คำพูดคนก็เหมือนถ่มน้ำลายออกมา ผู้ดีพูดแล้วไม่คืนคำ แต่ทำไมวันนี้ ข้าเหมือนเห็นท่านกำลังก้มลงเลียน้ำลายจากพื้นขึ้นมากลืนกินเล่าเจ้าคะ ท่านจำวันที่ส่งข้าขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวได้หรือไม่ ท่านบอกว่าหญิงสาวที่แต่งงานแล้ว ก็เหมือนน้ำที่สาดออกไป ตัวซวยเช่นข้า เมื่อแต่งออกไปแล้ว ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็อย่าหันหลังกลับมาที่ตระกูลมู่ของท่านอีก ยิ่งสำหรับคำว่าเนรคุณ ข้าว่า ท่านลองใช้สมองของท่านคิดดูให้ดี พวกท่านทั้งหมดเคยทำอะไรให้ข้าบ้าง หากท่านไม่มีอะไรจะกล่าวอีก ข้าก็ขอตัวก่อนนะเจ้าคะ" หญิงสาวลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ไร้ซึ่งความหวาดกลัวใดๆ ก่อนจะย่อตัวคาราวะทุกคนและเดินจากมาอย่างสง่างาม คนพวกนี้หน้าหนายิ่งนัก คิดจะยัดเหยียดเมียน้อยให้สามีนาง รอจนตายไปเถอะ นังแก่! "ท่านพี่ ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ" หานตงเห็นสีหน้าภรรยาไม่ค่อยดีนัก ก็เป็นห่วง ในใจคิดว่ามีคนลงมือรังแกภรรยาของเขางั้นหรือ "เจ้าหายไปซะนาน พี่กับลูก กำลังคิดจะไปตามเจ้าอยู่ทีเดียว" น้ำเสียงห่วงใยท่าทางอาทรที่หานตงส่งออกมา ทำให้หญิงสาวอีกคนในโต๊ะคิดในใจว่า ต่อไปท่าทีเช่นนี้จะต้องแสดงกับข้าแค่คนเดียวเท่านั้น หึ ที่ท่าทางของนางเป็นเช่นนี้ คงเพราะโดนท่านย่าของนางกำราบมาเป็นแน่ "ท่านพี่ เราลาทุกคนกลับโต๊ะดีกว่าเจ้าค่ะ เดี๋ยวก็ได้เวลาเริ่มงานแล้ว" หานตงกับครอบครัวลากลับไปนั่งโต๊ะได้เพียงชั่วครู่ พิธีการต่างๆ ก็เริ่มขึ้น คณะผู้นำตระกูลเริ่มอ่านคำขอบคุณบรรพชน พร้อมทั้งกล่าวอธิษฐานขอการคุ้มครองจากบรรพชนอีกครั้ง ชาวบ้านทั้งหลายในหมู่บ้าน ล้วนรู้สึกว่าตัวเองโชคดี เพราะบรรพชนคุ้มครองจริงๆ ตอนนี้หลายหมู่บ้านประสบปัญหาความอดอยากกันทั้งนั้น แต่หมู่บ้านเขากลับมีครอบครัวหานตงคอยช่วยเหลือ บอกถึงแหล่งที่มาของอาหาร รวมไปถึงมีการจ้างงานเล็กๆ น้อยอยู่ตลอดเวลา ครั้งที่แล้วก็รับซื้อดอกไม้ ต่อมาก็รับซื้อไม้ไผ่ ครั้งล่าสุดคือรับซื้อกะทิและกะลามะพร้าว แม้กระทั่งกากมะพร้าวหากตากจนแห้งดีแล้วก็สามารถนำกลับไปขายได้อีก บอกได้เลยว่า ครอบครัวไหนหากขยันขันแข็ง นอกจากจะไม่อดตายแล้ว ยังสามารถลืมตาอ้าปากได้อีกด้วย ในระหว่างนั่งรอธูปหมด ชาวบ้านหลายครอบครัวที่รอดจากความอดตาย ก็เริ่มทยอยเข้ามายกจอกน้ำชา แสดงความขอบคุณต่อครอบครัวของหานตง แต่มีสายตาหลายคู่ก็มองมาที่ครอบครัวตระกูลจงอย่างสงสัย นางจึงอาศัยโอกาสนี้ป่าวประกาศออกไปว่า รับบุตรชายหญิงของตระกูลจงเป็นน้องบุญธรรมเรียบร้อยแล้ว เมื่อเสร็จสิ้นพิธีการทั้งหมด ชาวบ้านต่างได้รับแจกขนมมงคล เพื่อนำกลับไปกินที่บ้านกันถ้วนทั่วหน้า ครอบครัวของหานตงถูกผู้ใหญ่บ้าน และคณะผู้นำ เชิญให้ไปพบ เนื่องจากมีเรื่องจะปรึกษาหารือด้วย พวกของเหวินฉี จึงพาคนอื่นๆ และเด็กๆ กลับบ้านไปก่อน เว่ยเหนียนเหยานำผ้าที่ห่อซาลาเปาส่งให้ซินเซียง เผื่อไว้สำหรับเด็กๆ จะหิวขึ้นมา ก่อนคนทั้งคู่จะหายเข้าไปในห้องแจ้งข่าว ที่ห้องแจ้งข่าวตอนนี้ นอกจากผู้ใหญ่บ้านและคณะท่านผู้นำ ยังมีคนอื่นๆ อีกหลายสิบคนทีเดียว มองดูแล้วคล้ายการประชุมหารือ เรื่องใดเรื่องหนึ่ง "มามา อาตง รีบคารวะทุกท่านในที่นี้เร็ว " หานตงและภรรยาต่างคารวะทุกท่านอย่างไม่อิดออด แม้จะมีท่าทีงุนงงไปบ้างก็ตาม ภายหลังจึงทราบว่า ผู้ที่มาล้วนเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่อื่นๆ ส่วนคนที่สำคัญที่สุดคือท่านนายอำเภอนั่นเอง "ข้าขอกล่าวอย่างไม่อ้อมค้อม ปีนี้ฝนฟ้าแห้งแล้ง พืชผลที่ปลูกขายได้ ก็น้อยยิ่งนัก ทำให้ชาวบ้านทุกข์ยากลำบาก แต่ข้าได้ยินมาว่าหมู่บ้านนี้ มีการจัดการที่ดี ชาวบ้านชาวช่องต่างก็มีกินมีใช้ไม่อดอยาก จึงต้องเดินทางมาให้เห็นกับตาตัวเอง ทางผู้ใหญ่บ้านแจ้งว่า เป็นพวกเจ้าที่แนะนำพืชผักที่กินได้ ซ้ำยังแนะนำวิธีการปรุงอาหารให้ชาวบ้านอีกด้วย ข้าจึงอยากจะขอร้องให้พวกเจ้าเปิดเผยเรื่องนี้จะได้หรือไม่" จริงๆ แล้วผู้ใหญ่บ้านหมู่อื่นๆ ต่างเคยมาพูดคุยกับผู้ใหญ่บ้านที่นี่ไปแล้ว แต่เรื่องนี้เป็นความลับของหมู่บ้าน เพราะเป็นที่มาของแหล่งอาหาร ผู้ใหญ่บ้านเกรงว่าหากเขาเปิดเผยออกไป อาจจะโดนชาวบ้านไม่พอใจ จึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษาท่านนายอำเภอ เพื่อให้เขาออกหน้า นายอำเภอคนนี้เป็นคนดีมาก รักใคร่ประชาชนดุจลูกหลาน ตัวเขาเองก็หนักอกหนักใจเรื่องปัญหาความอดอยากของชาวบ้านมานานแล้ว ถึงแม้ตัวเขาเองจะสร้างโรงทานแจกอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า พอเหล่าผู้ใหญ่บ้านทั้งหลายนำเรื่องนี้มาขอปรึกษา เขารู้สึกเหมือนเจอแสงสว่างในอุโมงค์ที่มืดมิด "เรื่องนั้น พวกข้าน้อยไม่มีปัญหาขอรับ เพียงแต่ว่ามันฝรั่งนั้น ตอนนำมาทำอาหารมีข้อให้ระวังอยู่บ้าง เรื่องนี้ครอบครัวของข้าน้อยได้แจ้งรายละเอียดให้ทางผู้ใหญ่บ้านทราบไว้แล้วขอรับ" ทางผู้ใหญ่บ้านจึงนำรายละเอียด รวมถึงข้อสังเกตที่คัดลอกมาส่งให้นายอำเภอ นายอำเภอรับมาอ่านดู ก็รู้สึกถึงความละเอียดและใส่ใจต่อความปลอดภัยของชีวิตของผู้อื่นอยู่ในกระดาษแผ่นนี้ จึงเริ่มมีความรู้สึกดีต่อครอบครัวของหานตงมากขึ้น "แล้วเจ้าพอจะมีแหล่งที่มาของอาหารมากขึ้นกว่านี้หรือไม่" ชาวบ้านที่อดยากมากมาย เกรงว่าแหล่งอาหารพวกนี้หากเผยแพร่ออกไป จะทำให้เกิดการแย่งชิงซะมากกว่า "จริงๆ แล้วข้าน้อยแนะนำให้ทางการ เก็บมันฝรั่งพวกนี้ มาเพาะพันธ์เพื่อแจกให้ชาวบ้านนำไปปลูกเจ้าค่ะ มันฝรั่งพวกนี้ใช้เวลาสามเดือนก็โตเต็มที่ ซ้ำยังเป็นพืชที่ไม่ต้องการน้ำมากมาย นั่นเท่ากับว่าต่อไปพวกชาวบ้านก็จะไม่ต้องกังวลกับเรื่องปากท้องไปด้วย เพียงแต่ว่าต้องวางแผนการปลูกให้เหมาะสม เรื่องปากท้องก็เรื่องหนึ่ง เรื่องทำมาหากินก็อีกเรื่องหนึ่งเจ้าค่ะ" "ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล ได้ยินมาว่า เจ้าว่าจ้างช่างสานของหมู่บ้านสอง ให้จัดทำเครื่องสานเป็นจำนวนมาก ทำให้ หมู่บ้านนั้นมีรายได้กลับมาไม่น้อย" "นั่นเป็นเพราะท่านผู้ใหญ่บ้านหมู่สองวางแผนได้ดีเจ้าค่ะ" นายอำเภอรู้สึกว่า หญิงสาวผู้นี้มีความคิดซ่อนอยู่ไม่น้อย เพียงแต่คนมาก นางจึงไม่อยากพูดให้มากความซะมากกว่า "ไม่ทราบว่า หากข้าจะเชื้อเชิญพวกเจ้าทั้งสองให้ไปเป็นเกียรติที่บ้านข้าสักครั้ง ให้ข้าได้เลี้ยงอาหารขอบคุณพวกเจ้าแทนพวกชาวบ้านสักมื้อจะได้หรือไม่" "พวกข้าน้อยต้องขอขอบพระคุณขอรับ" "ถ้าอย่างนั้นพวกข้าคงต้องขอกลับก่อน รบกวนเวลาพวกเจ้ามานานแล้ว" เมื่อส่งผู้มาเยือนออกไปจนหมด หานตงจึงพาภรรยาขอตัวกลับบ้านทันที เมื่อกลับถึงบ้านก็เห็นทุกคนกำลังรอคอยพวกนางอยู่อย่างกระวนกระวาย เมื่อทราบถึงสาเหตุที่ถูกเรียกพบ ก็ถอนใจอย่างโล่งอก "พี่สะใภ้ เมื่อสักครู่ก่อนท่านมา แม่นางชุนเหมยให้คนนำจดหมายมาส่งให้ขอรับ" หญิงสาวหยิบจดหมายขึ้นมาเปิดอ่าน พออ่านจบดวงตาก็เป็นประกาย "พี่ชุนเหมยบอกว่า ชุดผ้าปักสกุลนาหลงไพร เป็นที่นิยมมาก ตอนนี้รวมทุกสาขามียอดจองมาแล้วหกร้อยห้าสิบชุดแล้ว แต่ทางพ่อค้าเร่ที่ติดต่อไว้คราวก่อน ขอให้ทำเพิ่มให้เขาอีกหนึ่งร้อยชุด เพราะเขาจะนำไปขายยังแคว้นอื่น ส่วนขวดแก้วที่เราต้องการนำมาใส่น้ำมันหอมตอนนี้นางหาร้านให้ได้แล้ว อีกสามวันของจะเดินทางมาส่ง" "อาย้งตอนนี้น้ำมันมะพร้าวของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" "ตามที่ท่านสอนให้ข้าทำ ขั้นตอนที่ใช้เวลาคือ การรอให้น้ำมันแยกชั้นกับน้ำและกะทิ อีกทั้งยังต้องรอให้น้ำมันใสและตกตะกอนอีกครั้ง ข้าอยากได้ อ่างขนาดใหญ่ที่ใสมองเห็นข้างในได้ เพื่อมาทำงานนี้ขอรับ เพราะการใช้โถพวกนั้น ข้าว่ามันไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไหร่" "เรื่องนั้นข้าคิดไว้แล้ว ของจะนำมาส่งพร้อมพวกขวดแก้วในอีก3วันข้างหน้า" ครั้งนี้นางคำนวณไว้แล้ว จึงได้ขอให้ชุนเหมยสั่งโหลแก้วขนาดต่างๆ มาอีกหลายสิบโหล ในเมื่อนางคิดจะทำการค้าเครื่องหอม โหลแก้วเหล่านี้จึงมีความจำเป็นอย่างมาก "ส่วนแม่พิมพ์สบู่ อีกห้าวันก็จะนำมาส่งแล้วขอรับ" "เรื่องสบู่ ข้าคิดว่า เราควรหาอะไรมาห่อเพื่อป้องกันไม่ให้กลิ่นหอมจางหายไปเร็วเกินควร และป้องกันการขีดข่วนตอนที่สบู่อยู่ในกล่องสานด้วย" "ถ้าอย่างนั้นเราก็ใช้ผ้าตัดเย็บเป็นถุงขึ้นมา เมื่อใส่สบู่ไปแล้วก็เย็บปิดปากไปเลย แบบนี้เมื่อนำใส่กล่องก็เท่ากับเป็นการป้องกันสองชั้น ดีหรือไม่เจ้าคะ พี่สะใภ้" "ตอนนี้ช่างเย็บ เย็บชุดปักสำรองไว้เยอะหรือไม่อาซ่าง" "ตามที่ข้าจำได้ ถือว่าค่อนข้างเยอะขอรับ ข้าเก็บใส่กล่องสานแยกไว้เพื่อรอการปักลายขอรับ " "ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวข้าจะส่งแบบซองผ้าไปให้ อาซ่างเจ้าให้ช่างตัด ตัดออกมาสักร้อยชิ้น และให้ช่างเย็บๆ ให้เรียบร้อย แล้วค่อยส่งกลับมาให้ข้า จดรายละเอียดด้วยว่าใช้ผ้าไปประมาณเท่าไหร่ ข้าจะได้ประเมินต้นทุนสินค้าได้ " "อาหงครั้งก่อนข้าเห็นฝีมือของเจ้าแล้ว เดี๋ยวเจ้าช่วยข้า วาดแบบหมอตุ๋นขึ้นมาหน่อย ข้าตรวจสอบแล้ว หม้อแบบนี้ยังไม่มีการขึ้นทะเบียนไว้ อาจจะเป็นเพราะนำเข้ามาจากพวกพ่อค้าตาสีฟ้า จึงไม่ค่อยมีคนรู้วิธีใช้ ข้าจะให้ช่างเฟิ่งช่วยข้าทำให้ใหญ่ขึ้นกว่านี้อีกสักหน่อย" "ข้าจะรีบไปจัดการให้เดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ พี่บุญธรรม" "ท่านป้าลั่วฮวาเจ้าคะ ไม่ทราบว่าหุ่นไม้ชายกับหุ่นเด็กเป็นยังไงบ้างเจ้าคะ" "ตอนนี้ข้าทำเสร็จไปแล้วอย่างละสามตัว" "ถ้าอย่างนั้นประมาณสิบวันข้างหน้า ข้าน่าจะรวบรวมของตัวอย่างทั้งหมดส่งเข้าเมืองหลวงได้ วันนี้ต้องขอโทษพวกท่านด้วยทั้งที่เป็นวันหยุดแท้ๆ แต่ข้าก็เอาแต่พูดเรื่องงาน" ทุกคนรีบส่ายหน้าต่างก็พูดว่าไม่เป็นไร พวกเขารู้ดีว่า ที่นางทำไปก็เพื่อทุกคน "เช่นนี้ข้าจะทำก๋วยเตี๋ยวน้ำซี่โครงหมูตุ๋นให้พวกท่านได้ชิมเป็นการไถ่โทษนะเจ้าคะ" คราวนี้ทุกคนต่างพยักหน้ากันอย่างพร้อมเพรียง ต่างนึกถึงรสชาติอาหารที่นางพูดถึงไปต่างๆ นาๆ "ว่าแต่เจ้าสามแสบ กับอาเส้าไปไหน ข้าไม่เห็นพวกเขาเลยตั้งแต่กลับมา" "เห็นอาเส้าบอกว่า ไม่ได้เจอเด็กๆ มานานแล้ว เลยขอพาตัวไปทดสอบความรู้นะ" ซีเม่ยพูดยิ้มๆ ความจริงนางรู้ว่า อาเส้าคิดถึงพวกเด็กๆ มาก โดยเฉพาะหานเหนียนที่ช่างออดอ้อนฉอเลาะ แถมยังติดอาเส้ามากๆ อีกด้วย เว่ยเหนียนเหยายิ้มตอบพี่สะใภ้ พลางไว้อาลัยบุตรชายและหลานชายในใจ ทุ้กคนนนนนนน หยุดตบตัวร้ายเป้ป พักกินก๋วยเตี๋ยวกับแม่กันก่อนนนนนภายในห้องนอน หานตงกำลังออดอ้อนเมียรัก อย่างสำนึกผิด ที่ไม่รู้เท่าทันมารยาหญิง ยิ่งเมื่อรู้ว่าหญิงสาวคนนั้นคิดไม่ซื่อกับตน ถึงขนาดให้ญาติผู้ใหญ่ของนาง มาบีบบังคับภรรยาของเขาแบบนี้เขาก็ยิ่งรังเกียจเข้าไปใหญ่"ข้าว่าพวกเขาคงไม่หยุดแค่นี้แน่เจ้าค่ะ ต่อไปพวกเราต้องคอยระวังตัวให้ดีๆ แล้วตอนที่ข้าไม่อยู่ นางได้แสดงกิริยาอะไรกับท่านหรือไม่เจ้าคะ""ก็มีบ้างนะ แต่เจอฤทธิ์เจ้าสองแสบนั่นเข้าไป ก็เลยไม่กล้าทำอะไรอีก มีแต่ท่านแม่กับพี่ใหญ่นี่ละ"หานตงเล่าให้ฟังว่า หลังจากที่นางออกไป แม่สามีกับพี่ชายคนโตก็บอกว่า รู้มาว่า ทางหานตงต้องการซื้อร้านในเมือง พวกเขามีคนรู้จัก ที่อยากขายร้านในย่านการค้าอยู่พอดี เพียงแต่ราคาที่ตั้งขายค่อนข้างสูง จึงหาคนซื้อได้ยาก หากพวกเขาหาคนมาซื้อได้ จะให้ค่านายหน้าถึงสิบตำลึงทองเลยทีเดียว"ร้านค้าในย่านการค้า ร้านเล็กๆ ก็ขายกันที่เจ็ดสิบหรือแปดสิบตำลึงทองแล้ว ส่วนร้านใหญ่หน่อยก็หนึ่งร้อยถึงสามร้อยตำลึงทอง เพียงแต่ที่ข้าสงสัย พี่ใหญ่ของท่านถึงจะเป็นพ่อค้า แต่ก็ค้าขายผลิตผลทางการเกษตรเท่านั้น จะรู้จักคนที่ย่านการค้าได้ยังไง""อาจจะเป็นน้องเล็กก็ได้ น้องเล็กเข้าไปเรียนหนังสือ
"ถูกต้องแล้ว นางไม่ใช่มารดาของเจ้า"หานตงหันกลับไปตามเสียง ร่างของชายชราเว่ยจื้อจงเดินเข้ามาภายในบ้านด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก"ท่านพี่ ท่านสัญญาแล้วว่าจะไม่พูดเรื่องนี้ ท่านกล้าผิดคำสาบาน?""ตอนนี้อาตงโตแล้ว เขาดูแลตัวเองได้แล้ว ตอนนั้นเจ้าใช้ชีวิตอาตงยามที่เป็นเด็กมาข่มขู่ข้า บีบบังคับให้ข้าไม่กล้าพูดอะไร แต่ตอนนี้เขาแข็งแกร่งขึ้นแล้ว มีคนที่เขารักและรักเขาคอยอยู่เคียงข้าง เขาไม่ต้องการความรักของเจ้าอีกแล้ว ส่วนข้าวันนี้ที่ผิดคำสาบาน ข้ายินดีตายอย่างอนาถ เป็นผีไม่มีญาติที่ไม่มีคนคอยเซ่นไหว้"" ฮ่ะ ฮ่ะ ฮะ่ ท่านยินดีตายอย่างอนาถ เพราะท่านต้องการไปพบนังหมัวเล่อ นังน้องสาวสารเลวคนนั้นของข้าใช่หรือไม่ ข้ารู้นะ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ท่านเอาแต่คิดถึงมัน"นางเว่ยหมัวหลานสติแตก เมื่อต้องมาพูดถึงคนที่นางเกลียดเข้ากระดูก"อาหลาน คนก็ตายไปนานแล้ว เหตุใดเจ้าจึงไม่เคยปล่อยวาง""ปล่อยวาง ทำไมข้าต้องปล่อยวางด้วย ข้าเกลียดมัน ตั้งแต่มันเกิดมา ใครๆก็พากันรักแต่มัน ไม่ว่าจะเป็นท่านพ่อท่านแม่ หรือแม้แต่ท่าน มันก็รู้ว่าข้าหลงรักท่าน แต่มันก็ยังจะยั่วยวนท่านให้หลงใหลมัน ได้ยินไหมไอ้เด็กสารเลว แม่ของแกเป็นผู
"ท่านแม่ ท่านแม่ขอรับ ได้โปรดตื่นเถิด อย่าทิ้งข้ากับท่านพ่อไปนะขอรับ ฮือ ฮือ""ท่านพ่อ ทำไมท่านแม่ถึงนอนแน่นิ่งแบบนี้ ท่านพ่อช่วยปลุกท่านแม่หน่อยขอรับ"เสียงใครกัน หนวกหูชะมัด ฉันขอนอนนานๆหน่อยได้ไหม เว่ยเหนียนเหยา คิดในใจอย่างรำคาญ เมื่อวานนี้กว่าเธอจะปิดบัญชีของภัตตาคารหรูระดับห้าดาวเสร็จ เธอต้องเคร่งเครียดจนลืมกินลืมนอนไปหลายคืน " เจ้าใหญ่ เจ้ารอง หยุดร้องไห้ก่อนเถอะ เจ้าดูแม่เจ้าไว้ก่อน เดียวพ่อจะไปตามท่านหมอจางมาดูแม่เจ้า"เสียงอีกเสียงดังขึ้น ฟังดูก็รู้ว่า น่าจะเป็นชายหนุ่มอายุไม่เยอะเท่าไหร่ ว่าแต่ว่าพวกเขาพูดถึงใครกัน แล้วคนพวกนี้เข้ามาอยู่ในบ้านเธอได้ยังไง แย่แล้ว!!! หรือว่าจะเป็นโจร เว่ยเหนียนเหยาคิดอย่างตกใจ พยายามที่จะลืมตาขึ้น แต่กลับรู้สึกปวดหัว และเจ็บข้างหลังท้ายทอยเป็นอย่างมาก หญิงสาวค่อยๆยกมือ ลูบไปยังบริเวณที่เจ็บ พร้อมกับลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก แสงสว่างสาดเข้ากับดวงตา ทำให้ตาของเธอพร่าไปเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆคุ้นชิน หญิงสาวกวาดสายตามองดูโดยรอบนี่เธออยู่ที่ไหน ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ หรือเธอถูกโจรจับมาเรียกค่าไถ่ สารพัดคำถามที่ไร้คำตอบดังขึ้นมาในหัว แต่ก่อนที
" ท่านพ่อเร็วเข้าเถอะขอรับ ท่านแม่อาการหนักแน่ๆ""ใช่ขอรับท่านพ่อ เมื่อครู่ท่านแม่จำข้ากับพี่ใหญ่ไม่ได้ด้วยขอรับ"เสียงโวยวายของเด็กทั้งสองดังขึ้น พ่อของเด็กน่าจะพาหมอกลับมาแล้ว หญิงสาวแสร้งนอนนิ่ง เพื่อรอดูเหตุการณ์ "ท่านหมอ ท่านช่วยตรวจดูภรรยาข้าหน่อยเถอะขอรับ"น้ำเสียงทุ้มกล่าวอย่างนอบน้อม หมอชราถอนหายใจในความอยุติธรรมที่ชายหนุ่มตรงหน้าได้รับ เขาบังเอิญรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น สองครอบครัวร่วมมือกันเล่นละคร เพื่อผลักดันชายหนึ่งหญิงหนึ่งที่ตนไม่ต้องการให้กระเด็นออกมา " หานตงเอ๋ย ข้าสงสารเจ้ายิ่งนัก เวรกรรมอะไรของเจ้าหนักหนา"ชายชราส่ายหน้า พลางนั่งลงตรงข้างร่างหญิงสาว หลังจากลงมือสำรวจบาดแผล และตรวจดูชีพจร เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง จึงมอบยารักษาบาดแผลไว้ให้ หมอชราปฏิเสธที่จะรับเงินค่ารักษา ขอรับเพียงแต่เงินค่ายาเท่านั้นหลังจากที่หมอชราจากไป ชายหนุ่มจึงปลอบโยนลูกทั้งสอง ก่อนจะนำกะละมังและผ้าชุบน้ำมาเช็ดตามเนื้อตัวของภรรยา เว่ยเหนียนเหยารู้สึกซาบซึ้งใจกับสิ่งที่ชายหนุ่มปฏิบัติต่อเธอ ร่างบางค่อยๆลืมตาขึ้นมองสบเข้ากับดวงตาคู่คม เธอมองเห็นความกังวลปนเปกับความโล่งอก"เจ้ารู้สึกเ
สองสามีภรรยาเดินขึ้นเขาอย่างเร่งรีบ เมื่อเดินไปถึงแค่ตีนเขา กลับพบกอไผ่ขึ้นอยู่อย่างมากมาย ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็พบกับความเขียวชอุ่ม นับว่าเป็นภูเขาที่มีความอุดมสมบูรณ์ไม่น้อยเว่ยเหนียนเหยารีบเดินเข้าไปสำรวจตรงกอไผ่ทันที หลังจากที่แหวกดูดวงตาก็เปล่งประกาย"ท่านพี่ ท่านมาช่วยข้าขุดหน่อไม้หน่อยเถิด เราจะได้นำกลับไปเป็นอาหารที่บ้าน""หน่อไม้พวกนี้มีรสฝาดไม่เหมาะจะนำไปเป็นอาหารหรอก"ชายหนุ่มส่ายหน้ากับความไม่รู้ของผู้เป็นภรรยา หญิงสาวหาได้ถือสา ด้วยเข้าใจว่าผู้คนในอดีตย่อมไม่รู้ว่าควรนำหน่อไม้มาปรุงอาหารเช่นไรนางเพียงขุดขึ้นมาเป็นตัวอย่างให้สามีดู พลางเน้นย้ำว่า ให้ขุดขึ้นมาให้เยอะหน่อยเท่านั้น เมื่อเห็นว่าสามีไม่ปฏิเสธ หญิงสาวจึงค่อยๆ เดินสำรวจไปทางอื่นนางหยุดมองที่ต้นไม้กอใหญ่กอหนึ่ง หลังจากที่พิจารณาอยู่ชั่วครู่ ก็ตัดสินใจขุดลงไปในดินใต้ต้นไม้นั้นสิ่งที่ปรากฏอยู่ในดินทำให้หญิงสาวยิ้มแก้วปริ อย่างน้อยๆ สิ่งนี้ก็ช่วยให้นางและครอบครัวรอดพ้นจากความหิวโหยไปได้พักใหญ่สองมือเรียวค่อยๆ นำสิ่งที่อยู่ในดินขึ้นมา มันฝรั่งหัวใหญ่ถูกดึงขึ้นมาใส่ลงไปในตะกร้าจนเต็มก่อนที่หญิงสาวจะเดินกลับไปหาสามี
ด้วยประสบการณ์ความยากจนที่เคยผ่านมา เรื่องการจุดไฟทำอาหารไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับนางหญิงสาวนำหม้อเก่าใบหนึ่งขึ้นมาใส่น้ำก่อนจะหั่นปลาเป็นชิ้นๆ ลงไปต้มในหม้อ หลังจากควบคุมไฟไม่ให้แรงจนเกินไป จากนั้นนางจึงนำมันฝรั่งออกมาปอกเปลือกและหั่นทิ้งไว้ มองดูปลาที่ต้มไว้มีฟองลอยอยู่ไม่น้อยจึงค่อยๆ ตักฟองคาวออก รอจนกระทั่งไม่มีฟองขึ้นมาอีก จากนั้นจึงใส่เกลือลงไปเล็กน้อยนางตักน้ำแกงขึ้นมาชิม รสชาติความหวานของเนื้อปลาบวกกับความเค็มของเกลือ แม้จะยังไม่ใช่อาหารเลิศรสแต่ก็น่าจะประทังความหิวไปได้เมื่อยกหม้อปลาลง นางรีบนำกระทะขึ้นตั้งไฟ ใส่น้ำลงไปเล็กน้อย นำมันฝรั่งลงไปผัดจนสุก จากนั้นปรุงรสชาติด้วยเกลืออีกหน่อยปลาสองตัวกับมันฝรั่งพวกนี้น่าจะช่วยให้มื้อนี้ของครอบครัวผ่านไปด้วยดี นางรีบนำอาหารออกไปวางบนโต๊ะกินข้าว ภายในบ้านไม่มีใครอยู่ กลับปรากฏเสียงดังอยู่ด้านนอกเว่ยเหนียนเหยาเดินออกไปตามเสียง พบว่าสามีกำลังทำความสะอาดอุปกรณ์ที่นำไปขึ้นเขา ส่วนบุตรชายทั้งสองก็นั่งเล่นกันอยู่ข้าง ๆ"ท่านพี่ เจ้าใหญ่ เจ้ารอง มากินอาหารกันเถอะ"เด็กทั้งสองเมื่อได้ยินเสียงมารดาเรียก ก็รีบวิ่งกรูเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว หญิงสาว
หญิงสาวจัดการย้ายข้าวของเข้าไปไว้ในครัวจนเรียบร้อย หลังจากเห็นสามีกลับมาพร้อมปลาตามที่ต้องการ อีกทั้งปลาสองตัวที่จะนำมาทำอาหารเย็น ก็จัดการทำความสะอาดมาเรียบร้อยแล้วเมื่อเห็นสามีพาบุตรชายทั้งสองออกไปนั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน นางจึงวางใจเดินกลับเข้าห้องไปอีกครั้ง ก่อนจะนำผ้าทั้ง2พับขึ้นมาดูอย่างครุ่นคิด นางเริ่มนำผ้าเช็ดหน้า ถุงเครื่องหอม และ ถุงเงินขึ้นมาพิจารณาจากนั้นจึงเลาะถุงเงิน ตามด้วยถุงเครื่องหอมออกเพื่อศึกษาวิธีการตัดเย็บ อาจจะเป็นด้วยโชคชะตากำหนดไว้ให้ จึงทำให้ช่วงหนึ่งในเวลาที่ยากลำบากนางเคยทำงานอยู่ในร้านเสื้อผ้าชั้นสูงแห่งหนึ่ง ร้านร้านนี้เป็นร้านไม่ใหญ่มาก แต่ราคาเสื้อผ้าแต่ละตัวแพงลิบลิ่วทีเดียว เนื่องจากเสื้อผ้าที่ตัดแต่ละตัว รวมไปถึงการปักลวดลายต่างๆ จะต้องใช้มือปักเท่านั้นงานที่ออกมาแต่ละตัวจะได้รับการตรวจทานจากสายตาอันเฉียบคมของเจ้าของร้าน หากทำไม่ดีไม่ละเอียดจะถูกต่อว่าและให้นำกลับไปแก้ไขมาใหม่ให้เรียบร้อย เว่ยเหนียนเหยาเป็นคนหัวดี แถมยังละเอียดใส่ใจ เจ้าของร้านจึงเอ็นดูนางเป็นอย่างมากพร่ำสอนสิ่งต่างๆ ให้อย่างไม่คิดหวงวิชา ตอนนี้นางรู้สึกขอบคุณเจ้าของร้านเป็นอย่างยิ
เวลาดึกสงัดรอบข้างไร้เสียงรบกวน หากแต่ร่างสูงใหญ่กลับไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ หานตงครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาตั้งแต่เช้าเขาจำได้ว่า ตัวเขาออกจากบ้านไปด้วยความหวังอันริบหรี่ หากแต่บ้านบิดามารดาเป็นเชือกเส้นสุดท้าย ที่เขาหวังจะเกาะเกี่ยวยามเมื่อกำลังจะจมน้ำแต่คำตอบที่ได้รับกลับทำให้รู้ว่า สิ่งที่เขาเห็นเป็นเชือก แท้จริงเป็นเพียงแค่ฟางเส้นบางๆ ที่ไม่สามารถยึดเกี่ยวอะไรได้เขาจำได้ดี วันแต่งงานของน้องชาย ที่บ้านจัดงานเลี้ยงใหญ่โต ทั้งข้าวปลาอาหารมีวางไว้เต็มโต๊ะไปหมด เพื่อนบ้านต่างพากันมาแสดงความยินดีแตกต่างจากงานแต่งงานของเขากับภรรยา ท่านแม่อ้างว่าเพราะพวกเขาทำผิดประเพณี หากจัดงานใหญ่โตยิ่งจะเป็นขี้ปากชาวบ้านไปทั่ว จึงจัดงานเล็กๆ ขึ้นมาเท่านั้นมาครั้งนี้เขาบากหน้าไปขอยืมข้าว หวังเพียงแค่ให้บุตรชายทั้งสองได้ประทังความหิวโหย คำตอบที่มารดาเขาให้คือ ครอบครัวเขาเป็นคนนอก อาหารมีเพียงพอสำหรับคนในครอบครัวเท่านั้นเขาเงยหน้าสบตากับบิดา อีกฝ่ายก็เอาแต่หลบสายตา แม้เขาจะรู้ดีว่า เรื่องทุกเรื่องในบ้านบิดาล้วนให้มารดาเป็นคนดูแลหากแต่เขายังหวังว่าบิดาจะมีความผูกพันกับเขาสักนิด ช่วยเอ่ยปากกับมาร
"ถูกต้องแล้ว นางไม่ใช่มารดาของเจ้า"หานตงหันกลับไปตามเสียง ร่างของชายชราเว่ยจื้อจงเดินเข้ามาภายในบ้านด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก"ท่านพี่ ท่านสัญญาแล้วว่าจะไม่พูดเรื่องนี้ ท่านกล้าผิดคำสาบาน?""ตอนนี้อาตงโตแล้ว เขาดูแลตัวเองได้แล้ว ตอนนั้นเจ้าใช้ชีวิตอาตงยามที่เป็นเด็กมาข่มขู่ข้า บีบบังคับให้ข้าไม่กล้าพูดอะไร แต่ตอนนี้เขาแข็งแกร่งขึ้นแล้ว มีคนที่เขารักและรักเขาคอยอยู่เคียงข้าง เขาไม่ต้องการความรักของเจ้าอีกแล้ว ส่วนข้าวันนี้ที่ผิดคำสาบาน ข้ายินดีตายอย่างอนาถ เป็นผีไม่มีญาติที่ไม่มีคนคอยเซ่นไหว้"" ฮ่ะ ฮ่ะ ฮะ่ ท่านยินดีตายอย่างอนาถ เพราะท่านต้องการไปพบนังหมัวเล่อ นังน้องสาวสารเลวคนนั้นของข้าใช่หรือไม่ ข้ารู้นะ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ท่านเอาแต่คิดถึงมัน"นางเว่ยหมัวหลานสติแตก เมื่อต้องมาพูดถึงคนที่นางเกลียดเข้ากระดูก"อาหลาน คนก็ตายไปนานแล้ว เหตุใดเจ้าจึงไม่เคยปล่อยวาง""ปล่อยวาง ทำไมข้าต้องปล่อยวางด้วย ข้าเกลียดมัน ตั้งแต่มันเกิดมา ใครๆก็พากันรักแต่มัน ไม่ว่าจะเป็นท่านพ่อท่านแม่ หรือแม้แต่ท่าน มันก็รู้ว่าข้าหลงรักท่าน แต่มันก็ยังจะยั่วยวนท่านให้หลงใหลมัน ได้ยินไหมไอ้เด็กสารเลว แม่ของแกเป็นผู
ภายในห้องนอน หานตงกำลังออดอ้อนเมียรัก อย่างสำนึกผิด ที่ไม่รู้เท่าทันมารยาหญิง ยิ่งเมื่อรู้ว่าหญิงสาวคนนั้นคิดไม่ซื่อกับตน ถึงขนาดให้ญาติผู้ใหญ่ของนาง มาบีบบังคับภรรยาของเขาแบบนี้เขาก็ยิ่งรังเกียจเข้าไปใหญ่"ข้าว่าพวกเขาคงไม่หยุดแค่นี้แน่เจ้าค่ะ ต่อไปพวกเราต้องคอยระวังตัวให้ดีๆ แล้วตอนที่ข้าไม่อยู่ นางได้แสดงกิริยาอะไรกับท่านหรือไม่เจ้าคะ""ก็มีบ้างนะ แต่เจอฤทธิ์เจ้าสองแสบนั่นเข้าไป ก็เลยไม่กล้าทำอะไรอีก มีแต่ท่านแม่กับพี่ใหญ่นี่ละ"หานตงเล่าให้ฟังว่า หลังจากที่นางออกไป แม่สามีกับพี่ชายคนโตก็บอกว่า รู้มาว่า ทางหานตงต้องการซื้อร้านในเมือง พวกเขามีคนรู้จัก ที่อยากขายร้านในย่านการค้าอยู่พอดี เพียงแต่ราคาที่ตั้งขายค่อนข้างสูง จึงหาคนซื้อได้ยาก หากพวกเขาหาคนมาซื้อได้ จะให้ค่านายหน้าถึงสิบตำลึงทองเลยทีเดียว"ร้านค้าในย่านการค้า ร้านเล็กๆ ก็ขายกันที่เจ็ดสิบหรือแปดสิบตำลึงทองแล้ว ส่วนร้านใหญ่หน่อยก็หนึ่งร้อยถึงสามร้อยตำลึงทอง เพียงแต่ที่ข้าสงสัย พี่ใหญ่ของท่านถึงจะเป็นพ่อค้า แต่ก็ค้าขายผลิตผลทางการเกษตรเท่านั้น จะรู้จักคนที่ย่านการค้าได้ยังไง""อาจจะเป็นน้องเล็กก็ได้ น้องเล็กเข้าไปเรียนหนังสือ
มู่ชุยเหลียนได้ยินเสียงพี่สาวต่างมารดากล่าวแบบนั้นก็ชักสีหน้า เตรียมจะโต้ตอบ แต่ถูกนางมู่ชิงเหมี่ยนจับมือไว้ จึงได้แต่กัดฟันก้มหน้า คิดอาฆาตแค้นอยู่ในใจ หึ รอให้ข้าได้แต่งเข้าไปก่อนเถอะ ข้าจะทำให้พี่เขยเฉดหัวพวกเจ้าสามคนแม่ลูกออกไปให้ได้"เหนียนเหยา วันนี้ท่านย่าของเจ้ากับท่านอารองก็มา นางสั่งให้ข้าพาเจ้าไปพบด้วย เจ้าก็ตามข้าไปคารวะท่านย่าของเจ้าสักหน่อยเถิด"ท่านย่า? หญิงสาวพยายามค้นความทรงจำของร่างเดิม ความทรงจำของร่างนี้กับท่านย่าของนางเรียกว่าเลวร้ายก็ได้ หญิงชราผู้นั้นเกลียดมารดากับเจ้าของร่างเป็นที่สุด เพราะมารดาของนางมาจากครอบครัวที่ยากจน แม้ตระกูลมู่จะไม่ถือว่าเป็นครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ท่านพ่อและท่านอาก็มีอาชีพเป็นพ่อค้าที่มั่นคง สามารถเลี้ยงดูครอบครัวให้สุขสบายได้ ท่านย่าของนางอยากจะให้ท่านพ่อแต่งงานกับหญิงสาวที่มีฐานะสักหน่อย เพื่อที่จะได้ยกระดับครอบครัว แต่ท่านพ่อหลงใหลในความงามของท่านแม่ จึงดื้อรั้นจนในที่สุดก็ได้แต่งงานกัน หลังจากอยู่กันได้ไม่นาน ท่านแม่ก็มีนาง แต่เพราะคลอดนางอย่างยากลำบาก ทำให้ท่านแม่สุขภาพอ่อนแอลง ไม่สามารถปรนนิบัติท่านพ่อได้อีก ท่านย่าถือโอกาสนั้นส่งนาง
"พี่สะใภ้ขอรับ สำหรับสบู่ของข้า ข้าคิดออกแล้วขอรับว่าจะทำยังไง"เซียนย้งเกิดความคิดขึ้นตอนที่เขาฟังพี่สะใภ้กับทุกคนวางแผนการค้าถ่านกัน"ไหนเจ้าลองว่ามาซิ อาย้ง""ตอนนี้สบู่ของข้ามีรูปร่างเหมือนสบู่ทั่วไปที่ขายอยู่ ข้าอยากให้ท่านช่วยข้าออกแบบแม่พิมพ์ขึ้นมาใหม่ นอกจากนั้นข้าอยากมีตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ที่จะให้คนทั่วไปรู้ว่า นี่เป็นสบู่ของพวกเราด้วยขอรับ""สัญลักษณ์?""ขอรับพี่สะใภ้ ข้าอยากตั้งชื่อทางการค้าให้คนรู้ว่า สินค้าพวกนี้มาจากครอบครัวของพวกเรา""ดีๆ ข้าเห็นด้วยกับเจ้า"อาเสิ้นตาโต เขาก็อยากให้ถ่านของเขามีชื่อร้านเหมือนกัน"แล้วเจ้าคิดชื่อไว้แล้วหรือยัง หรือจะให้พวกข้าช่วยคิดให้"หญิงสาวมองดูเด็กหนุ่มทั้งสองที่กระตือรือร้น ดวงตาเป็นประกายอย่างตื่นเต้น ก็ช่วยส่งเสริม"ข้าอยากให้ร้านของข้า ชื่อ เหนียนเหยา ขอรับ"หญิงสาวตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าเซียนย้งจะเสนอชื่อนางขึ้นมา"เจ้าพอจะบอกเหตุผลข้าได้หรือไม่อาย้ง"หานตงถามขึ้น เขาพอจะรู้ใจของน้องคนนี้ดี แต่ก็อยากจะรู้ว่า จะเหมือนที่เขาคิดไว้หรือไม่"เพราะพี่สะใภ้ เป็นเสมือนแสงสว่างที่สาดเข้ามาในชีวิตของครอบครัวข้า ขับไล่ความมืดมิด ช่วยให้ข้าเห
เว่ยเหนียนเหยายืนอยู่บนระเบียง คิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา นางนับถือนางลี่สือหลินมาก แม้จะรักบุตรชายเพียงใดแต่ก็ไม่ยอมเห็นผิดเป็นถูก กัดฟันส่งบุตรชายเข้ารับโทษที่ก่อตอนแรกนางยังคิดว่า นางลี่สือหลินจะล้มป่วยเพราะตรอมใจอยู่หลายวัน หากเพียงแค่สองวัน นางลี่สือหลินกลับลุกขึ้นไปทำงาน นางกับซินเซียงพยายามห้ามปรามขอให้พักผ่อนอีกสักหน่อยรอยยิ้มเศร้าสร้อยปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากคู่นั้น ก่อนจะกล่าวว่า" อาเหยา คนเป็นแม่จะอ่อนแอไม่ได้ ตอนนี้บุตรชายของข้ากำลังหกล้ม ข้าหวังว่า สักวันเขาจะคิดได้ และลุกขึ้นยืนใหม่ เมื่อนั้นมือคู่นี้ของข้ายังต้องช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้น"เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็น้ำตาคลอ ชาติที่แล้ว นางไม่มีพ่อแม่ ไม่เคยรับรู้ถึงความรักของพ่อแม่มาก่อน หญิงสาวคิดไปถึงต้นโสมเจ้าปัญหาต้นนั้น ที่บัดนี้ถูกนำไปเก็บไว้ในห้องของนางเป็นที่เรียบร้อยต้นโสมเพียงหนึ่งต้น แต่กลับลากดึงเอาความโลภโมโทสันภายในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ออกมาตีแผ่ นางหวังเพียงแต่ว่า ลี่ห่าวฟง จะไม่ทำให้มารดาของเขาผิดหวัง"พี่สะใภ้ พี่หานตงให้ข้ามาบอกท่านว่า วันนี้เป็นวันที่นัดกับช่างเฟิ่งไว้ขอรับ""เจ้าช่วยไปเรียกอาเสิ้นมาพบข้าหน
"ภรรยาเจ้าเร็วหน่อยเถอะ เราต้องรีบไปให้ทันรถเที่ยวเช้านะ""ท่านพี่จะรีบไปไหน ป่านนี้คนพวกนั้นยังไม่มีใครรู้หรอกน่า"นางลี่สือหลินยืนกำมือแน่นที่หน้าประตู จู่ๆประตูก็ถูกเปิดออกจากคนที่อยู่ข้างใน ห่าวฟงเห็นมารดา พร้อมน้องเขย น้องสาวยืนอยู่ก็ตกใจ พยายามตั้งสติ"ท่านแม่ ท่าน มาได้ยังไงขอรับ"นางลี่สือหลินมองดูบุตรชายที่ก้าวเท้าถอยหลังเข้าไปในบ้าน ในมือถือห่อผ้าห่อหนึ่ง"เจ้าใหญ่ พวกเจ้ารีบร้อนจะไปไหนกันแต่เช้า"นางลี่สือหลินไม่ตอบ แต่ย้อนถามบุตรชายแทน"พอ ดี แม่ภรรยาไม่ค่อยสบาย ข้าเลยจะพานางไปเยี่ยมดูอาการขอรับ"สะใภ้ตระกูลลี่เมื่อเห็นสามีส่งสายตามาให้ ก็รีบเอ่ยเสริมคำ"ใช่เจ้าค่ะท่านแม่สามี ท่านแม่ข้าไม่สบาย ข้าจึงจะรีบไปเยี่ยม อีกอย่างข้าอยากจะนำข่าวดีไปบอกท่านด้วยตัวเอง""พวกเจ้าก็เลยทำตัวเป็นบุตรเขยบุตรสาวที่ดี เอาต้นโสมไปเยี่ยมซินะ"นางลี่สือหลิน ตวาดออกไปอย่างหมดความอดทน มองมือบุตรชายที่กุมห่อผ้าแน่นเข้าไปอีก"ท่านแม่ ท่านพูดเรื่องอะไร ข้าไม่เข้าใจขอรับ""ข้าก็พูดเรื่องที่เจ้าสองสามีภรรยาเข้าไปขโมยโสมที่บ้านของอาเหยาไงละ"ห่าวฟงหน้าซีด เขารู้ตั้งแต่เห็นหน้ามารดาที่หน้าประตูแล้ว ว่าม
"มา มาลูกสะใภ้เจ้านั่งก่อน"นางลี่สือหลิน รีบบอกให้บุตรชายประคองลูกสะใภ้นั่งลงบนเก้าอี้"น้องสาว น้องเขยตอนนี้คงสบายดีสินะ ท่าทางจะร่ำรวยกันใหญ่"ลี่ห่าวฟงบุตรชายของนางลี่สือหลิน กล่าวออกมาอย่างประชดประชัน เขามองไปมองรอบๆบ้านหลังนี้ด้วยความอิจฉา ครั้งก่อนเขาเคยขอให้มารดา ช่วยพูดกับน้องสาวและน้องเขยว่าให้ตนและภรรยาเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วย แต่คนพวกนี้ล้วนแล้งน้ำใจต่อเขากับภรรยา ดีว่ามารดาแอบส่งเงินทองไปให้เขาใช้อยู่เรื่อยๆ ชีวิตเขากับภรรยาจึงไม่ได้ลำบากอะไร"พวกข้าก็แค่มีกินมีใช้นะขอรับ ท่านพี่ภรรยา"เซียนย้งจริงๆ ไม่ค่อยจะชอบพี่ภรรยาคนนี้มากนะ เพราะเขาเป็นคนหยิบโหย่งไม่ค่อยชอบทำงานเท่าไหร่ แถมยังชอบใช้กำลังกับภรรยาของเขาและท่านแม่ยายอยู่บ่อยครั้ง"เอาละ เอาละ มากินข้าวกันเถอะ วันนี้พวกเจ้าต้องกินเยอะๆนะ อ้าวข้าลืม พวกเจ้ากินกันไปก่อน ข้าไปเอาน้ำแกงไก่ที่บ้านอาเหยาก่อน"นางลี่สือหลินออกไปไม่นานก็กลับมาพร้อมน้ำแกงไก่ถ้วยใหญ่"อาเซียงเมื่อกี้ตอนแม่ไปตักน้ำแกงไก่ เห็นกล่องใส่โสมยังวางอยู่ในครัว เห็นอาย้งบอกว่า โสมหัวนั้นราคาหลายร้อยตำลึงทอง ทำไมเอามาวางไว้อย่างนั้นละ"ซินเซียงแอบมองไปยังพี่ชาย
ชุนเหมยเมื่อเห็นน้องสาวต่างสายเลือด กระวีกระวาดวิ่งออกไปหาสามีก็ส่ายหัวยิ้มๆ นางเดินออกจากห้องโถง มุ่งตรงกลับเข้าห้องนอนทันที"เวิ้นสุ่ย"เสียงราบเรียบของหญิงสาวคล้ายพูดคุยกับอากาศที่อยู่ภายในห้อง เงาดำสายหนึ่งเคลื่อนออกมาจากมุมห้องอย่างเงียบๆ"นายหญิง""เจ้าไปสืบเรื่องนั้นมาให้ข้า จำไว้ข้าต้องการเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียด"ไร้เสียงตอบรับใดๆ มีเพียงเงาดำสายนั้น ที่เลือนหายไปคล้ายไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ชุนเหมย เดินออกจากห้องไปช้าๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น"ท่านพี่ตอนที่อยู่ที่หอการค้ากลางทำไมท่านไม่ช่วยข้าออกความคิดเห็นบ้างเลยเจ้าค่ะ"หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างแง่งอน ที่สามีไม่ช่วยนางออกความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับร้านค้าที่นางจะซื้อ"ก็พี่ไม่มีความรู้เรื่องนี้ พี่ว่าร้านไหนเจ้าเห็นว่าดีพี่ก็ว่าดี พี่ล้วนเชื่อฟังเจ้าเหยาเอ๋อ"เซียงย้งกลั้นหัวเราะหน้าแดง เมื่อเห็นพี่ชายกลายสภาพเป็นแมวหนุ่มช่างออดอ้อนต่อหน้าพี่สะใภ้ ก่อนจะรีบปรับสีหน้า เมื่อเห็นสายตาพิฆาตที่พี่ชายส่งตรงมาให้"พี่สะใภ้ในเมื่อท่านยังไม่ถูกใจ ก็ค่อยๆ หาไปก็ได้ขอรับ ข้าและ พี่หานตงล้วนเชื่อฟังท่าน""อะ นั่น นั่น น่าจะใช่ร้านเหล็กที่พี่ช
เว่ยเหนียนเหยากำลังกล่าวขอตัวจากเหวินฉีและภรรยา แต่อาเสิ้นก็เดินเข้ามาในบ้านซะก่อน"พี่บุญธรรม ท่านพอจะมีเวลาสักครู่หรือไม่ขอรับ ถ่านเตาแรกตากแดดดีแล้ว ข้าอยากพาท่านไปดู""ได้สิ งั้นอาเซียงเจ้าไปโรงงานเถอะ เดี๋ยวพวกข้าจะไปกับอาเสิ้น"อาเสิ้นลากถ่านที่เขาเก็บใส่ตะกร้าแล้ว ออกมาให้ทุกคนดู หญิงสาวหยิบถ่านขึ้นมาตรวจดู เห็นว่าทุกก้อนแห้งสนิทแล้วจริงๆจึงให้อาเสิ้นลองก่อไฟขึ้นมาดู ถ่านนี้เป็นถ่านที่ทำจากเศษไม้ต่างๆที่เก็บมารวมกัน จึงทำให้มีควันไฟค่อนข้างมาก ซ้ำยังมีกลิ่นแรง แถมแรงไฟที่ได้ก็ไม่สม่ำเสมอนางบอกให้อาเสิ้นจดข้อเสียเหล่านี้ไว้ เพราะเตาต่อไปจะลองใช้ไม้ไผ่อย่างเดียว อาเสิ้นตื่นเต้นมากอยากจะรีบไปเก็บไม้ไผ่กลับมาทดลองแต่นางบอกว่า รอให้พวกนางกลับมาจากในเมืองก่อนจะดีกว่า จะได้มีคนขึ้นเขาไปเป็นเพื่อนเมื่อเห็นว่าไม่มีธุระอะไรที่ต้องทำในบ้านแล้ว เว่ยเหนียนเหยาจึงรีบเดินทางเข้าในเมือง วันนี้นางมีงานต้องทำมากมายเลยทีเดียวเมื่อมาถึงตัวเมือง นางให้สามีและเซียนย้ง นำปลาไหลที่ได้ไปขายก่อนหานตงจึงมุ่งหน้าไปที่ภัตตาคารที่เคยนำปลาไหลมาขายในครั้งก่อน เสี่ยวเอ้อจำพวกเขาได้ก็ร้องทักอย่างดีใจ"พวก