สองสามวันที่ผ่าน เว่ยเหนียนเหยาได้ขอให้สามีพานางไปเลือกซื้อของที่ร้านเล็กๆ ในหมู่บ้าน เนื่องจากนางเห็นว่า ข้าวสารและเครื่องปรุงต่างๆ นั้นร่อยหรอจนแทบจะหมดลงไปแล้ว
หลังจากที่ช่วยกันขนข้าวของกลับมาเก็บไว้ที่บ้าน นางจึงขอให้สามีช่วยดูแลบุตรชายในช่วงนี้ โดยอ้างกับสามีไปว่า ในช่วงนี้ร่างกายของนางยังไม่แข็งแรง อีกทั้งบุตรชายทั้งสองยังเล็ก หากช่วงนี้สามีต้องออกไปขึ้นเขา เกรงว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น หานตงเองเห็นว่า ในเมื่อไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารการกินไปอีกพักใหญ่ เรื่องที่ภรรยาขอร้องก็ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร ยังไงที่ผ่านมาเขาก็ดูแลบุตรชายทั้งสองมาเพียงคนเดียวอยู่แล้ว เว่ยเหนียนเหยาเร่งมือปักผ้าตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน นางรู้ว่าตอนนี้ทางบ้านเหลือเงินอยู่ไม่มากแล้ว ที่ทางที่จะเอาไว้เพาะปลูกก็ไม่มี เนื่องจากทางบ้านสามีซื้อที่ให้เฉพาะเพียงพอปลูกบ้านหลังนี้เท่านั้น หญิงสาวถอนหายใจ ก่อนจะมองดูผลงานที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้า เฮ้อ ในที่สุดก็เสร็จเสียที ร่างบางขยับคอขยับไหล่ไล่ความเมื่อยขบที่เกาะกินตามร่างกาย หลังจากตรวจทานความเรียบร้อยของงานอีกรอบ นางก็พาร่างที่ไร้เรี่ยวแรงจากการโหมงานมาตลอดวันไปนอนบนเตียงก่อนจะหลับใหลไปในที่สุด "ท่านพี่เจ้าคะ วันนี้ข้าอยากจะเข้าไปในตัวเมืองสักหน่อย" หานตงขมวดคิ้วมองหน้าภรรยาอย่างสงสัย แต่ยังไม่เอ่ยปากสอบถามอะไรเหมือนจะรอให้อีกฝ่ายพูดต่อ "คือข้าปักผ้าเช็ดหน้า ถุงหอม และถุงเงินเอาไว้ ข้าอยากนำมันไปขายเจ้าค่ะ" "ถ้าอย่างนั้นคงต้องรีบกันหน่อย ตอนยามซื่อจะมีเกวียนรับจ้างขนคนเข้าเมือง เดี๋ยวข้าจะเอาบุตรทั้งสองไปฝากไว้กับแม่อาเหยาก่อน จากนั้นจะกลับมารับเจ้าอีกที่" "ไม่เจ้าค่ะท่านพี่ ครั้งนี้ข้าอยากพาเขาทั้งสองไปด้วย หากของพวกนั้นพอขายได้ราคา ข้าอยากซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้พวกเขาคนละชุด" ชายหนุ่มหันมองหน้าบุตรชายทั้งสอง ซึ่งตอนนี้คนทั้งคู่ก็กำลังมองเขาอยู่เช่นกัน แววตาออดอ้อนและวาดหวังทำให้คำปฏิเสธทั้งหมดถูกกลืนลงไปในกระเพาะทันที บัดนี้ลูกชายทั้งสองของเขาแม้จะไม่ได้อวบอ้วนแต่ก็ไม่ผอมแห้งเหมือนแต่ก่อนแล้ว เสื้อผ้าที่ใส่อยู่มองดูคับแคบจนแทบจะใส่ไม่ได้ เขาตัดสินใจแล้วว่า วันนี้หลังจากเข้าเมือง หากผ้าปักของภรรยาขายไม่ออก พรุ่งนี้เขาจะชวนเพื่อนๆ ออกขึ้นเขาล่าสัตว์ แม้อาจจะต้องเสี่ยงภัยเข้าไปลึกหน่อย แต่ยังไงต้องหาอะไรออกมาขายให้ได้ เช่นนี้ครอบครัวของเขาจึงจะมีเงินเพื่อนำมาซื้อเสื้อผ้าให้บุตรชายสักคนละชุด เมื่อเห็นว่าได้เวลา หานตงเดินนำบุตรและภรรยาออกมารอรถตรงหน้าหมู่บ้าน รถเกวียนเล่มนี้เป็นรถของหมู่บ้านถัง ซึ่งจะออกรับคนที่จะเข้าตัวเมืองทุกๆ 3 วัน โชคดีที่วันนี้มีคนเข้าตัวเมืองน้อย ทางครอบครัวของหานตงจึงไม่ต้องเบียดเสียดกับคนอื่นมากนัก ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ทั้งสี่ชีวิตก็สามารถเดินทางมาจนถึงตัวเมือง หลังจากลงจากรถ เว่ยเหนียนเหยาก็ให้สามีพาไปที่ร้านขายผ้าทันที ตอนนี้ต้องลองดูว่า ผ้าของนางจะขายได้หรือไม่ นางพึงเคยมาที่นี่ ย่อมไม่รู้ว่ารสนิยมของผู้คนว่าเป็นอย่างไร การปักลวดลายจึงใช้ลายดอกไม้เป็นหลัก หานตงพาภรรยาไปที่ร้านเชิงอี้ชิง ร้านนี้ไม่ถือว่าเป็นร้านใหญ่นัก หากแต่ความเป็นมากลับไม่ธรรมดา เนื่องจากร้านร้านนี้เป็นเพียงแค่สาขาย่อยแห่งหนึ่งเท่านั้น สาขาหลักที่แท้จริงกับตั้งมั่นคงอยู่ในเมืองหลวง ว่ากันว่าหากสินค้าที่นำมาขาย สามารถทำให้คนดูแลที่นี่พอใจได้ อาจจะมีโอกาสนำไปขายที่สาขาหลักในเมืองหลวงเลยทีเดียว เว่ยเหนียนเหยาก้าวเท้าเข้าไปในร้านด้วยความมั่นใจ ชีวิตที่ผ่านมา กว่านางจะประสบความสำเร็จ นางผ่านการทำงานมามากมาย เรื่องแค่นี้ถือว่าเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วสำหรับนาง "ฮูหยิน คุณชาย ไม่ทราบว่าพวกท่านต้องการซื้อหาสิ่งใดเจ้าคะ" สาวน้อยที่ดูแลหน้าร้าน ตรงเข้ามาสอบถามอย่างนอบน้อม เว่ยเหนียนเหยารู้สึกพอใจในการอบรมคนงานของร้านนี้มาก ดูจากการแต่งตัวของนางและครอบครัวคนทางร้านก็น่าจะทราบว่า พวกนางน่าจะมีฐานะไม่ดีนัก แต่หญิงสาวนางนี้กลับไม่มีแววตาดูแคลน ซ้ำกับเข้ามาสอบถามอย่างนอบน้อม "น้องสาว พวกข้าจะนำผ้าปักมาขาย ไม่ทราบว่าทางร้านพอจะรับซื้อหรือไม่" "ถ้าอย่างนั้น ข้าขอดูชิ้นงานของท่านได้หรือไม่เจ้าคะฮูหยิน" เว่ยเหนียนเหยาหยิบถุงใส่เงินส่งให้อีกฝ่ายดู เพียงแค่อีกฝ่ายเห็นถุงผ้าปักลายตรงหน้า สีหน้าก็ฉาบยิ้มขึ้นอีกเท่าตัว "โอ้ ช่างงดงามเหลือเกินเจ้าค่ะ ข้าไม่เคยเห็นลายปักแบบนี้มาก่อนเลย เชิญฮูหยินและทุกท่านเข้ามานั่งด้านในก่อนนะเจ้าคะ ข้าจะรีบไปแจ้งข่าวกับนายหญิงสักครู่ หลังจากที่ให้อีกฝ่ายนั่งรออยู่ที่โถงต้อนรับ หญิงสาวนางนั้นก็หายเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นไม่นานนางก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับหญิงสาวอีกคน หญิงสาวที่มาใหม่นี้ มีรูปร่างบอบบางสมส่วน ดวงตาแววหวาน มองดูก็รู้ว่าเป็นหญิงสาวที่มากความรู้ อายุอานามก็น่าจะมากกว่าเจ้าของร่างนี้ประมาณสองถึงสามปี เว่ยเหนียนเหยารีบลุกขึ้นทำความเคารพผู้มาใหม่ทันที "เถ้าแก่เนี้ย" "เถ้าแก่เนี้ยอะไรกัน ข้ายังไม่แก่แบบนั้นเสียหน่อย เรียกข้าว่าพี่ชุนเหมยเถอะ" หญิงสาวตรงหน้าเอ่ยอย่างอารมณ์ดี หึ หึ ก็จะไม่ให้นางอารมณ์ดีได้อย่างไร อยู่ๆ เงินก็ตกจากฟ้าลอยเข้ามาเข้ากระเป๋านางก้อนโตแบบนี้ ถุงเงินที่เด็กในร้านนำไปให้นางดู ล้วนตัดเย็บอย่างประณีต ลายปักดอกเหมยกุ้ยอ่อนช้อยราวกับจะผลิบานออกมาจากผ้า นางไม่เคยเห็นฝีเข็มที่ปักเย็บแบบนี้เลยสักครั้ง ครั้งนี้คาดว่านางจะเก็บเพชรเม็ดงามขึ้นมาจากโคลนตมแท้ๆ "ไหน ไหน ข้าขอดูผ้าปักของเจ้าทั้งหมดหน่อย ไม่ทราบว่าน้องสาวเอาอะไรมาเสนอขายบ้าง" เว่ยเหนียนเหยายิ้มรับถ้อยคำคนตรงหน้า ช่างเป็นยอดนักขายแท้ๆ เพียงคำพูดไม่กี่คำก็สามารถสร้างความสนิทสนมกับนางราวกับรู้จักกันมาเป็นแรมปี "พี่ชุนเหมย วันนี้ข้านำ ถุงเงิน ถุงเครื่องหอม กับผ้าเช็ดหน้ามาให้ท่านดูเจ้าค่ะ" หญิงสาวจัดเรียงสิ่งของรวมกันเป็นชุด เพื่อสะดวกในการเสนอขายสินค้า ชุนเหมยรับของสามสิ่งเข้ามาดูรายละเอียด นางพบว่า ไม่ว่าจะเป็นถุงใส่เงิน ถุงใส่เครื่องหอม หรือผ้าเช็ดหน้า ล้วนแล้วแต่เป็นลวดลายเดียวกัน อีกทั้งการเก็บชายผ้าเช็ดหน้ากับมีการใช้ด้ายสร้างลวดลายสวยงามบนบริเวณริมผ้า ยิ่งทำให้ผ้านี้สวยงามแปลกตาขึ้นไปอีก "พี่ชุนเหมยเจ้าคะ สิ่งที่ท่านเห็นนี้ข้าจะให้ท่านนำเสนอขายเป็นชุดเจ้าค่ะ ท่านเห็นว่าเป็นอย่างไรเจ้าคะ" "ดี ดียิ่งนัก เจ้ารู้หรือไม่ว่า ทุกวันพวกคุณหนูพวกนั้นเข้ามารื้อค้นร้านค้าเพื่อนำมาเปรียบเทียบกับลวดลายปักบนถุงหอมที่นางชอบบ้าง บนลายผ้าเช็ดหน้าบ้าง แบบนี้ต่อไป ข้าจะเสนอขายของไปให้ยกชุดซะเลย จะได้ไม่ต้องเรื่องมากกันอีก ว่าแต่วันนี้เจ้านำมาให้ข้ากี่ชุดละ" "ทั้งหมดมี ห้าชุดเจ้าค่ะ มีลายดอกเหมยกุ้ยสามแบบ ดอกหลันฮวา2แบบเจ้าค่ะ" "แล้วเจ้าจะขายสักเท่าไหร่" "พี่ชุนเหมยข้าไม่เคยทำการค้าด้านนี้มาก่อน ได้แต่หวังความเมตตาจากพี่สาวเจ้าค่ะ" ชุนเหมยเห็นหญิงสาวตรงหน้าเอ่ยขึ้นอย่างซื่อตรงไร้เล่ห์เหลี่ยม ในใจยิ่งเมตตา ประกอบกับมองเลยไปยังเด็กน้อยทั้งสองที่ส่งสายตาออดอ้อนคาดหวัง หัวใจยิ่งเหลวเป็นสายน้ำ "เอาแบบนี้เถอะ ปรกติร้านข้าซื้อของพวกนี้ชิ้นหนึ่งมากที่สุดไม่เกิน สามร้อยอีแปะ แต่ลวดลายงานของเจ้าสวยงามแปลกตา ข้าจะซื้อเจ้าในราคาชุดละ ห้าตำลึงเงิน เจ้าว่ายังไง" "ข้าเอาตามที่ท่านแนะนำเจ้าค่ะ" เว่ยเหนียนเหยารู้ว่า ชุนเหมยให้ราคาที่ดีที่สุดแก่นางแล้ว ตอนแรกนางก็ไม่ได้หวังว่าจะขายได้ราคาดีขนาดนี้ ตอนนี้นางรู้สึกดีใจจนเนื้อเต้นเลยทีเดียว "พี่ชุนเหมยไม่ทราบว่า ท่านมีเวลาหรือไม่ ข้ามีการค้าอีกอย่างจะขอคำแนะนำจากท่านเจ้าค่ะ" "ได้สิ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวข้าจะให้เด็กๆ พาบุตรชายและสามีของเจ้าไปนั่งกินของว่างรอที่ในห้องโถงในก่อนดีหรือไม่" "ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดียิ่งแล้ว หานชิง หานเหนียนยังไม่รีบเข้ามาขอบคุณท่านป้าอีก" หานตงนำบุตรชายทั้งสองเดินเข้ามาขอบคุณ ก่อนจะแยกตัวเดินตามคนนำทางไปยังห้องโถงชั้นใน หญิงสาวเมื่อเห็นดังนั้น จึงหยิบผ้าชิ้นหนึ่งขึ้นมาวางตรงหน้าชุนเหมย บนผ้าปรากฏรูปแบบของเสื้อผ้าอยู่ชุดหนึ่ง เว่ยเหนียนเหยาใช้ประสบการณ์เจ้าแม่ขายตรงอันดับหนึ่ง ก่อนร่างสร้างฝันให้ชุนเหมยจินตนาการรูปแบบเสื้อผ้าไปด้วยกัน ยิ่งฟังชุนเหมยยิ่งเห็นเงินทองร่วงหล่นมาจนเต็มห้องโถงเต็มไปหมด "วิเศษ วิเศษ สิ่งที่เจ้าพูดมาวิเศษมาก นอกจากเราจะขายชุดพวกนี้ได้ ผ้าคาดเอว ผ้าเช็ดหน้า และสิ่งอื่นๆ ล้วนสามารถนำมาต่อยอดการขายได้ทั้งสิ้น" "ใช่แล้วเจ้าค่ะ" เนื่องจากภายในบ้าน เว่ยเหนียนเหยาหาได้เพียงเศษถ่านจึงนำมาวาดแบบลงบนผ้า ไม่สามารถหาดินสอ หรือดินสอสีมาช่วยสร้างจินตนาการได้ นางจึงต้องอาศัยทักษะในการพูด เพื่อให้ชุนเหมยสามารถจินตนาการเสื้อผ้าตามแบบที่นางเขียนขึ้นมาได้ "แล้วการค้าชิ้นนี้เจ้าจะขายข้ายังไง" "การค้าชิ้นนี้ข้าจะขอไม่ขาย แต่จะขอเป็นการแบ่งกำไร สองในสิบส่วน ท่านเห็นว่าเป็นอย่างไรเจ้าค่ะ" ชุนเหมยอึ้งไปเล็กน้อย ด้วยไม่คิดว่าจะได้รับข้อเสนอการค้ารูปแบบนี้ "พี่ชุนเหมยโปรดวางใจ หลังจากผ้าชุดนี้ออกไป ตัวข้ายังมีแบบอื่นๆ อีกมายมาย แน่นอนว่าต้องนำเสนอให้กับร้านท่านเพียงร้านเดียว" "ได้ตกลงตามนี้ ข้าจะรีบตัดเย็บให้เรียบร้อย หลังจากนี้เจ็ดวัน ขอให้เจ้ากลับมาอีกครั้ง ข้าจะนำเสื้อที่ตัดเย็บเสร็จแล้ว มาให้เจ้าตรวจดู ส่วนของที่ซื้อขายกันในวันนี้เป็นเงิน2ตำลึงทองกับอีก5ตำลึงเงินเดียวข้าจะให้เด็กๆ นำเงินมาให้เจ้า" "พี่ชุนเหมยเจ้าคะ ถ้ายังงั้นข้าจะขอซื้อเสื้อผ้าให้กับบุตรชายและสามีของข้าสักคนละสองชุด ไม่ทราบว่าราคาเสื้อผ้าอยู่ที่เท่าใดเจ้าคะ และข้าอยากได้ผ้ากับด้ายชั้นดีเพิ่มอีกด้วยเจ้าค่ะ" "เอาอย่างนี้เถอะ เสื้อผ้าที่เจ้าต้องการ ถือว่าข้าให้เป็นของขวัญแรกพบ เดียวข้าจะให้เด็กในร้านพาเจ้าไปเลือกดู ส่วนผ้ากับด้ายนั้นประเดี๋ยวข้าจะให้เด็กๆ นำเจ้าเลือกดูอีกที่" "เรื่องเสื้อผ้านั้นขอให้ข้าจ่ายเงินเถิดเจ้าค่ะ แค่ท่านเมตตาซื้อผ้าปักของข้าในราคาสูงเพียงนั้นก็ถือว่าช่วยข้ามากแล้ว" "ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจเจ้าเถอะ" ชุนเหมยกำชับเด็กในร้านให้พาหญิงสาวไปเลือกชุดเสื้อผ้า จากผ้าเนื้อดีโดยไม่ต้องบอกราคา จากนั้นให้พาเดินไปดูผับผ้าเนื้อดีกับด้านคุณภาพสูงที่ทางร้านมีอยู่ หลังจากเลือกอยู่ชั่วครู่ นางก็ได้ เสื้อผ้าเนื้อดีสีเขียวเข้ม กับสีเขียวขี้ม้ามาอย่างละ2 ชุด ให้กับบุตรทั้งสอง ส่วนของสามีนางเลือกเป็นสีกรมท่า ซึ่งนางคิดว่าสามีของนางน่าจะชอบเสื้อผ้าสีแบบนี้มากกว่าสีที่สดใสเป็นแน่ เมื่อเลือกเสื้อผ้าเสร็จแล้ว นางจึงเดินไปเลือกผ้าเนื้อดีสีชมพูอ่อน สีเขียวอ่อน และสีเหลืองอ่อนมาอย่างละพับ จากนั้นจึงเลือกดูด้ายเพิ่มมาอีก 20สี นางสังเกตเห็นว่า ผ้าและด้ายที่นางเลือกมีสีและคุณภาพดีกว่าของที่นางมีอยู่เป็นอันมาก เกรงว่าแค่ผ้าและด้ายที่ซื้อไปนี่เงินที่ได้มาก็แทบจะหมดแล้ว แต่อย่างไรก็ต้องตัดใจซื้อเพราะหากว่านางใช้ของที่มีคุณภาพดี คาดว่าผลงานที่ออกมาน่าจะได้ราคาสูงกว่าที่เป็นอยู่ นางเดินกลับมาที่ห้องโถงปรากฏว่า สามีและบุตรชายได้มานั่งรออยู่แล้ว นางจึงนำเสื้อผ้าที่เลือกมาลองทาบทับเข้ากับตัวบุคคลทั้งสาม ปรากฏว่าของบุตรชายหลวมไปเล็กน้อย ซึ่งนางก็เห็นว่ากำลังดี เพราะบุตรชายกำลังอยู่ในวัยเจริญเติบโต ส่วนของสามีกับกำลังพอดีไม่คับไม่หลวมจนเกินไป ชุนเหมยเมื่อเห็นหญิงสาวเลือกของจนครบแล้ว นางจึงบอกราคาเพียงครึ่งหนึ่งของราคาจริงทั้งหมด เว่ยเหนียนเหยามองชุนเหมยอย่างซาบซี้ง ก่อนจะรับเงินที่เหลือจากชุนเหมยมาสองตำลึงทอง เว่ยชุนเหนียงกล่าวลาพร้อมทั้งขอฝากข้าวของไว้ที่ร้านก่อน เนื่องจากนางต้องการพาสามีและบุตรชายออกไปหาซื้อข้าวของก่อนจะกลับบ้าน "ท่านแม่ขอรับ พวกเราไปกินข้าวกันเถอะขอรับ ข้าหิวเหลือเกิน" "ใช่ ใช่ขอรับท่านแม่ ตอนนี้ท้องของข้าร้องดังจนข้าไม่สามารถห้ามได้แล้วขอรับ" ตอนที่นั่งอยู่ในร้าน แม้จะมีของว่างมาให้กินแต่มันก็เป็นเพียงขนมไม่กี่ชิ้น เด็กน้อยทั้งสองอยู่ในวัยกำลังกินกำลังนอน ของแค่นั้นย่อมไม่สามารถขจัดความหิวที่เกิดขึ้นได้ หญิงสาวย่อตัวลงหยิกแก้มขาวขาวของลูกชายทั้งสองอย่างเอ็นดู "งั้นวันนี้แม่จะพาเจ้าไปกินบะหมี่เนื้อตุ๋นดีหรือไม่" เด็กชายทั้งสองไม่เคยกินเนื้อมาก่อน จึงจินตนาการถึงรสชาติของเนื้อไม่ออก ได้แต่คิดถึงเนื้อปลาขาวๆ ที่มารดาเคยทำให้กินเท่านั้น "ท่านพี่เจ้าคะ เราพาลูกๆ ไปกินบะหมี่เนื้อตุ๋นตรงร้านที่เราผ่านมาดีหรือไม่เจ้าคะ เมื่อสักครู่ตอนเดินผ่านข้าสังเกตเห็นว่ามีคนนั่งกินอยู่ไม่น้อย รสชาติคงจะไม่เลวเลยทีเดียว" "ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถอะ" สองผู้ใหญ่สองเด็กพากันเดินกลับไปทางร้านบะหมี่อย่างรวดเร็ว โชคดีที่ตอนนี้เป็นเวลาสายมากแล้ว ผู้คนจึงไม่ค่อยหยุดทานอาหารสักเท่าไหร่ ยังเหลือโต๊ะว่างอีกสองโต๊ะ ครอบครัวของหานตง เข้าไปในยังโต๊ะที่ว่างอยู่ เว่ยเหนียนเหยาสั่งบะหมี่สำหรับผู้ใหญ่สองถ้วย สำหรับเด็กอีกสองถ้วย นางเน้นขอให้เถ้าแก่เพิ่มเนื้อแต่ละถ้วยเข้ามาเป็นพิเศษ เมื่อบะหมี่มาถึง ความหอมหวานของน้ำซุปบวกกับความหอมของเนื้อตุ๋นตรงหน้า ทำให้เด็กๆ ต่างน้ำลายแตกออกเต็มปาก จนต้องกลืนน้ำลายลงคอไปเฮือกใหญ่ หญิงสาวนำบะหมี่ของผู้ใหญ่ทั้งสองถ้วยมาวางตรงหน้า ก่อนจะแบ่งบะหมี่จากถ้วยของนางใส่เพิ่มไปให้ถ้วยของสามีอีกครึ่งหนึ่ง จากนั้นจึงได้นำส่งให้หานตง "ท่านพี่ ขอท่านอย่าได้ถือสา บะหมี่ในถ้วยของข้ามีมากนัก ถ้าข้ากินไม่หมดคงเสียดายเป็นอย่างมาก ท่านก็ช่วยข้ารับผิดชอบด้วยเถอะนะ" หานตงรู้ดีว่า หญิงสาวตรงหน้าเพียงแต่ต้องการให้เขากินอิ่มอย่างสบายใจจึงได้พูดปลอบใจออกมาเช่นนี้ หารู้ไม่ว่าสิ่งที่นางพูดเป็นความจริงทุกคำ เจ้าของร่างเก่า รักษาทรวดทรงเป็นอย่างยิ่ง แต่ละมื้อกินข้าวแทบจะไม่กี่คำ ทำให้นางที่มาอยู่ใหม่ไม่สามารถจะกินข้าวได้มากตามความต้องการ เมื่อเห็นสามีลงมือกินอย่างสุขใจ นางจึงส่งถ้วยให้บุตรชายทั้งสองโดยหยิบเนื้อในถ้วยของนางเพิ่มให้อีกคนละชิ้น บุตรชายทั้งสองยิ้มตาหยี ก่อนจะพูดขอบคุณท่านแม่ด้วยเสียงอันดัง บรรยายเรื่องบะหมี่ไป คิดถึงบะหมี่เกี๊ยวหมูแดงนำ้หอมๆ ขี้นมาซะงั้น ใครก็ได้โปรดดดดส่งมาาทีหลังจากทั้งครอบครัวอิ่มหนำกันแล้ว เว่ยเหนียนเหยาให้หานตงพาไปร้านขายข้าวสารและของแห้ง เมื่อมาถึงร้านขายของหานตงเห็นว่านี่เป็นเวลายามเว่ยแล้ว เขากลับบุตรชายจะไปบอกคนขับเกวียนให้รอพวกเขาสักครู่ เนื่องจากเกรงว่าคนขับเกวียนจะกลับไปเสียก่อนหากแต่หญิงสาวกลับส่งเงินให้สามี1ตำลึง พร้อมกับบอกให้สามีไปเลือกซื้อหมูเนื้อแดงครึ่งชั่ง เนื้อติดมันครึ่งชั่ง ไขมันหมูหนึ่งชั่ง และกระดูกหมูสองชั่ง จากนั้นให้หารถม้ารับจ้างมาสักคัน โดยเน้นว่าให้หาคันที่ใหญ่สักหน่อยไปรับของที่ฝากที่ร้านผ้าไว้ แล้วค่อยกลับมารับนางหญิงสาวเดินเข้ามาในร้านข้าวสาร ร้านร้านนี้จัดวางข้าวของอย่างเป็นระเบียบ ของทุกชิ้นไม่มีฝุ่นเกาะ แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในการทำงานเป็นอย่างมาก"ฮูหยินท่านนี้ ไม่ทราบว่า ต้องการซื้ออะไรบ้างขอรับ"ชายรูปร่างสันทัดเดินเข้ามาต้อนรับนางทันทีด้วยท่าทางอ่อนน้อม"เถ้าแก่ ข้าขอ ข้าวสารคุณภาพกลางสองชั่ง แป้งสาลีครึ่งชั่ง น้ำตาลทรายแดงครึ่งชั่ง เกลือสองจิน สารส้มครึ่งจิน เหล้าขม ซีอิ๊ว อย่างละไห อ๋อ ข้าขอเครื่องเทศต่างต่างอย่างละชุด และถ่านถุงเล็กหนึ่งถุงด้วยเจ้าค่ะ"เถ้าแก่ร้านอ้าปากค้าง เขาคิดไม่ถึงจริงจริง
รถม้าคันใหญ่วิ่งเข้ามาในหมู่บ้าน ชาวบ้านต่างออกมามองดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น เนื่องจากผู้คนในหมู่บ้านนี้มีอยู่ไม่น้อย หากแต่ไม่มีผู้ใดจะมีฐานะถึงขนาดเช่ารถม้าคันใหญ่โตมาส่งเลยสักครั้ง"โอ้ นั้นเป็นคนบ้านไหนกันนะ ทำไมถึงนั่งรถม้าคันใหญ่มาถึงหมู่บ้านเราได้""นั่นสินั่นสิ นานแล้วนะที่ข้าไม่เคยเห็นรถม้าคันใหญ่ถึงเพียงนี้ เป็นบุญตาข้าจริงๆ"เสียงรถม้าค่อยๆวิ่งผ่านไปพร้อมกับเสียงเล่าลือปนสงสัยก็ดังตามรถม้าออกไปเรื่อยๆ"อาเหยาตื่นเถอะถึงบ้านแล้ว"หญิงสาวค่อยๆกะพริบตา ก่อนจะหลับตาตั้งสติอยู่ชั่วครู่ ตายแล้ว นางเผลอตัวนอนหลับไปตอนไหนเนี่ย นางช้อนตาขึ้นมองสามีอย่างออดอ้อนปนขอโทษ"ข้าขอโทษเจ้าค่ะท่านพี่ ข้าไม่รู้ตัวว่าเผลอหลับไปตอนไหน"ชายหนุ่มหันมาลูบผมและจัดเสื้อผ้าให้กับผู้เป็นภรรยาอย่างอ่อนโยน"หากเจ้ายังไม่หายง่วงอีกประเดี๋ยวก็เข้าไปนอนพักผ่อนในห้องอีกสักครู่ ข้าวของพวกนี้เดี๋ยวข้าจะขนเข้าไปเก็บเอง"หญิงสาวหน้าแดงกับความอ่อนโยนที่ได้รับ นางรีบส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนจะหันไปปลุกบุตรชายทั้งสอง เด็กทั้งสองเมื่อเห็นว่าตนมาถึงบ้านแล้ว ต่างทำหน้าเสียดายที่มัวแต่นอนหลับ เลยไม่ได้ดูทิวทัศน์จากนอกหน้าต่
"โอ๊ย ข้าไม่เคยกินอิ่มขนาดนี้มาก่อนเลย กับข้าวที่พี่สะใภ้ทำอร่อยทุกอย่างเลยขอรับ"เซียนย้งเปลี่ยนท่าที เขาพูดจากับเว่ยเหนียนเหยาอย่างอ่อนน้อมมากขึ้น หานตงมองเซียนย้งอย่างเหยียดหยาม ไหนเมื่อครู่เจ้ายังไม่เชื่อถือเมียของข้า เหตุใดจึงเปลี่ยนใจง่ายดายเพียงนี้เล่า"นี่ก็มืดแล้ว ข้าว่าลูกเมียเจ้าน่าจะกลับมาแล้วนะ"หานตงเอ่ยปากไล่กลายๆ เนื่องจากรู้ดีว่า วันนี้เมียของตนตรากตรำมาทั้งวัน"แล้วที่จะขึ้นเขาพรุ่งนี้"เซียนย้งกล่าวอย่างคาดหวัง ที่เขาอยากให้หานตงขึ้นไปด้วย เพราะหานตงเป็นพรานป่าที่ชำนาญทางและล่าสัตว์เก่งเป็นที่หนึ่ง หากแต่ชายหนุ่มกับขึ้นเขานับครั้งได้ เนื่องจากเป็นห่วงบุตรชายทั้งสองแต่ครั้งนี้เซียนย้งเห็นแล้วว่า เมียของหานตงดูแลเอาใจใส่บุตรชายเป็นอย่างดี หานตงน่าจะขึ้นเขาล่าสัตว์ได้อย่างไร้กังวลหานตงเอ่ยปากให้ลูกชายทั้งสองเข้าไปนอนก่อน เนื่องจากเห็นว่าเด็กทั้งสองตาปรือจนจะหลับกลางอากาศอยู่แล้ว ก่อนจะเบือนมาสบตาเว่ยเหนียนเหยา เขาเห็นความกังวลและหวาดกลัวในตาคู่งาม ชายหนุ่มตัดสินใจ"ข้าคงไปด้วยไม่ได้ อาเหยาเพิ่งจะหายป่วย ซ้ำยังรับงานชิ้นใหญ่มาจากในเมือง ข้าต้องอยู่ช่วยนาง"ง"จริงๆ ข้า
ต้นยามเหมาชายหนุ่มจึงรู้สึกตัวตื่นขึ้น เขาไม่เคยนอนหลับสนิทแบบนี้มานานแล้ว หานตงนอนมองหน้าภรรยาอย่างสุขใจ ก่อนจะตัดใจลุกขึ้น เขาค่อยๆขยับแขนออก เนื่องจากต้องการให้ผู้เป็นภรรยานอนพักต่อไปอีกหน่อยหากแต่แค่เขาขยับลงจากเตียง ร่างบางกลับขยับตัวลุกตาม"ท่านพี่นี่ยามไหนแล้วเจ้าคะ""เพิ่งต้นยามเหมาเอง เจ้านอนต่ออีกหน่อยเถิด เดี๋ยวข้าจะออกไปอาบน้ำและตักน้ำมาให้เจ้าอาบในตอนเช้า""ข้าลุกขึ้นเลยดีกว่าเจ้าค่ะ วันนี้เราจะขึ้นเขากัน ข้าอยากทำอะไรติดไว้ไปกินกันระหว่างทางด้วยเจ้าค่ะ "หานตงเห็นภรรยาเดินลงจากเตียง จึงเข้าไปช่วยจุดตะเกียง จากนั้นทั้งสองจึงช่วยกันเก็บพับที่นอนจนเรียบร้อย ก่อนที่ชายหนุ่มจะถือตะเกียงเดินจูงมือภรรยาออกจากห้องหลังจากจุดตะเกียงที่ห้องโถงกลางบ้านแล้ว ชายหนุ่มก็รีบใช้กะละมังไปตักน้ำมาให้ภรรยาล้างหน้าล้างตา"เจ้าทำอาหารรอพี่ไปก่อน เดี๋ยวพี่อาบน้ำเสร็จจะรีบตักน้ำมาให้เจ้าอาบที่นี่ ทางเดินไปลำธารไม่ค่อยจะเรียบนัก พี่ไม่อยากให้เจ้าออกไปด้วย"หญิงสาวพยักหน้าอย่างรู้ความ ก่อนจะบอกให้สามีช่วยจับปลาในลำธารมาให้สักสามสี่ตัว แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร นางเพียงแต่จะลองทำข้าวต้มปลาให้ครอบคร
และแล้วกลุ่มคนทั้งหมดตอนนี้ก็ปรากฏตัวขึ้นหน้าผืนป่าไผ่"ท่านพี่เจ้าคะ ท่านลองขุดหน่อไม้ขึ้นมาให้พวกเขาดูว่า ต้องขุดแบบไหน และเลือกหน่อไม้แบบใด"หานตงไม่รอช้า เดินไปที่กอไผ่ที่สมบูรณ์กอหนึ่ง จากนั้นก็สังเกตดู เขาเลือกขุดหน่อที่เพิ่งจะแทงขึ้นมาจากดินเพียงไม่กี่คืบ ไม่นานหน่อไม้อวบอ้วน ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคนเมื่อทุกคนเข้าใจดีแล้ว ต่างก็แยกย้ายไปขุดโดยมีเว่ยเหนียนเหยาคอยกำกับให้ขุดไปแค่เพียงพอทำอาหารสัก 3-4วันหลังจากขุดหน่อไม้ได้พอสมควรแล้ว นางก็เดินนำทุกคนเข้าไปที่พุ่มมันฝรั่งที่ขึ้นกันหนาแน่น งานนี้นางต้องลงมือขุดให้ทุกคนดูเอง เนื่องจากสามีของนางไม่เคยเห็นตอนที่นางขุดขึ้นมาในครั้งก่อนเมื่อนางทำเป็นตัวอย่างให้ดู เหล่านักเรียนทั้งหลายก็ทำตามกันอย่างสนุกสนาน เมื่อเห็นว่าทุกคนมุ่งความสนใจไปที่การขุดมันฝรั่ง นางจึงเริ่มสำรวจบริเวณผืนป่าอีกครั้งนางเดินหยิบนั้นดูนี่ไปเรื่อย สายตาก็พบกับสิ่งที่ตนตามหา นี่มันพริกกับต้นกุหลาบนี่ โอ๊ยสวรรค์ เป็นใจ หญิงสาวกางผ้าเช็ดหน้าของตนออก ก่อนจะเด็ดดอกกุหลาบใส่ไปจนเต็มและห่อไว้อย่างเรียบร้อยแล้วพริกพวกนี้จะเอากลับยังไงดี นางมองไปโดยรอบก่อนจะตัดสินใจ ถ้า
"ท่านพี่เจ้าคะ สงสัยตอนนี้พวกปลามันคงจะไม่ค่อยว่ายมาแถวนี้แล้วหรือไม่ เรารอมาตั้งนานพึ่งจะจับมาได้แค่สองตัวเอง""ถ้างั้นเราเดินขึ้นไปทางต้นลำธารอีกหน่อยดีไหมเจ้าคะพี่สะใภ้ แถวนั้นข้าเห็นปลาว่ายชุกชุมยิ่งนัก"หลังจากคิดไตร่ตรองชั่วครู่ ทั้งหมดจึงตกลงใจพากันเดินขึ้นไปที่ต้นลำธาร สายตาเว่ยเหนียนเหยาเบิกกว้าง แม่เจ้า นี่มันบึงบัวนี่ โชคดีแท้ๆ นางกำลังเบื่อมันฝรั่งกับหน่อไม้อยู่เลย วันนี้นางจะนำรากบัวสดมาทำกับข้าวด้วยดีกว่า อีกทั้งเกสรดอกบัวและดอกบัวพวกนี้ยังสามารถนำมาทำชาดื่มบำรุงร่างกายได้อีกต่างหาก"ท่านพี่เจ้าคะ ท่านพาเซียนย้งไปช่วยกันจับปลาที่ทางโน้นก่อน ส่วนข้าจะสอนซินเซียงเก็บรากบัวมาไว้ทำอาหาร พวกเราแยกกันทำงานจะได้กลับบ้านเร็วขึ้น ดีไหมเจ้าคะ"ทั้งหมดต่างเห็นสอดคล้อง จึงแยกย้ายเดินไปคนละที่ เว่ยเเหนียนเหยาถอดรองเท้าออก และเดินลุยลงไปในบึง น้ำในบึงลึกไม่มาก นางไม่ต้องการเดินออกไปไกล เพราะแค่บัวที่ขึ้นใกล้ๆ ริมบึงก็มีอยู่มากโขหญิงสาวใช้ประสบการณ์ กวานมือลงไปใต้กอบัวก่อนจะดึงขึ้นมาทั้งกอ"พี่สะใภ้ รีบทิ้งไปเจ้าค่ะ นั่นๆ งู งูเจ้าค่ะ"เว่ยเหนียนเหยา ตกใจจนแทบจะโยนกอบัวทิ้งไปจริงๆ แต่
"อาตง อาตง เจ้าอยู่ไหม"เสียงเรียกชื่อดังกึกก้อง ตามด้วยการปรากฏตัวของชายหญิงคู่หนึ่ง ผู้ใหญ่ทั้งสามในบ้านที่กำลังอยู่ในกิจกรรมกินข้าวชะงักมือลงส่วนเด็กๆทั้งสามกับแสดงกิริยาหวาดกลัว ตัวหานชิงและหานเหนียนวิ่งเข้าไปกอดมารดาตัวสั่น ส่วนเซียนเหยาก็วิ่งเข้าไปหลบหลังมารดาของตน"หึ เจ้าใหญ่เจ้ารอง เจอลุงใหญ่กับป้าสะใภ้ใหญ่เหตุใดถึงไม่ทักทาย ช่างใช้ไม่ได้จริงๆ"น้ำเสียงดุดันเหยียดหยามของฝ่ายหญิงที่มา กล่าวขึ้นอย่างไม่ไว้หน้าเว่ยเหนียนเหยากอดปลอบลูกชายทั้งสองก่อนจะลุกขึ้น เฮ้อที่แท้ก็ญาติฝ่ายสามีนี้เอง"พี่สามี พี่สะใภ้ ไม่ทราบว่าท่านมีธุระอันใด ตอนนี้ท่านพี่ไม่อยู่เจ้าค่ะ"สองสามีภรรยาวางท่าเดินเข้ามาในบ้านอย่างไร้มารยาท มองดูกับข้าวบนโต๊ะตาวาว ดูท่าสิ่งที่ชาวบ้านร่ำลือจะเป็นจริง น้องชายของตนน่าจะได้โชคจากการเข้าป่า จนเปลี่ยนเป็นเงินก้อนโตเป็นแน่มิน่าล่ะ น้องสะใภ้คนนี้ถึงได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือแบบนี้ หานเวิ่นมองหญิงสาวด้วยสายตาเหยียดหยามดูแคลน"ท่านพ่อท่านแม่ เป็นห่วงเจ้ารองกับหลานๆเลยให้ข้าเข้ามาดู และให้บอกเจ้ารองด้วยว่า ให้พาหลานๆเข้าไปหาหน่อย เพราะนางคิดถึงหลานทั้งสองมาก"หานเว
"ท่านพี่ ท่านจะเข้าไปหาท่านแม่ที่บ้านหรือไม่เจ้าคะ"หานตงส่ายหน้า เขายังทำใจไปพบหน้ามารดาไม่ได้ บาดแผลในครั้งนั้นบาดลึก จนยากจะเยียวยาในระยะเวลาอันสั้น"แม้ท่านจะไม่เข้าไป ข้าว่าอย่างไรคนพวกนั้นก็คงไม่หยุดก่อกวนเราแน่เจ้าค่ะ""พี่ได้ยินมาว่า พี่ใหญ่กำลังหาเงิน เพราะอีกไม่นานทางผู้ใหญ่บ้านน่าจะเปิดให้จองชื่อบุตรชายที่ต้องการเข้าเรียนในสถานศึกษา""หึ บุตรชายเขาต้องเรียน แล้วบุตรเราไม่ต้องเรียนหรือยังไง""ช่างเถอะ ยังไงพี่ก็จะไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบครอบครัวเราอีกแล้ว"หานตงดึงผู้เป็นภรรยามากอดอย่างปลอบโยน"ท่านพี่ ท่านเคยเห็นบันทึกการแยกครอบครัวของท่านหรือไม่เจ้าคะ""ไม่นะ วันนั้นมีเพียงบิดามารดา และผู้ใหญ่บ้านไปหาท่านผู้นำตระกูล ส่วนพี่มารดาให้ย้ายสิ่งของเข้ามาจัดที่บ้านหลังนี้""งั้นวันพรุ่งนี้ ท่านนำหมูไปฝากท่านผู้นำตระกูลสักหนึ่งจิน พร้อมทั้งขอบันทึกแผ่นนั้นกลับมาด้วยนะเจ้าคะ""เจ้าคิดว่า บันทึกนั้นมีปัญหา"หญิงสาวส่ายหน้าไม่กล้าแสดงความคิดเห็นออกไปตรงๆ"ข้าก็แค่อยากเตรียมรับมือไว้เท่านั้นเจ้าค่ะ เรื่องนี้ข้าอยากให้ท่านทำแบบเงียบๆ อย่าให้มากความได้หรือไม่เจ้าคะ""นี่ก็ยังไม่เย็นมากนั
หานตงนำเด็กชายทั้งสามกลับเข้าไปแต่งตัว ก่อนจะสั่งให้นั่งเล่นอยู่ภายในห้องจากนั้นเขาจึงออกมาที่ห้องโถง นำโต๊ะและเก้าอี้เข้าไปเก็บไว้ในห้องของตัวเอง ก่อนจะลงมือถูพื้นที่ห้องโถงจนสะอาด และนำเสื่อมาปูวางไว้ภรรยาของเขาเคยบอกว่า ที่สั่งทำโต๊ะกินข้าวใหญ่ขึ้น เพราะอยากให้ทุกคนกินข้าวพร้อมกัน เช่นนี้ถึงจะเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ในเมื่อยังไม่มีโต๊ะมา ทำแบบนี้ก็ได้เช่นกัน ชายหนุ่มเดินเข้าไปในครัว ช่วยจัดเตรียมถ้วยชามนำออกไปวาง เพื่อช่วยผ่อนแรงภรรยาเว่ยเหนียนเหยาหันมายิ้มกับสามี วันนี้นางทำกับข้าวสามอย่าง น้ำแกงปลาอีกหนึ่งอย่าง แถมท้ายพิเศษด้วยถั่วเขียวต้มน้ำตาลจริงๆเมื่อสักครู่ซินเซียงก็วิ่งแจ้นเข้ามาจะช่วยนางลงครัว แต่ถูกนางให้กลับไปดูแลเรื่องเย็บแบบผ้าต่อเว่ยเหนียนเหยาทำอาหารไป วางแผนงานไปอย่างเพลิดเพลิน จนเมื่อเห็นสามีเดินเข้ามาช่วยจัดเตรียมถ้วยชาม นางจึงแอบตามไปดู พบว่าหานตงนำเสื่อมาปูที่พื้น จัดเป็นที่กินข้าวขนาดใหญ่ไปเสียแล้วหญิงสาวยิ้มอย่างมีความสุขในความเอาใจใส่ของสามี ในชีวิตลูกผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งงานแล้ว นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกนางล้วนฝันหาหรอกหรือนางเดินเข้าไปจัดเตรียมอาหาร เพื่อจะน
หลังจากที่พูดคุยสรุปเรื่องการค้ากันเป็นที่เรียบร้อย ทั้งสี่คนก็ย้ายสถานที่ไปพูดคุยสร้างความสนิทสนมกันต่อที่โต๊ะอาหารในช่วงมื้อกลางวันหญิงสาวทั้งสามต่างรู้สึกสนิทสนมราวกับเป็นพี่น้องที่คลานออกจากมารดาเดียวกันมา โดยเฉพาะคุณหนูใหญ่ที่อยากจะขโมยเว่ยเหนียนเหยากลับไปเมืองหลวงกับนางด้วยซะเหลือเกิน"อาเหยา อาตง คราวหน้าพวกเจ้าต้องพาหลานๆ เข้าไปเยี่ยมข้าที่เมืองหลวงนะ"สองสามีรับคำก่อนจะโค้งคำนับเป็นการอำลา เนื่องจากเสิ่นชิงหรูต้องเร่งเดินทางกลับเมืองหลวงในทันทีส่วนชุนเหมยกับยืนหน้าบึ้งอยู่ด้านข้าง เนื่องจากพี่สาวของนาง กวาดสินค้าที่เว่ยเหนียนเหยาจัดส่งมาครั้งนี้กลับไปเมืองหลวงทั้งหมด ไม่เหลือไว้ให้นางแม้แต่ชิ้นเดียวเมื่อส่งคนจากไปแล้ว ชุนเหมยจึงชวนสองสามีภรรยา โดยเฉพาะหานตงให้ลองไปศึกษาวิธีการดูผ้าด้วยกัน"พี่ชุนเหมยเจ้าคะ แต่นี่ก็บ่ายแล้ว ครั้งนี้ที่ข้ามา ข้าอยากจะหาซื้อรถม้าไว้ใช้งานสักคันเจ้าค่ะ""อาเหยา การเลือกซื้อรถม้า ต้องเป็นคนที่ชำนาญในการดูลักษณะของม้า อีกทั้งยังต้องดูโครงสร้างความสมดุลของส่วนที่เป็นตัวรถเป็นอีกด้วย สิ่งนี้ไม่ใช่ใครก็จะทำเป็น มิสู้เอาแบบนี้เถอะ ในร้านข้ามีบ่าวที่
วันนี้ก่อนยามซื่อเล็กน้อย รถม้าของร้านเชิงอี้ชิงก็วิ่งมาจอดที่หน้าบ้านหญิงสาวกอดปลอบลูกรักทั้งสอง เนื่องจากเด็กทั้งสองอยากจะขอตามมารดาเข้าไปในเมืองด้วยหากแต่หญิงสาวเกรงว่า การเข้าไปพูดคุยการค้าครั้งนี้จะทำให้เด็กๆเบื่อหน่ายซะมากกว่า"เจ้าใหญ่ เจ้ารอง วันนี้ท่านอาของเจ้าจะพาคนมาสร้างคอกม้าเล็กๆที่บ้าน แม่อยากให้พวกเจ้าอยู่ช่วยท่านอาได้หรือไม่""คอกม้าหรือขอรับ""ใช่แล้ว ต่อไปเรื่องการหาหญ้ามาให้ม้าตัวนั้น แม่จะให้เจ้าทั้งสองกับเจ้าอาเหยารับผิดชอบร่วมกัน ต่อไปเจ้าจะเอาแต่เที่ยวเล่นไม่ได้แล้วนะ"เด็กทั้งสามเลิกสนใจที่จะเข้าเมืองทันที รีบเดินกลับไปหากลุ่มหญิงสาวที่นั่งล้อมวงเย็บผ้ากันอยู่ จากนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอยคนที่จะมาสร้างคอกม้าอย่างใจจดจ่อเว่ยเหนียนเหยากับหานตง รีบเร่งขึ้นรถม้า เนื่องจากเห็นว่าใกล้ถึงเวลาที่นัดหมายอีกฝ่ายไว้แล้ว เมื่อเดินทางไปถึง ก็เห็นชุนเหมยมายืนคอยรับอยู่ที่หน้าร้านแล้ว"พวกเจ้ามากันแล้ว""ท่านพี่ชุนเหมย" แม่นางชุนเหมย"สองสามีภรรยาทำความเคารพต่อชุนเหมยอย่างนอบน้อม"เอาละเข้าไปกันเถอะ พี่หญิงใหญ่ของข้ามารออยู่แล้ว"ชุนเหมยพาทั้งสองเดินเข้ามาภายในร้าน และตรง
เมื่อได้รับจดหมายจากชุนเหมย เว่ยเหนียนเหยาจึงตัดสินใจรับหญิงสาวทั้งสี่คนไว้ทั้งหมด โดยนางให้สามีร่างสัญญาการทำงานขึ้นมาสองฉบับ ต่างฝ่ายต่างเก็บไว้คนละฉบับ เพื่อกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายหน้าตกเย็นทางผู้ใหญ่บ้านก็ประกาศให้ลูกบ้านทั้งหมดไปรวมตัวกัน หานตงนำภรรยาและบุตร ร่วมเดินทางไปกับครอบครัวของเซียนย้งผู้ใหญ่บ้านเชิญผู้นำตระกูลทุกตระกูลออกมาเบื้องหน้า ผู้นำตระกูลแต่ละคน นำบันทึกสิ่งที่ต้องซ่อมศาลบรรพชนออกมาชี้แจงให้สมาชิกภายในตระกูลฟังหมู่บ้านแห่งนี้มีตระกูลหลักๆ อาศัยอยู่รวมกัน 4ตระกูล คือตระกูลเว่ย ตระกูลกุ้ย ตระกูลมู่ และตระกูลหวัง อีกทั้งมีตระกูลอื่นที่เป็นเครือญาติของแต่ละฝ่ายเข้ามาขออาศัยอีกจำนวนหนึ่งดังนั้นทางผู้ใหญ่บ้านและผู้นำตระกูลรุ่นก่อน จึงตั้งกฎขึ้น ให้จัดสร้างศาลบรรพชนของทั้งสี่ตระกูลขึ้นเหมือนๆ กัน และทุกสองปีจะมีการเรี่ยไรเงินจากสมาชิกในตระกูลมาซ่อมแซมศาลบรรพชน และเปิดให้ลูกหลานได้กราบไหว้บรรพชนเพื่อขอพรให้คุ้มครองคนหมู่บ้านปีนี้เป็นปีที่ครบกำหนดพอดี ทางผู้ใหญ่บ้านจึงเรียกทุกคนมาฟังรายละเอียด และกำหนดจะมีการเก็บเงินจากทุกครอบครัว ครอบครัวละสามร้อยอีแปะ ในอีกสองเดื
"อาเซียง ทำไมวันนี้หน้าตาเจ้าดูไม่สู้ดีนักละ""พี่สะใภ้ เมื่อวานตอนที่พี่ชายข้ามาที่บ้าน เห็นว่าท่านแม่ได้เงินจากการช่วยงานท่าน ก็ยืนกรานจะรับตัวนางกลับไป แต่ท่านแม่ไม่ยอมกลับ พี่ชายข้าถึงกับอาละวาด ทุบทำลายข้าวของที่บ้านข้าเจ้าค่ะ""อาเซียง อย่าหาว่าข้ายุแยงเลยนะ กับคนบางจำพวก เจ้าควรจะทำตัวให้เห็นความร้ายกาจเสียบ้าง ข้าวของบ้านเจ้า เขามีสิทธิ์จะเข้ามาทำลายที่ไหน"จริงๆ ซินเซียงก็เคยคิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน หลายครั้งที่เซียนย้งคิดจะต่อกรกับผู้เป็นพี่ชาย แต่เป็นซินเซียงที่คอยห้ามปรามไว้ เพราะเกรงว่ามารดาจะไม่สบายใจต่อไปนางคงต้องยอมให้เซียนย้งจัดการพี่ชายนางดูสักครั้ง"อาเหยา อาเหยา เจ้าอยู่หรือไม่ ข้านำคนที่เจ้าต้องการมาให้เลือกแล้ว อาเหยาเด็กสาวพวกนี้เป็นช่างฝีมือการตัดเย็บในหมู่บ้านเรา แต่ละคนขยันขันแข็ง ข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จักนะ นี่อาซวง อาหง อาเหมย และ อาหมิ่น ข้าบอกพวกนางแล้วว่าเจ้าต้องการคนงานเพียงสามคน แต่พวกนางล้วนแต่เป็นคนมีฝีมือ ข้าตัดสินใจไม่ได้ จึงนำพวกนางกลับมาให้เจ้าเป็นคนเลือกเอง""นายหญิง"เด็กสาวทั้งสี่ทำความเคารพเว่ยเหนียนเหยาอย่างเรียบร้อย พวกนางทั้งหมด ล้วนแต่หาเ
"อาตง อาตง ลูกแม่เจ้าอยู่หรือไม่"เสียงของนางเว่ยหมัวหลาน ทำให้คนที่กำลังกินข้าวอยู่ในบ้านชะงักมือลง ยังไม่ทันจะขยับตัวลุกขึ้น อีกฝ่ายก็เดินเข้ามาในบ้านอย่างไม่คำนึงถึงมารยาท"หลานย่า ย่าคิดถึงเจ้ามากเหลือเกิน เจ้าสบายดีใช่ไหม"หานตงรีบนำภรรยาลุกขึ้นคำนับนางเว่ยหมัวหลานอย่างอ่อนน้อม"ท่านแม่ พี่ใหญ่ พี่สะใภ้เชิญนั่งก่อนขอรับ"หานตงพูดอย่างอ่อนน้อม ก่อนจะให้ภรรยาเดินไปรินน้ำออกมาให้ผู้เป็นมารดา"ท่านแม่สามี พี่สามี พี่สะใภ้ น้ำเจ้าค่ะ"จริงๆ ตอนนี้บ้านนางมีชากุหลาบ ชาเกสรดอกบัว ที่ลองทดลองทำไว้ แต่กับคนพวกนี้ให้กินไปก็เสียของ นางจึงรินน้ำเปล่ามาให้เท่านั้นส่วนเด็กสองคนไม่สนิทกับผู้เป็นย่าอยู่แล้ว เพราะทุกครั้งที่บิดาพาไปบ้านของนาง พวกเขามักจะโดนหาเรื่องลงโทษ เนื่องจากพวกเขาไปทะเลาะกับลูกชายของท่านลุงใหญ่เด็กท่านสองรีบเดินไปหลบหลังมารดา หญิงสาวนำตัวลูกชายเข้ามากอด ก่อนจะบอกให้คาราวะหญิงชรา"ท่านย่า" "ท่านย่า"เด็กทั้งสองโค้งตัวลงอย่างอ่อนน้อมฝ่ายหญิงชรากวาดตาดูความเปลี่ยนแปลงของคนในบ้าน ไม่เจอกันแค่ไม่นาน หานตงกลับดูดีขึ้นเป็นอย่างมาก เสื้อผ้าที่ใส่ดูเหมือนจะเป็นของที่เพิ่งซื้อใหม่เ
"ท่านแม่ขอรับ ท่านได้ยินข่าวลือข้างนอกหรือไม่ขอรับ เห็นชาวบ้านลือกันว่า เมื่อวันก่อนเจ้ารองมีรถม้าคันใหญ่มาส่งถึงหน้าบ้านเลยทีเดียว""แม่ได้ยินมาแล้ว เจ้าลูกอกตัญญู มีเงินมีทองกลับไม่เคยนึกถึงข้า มันน่าโมโหยิ่งนัก"นางเว่ยหมัวหลาน กล่าวออกมาด้วยความโมโห ใครๆ ต่างก็บอกว่านางเป็นแม่ที่รักลูกไม่เท่ากัน เอาใจลูกคนโต รักใคร่ลูกคนเล็ก แต่ทอดทิ้งลูกคนรองฮึ แน่ละ ใครจะไปรักลูกคนอื่นมากกว่าลูกตัวเองกันละ แท้จริงแล้วหานตงเป็นลูกของน้องสาวของนางต่างหาก มีอยู่ครั้งหนึ่งที่นางต้องเดินทางกลับไปที่บ้านเดิม เนื่องจากน้องสาวตัวดีเกิดตั้งครรภ์กับคู่หมั้น ที่กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกัน แต่ว่าที่เจ้าบ่าวกับโชคร้ายโดนโจรปล้น ระหว่างทาง หายสาบสูญไปไม่ทราบข่าวคราว มารดาและน้องสาวของนางรู้ข่าวถึงกับล้มป่วยอย่างหนักทั้งสองคน นางจึงต้องพาลูกและสามีกลับไปช่วยดูแลมารดาอยู่หลายเดือนน้องสาวของนางเจ็บป่วยเกินเยียวยา ทำให้เจ็บท้องก่อนกำหนด หลังจากนั้นก็คลอดเด็กชายออกมาผู้หนึ่ง ส่วนน้องของนางกลับจบชีวิตลงทันที แม่ของนางในตอนนั้นสงสารหลานชาย ไม่อยากให้หลานชายขึ้นชื่อว่า เป็นเด็กไม่มีพ่อแม่ ซ้ำพ่อแม่ยังทำผิดจารีตเสียอี
เว่ยเหนียนเหยายืนพิจารณาเสื้อผ้าชุดนั้น ก่อนจะตรวจดูความประณีตของชิ้นงาน ก็รู้สึกว่าช่างของชุนเหมยมีฝีมือไม่น้อยนางเรียกให้คนช่วยขยับหุ่นโชว์ที่นางทำขึ้นออกมาไว้ตรงกลาง จากนั้นจึงหยิบกระโปรงจากมือช่างคนหนึ่งใส่ลงไปในตัวหุ่น หลังจากนั้นก็หยิบเสื้อจากช่างอีกคนใส่ตามลงไปหลังจากตรวจดูความเรียบร้อย นางกับพบว่ามีบางสิ่งขาดหายไป หญิงสาวเดินไปเปิดห่อผ้าอีกห่อที่เตรียมมา ในนั้นมีผ้าคาดเอวแบบต่างๆ อยู่หลายชิ้นนางเลือกผ้าคาดเอวที่เข้ากับชุดนั้นได้ขึ้นมาชิ้นหนึ่ง จากนั้นจึงเดินเข้าไปตกแต่งชุดนั้นดูอีกครั้งชุนเหมยมองการกระทำของเว่ยเหนียนเหยาอย่างตกตะลึง นางไม่รู้ว่า สิ่งที่เว่ยเหนียนเหยานำมาคืออะไร แต่เมื่อนำเสื้อผ้าลงไปสวมใส่ กลับดูเหมือนว่าเสื้อผ้านั้นสวมอยู่บนตัวคนจริงๆ"น้องพี่สิ่งนี้เรียกว่าอะไร"ชุนเหมยเดินวนรอบๆ หุ่นโชว์อย่างชื่นชม หากมีสิ่งนี้มาตั้งหน้าร้าน ร้านของนางต้องเป็นจุดสนใจของผู้คนที่ผ่านมาผ่านไปเป็นแน่"สิ่งนี้เรียกว่า หุ่นไม้ เจ้าค่ะ มีไว้สำหรับใส่เสื้อผ้าวางไว้ให้ลูกค้าดู เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้าเจ้าค่ะพี่ชุนเหมย ท่านดูสิเจ้าคะ เสื้อชุดนี้หากเราตัดเย็บเสร็จก็ต้องพับเก็บ
เมื่อมีคนนอกวิ่งเข้านอกออกในในหมู่บ้านอย่างคึกคัก ชาวบ้านต่างก็ร่ำลือกันอย่างสนุกปากบางคนก็ว่าคนที่มาซื้อที่สร้างบ้านเป็นเศรษฐีใหญ่ ต้องการหลบความวุ่นวาย จึงมาสร้างบ้านไว้พักผ่อนในชนบทบ้างก็ว่าเป็นคนมีเงินที่ต้องการสร้างไว้สำหรับพาอนุมาหาความสำราญทุกคนในหมู่บ้านล้วนแต่อยากรู้อยากเห็น ชาวบ้านบางคนที่รู้จักเซียนย้ง ทนความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหว ถึงกับเอ่ยปากถามออกมาตรงๆ ก็มีหากแต่เซียนย้งกับบอกว่า งานนี้มีคนจ้างวานให้เขาทำ เรื่องชื่อผู้จ้างวานไม่สามารถบอกใครได้ เนื่องจากติดอยู่ในสัญญาชาวบ้านทุกคนต่างคิดว่าเป็นจริงตามนั้น เพราะต่างก็เห็นว่า ตอนนี้บ้านของเซียนย้งมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าแต่ก่อนมาก ต่างคนต่างอิจฉาในความโชคดีของอีกฝ่ายเว่ยเหนียนเหยา กำลังนั่งตรวจดูพวกผ้าปักที่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ครั้งนี้นางทำผ้าปักได้ถึงยี่สิบชุดเลยทีเดียว ความดีความชอบนี้นางต้องยกให้กับซินเซียงและมารดาของนางเนื่องจากสองคนนั้นมีความจำดีเป็นเลิศ สามารถช่วยงานนางในเรื่องการตัดเย็บได้อย่างประณีต ส่วนนางเมื่อได้สะดึงมางานปักก็ลื่นไหล สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วขึ้นอีกเท่าตัวเว่ยเหนียนเหยาพอใจกับผลงานตรงหน้า