ภายในห้องนอน หานตงกำลังออดอ้อนเมียรัก อย่างสำนึกผิด ที่ไม่รู้เท่าทันมารยาหญิง ยิ่งเมื่อรู้ว่าหญิงสาวคนนั้นคิดไม่ซื่อกับตน ถึงขนาดให้ญาติผู้ใหญ่ของนาง มาบีบบังคับภรรยาของเขาแบบนี้เขาก็ยิ่งรังเกียจเข้าไปใหญ่
"ข้าว่าพวกเขาคงไม่หยุดแค่นี้แน่เจ้าค่ะ ต่อไปพวกเราต้องคอยระวังตัวให้ดีๆ แล้วตอนที่ข้าไม่อยู่ นางได้แสดงกิริยาอะไรกับท่านหรือไม่เจ้าคะ" "ก็มีบ้างนะ แต่เจอฤทธิ์เจ้าสองแสบนั่นเข้าไป ก็เลยไม่กล้าทำอะไรอีก มีแต่ท่านแม่กับพี่ใหญ่นี่ละ" หานตงเล่าให้ฟังว่า หลังจากที่นางออกไป แม่สามีกับพี่ชายคนโตก็บอกว่า รู้มาว่า ทางหานตงต้องการซื้อร้านในเมือง พวกเขามีคนรู้จัก ที่อยากขายร้านในย่านการค้าอยู่พอดี เพียงแต่ราคาที่ตั้งขายค่อนข้างสูง จึงหาคนซื้อได้ยาก หากพวกเขาหาคนมาซื้อได้ จะให้ค่านายหน้าถึงสิบตำลึงทองเลยทีเดียว "ร้านค้าในย่านการค้า ร้านเล็กๆ ก็ขายกันที่เจ็ดสิบหรือแปดสิบตำลึงทองแล้ว ส่วนร้านใหญ่หน่อยก็หนึ่งร้อยถึงสามร้อยตำลึงทอง เพียงแต่ที่ข้าสงสัย พี่ใหญ่ของท่านถึงจะเป็นพ่อค้า แต่ก็ค้าขายผลิตผลทางการเกษตรเท่านั้น จะรู้จักคนที่ย่านการค้าได้ยังไง" "อาจจะเป็นน้องเล็กก็ได้ น้องเล็กเข้าไปเรียนหนังสือในตัวเมืองตั้งแต่เด็ก ถ้าเป็นเขาก็มีเหตุผลที่จะเป็นไปได้ เพราะดูท่าทางของพี่ใหญ่เหมือนจะไม่รู้อะไรมาก" "แล้วเขาบอกอะไรอีกหรือไม่เจ้าคะ" "บอกแค่ว่า ฝ่ายนั้นอยากพบปะพูดคุยกับเราก่อน เห็นพี่ใหญ่บอกว่า ตัวเขา พี่สะใภ้และท่านแม่จะไปเป็นเพื่อนเราด้วย" "น่าแปลกที่น้องชายคนเล็กท่านไม่ไปด้วย เรื่องนี้น่าสงสัยเกินไป " "ถ้าอย่างนั้น พี่จะปฏิเสธไปก็แล้วกัน" "อย่าเพิ่งเจ้าค่ะ ข้าคิดว่านี่เป็นโอกาสอันดี ที่เราจะได้รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ข้าคิดว่าเราควรจะเสี่ยงดู อย่างน้อยการดึงศัตรูให้ออกมาสู่ที่สว่างก็ทำให้เราจัดการอะไรได้ง่ายขึ้นนะเจ้าคะ" "เจ้านอนก่อนเถอะ พี่จะออกไปคุยกับพี่เหวินฉีสักหน่อย" เมื่อถึงวันที่นัดหมาย หานตงนำรถม้าไปรับพี่ชายพี่สะใภ้และแม่ของตนนั่งรถม้าเข้าเมืองมุ่งตรงไปที่หอเจี๋ยงสุ่ย ตามที่ได้นัดหมาย แต่ครั้งนี้เขาได้พาเหวินฉีติดตามมาด้วยอีกคน เมื่อคนทั้งหมดมาถึงแล้ว ด้านหน้ามีเสี่ยวเอ้อมายืนรอต้อนรับ เมื่อทราบว่าทั้งหมดมีนัดหมายกับบุคคลสำคัญที่ห้องเบญจมาศ ก็ยิ่งนอบน้อมเข้าไปใหญ่ "เรื่องนี้เป็นเรื่องการค้าภายในครอบครัว ข้าว่าเอาคนอื่นเข้าไปนั่งด้วยดูจะไม่เหมาะเท่าไหร่นะ" นางเว่ยหมัวหลานเอ่ยขึ้น พลางมองเหวินฉี อย่างไม่ค่อยถูกชะตา "แต่ว่า" "ไม่เป็นไรหรอกอาตง ข้าจะรออยู่ที่นี่แหละ" เหวินฉีไม่อยากให้น้องชายมีปากเสียงกับมารดาจึงพูดตัดบทไปเสีย คนทั้งหมดเดินตามเสี่ยวเอ้อเข้าไปด้านในผ่านห้องโถงด้านล่างขึ้นชั้นสองไปที่ห้องส่วนตัว ข้างห้องแขวนชื่อห้องไว้อย่างชัดเจน ภายในห้องมีบุรุษรูปร่างสูงโปร่ง แต่งกายด้วยเสื้อผ้าเนื้อดี มองดูก็รู้ว่าเป็นคุณชายที่เกิดมาในตระกูลผู้มีเงิน "เชิญ เชิญทุกท่านขอรับ ข้าถังซูหมิ่น บุตรชายคนรองของตระกูลถัง พวกท่านคงเป็นคนที่นัดหมายจะมาคุยเรื่องซื้อร้านใช่หรือไม่" น้ำเสียงที่ใช้ดูไม่อ่อนน้อม ไม่เย่อหยิ่งจนเกินไป ดูก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้รู้หลักการค้าไม่ใช่น้อย "ใช่แล้วขอรับ ข้าเว่ยหานเวิ่น ส่วนนี้ภรรยาและมารดาของข้า ที่เป็นคนติดต่อท่านไป ส่วนนั้นคือเว่ยหานตงกับน้องสะใภ้ข้า เป็นผู้ที่ต้องการซื้อร้านค้าขอรับ" "ถ้างั้นก็เชิญนั่งรับน้ำชากันก่อน หอแห่งนี้มีขนมขึ้นชื่อมากมาย เสี่ยวเอ้อ เอาขนมขึ้นชื่อมาสักสี่ห้าอย่าง น้ำชาชั้นดีมาหนึ่งกา" ไม่นานของที่สั่งไว้ก็ถูกส่งเข้ามา ขนมสีสันสวยงาม ถูกวางเรียงรายไว้บนโต๊ะ พร้อมน้ำชาหนึ่งกา "มา พวกเรากินกันไป คุยกันไปเถอะ ไม่ทราบว่าพวกท่านต้องการร้านค้า แบบไหน ตอนนี้ข้ามีร้านสองร้านที่ต้องการขายออก เชิญท่านดูรายละเอียดก่อน" หานตงรับกระดาษสองแผ่นมาเปิดดูรายละเอียดพร้อมภรรยา หญิงสาวเหลือบตามองทุกคนที่ดื่มชาเข้าไปแล้ว จึงวางใจยกชาขึ้นดื่มตามมารยา สักครู่นางเว่ยหมัวหลานก็ขอให้เสี่ยวเอ้อช่วยนำทางไปทำธุระส่วนตัว การพูดจาเรื่องรายละเอียดของร้านค้าดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง "อ๊ากกกก" "อ๊ากกก" "อ๊ากกก" เสียงสามเสียงที่ดังขึ้นพร้อมกัน ทำให้คนทั้งสองที่กำลังก้มหน้า ดูแผ่นกระดาษในมือตกใจ "พี่ใหญ่ พี่สะใภ้" "คุณชายถัง พวกท่านเป็นอะไร" ภาพเบื้องหน้านางคือ พี่สามีกับพี่สะใภ้กระอักเลือดออกมากองโต ริมฝีปากเริ่มคล้ำ ตอนนี้นอนสลบไม่ได้สติ ส่วนคุณชายรองถังกระอักเลือดออกมาเหมือนกัน เพียงแต่ว่าอาการอาจจะไม่หนักเท่าทั้งสองคน "คุณชาย ท่านเป็นอะไรไปขอรับ" บ่าวรับใช้ที่ได้ยินเสียงร้อง รีบวิ่งเข้ามาในห้อง "ใน ข นม น่าจะมียาพิษ เร็ว พวกเจ้ารีบช่วยคนก่อน ข้ายังพอไว้" "พี่ชายกับพี่สะใภ้ของท่านกินขนมเข้าไปมาก ต้องรีบพาไปหาหมอ คุณชายท่านอดทนหน่อย ข้าส่งพวกเขาขึ้นรถม้า เดี๋ยวจะรีบกลับมารับท่าน" คุณชายถังหน้าซีดปากออกสีคล้ำนิดๆ แสดงว่าได้รับพิษเพียงนิดหน่อย พยักหน้ารับคำบ่าว หานตงละล้าละลัง เนื่องจากมารดาไปทำธุระส่วนตัวยังไม่กลับมา เว่ยเหนียนเหยาเห็นว่าเหตุการณ์คับขัน ซ้ำอีกฝ่ายก็ถูกพิษเหมือนกัน เป็นไปได้ว่านี่อาจจะเป็นการกระทำของศัตรูตระกูลถัง ตอนนี้สิ่งที่สำคัญคือช่วยชีวิตพี่สามีกับพี่สะใภ้ใหญ่เสียก่อน ทั้งคู่ดูท่าทางจะอาการหนักไม่น้อย "ท่านพี่ ท่านพาพี่สามีกับพี่สะใภ้ไปหาหมอก่อน ข้าจะรอรับท่านแม่ แล้วเดี๋ยวจะตามไปเจ้าค่ะ" หานตงพยักหน้ารับ ก่อนจะช่วยกันกับบ่าวชายพาคนทั้งหมดออกไป หญิงสาวเดินไปเดินมา รอนางเว่ยหมัวหลาน แต่ก็ไม่เห็นแม่สามีจะกลับมาสักที นางเห็นร่างคุณชายถังที่นั่งพิงเก้าอี้อย่างหมดแรง จึงเดินเข้าไปดูอย่างเป็นห่วง "คุณชายถัง ท่านเป็นอะไรหรือไม่เจ้าคะ" ขณะที่นางไม่ทันระวังตัว มือแกร่งข้างหนึ่งก็จับเข้าที่แขนของนาง คุณชายถังลืมตาขึ้น ปากยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ "หากได้สาวงามเช่นเจ้ามาปรนนิบัติข้าสักครู่ ข้าก็ไม่เป็นอะไรแล้ว" " ท่าน!" หญิงสาวใช้มืออีกข้าง บิดเข้าไปที่เส้นเอ็นมือของอีกฝ่าย ทำให้ชายหนุ่มเจ็บปวดจนต้องปล่อยมือ นางใช้ช่วงเวลานั้น รีบวิ่งไปที่ประตูหมายจะออกไปข้างนอก แต่ถูกร่างของชายหนุ่มเข้ามาขวางไว้ นางจำเป็นต้องถอยหลังใช้โต๊ะตัวใหญ่เป็นดังกำแพงป้องกันภัย "พวกท่านช่างลงทุนซะเหลือเกิน ถึงขนาดวางยาพิษตัวเอง เพื่อให้พวกข้าหลงกล แต่ไม่ว่าท่านจะทำยังไงข้าก็ไม่มีทางยกเลิกสัญญาการค้ากับร้านเชิงอี้ชิงเป็นอันขาด" "ช่างเป็นหญิงที่ชาญฉลาดจริงๆ ข้ายังไม่บอกเลยว่า ต้องการอะไร เจ้าก็เดาได้เสียแล้ว ข้าก็อยากจะรู้ว่า หากเจ้าตกเป็นของข้า ยังจะยืนยันคำนี้อยู่อีกหรือไม่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า" "อีกไม่นานสามีของข้าก็ต้องกลับมา ถ้าเจ้าทำอะไรข้า เขาไม่ปล่อยเจ้าแน่" "กว่าจะถึงตอนนั้น ข้าวสารก็กลายเป็นข้าวสุก เจ้าจะกล้าบอกสามีของเจ้าหรือ ว่าเจ้าตกเป็นของข้าแล้ว ต่อไปขอเพียงเจ้าเชื่อฟังข้า ข้ารับรองว่าจะดูแลเจ้ากับครอบครัวของเจ้าอย่างดี หึ หึ" เว่ยเหนียนเหยารู้สึกว่า ร่างกายของตัวเองเริ่มอ่อนแรง สมองเริ่มเหม่อลอย นางดึงปิ่นปักผมออกมา กดเข้าที่มือจนมีเลือดซึมออกมาเพื่อเรียกสติ สองมือปัดถ้วยชามลงไปจากโต๊ะจนเกิดเสียงดังไปทั่ว อดทน นางต้องอดทน นางเชื่อว่า ต้องมีคนมาช่วยนางแน่ๆ หญิงสาวคิดในใจก่อนสติจะดับวูบลง "อาเซียงเร็วเข้า นางฟื้นแล้ว เอายามาเร็ว" เว่ยเหนียนเหยาค่อยๆลืมตา เห็นนางลี่สือหลินที่เข้ามาพยุงนางให้ลุกขึ้นนั่ง ที่นี่ บ้าน นางกลับมาบ้านได้ยังไง แล้ว หญิงสาวตัวสั่นเทาอย่างตื่นตระหนก ซินเซียงที่กำลังยกยาเข้ามา รีบวางยาลง ก่อนจะเข้าไปปลอบหญิงสาว "พี่สะใภ้ ท่านไม่ต้องกลัว ไม่มีอะไรเกิดขึ้น พี่เหวินฉีเข้าไปช่วยท่านไว้ได้ทัน" หญิงสาวตัวอ่อนลงมาอย่างโล่งใจ แม้ตัวตนจะเป็นผู้หญิงสมัยใหม่ แต่ไม่ว่าอย่างไร ก็ไม่อยากให้ร่างกายของตัวเองต้องมีมลทินเพราะชายอื่น หลังจากกินยาเข้าไป สมองของเว่ยเหนียนเหยา เริ่มแจ่มใสขึ้น "ท่านพี่ กับพวกผู้ชายไปไหนกันหมด" นางไม่เชื่อว่า หานตงกับคนอื่นๆจะไม่เป็นห่วงนาง ในเมื่อพวกเขาไม่อยู่ที่นี่ ต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน "ท่านป้าลั่วฮวากับอาหงอยู่ที่โรงงานกำลังดูแลคนงานอยู่ ส่วนอาย้งน่าจะกำลังกลับมาจากการไปส่งท่านหมอจางเจ้าค่ะ" ซินเซียงตอบพลางหลบสายตาคาดคั้น "อาเซียงตอบข้ามา ว่าพวกเขาไปไหน ไม่อย่างนั้นข้าจะลงไปหาพวกเขาเอง" หญิงสาวทำท่าจะลุกขึ้น เซียนย้งกลับเข้ามาเห็นพอดี จึงรีบเดินเข้ามาห้ามไว้ "พี่สะใภ้ ร่างกายท่านยังไม่สู้ดีนัก แม้หมอจะบอกว่า ท่านได้รับยาสลบในปริมาณที่น้อย แต่ก็ยังส่งผลให้ร่างกายท่านไร้เรี่ยวแรง อีกอย่าง มือท่านก็ได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้ท่านพักผ่อนให้มากๆ ดีกว่าขอรับ เรื่องทั้งหมด เอาไว้ให้เป็นหน้าที่ของพวกข้าเองขอรับ" "อาย้งท่านพี่ไปบ้านแม่สามีใช่ไหม พวกอาเสิ้นก็ด้วยใช่หรือเปล่า ตอบมา เจ้าตอบข้ามา" "ใช่แล้วขอรับ พี่หานตงกับพวกอาเสิ้นบอกว่าจะไปทวงความยุติธรรมให้ท่าน" เซียนย้งตอบออกมา หลังจากเหวินฉีเข้าไปช่วยนางไว้ได้ทัน จากนั้นก็ลงมือซ้อมเจ้าสารเลวตระกูลถังจนรู้ความจริงว่า นี่เป็นแผนที่เขาวางไว้ร่วมกับเว่ยหานหมิงและมารดา ถังซูหมิ่นใช้ช่วงเวลาที่เหวินฉีหันไปสนใจเว่ยเหนียนเหยาหลบหนีไปได้ เหวินฉีรีบอุ้มหญิงสาวตรงไปที่ร้านยาที่หานตงอยู่ หานตงพอรู้เรื่องก็โมโหจนแทบคลั่ง หลังจากที่หมอตรวจดูอาการนาง ก็บอกว่านางได้รับยาสลบเข้าไป โชคดีที่ได้รับเพียงเล็กน้อย อีกไม่นานก็ฟื้น รอจนท่านหมอทำแผลที่มือให้นางเสร็จ เหวินฉีกับหานตงก็รีบพานางกลับมาบ้าน ทันที แต่รออยู่เป็นนานนางก็ยังไม่ฟื้น หานตงจึงให้เซียนย้งไปตามท่านหมอจางมาดูนางอีกรอบ หลังจากที่ท่านหมอจางตรวจดู ก็ยืนยันตามที่หมอในเมืองบอก แต่เมื่อเห็นว่าทุกคนดูกังวลใจ จึงช่วยฝังเข็ม เพื่อสลายอาการตกค้างของยาให้เร็วขึ้น เมื่อทุกคนรู้ว่านางปลอดภัย เหล่าบรรดาชายหนุ่มทั้งหมดก็เตรียมตัวจะไปบุกบ้านนางเว่ยหมัวหลาน จริงๆตัวเขาเองก็อยากจะไปด้วย แต่หานตงให้เขาไปส่งท่านหมอจาง และให้กลับมาคอยอยู่เป็นเพื่อนพวกผู้หญิงที่นี่ "อาย้ง พยุงข้าไปหาท่านพี่ เร็ว" "ทำไมละขอรับ คนพวกนั้นสมควรจะโดนแล้ว ครั้งนี้พี่หานตงโกรธมาก ไม่มีทางเห็นแก่หน้าท่านป้าแน่นอน" "นั่นแหละคือสิ่งที่ข้ากลัว ใช่ว่าข้าจะไม่เจ็บแค้นคนพวกนั้น แต่ข้าจะไม่ยอมให้คนของเรา ต้องเอาชีวิตทั้งชีวิตไปแลกกับชีวิตอันไร้ค่าของคนพวกนั้น หากพี่ชายของเจ้า หรือคนอื่นๆ พลั้งมือทำอะไรคนพวกนั้นจนถึงแก่ชีวิต มันจะคุ้มกันหรือ หนี้แค้นครั้งนี้ ข้าจดไว้แล้ว ไม่ว่าพวกมันจะเป็นใคร ต้องชดใช้ให้ข้าอย่างสาสม เพียงแต่ตอนนี้ เราต้องรีบไปห้ามพี่ชายของเจ้าก่อน" อาย้งถอนหายใจ ก่อนจะช่วยกันกับซินเซียงพยุงหญิงสาว เดินลงไปยังรถม้าข้างล่าง หานตง เหวินฉี และบรรดาบุตรชายตระกูลจงบุกเข้ามาในบ้านของนางเว่ยหมัวหลาน "ว๊าย! ท่านพี่สามี กลางวันแสกๆ ท่านพาคนบุกเข้ามาในบ้านข้าทำไมเจ้าคะ" "หานหมิงอยู่ไหน เรียกมันออกมาพบพวกข้า " อาเสิ้นกล่าวออกมาอย่างใจร้อน "เจ้าเป็นใคร มาพบสามีข้าเรื่องอะไร ตอนนี้สามีของข้าไม่อยู่ ออกไปทำธุระข้างนอก" หญิงสาวตอบโต้ ด้วยท่าทางมีพิรุธ หานตงมองนางอย่างคาดคั้น "จริงๆนะเจ้าคะพี่สามี สามีข้าออกไปทำธุระยังไม่กลับมาจริงๆ ตอนนี้ข้าเป็นผู้หญิง อยู่บ้านคนเดียว แถมยังมีสามีแล้ว พวกท่านเป็นเหล่าบุรุษ ซ้ำยังมามากมายหลายคน หากคนอื่นเห็นเข้า ข้าคงไม่พ้นถูกนินทา ข้าว่าพวกท่านกลับไปก่อนจะดีกว่า ถ้าสามีข้ากลับมา จะบอกให้เขาไปพบท่านที่บ้านนะเจ้าคะ" "ข้ากลัวแต่ว่า สามีของเจ้าจะไม่กล้าไปพบพี่เขยข้านะสิ" อาซ่างกล่าวออกมาอย่างเหยียดหยาม "ไม่ต้องไปสนใจนางค้นให้ทั่ว " หานตงสั่งออกมาอย่างดุดัน "หยุดนะ เจ้าจะทำอะไรอาตง กล้าดียังไงถึงสั่งคนให้ค้นบ้านข้า" เป็นเสียงนางเว่ยหมัวหลานที่ดังออกมา ก่อนที่นางจะเดินออกมาจากข้างใน หานตงกัดฟัน มือกำแน่น เรื่องที่เกิดขึ้นแม่ของเขามีส่วนรู้เห็นด้วยแน่นอน ทั้งวางยาบุตรชายคนโต กับลูกสะใภ้ ทั้งวางแผนให้คนอื่นมาข่มเหงภรรยาของเขา เขาอยากจะถามนางเหลือเกินว่า จิตใจของนางทำด้วยอะไร "ข้าเพียงแต่อยากพบอาหมิง ขอรับท่านแม่" "น้องสะใภ้เจ้าก็บอกเจ้าแล้วนี่ ว่าสามีของนางไม่อยู่ พวกเจ้าก็กลับกันไปก่อนเถอะ ตอนนี้ที่บ้านข้ามีแต่ผู้หญิงอยู่กัน ไม่เหมาะสมที่พวกเจ้าจะมาอยู่นานไป" นางเว่ยหมัวหลานทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว ว่าเกิดอะไรขึ้น พยายามขับไล่พวกของหานตงให้กลับไป "แต่ข้าเชื่อว่า เขาต้องอยู่ที่นี่ หากท่านแม่ไม่เรียกเขาออกมา ข้าก็คงไม่เกรงใจ พวกเจ้าไปค้นดูให้ทั่ว หาในบ้านหลังนี้ให้ทุกซอกทุกมุม " "พวกเจ้ากล้าเหรอ" นางเว่ยหมัวหลาน โกรธจนหน้าแดงเมื่อเห็นว่าหานตงไม่ฟังคำของนางอีกต่อไป "หากพวกเจ้ากล้าค้นบ้านข้า ข้าจะให้ลูกสะใภ้ไปร้องเรียนกับผู้ใหญ่บ้านเดี๋ยวนี้" "อย่างนั้นก็ดีสิขอรับ ถ้าอย่างนั้นข้าจะส่งเสริมท่านแม่ ให้พี่เหวินฉี นำคำข้าไปร้องเรียนต่อผู้นำตระกูลด้วย แล้วเรามาดูกันว่า พวกเขาจะเชื่อคำของข้า หรือของท่าน" นางเว่ยหมัวหลาน ไม่เคยเห็นท่าทางแบบนี้ของหานตงมาก่อน สายตาเย็นชามองนางเหมือนมองคนแปลกหน้า อีกทั้งกิริยาท่าทางที่ไม่สนใจความรู้สึกของนางเลยสักนิด หญิงชรากายสั่นสะท้านขึ้นมาทันที "ค้น ค้นให้ทั่ว หากเกิดเรื่องอะไรข้าจะรับผิดชอบเอง" หานตงออกคำสั่งกับคนทั้งหมดที่ตามมา ส่วนตัวเขาเอง กลับนั่งคอยอยู่ที่ห้องโถง เพื่อกันคนหลบหนีหานตงนั่งรอคอยอยู่ไม่นาน เหวินฉี กับอาเสิ้นก็คุมตัวคนออกมา ทั้งสองผลักร่างที่คุมออกมาลงไปบนพื้นอย่างแรง ร่างของเว่ยหานหมิงสั่นสะท้าน คุกเข่าอยู่ต่อหน้าพี่ชายคนรอง สักพักอาเส้ากับอาซ่างจึงเดินตามออกมา จากอีกส่วนหนึ่งของบ้าน "ไปเจอตัวมาจากที่ไหน" "มันไปแอบอยู่ในห้องส้วมนะสิ พวกสกปรกๆอย่างมัน ช่างหาที่แอบได้เหมาะสมกับตัวเองยิ่งนัก ถุย" อาเสิ้นถ่มน้ำลายรดร่างเว่ยหานหมิงอย่างดูแคลน " พี่รอง พี่รอง ข้าขอโทษยกโทษให้ข้าด้วย โอ๊ยยย ท่านแม่ ช่วยข้าด้วยท่านแม่" เว่ยหานหมิงร้องออกมา อย่างเจ็บปวดเมื่อถูกหานตงถีบจนล้มลงไปกับพื้น นางเว่ยหมัวหลานเห็นบุตรชายคนเล็กถูกทำร้าย ก็ถลาลงไปปกป้อง ในขณะที่ลูกสะใภ้ได้แต่ยืนตัวสั่นอยู่ข้างๆ "หยุดนะ" หานตงไม่สนใจ ดันร่างนางให้ออกห่าง กระชากร่างน้องชายให้ยืนขึ้นก่อนจะประเคนทั้งมือและเท้าลงไปบนร่างของน้องชายอย่างโกรธแค้น เว่ยหานหมิงครวญครางอย่างเจ็บปวด ก่อนกระอักเลือดออกมา ทรุดลงไปกับพื้น นางเว่ยหมัวหลานเห็นบุตรชายมีสภาพปางตายก็ขาดสติ วิ่งเข้าไปทุบตีหานตงอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะยกมือตบไปที่หน้าของหานตงอย่างแรง "เจ้าเด็กชั่ว เจ้าคนเนรคุณ เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาทำร้ายบุตรชายข้า" หานตงมองหญิงชราตรงหน้าอย่างปวดร้าว ไม่ว่าน้องเล็กทำผิดอย่างไร นางก็ล้วนแต่ปกป้อง "ท่านแม่ ท่านว่าข้าไม่มีสิทธิ์ ทำร้ายบุตรชายท่าน แล้วข้าที่ยืนอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่บุตรชายท่านหรือยังไง" ตัดจบแบบบบบบบบนี้ ไรท์หลบ (ที.......) เป้ป"ถูกต้องแล้ว นางไม่ใช่มารดาของเจ้า"หานตงหันกลับไปตามเสียง ร่างของชายชราเว่ยจื้อจงเดินเข้ามาภายในบ้านด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก"ท่านพี่ ท่านสัญญาแล้วว่าจะไม่พูดเรื่องนี้ ท่านกล้าผิดคำสาบาน?""ตอนนี้อาตงโตแล้ว เขาดูแลตัวเองได้แล้ว ตอนนั้นเจ้าใช้ชีวิตอาตงยามที่เป็นเด็กมาข่มขู่ข้า บีบบังคับให้ข้าไม่กล้าพูดอะไร แต่ตอนนี้เขาแข็งแกร่งขึ้นแล้ว มีคนที่เขารักและรักเขาคอยอยู่เคียงข้าง เขาไม่ต้องการความรักของเจ้าอีกแล้ว ส่วนข้าวันนี้ที่ผิดคำสาบาน ข้ายินดีตายอย่างอนาถ เป็นผีไม่มีญาติที่ไม่มีคนคอยเซ่นไหว้"" ฮ่ะ ฮ่ะ ฮะ่ ท่านยินดีตายอย่างอนาถ เพราะท่านต้องการไปพบนังหมัวเล่อ นังน้องสาวสารเลวคนนั้นของข้าใช่หรือไม่ ข้ารู้นะ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ท่านเอาแต่คิดถึงมัน"นางเว่ยหมัวหลานสติแตก เมื่อต้องมาพูดถึงคนที่นางเกลียดเข้ากระดูก"อาหลาน คนก็ตายไปนานแล้ว เหตุใดเจ้าจึงไม่เคยปล่อยวาง""ปล่อยวาง ทำไมข้าต้องปล่อยวางด้วย ข้าเกลียดมัน ตั้งแต่มันเกิดมา ใครๆก็พากันรักแต่มัน ไม่ว่าจะเป็นท่านพ่อท่านแม่ หรือแม้แต่ท่าน มันก็รู้ว่าข้าหลงรักท่าน แต่มันก็ยังจะยั่วยวนท่านให้หลงใหลมัน ได้ยินไหมไอ้เด็กสารเลว แม่ของแกเป็นผู
"ท่านแม่ ท่านแม่ขอรับ ได้โปรดตื่นเถิด อย่าทิ้งข้ากับท่านพ่อไปนะขอรับ ฮือ ฮือ""ท่านพ่อ ทำไมท่านแม่ถึงนอนแน่นิ่งแบบนี้ ท่านพ่อช่วยปลุกท่านแม่หน่อยขอรับ"เสียงใครกัน หนวกหูชะมัด ฉันขอนอนนานๆหน่อยได้ไหม เว่ยเหนียนเหยา คิดในใจอย่างรำคาญ เมื่อวานนี้กว่าเธอจะปิดบัญชีของภัตตาคารหรูระดับห้าดาวเสร็จ เธอต้องเคร่งเครียดจนลืมกินลืมนอนไปหลายคืน " เจ้าใหญ่ เจ้ารอง หยุดร้องไห้ก่อนเถอะ เจ้าดูแม่เจ้าไว้ก่อน เดียวพ่อจะไปตามท่านหมอจางมาดูแม่เจ้า"เสียงอีกเสียงดังขึ้น ฟังดูก็รู้ว่า น่าจะเป็นชายหนุ่มอายุไม่เยอะเท่าไหร่ ว่าแต่ว่าพวกเขาพูดถึงใครกัน แล้วคนพวกนี้เข้ามาอยู่ในบ้านเธอได้ยังไง แย่แล้ว!!! หรือว่าจะเป็นโจร เว่ยเหนียนเหยาคิดอย่างตกใจ พยายามที่จะลืมตาขึ้น แต่กลับรู้สึกปวดหัว และเจ็บข้างหลังท้ายทอยเป็นอย่างมาก หญิงสาวค่อยๆยกมือ ลูบไปยังบริเวณที่เจ็บ พร้อมกับลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก แสงสว่างสาดเข้ากับดวงตา ทำให้ตาของเธอพร่าไปเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆคุ้นชิน หญิงสาวกวาดสายตามองดูโดยรอบนี่เธออยู่ที่ไหน ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ หรือเธอถูกโจรจับมาเรียกค่าไถ่ สารพัดคำถามที่ไร้คำตอบดังขึ้นมาในหัว แต่ก่อนที
" ท่านพ่อเร็วเข้าเถอะขอรับ ท่านแม่อาการหนักแน่ๆ""ใช่ขอรับท่านพ่อ เมื่อครู่ท่านแม่จำข้ากับพี่ใหญ่ไม่ได้ด้วยขอรับ"เสียงโวยวายของเด็กทั้งสองดังขึ้น พ่อของเด็กน่าจะพาหมอกลับมาแล้ว หญิงสาวแสร้งนอนนิ่ง เพื่อรอดูเหตุการณ์ "ท่านหมอ ท่านช่วยตรวจดูภรรยาข้าหน่อยเถอะขอรับ"น้ำเสียงทุ้มกล่าวอย่างนอบน้อม หมอชราถอนหายใจในความอยุติธรรมที่ชายหนุ่มตรงหน้าได้รับ เขาบังเอิญรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น สองครอบครัวร่วมมือกันเล่นละคร เพื่อผลักดันชายหนึ่งหญิงหนึ่งที่ตนไม่ต้องการให้กระเด็นออกมา " หานตงเอ๋ย ข้าสงสารเจ้ายิ่งนัก เวรกรรมอะไรของเจ้าหนักหนา"ชายชราส่ายหน้า พลางนั่งลงตรงข้างร่างหญิงสาว หลังจากลงมือสำรวจบาดแผล และตรวจดูชีพจร เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง จึงมอบยารักษาบาดแผลไว้ให้ หมอชราปฏิเสธที่จะรับเงินค่ารักษา ขอรับเพียงแต่เงินค่ายาเท่านั้นหลังจากที่หมอชราจากไป ชายหนุ่มจึงปลอบโยนลูกทั้งสอง ก่อนจะนำกะละมังและผ้าชุบน้ำมาเช็ดตามเนื้อตัวของภรรยา เว่ยเหนียนเหยารู้สึกซาบซึ้งใจกับสิ่งที่ชายหนุ่มปฏิบัติต่อเธอ ร่างบางค่อยๆลืมตาขึ้นมองสบเข้ากับดวงตาคู่คม เธอมองเห็นความกังวลปนเปกับความโล่งอก"เจ้ารู้สึกเ
สองสามีภรรยาเดินขึ้นเขาอย่างเร่งรีบ เมื่อเดินไปถึงแค่ตีนเขา กลับพบกอไผ่ขึ้นอยู่อย่างมากมาย ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็พบกับความเขียวชอุ่ม นับว่าเป็นภูเขาที่มีความอุดมสมบูรณ์ไม่น้อยเว่ยเหนียนเหยารีบเดินเข้าไปสำรวจตรงกอไผ่ทันที หลังจากที่แหวกดูดวงตาก็เปล่งประกาย"ท่านพี่ ท่านมาช่วยข้าขุดหน่อไม้หน่อยเถิด เราจะได้นำกลับไปเป็นอาหารที่บ้าน""หน่อไม้พวกนี้มีรสฝาดไม่เหมาะจะนำไปเป็นอาหารหรอก"ชายหนุ่มส่ายหน้ากับความไม่รู้ของผู้เป็นภรรยา หญิงสาวหาได้ถือสา ด้วยเข้าใจว่าผู้คนในอดีตย่อมไม่รู้ว่าควรนำหน่อไม้มาปรุงอาหารเช่นไรนางเพียงขุดขึ้นมาเป็นตัวอย่างให้สามีดู พลางเน้นย้ำว่า ให้ขุดขึ้นมาให้เยอะหน่อยเท่านั้น เมื่อเห็นว่าสามีไม่ปฏิเสธ หญิงสาวจึงค่อยๆ เดินสำรวจไปทางอื่นนางหยุดมองที่ต้นไม้กอใหญ่กอหนึ่ง หลังจากที่พิจารณาอยู่ชั่วครู่ ก็ตัดสินใจขุดลงไปในดินใต้ต้นไม้นั้นสิ่งที่ปรากฏอยู่ในดินทำให้หญิงสาวยิ้มแก้วปริ อย่างน้อยๆ สิ่งนี้ก็ช่วยให้นางและครอบครัวรอดพ้นจากความหิวโหยไปได้พักใหญ่สองมือเรียวค่อยๆ นำสิ่งที่อยู่ในดินขึ้นมา มันฝรั่งหัวใหญ่ถูกดึงขึ้นมาใส่ลงไปในตะกร้าจนเต็มก่อนที่หญิงสาวจะเดินกลับไปหาสามี
ด้วยประสบการณ์ความยากจนที่เคยผ่านมา เรื่องการจุดไฟทำอาหารไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับนางหญิงสาวนำหม้อเก่าใบหนึ่งขึ้นมาใส่น้ำก่อนจะหั่นปลาเป็นชิ้นๆ ลงไปต้มในหม้อ หลังจากควบคุมไฟไม่ให้แรงจนเกินไป จากนั้นนางจึงนำมันฝรั่งออกมาปอกเปลือกและหั่นทิ้งไว้ มองดูปลาที่ต้มไว้มีฟองลอยอยู่ไม่น้อยจึงค่อยๆ ตักฟองคาวออก รอจนกระทั่งไม่มีฟองขึ้นมาอีก จากนั้นจึงใส่เกลือลงไปเล็กน้อยนางตักน้ำแกงขึ้นมาชิม รสชาติความหวานของเนื้อปลาบวกกับความเค็มของเกลือ แม้จะยังไม่ใช่อาหารเลิศรสแต่ก็น่าจะประทังความหิวไปได้เมื่อยกหม้อปลาลง นางรีบนำกระทะขึ้นตั้งไฟ ใส่น้ำลงไปเล็กน้อย นำมันฝรั่งลงไปผัดจนสุก จากนั้นปรุงรสชาติด้วยเกลืออีกหน่อยปลาสองตัวกับมันฝรั่งพวกนี้น่าจะช่วยให้มื้อนี้ของครอบครัวผ่านไปด้วยดี นางรีบนำอาหารออกไปวางบนโต๊ะกินข้าว ภายในบ้านไม่มีใครอยู่ กลับปรากฏเสียงดังอยู่ด้านนอกเว่ยเหนียนเหยาเดินออกไปตามเสียง พบว่าสามีกำลังทำความสะอาดอุปกรณ์ที่นำไปขึ้นเขา ส่วนบุตรชายทั้งสองก็นั่งเล่นกันอยู่ข้าง ๆ"ท่านพี่ เจ้าใหญ่ เจ้ารอง มากินอาหารกันเถอะ"เด็กทั้งสองเมื่อได้ยินเสียงมารดาเรียก ก็รีบวิ่งกรูเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว หญิงสาว
หญิงสาวจัดการย้ายข้าวของเข้าไปไว้ในครัวจนเรียบร้อย หลังจากเห็นสามีกลับมาพร้อมปลาตามที่ต้องการ อีกทั้งปลาสองตัวที่จะนำมาทำอาหารเย็น ก็จัดการทำความสะอาดมาเรียบร้อยแล้วเมื่อเห็นสามีพาบุตรชายทั้งสองออกไปนั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน นางจึงวางใจเดินกลับเข้าห้องไปอีกครั้ง ก่อนจะนำผ้าทั้ง2พับขึ้นมาดูอย่างครุ่นคิด นางเริ่มนำผ้าเช็ดหน้า ถุงเครื่องหอม และ ถุงเงินขึ้นมาพิจารณาจากนั้นจึงเลาะถุงเงิน ตามด้วยถุงเครื่องหอมออกเพื่อศึกษาวิธีการตัดเย็บ อาจจะเป็นด้วยโชคชะตากำหนดไว้ให้ จึงทำให้ช่วงหนึ่งในเวลาที่ยากลำบากนางเคยทำงานอยู่ในร้านเสื้อผ้าชั้นสูงแห่งหนึ่ง ร้านร้านนี้เป็นร้านไม่ใหญ่มาก แต่ราคาเสื้อผ้าแต่ละตัวแพงลิบลิ่วทีเดียว เนื่องจากเสื้อผ้าที่ตัดแต่ละตัว รวมไปถึงการปักลวดลายต่างๆ จะต้องใช้มือปักเท่านั้นงานที่ออกมาแต่ละตัวจะได้รับการตรวจทานจากสายตาอันเฉียบคมของเจ้าของร้าน หากทำไม่ดีไม่ละเอียดจะถูกต่อว่าและให้นำกลับไปแก้ไขมาใหม่ให้เรียบร้อย เว่ยเหนียนเหยาเป็นคนหัวดี แถมยังละเอียดใส่ใจ เจ้าของร้านจึงเอ็นดูนางเป็นอย่างมากพร่ำสอนสิ่งต่างๆ ให้อย่างไม่คิดหวงวิชา ตอนนี้นางรู้สึกขอบคุณเจ้าของร้านเป็นอย่างยิ
เวลาดึกสงัดรอบข้างไร้เสียงรบกวน หากแต่ร่างสูงใหญ่กลับไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ หานตงครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาตั้งแต่เช้าเขาจำได้ว่า ตัวเขาออกจากบ้านไปด้วยความหวังอันริบหรี่ หากแต่บ้านบิดามารดาเป็นเชือกเส้นสุดท้าย ที่เขาหวังจะเกาะเกี่ยวยามเมื่อกำลังจะจมน้ำแต่คำตอบที่ได้รับกลับทำให้รู้ว่า สิ่งที่เขาเห็นเป็นเชือก แท้จริงเป็นเพียงแค่ฟางเส้นบางๆ ที่ไม่สามารถยึดเกี่ยวอะไรได้เขาจำได้ดี วันแต่งงานของน้องชาย ที่บ้านจัดงานเลี้ยงใหญ่โต ทั้งข้าวปลาอาหารมีวางไว้เต็มโต๊ะไปหมด เพื่อนบ้านต่างพากันมาแสดงความยินดีแตกต่างจากงานแต่งงานของเขากับภรรยา ท่านแม่อ้างว่าเพราะพวกเขาทำผิดประเพณี หากจัดงานใหญ่โตยิ่งจะเป็นขี้ปากชาวบ้านไปทั่ว จึงจัดงานเล็กๆ ขึ้นมาเท่านั้นมาครั้งนี้เขาบากหน้าไปขอยืมข้าว หวังเพียงแค่ให้บุตรชายทั้งสองได้ประทังความหิวโหย คำตอบที่มารดาเขาให้คือ ครอบครัวเขาเป็นคนนอก อาหารมีเพียงพอสำหรับคนในครอบครัวเท่านั้นเขาเงยหน้าสบตากับบิดา อีกฝ่ายก็เอาแต่หลบสายตา แม้เขาจะรู้ดีว่า เรื่องทุกเรื่องในบ้านบิดาล้วนให้มารดาเป็นคนดูแลหากแต่เขายังหวังว่าบิดาจะมีความผูกพันกับเขาสักนิด ช่วยเอ่ยปากกับมาร
สองสามวันที่ผ่าน เว่ยเหนียนเหยาได้ขอให้สามีพานางไปเลือกซื้อของที่ร้านเล็กๆ ในหมู่บ้าน เนื่องจากนางเห็นว่า ข้าวสารและเครื่องปรุงต่างๆ นั้นร่อยหรอจนแทบจะหมดลงไปแล้วหลังจากที่ช่วยกันขนข้าวของกลับมาเก็บไว้ที่บ้าน นางจึงขอให้สามีช่วยดูแลบุตรชายในช่วงนี้ โดยอ้างกับสามีไปว่า ในช่วงนี้ร่างกายของนางยังไม่แข็งแรง อีกทั้งบุตรชายทั้งสองยังเล็ก หากช่วงนี้สามีต้องออกไปขึ้นเขา เกรงว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นหานตงเองเห็นว่า ในเมื่อไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารการกินไปอีกพักใหญ่ เรื่องที่ภรรยาขอร้องก็ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร ยังไงที่ผ่านมาเขาก็ดูแลบุตรชายทั้งสองมาเพียงคนเดียวอยู่แล้วเว่ยเหนียนเหยาเร่งมือปักผ้าตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน นางรู้ว่าตอนนี้ทางบ้านเหลือเงินอยู่ไม่มากแล้ว ที่ทางที่จะเอาไว้เพาะปลูกก็ไม่มี เนื่องจากทางบ้านสามีซื้อที่ให้เฉพาะเพียงพอปลูกบ้านหลังนี้เท่านั้นหญิงสาวถอนหายใจ ก่อนจะมองดูผลงานที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้าเฮ้อ ในที่สุดก็เสร็จเสียที ร่างบางขยับคอขยับไหล่ไล่ความเมื่อยขบที่เกาะกินตามร่างกาย หลังจากตรวจทานความเรียบร้อยของงานอีกรอบ นางก็พาร่างที่ไร้เรี่ยวแรงจากการโหมงานมาตลอดวันไปนอนบน
"ถูกต้องแล้ว นางไม่ใช่มารดาของเจ้า"หานตงหันกลับไปตามเสียง ร่างของชายชราเว่ยจื้อจงเดินเข้ามาภายในบ้านด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก"ท่านพี่ ท่านสัญญาแล้วว่าจะไม่พูดเรื่องนี้ ท่านกล้าผิดคำสาบาน?""ตอนนี้อาตงโตแล้ว เขาดูแลตัวเองได้แล้ว ตอนนั้นเจ้าใช้ชีวิตอาตงยามที่เป็นเด็กมาข่มขู่ข้า บีบบังคับให้ข้าไม่กล้าพูดอะไร แต่ตอนนี้เขาแข็งแกร่งขึ้นแล้ว มีคนที่เขารักและรักเขาคอยอยู่เคียงข้าง เขาไม่ต้องการความรักของเจ้าอีกแล้ว ส่วนข้าวันนี้ที่ผิดคำสาบาน ข้ายินดีตายอย่างอนาถ เป็นผีไม่มีญาติที่ไม่มีคนคอยเซ่นไหว้"" ฮ่ะ ฮ่ะ ฮะ่ ท่านยินดีตายอย่างอนาถ เพราะท่านต้องการไปพบนังหมัวเล่อ นังน้องสาวสารเลวคนนั้นของข้าใช่หรือไม่ ข้ารู้นะ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ท่านเอาแต่คิดถึงมัน"นางเว่ยหมัวหลานสติแตก เมื่อต้องมาพูดถึงคนที่นางเกลียดเข้ากระดูก"อาหลาน คนก็ตายไปนานแล้ว เหตุใดเจ้าจึงไม่เคยปล่อยวาง""ปล่อยวาง ทำไมข้าต้องปล่อยวางด้วย ข้าเกลียดมัน ตั้งแต่มันเกิดมา ใครๆก็พากันรักแต่มัน ไม่ว่าจะเป็นท่านพ่อท่านแม่ หรือแม้แต่ท่าน มันก็รู้ว่าข้าหลงรักท่าน แต่มันก็ยังจะยั่วยวนท่านให้หลงใหลมัน ได้ยินไหมไอ้เด็กสารเลว แม่ของแกเป็นผู
ภายในห้องนอน หานตงกำลังออดอ้อนเมียรัก อย่างสำนึกผิด ที่ไม่รู้เท่าทันมารยาหญิง ยิ่งเมื่อรู้ว่าหญิงสาวคนนั้นคิดไม่ซื่อกับตน ถึงขนาดให้ญาติผู้ใหญ่ของนาง มาบีบบังคับภรรยาของเขาแบบนี้เขาก็ยิ่งรังเกียจเข้าไปใหญ่"ข้าว่าพวกเขาคงไม่หยุดแค่นี้แน่เจ้าค่ะ ต่อไปพวกเราต้องคอยระวังตัวให้ดีๆ แล้วตอนที่ข้าไม่อยู่ นางได้แสดงกิริยาอะไรกับท่านหรือไม่เจ้าคะ""ก็มีบ้างนะ แต่เจอฤทธิ์เจ้าสองแสบนั่นเข้าไป ก็เลยไม่กล้าทำอะไรอีก มีแต่ท่านแม่กับพี่ใหญ่นี่ละ"หานตงเล่าให้ฟังว่า หลังจากที่นางออกไป แม่สามีกับพี่ชายคนโตก็บอกว่า รู้มาว่า ทางหานตงต้องการซื้อร้านในเมือง พวกเขามีคนรู้จัก ที่อยากขายร้านในย่านการค้าอยู่พอดี เพียงแต่ราคาที่ตั้งขายค่อนข้างสูง จึงหาคนซื้อได้ยาก หากพวกเขาหาคนมาซื้อได้ จะให้ค่านายหน้าถึงสิบตำลึงทองเลยทีเดียว"ร้านค้าในย่านการค้า ร้านเล็กๆ ก็ขายกันที่เจ็ดสิบหรือแปดสิบตำลึงทองแล้ว ส่วนร้านใหญ่หน่อยก็หนึ่งร้อยถึงสามร้อยตำลึงทอง เพียงแต่ที่ข้าสงสัย พี่ใหญ่ของท่านถึงจะเป็นพ่อค้า แต่ก็ค้าขายผลิตผลทางการเกษตรเท่านั้น จะรู้จักคนที่ย่านการค้าได้ยังไง""อาจจะเป็นน้องเล็กก็ได้ น้องเล็กเข้าไปเรียนหนังสือ
มู่ชุยเหลียนได้ยินเสียงพี่สาวต่างมารดากล่าวแบบนั้นก็ชักสีหน้า เตรียมจะโต้ตอบ แต่ถูกนางมู่ชิงเหมี่ยนจับมือไว้ จึงได้แต่กัดฟันก้มหน้า คิดอาฆาตแค้นอยู่ในใจ หึ รอให้ข้าได้แต่งเข้าไปก่อนเถอะ ข้าจะทำให้พี่เขยเฉดหัวพวกเจ้าสามคนแม่ลูกออกไปให้ได้"เหนียนเหยา วันนี้ท่านย่าของเจ้ากับท่านอารองก็มา นางสั่งให้ข้าพาเจ้าไปพบด้วย เจ้าก็ตามข้าไปคารวะท่านย่าของเจ้าสักหน่อยเถิด"ท่านย่า? หญิงสาวพยายามค้นความทรงจำของร่างเดิม ความทรงจำของร่างนี้กับท่านย่าของนางเรียกว่าเลวร้ายก็ได้ หญิงชราผู้นั้นเกลียดมารดากับเจ้าของร่างเป็นที่สุด เพราะมารดาของนางมาจากครอบครัวที่ยากจน แม้ตระกูลมู่จะไม่ถือว่าเป็นครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ท่านพ่อและท่านอาก็มีอาชีพเป็นพ่อค้าที่มั่นคง สามารถเลี้ยงดูครอบครัวให้สุขสบายได้ ท่านย่าของนางอยากจะให้ท่านพ่อแต่งงานกับหญิงสาวที่มีฐานะสักหน่อย เพื่อที่จะได้ยกระดับครอบครัว แต่ท่านพ่อหลงใหลในความงามของท่านแม่ จึงดื้อรั้นจนในที่สุดก็ได้แต่งงานกัน หลังจากอยู่กันได้ไม่นาน ท่านแม่ก็มีนาง แต่เพราะคลอดนางอย่างยากลำบาก ทำให้ท่านแม่สุขภาพอ่อนแอลง ไม่สามารถปรนนิบัติท่านพ่อได้อีก ท่านย่าถือโอกาสนั้นส่งนาง
"พี่สะใภ้ขอรับ สำหรับสบู่ของข้า ข้าคิดออกแล้วขอรับว่าจะทำยังไง"เซียนย้งเกิดความคิดขึ้นตอนที่เขาฟังพี่สะใภ้กับทุกคนวางแผนการค้าถ่านกัน"ไหนเจ้าลองว่ามาซิ อาย้ง""ตอนนี้สบู่ของข้ามีรูปร่างเหมือนสบู่ทั่วไปที่ขายอยู่ ข้าอยากให้ท่านช่วยข้าออกแบบแม่พิมพ์ขึ้นมาใหม่ นอกจากนั้นข้าอยากมีตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ที่จะให้คนทั่วไปรู้ว่า นี่เป็นสบู่ของพวกเราด้วยขอรับ""สัญลักษณ์?""ขอรับพี่สะใภ้ ข้าอยากตั้งชื่อทางการค้าให้คนรู้ว่า สินค้าพวกนี้มาจากครอบครัวของพวกเรา""ดีๆ ข้าเห็นด้วยกับเจ้า"อาเสิ้นตาโต เขาก็อยากให้ถ่านของเขามีชื่อร้านเหมือนกัน"แล้วเจ้าคิดชื่อไว้แล้วหรือยัง หรือจะให้พวกข้าช่วยคิดให้"หญิงสาวมองดูเด็กหนุ่มทั้งสองที่กระตือรือร้น ดวงตาเป็นประกายอย่างตื่นเต้น ก็ช่วยส่งเสริม"ข้าอยากให้ร้านของข้า ชื่อ เหนียนเหยา ขอรับ"หญิงสาวตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าเซียนย้งจะเสนอชื่อนางขึ้นมา"เจ้าพอจะบอกเหตุผลข้าได้หรือไม่อาย้ง"หานตงถามขึ้น เขาพอจะรู้ใจของน้องคนนี้ดี แต่ก็อยากจะรู้ว่า จะเหมือนที่เขาคิดไว้หรือไม่"เพราะพี่สะใภ้ เป็นเสมือนแสงสว่างที่สาดเข้ามาในชีวิตของครอบครัวข้า ขับไล่ความมืดมิด ช่วยให้ข้าเห
เว่ยเหนียนเหยายืนอยู่บนระเบียง คิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา นางนับถือนางลี่สือหลินมาก แม้จะรักบุตรชายเพียงใดแต่ก็ไม่ยอมเห็นผิดเป็นถูก กัดฟันส่งบุตรชายเข้ารับโทษที่ก่อตอนแรกนางยังคิดว่า นางลี่สือหลินจะล้มป่วยเพราะตรอมใจอยู่หลายวัน หากเพียงแค่สองวัน นางลี่สือหลินกลับลุกขึ้นไปทำงาน นางกับซินเซียงพยายามห้ามปรามขอให้พักผ่อนอีกสักหน่อยรอยยิ้มเศร้าสร้อยปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากคู่นั้น ก่อนจะกล่าวว่า" อาเหยา คนเป็นแม่จะอ่อนแอไม่ได้ ตอนนี้บุตรชายของข้ากำลังหกล้ม ข้าหวังว่า สักวันเขาจะคิดได้ และลุกขึ้นยืนใหม่ เมื่อนั้นมือคู่นี้ของข้ายังต้องช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้น"เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็น้ำตาคลอ ชาติที่แล้ว นางไม่มีพ่อแม่ ไม่เคยรับรู้ถึงความรักของพ่อแม่มาก่อน หญิงสาวคิดไปถึงต้นโสมเจ้าปัญหาต้นนั้น ที่บัดนี้ถูกนำไปเก็บไว้ในห้องของนางเป็นที่เรียบร้อยต้นโสมเพียงหนึ่งต้น แต่กลับลากดึงเอาความโลภโมโทสันภายในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ออกมาตีแผ่ นางหวังเพียงแต่ว่า ลี่ห่าวฟง จะไม่ทำให้มารดาของเขาผิดหวัง"พี่สะใภ้ พี่หานตงให้ข้ามาบอกท่านว่า วันนี้เป็นวันที่นัดกับช่างเฟิ่งไว้ขอรับ""เจ้าช่วยไปเรียกอาเสิ้นมาพบข้าหน
"ภรรยาเจ้าเร็วหน่อยเถอะ เราต้องรีบไปให้ทันรถเที่ยวเช้านะ""ท่านพี่จะรีบไปไหน ป่านนี้คนพวกนั้นยังไม่มีใครรู้หรอกน่า"นางลี่สือหลินยืนกำมือแน่นที่หน้าประตู จู่ๆประตูก็ถูกเปิดออกจากคนที่อยู่ข้างใน ห่าวฟงเห็นมารดา พร้อมน้องเขย น้องสาวยืนอยู่ก็ตกใจ พยายามตั้งสติ"ท่านแม่ ท่าน มาได้ยังไงขอรับ"นางลี่สือหลินมองดูบุตรชายที่ก้าวเท้าถอยหลังเข้าไปในบ้าน ในมือถือห่อผ้าห่อหนึ่ง"เจ้าใหญ่ พวกเจ้ารีบร้อนจะไปไหนกันแต่เช้า"นางลี่สือหลินไม่ตอบ แต่ย้อนถามบุตรชายแทน"พอ ดี แม่ภรรยาไม่ค่อยสบาย ข้าเลยจะพานางไปเยี่ยมดูอาการขอรับ"สะใภ้ตระกูลลี่เมื่อเห็นสามีส่งสายตามาให้ ก็รีบเอ่ยเสริมคำ"ใช่เจ้าค่ะท่านแม่สามี ท่านแม่ข้าไม่สบาย ข้าจึงจะรีบไปเยี่ยม อีกอย่างข้าอยากจะนำข่าวดีไปบอกท่านด้วยตัวเอง""พวกเจ้าก็เลยทำตัวเป็นบุตรเขยบุตรสาวที่ดี เอาต้นโสมไปเยี่ยมซินะ"นางลี่สือหลิน ตวาดออกไปอย่างหมดความอดทน มองมือบุตรชายที่กุมห่อผ้าแน่นเข้าไปอีก"ท่านแม่ ท่านพูดเรื่องอะไร ข้าไม่เข้าใจขอรับ""ข้าก็พูดเรื่องที่เจ้าสองสามีภรรยาเข้าไปขโมยโสมที่บ้านของอาเหยาไงละ"ห่าวฟงหน้าซีด เขารู้ตั้งแต่เห็นหน้ามารดาที่หน้าประตูแล้ว ว่าม
"มา มาลูกสะใภ้เจ้านั่งก่อน"นางลี่สือหลิน รีบบอกให้บุตรชายประคองลูกสะใภ้นั่งลงบนเก้าอี้"น้องสาว น้องเขยตอนนี้คงสบายดีสินะ ท่าทางจะร่ำรวยกันใหญ่"ลี่ห่าวฟงบุตรชายของนางลี่สือหลิน กล่าวออกมาอย่างประชดประชัน เขามองไปมองรอบๆบ้านหลังนี้ด้วยความอิจฉา ครั้งก่อนเขาเคยขอให้มารดา ช่วยพูดกับน้องสาวและน้องเขยว่าให้ตนและภรรยาเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วย แต่คนพวกนี้ล้วนแล้งน้ำใจต่อเขากับภรรยา ดีว่ามารดาแอบส่งเงินทองไปให้เขาใช้อยู่เรื่อยๆ ชีวิตเขากับภรรยาจึงไม่ได้ลำบากอะไร"พวกข้าก็แค่มีกินมีใช้นะขอรับ ท่านพี่ภรรยา"เซียนย้งจริงๆ ไม่ค่อยจะชอบพี่ภรรยาคนนี้มากนะ เพราะเขาเป็นคนหยิบโหย่งไม่ค่อยชอบทำงานเท่าไหร่ แถมยังชอบใช้กำลังกับภรรยาของเขาและท่านแม่ยายอยู่บ่อยครั้ง"เอาละ เอาละ มากินข้าวกันเถอะ วันนี้พวกเจ้าต้องกินเยอะๆนะ อ้าวข้าลืม พวกเจ้ากินกันไปก่อน ข้าไปเอาน้ำแกงไก่ที่บ้านอาเหยาก่อน"นางลี่สือหลินออกไปไม่นานก็กลับมาพร้อมน้ำแกงไก่ถ้วยใหญ่"อาเซียงเมื่อกี้ตอนแม่ไปตักน้ำแกงไก่ เห็นกล่องใส่โสมยังวางอยู่ในครัว เห็นอาย้งบอกว่า โสมหัวนั้นราคาหลายร้อยตำลึงทอง ทำไมเอามาวางไว้อย่างนั้นละ"ซินเซียงแอบมองไปยังพี่ชาย
ชุนเหมยเมื่อเห็นน้องสาวต่างสายเลือด กระวีกระวาดวิ่งออกไปหาสามีก็ส่ายหัวยิ้มๆ นางเดินออกจากห้องโถง มุ่งตรงกลับเข้าห้องนอนทันที"เวิ้นสุ่ย"เสียงราบเรียบของหญิงสาวคล้ายพูดคุยกับอากาศที่อยู่ภายในห้อง เงาดำสายหนึ่งเคลื่อนออกมาจากมุมห้องอย่างเงียบๆ"นายหญิง""เจ้าไปสืบเรื่องนั้นมาให้ข้า จำไว้ข้าต้องการเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียด"ไร้เสียงตอบรับใดๆ มีเพียงเงาดำสายนั้น ที่เลือนหายไปคล้ายไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ชุนเหมย เดินออกจากห้องไปช้าๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น"ท่านพี่ตอนที่อยู่ที่หอการค้ากลางทำไมท่านไม่ช่วยข้าออกความคิดเห็นบ้างเลยเจ้าค่ะ"หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างแง่งอน ที่สามีไม่ช่วยนางออกความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับร้านค้าที่นางจะซื้อ"ก็พี่ไม่มีความรู้เรื่องนี้ พี่ว่าร้านไหนเจ้าเห็นว่าดีพี่ก็ว่าดี พี่ล้วนเชื่อฟังเจ้าเหยาเอ๋อ"เซียงย้งกลั้นหัวเราะหน้าแดง เมื่อเห็นพี่ชายกลายสภาพเป็นแมวหนุ่มช่างออดอ้อนต่อหน้าพี่สะใภ้ ก่อนจะรีบปรับสีหน้า เมื่อเห็นสายตาพิฆาตที่พี่ชายส่งตรงมาให้"พี่สะใภ้ในเมื่อท่านยังไม่ถูกใจ ก็ค่อยๆ หาไปก็ได้ขอรับ ข้าและ พี่หานตงล้วนเชื่อฟังท่าน""อะ นั่น นั่น น่าจะใช่ร้านเหล็กที่พี่ช
เว่ยเหนียนเหยากำลังกล่าวขอตัวจากเหวินฉีและภรรยา แต่อาเสิ้นก็เดินเข้ามาในบ้านซะก่อน"พี่บุญธรรม ท่านพอจะมีเวลาสักครู่หรือไม่ขอรับ ถ่านเตาแรกตากแดดดีแล้ว ข้าอยากพาท่านไปดู""ได้สิ งั้นอาเซียงเจ้าไปโรงงานเถอะ เดี๋ยวพวกข้าจะไปกับอาเสิ้น"อาเสิ้นลากถ่านที่เขาเก็บใส่ตะกร้าแล้ว ออกมาให้ทุกคนดู หญิงสาวหยิบถ่านขึ้นมาตรวจดู เห็นว่าทุกก้อนแห้งสนิทแล้วจริงๆจึงให้อาเสิ้นลองก่อไฟขึ้นมาดู ถ่านนี้เป็นถ่านที่ทำจากเศษไม้ต่างๆที่เก็บมารวมกัน จึงทำให้มีควันไฟค่อนข้างมาก ซ้ำยังมีกลิ่นแรง แถมแรงไฟที่ได้ก็ไม่สม่ำเสมอนางบอกให้อาเสิ้นจดข้อเสียเหล่านี้ไว้ เพราะเตาต่อไปจะลองใช้ไม้ไผ่อย่างเดียว อาเสิ้นตื่นเต้นมากอยากจะรีบไปเก็บไม้ไผ่กลับมาทดลองแต่นางบอกว่า รอให้พวกนางกลับมาจากในเมืองก่อนจะดีกว่า จะได้มีคนขึ้นเขาไปเป็นเพื่อนเมื่อเห็นว่าไม่มีธุระอะไรที่ต้องทำในบ้านแล้ว เว่ยเหนียนเหยาจึงรีบเดินทางเข้าในเมือง วันนี้นางมีงานต้องทำมากมายเลยทีเดียวเมื่อมาถึงตัวเมือง นางให้สามีและเซียนย้ง นำปลาไหลที่ได้ไปขายก่อนหานตงจึงมุ่งหน้าไปที่ภัตตาคารที่เคยนำปลาไหลมาขายในครั้งก่อน เสี่ยวเอ้อจำพวกเขาได้ก็ร้องทักอย่างดีใจ"พวก