เช้าวันนี้เว่ยเหนียนเหยารู้สึกตัวตื่นขึ้น เมื่อรู้สึกว่าคนที่นอนอีกด้านขยับกาย
"เหตุใดถึงรีบตื่นละเจ้าคะท่านพี่ ฟ้ายังไม่ทันแจ้งเลย เมื่อวานท่านก็ทำงานมาทั้งวัน วันนี้ตื่นสายเสียหน่อยก็ได้เจ้าค่ะ" "ตอนแรกพี่ว่าจะลงไปอาบน้ำที่ลำธารเสียหน่อย แต่ตอนนี้ไหนๆเจ้าก็ตื่นแล้ว พี่ว่า พี่พาเจ้าลงไปอาบน้ำด้วยดีกว่า เมื่อคืนเจ้าก็ผิดสัญญากับพี่แล้ว ตอนนี้ถือว่าให้รางวัลปลอบใจพี่นิดๆหน่อยก็แล้วกัน" "เรื่องเมื่อคืนหาใช่ความผิดของข้าเสียหน่อย เอาเถอะไปก็ได้เจ้าค่ะ แต่ข้าไปอาบเป้ปเดียวนะเจ้าคะ เช้าๆแบบนี้ข้าว่า อากาศเย็นอยู่ไม่น้อย" หานตงจัดเตรียมสบู่ ก่อนจะจุดตะเกียงเดินนำภรรยาลงไปจากบ้าน ทางเดินไปลำธารถูกปรับให้เรียบ มีไม้ปักแขวนตะเกียงอยู่เป็นระยะ หานตงนำตะเกียงแขวนไว้ตรงไม้ที่ปักอยู่ริมน้ำ บริเวณนี้หญิงสาวให้ช่างปรับไว้เป็นที่อาบน้ำบริเวณริมธาร สำหรับเด็กๆที่มักจะชอบมาว่ายน้ำเล่น หานตงถอดเสื้อผ้าออกเหลือแต่กางเกงข้างในติดกาย ก่อนจะช่วยภรรยา ถอดชุดด้านนอกออกบ้าง ชายหนุ่มตระกองกอดร่างงามให้เดินลงไปในน้ำลึกประมาณระดับอก "น้ำเย็นเหมือนกับที่เจ้าบอกจริงๆ มาเถอะพี่จะช่วยขัดถูตัวให้ เลือดลมจะได้เดินดี คลายหนาวไปบ้าง" เสียงนุ่มเคล้าเคลียอยู่ที่ริมหู คล้ายยั่วยวนนางให้เผลอใจ หญิงสาวไม่คิดจะขัดขืนอยู่แล้ว นางเคยได้ยินมาว่า การเพิ่มสัมผัสเล็กน้อยระหว่างสามีภรรยา เป็นการเพิ่มความสัมพันธ์ไม่ให้จืดจาง ชายหนุ่มจับก้อนสบู่ถูวนไปจนทั่วเนื้อตัวภรรยาอย่างเร่าร้อน ริมฝีปากนุ่มประกบเข้าดูดดื่มกับริมปากงามอย่างหลงใหล "อาเหยา พี่รักเจ้า พี่อยากให้เจ้ารู้ว่า เจ้าเป็นเพียงผู้หญิงคนเดียวที่พี่รัก" "ข้าก็รักท่านพี่เจ้าค่ะ" สองหนุ่มสาวมอบความรักให้กันอย่างชุ่มชื่น แม้จะเป็นเพียงสัมผัสแค่ภายนอก แต่กลับหวานล้ำเข้าไปในใจของคนทั้งคู่ หานตงประคองร่างงามขึ้นจากลำธาร เมื่อเห็นปากงามเริ่มซีดเซียวและสั่นระริกด้วยความหนาว ก่อนจะอุ้มร่างของภรรยาตรงกลับเข้าบ้าน และปรนนิบัติผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับนางด้วยตัวเอง "ท่านแม่ ขอรับ" "ท่านแม่ ข้าหิวจังขอรับ" เสียงของบุตรชายที่ถูกบิดาปลุกให้ตื่นจากที่นอน ก่อนจะพาไปอาบน้ำ และจับมาแต่งเนื้อแต่งตัวจนเสร็จ วิ่งตึงตังเข้ามาหามารดาในครัว กลิ่นอาหารหอมกรุ่น ที่ลอยมากระทบจมูก ทำให้ท้องกลมๆเริ่มส่งเสียงประท้วง "วันนี้แม่ทำกับข้าวหลายอย่าง เจ้าไปชวนบ้านท่านอาเซียนย้งมากินข้าวด้วยเถอะ" เด็กน้อยทั้งสองวิ่งแข่งกัน ออกไปอย่างร่าเริง สักพักครอบครัวเซียนย้งก็เดินตามร่างกลมป้อมกลับมา "มาเถอะมากินข้าวกัน วันนี้ข้าทำกับข้าวเยอะเลย" เว่ยเหนียนเหยาเอ่ยอย่างอารมณ์ดี เด็กน้อยทั้งสามถูกผู้ใหญ่อุ้มขี้นนั่งบนเก้าอี้ของเด็ก ต่างคนต่างลองขยับไปขยับมาบนเก้าอี้อย่างตื่นเต้น "ท่านแม่ เก้าอี้ตัวนี้ดีเหลือเกิน ดูสิข้านั่งแล้วสูงเท่ากับทุกคนเลยขอรับ" "นั่นสิขอรับท่านป้า แบบนี้ก็กินข้าวสะดวกสบายดีเหลือเกิน" "เอาละๆ รีบกินข้าวเถอะ วันนี้ท่านอาเส้าบอกว่า จะมีการทดสอบไม่ใช่หรือ ระวังเถอะ ถ้าสอบไม่ผ่านท่านอาเส้าจะให้พวกเจ้า คัดตัวอักษรห้าร้อยตัว" เด็กน้อยทั้งสามหน้าเสีย เนื่องจากพวกเขาทั้งสาม เคยแอบท่านอาเส้า ออกไปหาหญ้ามาให้ม้าที่เลี้ยงไว้ หลังจากกลับมา ก็โดนท่านอาเส้าลงโทษคัดตัวอักษรห้าร้อยตัว หากไม่เสร็จก็ไม่ให้กินข้าว ตั้งแต่วันนั้น พวกเขาทั้งสามก็รู้ว่า ไม่ควรจะทำให้ท่านอาเส้าโกรธเป็นอันขาด "พี่สะใภ้ ท่านได้ข่าวหรือไม่เจ้าคะ เห็นว่า วันนี้พวกพ่อค้าเร่ จะมาเปิดคาราวานที่ลานหน้าหอการค้ากลาง" "พวกพ่อค้าเร่ แล้วเขาขายอะไรกันละ ทำไมเจ้าถึงตื่นเต้นหนัก" "พี่สะใภ้ของข้าเคยไป เห็นบอกว่า สินค้ามีแต่ของแปลกๆ ที่รับมาจากพวกตาสีฟ้าเจ้าค่ะ" เว่ยเหนียนเหยาเลิกคิ้วอย่างสนใจ สินค้าจากต่างชาติหรือ น่าสนใจเหมือนกัน นางคิดว่าลองไปดูก็ดีเหมือนกัน "ยังไงวันนี้ก็เป็นวันหยุด ถ้างั้นเราลองไปดูก็ดีเหมือนกัน" "แต่วันนี้ บ้านแม่อาซวงจะนำตะกร้าที่สานเสร็จแล้ว มาส่งนะ อาเหยา" หญิงสาวแทบจะตบหน้าผากตัวเอง นางลืมไปเลยว่า หลังจากที่ช่างสานอู๋แจ้งข่าวว่าทำตัวอย่างตะกร้าเสร็จแล้ว นางจึงไปดูรายละเอียด ต้องยอมรับว่า ฝีมือการทำละเอียดมากกว่าที่นางคิดไว้มาก ดังนั้นนางจึงสั่งทำตะกร้าจำนวนทั้งหมด 50 ใบ และวันนี้คือวันที่อีกฝ่ายนัดหมายว่าจะมาส่งของ นางลืมไปได้ยังไงกันนะ "จริงสิขอรับพี่สะใภ้ ข้าอยากถามท่านมานานแล้ว หากท่านต้องการของมาใส่สินค้า ทำไมท่านถึงไม่ให้นายช่างหวังทำกล่องไม้ให้ละขอรับ ข้าว่ากล่องไม้น่าจะทนทานกว่ากล่องสานพวกนี้ " "หากเจ้าใช้กล่องไม้ แน่นอนว่าจะต้องทนทานกว่า แต่น้ำหนักกล่องไม้แต่ละกล่อง ทำให้บรรทุกลงไปในรถม้าได้น้อย เนื่องจากต้องคำนึงถึงม้าพวกนั้นด้วย แต่ถ้าเราใช้ตะกร้าสาน ตะกร้าพวกนี้น้ำหนักเบากว่ากล่องไม้มาก ทำให้ขนส่งของได้มากขึ้น อีกอย่าง ตอนนี้นายช่างหวังแค่งานสร้างโครงหุ่นไม้ ก็ทำจนมือไม่ว่างแล้ว ดังนั้นข้าจึงอยากใช้โอกาสนี้เป็นการช่วยเหลือผู้อื่นบ้าง" เซียนย้งคิดตามคำพูดของหญิงสาวแต่ละคำ เขารู้สึกทึ่งในความคิดของนางมาก นางไม่เพียงห่วงใยคนในครอบครัว แต่นางยังคิดถึงผู้อื่นอีกด้วย "ถ้าอย่างนั้นเอาอย่างนี้เถอะ เดี๋ยวแม่จะอยู่รอรับของให้เอง พวกเจ้าไปเปิดหูเปิดตากันบ้างเถอะ " นางลี่สือหลินรู้ดีว่าบุตรสาวไม่ค่อยได้ออกไปไหน คาราวานพวกนี้สามเดือนจะมาสักครั้ง นางจึงอยากให้บุตรสาวได้เปิดหูเปิดตาบ้าง "เช่นนั้นข้าขอฝากท่านป้าด้วยนะเจ้าคะ" "ท่านแม่แล้วบอกเราสามคนละขอรับ" หานชิงส่งสายตาออดอ้อนอย่างมีหวัง เว่ยเหนียนเหยาไม่ตอบอะไร ก่อนจะพยักหน้าไปที่อาเส้าที่เดินเข้ามา "ท่านป้าขอรับ เรื่องการเรียนเป็นเรื่องสำคัญ ข้าขอตัวก่อนนะขอรับ" เซียนเหยารีบเอาตัวรอด ก่อนจะกระโดดลงจากเก้าอี้วิ่งไปทางอาเส้าทันที สองแฝดเห็นดังนั้นก็วิ่งตามไปอย่างไม่คิดชีวิต "ดูท่าอาเส้าจะปราบเจ้าพวกนั้นได้อยู่หมัด เอาละถ้าอย่างนั้นพวกเราก็เตรียมตัวกันเถอะ" สองคู่หนุ่มสาวใช้รถม้าเป็นพาหนะเข้ามาจนถึงตัวเมือง คนของหอการค้ากลางถือว่าจัดงานได้อย่างดี เพราะเมื่อมีรถขับเข้ามาในงาน จะมีคนคอยชี้ทางให้นำรถไปจอดอย่างเป็นระเบียบ สองหนุ่มลงจากตำแหน่งคนขับ เปิดผ้าม่านรับสาวงามทั้งสองที่อยู่ภายในจากรถลงมา "เชิญ ฮูหยินทั้งสองขอรับ" "เดี๋ยวเถอะอาย้ง เดี๋ยวนี้เจ้ากล้าล้อข้ากับพี่สะใภ้เหรอ" เซียนย้งเปิดยิ้มกว้างจนตาหยี เมื่อเห็นภรรยาสาวแก้มแดง "ก็วันนี้ภรรยาข้า กับท่านพี่สะใภ้งามยิ่งนักนี่นา ดูสิ บรรดาพวกผู้ชายแอบมองท่านพี่สะใภ้ จนพี่ชายของข้าหน้าตึงไปหมดแล้ว" เว่ยเหนียนเหยาชำเลืองมองสามี เห็นเขากำลังส่งสายตาพิฆาตให้กับชายหนุ่มผู้หนึ่งที่กำลังมองนางอยู่ นางส่ายหน้ายิ้มๆ รู้สึกปริ่มเปรมในความหึงหวงของสามี หญิงสาวหยิบผ้าเช็ดหน้า บรรจงเช็ดเหงื่อให้สามีอย่างอ่อนโยน ก่อนจะยิ้มหวานพร้อมกับกระซิบข้างหู "ในสายตาข้า ท่านดีที่สุดเจ้าค่ะ" หานตงหน้าแดงถึงหู จับจูงมือภรรยาเดินเข้าไปในงาน โดยไม่สนใจเสียงหัวเราะของเซียนย้งที่ลอยตามมาห่างๆ เว่ยเหนียนเหยา หยิบเงินให้เซียนย้งและซินเซียงคนละหนึ่งตำลึงทอง เมื่อเดินเข้ามาถึงกลางคาราวาน "เงินนี้ข้าให้พวกเจ้า และห้ามปฏิเสธ พวกเจ้าอยากได้อะไรก็ลองเลือกหาดู ไม่ต้องเดินตามพวกข้าหรอก วันนี้ข้าอยากให้พวกเจ้ามีความสุขให้เต็มที่ เอาไว้ยามเว่ยเราค่อยไปเจอกันที่รถม้า " หญิงสาวไม่รอให้คนทั้งสองปฏิเสธ ยัดเงินใส่ในมือซินเซียงและลากมือสามีเดินออกมาทันที นางเดินดูข้าวของไปเรื่อยๆ สินค้าส่วนใหญ่เป็นของจากทางตะวันตกจริงๆ แต่ก็ยังไม่มีอะไรถูกใจนาง จนกระทั่งนางเห็นร้านๆหนึ่ง ของในร้านส่วนใหญ่เป็นพวกเครื่องแก้ว แต่กลับไม่ค่อยมีคนสนใจสักเท่าไหร่นัก "เถ้าแก่ ขวดพวกนั้นขายยังไง" หญิงสาวชี้ไปทางขวดแก้วเจียระไนแบบที่มีฝาจุก ที่ตั้งเรียงรายอยู่ " ฮูหยินช่างตาถึงยิ่งนัก ขวดแก้วพวกนี้ล้วนมาจากเมืองที่อยู่อีกฟากทะเล ท่านดูสิขอรับ สวยงามมากเลย" "หากเป็นของดีขนาดนั้น เหตุใดจึงเหลืออยู่มากมายเช่นนี้เหล่า เอาเถอะๆข้าก็แค่เย้าท่านเล่น ท่านลองบอกราคามาก่อนเถอะ" นางเห็นเถ้าแก่ส่งค้อนวงใหญ่มาให้ ก็หัวเราะออกมา "เครื่องแก้วพวกนี้ ชิ้นละ สองตำลึงเงินขอรับ" แพงถึงเพียงนี้ มิน่าเล่าถึงขายไม่ออก ชาวบ้านที่ไหนจะเอาเงินมาซื้อขวดแก้วใบเล็กที่ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร ตั้งสองตำลึงเงิน "ถ้าท่านขายให้ข้าในราคาหนึ่งตำลึงเงิน ข้าจะเหมาทั้งหมด" " ฮูหยินท่านให้ราคาข้า อีกสักหน่อยเถอะ ราคานี้ข้าขายไม่ไหวจริงๆ" เถ้าแก่แทบจะร้องไห้ เมื่อเห็นอีกฝ่ายตัดราคาออกไปครึ่งหนึ่งของราคาสินค้าที่ตนบอก "เอาเถอะน่าเถ้าแก่ ท่านขายสิ่งนี้ให้ภรรยาข้าในราคาหนึ่งตำลึงเงิน เดี๋ยวข้าจะลองดูว่า สามารถช่วยท่านซื้ออะไรได้อีก ท่านคิดดูนะ อีกหนึ่งเดือนก็จะเข้าหน้าหนาวแล้ว กองคาราวานจะหยุดพักอีกสามสี่เดือนมิใช่หรือ อีกทั้งหลังจากนั้นพวกพ่อค้าตาสีฟ้าก็จะเอาของใหม่มาขาย ถึงตอนนั้นของพวกนี้อาจจะไม่มีใครสนใจอีกแล้ว" หานตงออกหน้าช่วยภรรยาต่อรองกับพ่อค้า "เฮ้อ พวกท่านสามีภรรยา ช่างต่อรองได้เก่งกาจ จนข้าต้องยอมแพ้ ได้ๆ แต่ท่านต้องช่วยข้าซื้อสิ่งอื่นด้วยนะ" "สิ่งนี้คืออะไร" เว่ยเหนียนเหยาชี้ไปที่ถังรูปร่างประหลาด อันหนึ่ง ถ้านางจำไม่ผิด สิ่งนี้เอาไว้กลั่นน้ำหอมนี่นา "ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน สิ่งนี้เพื่อนข้าฝากมาขาย เห็นบอกว่า เอาไว้ทำน้ำ น้ำอะไรสักอย่าง ข้าก็จำไม่ได้แล้ว เฮ่อข้าก็บอกแล้วว่าอย่าซื้อมา เอาเงินไปทิ้งเสียเปล่าๆ" "แล้วเพื่อนท่านจะขายสักเท่าใด" "ขอบอกพวกท่านตามตรง ตอนนี้เพื่อนข้าคนนี้ไม่สบาย ข้าเลยช่วยเขาเอาของมาขายไม่ได้คิดกำไรแม้แต่น้อย สิ่งที่ท่านถามเขาฝากข้ามาขาย สี่ตำลึงเงินขอรับ" "ได้ งั้นข้าเอาอันนี้ด้วย" เถ้าแก่หน้าเหวอทันที ตอนแรกคิดว่านางจะต่อรอง แต่ครั้งนี้นางกับไม่ต่อรองสักนิด เถ้าแก่ถอนหายใจ เขารู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร ต่อไปเขาไม่กล้าแกล้งบอกราคาสินค้าสูงๆอีกแล้ว "เถ้าแก่แล้วที่อยู่ในไหพวกนั้นคืออะไร" "สิ่งนี้คือน้ำมันมะพร้าวขอรับ ท่านลองดูสิขอรับ ไม่เหมือนน้ำมันที่บ้านเราใช้อยู่" หญิงสาวรับมาเปิดดม เห็นว่าไม่มีกลิ่นหืนก็พยักหน้า "สิ่งนี้ข้าต้องการทั้งหมด ท่านจะขายข้าเท่าไหร่" "ได้ๆ ขอรับ สิ่งนี้ข้ามีอยู่ห้าไห ข้าคิดให้ท่านไหละสองร้อยอีแปะ ท่านว่าอย่างไรขอรับ" "ถ้าอย่างนั้นท่านก็ช่วยห่อของให้ข้าเถอะ นี่ก็ได้เวลาที่ข้าจะกลับแล้ว" เถ้าแก่ขมีขมันห่อของอย่ารวดเร็ว โดยมีเพื่อนที่ขายของอยู่ข้างๆมาช่วยด้วย เมื่อห่อของเสร็จแล้ว คนของหอการค้ากลางก็เข้ามาช่วยจัดส่งของให้พวกนางถึงที่รถ ตอนที่นางและสามีเดินมาที่รถ เซียนย้งและซินเซียงก็มายืนรออยู่แล้ว ชายหนุ่มทั้งสองส่งภรรยาขึ้นไปนั่งรถม้าในระหว่างรอพวกเขาขนของ เสียงพูดคุยกะหนุงกะหนิงของหญิงสาวทั้งคู่ ทำให้บรรยากาศดูรื่นรมย์ ชายหนุ่มขยับขึ้นตำแหน่งคนขับรถ บังคับให้วิ่งออกไปในขณะที่เสียงพูดคุยยังดังแว่วอยู่ "พี่สะใภ้ เมื่อครู่ข้าเจอสบู่ ที่พวกพ่อค้านำมาขายด้วยเจ้าค่ะ แต่ไม่เห็นหอมเหมือนของที่ท่านทำเลย แถมขายแพงงงงงมาก ตั้งสองร้อยอีแปะ สู้ของที่ท่านทำก็ไม่ได้ แต่ทำไมคนถึงแย่งกันซื้อนะ" หญิงสาวอมยิ้มกับความช่างคุยของอีกฝ่าย ตั้งแต่สนิทกันมากขึ้น นางถึงรู้ว่าซินเซียงเป็นสาวน้อยสดใส ช่างพูดคุย หาได้เรียบร้อยเหมือนครั้งแรกที่เจอ "เจ้าใช้สบู่มาแล้ว เจ้าว่ามันเป็นอย่างไงบ้าง" "สบู่ของท่านดียิ่งเลยเจ้าค่ะ ท่านดูสิเจ้าคะ ข้าไปเดินมาตั้งนาน แต่ก็ไม่มีกลิ่นเหงื่อแม้แต่น้อย แถมตอนนี้ผิวข้ายังนวลเนียนขึ้นอีกต่างหาก" "เจ้าชอบก็ดีแล้ว ถ้าหมดก็มาบอกข้า ของที่เราทำเองไม่ได้ราคาสูงเท่าที่เขาทำขาย เจ้าก็ไม่ต้องเกรงใจ" "อีกสักเดี๋ยวก็น่าจะถึงบ้านแล้วนะเจ้าคะพี่สะใภ้ ครั้งนี้ข้าซื้อขนมมาฝากเด็กๆเยอะมาก พวกเขาต้องดีใจแน่ๆ" เสียงพูดคุยระหว่างหญิงสาวทั้งสองยังแว่วออกมาตลอดระยะทาง ส่งผลให้ผู้ที่บังคับรถม้าอยู่รู้สึกว่า การเดินทางแบบนี้ ช่างดีเหลือเกินรถม้าวิ่งผ่านกำแพงเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน ร่างของนางลี่สือหลินที่เดินกระวนกระวายอยู่ พุ่งเข้ามาหาหานตงทันที"เกิดเรื่องใหญ่แล้ว อาตง"เสียงโวยวาย ทำให้หญิงสาวในรถม้า เปิดผ้าออกมาทันที"เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะท่านแม่ลี่ เหตุใดท่านถึงดูร้อนใจถึงเพียงนี้"สีหน้าท่าทางของนางลี่สือหลินไม่ดีเลย ทำให้นางรู้สึกตกใจไปด้วย"ที่บ้านอาหงเกิดเรื่อง วันนี้ลุงฟงเห็นว่าหลังคาบ้านที่พักอยู่เกิดรอยรั่ว เลยปีนขึ้นไปซ่อม ไม่รู้ว่าพลาดพลั้งยังไง ตกลงมา อาหงวิ่งมาตามอาเส้าที่นี่ เห็นว่าหมอจางรักษาไม่ได้ ต้องส่งเข้าไปรักษาที่ตัวเมือง ทางผู้ใหญ่ให้เกวียนของหมู่บ้านไปส่งสักพักแล้ว""แล้วเขาเอาไปรักษาที่ไหน ท่านแม่ลี่รู้รึไม่เจ้าคะ""ได้ยินมาว่า เป็นร้านยามู่ถาน""ท่านพี่ ท่านขับรถไหวหรือไหม ข้าอยากไปดูพวกเขาสักหน่อย""ข้าไหว งั้นเดี๋ยวข้ากับอาย้งจะรีบขนของลงจากรถม้าก่อน""ถ้าอย่างนั้นข้าขอขึ้นไปเตรียมของสักครู่"เว่ยเหนียนเหยาเดินขึ้นมาหยิบเงินติดไปมากหน่อย ตามที่ได้ยินอาการลุงฟงน่าจะหนักไม่น้อย จากรายได้ของคนทั้งสามที่ทำกับนางมา ถ้าจะใช้จ่ายอย่างประหยัด ก็น่าจะมีเงินเก็บอยู่บ้างแต่ร้านยาในตัวเมืองเห็นว่าค่ารักษาแพง
เพล้ง! เพล้ง! เสียงสิ่งของแตกหักดังออกมาจากในห้อง ทำให้ผู้เฒ่าเว่ยจื้อจงรีบเดินเข้ามาในห้อง"ยายเฒ่า เจ้าจะบ้าไปแล้วหรือ ทำไมถึงต้องขว้างปา ข้าวของเช่นนี้""ใช่ ข้ามันบ้าไปแล้ว ท่านพี่ ท่านดู บุตรชายสุดที่รักของท่านทำเข้า"ชายชรามองหน้าบุตรชายคนโต กับคนเล็กที่อยู่ในห้อง ก่อนถอนหายใจ"อาเวิ่น อาหมิง เจ้าเอาเรื่องอะไรมากวนใจแม่ของเจ้าอีก เหอะ""ท่านอย่ามาตวาดบุตรชายของข้านะ ท่านไปตวาดบุตรชายของท่านโน่น ตั้งแต่มีเงินก็ปีกกล้าขาแข็ง ไม่เห็นหัวพ่อแม่ ที่กับครอบครัวคนอื่น กับสอดไม้สอดมือช่วยเหลือวุ่นวายไปหมด"ชายชราถอนใจ ที่แท้ก็เป็นเรื่องครอบครัวตระกูลจงนี่เอง"ยายเฒ่าเอ๊ย ตาเฒ่าฟงประสบเคราะห์ร้าย ภรรยาและบุตรของเขาก็ทำงานอยู่กับอาตง อาตงคงเห็นแก่คนพวกนั้นจึงได้ช่วยเหลือก็ได้ เจ้าก็อย่าคิดมากเลย""ข้าคิดมากอะไร ตั้งแต่เรื่องค่าเช่าที่ดินแล้ว ที่พวกมันตั้งใจหลอกลวงข้า หากข้ารู้ว่า พวกมันเตรียมย้ายบ้าน ข้าจะไม่เรียกเงินแค่นั้นหรอก พูดแล้ว ก็เจ็บใจจริงๆ"นางเว่ยหมัวหลานแทบกระอักเลือดออกมา เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากที่กลับมาจากห้องแจ้งข่าว นางกับคนในบ้านก็อับอายจนไม่อยากออกไปไหนจ
"ท่านหมอเจ้าคะ ข้านำต้นโสมมาส่งเจ้าค่ะ"เว่ยเหนียนเหยายื่นกล่องโสม วางลงบนโต๊ะที่ท่านหมอนั่งอยู่"เจ้าไปเสียนาน ข้าคิดว่า เจ้าจะหามาไม่ได้เสียแล้ว"หมอชรานำกล่องโสมมาเปิดดู พอฝากล่องเปิดขึ้น ชายชราถึงกับมือไม้สั่นรีบประคับประคองกล่องโสมวางลงบนโต๊ะ"โสมต้นนี้สมบูรณ์มากนัก ข้าคิดว่ามันน่ามีอายุหลายสิบปีเลยทีเดียว ราคาของโสมต้นนี้น่าจะอยู่ที่เจ็ดร้อยถึงแปดร้อยตำลึงทอง ข้าคิดว่าเจ้าจะหาซื้อโสมต้นเล็กๆ มาเสียอีก""เดิมทีข้าก็คิดเช่นนั้น แต่สหายของข้าบอกว่ามีคนให้โสมต้นนี้กับเขามา แต่เขาไม่ได้ใช้ เลยให้ข้ามาอีกทีเจ้าค่ะ"" สหายดี! สหายดี! เจ้ามีสหายที่ดีเช่นนี้ ถือว่ามีบุญยิ่งนัก อะ เอาคืนไป ข้าใช้แค่รากโสมพวกนี้ก็พอแล้ว"หมอชราใช้กรรไกรตัดส่วนของรากที่ตนต้องการออกไว้ จากนั้นก็นำโสมใส่ลงไปในกล่อง และส่งให้เว่ยเหนียนเหยาคืน"มันจะพอหรือเจ้าคะ มิสู้ท่านเอาไว้ให้มากหน่อยดีกว่า"เว่ยเหนียนเหยาที่เห็นว่า ท่านหมอตัดแค่รากโสมไว้ก็เกรงว่าตัวยาจะไม่พอ คะยั้นคะยอให้ท่านหมอตัดเพิ่มไว้อีก"พอแล้ว พอแล้ว โสมนี้เจ้าก็เก็บไว้ให้ดี แล้วอย่าเที่ยวไปบอกใครละ เดี๋ยวจะเป็นภัยกับตัวเอง พรุ่งนี้ข้าจะเริ่มรักษาใน
"ท่านแม่ ท่านแม่ขอรับ ได้โปรดตื่นเถิด อย่าทิ้งข้ากับท่านพ่อไปนะขอรับ ฮือ ฮือ""ท่านพ่อ ทำไมท่านแม่ถึงนอนแน่นิ่งแบบนี้ ท่านพ่อช่วยปลุกท่านแม่หน่อยขอรับ"เสียงใครกัน หนวกหูชะมัด ฉันขอนอนนานๆหน่อยได้ไหม เว่ยเหนียนเหยา คิดในใจอย่างรำคาญ เมื่อวานนี้กว่าเธอจะปิดบัญชีของภัตตาคารหรูระดับห้าดาวเสร็จ เธอต้องเคร่งเครียดจนลืมกินลืมนอนไปหลายคืน " เจ้าใหญ่ เจ้ารอง หยุดร้องไห้ก่อนเถอะ เจ้าดูแม่เจ้าไว้ก่อน เดียวพ่อจะไปตามท่านหมอจางมาดูแม่เจ้า"เสียงอีกเสียงดังขึ้น ฟังดูก็รู้ว่า น่าจะเป็นชายหนุ่มอายุไม่เยอะเท่าไหร่ ว่าแต่ว่าพวกเขาพูดถึงใครกัน แล้วคนพวกนี้เข้ามาอยู่ในบ้านเธอได้ยังไง แย่แล้ว!!! หรือว่าจะเป็นโจร เว่ยเหนียนเหยาคิดอย่างตกใจ พยายามที่จะลืมตาขึ้น แต่กลับรู้สึกปวดหัว และเจ็บข้างหลังท้ายทอยเป็นอย่างมาก หญิงสาวค่อยๆยกมือ ลูบไปยังบริเวณที่เจ็บ พร้อมกับลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก แสงสว่างสาดเข้ากับดวงตา ทำให้ตาของเธอพร่าไปเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆคุ้นชิน หญิงสาวกวาดสายตามองดูโดยรอบนี่เธออยู่ที่ไหน ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ หรือเธอถูกโจรจับมาเรียกค่าไถ่ สารพัดคำถามที่ไร้คำตอบดังขึ้นมาในหัว แต่ก่อนที
" ท่านพ่อเร็วเข้าเถอะขอรับ ท่านแม่อาการหนักแน่ๆ""ใช่ขอรับท่านพ่อ เมื่อครู่ท่านแม่จำข้ากับพี่ใหญ่ไม่ได้ด้วยขอรับ"เสียงโวยวายของเด็กทั้งสองดังขึ้น พ่อของเด็กน่าจะพาหมอกลับมาแล้ว หญิงสาวแสร้งนอนนิ่ง เพื่อรอดูเหตุการณ์ "ท่านหมอ ท่านช่วยตรวจดูภรรยาข้าหน่อยเถอะขอรับ"น้ำเสียงทุ้มกล่าวอย่างนอบน้อม หมอชราถอนหายใจในความอยุติธรรมที่ชายหนุ่มตรงหน้าได้รับ เขาบังเอิญรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น สองครอบครัวร่วมมือกันเล่นละคร เพื่อผลักดันชายหนึ่งหญิงหนึ่งที่ตนไม่ต้องการให้กระเด็นออกมา " หานตงเอ๋ย ข้าสงสารเจ้ายิ่งนัก เวรกรรมอะไรของเจ้าหนักหนา"ชายชราส่ายหน้า พลางนั่งลงตรงข้างร่างหญิงสาว หลังจากลงมือสำรวจบาดแผล และตรวจดูชีพจร เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง จึงมอบยารักษาบาดแผลไว้ให้ หมอชราปฏิเสธที่จะรับเงินค่ารักษา ขอรับเพียงแต่เงินค่ายาเท่านั้นหลังจากที่หมอชราจากไป ชายหนุ่มจึงปลอบโยนลูกทั้งสอง ก่อนจะนำกะละมังและผ้าชุบน้ำมาเช็ดตามเนื้อตัวของภรรยา เว่ยเหนียนเหยารู้สึกซาบซึ้งใจกับสิ่งที่ชายหนุ่มปฏิบัติต่อเธอ ร่างบางค่อยๆลืมตาขึ้นมองสบเข้ากับดวงตาคู่คม เธอมองเห็นความกังวลปนเปกับความโล่งอก"เจ้ารู้สึกเ
สองสามีภรรยาเดินขึ้นเขาอย่างเร่งรีบ เมื่อเดินไปถึงแค่ตีนเขา กลับพบกอไผ่ขึ้นอยู่อย่างมากมาย ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็พบกับความเขียวชอุ่ม นับว่าเป็นภูเขาที่มีความอุดมสมบูรณ์ไม่น้อยเว่ยเหนียนเหยารีบเดินเข้าไปสำรวจตรงกอไผ่ทันที หลังจากที่แหวกดูดวงตาก็เปล่งประกาย"ท่านพี่ ท่านมาช่วยข้าขุดหน่อไม้หน่อยเถิด เราจะได้นำกลับไปเป็นอาหารที่บ้าน""หน่อไม้พวกนี้มีรสฝาดไม่เหมาะจะนำไปเป็นอาหารหรอก"ชายหนุ่มส่ายหน้ากับความไม่รู้ของผู้เป็นภรรยา หญิงสาวหาได้ถือสา ด้วยเข้าใจว่าผู้คนในอดีตย่อมไม่รู้ว่าควรนำหน่อไม้มาปรุงอาหารเช่นไรนางเพียงขุดขึ้นมาเป็นตัวอย่างให้สามีดู พลางเน้นย้ำว่า ให้ขุดขึ้นมาให้เยอะหน่อยเท่านั้น เมื่อเห็นว่าสามีไม่ปฏิเสธ หญิงสาวจึงค่อยๆ เดินสำรวจไปทางอื่นนางหยุดมองที่ต้นไม้กอใหญ่กอหนึ่ง หลังจากที่พิจารณาอยู่ชั่วครู่ ก็ตัดสินใจขุดลงไปในดินใต้ต้นไม้นั้นสิ่งที่ปรากฏอยู่ในดินทำให้หญิงสาวยิ้มแก้วปริ อย่างน้อยๆ สิ่งนี้ก็ช่วยให้นางและครอบครัวรอดพ้นจากความหิวโหยไปได้พักใหญ่สองมือเรียวค่อยๆ นำสิ่งที่อยู่ในดินขึ้นมา มันฝรั่งหัวใหญ่ถูกดึงขึ้นมาใส่ลงไปในตะกร้าจนเต็มก่อนที่หญิงสาวจะเดินกลับไปหาสามี
ด้วยประสบการณ์ความยากจนที่เคยผ่านมา เรื่องการจุดไฟทำอาหารไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับนางหญิงสาวนำหม้อเก่าใบหนึ่งขึ้นมาใส่น้ำก่อนจะหั่นปลาเป็นชิ้นๆ ลงไปต้มในหม้อ หลังจากควบคุมไฟไม่ให้แรงจนเกินไป จากนั้นนางจึงนำมันฝรั่งออกมาปอกเปลือกและหั่นทิ้งไว้ มองดูปลาที่ต้มไว้มีฟองลอยอยู่ไม่น้อยจึงค่อยๆ ตักฟองคาวออก รอจนกระทั่งไม่มีฟองขึ้นมาอีก จากนั้นจึงใส่เกลือลงไปเล็กน้อยนางตักน้ำแกงขึ้นมาชิม รสชาติความหวานของเนื้อปลาบวกกับความเค็มของเกลือ แม้จะยังไม่ใช่อาหารเลิศรสแต่ก็น่าจะประทังความหิวไปได้เมื่อยกหม้อปลาลง นางรีบนำกระทะขึ้นตั้งไฟ ใส่น้ำลงไปเล็กน้อย นำมันฝรั่งลงไปผัดจนสุก จากนั้นปรุงรสชาติด้วยเกลืออีกหน่อยปลาสองตัวกับมันฝรั่งพวกนี้น่าจะช่วยให้มื้อนี้ของครอบครัวผ่านไปด้วยดี นางรีบนำอาหารออกไปวางบนโต๊ะกินข้าว ภายในบ้านไม่มีใครอยู่ กลับปรากฏเสียงดังอยู่ด้านนอกเว่ยเหนียนเหยาเดินออกไปตามเสียง พบว่าสามีกำลังทำความสะอาดอุปกรณ์ที่นำไปขึ้นเขา ส่วนบุตรชายทั้งสองก็นั่งเล่นกันอยู่ข้าง ๆ"ท่านพี่ เจ้าใหญ่ เจ้ารอง มากินอาหารกันเถอะ"เด็กทั้งสองเมื่อได้ยินเสียงมารดาเรียก ก็รีบวิ่งกรูเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว หญิงสาว
หญิงสาวจัดการย้ายข้าวของเข้าไปไว้ในครัวจนเรียบร้อย หลังจากเห็นสามีกลับมาพร้อมปลาตามที่ต้องการ อีกทั้งปลาสองตัวที่จะนำมาทำอาหารเย็น ก็จัดการทำความสะอาดมาเรียบร้อยแล้วเมื่อเห็นสามีพาบุตรชายทั้งสองออกไปนั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน นางจึงวางใจเดินกลับเข้าห้องไปอีกครั้ง ก่อนจะนำผ้าทั้ง2พับขึ้นมาดูอย่างครุ่นคิด นางเริ่มนำผ้าเช็ดหน้า ถุงเครื่องหอม และ ถุงเงินขึ้นมาพิจารณาจากนั้นจึงเลาะถุงเงิน ตามด้วยถุงเครื่องหอมออกเพื่อศึกษาวิธีการตัดเย็บ อาจจะเป็นด้วยโชคชะตากำหนดไว้ให้ จึงทำให้ช่วงหนึ่งในเวลาที่ยากลำบากนางเคยทำงานอยู่ในร้านเสื้อผ้าชั้นสูงแห่งหนึ่ง ร้านร้านนี้เป็นร้านไม่ใหญ่มาก แต่ราคาเสื้อผ้าแต่ละตัวแพงลิบลิ่วทีเดียว เนื่องจากเสื้อผ้าที่ตัดแต่ละตัว รวมไปถึงการปักลวดลายต่างๆ จะต้องใช้มือปักเท่านั้นงานที่ออกมาแต่ละตัวจะได้รับการตรวจทานจากสายตาอันเฉียบคมของเจ้าของร้าน หากทำไม่ดีไม่ละเอียดจะถูกต่อว่าและให้นำกลับไปแก้ไขมาใหม่ให้เรียบร้อย เว่ยเหนียนเหยาเป็นคนหัวดี แถมยังละเอียดใส่ใจ เจ้าของร้านจึงเอ็นดูนางเป็นอย่างมากพร่ำสอนสิ่งต่างๆ ให้อย่างไม่คิดหวงวิชา ตอนนี้นางรู้สึกขอบคุณเจ้าของร้านเป็นอย่างยิ
"ท่านหมอเจ้าคะ ข้านำต้นโสมมาส่งเจ้าค่ะ"เว่ยเหนียนเหยายื่นกล่องโสม วางลงบนโต๊ะที่ท่านหมอนั่งอยู่"เจ้าไปเสียนาน ข้าคิดว่า เจ้าจะหามาไม่ได้เสียแล้ว"หมอชรานำกล่องโสมมาเปิดดู พอฝากล่องเปิดขึ้น ชายชราถึงกับมือไม้สั่นรีบประคับประคองกล่องโสมวางลงบนโต๊ะ"โสมต้นนี้สมบูรณ์มากนัก ข้าคิดว่ามันน่ามีอายุหลายสิบปีเลยทีเดียว ราคาของโสมต้นนี้น่าจะอยู่ที่เจ็ดร้อยถึงแปดร้อยตำลึงทอง ข้าคิดว่าเจ้าจะหาซื้อโสมต้นเล็กๆ มาเสียอีก""เดิมทีข้าก็คิดเช่นนั้น แต่สหายของข้าบอกว่ามีคนให้โสมต้นนี้กับเขามา แต่เขาไม่ได้ใช้ เลยให้ข้ามาอีกทีเจ้าค่ะ"" สหายดี! สหายดี! เจ้ามีสหายที่ดีเช่นนี้ ถือว่ามีบุญยิ่งนัก อะ เอาคืนไป ข้าใช้แค่รากโสมพวกนี้ก็พอแล้ว"หมอชราใช้กรรไกรตัดส่วนของรากที่ตนต้องการออกไว้ จากนั้นก็นำโสมใส่ลงไปในกล่อง และส่งให้เว่ยเหนียนเหยาคืน"มันจะพอหรือเจ้าคะ มิสู้ท่านเอาไว้ให้มากหน่อยดีกว่า"เว่ยเหนียนเหยาที่เห็นว่า ท่านหมอตัดแค่รากโสมไว้ก็เกรงว่าตัวยาจะไม่พอ คะยั้นคะยอให้ท่านหมอตัดเพิ่มไว้อีก"พอแล้ว พอแล้ว โสมนี้เจ้าก็เก็บไว้ให้ดี แล้วอย่าเที่ยวไปบอกใครละ เดี๋ยวจะเป็นภัยกับตัวเอง พรุ่งนี้ข้าจะเริ่มรักษาใน
เพล้ง! เพล้ง! เสียงสิ่งของแตกหักดังออกมาจากในห้อง ทำให้ผู้เฒ่าเว่ยจื้อจงรีบเดินเข้ามาในห้อง"ยายเฒ่า เจ้าจะบ้าไปแล้วหรือ ทำไมถึงต้องขว้างปา ข้าวของเช่นนี้""ใช่ ข้ามันบ้าไปแล้ว ท่านพี่ ท่านดู บุตรชายสุดที่รักของท่านทำเข้า"ชายชรามองหน้าบุตรชายคนโต กับคนเล็กที่อยู่ในห้อง ก่อนถอนหายใจ"อาเวิ่น อาหมิง เจ้าเอาเรื่องอะไรมากวนใจแม่ของเจ้าอีก เหอะ""ท่านอย่ามาตวาดบุตรชายของข้านะ ท่านไปตวาดบุตรชายของท่านโน่น ตั้งแต่มีเงินก็ปีกกล้าขาแข็ง ไม่เห็นหัวพ่อแม่ ที่กับครอบครัวคนอื่น กับสอดไม้สอดมือช่วยเหลือวุ่นวายไปหมด"ชายชราถอนใจ ที่แท้ก็เป็นเรื่องครอบครัวตระกูลจงนี่เอง"ยายเฒ่าเอ๊ย ตาเฒ่าฟงประสบเคราะห์ร้าย ภรรยาและบุตรของเขาก็ทำงานอยู่กับอาตง อาตงคงเห็นแก่คนพวกนั้นจึงได้ช่วยเหลือก็ได้ เจ้าก็อย่าคิดมากเลย""ข้าคิดมากอะไร ตั้งแต่เรื่องค่าเช่าที่ดินแล้ว ที่พวกมันตั้งใจหลอกลวงข้า หากข้ารู้ว่า พวกมันเตรียมย้ายบ้าน ข้าจะไม่เรียกเงินแค่นั้นหรอก พูดแล้ว ก็เจ็บใจจริงๆ"นางเว่ยหมัวหลานแทบกระอักเลือดออกมา เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากที่กลับมาจากห้องแจ้งข่าว นางกับคนในบ้านก็อับอายจนไม่อยากออกไปไหนจ
รถม้าวิ่งผ่านกำแพงเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน ร่างของนางลี่สือหลินที่เดินกระวนกระวายอยู่ พุ่งเข้ามาหาหานตงทันที"เกิดเรื่องใหญ่แล้ว อาตง"เสียงโวยวาย ทำให้หญิงสาวในรถม้า เปิดผ้าออกมาทันที"เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะท่านแม่ลี่ เหตุใดท่านถึงดูร้อนใจถึงเพียงนี้"สีหน้าท่าทางของนางลี่สือหลินไม่ดีเลย ทำให้นางรู้สึกตกใจไปด้วย"ที่บ้านอาหงเกิดเรื่อง วันนี้ลุงฟงเห็นว่าหลังคาบ้านที่พักอยู่เกิดรอยรั่ว เลยปีนขึ้นไปซ่อม ไม่รู้ว่าพลาดพลั้งยังไง ตกลงมา อาหงวิ่งมาตามอาเส้าที่นี่ เห็นว่าหมอจางรักษาไม่ได้ ต้องส่งเข้าไปรักษาที่ตัวเมือง ทางผู้ใหญ่ให้เกวียนของหมู่บ้านไปส่งสักพักแล้ว""แล้วเขาเอาไปรักษาที่ไหน ท่านแม่ลี่รู้รึไม่เจ้าคะ""ได้ยินมาว่า เป็นร้านยามู่ถาน""ท่านพี่ ท่านขับรถไหวหรือไหม ข้าอยากไปดูพวกเขาสักหน่อย""ข้าไหว งั้นเดี๋ยวข้ากับอาย้งจะรีบขนของลงจากรถม้าก่อน""ถ้าอย่างนั้นข้าขอขึ้นไปเตรียมของสักครู่"เว่ยเหนียนเหยาเดินขึ้นมาหยิบเงินติดไปมากหน่อย ตามที่ได้ยินอาการลุงฟงน่าจะหนักไม่น้อย จากรายได้ของคนทั้งสามที่ทำกับนางมา ถ้าจะใช้จ่ายอย่างประหยัด ก็น่าจะมีเงินเก็บอยู่บ้างแต่ร้านยาในตัวเมืองเห็นว่าค่ารักษาแพง
เช้าวันนี้เว่ยเหนียนเหยารู้สึกตัวตื่นขึ้น เมื่อรู้สึกว่าคนที่นอนอีกด้านขยับกาย"เหตุใดถึงรีบตื่นละเจ้าคะท่านพี่ ฟ้ายังไม่ทันแจ้งเลย เมื่อวานท่านก็ทำงานมาทั้งวัน วันนี้ตื่นสายเสียหน่อยก็ได้เจ้าค่ะ""ตอนแรกพี่ว่าจะลงไปอาบน้ำที่ลำธารเสียหน่อย แต่ตอนนี้ไหนๆเจ้าก็ตื่นแล้ว พี่ว่า พี่พาเจ้าลงไปอาบน้ำด้วยดีกว่า เมื่อคืนเจ้าก็ผิดสัญญากับพี่แล้ว ตอนนี้ถือว่าให้รางวัลปลอบใจพี่นิดๆหน่อยก็แล้วกัน""เรื่องเมื่อคืนหาใช่ความผิดของข้าเสียหน่อย เอาเถอะไปก็ได้เจ้าค่ะ แต่ข้าไปอาบเป้ปเดียวนะเจ้าคะ เช้าๆแบบนี้ข้าว่า อากาศเย็นอยู่ไม่น้อย"หานตงจัดเตรียมสบู่ ก่อนจะจุดตะเกียงเดินนำภรรยาลงไปจากบ้านทางเดินไปลำธารถูกปรับให้เรียบ มีไม้ปักแขวนตะเกียงอยู่เป็นระยะ หานตงนำตะเกียงแขวนไว้ตรงไม้ที่ปักอยู่ริมน้ำบริเวณนี้หญิงสาวให้ช่างปรับไว้เป็นที่อาบน้ำบริเวณริมธาร สำหรับเด็กๆที่มักจะชอบมาว่ายน้ำเล่นหานตงถอดเสื้อผ้าออกเหลือแต่กางเกงข้างในติดกาย ก่อนจะช่วยภรรยา ถอดชุดด้านนอกออกบ้างชายหนุ่มตระกองกอดร่างงามให้เดินลงไปในน้ำลึกประมาณระดับอก"น้ำเย็นเหมือนกับที่เจ้าบอกจริงๆ มาเถอะพี่จะช่วยขัดถูตัวให้ เลือดลมจะได้เดินดี คล
"หลังจากที่กลับมาจากบ้านท่านในวันนั้น สามีของข้าเห็นว่าครอบครัวกำลังจะอดตาย เกรงว่าผู้คนจะก่นด่า ท่านแม่สามีว่า เป็นหญิงชั่วช้า ใจดำอำมหิต จึงกระเสือกกระสนนำกระดาษแผ่นนี้ไปที่ศาลากลาง เพื่อตัดขาดครอบครัวออกจากบ้านใหญ่ ไม่ให้ผู้คนก่นด่าท่านได้"เชอะ! เรื่องกลับขาวเป็นดำ เอาความดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น นางก็ทำเป็นนางเว่ยหลัวหลานถลึงตาใส่ลูกสะใภ้คนกลาง มือไม้สั่นระริก เมื่อถูกหลอกด่าเว่ยหานหมิงเห็นว่าตอนนี้ครอบครัวของตนเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แผนการที่เขากับมารดาวางไว้ถือว่าไร้ที่ติ คาดไม่ถึงว่าเป็นเพราะเขาประมาทพี่รองจนเกินไป ทำให้อีกฝ่ายพลิกกลับมาชนะได้หานหมิงพิจารณาทุกอย่าง อย่างรอบคอบอีกครั้ง ไม่เพียงแต่พี่ชายของเขาที่เปลี่ยนไป แต่คนที่เปลี่ยนไปมากที่สุดคือ พี่สะใภ้หรือ คนรักเก่าของเขานั่นเองหานหมิงนึกทบทวนถึงสายตาของนางที่มองมายังเขา ความรัก ความห่วงหา อาลัยอาวรณ์ ที่เคยมี บัดนี้กับถูกแทนที่ด้วยความเย็นชา และเหินห่างหากเขารู้ว่า นางมากความสามารถเช่นนี้ เขาคงจะเกลี้ยกล่อมมารดาให้ได้แต่งงานกับนาง แทนที่จะปล่อยให้พี่รองแย่งวาสนาเขาไปเช่นนี้ในเมื่อตอนนี้ การใช้ไม้แข็งไปก็รังแต่จะแตกหั
"พี่หานตง พี่หานตง ท่านผู้นำบอกให้ท่านกับพี่สะใภ้รีบไปที่ห้องแจ้งข่าวขอรับ ตอนนี้ท่านแม่ของท่านไปฟ้องร้องท่านข้อหา อกตัญญูต่อบิดามารดาขอรับ"หานตงหน้าซีดเผือด ไม่เคยมีบิดามารดาคนไหน ฟ้องร้องบุตรด้วยข้อหานี้มาก่อน เนื่องจากหากสืบสวนแล้วพบว่าบุตรผิดจริงบุตรคนนั้นจะต้องได้รับโทษตามกฎของหมู่บ้านและของทางการอีกด้วยตามกฎของหมู่บ้าน บุตรที่ได้รับโทษจะถูกโทษโบยห้าสิบไม้ หลังจากนั้นก็จะถูกนำชื่อออกจากตระกูลทั้งครอบครัว และขับไล่ออกจากหมู่บ้านส่วนผู้ใหญ่บ้านก็จะนำตัวไปส่งที่ศาลอาญากลางเมือง พร้อมข้อมูลความผิด คนผู้นั้นจะถูกตัดสินจองจำหนึ่งปี โทษโบยอีกห้าสิบไม้ ส่วนทรัพย์สินที่เป็นที่ดิน หรือกิจการที่เป็นชื่อตระกูล จะถูกโอนย้ายเข้าเป็นกองกลางของบ้านนั้นๆจะมีเพียงเงินทอง ของมีค่า หรือสิ่งที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า เป็นสิทธิ์ของตระกูล ที่คู่สามีหรือภรรยา สามารถนำติดตัวออกไปจากหมู่บ้านได้เท่านั้นหานตงแขนขาอ่อนแรง ทรุดนั่งลงกับพื้นตาแดงก่ำ จนแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เขารู้ว่ามารดาไม่ค่อยจะรักเขานัก แต่ไม่เคยคิดเลยว่า มารดาจะกล้าทำถึงเพียงนี้เว่ยเหนียนเหยาก่นด่าแม่สามีภายในใจ ผู้หญิงคนนั้นยังเป
"ท่านแม่ ท่านไม่คิดจะทำอะไรเลยหรือขอรับ ข่าวที่น้องเล็กสืบมา ก็บอกอยู่แล้ว ตอนนี้ครอบครัวของเจ้ารอง ทำการค้าได้เป็นกอบเป็นกำ""นั่นสิเจ้าคะ ท่านแม่ อีกไม่นานท่านพี่ก็ต้องเอาเงินไปจ่ายค่าสมัครเรียนของหานเอ่อแล้ว อย่างน้อยท่านก็ควรให้อาตงมอบเงินให้ท่านสัก หนึ่งร้อยหรือสองร้อยตำลึงทองนะเจ้าคะ"นางเว่ยหมัวหลานปรายตามองบุตรชายคนโตและลูกสะใภ้ ตีโพยตีพาย ที่เห็นนางไม่ขยับเขยื้อนทำอะไรบ้างเลย"พวกเจ้าสงบใจลงบ้างเถอะ ข้าก็บอกพวกเจ้าไปแล้ว ว่าข้ากำลังรอเวลา""ท่านแม่เจ้าขา ท่านรอเวลาอะไรเจ้าคะ ท่านดูสิ ตอนนี้อาตงปีกกล้าขาแข็งขนาดไหน นี่ก็เลยวันที่ท่านกำหนดให้มอบเงินส่วนกลางแล้ว ข้าไม่เห็นเขาจะส่งเงินกลับมาสักอีแปะ""จริงด้วยขอรับ อีกอย่างเรื่องที่เขาซื้อที่ทำโรงงาน ข้าก็ไปสืบมาแล้ว ว่าเป็นเรื่องจริง เห็นว่าพรุ่งนี้ก็จะย้ายคนงานเข้าไปทำงานที่นั่นแล้ว หากปล่อยให้เขาใช้เงินเป็นเบี้ยแบบนี้ต่อไป คงไม่ดีแน่ขอรับท่านแม่""นั่นสิขอรับท่านแม่ ตอนนี้เพื่อนที่อยู่ในเมือง ก็เชิญข้าร่วมทุนทำการค้า ในเมื่อพี่รองทำการค้าได้เป็นกอบเป็นกำเช่นนี้ ก็น่าจะช่วยเหลือเจือจุนให้พวกเราได้ลืมตาอ้าปากบ้าง"คราวนี้เป็นเสี
ผ่านมาหลายวัน ตอนนี้ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางไปไม่น้อย เว่ยเหนียนเหยาขีดฆ่าแผนงานต่างๆ ที่เสร็จเรียบร้อยไปแล้วช่วงนี้เด็กๆ ก็ไม่ได้ออกมาวิ่งเล่นเหมือนแต่ก่อน เพราะอาเส้าบุตรชายคนโตของท่านลุงฟง ตกลงที่จะเข้ามาสอนหนังสือเด็กๆ ให้เด็กทั้งสามเริ่มเรียนช้ากว่าเด็กทั่วไป ดังนั้นจึงต้องเพิ่มเวลาสอนขึ้นเป็นพิเศษ ตัวนางไม่เข้าใจเรื่องการศึกษาของคนยุคนี้เท่าไหร่ แต่โชคดีที่เจ้าของร่างเก่ามีความสามารถอ่านเขียนได้พอสมควร ไม่อย่างนั้นนางคงต้องไปนั่งเรียนพร้อมลูกๆ เป็นแน่หลังจากที่ปรึกษาและตกลงเรื่องค่าจ้างกันเป็นที่เรียบร้อย อาเส้าก็ส่งรายละเอียดของหนังสือและอุปกรณ์ที่ต้องซื้อหามาให้โชคดีที่ช่วงนั้นบ่าวรับใช้ของชุนเหมยนำรถม้าเข้ามาส่งพอดี บ่าวคนดังกล่าวส่งจดหมายให้กับนางอีกหนึ่งฉบับ ในจดหมายนั้นบอกให้เร่งสร้างหุ่นไม้ เพราะตอนนี้พี่สาวของนาง "สร้างกระแสนิยมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว"แถมยังเล่าให้ฟังอีกว่า ตอนนี้ร้านที่เมืองหลวงวุ่นวายมาก แต่ละวันมีคนเดินเข้ามาสอบถามเรื่องหุ่นไม้จำนวนไม่น้อยบางจวนคุณหนูที่ไม่ขาดเงินพวกนั้น ถึงกับจะขอซื้อหุ่นที่ตั้งอยู่ที่หน้าร้านในราคาตัวละห้าสิบตำลึงทองเลยทีเดียว
"ท่านแม่ลี่ เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ"นางลี่สือหลินหันมายิ้ม พลางหยิบงานที่นางปักเสร็จขึ้นมาให้ดู"เจ้าลองดูก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง"เว่ยเหนียนเหยาพิจารณาดูผ้าที่นางลี่หลินสือส่งมาให้ เห็นว่าฝีเข็มคล้ายของนางอยู่เก้าถึงสิบส่วนก็วางใจ ตอนนี้ทั้งซินเซียงและนางลี่สือหลินต่างขึ้นมาเป็นช่างปักเป็นที่เรียบร้อยแล้วส่วนลวดลายของผ้าปักทั้งหมด นางได้ให้สามีนำไปขึ้นทะเบียนที่หอการค้ากลางเป็นที่เรียบร้อยนางลี่สือหลินและซินเซียงขอร้องให้นางและสามี ร่างสัญญาการจ้างงานให้กับพวกนางด้วย เพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย โดยให้กำหนดเพิ่มเข้าไปด้วยว่า จะต้องทำงานกับนางเป็นระยะเวลาสิบปี ห้ามสอนวิธีการปักนี้ให้กับใครตลอดสัญญา หากผิดสัญญาต้องเสียเงินค่าปรับเป็นจำนวนหนึ่งพันตำลึงทอง และรับโทษโบยที่มือห้าสิบไม้นางกับสามีปฏิเสธเพราะเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ได้สำคัญอะไรเลย สำหรับคนทั้งคู่ที่เป็นเหมือนมารดาและน้องสาว นางดูออกว่าทั้งสองคนเป็นคนยังไงแต่นางลี่สือหลินยืนกรานว่ายังไงก็ต้องทำ นอกจากจะเป็นความสบายใจของพวกนางแล้ว ยังถือว่าสัญญาพวกนั้นคือความคุ้มครองที่พวกนางจะได้รับอีกด้วยนางชี้แจงต่อไปว่า หากต่อไปมีคนไม่ประสงค