เพล้ง! เพล้ง! เสียงสิ่งของแตกหักดังออกมาจากในห้อง ทำให้ผู้เฒ่าเว่ยจื้อจงรีบเดินเข้ามาในห้อง
"ยายเฒ่า เจ้าจะบ้าไปแล้วหรือ ทำไมถึงต้องขว้างปา ข้าวของเช่นนี้" "ใช่ ข้ามันบ้าไปแล้ว ท่านพี่ ท่านดู บุตรชายสุดที่รักของท่านทำเข้า" ชายชรามองหน้าบุตรชายคนโต กับคนเล็กที่อยู่ในห้อง ก่อนถอนหายใจ "อาเวิ่น อาหมิง เจ้าเอาเรื่องอะไรมากวนใจแม่ของเจ้าอีก เหอะ" "ท่านอย่ามาตวาดบุตรชายของข้านะ ท่านไปตวาดบุตรชายของท่านโน่น ตั้งแต่มีเงินก็ปีกกล้าขาแข็ง ไม่เห็นหัวพ่อแม่ ที่กับครอบครัวคนอื่น กับสอดไม้สอดมือช่วยเหลือวุ่นวายไปหมด" ชายชราถอนใจ ที่แท้ก็เป็นเรื่องครอบครัวตระกูลจงนี่เอง "ยายเฒ่าเอ๊ย ตาเฒ่าฟงประสบเคราะห์ร้าย ภรรยาและบุตรของเขาก็ทำงานอยู่กับอาตง อาตงคงเห็นแก่คนพวกนั้นจึงได้ช่วยเหลือก็ได้ เจ้าก็อย่าคิดมากเลย" "ข้าคิดมากอะไร ตั้งแต่เรื่องค่าเช่าที่ดินแล้ว ที่พวกมันตั้งใจหลอกลวงข้า หากข้ารู้ว่า พวกมันเตรียมย้ายบ้าน ข้าจะไม่เรียกเงินแค่นั้นหรอก พูดแล้ว ก็เจ็บใจจริงๆ" นางเว่ยหมัวหลานแทบกระอักเลือดออกมา เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากที่กลับมาจากห้องแจ้งข่าว นางกับคนในบ้านก็อับอายจนไม่อยากออกไปไหน จนผ่านไปถึงสิ้นเดือน นางจึงให้บุตรชายคนโต กับลูกสะใภ้อดทนต่อความอับอาย เดินไปเก็บเงินค่าเช่าที่ ที่บ้านของหานตง แต่พอไปถึง กับพบแต่ความว่างเปล่า ทั้งคนทั้งข้าวของกลับหายไปหมด บุตรชายนางจำทนอับอาย เอ่ยถามผู้คนในละแวกแถวนั้น ถึงได้รู้ว่า ครอบครัวของหานตงเป็นเจ้าของบ้านติดริมธารหลังใหญ่หลังนั้น และเพิ่งย้ายเข้าไปอยู่ได้ไม่กี่วันก่อนที่บุตรชายนางจะมา ตอนที่บุตรชายของนางมาแจ้งข่าว นางโกรธจนเป็นลมล้มพับ หลังจากฟื้นขึ้นมา ก็นำบุตรชายกับลูกสะใภ้ออกไปที่หน้าบ้านหานตง ทั้งทุบประตูทั้งตะโกนด่าว่า จนเสียงแหบแห้ง แต่ก็ไม่มีคนออกมา จนนางต้องล่าถอยกลับมาบ้านในที่สุด มาตอนนี้บุตรชายทั้งสองนำเรื่องที่หานตงกับภรรยาให้การช่วยเหลือครอบครัวตระกูลจงมาเล่าให้ฟัง นางเลยยิ่งโมโหขึ้นมาอีก นางเว่ยหมัวหลานเห็นบุตรชายคนเล็กส่ายหน้า ขยิบหูขยิบตาส่งมาให้ ก็นึกขึ้นได้ว่า ตัวเองกับบุตรชายวางแผนกันไว้ จึงแสร้งทำเป็นถอนหายใจ "เฮ้อ มาคิดดูอีกที เป็นข้าเองที่แต่ก่อนทำไม่ดีกับอาตง และครอบครัว หากข้าดีต่อเขา เหมือนบ้านของเจ้าเด็กเซียนย้ง เขาคงจะไม่ทำกับเราเช่นนี้" ตาเฒ่าจื้อจงเห็นภรรยา แสดงท่าทีแบบนี้ออกมาก็นึกขำในใจ ภรรยาเขาเป็นเช่นไร ตัวเขารู้ดีที่สุด ท่าทีแบบนี้อาจจะหลอกหานตงได้ แต่หลอกคนที่อยู่กับนางมาตลอดยี่สิบกว่าปีเช่นเขาไม่ได้หรอก ดูท่า หากมีโอกาสพบหานตงกับภรรยา เขาคงต้องเอ่ยปากเตือนเสียหน่อย "พี่สะใภ้ หลายวันมานี้ ข้ากับพวกน้องชายทั้งสองคน ขึ้นไปเก็บมันฝรั่งบนเขามาเกือบหมดแล้ว ตอนนี้ข้าล้างทำความสะอาดและวางไว้ในห้องครัวแล้วขอรับ แต่ข้าไม่เข้าใจว่า ท่านจะขุดขึ้นมาทำไมเยอะแยะ ไหนท่านบอกว่า ของพวกนี้เก็บไว้นานไม่ได้ไงขอรับ" "เมื่อหลายวันก่อน ตอนที่พี่ชายเจ้า เข้าไปติดประกาศรับคนที่ห้องแจ้งข่าว พวกผู้นำตระกูลต่างๆ พากันมาขอร้องเขา ให้ช่วยรับคนงานเพิ่ม เพราะตอนนี้มีหลายครอบครัวที่ประสบความลำบากถึงกับไม่มีอะไรจะกินเลยทีเดียว เจ้าก็รู้ว่างานของพวกเราต้องใช้คนที่มีความชำนาญจะรับคนสุ่มสี่สุ่มห้าได้อย่างไร ข้าเลยคิดว่าจะแนะนำแหล่งอาหารให้พวกเขา" "ถ้าท่านบอกถึงบริเวณที่ต้นพวกนั้นอยู่ ข้าเกรงว่าแม้แต่หัวเล็กๆก็คงจะไม่เหลือแล้วขอรับ" "ข้าก็คิดแบบนั้น อีกอย่างมันฝรั่งพวกนี้มีข้อจำกัดในการใช้ทำอาหาร ข้าเกรงว่าหากชาวบ้านไม่ระวังจะเกิดโทษมากกว่าประโยชน์" "เช่นนั้นท่านจะทำยังไงต่อไปขอรับ" "ประเดี๋ยวเจ้าเอามันฝรั่งที่แห้งแล้ว ใส่ตะกร้าสานแล้วนำไปเก็บไว้ที่ห้องครัวบ้านเจ้าสักห้าตะกร้า ทุกๆสามวันให้อาซ่างนำมันฝรั่งพวกนั้นมาตรวจเช็กว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่ แล้วจดบันทึกไว้ให้ข้า" "แล้วข้าละขอรับ" "ส่วนเจ้า เดี๋ยวไปเชิญท่านผู้ใหญ่บ้าน กับท่านผู้นำตระกูล มากินข้าวที่บ้านข้าเย็นนี้ ข้าจะลองทำอาหารจากมันฝรั่งกับหน่อไม้ให้พวกเขาลองชิม อ้อ เจ้าขึ้นไปเก็บหน่อไม้มาด้วยนะ ว่าแต่ เจ้าไปคนเดียวได้ใช่ไหม เพราะข้าว่าจะพาอาเสิ่นนั่งไปเป็นเพื่อนท่านพี่ด้วย" "ได้ขอรับพี่สะใภ้ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวข้าไปบอกน้องชายทั้งสองก่อน และจะเลยไปบอกท่านแม่กับอาเซียงให้รีบกลับมาช่วยท่านทำกับข้าวด้วยวันนี้ อ้อ ท่านพี่หานตงบอกว่า ถ้าท่านเสร็จธุระแล้วให้ออกไปที่รถได้เลยขอรับ ตอนนี้พวกเขารออยู่ที่รถแล้ว" "งั้นเจ้าช่วยไปตามอาเสิ้นมาทีก็แล้วกัน ข้าจะออกไปรอที่รถเลย" วันนี้เป็นวันที่นางมีนัดหมายกับชุนเหมยว่าจะเข้าไปถามข่าวเรื่องต้นโสม นางจึงถือโอกาสให้นางลั่วฮวาไปเยี่ยมดูอาการลุงฟงไปด้วยเลย ท่านหมอบอกว่า ลุงฟงยังคงไม่รู้สึกตัว ต่อให้มาทุกวันก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้นหลายวันที่ผ่านมานางลั่วฮวากับอาหงจึงขอกลับไปทำงานเหมือนเดิม ส่วนอาเสิ้นที่นางให้ไปด้วยในวันนี้ เพราะหนุ่มน้อยเคยขอให้สามีนางช่วยสอนการขับรถม้าให้ นางเองก็คิดว่าดีเหมือนกัน เกิดช่วงไหนที่สามีของนางหรืออาย้งติดธุระ ก็ยังมีอาเสิ้นอยู่อีกคน รถม้าพาคนทั้งสี่ชีวิตมุ่งหน้าสู่ร้านยามู่ถานอย่างรวดเร็ว เมื่อทั้งหมดเข้าไปในร้าน ครั้งนี้หมอชรากับเป็นผู้พาพวกเขาเดินเข้าไปที่ห้องคนไข้เอง เมื่อมือของหมอชราผลักประตูเข้าไป ร่างของคนที่เคยนอนนิ่งไม่ไหวติง บัดนี้กับกำลังกึ่งนั่งกึ่งนอน ดื่มยาอยู่บนเตียง "ท่านพี่ ท่านฟื้นแล้ว ขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณท่านหมอเจ้าค่ะ" "ท่านพ่อ ท่านพ่อในที่สุดท่านก็ฟื้นซะที" เสียงนางลั่วฮวา และอาเสิ้น ต่างอุทานออกมาด้วยความดีใจ "เขาเพิ่งฟื้นเมื่อเช้านี้เอง ข้ายังคิดอยู่เลยว่า หากวันนี้พวกเจ้าไม่มา จะให้คนไปแจ้งให้หมอจางที่หมู่บ้านทราบ" "แล้วตอนนี้อาการท่านลุงฟงเป็นยังไงบ้างเจ้าคะ" "ถือว่าพ้นจากขีดอันตรายแล้ว แต่ยังเหลือการฝังเข็มอีกสองครั้งสุดท้าย เพื่อขับเอาเลือดเสียที่ค้างอยู่ข้างในออกให้หมด ไม่รู้ว่าพวกเจ้าหาต้นโสมมาได้หรือยัง หากยังหาไม่ได้ ข้าจะได้เลื่อนการฝังเข็มออกไปก่อน" "เรียนท่านหมอ ที่ข้าเข้าเมืองมาในวันนี้ก็เพราะนัดสหายที่ติดต่อเรื่องหัวโสมเอาไว้ ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวไปพบเขาซะก่อน หากได้เรื่องยังไง ข้ารีบแจ้งให้ท่านทราบทันทีเจ้าค่ะ" เว่ยเหนียนเหยาเห็นว่า ลุงฟงเพิ่งจะฟื้นขึ้น เลยให้อาเสิ่น อยู่พูดคุยกับบิดาไปก่อน แต่อาเสิ่นยืนกรานขอมากับนางด้วย นางเห็นว่าอีกฝ่ายยืนยันแน่วแน่เลยตกลง หลังจากที่รถม้าออกจากร้านยามู่ถาน ก็ตรงไปที่ร้านผ้าเชิงอี้ชิง ระหว่างทางหานตงถามอาเสิ่นว่า บิดาเพิ่งฟื้นขึ้นมาทำไมถึงไม่อยู่พูดคุยกับบิดาก่อน อาเสิ้นครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่จึงบอกว่า "เพราะข้าอยากเรียนรู้การทำการค้าจากท่าน ข้าอยากช่วยพี่บุญธรรมสร้างฐานะให้มั่นคงกว่านี้ขอรับ" หานตงเห็นว่า คำพูดของอาเสิ้นมีอะไรซ่อนอยู่ แต่ชายหนุ่มรู้สึกว่า เด็กคนนี้เป็นคนรู้คุณคน เอาไว้เขาค่อยนำเรื่องนี้ไปปรึกษาภรรยาอีกครั้งจะดีกว่า ร้านม้าวิ่งเข้ามาจอดที่หน้าร้านผ้าเชิงอี้ชิง เด็กหน้าร้านแจ้งว่า นายหญิงรออยู่ที่ด้านในแล้ว "คารวะพี่ชุนเหมยเจ้าค่ะ" "คารวะพี่ชุนเหมยขอรับ" "อาเสิ้นเจ้ารีบมาคารวะพี่ชุนเหมย นางเป็นคนที่เป็นธุระจัดการเรื่องต้นโสมให้พ่อเจ้า" อาเสิ้นคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมทั้งโขกหัวคำนับ "ขอบพระคุณนายหญิงขอรับ บุญคุณนี้ข้าจะขอจดจำไปชั่วชีวิตขอรับ" "เอาเถอะๆ เจ้าลุกขึ้นก่อน อาเหยา หนุ่มน้อยคนนี้เป็นใครกัน" "อาเสิ้นเป็นน้องชายบุญธรรมข้า และเป็นบุตรชายของคนที่ข้าขอให้ท่านช่วยหาต้นโสมให้เจ้าค่ะ ข้าเห็นว่าเขามีหัวเรื่องการค้าเลยให้มาช่วยท่านพี่" "เป็นแบบนี้นี้เอง งั้นอาตงเจ้าก็พาน้องชายไปดูผ้าตรงโน้นเถิด ข้าจะสนทนากับอาเหยาสักครู่" สองหนุ่มต่างวัยได้ยินดังนั้นก็แยกตัวออกมา ปล่อยให้หญิงสาวทั้งสองนั่งสนทนากันตามลำพัง "พี่ชุนเหมย เรื่องต้นโสมเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ" เว่ยเหนียนเหยา ไม่เยิ่นเย้อ เอ่ยถามตรงประเด็นที่ตัวเองอยากรู้ทันที "เจ้านี่ใจร้อนเสียจริง ใครก็ได้ เข้าไปหยิบกล่องโสมที่ในห้องข้าออกมาให้หน่อย" "ได้ ได้มาแล้วรึเจ้าคะ" "เป็นโชคของเจ้ามากกว่า ตอนที่จดหมายของข้าไปถึง พี่สาวข้าเพิ่งจะหายป่วยจากอาการไข้ ตอนที่นางเป็นไข้ บ้านของว่าที่สามีส่งของบำรุงมาให้มากมาย ในนั้นมีโสมอยู่สองต้น นางก็เลยให้คนส่งมาให้เจ้าต้นหนึ่ง" "นายหญิงเจ้าคะ นี่ ของที่ท่านให้นำมาเจ้าค่ะ" ชุนเหมยรับของจากบ่าว ก่อนจะเปิดกล่องให้อีกฝ่ายดู "เจ้าดูสิ ต้นโสมต้นนี้อวบอ้วนสมบูรณ์ ข้าว่าราคาคงไม่ต่ำกว่า500 ตำลึงทองแน่" เว่ยเหนียนเหยากลืนน้ำลายดังเฮือก แพงถึงเพียงนี้เชียว แม้ตอนนี้นางจะพอมีเงินทองอยู่บ้าง แต่เงิน500ตำลึงทองสำหรับนาง ก็ถือว่าค่อนข้างมากอยู่ แต่เมื่อนึกถึงร่างกายผอมบางของลุงฟง ที่กำลังรอการรักษาอยู่บนเตียง เฮ่อช่างเถอะ เงินทองของนอกกาย ยังไงนางก็ยังมีลู่ทางหากิน " ฮะ ฮะ ฮะ อาเหยาเจ้าไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น ข้าไม่ได้บอกสักหน่อยว่าต้องจ่ายเงิน ข้าก็บอกแล้วไง พี่หญิงใหญ่ให้ส่งมาให้เจ้า" "ข้าจะทำอย่างนั้นได้ยังไงเจ้าคะ ของราคาแพงถึงเพียงนี้" "ทำไมจะทำไม่ได้ละ นางเองก็ได้มาโดยไม่ต้องจ่ายเงิน แล้วจะให้คิดเงินจากเจ้าได้ยังไง นางสั่งมาในจดหมายว่า หากว่าเจ้าอยากจะตอบแทนนาง ก็ให้ซื้อสบู่ส่งไปให้นางเยอะๆหน่อย สบู่ที่เจ้าส่งไปให้ครั้งก่อน นางเห็นว่าเป็นของแปลกใหม่ที่ในเมืองหลวงไม่มี เลยนำไปให้ท่านแม่ลองใช้ด้วย คาดไม่ถึงว่า หลายวันต่อมาท่านแม่กลับถามถึงแหล่งที่ซื้อมา เห็นบอกว่าท่านพ่อชอบมาก ยังสั่งพี่หญิงใหญ่เลยว่าให้ซื้อกลับมาเยอะๆหน่อย" "ซื้อสบู่? แต่สบู่นั่นข้าไม่ได้ซื้อมานะเจ้าคะ" "เป็นข้าที่ผิดเอง ไม่อธิบายให้นางฟังอย่างชัดเจน ตอนนั้นข้าเห็นเจ้าต้องการรีบหาโสม เลยเขียนจดหมาย รีบส่งไป นางเลยเข้าใจผิด" เว่ยเหนียนเหยาตาเป็นประกาย โสมต้นหนึ่งแลกกับสบู่ไม่กี่ก้อน การค้านี้ถือว่านางได้กำไรหลายเท่าตัวทีเดียว เดี๋ยวกลับไปนางต้องรีบทำสบู่เพิ่มอีกสักหน่อย "อาเหยา เจ้าคงไม่ลืมส่วนของข้าใช่หรือไม่ สบู่ของเจ้าข้าก็ชอบมากนะ เจ้าดูสิตั้งแต่ใช้สบู่ของเจ้า ผิวพรรณข้าก็ขาวนวลผุดผ่องขึ้นตั้งเยอะ" "ข้าย่อมไม่ลืมส่วนของท่านแน่นอนเจ้าค่ะ" "แล้วเจ้าไม่คิดจะผลิตสบู่ขายเหรอ ข้าว่าสบู่ของเจ้าดีกว่าที่มีขายอยู่ทั่วไปซะอีก" "ข้าขอเรียนพี่ชุนเหมยตามตรง ข้ามีความคิดจะเปิดร้านเครื่องหอมให้กับน้องชายกับน้องสะใภ้ดูแลเจ้าค่ะ พี่ชุนเหมยคงไม่โกรธข้าใช่หรือไม่เจ้าคะ" "เด็กโง่ ข้าจะโกรธเจ้าเรื่องอะไร ขอเพียงแค่เจ้าไม่เปิดร้านผ้าแข่งกับข้าก็พอ พูดถึงร้านผ้า พี่หญิงใหญ่ฝากมาเตือนเจ้าด้วย ว่าใกล้จะถึงเวลาส่งมอบลายผ้าใหม่แล้ว" "เรื่องนี้ข้าก็ไม่ลืมเจ้าค่ะ ถ้าอย่างนั้นข้าคงต้องขอตัวก่อน จะได้รีบกลับไปทำสบู่ให้พวกท่านด้วย" ชุนเหมยรู้ดีว่า เว่ยเหนียนเหยามีหลายสิ่งหลายอย่างต้องจัดการ จึงไม่รั้งไว้อีก นางได้แต่คิดว่าหญิงสาวนางนี้อายุน้อยนัก แต่กลับมีความรู้มากมายเหลือเกิน เป็นวาสนาของนางที่ในตอนนั้นเว่ยเหนียนเหยาเดินเข้ามาในร้านแห่งนี้ มา มา พ่อรับสมัคร คนช่วยแม่ทำสบู่"ท่านหมอเจ้าคะ ข้านำต้นโสมมาส่งเจ้าค่ะ"เว่ยเหนียนเหยายื่นกล่องโสม วางลงบนโต๊ะที่ท่านหมอนั่งอยู่"เจ้าไปเสียนาน ข้าคิดว่า เจ้าจะหามาไม่ได้เสียแล้ว"หมอชรานำกล่องโสมมาเปิดดู พอฝากล่องเปิดขึ้น ชายชราถึงกับมือไม้สั่นรีบประคับประคองกล่องโสมวางลงบนโต๊ะ"โสมต้นนี้สมบูรณ์มากนัก ข้าคิดว่ามันน่ามีอายุหลายสิบปีเลยทีเดียว ราคาของโสมต้นนี้น่าจะอยู่ที่เจ็ดร้อยถึงแปดร้อยตำลึงทอง ข้าคิดว่าเจ้าจะหาซื้อโสมต้นเล็กๆ มาเสียอีก""เดิมทีข้าก็คิดเช่นนั้น แต่สหายของข้าบอกว่ามีคนให้โสมต้นนี้กับเขามา แต่เขาไม่ได้ใช้ เลยให้ข้ามาอีกทีเจ้าค่ะ"" สหายดี! สหายดี! เจ้ามีสหายที่ดีเช่นนี้ ถือว่ามีบุญยิ่งนัก อะ เอาคืนไป ข้าใช้แค่รากโสมพวกนี้ก็พอแล้ว"หมอชราใช้กรรไกรตัดส่วนของรากที่ตนต้องการออกไว้ จากนั้นก็นำโสมใส่ลงไปในกล่อง และส่งให้เว่ยเหนียนเหยาคืน"มันจะพอหรือเจ้าคะ มิสู้ท่านเอาไว้ให้มากหน่อยดีกว่า"เว่ยเหนียนเหยาที่เห็นว่า ท่านหมอตัดแค่รากโสมไว้ก็เกรงว่าตัวยาจะไม่พอ คะยั้นคะยอให้ท่านหมอตัดเพิ่มไว้อีก"พอแล้ว พอแล้ว โสมนี้เจ้าก็เก็บไว้ให้ดี แล้วอย่าเที่ยวไปบอกใครละ เดี๋ยวจะเป็นภัยกับตัวเอง พรุ่งนี้ข้าจะเริ่มรักษาใน
"พี่สะใภ้ เมื่อกี้ตอนข้าเข้าไปในหมู่บ้านเห็นคนพูดถึงเรื่องมันฝรั่งกันใหญ่เลย""ผู้ใหญ่บ้านแจกของออกไปแล้วหรือ""น่าจะแจกไปเกือบหมดแล้วนะขอรับ ข้าได้ยินบางคนบอกว่าที่บ้านเขากินจนหมดไปแล้ว จะไปหาผู้ใหญ่เพื่อขอเพิ่มอีกด้วยขอรับ""เช่นนั้นก็ดีแล้ว อย่างน้อยพวกบรรดาเหล่าผู้นำตระกูล คงไม่มาวุ่นวายกับพี่เจ้าไปพักใหญ่""ใครจะมาวุ่นวายกับพี่หรือ"หานตงเดินเข้ามาในบ้าน ด้านหลังมีอาเสิ้นเดินตามมาห่างๆ"ท่านไปทำอะไรกันมาเจ้าคะ เนื้อตัวดูมอมแมมเชียว""พี่กับอาเสิ้นช่วยกันทำความสะอาดคอกม้า กับพามันไปอาบน้ำมานะ ว่าแต่เจ้ายังไม่ตอบพี่เลยว่าใครจะมาวุ่นวายกับพี่""ข้าหมายถึงเล่าบรรดาท่านผู้นำตระกูลกับผู้ใหญ่บ้านนะเจ้าคะ เห็นอาย้งบอกว่า คนพวกนั้นนำมันฝรั่งออกมาแจกให้ชาวบ้านจนหมดแล้ว""คนเยอะแหล่งอาหารน้อย แถมปีนี้พืชผลก็ให้ผลผลิตออกมาน้อย พี่ว่าหากไม่มีอาชีพอื่นมาเสริม อีกไม่นานทุกอย่างจะเลวร้ายกว่านี้"เว่ยเหนียนเหยาถอนหายใจ นางอยากช่วยทุกคน เพราะนางรู้ดีกว่าความอดยากหิวโหยทรมานมากเพียงไหน นางนึกไปถึงตอนที่นางเป็นเด็กในชาติที่แล้ว หลายครั้งที่นางทนหิวไม่ไหว เคยเดินเข้าไปขอเศษอาหารในร้านอาหารมากินเพื่อป
หญิงสาวเล่าเรื่องที่เว่ยหานหมิงเข้าหานาง ทุกคำพูด ทุกการกระทำ นางล้วนเล่าออกมาทั้งหมด นางไม่ใช่นางเอก ที่จะยอมปิดบังเรื่องต่างๆ เพื่อความสบายใจของพระเอก จนบางครั้งก็เกิดเรื่องราวใหญ่โตสำหรับนางการพูดคุยกันทุกเรื่องจะช่วยให้ชีวิตคู่ของพวกนางมั่นคงขึ้นอีกก้าว"เจ้าบอกว่าน้องเล็กเรียกเจ้าว่า อาเหยา หรือ""เจ้าค่ะ""แถมยังทำท่าอาลัยอาวรณ์เจ้าอีก""เจ้าค่ะ""ถ้าอย่างนั้นต่อไป เจ้าก็ไม่ต้องตามพี่ไปที่บ้านนั้นอีก และต่อไปพี่จะไม่เรียกเจ้าว่า อาเหยา แล้ว"อ้าว นี่นางทำให้สามีทำไหน้ำส้มหกนองหรือไร หญิงสาวเอนกายซบอกแกร่งสามีอย่างออดอ้อน"ถ้าเช่นนั้น ท่านจะเรียกข้าว่าอะไรดีเจ้าคะ""เหยาเอ๋อ พี่จะเรียกเจ้าว่า เหยาเอ๋อ ต่อไปเจ้าจะเป็นเหยาเอ๋อของพี่เพียงคนเดียว เจ้ายังจำสัญญาได้หรือไม่ ครั้งนี้เจ้าต้องมีลูกสาวอวบอ้วนให้พี่สักหลายๆ คนนะ เหยาเอ๋อ"ชายหนุ่มจับคางภรรยาขึ้นรับจุมพิตอ่อนโยนที่เขามอบให้ เขารู้ว่า นางไม่ใช่อาเหยาในอดีตที่มีใจรักต่อเว่ยหานหมิงผู้เป็นน้องชายครั้งนี้เขาตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่า จะทำตามคำสั่งบิดา ไม่จำเป็นจะไม่ไปที่บ้านหลังนั้นอีกกลิ่นกายหอมกรุ่นในอ้อมแขน ดึงสติเขาออกจากความคิ
" พี่สะใภ้ท่านมาแล้ว ข้าจะออกไปตามก็ไม่กล้าวางมือ""อาย้ง นำโถที่ข้าเตรียมไว้ทางโน่นมา นำผ้ามาปูบนปากโถ แล้วเอาผ้าชิ้นเล็กที่ข้าตัดไว้แล้ว รัดผ้าที่วางตรงปากโถให้แน่น ข้าจะกรองน้ำมันหอมอีกรอบ"เซียนย้งทำงานคล่องแคล่ว เดี๋ยวเดียวโถพร้อมผ้ากรองก็อยู่ตรงหน้านาง นางจัดการตามขั้นตอนสุดท้ายอย่างรวดเร็วในที่สุดน้ำมันทั้งหมดก็ถูกเทใส่โถ และดอกกุหลาบก็ถูกวางใส่ผ้ากรองทิ้งไว้"พี่สะใภ้ ต้องวางไว้นานเท่าใดขอรับ""วางไว้จนกว่า น้ำมันในดอกไม้จะออกมาหมด""ดอกไม้กับน้ำมันยังเหลืออยู่ ท่านจะให้ข้าทำต่อเลยไหมขอรับ""น่าจะทำต่อได้อีกหนึ่งถังเจ้าจัดการเลย ข้าจะคอยดู"เซียนย้งจัดการตามวิธีที่จำได้ มีผิดไปบ้างแต่เว่ยเหนียนเหยาก็คอยบอกอยู่ข้างๆ จนตุ๋นน้ำมันหอมเรียบร้อย"เอาละทีนี้มาตัดสบู่กัน เจ้าไปหยิบถาดที่ใส่สบู่มา"เซียนย้งหยิบถาดที่ใส่สบู่มาหนึ่งถาด วันนี้พี่สะใภ้ทำสบู่สามถาด เขาทำเองอีกหนึ่งถาด รวมแล้วเป็นสี่ถาด เดี๋ยวถาดนี้ให้พี่สะใภ้ตัดให้เขาดู ส่วนถาดอื่นๆเขาจะขอลองตัดเองเว่ยเหนียนเหยารับถาดไม้มา จากนั้นก็ใช้มีดเล็กบางเลาะไปข้างๆถาดไม้แล้วคว่ำถาดลงเคาะเบาๆ สบู่ก็หลุดออกมา นางจับก้อนสบู่ก้อนใหญ่ไ
"อาเซียง เจ้าเดินรอข้าด้วยสิ""อาย้งเจ้าก็เดินให้เร็วหน่อยสิ พี่สะใภ้กำลังรอไก่จากข้าอยู่นะ""เดี๋ยวนี้ เจ้าหายใจเข้าหายใจออกเป็นพี่สะใภ้ ข้าชักจะน้อยใจแล้วสิ""หึ แน่นอนว่า พี่สะใภ้ของข้า ต้องสำคัญกว่าเจ้า""เจ้าพูดเช่นนี้ คอยดูเถอะ คืนนี้ข้าจะลงโทษเจ้าเช่นไร""เจ้า! ไม่ต้องพูดแล้ว รีบเดินเร็ว นี่มันหน้าบ้านท่านป้าเจ้านี่ รีบเดินเร็วๆ เข้าเถอะ เจ้าไม่กลัวหรือยังไง"ซินเซียงหันซ้ายแลขวา เนื่องจากบ้านหลังนี้เป็นบ้านของท่านป้าของเซียนย้ง แต่นางเสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว ส่วนบุตรชายกับลูกสะใภ้ก็ทำงานที่เมืองหลวง จึงปล่อยบ้านทิ้งร้างไว้เคร้ง......ปึก ปึก ปึกซินเซียงหันไปเกาะแขนเซียนย้ง หน้าขาวซีด"อา...ย้ง เจ้า..ได้ยินเสียง อะไรไหม""คงจะเป็นเสียงหนูละมั้ง ข้าว่าเรารีบไปกันดีกว่าเนอะ"เซียนย้งที่หิ้วไก่อยู่ ใช้มืออีกข้างดึงให้ซินเซียงรีบเดินตาม"อาย้ง ....อาเซียง""อา...ย้ง ได้ยินเสียงคน คนเรียก พวกเราไหม"ตอนนี้ เซียนย้งเองก็เริ่มหน้าซีดไปเหมือนกัน จับมือซินเซียงเตรียมวิ่งออกไป"อาย้ง อาเซียง นี่ข้าเอง พี่ซีเม่ย ภรรยาท่านพี่เหวินฉีไง""พี่สะใภ้ เป็นท่าน แล้วท่านพี่เหวินฉีละขอรับ"เซียนย
เว่ยเหนียนเหยากำลังกล่าวขอตัวจากเหวินฉีและภรรยา แต่อาเสิ้นก็เดินเข้ามาในบ้านซะก่อน"พี่บุญธรรม ท่านพอจะมีเวลาสักครู่หรือไม่ขอรับ ถ่านเตาแรกตากแดดดีแล้ว ข้าอยากพาท่านไปดู""ได้สิ งั้นอาเซียงเจ้าไปโรงงานเถอะ เดี๋ยวพวกข้าจะไปกับอาเสิ้น"อาเสิ้นลากถ่านที่เขาเก็บใส่ตะกร้าแล้ว ออกมาให้ทุกคนดู หญิงสาวหยิบถ่านขึ้นมาตรวจดู เห็นว่าทุกก้อนแห้งสนิทแล้วจริงๆจึงให้อาเสิ้นลองก่อไฟขึ้นมาดู ถ่านนี้เป็นถ่านที่ทำจากเศษไม้ต่างๆที่เก็บมารวมกัน จึงทำให้มีควันไฟค่อนข้างมาก ซ้ำยังมีกลิ่นแรง แถมแรงไฟที่ได้ก็ไม่สม่ำเสมอนางบอกให้อาเสิ้นจดข้อเสียเหล่านี้ไว้ เพราะเตาต่อไปจะลองใช้ไม้ไผ่อย่างเดียว อาเสิ้นตื่นเต้นมากอยากจะรีบไปเก็บไม้ไผ่กลับมาทดลองแต่นางบอกว่า รอให้พวกนางกลับมาจากในเมืองก่อนจะดีกว่า จะได้มีคนขึ้นเขาไปเป็นเพื่อนเมื่อเห็นว่าไม่มีธุระอะไรที่ต้องทำในบ้านแล้ว เว่ยเหนียนเหยาจึงรีบเดินทางเข้าในเมือง วันนี้นางมีงานต้องทำมากมายเลยทีเดียวเมื่อมาถึงตัวเมือง นางให้สามีและเซียนย้ง นำปลาไหลที่ได้ไปขายก่อนหานตงจึงมุ่งหน้าไปที่ภัตตาคารที่เคยนำปลาไหลมาขายในครั้งก่อน เสี่ยวเอ้อจำพวกเขาได้ก็ร้องทักอย่างดีใจ"พวก
ชุนเหมยเมื่อเห็นน้องสาวต่างสายเลือด กระวีกระวาดวิ่งออกไปหาสามีก็ส่ายหัวยิ้มๆ นางเดินออกจากห้องโถง มุ่งตรงกลับเข้าห้องนอนทันที"เวิ้นสุ่ย"เสียงราบเรียบของหญิงสาวคล้ายพูดคุยกับอากาศที่อยู่ภายในห้อง เงาดำสายหนึ่งเคลื่อนออกมาจากมุมห้องอย่างเงียบๆ"นายหญิง""เจ้าไปสืบเรื่องนั้นมาให้ข้า จำไว้ข้าต้องการเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียด"ไร้เสียงตอบรับใดๆ มีเพียงเงาดำสายนั้น ที่เลือนหายไปคล้ายไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ชุนเหมย เดินออกจากห้องไปช้าๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น"ท่านพี่ตอนที่อยู่ที่หอการค้ากลางทำไมท่านไม่ช่วยข้าออกความคิดเห็นบ้างเลยเจ้าค่ะ"หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างแง่งอน ที่สามีไม่ช่วยนางออกความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับร้านค้าที่นางจะซื้อ"ก็พี่ไม่มีความรู้เรื่องนี้ พี่ว่าร้านไหนเจ้าเห็นว่าดีพี่ก็ว่าดี พี่ล้วนเชื่อฟังเจ้าเหยาเอ๋อ"เซียงย้งกลั้นหัวเราะหน้าแดง เมื่อเห็นพี่ชายกลายสภาพเป็นแมวหนุ่มช่างออดอ้อนต่อหน้าพี่สะใภ้ ก่อนจะรีบปรับสีหน้า เมื่อเห็นสายตาพิฆาตที่พี่ชายส่งตรงมาให้"พี่สะใภ้ในเมื่อท่านยังไม่ถูกใจ ก็ค่อยๆ หาไปก็ได้ขอรับ ข้าและ พี่หานตงล้วนเชื่อฟังท่าน""อะ นั่น นั่น น่าจะใช่ร้านเหล็กที่พี่ช
"มา มาลูกสะใภ้เจ้านั่งก่อน"นางลี่สือหลิน รีบบอกให้บุตรชายประคองลูกสะใภ้นั่งลงบนเก้าอี้"น้องสาว น้องเขยตอนนี้คงสบายดีสินะ ท่าทางจะร่ำรวยกันใหญ่"ลี่ห่าวฟงบุตรชายของนางลี่สือหลิน กล่าวออกมาอย่างประชดประชัน เขามองไปมองรอบๆบ้านหลังนี้ด้วยความอิจฉา ครั้งก่อนเขาเคยขอให้มารดา ช่วยพูดกับน้องสาวและน้องเขยว่าให้ตนและภรรยาเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วย แต่คนพวกนี้ล้วนแล้งน้ำใจต่อเขากับภรรยา ดีว่ามารดาแอบส่งเงินทองไปให้เขาใช้อยู่เรื่อยๆ ชีวิตเขากับภรรยาจึงไม่ได้ลำบากอะไร"พวกข้าก็แค่มีกินมีใช้นะขอรับ ท่านพี่ภรรยา"เซียนย้งจริงๆ ไม่ค่อยจะชอบพี่ภรรยาคนนี้มากนะ เพราะเขาเป็นคนหยิบโหย่งไม่ค่อยชอบทำงานเท่าไหร่ แถมยังชอบใช้กำลังกับภรรยาของเขาและท่านแม่ยายอยู่บ่อยครั้ง"เอาละ เอาละ มากินข้าวกันเถอะ วันนี้พวกเจ้าต้องกินเยอะๆนะ อ้าวข้าลืม พวกเจ้ากินกันไปก่อน ข้าไปเอาน้ำแกงไก่ที่บ้านอาเหยาก่อน"นางลี่สือหลินออกไปไม่นานก็กลับมาพร้อมน้ำแกงไก่ถ้วยใหญ่"อาเซียงเมื่อกี้ตอนแม่ไปตักน้ำแกงไก่ เห็นกล่องใส่โสมยังวางอยู่ในครัว เห็นอาย้งบอกว่า โสมหัวนั้นราคาหลายร้อยตำลึงทอง ทำไมเอามาวางไว้อย่างนั้นละ"ซินเซียงแอบมองไปยังพี่ชาย
"ถูกต้องแล้ว นางไม่ใช่มารดาของเจ้า"หานตงหันกลับไปตามเสียง ร่างของชายชราเว่ยจื้อจงเดินเข้ามาภายในบ้านด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก"ท่านพี่ ท่านสัญญาแล้วว่าจะไม่พูดเรื่องนี้ ท่านกล้าผิดคำสาบาน?""ตอนนี้อาตงโตแล้ว เขาดูแลตัวเองได้แล้ว ตอนนั้นเจ้าใช้ชีวิตอาตงยามที่เป็นเด็กมาข่มขู่ข้า บีบบังคับให้ข้าไม่กล้าพูดอะไร แต่ตอนนี้เขาแข็งแกร่งขึ้นแล้ว มีคนที่เขารักและรักเขาคอยอยู่เคียงข้าง เขาไม่ต้องการความรักของเจ้าอีกแล้ว ส่วนข้าวันนี้ที่ผิดคำสาบาน ข้ายินดีตายอย่างอนาถ เป็นผีไม่มีญาติที่ไม่มีคนคอยเซ่นไหว้"" ฮ่ะ ฮ่ะ ฮะ่ ท่านยินดีตายอย่างอนาถ เพราะท่านต้องการไปพบนังหมัวเล่อ นังน้องสาวสารเลวคนนั้นของข้าใช่หรือไม่ ข้ารู้นะ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ท่านเอาแต่คิดถึงมัน"นางเว่ยหมัวหลานสติแตก เมื่อต้องมาพูดถึงคนที่นางเกลียดเข้ากระดูก"อาหลาน คนก็ตายไปนานแล้ว เหตุใดเจ้าจึงไม่เคยปล่อยวาง""ปล่อยวาง ทำไมข้าต้องปล่อยวางด้วย ข้าเกลียดมัน ตั้งแต่มันเกิดมา ใครๆก็พากันรักแต่มัน ไม่ว่าจะเป็นท่านพ่อท่านแม่ หรือแม้แต่ท่าน มันก็รู้ว่าข้าหลงรักท่าน แต่มันก็ยังจะยั่วยวนท่านให้หลงใหลมัน ได้ยินไหมไอ้เด็กสารเลว แม่ของแกเป็นผู
ภายในห้องนอน หานตงกำลังออดอ้อนเมียรัก อย่างสำนึกผิด ที่ไม่รู้เท่าทันมารยาหญิง ยิ่งเมื่อรู้ว่าหญิงสาวคนนั้นคิดไม่ซื่อกับตน ถึงขนาดให้ญาติผู้ใหญ่ของนาง มาบีบบังคับภรรยาของเขาแบบนี้เขาก็ยิ่งรังเกียจเข้าไปใหญ่"ข้าว่าพวกเขาคงไม่หยุดแค่นี้แน่เจ้าค่ะ ต่อไปพวกเราต้องคอยระวังตัวให้ดีๆ แล้วตอนที่ข้าไม่อยู่ นางได้แสดงกิริยาอะไรกับท่านหรือไม่เจ้าคะ""ก็มีบ้างนะ แต่เจอฤทธิ์เจ้าสองแสบนั่นเข้าไป ก็เลยไม่กล้าทำอะไรอีก มีแต่ท่านแม่กับพี่ใหญ่นี่ละ"หานตงเล่าให้ฟังว่า หลังจากที่นางออกไป แม่สามีกับพี่ชายคนโตก็บอกว่า รู้มาว่า ทางหานตงต้องการซื้อร้านในเมือง พวกเขามีคนรู้จัก ที่อยากขายร้านในย่านการค้าอยู่พอดี เพียงแต่ราคาที่ตั้งขายค่อนข้างสูง จึงหาคนซื้อได้ยาก หากพวกเขาหาคนมาซื้อได้ จะให้ค่านายหน้าถึงสิบตำลึงทองเลยทีเดียว"ร้านค้าในย่านการค้า ร้านเล็กๆ ก็ขายกันที่เจ็ดสิบหรือแปดสิบตำลึงทองแล้ว ส่วนร้านใหญ่หน่อยก็หนึ่งร้อยถึงสามร้อยตำลึงทอง เพียงแต่ที่ข้าสงสัย พี่ใหญ่ของท่านถึงจะเป็นพ่อค้า แต่ก็ค้าขายผลิตผลทางการเกษตรเท่านั้น จะรู้จักคนที่ย่านการค้าได้ยังไง""อาจจะเป็นน้องเล็กก็ได้ น้องเล็กเข้าไปเรียนหนังสือ
มู่ชุยเหลียนได้ยินเสียงพี่สาวต่างมารดากล่าวแบบนั้นก็ชักสีหน้า เตรียมจะโต้ตอบ แต่ถูกนางมู่ชิงเหมี่ยนจับมือไว้ จึงได้แต่กัดฟันก้มหน้า คิดอาฆาตแค้นอยู่ในใจ หึ รอให้ข้าได้แต่งเข้าไปก่อนเถอะ ข้าจะทำให้พี่เขยเฉดหัวพวกเจ้าสามคนแม่ลูกออกไปให้ได้"เหนียนเหยา วันนี้ท่านย่าของเจ้ากับท่านอารองก็มา นางสั่งให้ข้าพาเจ้าไปพบด้วย เจ้าก็ตามข้าไปคารวะท่านย่าของเจ้าสักหน่อยเถิด"ท่านย่า? หญิงสาวพยายามค้นความทรงจำของร่างเดิม ความทรงจำของร่างนี้กับท่านย่าของนางเรียกว่าเลวร้ายก็ได้ หญิงชราผู้นั้นเกลียดมารดากับเจ้าของร่างเป็นที่สุด เพราะมารดาของนางมาจากครอบครัวที่ยากจน แม้ตระกูลมู่จะไม่ถือว่าเป็นครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ท่านพ่อและท่านอาก็มีอาชีพเป็นพ่อค้าที่มั่นคง สามารถเลี้ยงดูครอบครัวให้สุขสบายได้ ท่านย่าของนางอยากจะให้ท่านพ่อแต่งงานกับหญิงสาวที่มีฐานะสักหน่อย เพื่อที่จะได้ยกระดับครอบครัว แต่ท่านพ่อหลงใหลในความงามของท่านแม่ จึงดื้อรั้นจนในที่สุดก็ได้แต่งงานกัน หลังจากอยู่กันได้ไม่นาน ท่านแม่ก็มีนาง แต่เพราะคลอดนางอย่างยากลำบาก ทำให้ท่านแม่สุขภาพอ่อนแอลง ไม่สามารถปรนนิบัติท่านพ่อได้อีก ท่านย่าถือโอกาสนั้นส่งนาง
"พี่สะใภ้ขอรับ สำหรับสบู่ของข้า ข้าคิดออกแล้วขอรับว่าจะทำยังไง"เซียนย้งเกิดความคิดขึ้นตอนที่เขาฟังพี่สะใภ้กับทุกคนวางแผนการค้าถ่านกัน"ไหนเจ้าลองว่ามาซิ อาย้ง""ตอนนี้สบู่ของข้ามีรูปร่างเหมือนสบู่ทั่วไปที่ขายอยู่ ข้าอยากให้ท่านช่วยข้าออกแบบแม่พิมพ์ขึ้นมาใหม่ นอกจากนั้นข้าอยากมีตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ที่จะให้คนทั่วไปรู้ว่า นี่เป็นสบู่ของพวกเราด้วยขอรับ""สัญลักษณ์?""ขอรับพี่สะใภ้ ข้าอยากตั้งชื่อทางการค้าให้คนรู้ว่า สินค้าพวกนี้มาจากครอบครัวของพวกเรา""ดีๆ ข้าเห็นด้วยกับเจ้า"อาเสิ้นตาโต เขาก็อยากให้ถ่านของเขามีชื่อร้านเหมือนกัน"แล้วเจ้าคิดชื่อไว้แล้วหรือยัง หรือจะให้พวกข้าช่วยคิดให้"หญิงสาวมองดูเด็กหนุ่มทั้งสองที่กระตือรือร้น ดวงตาเป็นประกายอย่างตื่นเต้น ก็ช่วยส่งเสริม"ข้าอยากให้ร้านของข้า ชื่อ เหนียนเหยา ขอรับ"หญิงสาวตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าเซียนย้งจะเสนอชื่อนางขึ้นมา"เจ้าพอจะบอกเหตุผลข้าได้หรือไม่อาย้ง"หานตงถามขึ้น เขาพอจะรู้ใจของน้องคนนี้ดี แต่ก็อยากจะรู้ว่า จะเหมือนที่เขาคิดไว้หรือไม่"เพราะพี่สะใภ้ เป็นเสมือนแสงสว่างที่สาดเข้ามาในชีวิตของครอบครัวข้า ขับไล่ความมืดมิด ช่วยให้ข้าเห
เว่ยเหนียนเหยายืนอยู่บนระเบียง คิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา นางนับถือนางลี่สือหลินมาก แม้จะรักบุตรชายเพียงใดแต่ก็ไม่ยอมเห็นผิดเป็นถูก กัดฟันส่งบุตรชายเข้ารับโทษที่ก่อตอนแรกนางยังคิดว่า นางลี่สือหลินจะล้มป่วยเพราะตรอมใจอยู่หลายวัน หากเพียงแค่สองวัน นางลี่สือหลินกลับลุกขึ้นไปทำงาน นางกับซินเซียงพยายามห้ามปรามขอให้พักผ่อนอีกสักหน่อยรอยยิ้มเศร้าสร้อยปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากคู่นั้น ก่อนจะกล่าวว่า" อาเหยา คนเป็นแม่จะอ่อนแอไม่ได้ ตอนนี้บุตรชายของข้ากำลังหกล้ม ข้าหวังว่า สักวันเขาจะคิดได้ และลุกขึ้นยืนใหม่ เมื่อนั้นมือคู่นี้ของข้ายังต้องช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้น"เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็น้ำตาคลอ ชาติที่แล้ว นางไม่มีพ่อแม่ ไม่เคยรับรู้ถึงความรักของพ่อแม่มาก่อน หญิงสาวคิดไปถึงต้นโสมเจ้าปัญหาต้นนั้น ที่บัดนี้ถูกนำไปเก็บไว้ในห้องของนางเป็นที่เรียบร้อยต้นโสมเพียงหนึ่งต้น แต่กลับลากดึงเอาความโลภโมโทสันภายในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ออกมาตีแผ่ นางหวังเพียงแต่ว่า ลี่ห่าวฟง จะไม่ทำให้มารดาของเขาผิดหวัง"พี่สะใภ้ พี่หานตงให้ข้ามาบอกท่านว่า วันนี้เป็นวันที่นัดกับช่างเฟิ่งไว้ขอรับ""เจ้าช่วยไปเรียกอาเสิ้นมาพบข้าหน
"ภรรยาเจ้าเร็วหน่อยเถอะ เราต้องรีบไปให้ทันรถเที่ยวเช้านะ""ท่านพี่จะรีบไปไหน ป่านนี้คนพวกนั้นยังไม่มีใครรู้หรอกน่า"นางลี่สือหลินยืนกำมือแน่นที่หน้าประตู จู่ๆประตูก็ถูกเปิดออกจากคนที่อยู่ข้างใน ห่าวฟงเห็นมารดา พร้อมน้องเขย น้องสาวยืนอยู่ก็ตกใจ พยายามตั้งสติ"ท่านแม่ ท่าน มาได้ยังไงขอรับ"นางลี่สือหลินมองดูบุตรชายที่ก้าวเท้าถอยหลังเข้าไปในบ้าน ในมือถือห่อผ้าห่อหนึ่ง"เจ้าใหญ่ พวกเจ้ารีบร้อนจะไปไหนกันแต่เช้า"นางลี่สือหลินไม่ตอบ แต่ย้อนถามบุตรชายแทน"พอ ดี แม่ภรรยาไม่ค่อยสบาย ข้าเลยจะพานางไปเยี่ยมดูอาการขอรับ"สะใภ้ตระกูลลี่เมื่อเห็นสามีส่งสายตามาให้ ก็รีบเอ่ยเสริมคำ"ใช่เจ้าค่ะท่านแม่สามี ท่านแม่ข้าไม่สบาย ข้าจึงจะรีบไปเยี่ยม อีกอย่างข้าอยากจะนำข่าวดีไปบอกท่านด้วยตัวเอง""พวกเจ้าก็เลยทำตัวเป็นบุตรเขยบุตรสาวที่ดี เอาต้นโสมไปเยี่ยมซินะ"นางลี่สือหลิน ตวาดออกไปอย่างหมดความอดทน มองมือบุตรชายที่กุมห่อผ้าแน่นเข้าไปอีก"ท่านแม่ ท่านพูดเรื่องอะไร ข้าไม่เข้าใจขอรับ""ข้าก็พูดเรื่องที่เจ้าสองสามีภรรยาเข้าไปขโมยโสมที่บ้านของอาเหยาไงละ"ห่าวฟงหน้าซีด เขารู้ตั้งแต่เห็นหน้ามารดาที่หน้าประตูแล้ว ว่าม
"มา มาลูกสะใภ้เจ้านั่งก่อน"นางลี่สือหลิน รีบบอกให้บุตรชายประคองลูกสะใภ้นั่งลงบนเก้าอี้"น้องสาว น้องเขยตอนนี้คงสบายดีสินะ ท่าทางจะร่ำรวยกันใหญ่"ลี่ห่าวฟงบุตรชายของนางลี่สือหลิน กล่าวออกมาอย่างประชดประชัน เขามองไปมองรอบๆบ้านหลังนี้ด้วยความอิจฉา ครั้งก่อนเขาเคยขอให้มารดา ช่วยพูดกับน้องสาวและน้องเขยว่าให้ตนและภรรยาเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วย แต่คนพวกนี้ล้วนแล้งน้ำใจต่อเขากับภรรยา ดีว่ามารดาแอบส่งเงินทองไปให้เขาใช้อยู่เรื่อยๆ ชีวิตเขากับภรรยาจึงไม่ได้ลำบากอะไร"พวกข้าก็แค่มีกินมีใช้นะขอรับ ท่านพี่ภรรยา"เซียนย้งจริงๆ ไม่ค่อยจะชอบพี่ภรรยาคนนี้มากนะ เพราะเขาเป็นคนหยิบโหย่งไม่ค่อยชอบทำงานเท่าไหร่ แถมยังชอบใช้กำลังกับภรรยาของเขาและท่านแม่ยายอยู่บ่อยครั้ง"เอาละ เอาละ มากินข้าวกันเถอะ วันนี้พวกเจ้าต้องกินเยอะๆนะ อ้าวข้าลืม พวกเจ้ากินกันไปก่อน ข้าไปเอาน้ำแกงไก่ที่บ้านอาเหยาก่อน"นางลี่สือหลินออกไปไม่นานก็กลับมาพร้อมน้ำแกงไก่ถ้วยใหญ่"อาเซียงเมื่อกี้ตอนแม่ไปตักน้ำแกงไก่ เห็นกล่องใส่โสมยังวางอยู่ในครัว เห็นอาย้งบอกว่า โสมหัวนั้นราคาหลายร้อยตำลึงทอง ทำไมเอามาวางไว้อย่างนั้นละ"ซินเซียงแอบมองไปยังพี่ชาย
ชุนเหมยเมื่อเห็นน้องสาวต่างสายเลือด กระวีกระวาดวิ่งออกไปหาสามีก็ส่ายหัวยิ้มๆ นางเดินออกจากห้องโถง มุ่งตรงกลับเข้าห้องนอนทันที"เวิ้นสุ่ย"เสียงราบเรียบของหญิงสาวคล้ายพูดคุยกับอากาศที่อยู่ภายในห้อง เงาดำสายหนึ่งเคลื่อนออกมาจากมุมห้องอย่างเงียบๆ"นายหญิง""เจ้าไปสืบเรื่องนั้นมาให้ข้า จำไว้ข้าต้องการเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียด"ไร้เสียงตอบรับใดๆ มีเพียงเงาดำสายนั้น ที่เลือนหายไปคล้ายไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ชุนเหมย เดินออกจากห้องไปช้าๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น"ท่านพี่ตอนที่อยู่ที่หอการค้ากลางทำไมท่านไม่ช่วยข้าออกความคิดเห็นบ้างเลยเจ้าค่ะ"หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างแง่งอน ที่สามีไม่ช่วยนางออกความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับร้านค้าที่นางจะซื้อ"ก็พี่ไม่มีความรู้เรื่องนี้ พี่ว่าร้านไหนเจ้าเห็นว่าดีพี่ก็ว่าดี พี่ล้วนเชื่อฟังเจ้าเหยาเอ๋อ"เซียงย้งกลั้นหัวเราะหน้าแดง เมื่อเห็นพี่ชายกลายสภาพเป็นแมวหนุ่มช่างออดอ้อนต่อหน้าพี่สะใภ้ ก่อนจะรีบปรับสีหน้า เมื่อเห็นสายตาพิฆาตที่พี่ชายส่งตรงมาให้"พี่สะใภ้ในเมื่อท่านยังไม่ถูกใจ ก็ค่อยๆ หาไปก็ได้ขอรับ ข้าและ พี่หานตงล้วนเชื่อฟังท่าน""อะ นั่น นั่น น่าจะใช่ร้านเหล็กที่พี่ช
เว่ยเหนียนเหยากำลังกล่าวขอตัวจากเหวินฉีและภรรยา แต่อาเสิ้นก็เดินเข้ามาในบ้านซะก่อน"พี่บุญธรรม ท่านพอจะมีเวลาสักครู่หรือไม่ขอรับ ถ่านเตาแรกตากแดดดีแล้ว ข้าอยากพาท่านไปดู""ได้สิ งั้นอาเซียงเจ้าไปโรงงานเถอะ เดี๋ยวพวกข้าจะไปกับอาเสิ้น"อาเสิ้นลากถ่านที่เขาเก็บใส่ตะกร้าแล้ว ออกมาให้ทุกคนดู หญิงสาวหยิบถ่านขึ้นมาตรวจดู เห็นว่าทุกก้อนแห้งสนิทแล้วจริงๆจึงให้อาเสิ้นลองก่อไฟขึ้นมาดู ถ่านนี้เป็นถ่านที่ทำจากเศษไม้ต่างๆที่เก็บมารวมกัน จึงทำให้มีควันไฟค่อนข้างมาก ซ้ำยังมีกลิ่นแรง แถมแรงไฟที่ได้ก็ไม่สม่ำเสมอนางบอกให้อาเสิ้นจดข้อเสียเหล่านี้ไว้ เพราะเตาต่อไปจะลองใช้ไม้ไผ่อย่างเดียว อาเสิ้นตื่นเต้นมากอยากจะรีบไปเก็บไม้ไผ่กลับมาทดลองแต่นางบอกว่า รอให้พวกนางกลับมาจากในเมืองก่อนจะดีกว่า จะได้มีคนขึ้นเขาไปเป็นเพื่อนเมื่อเห็นว่าไม่มีธุระอะไรที่ต้องทำในบ้านแล้ว เว่ยเหนียนเหยาจึงรีบเดินทางเข้าในเมือง วันนี้นางมีงานต้องทำมากมายเลยทีเดียวเมื่อมาถึงตัวเมือง นางให้สามีและเซียนย้ง นำปลาไหลที่ได้ไปขายก่อนหานตงจึงมุ่งหน้าไปที่ภัตตาคารที่เคยนำปลาไหลมาขายในครั้งก่อน เสี่ยวเอ้อจำพวกเขาได้ก็ร้องทักอย่างดีใจ"พวก