สองสามีภรรยาเดินขึ้นเขาอย่างเร่งรีบ เมื่อเดินไปถึงแค่ตีนเขา กลับพบกอไผ่ขึ้นอยู่อย่างมากมาย ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็พบกับความเขียวชอุ่ม นับว่าเป็นภูเขาที่มีความอุดมสมบูรณ์ไม่น้อย
เว่ยเหนียนเหยารีบเดินเข้าไปสำรวจตรงกอไผ่ทันที หลังจากที่แหวกดูดวงตาก็เปล่งประกาย "ท่านพี่ ท่านมาช่วยข้าขุดหน่อไม้หน่อยเถิด เราจะได้นำกลับไปเป็นอาหารที่บ้าน" "หน่อไม้พวกนี้มีรสฝาดไม่เหมาะจะนำไปเป็นอาหารหรอก" ชายหนุ่มส่ายหน้ากับความไม่รู้ของผู้เป็นภรรยา หญิงสาวหาได้ถือสา ด้วยเข้าใจว่าผู้คนในอดีตย่อมไม่รู้ว่าควรนำหน่อไม้มาปรุงอาหารเช่นไร นางเพียงขุดขึ้นมาเป็นตัวอย่างให้สามีดู พลางเน้นย้ำว่า ให้ขุดขึ้นมาให้เยอะหน่อยเท่านั้น เมื่อเห็นว่าสามีไม่ปฏิเสธ หญิงสาวจึงค่อยๆ เดินสำรวจไปทางอื่น นางหยุดมองที่ต้นไม้กอใหญ่กอหนึ่ง หลังจากที่พิจารณาอยู่ชั่วครู่ ก็ตัดสินใจขุดลงไปในดินใต้ต้นไม้นั้น สิ่งที่ปรากฏอยู่ในดินทำให้หญิงสาวยิ้มแก้วปริ อย่างน้อยๆ สิ่งนี้ก็ช่วยให้นางและครอบครัวรอดพ้นจากความหิวโหยไปได้พักใหญ่ สองมือเรียวค่อยๆ นำสิ่งที่อยู่ในดินขึ้นมา มันฝรั่งหัวใหญ่ถูกดึงขึ้นมาใส่ลงไปในตะกร้าจนเต็มก่อนที่หญิงสาวจะเดินกลับไปหาสามี ทางด้านฝ่ายหานตง แม้จะไม่เห็นด้วยกับภรรยาแต่ก็ยังลงมือหาหน่อไม้ขึ้นมาใส่ในตะกร้าจนได้เกือบครึ่งตะกร้า เมื่อเห็นภรรยาเดินกลับมาอย่างหน้าชื่นบานก็อดสงสัยไม่ได้ "ท่านพี่ ข้าหาของกินมาได้แล้ว ท่านดูสิ" "เจ้าว่าสิ่งนี้จะกินได้หรือ" ชายหนุ่มมองสิ่งของในมือภรรยาอย่างหวาดระแวง หญิงสาวตรงหน้าไม่เคยขึ้นเขาเข้าป่าเลยสักครั้ง จะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งใดกินได้กินไม่ได้ เขาเกรงว่าหญิงสาวจะหิวมากไป จนมองข้ามทุกสิ้น กลับกลายเป็นทำร้ายตัวเองซะเปล่าๆ "ท่านพี่ ท่านเชื่อข้าสักครั้งได้หรือไม่ สิ่งนี้กินได้จริงๆ เจ้าค่ะ เดียวกลับไปข้าจะนำไปปรุงอาหารและจะลองกินให้ท่านดูก่อน รับรองว่าไม่เป็นอะไรจริงๆ เจ้าค่ะ" หานตงพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินนำหน้าภรรยาลงจากเขา "ท่านพี่เจ้าคะ ข้าอยากแวะไปริมลำธารสักครู่ ข้าจะนำเจ้าสิ่งนี้ไปล้างที่ลำธาร พอกลับบ้านจะได้นำไปทำอาหารได้เลยเจ้าค่ะ" ชายหนุ่มจึงเดินนำร่างของภรรยามาอีกทาง เพียงชั่วครู่ก็ถึงริมลำธารใหญ่ หญิงสาวเร่งมือ นำมันฝรั่งออกมาวางกองไว้ก่อนจะนำตะกร้าลงไปล้างในลำธาร ในขณะที่กวัดแกว่งตะกร้าไปมา อยู่ๆ ปลาตัวหนึ่งกลับหลุดเข้ามาในตะกร้าซะอย่างนั้น เว่ยเหนียนเหยารีบยกตะกร้าขึ้นอย่างดีใจ มองดูปลาที่ดิ้นไปมาในตะกร้าด้วยความตื่นเต้น "เจ้าโยนทิ้งไปเถอะ ปลาพวกนี้เวลานำไปทำของกลิ่น มักจะมีกลิ่นคาวอย่างร้ายกาจ พาลให้พืชผักที่ใส่ลงไปกินแทบไม่ได้ด้วยซ้ำ แถมยังมีก้างแหลมเยอะแยะ ชาวบ้านแถวนี้ไม่มีใครนำไปกินกันหรอก" เว่ยเหนียนเหยาตาเป็นประกาย ไม่มีคนกิน ดียิ่ง แบบนี้เธอก็ไม่ต้องกลัวว่าลูกๆ จะอดแล้ว หญิงสาวหยิบก้อนหินขนาดพอสมควรขึ้นมา พลางทุ่มลงไปบนหัวปลาทันที เธอก็รีบเทปลาออกจากนั้นก็นำตะกร้าลงไปกวัดแกว่งในน้ำอีกครั้ง ปรากฏว่าเพียงไม่นานก็ได้ปลาขึ้นมาอีกตัว นางหันไปขอยืมมีดที่เขานำติดตัวมา เอามาจัดการชำแหละปลาอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นก็สั่งให้สามีขุดหลุมตรงบริเวณต้นไม้ใหญ่ฝังเศษเครื่องในปลาที่ไม่ต้องการลงไปเพื่อกันไม่ให้เกิดกลิ่นเหม็นบริเวณนี้ เว่ยเหนียนเหยาจัดการล้างปลาและมันฝรั่งอย่างรวดเร็ว ก่อนจะบอกให้สามีรีบพากลับบ้านไปหาบุตรชาย เมื่อกลับมาถึงบ้านสองสามีภรรยาพบว่า บุตรชายทั้งสองช่วยกันกวาดถูพื้นอย่างขยันขันแข็ง หญิงสาวมองร่างน้อยอายุเพียงสี่หนาว ที่เดินไปรินน้ำมาให้นางกับสามีอย่างรู้ความ "ท่านพ่อ ท่านแม่ น้ำขอรับ" "ท่านแม่เหนื่อยมากไหมขอรับ" "แม่ไม่เหนื่อยหรอกจะ พวกเจ้ารอแม่สักประเดี๋ยว แม่จะรีบไปทำอะไรออกมาให้กิน" ภายในครัวแทบจะว่างเปล่า ไม่มีอะไรเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย เว่ยเหนียนเหยายกกระปุกที่วางอยู่ใกล้ๆ เข้ามาเปิดดู นี่น่าจะเป็นเกลือ เกลือภายในกระปุกเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย แต่ก็น่าจะเพียงพอสำหรับ2-3 วัน ตอนนี้นางต้องเร่งมือ ทำอาหารออกไปให้คนทั้งสามและตัวเองก่อน เรื่องอื่นเดี๋ยวค่อยคิดกันอีกทีด้วยประสบการณ์ความยากจนที่เคยผ่านมา เรื่องการจุดไฟทำอาหารไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับนางหญิงสาวนำหม้อเก่าใบหนึ่งขึ้นมาใส่น้ำก่อนจะหั่นปลาเป็นชิ้นๆ ลงไปต้มในหม้อ หลังจากควบคุมไฟไม่ให้แรงจนเกินไป จากนั้นนางจึงนำมันฝรั่งออกมาปอกเปลือกและหั่นทิ้งไว้ มองดูปลาที่ต้มไว้มีฟองลอยอยู่ไม่น้อยจึงค่อยๆ ตักฟองคาวออก รอจนกระทั่งไม่มีฟองขึ้นมาอีก จากนั้นจึงใส่เกลือลงไปเล็กน้อยนางตักน้ำแกงขึ้นมาชิม รสชาติความหวานของเนื้อปลาบวกกับความเค็มของเกลือ แม้จะยังไม่ใช่อาหารเลิศรสแต่ก็น่าจะประทังความหิวไปได้เมื่อยกหม้อปลาลง นางรีบนำกระทะขึ้นตั้งไฟ ใส่น้ำลงไปเล็กน้อย นำมันฝรั่งลงไปผัดจนสุก จากนั้นปรุงรสชาติด้วยเกลืออีกหน่อยปลาสองตัวกับมันฝรั่งพวกนี้น่าจะช่วยให้มื้อนี้ของครอบครัวผ่านไปด้วยดี นางรีบนำอาหารออกไปวางบนโต๊ะกินข้าว ภายในบ้านไม่มีใครอยู่ กลับปรากฏเสียงดังอยู่ด้านนอกเว่ยเหนียนเหยาเดินออกไปตามเสียง พบว่าสามีกำลังทำความสะอาดอุปกรณ์ที่นำไปขึ้นเขา ส่วนบุตรชายทั้งสองก็นั่งเล่นกันอยู่ข้าง ๆ"ท่านพี่ เจ้าใหญ่ เจ้ารอง มากินอาหารกันเถอะ"เด็กทั้งสองเมื่อได้ยินเสียงมารดาเรียก ก็รีบวิ่งกรูเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว หญิงสาว
หญิงสาวจัดการย้ายข้าวของเข้าไปไว้ในครัวจนเรียบร้อย หลังจากเห็นสามีกลับมาพร้อมปลาตามที่ต้องการ อีกทั้งปลาสองตัวที่จะนำมาทำอาหารเย็น ก็จัดการทำความสะอาดมาเรียบร้อยแล้วเมื่อเห็นสามีพาบุตรชายทั้งสองออกไปนั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน นางจึงวางใจเดินกลับเข้าห้องไปอีกครั้ง ก่อนจะนำผ้าทั้ง2พับขึ้นมาดูอย่างครุ่นคิด นางเริ่มนำผ้าเช็ดหน้า ถุงเครื่องหอม และ ถุงเงินขึ้นมาพิจารณาจากนั้นจึงเลาะถุงเงิน ตามด้วยถุงเครื่องหอมออกเพื่อศึกษาวิธีการตัดเย็บ อาจจะเป็นด้วยโชคชะตากำหนดไว้ให้ จึงทำให้ช่วงหนึ่งในเวลาที่ยากลำบากนางเคยทำงานอยู่ในร้านเสื้อผ้าชั้นสูงแห่งหนึ่ง ร้านร้านนี้เป็นร้านไม่ใหญ่มาก แต่ราคาเสื้อผ้าแต่ละตัวแพงลิบลิ่วทีเดียว เนื่องจากเสื้อผ้าที่ตัดแต่ละตัว รวมไปถึงการปักลวดลายต่างๆ จะต้องใช้มือปักเท่านั้นงานที่ออกมาแต่ละตัวจะได้รับการตรวจทานจากสายตาอันเฉียบคมของเจ้าของร้าน หากทำไม่ดีไม่ละเอียดจะถูกต่อว่าและให้นำกลับไปแก้ไขมาใหม่ให้เรียบร้อย เว่ยเหนียนเหยาเป็นคนหัวดี แถมยังละเอียดใส่ใจ เจ้าของร้านจึงเอ็นดูนางเป็นอย่างมากพร่ำสอนสิ่งต่างๆ ให้อย่างไม่คิดหวงวิชา ตอนนี้นางรู้สึกขอบคุณเจ้าของร้านเป็นอย่างยิ
เวลาดึกสงัดรอบข้างไร้เสียงรบกวน หากแต่ร่างสูงใหญ่กลับไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ หานตงครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาตั้งแต่เช้าเขาจำได้ว่า ตัวเขาออกจากบ้านไปด้วยความหวังอันริบหรี่ หากแต่บ้านบิดามารดาเป็นเชือกเส้นสุดท้าย ที่เขาหวังจะเกาะเกี่ยวยามเมื่อกำลังจะจมน้ำแต่คำตอบที่ได้รับกลับทำให้รู้ว่า สิ่งที่เขาเห็นเป็นเชือก แท้จริงเป็นเพียงแค่ฟางเส้นบางๆ ที่ไม่สามารถยึดเกี่ยวอะไรได้เขาจำได้ดี วันแต่งงานของน้องชาย ที่บ้านจัดงานเลี้ยงใหญ่โต ทั้งข้าวปลาอาหารมีวางไว้เต็มโต๊ะไปหมด เพื่อนบ้านต่างพากันมาแสดงความยินดีแตกต่างจากงานแต่งงานของเขากับภรรยา ท่านแม่อ้างว่าเพราะพวกเขาทำผิดประเพณี หากจัดงานใหญ่โตยิ่งจะเป็นขี้ปากชาวบ้านไปทั่ว จึงจัดงานเล็กๆ ขึ้นมาเท่านั้นมาครั้งนี้เขาบากหน้าไปขอยืมข้าว หวังเพียงแค่ให้บุตรชายทั้งสองได้ประทังความหิวโหย คำตอบที่มารดาเขาให้คือ ครอบครัวเขาเป็นคนนอก อาหารมีเพียงพอสำหรับคนในครอบครัวเท่านั้นเขาเงยหน้าสบตากับบิดา อีกฝ่ายก็เอาแต่หลบสายตา แม้เขาจะรู้ดีว่า เรื่องทุกเรื่องในบ้านบิดาล้วนให้มารดาเป็นคนดูแลหากแต่เขายังหวังว่าบิดาจะมีความผูกพันกับเขาสักนิด ช่วยเอ่ยปากกับมาร
สองสามวันที่ผ่าน เว่ยเหนียนเหยาได้ขอให้สามีพานางไปเลือกซื้อของที่ร้านเล็กๆ ในหมู่บ้าน เนื่องจากนางเห็นว่า ข้าวสารและเครื่องปรุงต่างๆ นั้นร่อยหรอจนแทบจะหมดลงไปแล้วหลังจากที่ช่วยกันขนข้าวของกลับมาเก็บไว้ที่บ้าน นางจึงขอให้สามีช่วยดูแลบุตรชายในช่วงนี้ โดยอ้างกับสามีไปว่า ในช่วงนี้ร่างกายของนางยังไม่แข็งแรง อีกทั้งบุตรชายทั้งสองยังเล็ก หากช่วงนี้สามีต้องออกไปขึ้นเขา เกรงว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นหานตงเองเห็นว่า ในเมื่อไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารการกินไปอีกพักใหญ่ เรื่องที่ภรรยาขอร้องก็ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร ยังไงที่ผ่านมาเขาก็ดูแลบุตรชายทั้งสองมาเพียงคนเดียวอยู่แล้วเว่ยเหนียนเหยาเร่งมือปักผ้าตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน นางรู้ว่าตอนนี้ทางบ้านเหลือเงินอยู่ไม่มากแล้ว ที่ทางที่จะเอาไว้เพาะปลูกก็ไม่มี เนื่องจากทางบ้านสามีซื้อที่ให้เฉพาะเพียงพอปลูกบ้านหลังนี้เท่านั้นหญิงสาวถอนหายใจ ก่อนจะมองดูผลงานที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้าเฮ้อ ในที่สุดก็เสร็จเสียที ร่างบางขยับคอขยับไหล่ไล่ความเมื่อยขบที่เกาะกินตามร่างกาย หลังจากตรวจทานความเรียบร้อยของงานอีกรอบ นางก็พาร่างที่ไร้เรี่ยวแรงจากการโหมงานมาตลอดวันไปนอนบน
หลังจากทั้งครอบครัวอิ่มหนำกันแล้ว เว่ยเหนียนเหยาให้หานตงพาไปร้านขายข้าวสารและของแห้ง เมื่อมาถึงร้านขายของหานตงเห็นว่านี่เป็นเวลายามเว่ยแล้ว เขากลับบุตรชายจะไปบอกคนขับเกวียนให้รอพวกเขาสักครู่ เนื่องจากเกรงว่าคนขับเกวียนจะกลับไปเสียก่อนหากแต่หญิงสาวกลับส่งเงินให้สามี1ตำลึง พร้อมกับบอกให้สามีไปเลือกซื้อหมูเนื้อแดงครึ่งชั่ง เนื้อติดมันครึ่งชั่ง ไขมันหมูหนึ่งชั่ง และกระดูกหมูสองชั่ง จากนั้นให้หารถม้ารับจ้างมาสักคัน โดยเน้นว่าให้หาคันที่ใหญ่สักหน่อยไปรับของที่ฝากที่ร้านผ้าไว้ แล้วค่อยกลับมารับนางหญิงสาวเดินเข้ามาในร้านข้าวสาร ร้านร้านนี้จัดวางข้าวของอย่างเป็นระเบียบ ของทุกชิ้นไม่มีฝุ่นเกาะ แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในการทำงานเป็นอย่างมาก"ฮูหยินท่านนี้ ไม่ทราบว่า ต้องการซื้ออะไรบ้างขอรับ"ชายรูปร่างสันทัดเดินเข้ามาต้อนรับนางทันทีด้วยท่าทางอ่อนน้อม"เถ้าแก่ ข้าขอ ข้าวสารคุณภาพกลางสองชั่ง แป้งสาลีครึ่งชั่ง น้ำตาลทรายแดงครึ่งชั่ง เกลือสองจิน สารส้มครึ่งจิน เหล้าขม ซีอิ๊ว อย่างละไห อ๋อ ข้าขอเครื่องเทศต่างต่างอย่างละชุด และถ่านถุงเล็กหนึ่งถุงด้วยเจ้าค่ะ"เถ้าแก่ร้านอ้าปากค้าง เขาคิดไม่ถึงจริงจริง
รถม้าคันใหญ่วิ่งเข้ามาในหมู่บ้าน ชาวบ้านต่างออกมามองดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น เนื่องจากผู้คนในหมู่บ้านนี้มีอยู่ไม่น้อย หากแต่ไม่มีผู้ใดจะมีฐานะถึงขนาดเช่ารถม้าคันใหญ่โตมาส่งเลยสักครั้ง"โอ้ นั้นเป็นคนบ้านไหนกันนะ ทำไมถึงนั่งรถม้าคันใหญ่มาถึงหมู่บ้านเราได้""นั่นสินั่นสิ นานแล้วนะที่ข้าไม่เคยเห็นรถม้าคันใหญ่ถึงเพียงนี้ เป็นบุญตาข้าจริงๆ"เสียงรถม้าค่อยๆวิ่งผ่านไปพร้อมกับเสียงเล่าลือปนสงสัยก็ดังตามรถม้าออกไปเรื่อยๆ"อาเหยาตื่นเถอะถึงบ้านแล้ว"หญิงสาวค่อยๆกะพริบตา ก่อนจะหลับตาตั้งสติอยู่ชั่วครู่ ตายแล้ว นางเผลอตัวนอนหลับไปตอนไหนเนี่ย นางช้อนตาขึ้นมองสามีอย่างออดอ้อนปนขอโทษ"ข้าขอโทษเจ้าค่ะท่านพี่ ข้าไม่รู้ตัวว่าเผลอหลับไปตอนไหน"ชายหนุ่มหันมาลูบผมและจัดเสื้อผ้าให้กับผู้เป็นภรรยาอย่างอ่อนโยน"หากเจ้ายังไม่หายง่วงอีกประเดี๋ยวก็เข้าไปนอนพักผ่อนในห้องอีกสักครู่ ข้าวของพวกนี้เดี๋ยวข้าจะขนเข้าไปเก็บเอง"หญิงสาวหน้าแดงกับความอ่อนโยนที่ได้รับ นางรีบส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนจะหันไปปลุกบุตรชายทั้งสอง เด็กทั้งสองเมื่อเห็นว่าตนมาถึงบ้านแล้ว ต่างทำหน้าเสียดายที่มัวแต่นอนหลับ เลยไม่ได้ดูทิวทัศน์จากนอกหน้าต่
"โอ๊ย ข้าไม่เคยกินอิ่มขนาดนี้มาก่อนเลย กับข้าวที่พี่สะใภ้ทำอร่อยทุกอย่างเลยขอรับ"เซียนย้งเปลี่ยนท่าที เขาพูดจากับเว่ยเหนียนเหยาอย่างอ่อนน้อมมากขึ้น หานตงมองเซียนย้งอย่างเหยียดหยาม ไหนเมื่อครู่เจ้ายังไม่เชื่อถือเมียของข้า เหตุใดจึงเปลี่ยนใจง่ายดายเพียงนี้เล่า"นี่ก็มืดแล้ว ข้าว่าลูกเมียเจ้าน่าจะกลับมาแล้วนะ"หานตงเอ่ยปากไล่กลายๆ เนื่องจากรู้ดีว่า วันนี้เมียของตนตรากตรำมาทั้งวัน"แล้วที่จะขึ้นเขาพรุ่งนี้"เซียนย้งกล่าวอย่างคาดหวัง ที่เขาอยากให้หานตงขึ้นไปด้วย เพราะหานตงเป็นพรานป่าที่ชำนาญทางและล่าสัตว์เก่งเป็นที่หนึ่ง หากแต่ชายหนุ่มกับขึ้นเขานับครั้งได้ เนื่องจากเป็นห่วงบุตรชายทั้งสองแต่ครั้งนี้เซียนย้งเห็นแล้วว่า เมียของหานตงดูแลเอาใจใส่บุตรชายเป็นอย่างดี หานตงน่าจะขึ้นเขาล่าสัตว์ได้อย่างไร้กังวลหานตงเอ่ยปากให้ลูกชายทั้งสองเข้าไปนอนก่อน เนื่องจากเห็นว่าเด็กทั้งสองตาปรือจนจะหลับกลางอากาศอยู่แล้ว ก่อนจะเบือนมาสบตาเว่ยเหนียนเหยา เขาเห็นความกังวลและหวาดกลัวในตาคู่งาม ชายหนุ่มตัดสินใจ"ข้าคงไปด้วยไม่ได้ อาเหยาเพิ่งจะหายป่วย ซ้ำยังรับงานชิ้นใหญ่มาจากในเมือง ข้าต้องอยู่ช่วยนาง"ง"จริงๆ ข้า
ต้นยามเหมาชายหนุ่มจึงรู้สึกตัวตื่นขึ้น เขาไม่เคยนอนหลับสนิทแบบนี้มานานแล้ว หานตงนอนมองหน้าภรรยาอย่างสุขใจ ก่อนจะตัดใจลุกขึ้น เขาค่อยๆขยับแขนออก เนื่องจากต้องการให้ผู้เป็นภรรยานอนพักต่อไปอีกหน่อยหากแต่แค่เขาขยับลงจากเตียง ร่างบางกลับขยับตัวลุกตาม"ท่านพี่นี่ยามไหนแล้วเจ้าคะ""เพิ่งต้นยามเหมาเอง เจ้านอนต่ออีกหน่อยเถิด เดี๋ยวข้าจะออกไปอาบน้ำและตักน้ำมาให้เจ้าอาบในตอนเช้า""ข้าลุกขึ้นเลยดีกว่าเจ้าค่ะ วันนี้เราจะขึ้นเขากัน ข้าอยากทำอะไรติดไว้ไปกินกันระหว่างทางด้วยเจ้าค่ะ "หานตงเห็นภรรยาเดินลงจากเตียง จึงเข้าไปช่วยจุดตะเกียง จากนั้นทั้งสองจึงช่วยกันเก็บพับที่นอนจนเรียบร้อย ก่อนที่ชายหนุ่มจะถือตะเกียงเดินจูงมือภรรยาออกจากห้องหลังจากจุดตะเกียงที่ห้องโถงกลางบ้านแล้ว ชายหนุ่มก็รีบใช้กะละมังไปตักน้ำมาให้ภรรยาล้างหน้าล้างตา"เจ้าทำอาหารรอพี่ไปก่อน เดี๋ยวพี่อาบน้ำเสร็จจะรีบตักน้ำมาให้เจ้าอาบที่นี่ ทางเดินไปลำธารไม่ค่อยจะเรียบนัก พี่ไม่อยากให้เจ้าออกไปด้วย"หญิงสาวพยักหน้าอย่างรู้ความ ก่อนจะบอกให้สามีช่วยจับปลาในลำธารมาให้สักสามสี่ตัว แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร นางเพียงแต่จะลองทำข้าวต้มปลาให้ครอบคร
"อาตง อาตง ลูกแม่เจ้าอยู่หรือไม่"เสียงของนางเว่ยหมัวหลาน ทำให้คนที่กำลังกินข้าวอยู่ในบ้านชะงักมือลง ยังไม่ทันจะขยับตัวลุกขึ้น อีกฝ่ายก็เดินเข้ามาในบ้านอย่างไม่คำนึงถึงมารยาท"หลานย่า ย่าคิดถึงเจ้ามากเหลือเกิน เจ้าสบายดีใช่ไหม"หานตงรีบนำภรรยาลุกขึ้นคำนับนางเว่ยหมัวหลานอย่างอ่อนน้อม"ท่านแม่ พี่ใหญ่ พี่สะใภ้เชิญนั่งก่อนขอรับ"หานตงพูดอย่างอ่อนน้อม ก่อนจะให้ภรรยาเดินไปรินน้ำออกมาให้ผู้เป็นมารดา"ท่านแม่สามี พี่สามี พี่สะใภ้ น้ำเจ้าค่ะ"จริงๆ ตอนนี้บ้านนางมีชากุหลาบ ชาเกสรดอกบัว ที่ลองทดลองทำไว้ แต่กับคนพวกนี้ให้กินไปก็เสียของ นางจึงรินน้ำเปล่ามาให้เท่านั้นส่วนเด็กสองคนไม่สนิทกับผู้เป็นย่าอยู่แล้ว เพราะทุกครั้งที่บิดาพาไปบ้านของนาง พวกเขามักจะโดนหาเรื่องลงโทษ เนื่องจากพวกเขาไปทะเลาะกับลูกชายของท่านลุงใหญ่เด็กท่านสองรีบเดินไปหลบหลังมารดา หญิงสาวนำตัวลูกชายเข้ามากอด ก่อนจะบอกให้คาราวะหญิงชรา"ท่านย่า" "ท่านย่า"เด็กทั้งสองโค้งตัวลงอย่างอ่อนน้อมฝ่ายหญิงชรากวาดตาดูความเปลี่ยนแปลงของคนในบ้าน ไม่เจอกันแค่ไม่นาน หานตงกลับดูดีขึ้นเป็นอย่างมาก เสื้อผ้าที่ใส่ดูเหมือนจะเป็นของที่เพิ่งซื้อใหม่เ
"ท่านแม่ขอรับ ท่านได้ยินข่าวลือข้างนอกหรือไม่ขอรับ เห็นชาวบ้านลือกันว่า เมื่อวันก่อนเจ้ารองมีรถม้าคันใหญ่มาส่งถึงหน้าบ้านเลยทีเดียว""แม่ได้ยินมาแล้ว เจ้าลูกอกตัญญู มีเงินมีทองกลับไม่เคยนึกถึงข้า มันน่าโมโหยิ่งนัก"นางเว่ยหมัวหลาน กล่าวออกมาด้วยความโมโห ใครๆ ต่างก็บอกว่านางเป็นแม่ที่รักลูกไม่เท่ากัน เอาใจลูกคนโต รักใคร่ลูกคนเล็ก แต่ทอดทิ้งลูกคนรองฮึ แน่ละ ใครจะไปรักลูกคนอื่นมากกว่าลูกตัวเองกันละ แท้จริงแล้วหานตงเป็นลูกของน้องสาวของนางต่างหาก มีอยู่ครั้งหนึ่งที่นางต้องเดินทางกลับไปที่บ้านเดิม เนื่องจากน้องสาวตัวดีเกิดตั้งครรภ์กับคู่หมั้น ที่กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกัน แต่ว่าที่เจ้าบ่าวกับโชคร้ายโดนโจรปล้น ระหว่างทาง หายสาบสูญไปไม่ทราบข่าวคราว มารดาและน้องสาวของนางรู้ข่าวถึงกับล้มป่วยอย่างหนักทั้งสองคน นางจึงต้องพาลูกและสามีกลับไปช่วยดูแลมารดาอยู่หลายเดือนน้องสาวของนางเจ็บป่วยเกินเยียวยา ทำให้เจ็บท้องก่อนกำหนด หลังจากนั้นก็คลอดเด็กชายออกมาผู้หนึ่ง ส่วนน้องของนางกลับจบชีวิตลงทันที แม่ของนางในตอนนั้นสงสารหลานชาย ไม่อยากให้หลานชายขึ้นชื่อว่า เป็นเด็กไม่มีพ่อแม่ ซ้ำพ่อแม่ยังทำผิดจารีตเสียอี
เว่ยเหนียนเหยายืนพิจารณาเสื้อผ้าชุดนั้น ก่อนจะตรวจดูความประณีตของชิ้นงาน ก็รู้สึกว่าช่างของชุนเหมยมีฝีมือไม่น้อยนางเรียกให้คนช่วยขยับหุ่นโชว์ที่นางทำขึ้นออกมาไว้ตรงกลาง จากนั้นจึงหยิบกระโปรงจากมือช่างคนหนึ่งใส่ลงไปในตัวหุ่น หลังจากนั้นก็หยิบเสื้อจากช่างอีกคนใส่ตามลงไปหลังจากตรวจดูความเรียบร้อย นางกับพบว่ามีบางสิ่งขาดหายไป หญิงสาวเดินไปเปิดห่อผ้าอีกห่อที่เตรียมมา ในนั้นมีผ้าคาดเอวแบบต่างๆ อยู่หลายชิ้นนางเลือกผ้าคาดเอวที่เข้ากับชุดนั้นได้ขึ้นมาชิ้นหนึ่ง จากนั้นจึงเดินเข้าไปตกแต่งชุดนั้นดูอีกครั้งชุนเหมยมองการกระทำของเว่ยเหนียนเหยาอย่างตกตะลึง นางไม่รู้ว่า สิ่งที่เว่ยเหนียนเหยานำมาคืออะไร แต่เมื่อนำเสื้อผ้าลงไปสวมใส่ กลับดูเหมือนว่าเสื้อผ้านั้นสวมอยู่บนตัวคนจริงๆ"น้องพี่สิ่งนี้เรียกว่าอะไร"ชุนเหมยเดินวนรอบๆ หุ่นโชว์อย่างชื่นชม หากมีสิ่งนี้มาตั้งหน้าร้าน ร้านของนางต้องเป็นจุดสนใจของผู้คนที่ผ่านมาผ่านไปเป็นแน่"สิ่งนี้เรียกว่า หุ่นไม้ เจ้าค่ะ มีไว้สำหรับใส่เสื้อผ้าวางไว้ให้ลูกค้าดู เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้าเจ้าค่ะพี่ชุนเหมย ท่านดูสิเจ้าคะ เสื้อชุดนี้หากเราตัดเย็บเสร็จก็ต้องพับเก็บ
เมื่อมีคนนอกวิ่งเข้านอกออกในในหมู่บ้านอย่างคึกคัก ชาวบ้านต่างก็ร่ำลือกันอย่างสนุกปากบางคนก็ว่าคนที่มาซื้อที่สร้างบ้านเป็นเศรษฐีใหญ่ ต้องการหลบความวุ่นวาย จึงมาสร้างบ้านไว้พักผ่อนในชนบทบ้างก็ว่าเป็นคนมีเงินที่ต้องการสร้างไว้สำหรับพาอนุมาหาความสำราญทุกคนในหมู่บ้านล้วนแต่อยากรู้อยากเห็น ชาวบ้านบางคนที่รู้จักเซียนย้ง ทนความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหว ถึงกับเอ่ยปากถามออกมาตรงๆ ก็มีหากแต่เซียนย้งกับบอกว่า งานนี้มีคนจ้างวานให้เขาทำ เรื่องชื่อผู้จ้างวานไม่สามารถบอกใครได้ เนื่องจากติดอยู่ในสัญญาชาวบ้านทุกคนต่างคิดว่าเป็นจริงตามนั้น เพราะต่างก็เห็นว่า ตอนนี้บ้านของเซียนย้งมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าแต่ก่อนมาก ต่างคนต่างอิจฉาในความโชคดีของอีกฝ่ายเว่ยเหนียนเหยา กำลังนั่งตรวจดูพวกผ้าปักที่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ครั้งนี้นางทำผ้าปักได้ถึงยี่สิบชุดเลยทีเดียว ความดีความชอบนี้นางต้องยกให้กับซินเซียงและมารดาของนางเนื่องจากสองคนนั้นมีความจำดีเป็นเลิศ สามารถช่วยงานนางในเรื่องการตัดเย็บได้อย่างประณีต ส่วนนางเมื่อได้สะดึงมางานปักก็ลื่นไหล สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วขึ้นอีกเท่าตัวเว่ยเหนียนเหยาพอใจกับผลงานตรงหน้า
ตื่นเช้าขึ้นมา ทุกคนในบ้านยังคงดำเนินการทุกอย่างเหมือนเดิม หลังจากการกินข้าวเช้า หญิงสาวจึงปล่อยบุตรชายทั้งสองออกไปเล่นหน้าบ้าน ก่อนจะปรึกษาสามีเรื่องที่นางคิดมาตลอดคืน"ท่านพี่ ข้าอยากจะซื้อที่และสร้างบ้านใหม่ ท่านจะว่าอย่างไรเจ้าคะ"หานตงรู้ดีว่า ที่ภรรยาคิดเรื่องนี้ขึ้น เพราะบันทึกแผ่นนั้น การหาหนทางรอดให้ตนเองและครอบครัว ก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้น เป็นหนทางที่ดีที่สุดในตอนนี้"พี่เห็นด้วยกับเจ้า แล้วเจ้าอยากได้ที่ตรงไหนเล่า""ข้าอยากได้ที่ตรงบริเวณลำธารค่อนขึ้นไปทางบึงบัวเจ้าค่ะ""แต่บริเวณนั้น พื้นดินที่เหมาะแก่การเพาะปลูกแทบจะไม่มีเลยนะ""ท่านพี่เจ้าขา ข้าหาได้ต้องการพื้นที่เพาะปลูกไม่เจ้าค่ะ แต่ข้าต้องการสิ่งที่อยู่ในน้ำ กับบึงบัวนั้นต่างหาก""เอาแบบนี้เถอะ พี่ว่าเงินที่เจ้าได้มาก็ไม่น้อย น่าจะซื้อที่บริเวณด้านข้างเพิ่มขึ้นมาอีกสักหน่อย ดินตรงนั้นสามารถเพราะปลูกได้ดี พี่จะเก็บไว้ปลูกพวกพืชผัก ที่เจ้าชอบเก็บมาจากบนเขาดีหรือไม่"หญิงสาวตาสว่างวาบ สามีของนางช่างรอบคอบดีแท้"งั้นวันนี้ท่านพี่เร่งดำเนินการเลยนะเจ้าคะ ข้าคิดว่าอีกไม่กี่วันหากท่านยังไม่เข้าไปบ้านของท่านแม่ พวกเขาต้องส่งคนม
"ท่านพี่ ท่านจะเข้าไปหาท่านแม่ที่บ้านหรือไม่เจ้าคะ"หานตงส่ายหน้า เขายังทำใจไปพบหน้ามารดาไม่ได้ บาดแผลในครั้งนั้นบาดลึก จนยากจะเยียวยาในระยะเวลาอันสั้น"แม้ท่านจะไม่เข้าไป ข้าว่าอย่างไรคนพวกนั้นก็คงไม่หยุดก่อกวนเราแน่เจ้าค่ะ""พี่ได้ยินมาว่า พี่ใหญ่กำลังหาเงิน เพราะอีกไม่นานทางผู้ใหญ่บ้านน่าจะเปิดให้จองชื่อบุตรชายที่ต้องการเข้าเรียนในสถานศึกษา""หึ บุตรชายเขาต้องเรียน แล้วบุตรเราไม่ต้องเรียนหรือยังไง""ช่างเถอะ ยังไงพี่ก็จะไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบครอบครัวเราอีกแล้ว"หานตงดึงผู้เป็นภรรยามากอดอย่างปลอบโยน"ท่านพี่ ท่านเคยเห็นบันทึกการแยกครอบครัวของท่านหรือไม่เจ้าคะ""ไม่นะ วันนั้นมีเพียงบิดามารดา และผู้ใหญ่บ้านไปหาท่านผู้นำตระกูล ส่วนพี่มารดาให้ย้ายสิ่งของเข้ามาจัดที่บ้านหลังนี้""งั้นวันพรุ่งนี้ ท่านนำหมูไปฝากท่านผู้นำตระกูลสักหนึ่งจิน พร้อมทั้งขอบันทึกแผ่นนั้นกลับมาด้วยนะเจ้าคะ""เจ้าคิดว่า บันทึกนั้นมีปัญหา"หญิงสาวส่ายหน้าไม่กล้าแสดงความคิดเห็นออกไปตรงๆ"ข้าก็แค่อยากเตรียมรับมือไว้เท่านั้นเจ้าค่ะ เรื่องนี้ข้าอยากให้ท่านทำแบบเงียบๆ อย่าให้มากความได้หรือไม่เจ้าคะ""นี่ก็ยังไม่เย็นมากนั
"อาตง อาตง เจ้าอยู่ไหม"เสียงเรียกชื่อดังกึกก้อง ตามด้วยการปรากฏตัวของชายหญิงคู่หนึ่ง ผู้ใหญ่ทั้งสามในบ้านที่กำลังอยู่ในกิจกรรมกินข้าวชะงักมือลงส่วนเด็กๆทั้งสามกับแสดงกิริยาหวาดกลัว ตัวหานชิงและหานเหนียนวิ่งเข้าไปกอดมารดาตัวสั่น ส่วนเซียนเหยาก็วิ่งเข้าไปหลบหลังมารดาของตน"หึ เจ้าใหญ่เจ้ารอง เจอลุงใหญ่กับป้าสะใภ้ใหญ่เหตุใดถึงไม่ทักทาย ช่างใช้ไม่ได้จริงๆ"น้ำเสียงดุดันเหยียดหยามของฝ่ายหญิงที่มา กล่าวขึ้นอย่างไม่ไว้หน้าเว่ยเหนียนเหยากอดปลอบลูกชายทั้งสองก่อนจะลุกขึ้น เฮ้อที่แท้ก็ญาติฝ่ายสามีนี้เอง"พี่สามี พี่สะใภ้ ไม่ทราบว่าท่านมีธุระอันใด ตอนนี้ท่านพี่ไม่อยู่เจ้าค่ะ"สองสามีภรรยาวางท่าเดินเข้ามาในบ้านอย่างไร้มารยาท มองดูกับข้าวบนโต๊ะตาวาว ดูท่าสิ่งที่ชาวบ้านร่ำลือจะเป็นจริง น้องชายของตนน่าจะได้โชคจากการเข้าป่า จนเปลี่ยนเป็นเงินก้อนโตเป็นแน่มิน่าล่ะ น้องสะใภ้คนนี้ถึงได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือแบบนี้ หานเวิ่นมองหญิงสาวด้วยสายตาเหยียดหยามดูแคลน"ท่านพ่อท่านแม่ เป็นห่วงเจ้ารองกับหลานๆเลยให้ข้าเข้ามาดู และให้บอกเจ้ารองด้วยว่า ให้พาหลานๆเข้าไปหาหน่อย เพราะนางคิดถึงหลานทั้งสองมาก"หานเว
"ท่านพี่เจ้าคะ สงสัยตอนนี้พวกปลามันคงจะไม่ค่อยว่ายมาแถวนี้แล้วหรือไม่ เรารอมาตั้งนานพึ่งจะจับมาได้แค่สองตัวเอง""ถ้างั้นเราเดินขึ้นไปทางต้นลำธารอีกหน่อยดีไหมเจ้าคะพี่สะใภ้ แถวนั้นข้าเห็นปลาว่ายชุกชุมยิ่งนัก"หลังจากคิดไตร่ตรองชั่วครู่ ทั้งหมดจึงตกลงใจพากันเดินขึ้นไปที่ต้นลำธาร สายตาเว่ยเหนียนเหยาเบิกกว้าง แม่เจ้า นี่มันบึงบัวนี่ โชคดีแท้ๆ นางกำลังเบื่อมันฝรั่งกับหน่อไม้อยู่เลย วันนี้นางจะนำรากบัวสดมาทำกับข้าวด้วยดีกว่า อีกทั้งเกสรดอกบัวและดอกบัวพวกนี้ยังสามารถนำมาทำชาดื่มบำรุงร่างกายได้อีกต่างหาก"ท่านพี่เจ้าคะ ท่านพาเซียนย้งไปช่วยกันจับปลาที่ทางโน้นก่อน ส่วนข้าจะสอนซินเซียงเก็บรากบัวมาไว้ทำอาหาร พวกเราแยกกันทำงานจะได้กลับบ้านเร็วขึ้น ดีไหมเจ้าคะ"ทั้งหมดต่างเห็นสอดคล้อง จึงแยกย้ายเดินไปคนละที่ เว่ยเเหนียนเหยาถอดรองเท้าออก และเดินลุยลงไปในบึง น้ำในบึงลึกไม่มาก นางไม่ต้องการเดินออกไปไกล เพราะแค่บัวที่ขึ้นใกล้ๆ ริมบึงก็มีอยู่มากโขหญิงสาวใช้ประสบการณ์ กวานมือลงไปใต้กอบัวก่อนจะดึงขึ้นมาทั้งกอ"พี่สะใภ้ รีบทิ้งไปเจ้าค่ะ นั่นๆ งู งูเจ้าค่ะ"เว่ยเหนียนเหยา ตกใจจนแทบจะโยนกอบัวทิ้งไปจริงๆ แต่
และแล้วกลุ่มคนทั้งหมดตอนนี้ก็ปรากฏตัวขึ้นหน้าผืนป่าไผ่"ท่านพี่เจ้าคะ ท่านลองขุดหน่อไม้ขึ้นมาให้พวกเขาดูว่า ต้องขุดแบบไหน และเลือกหน่อไม้แบบใด"หานตงไม่รอช้า เดินไปที่กอไผ่ที่สมบูรณ์กอหนึ่ง จากนั้นก็สังเกตดู เขาเลือกขุดหน่อที่เพิ่งจะแทงขึ้นมาจากดินเพียงไม่กี่คืบ ไม่นานหน่อไม้อวบอ้วน ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคนเมื่อทุกคนเข้าใจดีแล้ว ต่างก็แยกย้ายไปขุดโดยมีเว่ยเหนียนเหยาคอยกำกับให้ขุดไปแค่เพียงพอทำอาหารสัก 3-4วันหลังจากขุดหน่อไม้ได้พอสมควรแล้ว นางก็เดินนำทุกคนเข้าไปที่พุ่มมันฝรั่งที่ขึ้นกันหนาแน่น งานนี้นางต้องลงมือขุดให้ทุกคนดูเอง เนื่องจากสามีของนางไม่เคยเห็นตอนที่นางขุดขึ้นมาในครั้งก่อนเมื่อนางทำเป็นตัวอย่างให้ดู เหล่านักเรียนทั้งหลายก็ทำตามกันอย่างสนุกสนาน เมื่อเห็นว่าทุกคนมุ่งความสนใจไปที่การขุดมันฝรั่ง นางจึงเริ่มสำรวจบริเวณผืนป่าอีกครั้งนางเดินหยิบนั้นดูนี่ไปเรื่อย สายตาก็พบกับสิ่งที่ตนตามหา นี่มันพริกกับต้นกุหลาบนี่ โอ๊ยสวรรค์ เป็นใจ หญิงสาวกางผ้าเช็ดหน้าของตนออก ก่อนจะเด็ดดอกกุหลาบใส่ไปจนเต็มและห่อไว้อย่างเรียบร้อยแล้วพริกพวกนี้จะเอากลับยังไงดี นางมองไปโดยรอบก่อนจะตัดสินใจ ถ้า