รถม้าวิ่งผ่านกำแพงเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน ร่างของนางลี่สือหลินที่เดินกระวนกระวายอยู่ พุ่งเข้ามาหาหานตงทันที
"เกิดเรื่องใหญ่แล้ว อาตง" เสียงโวยวาย ทำให้หญิงสาวในรถม้า เปิดผ้าออกมาทันที "เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะท่านแม่ลี่ เหตุใดท่านถึงดูร้อนใจถึงเพียงนี้" สีหน้าท่าทางของนางลี่สือหลินไม่ดีเลย ทำให้นางรู้สึกตกใจไปด้วย "ที่บ้านอาหงเกิดเรื่อง วันนี้ลุงฟงเห็นว่าหลังคาบ้านที่พักอยู่เกิดรอยรั่ว เลยปีนขึ้นไปซ่อม ไม่รู้ว่าพลาดพลั้งยังไง ตกลงมา อาหงวิ่งมาตามอาเส้าที่นี่ เห็นว่าหมอจางรักษาไม่ได้ ต้องส่งเข้าไปรักษาที่ตัวเมือง ทางผู้ใหญ่ให้เกวียนของหมู่บ้านไปส่งสักพักแล้ว" "แล้วเขาเอาไปรักษาที่ไหน ท่านแม่ลี่รู้รึไม่เจ้าคะ" "ได้ยินมาว่า เป็นร้านยามู่ถาน" "ท่านพี่ ท่านขับรถไหวหรือไหม ข้าอยากไปดูพวกเขาสักหน่อย" "ข้าไหว งั้นเดี๋ยวข้ากับอาย้งจะรีบขนของลงจากรถม้าก่อน" "ถ้าอย่างนั้นข้าขอขึ้นไปเตรียมของสักครู่" เว่ยเหนียนเหยาเดินขึ้นมาหยิบเงินติดไปมากหน่อย ตามที่ได้ยินอาการลุงฟงน่าจะหนักไม่น้อย จากรายได้ของคนทั้งสามที่ทำกับนางมา ถ้าจะใช้จ่ายอย่างประหยัด ก็น่าจะมีเงินเก็บอยู่บ้าง แต่ร้านยาในตัวเมืองเห็นว่าค่ารักษาแพงเอาการ นางเอาเงินติดตัวไปเยอะหน่อยจะอุ่นใจกว่า พอนางกลับลงมา เห็นสามียืนอยู่กับเซียนย้งและซินเซียง ข้าวของถูกขนย้ายเข้าบ้านไปหมดแล้ว "พี่สะใภ้ พวกข้าจะไปเป็นเพื่อนพวกท่านขอรับ" "นี่ก็จะเย็นแล้ว เจ้าจะปล่อยให้ผู้หญิงกับเด็กอยู่ตามลำพังได้ยังไง พวกเจ้าอยู่บ้านคอยดูแลเด็กๆเถอะ" "ถ้าท่านห่วงเรื่องนั้น ให้อาย้งอยู่ที่นี่ก็ได้เจ้าคะ แต่ขอข้าตามไปเป็นเพื่อนท่านนะเจ้าค่ะ แม้ว่าข้าจะช่วยอะไรได้ไม่มาก แต่ยังน้อยข้าคงพอจะปลอบใจท่านป้ากับอาหงได้บ้าง" เห็นท่าทางแน่วแน่ของซินเซียง นางจึงยินยอมให้อีกฝ่ายติดตามไปด้วย ครั้งนี้หานตงควบม้าเร็วขึ้นกว่าเดิม ไม่ได้ขับเรื่อยๆเหมือนตอนแรกที่พาพวกนางเข้าเมือง หลังจากถึงในตัวเมือง ก็สอบถามผู้คนแถวนั้นจนกระทั่งถึงร้านยามู่ถาน เสียงร้องไห้ และเสียงอ้อนวอนดังออกมาจากในร้าน "ท่านหมอ ได้โปรดช่วยท่านพ่อด้วยเถิดขอรับ หาไม่แล้วท่านต้องแย่แน่ๆ" "ท่านหมอ ขอเพียงท่านช่วยท่านพ่อก่อน ข้าสัญญาว่าจะหาเงินมาจ่ายค่ายาแน่นอนขอรับ" เว่ยเหนียนเหยาขมวดคิ้ว เม้มปาก เดินลงจากรถม้า โดยไม่รอให้ผู้ใดมาช่วย สภาพภายในโรงหมอ ช่างน่าเวทนา เด็กหนุ่มทั้งสามต่างคุกเข่า ตรงหัวมีรอยแดงช้ำ คาดว่าจะมาจากจากโขกหัว เพื่อขอร้องหมอชรา ส่วนท่านป้าลั่วฮวากับอาหง นั่งอยู่ตรงข้างเตียงที่วางร่างลุงฟงไว้ ใบหน้าซีดเผือดเต็มไปด้วยน้ำตา "ท่านหมอผู้ป่วยมาอยู่ตรงหน้า ถ้าท่านไม่ช่วย จะไม่ใจดำไปหน่อยหรือเจ้าคะ" "เชอะ นังหนูคนนี้ เจ้าพึ่งมาถึง ก็พูดจาดูหมิ่นข้า หากว่าข้าไม่ช่วยจริง คาดว่าเด็กพวกนี้ต้องนำร่างบิดาใส่โรงไปเสียแล้ว" "ขออภัยเจ้าค่ะท่านหมอ ที่ข้าล่วงเกิน หากแต่เป็นเพราะข้าร้อนใจในอาการของท่านลุง " "ที่แท้ก็เป็นญาติผู้ป่วย ช่างเถอะ ช่างเถอะ ข้าเข้าใจ พวกเจ้า" "ท่านหมอขอรับแล้วอาการท่านลุงข้า พอจะรักษาได้ไหมขอรับ" หานตงที่เดินเข้ามาพร้อมกับซินเซียงเอ่ยปากถาม เพราะดูจากท่าทางของท่านหมอเห็นแววตาหนักใจอยู่พอสมควร "ข้าขอบอกพวกเจ้าตามตรง อาการของคนไข้หนักมาก ข้าช่วยได้เพียงยื้อไว้ชั่วคราว" คราวนี้เสียงสะอื้นของอาหง ดังออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ซินเซียงรีบเดินเข้าไปหาเด็กสาว ก่อนจะกอดตัวเด็กน้อยไว้อย่างปลอบโยน หมอชราถอนหายใจ อย่างเวทนา "แล้วไม่ทราบว่า พอจะมีทางอื่นอีกหรือไม่เจ้าคะ" "ก่อนที่พวกเจ้าจะเข้ามา ข้าบอกครอบครัวของคนไข้แล้วว่า วิธีการจะรักษายังมีอีกวิธี แต่ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก เพราะคนไข้ต้องใช้การฝังเข็ม และกินยาวันละสามครั้ง ติดต่อกันเจ็ดวัน ค่าฝังเข็มนั้นข้าไม่คิดเงินได้ แต่ค่ายา ต้องใช้ตัวยาหายากหลายชนิด รวมแล้วเป็นเงินถึงสี่ตำลึงเงินต่อครั้ง อีกทั้งหลังจากเจ็ดวันเนื่องจากคนไข้สูงอายุแล้ว จึงต้องใช้หัวโสมมาช่วยในการบำรุง จึงจะหายดี เจ้าก็เห็น ร้านยาข้าเป็นเพียงร้านเล็กๆ หากเจ้าไม่ให้ข้าเก็บค่ายา เช่นนั้นครอบครัวข้าคงจะอดตายเช่นกัน อีกทั้งโสมหัวเล็กต้นหนึ่งก็มีราคาแพงถึง 100ตำลึงทองแล้ว เจ้าว่าข้าจะหาเงินจากไหนมาช่วยพวกเขา" เหล่าบุตรชายทั้งสามของลุงฟง เมื่อฟังรายละเอียดทั้งหมดก็สิ้นหวัง เงินเป็นร้อยตำลึงทอง พวกเขาจะหามาจากไหน น้ำตาของเหล่าชายหนุ่มต่างเริ่มรินไหลอย่างทดท้อ "ท่านหมอเป็นข้าเองที่เลอะเลือน คำพูดก่อนหน้าขอท่านโปรดอย่าใส่ใจ นี่เป็นเงิน 10 ตำลึงทอง ข้าขอมอบให้ท่านเอาไว้ใช้ในการรักษาท่านลุงของข้าก่อน น่าจะพอค่ายากับค่ารักษาอยู่หลายวัน ไว้ใกล้ๆเงินจะหมด ท่านก็แจ้งพวกข้าอีกที ข้าจะให้สามีข้านำเงินมามอบให้ ส่วนเรื่องโสมไม่ทราบว่าข้าจะหาซื้อได้จากที่ไหน" ท่านหมอเมื่อเห็นว่าญาติผู้นี้มีน้ำใจ หยิบควักเงินจำนวนมากออกมาอย่างไม่หวงแหน ในใจก็รู้สึกดีด้วยไม่น้อย "นับว่าเป็นบุญของคนครอบครัวนี้ที่มีญาติอย่างเจ้า เรื่องโสมนั้นข้าว่าร้านยาในอำเภอค่อนข้างจะหายากสักหน่อย เพราะราคาแพง ผู้คนที่นี่จึงไม่สามารถซื้อหามาใช้ได้ ร้านยาส่วนใหญ่จึงมักจะส่งไปขายที่ร้านยาในเมืองหลวง เจ้าพอจะมีคนรู้จักที่นั่นบ้างไหมล่ะ แต่หากหาไม่ได้จริงๆ ข้าจะช่วยติดต่อให้ แต่อาจจะต้องรอนานหน่อย" "ข้าพอจะมีคนรู้จักอยู่บ้าง ถ้ายังไงข้าจะลองขอร้องเขาดูเจ้าค่ะ" "ถ้างั้นวันนี้ พวกเจ้าทิ้งคนไข้ไว้ที่นี่ ไม่ต้องเป็นห่วง ร้านข้ามีคนคอยดูแลคนไข้อยู่แล้ว พวกเจ้าอยู่ด้วยคงไม่ค่อยสะดวก ยังไงพรุ่งนี้พวกเจ้าค่อยมาใหม่" "ถ้าอย่างนั้น พวกข้าก็ขอตัวก่อนเจ้าคะ" ซินเซียงประคองอาหงให้ยืนขึ้น ก่อนจะไปช่วยประคองนางลั่วฮวาอีกคน ทั้งหมดจะหันไปขอบคุณและกล่าวลาหมอชราอีกครั้ง เว่ยเหนียนเหยากล่าวชวนนางลั่วฮวากับซินเซียงให้กลับรถม้าไปด้วยกัน แต่นางลั่วฮวากล่าวปฏิเสธ พร้อมทั้งบอกว่ามีเรื่องจะปรึกษากับบุตรชาย และบอกว่าพรุ่งนี้จะขอเข้าไปขอบคุณครอบครัวนางที่บ้านอีกครั้ง เว่ยเหนียนเหยามองตามนางลั่วฮวาที่เดินกลับไปขึ้นเกวียนของหมู่บ้านที่นำลุงฟงมาส่ง อย่างเป็นห่วง เว่ยเซียนเหยารู้สึกตัวขึ้นเมื่อสายมากแล้วนางลงมาด้านล่างก็มองไม่เห็นใคร ไม่รู้มีอะไรเกิดขึ้นอีกหรือเปล่า จึงรีบอาบน้ำอาบท่า จัดการตัวเองเสียจนเรียบร้อย ก่อนจะเดินออกมาหน้าบ้าน นางเห็นหานตรงกำลังทำความสะอาดคอกม้าอยู่จึงเดินเข้าไปหา "ทุกคนหายไปกันหมดเจ้าคะ ทำไมเงียบเชียว" หานตงเดินไปล้างไม้ล้างมือ ก่อนจะเดินมาหาภรรยา และจับจูงเข้าบ้าน "หลับสบายหรือไม่ หายเพลียแล้วหรือยัง" "ข้าสบายดีแล้วเจ้าค่ะ ว่าแต่ทุกคนหายไปไหนหมดเจ้าคะ ข้าไม่เห็นลูกๆ เลย" "เจ้าลืมไปแล้วหรือว่า วันนี้โรงงานเปิดแล้ว ท่านแม่ลี่กับซินเซียงออกไปที่โรงงานแล้ว ส่วนเซียนย้งดูเด็กๆ คัดหนังสืออยู่ที่ในบ้าน" "เช่นนั้นก็ดีเจ้าค่ะ ไม่รู้ว่าครอบครัวท่านป้าลั่วฮวาจะเป็นไงบ้าง เมื่อวานข้าเห็นนางหน้าซีดเหลือเกิน" "พวกนางไม่เป็นไรหรอก เซียงย้งพาพวกนางเดินมาโน่นแล้ว" เว่ยเหนียนเหยาเห็นเซียนย้งเดินนำครอบครัวของนางลั่วฮวาเข้ามาในบ้าน "พี่สะใภ้ขอรับ ข้าว่าต่อไปเราต้องหา กระดิ่งอันใหญ่มาติดตรงประตูบ้านนะขอรับ เมื่อครู่ดีที่ข้าได้ยินเสียงคนเรียกแว่วๆ เลยออกไปดู จึงได้รู้ว่าท่านป้าลั่วฮวามา" เว่ยเหนียนเหยาลืมคิดถึงข้อนี้เสียสนิท เพราะปกติครอบครัวของนางก็ไม่ค่อยมีใครมาหาอยู่แล้ว "งั้นเจ้าก็ไปจัดการมาให้ข้าละกัน ส่วนเงินก็เบิกกับพี่ชายเจ้า" "ได้เลยขอรับพี่สะใภ้" "ท่านป้าลั่วฮวา ท่านเป็นยังไงบ้างเจ้าคะ ดีขึ้นหรือยัง" นางลั่วฮวา พร้อมทั้งบุตรชายบุตรสาวต่างคุกเข่าลงตรงหน้านางและสามี พร้อมทั้งโขกหัวคำนับ "ข้าและครอบครัวขอขอบพระคุณนายท่านและนายหญิงที่ช่วยเหลือสามีข้าในครั้งนี้ ขอท่านได้โปรดรับสิ่งนี้ไว้ด้วยเจ้าค่ะ" อาเส้าบุตรชายคนโตส่งกระดาษให้หานตงจำนวนห้าแผ่น "นี่เป็นสัญญาขายตัวเป็นทาสของพวกข้าทั้งห้าคนขอรับ ชีวิตนี้พวกข้าขอเป็นวัวเป็นควายตอบแทนพระคุณพวกท่านที่ช่วยเหลือท่านพ่อข้าในครั้งนี้ขอรับ" หญิงสาวตาโต มองดูสัญญาทาสในมือของสามี ในชาติก่อนของนาง ผ่านการถูกดูถูกเหยียดหยามมามาก พวกคนมีเงินบางคน กดหัวคนที่อยู่ต่ำกว่าตัวเองอย่างน่ารังเกียจ ทุกๆ ครั้งที่นางถูกกระทำ นางได้แต่ร่ำร้องบอกตัวเองว่า หากนางมีโอกาส ร่ำรวยและอยู่เหนือคนอื่น นางจะไม่ยอมทำตัวน่ารังเกียจอย่างนี้เด็ดขาด หญิงสาวประคองนางลั่วฮวาไปนั่งบนเก้าอี้ ก่อนจะบอกให้เด็กๆ ลุกขึ้น "ท่านป้า ท่านไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้หรอกเจ้าค่ะ เรื่องนั้นข้ายินดีช่วยอย่างจริงใจ" "ข้ารู้ว่า พวกท่านล้วนเป็นคนดี แต่พวกเราจะเอาเปรียบท่านไม่ได้ ในเมื่อพวกข้าไม่มีเงินทองมาตอบแทนท่าน ข้าก็ขอใช้ชีวิตของข้าและบุตรชายบุตรสาวตอบแทนบุญคุณของท่าน ขอท่านได้โปรดอย่าปฏิเสธเลยเจ้าค่ะ" เกิดมาในชีวิต เว่ยเหนียนเหยายังไม่เคยมีทาสรับใช้มาก่อน นางเคยอ่านจากบรรดาพวกซีรี่ต่างๆ พบว่าชีวิตของพวกทาสน่าสงสารมาก จะเป็นจะตายล้วนแต่ให้เจ้านายกำหนด ซึ่งนางเป็นคนยุคใหม่ย่อมไม่ชอบวิธีการแบบนี้ "งั้นเอาแบบนี้ดีไหมเจ้าคะท่านป้า ข้าจะรับพวกเขาทั้งหมดเป็นน้องบุญธรรม ต่อไปมีอะไรพวกเขาล้วนต้องเชื่อฟังข้า ท่านป้า ข้ายอมได้แค่นี้จริงๆ ท่านก็ยอมให้ข้าเถอะ" นางลั่วฮวา ซาบซึ้งจนน้ำตารินไหล เด็กสาวคนนี้ช่างมีน้ำใจที่หายากยิ่ง "พวกเจ้ายังไม่รีบยกน้ำชาให้พี่สาวอีกหรอ" เซียนย้งที่อยู่ในเหตุการณ์ช่วยรินน้ำชาส่งให้เด็กหนุ่มสาวทั้งสี่คน "พี่บุญธรรม" "ดีๆ ต่อไปพวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ" "พี่บุญธรรม" "เจ้ามาเกี่ยวอะไรกับเขาด้วยอาย้ง" "ไม่รู้ละ ข้ามาก่อนพวกเขาแท้ๆ ยังไม่เคยยกน้ำชาให้ท่านเลย เรื่องนี้ข้าไม่ยอม" หานตงยกมือขึ้นโขกหัวเซียนย้ง ก่อนจะยกชาขึ้นไปดื่ม "นางเป็นพี่สะใภ้เจ้า เจ้าต้องยกน้ำชาให้ข้าต่างหาก เจ้าโง่" เซียนย้งทำตาโต อย่างนึกขึ้นมาได้ ก่อนจะส่งยิ้มแหยๆ ให้หานตง "เอาละๆ ถ้าอย่างนั้นสัญญาทาสเหล่านี้ ท่านพี่ ท่านก็ฉีกทิ้งเถอะเจ้าค่ะ วันนี้เดี๋ยวข้าจะพา อาหงกับท่านป้าเข้าไปดูอาการท่านลุง และจะเลยไปสอบถามเรื่องโสมกับพี่ชุนเหมยที่ร้าน อาเส้าเจ้าก็ช่วยข้าสอนหนังสือพวกน้องๆ ส่วนเจ้าอาย้งเจ้าพาอาเสิ้นกับอาซ่าง ไปดูหลังคาที่ต้องซ่อมที่บ้าน" "พี่บุญธรรม หลังคาพวกนั้น พวกข้าซ่อมเสร็จแล้วขอรับ" อาเส้ารีบตอบออกมาทันที "ถ้าอย่างนั้น อาย้ง เจ้าพาเด็กๆ ขึ้นไปตรงเขาที่เคยขุดมันฝรั่ง เจ้าจะใช้เวลากี่วันก็ได้แต่ช่วยกันขุดลูกที่กินได้แล้วกลับมาให้หมด" "ได้เลยขอรับพี่สะใภ้ เรื่องนี้ข้ากับน้องชายสองคนนี้จะรับผิดชอบเองขอรับ" "ถ้าอย่างนั้นก็แยกย้ายกันไปทำงานเถอะ" รถม้าที่หานตงขับวิ่งทะยานเข้าตัวเมืองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมาหยุดจอดที่ร้านยามู่ถาน คนทั้งหมดลงจากรถม้าเข้าไปในร้านยา หมอผู้รักษาเห็นครอบครัวของคนไข้มา จึงให้ผู้ช่วยพาคนทั้งหมดไปยังห้องพักของคนไข้ หลังจากสอบถามกับผู้ช่วยแล้ว พบว่าอาการป่วยถือว่าทรงตัว เมื่อคืนมีไข้ขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น หญิงสาวเห็นว่านางลั่วฮวากับอาหงอยากอยู่เฝ้าดูอาการลุงฟง จึงบอกว่านางขอไปทำธุระสักครู่ หากเสร็จธุระแล้วจะกลับมารับกลับบ้านไปพร้อมกัน สองสามีภรรยาบังคับรถม้ามาที่ร้านเชิงอี้ชิง เด็กหน้าร้านเห็นรถม้าก็จำได้ทันที รีบวิ่งเข้าไปรายงานนายหญิงของตน "เอ๋ นี่ยังไม่ถึงเวลาส่งของนี่ ทำไมถึงได้เข้ามาหาข้าวันนี้" "พี่ชุนเหมย ข้ามีเรื่องจะขอความช่วยเหลือจากท่านสักเล็กน้อยเจ้าค่ะ" "งั้นรึ ได้สิ อ๋ออาตงเมื่อกี้พี่ใหญ่ส่งผ้ากับด้ายชุดใหม่เข้ามา ไหนๆ เจ้าก็มาแล้ว ลองเข้าไปเลือกดูสิ" หานตงจึงขอตัวกับคนทั้งสอง เดินตามเด็กในร้านไปเลือกดูผ้ากับด้ายที่มาส่งใหม่ "เอาละเจ้ามีอะไรก็ว่ามา" เว่ยเหนียนเหยาเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ชุนเหมยฟัง พร้อมทั้งขอร้องให้ชุนเหมยช่วยส่งข่าวไปที่เมืองหลวง ให้ช่วยซื้อต้นโสมส่งกลับมาให้นางสักหน่อย "ข้ารู้ว่าต้นโสมแพงนัก ข้าขอเป็นต้นเล็กๆ ก็ได้เจ้าค่ะ หากเป็นสกุลเสิ่น ของที่ได้มาต้องเป็นของดีแน่นอน" "หึ เจ้าไม่ต้องมาปากหวาน เที่ยวใจดีกับคนอื่นเขาไปทั่ว ระวังเถอะจะเสียเปรียบผู้อื่นเข้าสักวัน" "พี่ชุนเหมยข้าเป็นน้องสาวท่านนะเจ้าคะ ท่านจะยอมให้คนอื่นรังแกข้าจริงๆ หรือเจ้าคะ" หญิงสาวกะพริบตาใส่พี่สาวต่างไส้อย่างน่าเอ็นดู จนชุนเหมย อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ "เอาเถอะๆ โชคดีที่เจ้ามาวันนี้ เดี๋ยวข้าจะฝากจดหมายไปกับคนส่งของเลย อีกสี่วันเจ้าก็เข้ามาฟังข่าวอีกครั้งก็แล้วกัน" "ขอบคุณเจ้าคะพี่ชุนเหมย จริงสิ ข้านำของมาฝากท่านด้วย" หญิงสาวหยิบของที่อยู่ในห่อผ้าที่นำติดตัวมาด้วยออกมา กลิ่นหอมกรุ่นกระจายออกมาอย่างบางเบา "หือ นี่อะไรกัน ทำไมมีกลิ่นหอมออกมาด้วย นี่! มันกลิ่นดอกกุหลาบนี่" ชุนเหมยรับของที่ถูกใส่ในถุงผ้าออกมาดม ขนาดนางยังไม่ทันเปิดปากถุง กลิ่นหอมยังลอยออกมาขนาดนี้ ไม่รู้ว่าถ้าเปิดปากถุงออกจะหอมขนาดไหน "นี่เป็นสบู่ที่ข้าทำเองเจ้าค่ะ ข้าเลยนำมาให้ท่านกับพี่หญิงใหญ่ลองใช้ดู" ชุนเหมยรีบเปิดปากถุงออกดู สบู่ที่ใส่อยู่ในถุงเป็นก้อนสี่เหลี่ยมสีชมพู กลิ่นกุหลาบหอมกรุ่นที่กระจายออกมา ทำให้นางอยากจะลุกเข้าไปอาบน้ำ เพื่อลองใช้ของสิ่งนี้เลยทีเดียว "สบู่ของเจ้าแปลกนัก ปรกติสบู่ที่มีอยู่จะเป็นก้อนขาวๆ แถมยังไม่มีกลิ่นอะไรพวกนี้ติดอยู่ด้วย แต่สบู่ของเจ้ากับสีสันสวยงาม แถมยังมีกลิ่นหอมออกมาอีก เจ้าเอาของมากำนัลเช่นนี้ เห็นทีพี่หญิงใหญ่คงรีบช่วยหาต้นโสมให้เจ้าโดยเร็วเชียวละ" หลังจากเสร็จธุระกับชุนเหมยแล้ว สองสามีภรรยาก็กลับไปรับนางลั่วฺฮวาและอาหงกลับบ้านด้วยกัน ภายในรถม้า หญิงสาวมองร่างคนทั้งสองที่กำลังหลับใหล ด้วยความอ่อนเพลีย ครอบครัวของนางใหญ่ขึ้นอีกแล้ว ถึงเวลาต้องหาอะไรทำเพิ่มแล้วสิ จะให้นางทำอะไรเพิ่มดีนร้าาาาาาาาาา รึให้นาง ขายพ่อดี หุ หุ หุเพล้ง! เพล้ง! เสียงสิ่งของแตกหักดังออกมาจากในห้อง ทำให้ผู้เฒ่าเว่ยจื้อจงรีบเดินเข้ามาในห้อง"ยายเฒ่า เจ้าจะบ้าไปแล้วหรือ ทำไมถึงต้องขว้างปา ข้าวของเช่นนี้""ใช่ ข้ามันบ้าไปแล้ว ท่านพี่ ท่านดู บุตรชายสุดที่รักของท่านทำเข้า"ชายชรามองหน้าบุตรชายคนโต กับคนเล็กที่อยู่ในห้อง ก่อนถอนหายใจ"อาเวิ่น อาหมิง เจ้าเอาเรื่องอะไรมากวนใจแม่ของเจ้าอีก เหอะ""ท่านอย่ามาตวาดบุตรชายของข้านะ ท่านไปตวาดบุตรชายของท่านโน่น ตั้งแต่มีเงินก็ปีกกล้าขาแข็ง ไม่เห็นหัวพ่อแม่ ที่กับครอบครัวคนอื่น กับสอดไม้สอดมือช่วยเหลือวุ่นวายไปหมด"ชายชราถอนใจ ที่แท้ก็เป็นเรื่องครอบครัวตระกูลจงนี่เอง"ยายเฒ่าเอ๊ย ตาเฒ่าฟงประสบเคราะห์ร้าย ภรรยาและบุตรของเขาก็ทำงานอยู่กับอาตง อาตงคงเห็นแก่คนพวกนั้นจึงได้ช่วยเหลือก็ได้ เจ้าก็อย่าคิดมากเลย""ข้าคิดมากอะไร ตั้งแต่เรื่องค่าเช่าที่ดินแล้ว ที่พวกมันตั้งใจหลอกลวงข้า หากข้ารู้ว่า พวกมันเตรียมย้ายบ้าน ข้าจะไม่เรียกเงินแค่นั้นหรอก พูดแล้ว ก็เจ็บใจจริงๆ"นางเว่ยหมัวหลานแทบกระอักเลือดออกมา เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากที่กลับมาจากห้องแจ้งข่าว นางกับคนในบ้านก็อับอายจนไม่อยากออกไปไหนจ
"ท่านหมอเจ้าคะ ข้านำต้นโสมมาส่งเจ้าค่ะ"เว่ยเหนียนเหยายื่นกล่องโสม วางลงบนโต๊ะที่ท่านหมอนั่งอยู่"เจ้าไปเสียนาน ข้าคิดว่า เจ้าจะหามาไม่ได้เสียแล้ว"หมอชรานำกล่องโสมมาเปิดดู พอฝากล่องเปิดขึ้น ชายชราถึงกับมือไม้สั่นรีบประคับประคองกล่องโสมวางลงบนโต๊ะ"โสมต้นนี้สมบูรณ์มากนัก ข้าคิดว่ามันน่ามีอายุหลายสิบปีเลยทีเดียว ราคาของโสมต้นนี้น่าจะอยู่ที่เจ็ดร้อยถึงแปดร้อยตำลึงทอง ข้าคิดว่าเจ้าจะหาซื้อโสมต้นเล็กๆ มาเสียอีก""เดิมทีข้าก็คิดเช่นนั้น แต่สหายของข้าบอกว่ามีคนให้โสมต้นนี้กับเขามา แต่เขาไม่ได้ใช้ เลยให้ข้ามาอีกทีเจ้าค่ะ"" สหายดี! สหายดี! เจ้ามีสหายที่ดีเช่นนี้ ถือว่ามีบุญยิ่งนัก อะ เอาคืนไป ข้าใช้แค่รากโสมพวกนี้ก็พอแล้ว"หมอชราใช้กรรไกรตัดส่วนของรากที่ตนต้องการออกไว้ จากนั้นก็นำโสมใส่ลงไปในกล่อง และส่งให้เว่ยเหนียนเหยาคืน"มันจะพอหรือเจ้าคะ มิสู้ท่านเอาไว้ให้มากหน่อยดีกว่า"เว่ยเหนียนเหยาที่เห็นว่า ท่านหมอตัดแค่รากโสมไว้ก็เกรงว่าตัวยาจะไม่พอ คะยั้นคะยอให้ท่านหมอตัดเพิ่มไว้อีก"พอแล้ว พอแล้ว โสมนี้เจ้าก็เก็บไว้ให้ดี แล้วอย่าเที่ยวไปบอกใครละ เดี๋ยวจะเป็นภัยกับตัวเอง พรุ่งนี้ข้าจะเริ่มรักษาใน
"ท่านแม่ ท่านแม่ขอรับ ได้โปรดตื่นเถิด อย่าทิ้งข้ากับท่านพ่อไปนะขอรับ ฮือ ฮือ""ท่านพ่อ ทำไมท่านแม่ถึงนอนแน่นิ่งแบบนี้ ท่านพ่อช่วยปลุกท่านแม่หน่อยขอรับ"เสียงใครกัน หนวกหูชะมัด ฉันขอนอนนานๆหน่อยได้ไหม เว่ยเหนียนเหยา คิดในใจอย่างรำคาญ เมื่อวานนี้กว่าเธอจะปิดบัญชีของภัตตาคารหรูระดับห้าดาวเสร็จ เธอต้องเคร่งเครียดจนลืมกินลืมนอนไปหลายคืน " เจ้าใหญ่ เจ้ารอง หยุดร้องไห้ก่อนเถอะ เจ้าดูแม่เจ้าไว้ก่อน เดียวพ่อจะไปตามท่านหมอจางมาดูแม่เจ้า"เสียงอีกเสียงดังขึ้น ฟังดูก็รู้ว่า น่าจะเป็นชายหนุ่มอายุไม่เยอะเท่าไหร่ ว่าแต่ว่าพวกเขาพูดถึงใครกัน แล้วคนพวกนี้เข้ามาอยู่ในบ้านเธอได้ยังไง แย่แล้ว!!! หรือว่าจะเป็นโจร เว่ยเหนียนเหยาคิดอย่างตกใจ พยายามที่จะลืมตาขึ้น แต่กลับรู้สึกปวดหัว และเจ็บข้างหลังท้ายทอยเป็นอย่างมาก หญิงสาวค่อยๆยกมือ ลูบไปยังบริเวณที่เจ็บ พร้อมกับลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก แสงสว่างสาดเข้ากับดวงตา ทำให้ตาของเธอพร่าไปเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆคุ้นชิน หญิงสาวกวาดสายตามองดูโดยรอบนี่เธออยู่ที่ไหน ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ หรือเธอถูกโจรจับมาเรียกค่าไถ่ สารพัดคำถามที่ไร้คำตอบดังขึ้นมาในหัว แต่ก่อนที
" ท่านพ่อเร็วเข้าเถอะขอรับ ท่านแม่อาการหนักแน่ๆ""ใช่ขอรับท่านพ่อ เมื่อครู่ท่านแม่จำข้ากับพี่ใหญ่ไม่ได้ด้วยขอรับ"เสียงโวยวายของเด็กทั้งสองดังขึ้น พ่อของเด็กน่าจะพาหมอกลับมาแล้ว หญิงสาวแสร้งนอนนิ่ง เพื่อรอดูเหตุการณ์ "ท่านหมอ ท่านช่วยตรวจดูภรรยาข้าหน่อยเถอะขอรับ"น้ำเสียงทุ้มกล่าวอย่างนอบน้อม หมอชราถอนหายใจในความอยุติธรรมที่ชายหนุ่มตรงหน้าได้รับ เขาบังเอิญรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น สองครอบครัวร่วมมือกันเล่นละคร เพื่อผลักดันชายหนึ่งหญิงหนึ่งที่ตนไม่ต้องการให้กระเด็นออกมา " หานตงเอ๋ย ข้าสงสารเจ้ายิ่งนัก เวรกรรมอะไรของเจ้าหนักหนา"ชายชราส่ายหน้า พลางนั่งลงตรงข้างร่างหญิงสาว หลังจากลงมือสำรวจบาดแผล และตรวจดูชีพจร เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง จึงมอบยารักษาบาดแผลไว้ให้ หมอชราปฏิเสธที่จะรับเงินค่ารักษา ขอรับเพียงแต่เงินค่ายาเท่านั้นหลังจากที่หมอชราจากไป ชายหนุ่มจึงปลอบโยนลูกทั้งสอง ก่อนจะนำกะละมังและผ้าชุบน้ำมาเช็ดตามเนื้อตัวของภรรยา เว่ยเหนียนเหยารู้สึกซาบซึ้งใจกับสิ่งที่ชายหนุ่มปฏิบัติต่อเธอ ร่างบางค่อยๆลืมตาขึ้นมองสบเข้ากับดวงตาคู่คม เธอมองเห็นความกังวลปนเปกับความโล่งอก"เจ้ารู้สึกเ
สองสามีภรรยาเดินขึ้นเขาอย่างเร่งรีบ เมื่อเดินไปถึงแค่ตีนเขา กลับพบกอไผ่ขึ้นอยู่อย่างมากมาย ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็พบกับความเขียวชอุ่ม นับว่าเป็นภูเขาที่มีความอุดมสมบูรณ์ไม่น้อยเว่ยเหนียนเหยารีบเดินเข้าไปสำรวจตรงกอไผ่ทันที หลังจากที่แหวกดูดวงตาก็เปล่งประกาย"ท่านพี่ ท่านมาช่วยข้าขุดหน่อไม้หน่อยเถิด เราจะได้นำกลับไปเป็นอาหารที่บ้าน""หน่อไม้พวกนี้มีรสฝาดไม่เหมาะจะนำไปเป็นอาหารหรอก"ชายหนุ่มส่ายหน้ากับความไม่รู้ของผู้เป็นภรรยา หญิงสาวหาได้ถือสา ด้วยเข้าใจว่าผู้คนในอดีตย่อมไม่รู้ว่าควรนำหน่อไม้มาปรุงอาหารเช่นไรนางเพียงขุดขึ้นมาเป็นตัวอย่างให้สามีดู พลางเน้นย้ำว่า ให้ขุดขึ้นมาให้เยอะหน่อยเท่านั้น เมื่อเห็นว่าสามีไม่ปฏิเสธ หญิงสาวจึงค่อยๆ เดินสำรวจไปทางอื่นนางหยุดมองที่ต้นไม้กอใหญ่กอหนึ่ง หลังจากที่พิจารณาอยู่ชั่วครู่ ก็ตัดสินใจขุดลงไปในดินใต้ต้นไม้นั้นสิ่งที่ปรากฏอยู่ในดินทำให้หญิงสาวยิ้มแก้วปริ อย่างน้อยๆ สิ่งนี้ก็ช่วยให้นางและครอบครัวรอดพ้นจากความหิวโหยไปได้พักใหญ่สองมือเรียวค่อยๆ นำสิ่งที่อยู่ในดินขึ้นมา มันฝรั่งหัวใหญ่ถูกดึงขึ้นมาใส่ลงไปในตะกร้าจนเต็มก่อนที่หญิงสาวจะเดินกลับไปหาสามี
ด้วยประสบการณ์ความยากจนที่เคยผ่านมา เรื่องการจุดไฟทำอาหารไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับนางหญิงสาวนำหม้อเก่าใบหนึ่งขึ้นมาใส่น้ำก่อนจะหั่นปลาเป็นชิ้นๆ ลงไปต้มในหม้อ หลังจากควบคุมไฟไม่ให้แรงจนเกินไป จากนั้นนางจึงนำมันฝรั่งออกมาปอกเปลือกและหั่นทิ้งไว้ มองดูปลาที่ต้มไว้มีฟองลอยอยู่ไม่น้อยจึงค่อยๆ ตักฟองคาวออก รอจนกระทั่งไม่มีฟองขึ้นมาอีก จากนั้นจึงใส่เกลือลงไปเล็กน้อยนางตักน้ำแกงขึ้นมาชิม รสชาติความหวานของเนื้อปลาบวกกับความเค็มของเกลือ แม้จะยังไม่ใช่อาหารเลิศรสแต่ก็น่าจะประทังความหิวไปได้เมื่อยกหม้อปลาลง นางรีบนำกระทะขึ้นตั้งไฟ ใส่น้ำลงไปเล็กน้อย นำมันฝรั่งลงไปผัดจนสุก จากนั้นปรุงรสชาติด้วยเกลืออีกหน่อยปลาสองตัวกับมันฝรั่งพวกนี้น่าจะช่วยให้มื้อนี้ของครอบครัวผ่านไปด้วยดี นางรีบนำอาหารออกไปวางบนโต๊ะกินข้าว ภายในบ้านไม่มีใครอยู่ กลับปรากฏเสียงดังอยู่ด้านนอกเว่ยเหนียนเหยาเดินออกไปตามเสียง พบว่าสามีกำลังทำความสะอาดอุปกรณ์ที่นำไปขึ้นเขา ส่วนบุตรชายทั้งสองก็นั่งเล่นกันอยู่ข้าง ๆ"ท่านพี่ เจ้าใหญ่ เจ้ารอง มากินอาหารกันเถอะ"เด็กทั้งสองเมื่อได้ยินเสียงมารดาเรียก ก็รีบวิ่งกรูเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว หญิงสาว
หญิงสาวจัดการย้ายข้าวของเข้าไปไว้ในครัวจนเรียบร้อย หลังจากเห็นสามีกลับมาพร้อมปลาตามที่ต้องการ อีกทั้งปลาสองตัวที่จะนำมาทำอาหารเย็น ก็จัดการทำความสะอาดมาเรียบร้อยแล้วเมื่อเห็นสามีพาบุตรชายทั้งสองออกไปนั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน นางจึงวางใจเดินกลับเข้าห้องไปอีกครั้ง ก่อนจะนำผ้าทั้ง2พับขึ้นมาดูอย่างครุ่นคิด นางเริ่มนำผ้าเช็ดหน้า ถุงเครื่องหอม และ ถุงเงินขึ้นมาพิจารณาจากนั้นจึงเลาะถุงเงิน ตามด้วยถุงเครื่องหอมออกเพื่อศึกษาวิธีการตัดเย็บ อาจจะเป็นด้วยโชคชะตากำหนดไว้ให้ จึงทำให้ช่วงหนึ่งในเวลาที่ยากลำบากนางเคยทำงานอยู่ในร้านเสื้อผ้าชั้นสูงแห่งหนึ่ง ร้านร้านนี้เป็นร้านไม่ใหญ่มาก แต่ราคาเสื้อผ้าแต่ละตัวแพงลิบลิ่วทีเดียว เนื่องจากเสื้อผ้าที่ตัดแต่ละตัว รวมไปถึงการปักลวดลายต่างๆ จะต้องใช้มือปักเท่านั้นงานที่ออกมาแต่ละตัวจะได้รับการตรวจทานจากสายตาอันเฉียบคมของเจ้าของร้าน หากทำไม่ดีไม่ละเอียดจะถูกต่อว่าและให้นำกลับไปแก้ไขมาใหม่ให้เรียบร้อย เว่ยเหนียนเหยาเป็นคนหัวดี แถมยังละเอียดใส่ใจ เจ้าของร้านจึงเอ็นดูนางเป็นอย่างมากพร่ำสอนสิ่งต่างๆ ให้อย่างไม่คิดหวงวิชา ตอนนี้นางรู้สึกขอบคุณเจ้าของร้านเป็นอย่างยิ
เวลาดึกสงัดรอบข้างไร้เสียงรบกวน หากแต่ร่างสูงใหญ่กลับไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ หานตงครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาตั้งแต่เช้าเขาจำได้ว่า ตัวเขาออกจากบ้านไปด้วยความหวังอันริบหรี่ หากแต่บ้านบิดามารดาเป็นเชือกเส้นสุดท้าย ที่เขาหวังจะเกาะเกี่ยวยามเมื่อกำลังจะจมน้ำแต่คำตอบที่ได้รับกลับทำให้รู้ว่า สิ่งที่เขาเห็นเป็นเชือก แท้จริงเป็นเพียงแค่ฟางเส้นบางๆ ที่ไม่สามารถยึดเกี่ยวอะไรได้เขาจำได้ดี วันแต่งงานของน้องชาย ที่บ้านจัดงานเลี้ยงใหญ่โต ทั้งข้าวปลาอาหารมีวางไว้เต็มโต๊ะไปหมด เพื่อนบ้านต่างพากันมาแสดงความยินดีแตกต่างจากงานแต่งงานของเขากับภรรยา ท่านแม่อ้างว่าเพราะพวกเขาทำผิดประเพณี หากจัดงานใหญ่โตยิ่งจะเป็นขี้ปากชาวบ้านไปทั่ว จึงจัดงานเล็กๆ ขึ้นมาเท่านั้นมาครั้งนี้เขาบากหน้าไปขอยืมข้าว หวังเพียงแค่ให้บุตรชายทั้งสองได้ประทังความหิวโหย คำตอบที่มารดาเขาให้คือ ครอบครัวเขาเป็นคนนอก อาหารมีเพียงพอสำหรับคนในครอบครัวเท่านั้นเขาเงยหน้าสบตากับบิดา อีกฝ่ายก็เอาแต่หลบสายตา แม้เขาจะรู้ดีว่า เรื่องทุกเรื่องในบ้านบิดาล้วนให้มารดาเป็นคนดูแลหากแต่เขายังหวังว่าบิดาจะมีความผูกพันกับเขาสักนิด ช่วยเอ่ยปากกับมาร
"ท่านหมอเจ้าคะ ข้านำต้นโสมมาส่งเจ้าค่ะ"เว่ยเหนียนเหยายื่นกล่องโสม วางลงบนโต๊ะที่ท่านหมอนั่งอยู่"เจ้าไปเสียนาน ข้าคิดว่า เจ้าจะหามาไม่ได้เสียแล้ว"หมอชรานำกล่องโสมมาเปิดดู พอฝากล่องเปิดขึ้น ชายชราถึงกับมือไม้สั่นรีบประคับประคองกล่องโสมวางลงบนโต๊ะ"โสมต้นนี้สมบูรณ์มากนัก ข้าคิดว่ามันน่ามีอายุหลายสิบปีเลยทีเดียว ราคาของโสมต้นนี้น่าจะอยู่ที่เจ็ดร้อยถึงแปดร้อยตำลึงทอง ข้าคิดว่าเจ้าจะหาซื้อโสมต้นเล็กๆ มาเสียอีก""เดิมทีข้าก็คิดเช่นนั้น แต่สหายของข้าบอกว่ามีคนให้โสมต้นนี้กับเขามา แต่เขาไม่ได้ใช้ เลยให้ข้ามาอีกทีเจ้าค่ะ"" สหายดี! สหายดี! เจ้ามีสหายที่ดีเช่นนี้ ถือว่ามีบุญยิ่งนัก อะ เอาคืนไป ข้าใช้แค่รากโสมพวกนี้ก็พอแล้ว"หมอชราใช้กรรไกรตัดส่วนของรากที่ตนต้องการออกไว้ จากนั้นก็นำโสมใส่ลงไปในกล่อง และส่งให้เว่ยเหนียนเหยาคืน"มันจะพอหรือเจ้าคะ มิสู้ท่านเอาไว้ให้มากหน่อยดีกว่า"เว่ยเหนียนเหยาที่เห็นว่า ท่านหมอตัดแค่รากโสมไว้ก็เกรงว่าตัวยาจะไม่พอ คะยั้นคะยอให้ท่านหมอตัดเพิ่มไว้อีก"พอแล้ว พอแล้ว โสมนี้เจ้าก็เก็บไว้ให้ดี แล้วอย่าเที่ยวไปบอกใครละ เดี๋ยวจะเป็นภัยกับตัวเอง พรุ่งนี้ข้าจะเริ่มรักษาใน
เพล้ง! เพล้ง! เสียงสิ่งของแตกหักดังออกมาจากในห้อง ทำให้ผู้เฒ่าเว่ยจื้อจงรีบเดินเข้ามาในห้อง"ยายเฒ่า เจ้าจะบ้าไปแล้วหรือ ทำไมถึงต้องขว้างปา ข้าวของเช่นนี้""ใช่ ข้ามันบ้าไปแล้ว ท่านพี่ ท่านดู บุตรชายสุดที่รักของท่านทำเข้า"ชายชรามองหน้าบุตรชายคนโต กับคนเล็กที่อยู่ในห้อง ก่อนถอนหายใจ"อาเวิ่น อาหมิง เจ้าเอาเรื่องอะไรมากวนใจแม่ของเจ้าอีก เหอะ""ท่านอย่ามาตวาดบุตรชายของข้านะ ท่านไปตวาดบุตรชายของท่านโน่น ตั้งแต่มีเงินก็ปีกกล้าขาแข็ง ไม่เห็นหัวพ่อแม่ ที่กับครอบครัวคนอื่น กับสอดไม้สอดมือช่วยเหลือวุ่นวายไปหมด"ชายชราถอนใจ ที่แท้ก็เป็นเรื่องครอบครัวตระกูลจงนี่เอง"ยายเฒ่าเอ๊ย ตาเฒ่าฟงประสบเคราะห์ร้าย ภรรยาและบุตรของเขาก็ทำงานอยู่กับอาตง อาตงคงเห็นแก่คนพวกนั้นจึงได้ช่วยเหลือก็ได้ เจ้าก็อย่าคิดมากเลย""ข้าคิดมากอะไร ตั้งแต่เรื่องค่าเช่าที่ดินแล้ว ที่พวกมันตั้งใจหลอกลวงข้า หากข้ารู้ว่า พวกมันเตรียมย้ายบ้าน ข้าจะไม่เรียกเงินแค่นั้นหรอก พูดแล้ว ก็เจ็บใจจริงๆ"นางเว่ยหมัวหลานแทบกระอักเลือดออกมา เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากที่กลับมาจากห้องแจ้งข่าว นางกับคนในบ้านก็อับอายจนไม่อยากออกไปไหนจ
รถม้าวิ่งผ่านกำแพงเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน ร่างของนางลี่สือหลินที่เดินกระวนกระวายอยู่ พุ่งเข้ามาหาหานตงทันที"เกิดเรื่องใหญ่แล้ว อาตง"เสียงโวยวาย ทำให้หญิงสาวในรถม้า เปิดผ้าออกมาทันที"เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะท่านแม่ลี่ เหตุใดท่านถึงดูร้อนใจถึงเพียงนี้"สีหน้าท่าทางของนางลี่สือหลินไม่ดีเลย ทำให้นางรู้สึกตกใจไปด้วย"ที่บ้านอาหงเกิดเรื่อง วันนี้ลุงฟงเห็นว่าหลังคาบ้านที่พักอยู่เกิดรอยรั่ว เลยปีนขึ้นไปซ่อม ไม่รู้ว่าพลาดพลั้งยังไง ตกลงมา อาหงวิ่งมาตามอาเส้าที่นี่ เห็นว่าหมอจางรักษาไม่ได้ ต้องส่งเข้าไปรักษาที่ตัวเมือง ทางผู้ใหญ่ให้เกวียนของหมู่บ้านไปส่งสักพักแล้ว""แล้วเขาเอาไปรักษาที่ไหน ท่านแม่ลี่รู้รึไม่เจ้าคะ""ได้ยินมาว่า เป็นร้านยามู่ถาน""ท่านพี่ ท่านขับรถไหวหรือไหม ข้าอยากไปดูพวกเขาสักหน่อย""ข้าไหว งั้นเดี๋ยวข้ากับอาย้งจะรีบขนของลงจากรถม้าก่อน""ถ้าอย่างนั้นข้าขอขึ้นไปเตรียมของสักครู่"เว่ยเหนียนเหยาเดินขึ้นมาหยิบเงินติดไปมากหน่อย ตามที่ได้ยินอาการลุงฟงน่าจะหนักไม่น้อย จากรายได้ของคนทั้งสามที่ทำกับนางมา ถ้าจะใช้จ่ายอย่างประหยัด ก็น่าจะมีเงินเก็บอยู่บ้างแต่ร้านยาในตัวเมืองเห็นว่าค่ารักษาแพง
เช้าวันนี้เว่ยเหนียนเหยารู้สึกตัวตื่นขึ้น เมื่อรู้สึกว่าคนที่นอนอีกด้านขยับกาย"เหตุใดถึงรีบตื่นละเจ้าคะท่านพี่ ฟ้ายังไม่ทันแจ้งเลย เมื่อวานท่านก็ทำงานมาทั้งวัน วันนี้ตื่นสายเสียหน่อยก็ได้เจ้าค่ะ""ตอนแรกพี่ว่าจะลงไปอาบน้ำที่ลำธารเสียหน่อย แต่ตอนนี้ไหนๆเจ้าก็ตื่นแล้ว พี่ว่า พี่พาเจ้าลงไปอาบน้ำด้วยดีกว่า เมื่อคืนเจ้าก็ผิดสัญญากับพี่แล้ว ตอนนี้ถือว่าให้รางวัลปลอบใจพี่นิดๆหน่อยก็แล้วกัน""เรื่องเมื่อคืนหาใช่ความผิดของข้าเสียหน่อย เอาเถอะไปก็ได้เจ้าค่ะ แต่ข้าไปอาบเป้ปเดียวนะเจ้าคะ เช้าๆแบบนี้ข้าว่า อากาศเย็นอยู่ไม่น้อย"หานตงจัดเตรียมสบู่ ก่อนจะจุดตะเกียงเดินนำภรรยาลงไปจากบ้านทางเดินไปลำธารถูกปรับให้เรียบ มีไม้ปักแขวนตะเกียงอยู่เป็นระยะ หานตงนำตะเกียงแขวนไว้ตรงไม้ที่ปักอยู่ริมน้ำบริเวณนี้หญิงสาวให้ช่างปรับไว้เป็นที่อาบน้ำบริเวณริมธาร สำหรับเด็กๆที่มักจะชอบมาว่ายน้ำเล่นหานตงถอดเสื้อผ้าออกเหลือแต่กางเกงข้างในติดกาย ก่อนจะช่วยภรรยา ถอดชุดด้านนอกออกบ้างชายหนุ่มตระกองกอดร่างงามให้เดินลงไปในน้ำลึกประมาณระดับอก"น้ำเย็นเหมือนกับที่เจ้าบอกจริงๆ มาเถอะพี่จะช่วยขัดถูตัวให้ เลือดลมจะได้เดินดี คล
"หลังจากที่กลับมาจากบ้านท่านในวันนั้น สามีของข้าเห็นว่าครอบครัวกำลังจะอดตาย เกรงว่าผู้คนจะก่นด่า ท่านแม่สามีว่า เป็นหญิงชั่วช้า ใจดำอำมหิต จึงกระเสือกกระสนนำกระดาษแผ่นนี้ไปที่ศาลากลาง เพื่อตัดขาดครอบครัวออกจากบ้านใหญ่ ไม่ให้ผู้คนก่นด่าท่านได้"เชอะ! เรื่องกลับขาวเป็นดำ เอาความดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น นางก็ทำเป็นนางเว่ยหลัวหลานถลึงตาใส่ลูกสะใภ้คนกลาง มือไม้สั่นระริก เมื่อถูกหลอกด่าเว่ยหานหมิงเห็นว่าตอนนี้ครอบครัวของตนเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แผนการที่เขากับมารดาวางไว้ถือว่าไร้ที่ติ คาดไม่ถึงว่าเป็นเพราะเขาประมาทพี่รองจนเกินไป ทำให้อีกฝ่ายพลิกกลับมาชนะได้หานหมิงพิจารณาทุกอย่าง อย่างรอบคอบอีกครั้ง ไม่เพียงแต่พี่ชายของเขาที่เปลี่ยนไป แต่คนที่เปลี่ยนไปมากที่สุดคือ พี่สะใภ้หรือ คนรักเก่าของเขานั่นเองหานหมิงนึกทบทวนถึงสายตาของนางที่มองมายังเขา ความรัก ความห่วงหา อาลัยอาวรณ์ ที่เคยมี บัดนี้กับถูกแทนที่ด้วยความเย็นชา และเหินห่างหากเขารู้ว่า นางมากความสามารถเช่นนี้ เขาคงจะเกลี้ยกล่อมมารดาให้ได้แต่งงานกับนาง แทนที่จะปล่อยให้พี่รองแย่งวาสนาเขาไปเช่นนี้ในเมื่อตอนนี้ การใช้ไม้แข็งไปก็รังแต่จะแตกหั
"พี่หานตง พี่หานตง ท่านผู้นำบอกให้ท่านกับพี่สะใภ้รีบไปที่ห้องแจ้งข่าวขอรับ ตอนนี้ท่านแม่ของท่านไปฟ้องร้องท่านข้อหา อกตัญญูต่อบิดามารดาขอรับ"หานตงหน้าซีดเผือด ไม่เคยมีบิดามารดาคนไหน ฟ้องร้องบุตรด้วยข้อหานี้มาก่อน เนื่องจากหากสืบสวนแล้วพบว่าบุตรผิดจริงบุตรคนนั้นจะต้องได้รับโทษตามกฎของหมู่บ้านและของทางการอีกด้วยตามกฎของหมู่บ้าน บุตรที่ได้รับโทษจะถูกโทษโบยห้าสิบไม้ หลังจากนั้นก็จะถูกนำชื่อออกจากตระกูลทั้งครอบครัว และขับไล่ออกจากหมู่บ้านส่วนผู้ใหญ่บ้านก็จะนำตัวไปส่งที่ศาลอาญากลางเมือง พร้อมข้อมูลความผิด คนผู้นั้นจะถูกตัดสินจองจำหนึ่งปี โทษโบยอีกห้าสิบไม้ ส่วนทรัพย์สินที่เป็นที่ดิน หรือกิจการที่เป็นชื่อตระกูล จะถูกโอนย้ายเข้าเป็นกองกลางของบ้านนั้นๆจะมีเพียงเงินทอง ของมีค่า หรือสิ่งที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า เป็นสิทธิ์ของตระกูล ที่คู่สามีหรือภรรยา สามารถนำติดตัวออกไปจากหมู่บ้านได้เท่านั้นหานตงแขนขาอ่อนแรง ทรุดนั่งลงกับพื้นตาแดงก่ำ จนแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เขารู้ว่ามารดาไม่ค่อยจะรักเขานัก แต่ไม่เคยคิดเลยว่า มารดาจะกล้าทำถึงเพียงนี้เว่ยเหนียนเหยาก่นด่าแม่สามีภายในใจ ผู้หญิงคนนั้นยังเป
"ท่านแม่ ท่านไม่คิดจะทำอะไรเลยหรือขอรับ ข่าวที่น้องเล็กสืบมา ก็บอกอยู่แล้ว ตอนนี้ครอบครัวของเจ้ารอง ทำการค้าได้เป็นกอบเป็นกำ""นั่นสิเจ้าคะ ท่านแม่ อีกไม่นานท่านพี่ก็ต้องเอาเงินไปจ่ายค่าสมัครเรียนของหานเอ่อแล้ว อย่างน้อยท่านก็ควรให้อาตงมอบเงินให้ท่านสัก หนึ่งร้อยหรือสองร้อยตำลึงทองนะเจ้าคะ"นางเว่ยหมัวหลานปรายตามองบุตรชายคนโตและลูกสะใภ้ ตีโพยตีพาย ที่เห็นนางไม่ขยับเขยื้อนทำอะไรบ้างเลย"พวกเจ้าสงบใจลงบ้างเถอะ ข้าก็บอกพวกเจ้าไปแล้ว ว่าข้ากำลังรอเวลา""ท่านแม่เจ้าขา ท่านรอเวลาอะไรเจ้าคะ ท่านดูสิ ตอนนี้อาตงปีกกล้าขาแข็งขนาดไหน นี่ก็เลยวันที่ท่านกำหนดให้มอบเงินส่วนกลางแล้ว ข้าไม่เห็นเขาจะส่งเงินกลับมาสักอีแปะ""จริงด้วยขอรับ อีกอย่างเรื่องที่เขาซื้อที่ทำโรงงาน ข้าก็ไปสืบมาแล้ว ว่าเป็นเรื่องจริง เห็นว่าพรุ่งนี้ก็จะย้ายคนงานเข้าไปทำงานที่นั่นแล้ว หากปล่อยให้เขาใช้เงินเป็นเบี้ยแบบนี้ต่อไป คงไม่ดีแน่ขอรับท่านแม่""นั่นสิขอรับท่านแม่ ตอนนี้เพื่อนที่อยู่ในเมือง ก็เชิญข้าร่วมทุนทำการค้า ในเมื่อพี่รองทำการค้าได้เป็นกอบเป็นกำเช่นนี้ ก็น่าจะช่วยเหลือเจือจุนให้พวกเราได้ลืมตาอ้าปากบ้าง"คราวนี้เป็นเสี
ผ่านมาหลายวัน ตอนนี้ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางไปไม่น้อย เว่ยเหนียนเหยาขีดฆ่าแผนงานต่างๆ ที่เสร็จเรียบร้อยไปแล้วช่วงนี้เด็กๆ ก็ไม่ได้ออกมาวิ่งเล่นเหมือนแต่ก่อน เพราะอาเส้าบุตรชายคนโตของท่านลุงฟง ตกลงที่จะเข้ามาสอนหนังสือเด็กๆ ให้เด็กทั้งสามเริ่มเรียนช้ากว่าเด็กทั่วไป ดังนั้นจึงต้องเพิ่มเวลาสอนขึ้นเป็นพิเศษ ตัวนางไม่เข้าใจเรื่องการศึกษาของคนยุคนี้เท่าไหร่ แต่โชคดีที่เจ้าของร่างเก่ามีความสามารถอ่านเขียนได้พอสมควร ไม่อย่างนั้นนางคงต้องไปนั่งเรียนพร้อมลูกๆ เป็นแน่หลังจากที่ปรึกษาและตกลงเรื่องค่าจ้างกันเป็นที่เรียบร้อย อาเส้าก็ส่งรายละเอียดของหนังสือและอุปกรณ์ที่ต้องซื้อหามาให้โชคดีที่ช่วงนั้นบ่าวรับใช้ของชุนเหมยนำรถม้าเข้ามาส่งพอดี บ่าวคนดังกล่าวส่งจดหมายให้กับนางอีกหนึ่งฉบับ ในจดหมายนั้นบอกให้เร่งสร้างหุ่นไม้ เพราะตอนนี้พี่สาวของนาง "สร้างกระแสนิยมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว"แถมยังเล่าให้ฟังอีกว่า ตอนนี้ร้านที่เมืองหลวงวุ่นวายมาก แต่ละวันมีคนเดินเข้ามาสอบถามเรื่องหุ่นไม้จำนวนไม่น้อยบางจวนคุณหนูที่ไม่ขาดเงินพวกนั้น ถึงกับจะขอซื้อหุ่นที่ตั้งอยู่ที่หน้าร้านในราคาตัวละห้าสิบตำลึงทองเลยทีเดียว
"ท่านแม่ลี่ เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ"นางลี่สือหลินหันมายิ้ม พลางหยิบงานที่นางปักเสร็จขึ้นมาให้ดู"เจ้าลองดูก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง"เว่ยเหนียนเหยาพิจารณาดูผ้าที่นางลี่หลินสือส่งมาให้ เห็นว่าฝีเข็มคล้ายของนางอยู่เก้าถึงสิบส่วนก็วางใจ ตอนนี้ทั้งซินเซียงและนางลี่สือหลินต่างขึ้นมาเป็นช่างปักเป็นที่เรียบร้อยแล้วส่วนลวดลายของผ้าปักทั้งหมด นางได้ให้สามีนำไปขึ้นทะเบียนที่หอการค้ากลางเป็นที่เรียบร้อยนางลี่สือหลินและซินเซียงขอร้องให้นางและสามี ร่างสัญญาการจ้างงานให้กับพวกนางด้วย เพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย โดยให้กำหนดเพิ่มเข้าไปด้วยว่า จะต้องทำงานกับนางเป็นระยะเวลาสิบปี ห้ามสอนวิธีการปักนี้ให้กับใครตลอดสัญญา หากผิดสัญญาต้องเสียเงินค่าปรับเป็นจำนวนหนึ่งพันตำลึงทอง และรับโทษโบยที่มือห้าสิบไม้นางกับสามีปฏิเสธเพราะเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ได้สำคัญอะไรเลย สำหรับคนทั้งคู่ที่เป็นเหมือนมารดาและน้องสาว นางดูออกว่าทั้งสองคนเป็นคนยังไงแต่นางลี่สือหลินยืนกรานว่ายังไงก็ต้องทำ นอกจากจะเป็นความสบายใจของพวกนางแล้ว ยังถือว่าสัญญาพวกนั้นคือความคุ้มครองที่พวกนางจะได้รับอีกด้วยนางชี้แจงต่อไปว่า หากต่อไปมีคนไม่ประสงค