เช้าวันนี้เว่ยเหนียนเหยารู้สึกตัวตื่นขึ้น เมื่อรู้สึกว่าคนที่นอนอีกด้านขยับกาย
"เหตุใดถึงรีบตื่นละเจ้าคะท่านพี่ ฟ้ายังไม่ทันแจ้งเลย เมื่อวานท่านก็ทำงานมาทั้งวัน วันนี้ตื่นสายเสียหน่อยก็ได้เจ้าค่ะ" "ตอนแรกพี่ว่าจะลงไปอาบน้ำที่ลำธารเสียหน่อย แต่ตอนนี้ไหนๆเจ้าก็ตื่นแล้ว พี่ว่า พี่พาเจ้าลงไปอาบน้ำด้วยดีกว่า เมื่อคืนเจ้าก็ผิดสัญญากับพี่แล้ว ตอนนี้ถือว่าให้รางวัลปลอบใจพี่นิดๆหน่อยก็แล้วกัน" "เรื่องเมื่อคืนหาใช่ความผิดของข้าเสียหน่อย เอาเถอะไปก็ได้เจ้าค่ะ แต่ข้าไปอาบเป้ปเดียวนะเจ้าคะ เช้าๆแบบนี้ข้าว่า อากาศเย็นอยู่ไม่น้อย" หานตงจัดเตรียมสบู่ ก่อนจะจุดตะเกียงเดินนำภรรยาลงไปจากบ้าน ทางเดินไปลำธารถูกปรับให้เรียบ มีไม้ปักแขวนตะเกียงอยู่เป็นระยะ หานตงนำตะเกียงแขวนไว้ตรงไม้ที่ปักอยู่ริมน้ำ บริเวณนี้หญิงสาวให้ช่างปรับไว้เป็นที่อาบน้ำบริเวณริมธาร สำหรับเด็กๆที่มักจะชอบมาว่ายน้ำเล่น หานตงถอดเสื้อผ้าออกเหลือแต่กางเกงข้างในติดกาย ก่อนจะช่วยภรรยา ถอดชุดด้านนอกออกบ้าง ชายหนุ่มตระกองกอดร่างงามให้เดินลงไปในน้ำลึกประมาณระดับอก "น้ำเย็นเหมือนกับที่เจ้าบอกจริงๆ มาเถอะพี่จะช่วยขัดถูตัวให้ เลือดลมจะได้เดินดี คลายหนาวไปบ้าง" เสียงนุ่มเคล้าเคลียอยู่ที่ริมหู คล้ายยั่วยวนนางให้เผลอใจ หญิงสาวไม่คิดจะขัดขืนอยู่แล้ว นางเคยได้ยินมาว่า การเพิ่มสัมผัสเล็กน้อยระหว่างสามีภรรยา เป็นการเพิ่มความสัมพันธ์ไม่ให้จืดจาง ชายหนุ่มจับก้อนสบู่ถูวนไปจนทั่วเนื้อตัวภรรยาอย่างเร่าร้อน ริมฝีปากนุ่มประกบเข้าดูดดื่มกับริมปากงามอย่างหลงใหล "อาเหยา พี่รักเจ้า พี่อยากให้เจ้ารู้ว่า เจ้าเป็นเพียงผู้หญิงคนเดียวที่พี่รัก" "ข้าก็รักท่านพี่เจ้าค่ะ" สองหนุ่มสาวมอบความรักให้กันอย่างชุ่มชื่น แม้จะเป็นเพียงสัมผัสแค่ภายนอก แต่กลับหวานล้ำเข้าไปในใจของคนทั้งคู่ หานตงประคองร่างงามขึ้นจากลำธาร เมื่อเห็นปากงามเริ่มซีดเซียวและสั่นระริกด้วยความหนาว ก่อนจะอุ้มร่างของภรรยาตรงกลับเข้าบ้าน และปรนนิบัติผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับนางด้วยตัวเอง "ท่านแม่ ขอรับ" "ท่านแม่ ข้าหิวจังขอรับ" เสียงของบุตรชายที่ถูกบิดาปลุกให้ตื่นจากที่นอน ก่อนจะพาไปอาบน้ำ และจับมาแต่งเนื้อแต่งตัวจนเสร็จ วิ่งตึงตังเข้ามาหามารดาในครัว กลิ่นอาหารหอมกรุ่น ที่ลอยมากระทบจมูก ทำให้ท้องกลมๆเริ่มส่งเสียงประท้วง "วันนี้แม่ทำกับข้าวหลายอย่าง เจ้าไปชวนบ้านท่านอาเซียนย้งมากินข้าวด้วยเถอะ" เด็กน้อยทั้งสองวิ่งแข่งกัน ออกไปอย่างร่าเริง สักพักครอบครัวเซียนย้งก็เดินตามร่างกลมป้อมกลับมา "มาเถอะมากินข้าวกัน วันนี้ข้าทำกับข้าวเยอะเลย" เว่ยเหนียนเหยาเอ่ยอย่างอารมณ์ดี เด็กน้อยทั้งสามถูกผู้ใหญ่อุ้มขี้นนั่งบนเก้าอี้ของเด็ก ต่างคนต่างลองขยับไปขยับมาบนเก้าอี้อย่างตื่นเต้น "ท่านแม่ เก้าอี้ตัวนี้ดีเหลือเกิน ดูสิข้านั่งแล้วสูงเท่ากับทุกคนเลยขอรับ" "นั่นสิขอรับท่านป้า แบบนี้ก็กินข้าวสะดวกสบายดีเหลือเกิน" "เอาละๆ รีบกินข้าวเถอะ วันนี้ท่านอาเส้าบอกว่า จะมีการทดสอบไม่ใช่หรือ ระวังเถอะ ถ้าสอบไม่ผ่านท่านอาเส้าจะให้พวกเจ้า คัดตัวอักษรห้าร้อยตัว" เด็กน้อยทั้งสามหน้าเสีย เนื่องจากพวกเขาทั้งสาม เคยแอบท่านอาเส้า ออกไปหาหญ้ามาให้ม้าที่เลี้ยงไว้ หลังจากกลับมา ก็โดนท่านอาเส้าลงโทษคัดตัวอักษรห้าร้อยตัว หากไม่เสร็จก็ไม่ให้กินข้าว ตั้งแต่วันนั้น พวกเขาทั้งสามก็รู้ว่า ไม่ควรจะทำให้ท่านอาเส้าโกรธเป็นอันขาด "พี่สะใภ้ ท่านได้ข่าวหรือไม่เจ้าคะ เห็นว่า วันนี้พวกพ่อค้าเร่ จะมาเปิดคาราวานที่ลานหน้าหอการค้ากลาง" "พวกพ่อค้าเร่ แล้วเขาขายอะไรกันละ ทำไมเจ้าถึงตื่นเต้นหนัก" "พี่สะใภ้ของข้าเคยไป เห็นบอกว่า สินค้ามีแต่ของแปลกๆ ที่รับมาจากพวกตาสีฟ้าเจ้าค่ะ" เว่ยเหนียนเหยาเลิกคิ้วอย่างสนใจ สินค้าจากต่างชาติหรือ น่าสนใจเหมือนกัน นางคิดว่าลองไปดูก็ดีเหมือนกัน "ยังไงวันนี้ก็เป็นวันหยุด ถ้างั้นเราลองไปดูก็ดีเหมือนกัน" "แต่วันนี้ บ้านแม่อาซวงจะนำตะกร้าที่สานเสร็จแล้ว มาส่งนะ อาเหยา" หญิงสาวแทบจะตบหน้าผากตัวเอง นางลืมไปเลยว่า หลังจากที่ช่างสานอู๋แจ้งข่าวว่าทำตัวอย่างตะกร้าเสร็จแล้ว นางจึงไปดูรายละเอียด ต้องยอมรับว่า ฝีมือการทำละเอียดมากกว่าที่นางคิดไว้มาก ดังนั้นนางจึงสั่งทำตะกร้าจำนวนทั้งหมด 50 ใบ และวันนี้คือวันที่อีกฝ่ายนัดหมายว่าจะมาส่งของ นางลืมไปได้ยังไงกันนะ "จริงสิขอรับพี่สะใภ้ ข้าอยากถามท่านมานานแล้ว หากท่านต้องการของมาใส่สินค้า ทำไมท่านถึงไม่ให้นายช่างหวังทำกล่องไม้ให้ละขอรับ ข้าว่ากล่องไม้น่าจะทนทานกว่ากล่องสานพวกนี้ " "หากเจ้าใช้กล่องไม้ แน่นอนว่าจะต้องทนทานกว่า แต่น้ำหนักกล่องไม้แต่ละกล่อง ทำให้บรรทุกลงไปในรถม้าได้น้อย เนื่องจากต้องคำนึงถึงม้าพวกนั้นด้วย แต่ถ้าเราใช้ตะกร้าสาน ตะกร้าพวกนี้น้ำหนักเบากว่ากล่องไม้มาก ทำให้ขนส่งของได้มากขึ้น อีกอย่าง ตอนนี้นายช่างหวังแค่งานสร้างโครงหุ่นไม้ ก็ทำจนมือไม่ว่างแล้ว ดังนั้นข้าจึงอยากใช้โอกาสนี้เป็นการช่วยเหลือผู้อื่นบ้าง" เซียนย้งคิดตามคำพูดของหญิงสาวแต่ละคำ เขารู้สึกทึ่งในความคิดของนางมาก นางไม่เพียงห่วงใยคนในครอบครัว แต่นางยังคิดถึงผู้อื่นอีกด้วย "ถ้าอย่างนั้นเอาอย่างนี้เถอะ เดี๋ยวแม่จะอยู่รอรับของให้เอง พวกเจ้าไปเปิดหูเปิดตากันบ้างเถอะ " นางลี่สือหลินรู้ดีว่าบุตรสาวไม่ค่อยได้ออกไปไหน คาราวานพวกนี้สามเดือนจะมาสักครั้ง นางจึงอยากให้บุตรสาวได้เปิดหูเปิดตาบ้าง "เช่นนั้นข้าขอฝากท่านป้าด้วยนะเจ้าคะ" "ท่านแม่แล้วบอกเราสามคนละขอรับ" หานชิงส่งสายตาออดอ้อนอย่างมีหวัง เว่ยเหนียนเหยาไม่ตอบอะไร ก่อนจะพยักหน้าไปที่อาเส้าที่เดินเข้ามา "ท่านป้าขอรับ เรื่องการเรียนเป็นเรื่องสำคัญ ข้าขอตัวก่อนนะขอรับ" เซียนเหยารีบเอาตัวรอด ก่อนจะกระโดดลงจากเก้าอี้วิ่งไปทางอาเส้าทันที สองแฝดเห็นดังนั้นก็วิ่งตามไปอย่างไม่คิดชีวิต "ดูท่าอาเส้าจะปราบเจ้าพวกนั้นได้อยู่หมัด เอาละถ้าอย่างนั้นพวกเราก็เตรียมตัวกันเถอะ" สองคู่หนุ่มสาวใช้รถม้าเป็นพาหนะเข้ามาจนถึงตัวเมือง คนของหอการค้ากลางถือว่าจัดงานได้อย่างดี เพราะเมื่อมีรถขับเข้ามาในงาน จะมีคนคอยชี้ทางให้นำรถไปจอดอย่างเป็นระเบียบ สองหนุ่มลงจากตำแหน่งคนขับ เปิดผ้าม่านรับสาวงามทั้งสองที่อยู่ภายในจากรถลงมา "เชิญ ฮูหยินทั้งสองขอรับ" "เดี๋ยวเถอะอาย้ง เดี๋ยวนี้เจ้ากล้าล้อข้ากับพี่สะใภ้เหรอ" เซียนย้งเปิดยิ้มกว้างจนตาหยี เมื่อเห็นภรรยาสาวแก้มแดง "ก็วันนี้ภรรยาข้า กับท่านพี่สะใภ้งามยิ่งนักนี่นา ดูสิ บรรดาพวกผู้ชายแอบมองท่านพี่สะใภ้ จนพี่ชายของข้าหน้าตึงไปหมดแล้ว" เว่ยเหนียนเหยาชำเลืองมองสามี เห็นเขากำลังส่งสายตาพิฆาตให้กับชายหนุ่มผู้หนึ่งที่กำลังมองนางอยู่ นางส่ายหน้ายิ้มๆ รู้สึกปริ่มเปรมในความหึงหวงของสามี หญิงสาวหยิบผ้าเช็ดหน้า บรรจงเช็ดเหงื่อให้สามีอย่างอ่อนโยน ก่อนจะยิ้มหวานพร้อมกับกระซิบข้างหู "ในสายตาข้า ท่านดีที่สุดเจ้าค่ะ" หานตงหน้าแดงถึงหู จับจูงมือภรรยาเดินเข้าไปในงาน โดยไม่สนใจเสียงหัวเราะของเซียนย้งที่ลอยตามมาห่างๆ เว่ยเหนียนเหยา หยิบเงินให้เซียนย้งและซินเซียงคนละหนึ่งตำลึงทอง เมื่อเดินเข้ามาถึงกลางคาราวาน "เงินนี้ข้าให้พวกเจ้า และห้ามปฏิเสธ พวกเจ้าอยากได้อะไรก็ลองเลือกหาดู ไม่ต้องเดินตามพวกข้าหรอก วันนี้ข้าอยากให้พวกเจ้ามีความสุขให้เต็มที่ เอาไว้ยามเว่ยเราค่อยไปเจอกันที่รถม้า " หญิงสาวไม่รอให้คนทั้งสองปฏิเสธ ยัดเงินใส่ในมือซินเซียงและลากมือสามีเดินออกมาทันที นางเดินดูข้าวของไปเรื่อยๆ สินค้าส่วนใหญ่เป็นของจากทางตะวันตกจริงๆ แต่ก็ยังไม่มีอะไรถูกใจนาง จนกระทั่งนางเห็นร้านๆหนึ่ง ของในร้านส่วนใหญ่เป็นพวกเครื่องแก้ว แต่กลับไม่ค่อยมีคนสนใจสักเท่าไหร่นัก "เถ้าแก่ ขวดพวกนั้นขายยังไง" หญิงสาวชี้ไปทางขวดแก้วเจียระไนแบบที่มีฝาจุก ที่ตั้งเรียงรายอยู่ " ฮูหยินช่างตาถึงยิ่งนัก ขวดแก้วพวกนี้ล้วนมาจากเมืองที่อยู่อีกฟากทะเล ท่านดูสิขอรับ สวยงามมากเลย" "หากเป็นของดีขนาดนั้น เหตุใดจึงเหลืออยู่มากมายเช่นนี้เหล่า เอาเถอะๆข้าก็แค่เย้าท่านเล่น ท่านลองบอกราคามาก่อนเถอะ" นางเห็นเถ้าแก่ส่งค้อนวงใหญ่มาให้ ก็หัวเราะออกมา "เครื่องแก้วพวกนี้ ชิ้นละ สองตำลึงเงินขอรับ" แพงถึงเพียงนี้ มิน่าเล่าถึงขายไม่ออก ชาวบ้านที่ไหนจะเอาเงินมาซื้อขวดแก้วใบเล็กที่ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร ตั้งสองตำลึงเงิน "ถ้าท่านขายให้ข้าในราคาหนึ่งตำลึงเงิน ข้าจะเหมาทั้งหมด" " ฮูหยินท่านให้ราคาข้า อีกสักหน่อยเถอะ ราคานี้ข้าขายไม่ไหวจริงๆ" เถ้าแก่แทบจะร้องไห้ เมื่อเห็นอีกฝ่ายตัดราคาออกไปครึ่งหนึ่งของราคาสินค้าที่ตนบอก "เอาเถอะน่าเถ้าแก่ ท่านขายสิ่งนี้ให้ภรรยาข้าในราคาหนึ่งตำลึงเงิน เดี๋ยวข้าจะลองดูว่า สามารถช่วยท่านซื้ออะไรได้อีก ท่านคิดดูนะ อีกหนึ่งเดือนก็จะเข้าหน้าหนาวแล้ว กองคาราวานจะหยุดพักอีกสามสี่เดือนมิใช่หรือ อีกทั้งหลังจากนั้นพวกพ่อค้าตาสีฟ้าก็จะเอาของใหม่มาขาย ถึงตอนนั้นของพวกนี้อาจจะไม่มีใครสนใจอีกแล้ว" หานตงออกหน้าช่วยภรรยาต่อรองกับพ่อค้า "เฮ้อ พวกท่านสามีภรรยา ช่างต่อรองได้เก่งกาจ จนข้าต้องยอมแพ้ ได้ๆ แต่ท่านต้องช่วยข้าซื้อสิ่งอื่นด้วยนะ" "สิ่งนี้คืออะไร" เว่ยเหนียนเหยาชี้ไปที่ถังรูปร่างประหลาด อันหนึ่ง ถ้านางจำไม่ผิด สิ่งนี้เอาไว้กลั่นน้ำหอมนี่นา "ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน สิ่งนี้เพื่อนข้าฝากมาขาย เห็นบอกว่า เอาไว้ทำน้ำ น้ำอะไรสักอย่าง ข้าก็จำไม่ได้แล้ว เฮ่อข้าก็บอกแล้วว่าอย่าซื้อมา เอาเงินไปทิ้งเสียเปล่าๆ" "แล้วเพื่อนท่านจะขายสักเท่าใด" "ขอบอกพวกท่านตามตรง ตอนนี้เพื่อนข้าคนนี้ไม่สบาย ข้าเลยช่วยเขาเอาของมาขายไม่ได้คิดกำไรแม้แต่น้อย สิ่งที่ท่านถามเขาฝากข้ามาขาย สี่ตำลึงเงินขอรับ" "ได้ งั้นข้าเอาอันนี้ด้วย" เถ้าแก่หน้าเหวอทันที ตอนแรกคิดว่านางจะต่อรอง แต่ครั้งนี้นางกับไม่ต่อรองสักนิด เถ้าแก่ถอนหายใจ เขารู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร ต่อไปเขาไม่กล้าแกล้งบอกราคาสินค้าสูงๆอีกแล้ว "เถ้าแก่แล้วที่อยู่ในไหพวกนั้นคืออะไร" "สิ่งนี้คือน้ำมันมะพร้าวขอรับ ท่านลองดูสิขอรับ ไม่เหมือนน้ำมันที่บ้านเราใช้อยู่" หญิงสาวรับมาเปิดดม เห็นว่าไม่มีกลิ่นหืนก็พยักหน้า "สิ่งนี้ข้าต้องการทั้งหมด ท่านจะขายข้าเท่าไหร่" "ได้ๆ ขอรับ สิ่งนี้ข้ามีอยู่ห้าไห ข้าคิดให้ท่านไหละสองร้อยอีแปะ ท่านว่าอย่างไรขอรับ" "ถ้าอย่างนั้นท่านก็ช่วยห่อของให้ข้าเถอะ นี่ก็ได้เวลาที่ข้าจะกลับแล้ว" เถ้าแก่ขมีขมันห่อของอย่ารวดเร็ว โดยมีเพื่อนที่ขายของอยู่ข้างๆมาช่วยด้วย เมื่อห่อของเสร็จแล้ว คนของหอการค้ากลางก็เข้ามาช่วยจัดส่งของให้พวกนางถึงที่รถ ตอนที่นางและสามีเดินมาที่รถ เซียนย้งและซินเซียงก็มายืนรออยู่แล้ว ชายหนุ่มทั้งสองส่งภรรยาขึ้นไปนั่งรถม้าในระหว่างรอพวกเขาขนของ เสียงพูดคุยกะหนุงกะหนิงของหญิงสาวทั้งคู่ ทำให้บรรยากาศดูรื่นรมย์ ชายหนุ่มขยับขึ้นตำแหน่งคนขับรถ บังคับให้วิ่งออกไปในขณะที่เสียงพูดคุยยังดังแว่วอยู่ "พี่สะใภ้ เมื่อครู่ข้าเจอสบู่ ที่พวกพ่อค้านำมาขายด้วยเจ้าค่ะ แต่ไม่เห็นหอมเหมือนของที่ท่านทำเลย แถมขายแพงงงงงมาก ตั้งสองร้อยอีแปะ สู้ของที่ท่านทำก็ไม่ได้ แต่ทำไมคนถึงแย่งกันซื้อนะ" หญิงสาวอมยิ้มกับความช่างคุยของอีกฝ่าย ตั้งแต่สนิทกันมากขึ้น นางถึงรู้ว่าซินเซียงเป็นสาวน้อยสดใส ช่างพูดคุย หาได้เรียบร้อยเหมือนครั้งแรกที่เจอ "เจ้าใช้สบู่มาแล้ว เจ้าว่ามันเป็นอย่างไงบ้าง" "สบู่ของท่านดียิ่งเลยเจ้าค่ะ ท่านดูสิเจ้าคะ ข้าไปเดินมาตั้งนาน แต่ก็ไม่มีกลิ่นเหงื่อแม้แต่น้อย แถมตอนนี้ผิวข้ายังนวลเนียนขึ้นอีกต่างหาก" "เจ้าชอบก็ดีแล้ว ถ้าหมดก็มาบอกข้า ของที่เราทำเองไม่ได้ราคาสูงเท่าที่เขาทำขาย เจ้าก็ไม่ต้องเกรงใจ" "อีกสักเดี๋ยวก็น่าจะถึงบ้านแล้วนะเจ้าคะพี่สะใภ้ ครั้งนี้ข้าซื้อขนมมาฝากเด็กๆเยอะมาก พวกเขาต้องดีใจแน่ๆ" เสียงพูดคุยระหว่างหญิงสาวทั้งสองยังแว่วออกมาตลอดระยะทาง ส่งผลให้ผู้ที่บังคับรถม้าอยู่รู้สึกว่า การเดินทางแบบนี้ ช่างดีเหลือเกินรถม้าวิ่งผ่านกำแพงเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน ร่างของนางลี่สือหลินที่เดินกระวนกระวายอยู่ พุ่งเข้ามาหาหานตงทันที"เกิดเรื่องใหญ่แล้ว อาตง"เสียงโวยวาย ทำให้หญิงสาวในรถม้า เปิดผ้าออกมาทันที"เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะท่านแม่ลี่ เหตุใดท่านถึงดูร้อนใจถึงเพียงนี้"สีหน้าท่าทางของนางลี่สือหลินไม่ดีเลย ทำให้นางรู้สึกตกใจไปด้วย"ที่บ้านอาหงเกิดเรื่อง วันนี้ลุงฟงเห็นว่าหลังคาบ้านที่พักอยู่เกิดรอยรั่ว เลยปีนขึ้นไปซ่อม ไม่รู้ว่าพลาดพลั้งยังไง ตกลงมา อาหงวิ่งมาตามอาเส้าที่นี่ เห็นว่าหมอจางรักษาไม่ได้ ต้องส่งเข้าไปรักษาที่ตัวเมือง ทางผู้ใหญ่ให้เกวียนของหมู่บ้านไปส่งสักพักแล้ว""แล้วเขาเอาไปรักษาที่ไหน ท่านแม่ลี่รู้รึไม่เจ้าคะ""ได้ยินมาว่า เป็นร้านยามู่ถาน""ท่านพี่ ท่านขับรถไหวหรือไหม ข้าอยากไปดูพวกเขาสักหน่อย""ข้าไหว งั้นเดี๋ยวข้ากับอาย้งจะรีบขนของลงจากรถม้าก่อน""ถ้าอย่างนั้นข้าขอขึ้นไปเตรียมของสักครู่"เว่ยเหนียนเหยาเดินขึ้นมาหยิบเงินติดไปมากหน่อย ตามที่ได้ยินอาการลุงฟงน่าจะหนักไม่น้อย จากรายได้ของคนทั้งสามที่ทำกับนางมา ถ้าจะใช้จ่ายอย่างประหยัด ก็น่าจะมีเงินเก็บอยู่บ้างแต่ร้านยาในตัวเมืองเห็นว่าค่ารักษาแพง
เพล้ง! เพล้ง! เสียงสิ่งของแตกหักดังออกมาจากในห้อง ทำให้ผู้เฒ่าเว่ยจื้อจงรีบเดินเข้ามาในห้อง"ยายเฒ่า เจ้าจะบ้าไปแล้วหรือ ทำไมถึงต้องขว้างปา ข้าวของเช่นนี้""ใช่ ข้ามันบ้าไปแล้ว ท่านพี่ ท่านดู บุตรชายสุดที่รักของท่านทำเข้า"ชายชรามองหน้าบุตรชายคนโต กับคนเล็กที่อยู่ในห้อง ก่อนถอนหายใจ"อาเวิ่น อาหมิง เจ้าเอาเรื่องอะไรมากวนใจแม่ของเจ้าอีก เหอะ""ท่านอย่ามาตวาดบุตรชายของข้านะ ท่านไปตวาดบุตรชายของท่านโน่น ตั้งแต่มีเงินก็ปีกกล้าขาแข็ง ไม่เห็นหัวพ่อแม่ ที่กับครอบครัวคนอื่น กับสอดไม้สอดมือช่วยเหลือวุ่นวายไปหมด"ชายชราถอนใจ ที่แท้ก็เป็นเรื่องครอบครัวตระกูลจงนี่เอง"ยายเฒ่าเอ๊ย ตาเฒ่าฟงประสบเคราะห์ร้าย ภรรยาและบุตรของเขาก็ทำงานอยู่กับอาตง อาตงคงเห็นแก่คนพวกนั้นจึงได้ช่วยเหลือก็ได้ เจ้าก็อย่าคิดมากเลย""ข้าคิดมากอะไร ตั้งแต่เรื่องค่าเช่าที่ดินแล้ว ที่พวกมันตั้งใจหลอกลวงข้า หากข้ารู้ว่า พวกมันเตรียมย้ายบ้าน ข้าจะไม่เรียกเงินแค่นั้นหรอก พูดแล้ว ก็เจ็บใจจริงๆ"นางเว่ยหมัวหลานแทบกระอักเลือดออกมา เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากที่กลับมาจากห้องแจ้งข่าว นางกับคนในบ้านก็อับอายจนไม่อยากออกไปไหนจ
"ท่านหมอเจ้าคะ ข้านำต้นโสมมาส่งเจ้าค่ะ"เว่ยเหนียนเหยายื่นกล่องโสม วางลงบนโต๊ะที่ท่านหมอนั่งอยู่"เจ้าไปเสียนาน ข้าคิดว่า เจ้าจะหามาไม่ได้เสียแล้ว"หมอชรานำกล่องโสมมาเปิดดู พอฝากล่องเปิดขึ้น ชายชราถึงกับมือไม้สั่นรีบประคับประคองกล่องโสมวางลงบนโต๊ะ"โสมต้นนี้สมบูรณ์มากนัก ข้าคิดว่ามันน่ามีอายุหลายสิบปีเลยทีเดียว ราคาของโสมต้นนี้น่าจะอยู่ที่เจ็ดร้อยถึงแปดร้อยตำลึงทอง ข้าคิดว่าเจ้าจะหาซื้อโสมต้นเล็กๆ มาเสียอีก""เดิมทีข้าก็คิดเช่นนั้น แต่สหายของข้าบอกว่ามีคนให้โสมต้นนี้กับเขามา แต่เขาไม่ได้ใช้ เลยให้ข้ามาอีกทีเจ้าค่ะ"" สหายดี! สหายดี! เจ้ามีสหายที่ดีเช่นนี้ ถือว่ามีบุญยิ่งนัก อะ เอาคืนไป ข้าใช้แค่รากโสมพวกนี้ก็พอแล้ว"หมอชราใช้กรรไกรตัดส่วนของรากที่ตนต้องการออกไว้ จากนั้นก็นำโสมใส่ลงไปในกล่อง และส่งให้เว่ยเหนียนเหยาคืน"มันจะพอหรือเจ้าคะ มิสู้ท่านเอาไว้ให้มากหน่อยดีกว่า"เว่ยเหนียนเหยาที่เห็นว่า ท่านหมอตัดแค่รากโสมไว้ก็เกรงว่าตัวยาจะไม่พอ คะยั้นคะยอให้ท่านหมอตัดเพิ่มไว้อีก"พอแล้ว พอแล้ว โสมนี้เจ้าก็เก็บไว้ให้ดี แล้วอย่าเที่ยวไปบอกใครละ เดี๋ยวจะเป็นภัยกับตัวเอง พรุ่งนี้ข้าจะเริ่มรักษาใน
"พี่สะใภ้ เมื่อกี้ตอนข้าเข้าไปในหมู่บ้านเห็นคนพูดถึงเรื่องมันฝรั่งกันใหญ่เลย""ผู้ใหญ่บ้านแจกของออกไปแล้วหรือ""น่าจะแจกไปเกือบหมดแล้วนะขอรับ ข้าได้ยินบางคนบอกว่าที่บ้านเขากินจนหมดไปแล้ว จะไปหาผู้ใหญ่เพื่อขอเพิ่มอีกด้วยขอรับ""เช่นนั้นก็ดีแล้ว อย่างน้อยพวกบรรดาเหล่าผู้นำตระกูล คงไม่มาวุ่นวายกับพี่เจ้าไปพักใหญ่""ใครจะมาวุ่นวายกับพี่หรือ"หานตงเดินเข้ามาในบ้าน ด้านหลังมีอาเสิ้นเดินตามมาห่างๆ"ท่านไปทำอะไรกันมาเจ้าคะ เนื้อตัวดูมอมแมมเชียว""พี่กับอาเสิ้นช่วยกันทำความสะอาดคอกม้า กับพามันไปอาบน้ำมานะ ว่าแต่เจ้ายังไม่ตอบพี่เลยว่าใครจะมาวุ่นวายกับพี่""ข้าหมายถึงเล่าบรรดาท่านผู้นำตระกูลกับผู้ใหญ่บ้านนะเจ้าคะ เห็นอาย้งบอกว่า คนพวกนั้นนำมันฝรั่งออกมาแจกให้ชาวบ้านจนหมดแล้ว""คนเยอะแหล่งอาหารน้อย แถมปีนี้พืชผลก็ให้ผลผลิตออกมาน้อย พี่ว่าหากไม่มีอาชีพอื่นมาเสริม อีกไม่นานทุกอย่างจะเลวร้ายกว่านี้"เว่ยเหนียนเหยาถอนหายใจ นางอยากช่วยทุกคน เพราะนางรู้ดีกว่าความอดยากหิวโหยทรมานมากเพียงไหน นางนึกไปถึงตอนที่นางเป็นเด็กในชาติที่แล้ว หลายครั้งที่นางทนหิวไม่ไหว เคยเดินเข้าไปขอเศษอาหารในร้านอาหารมากินเพื่อป
หญิงสาวเล่าเรื่องที่เว่ยหานหมิงเข้าหานาง ทุกคำพูด ทุกการกระทำ นางล้วนเล่าออกมาทั้งหมด นางไม่ใช่นางเอก ที่จะยอมปิดบังเรื่องต่างๆ เพื่อความสบายใจของพระเอก จนบางครั้งก็เกิดเรื่องราวใหญ่โตสำหรับนางการพูดคุยกันทุกเรื่องจะช่วยให้ชีวิตคู่ของพวกนางมั่นคงขึ้นอีกก้าว"เจ้าบอกว่าน้องเล็กเรียกเจ้าว่า อาเหยา หรือ""เจ้าค่ะ""แถมยังทำท่าอาลัยอาวรณ์เจ้าอีก""เจ้าค่ะ""ถ้าอย่างนั้นต่อไป เจ้าก็ไม่ต้องตามพี่ไปที่บ้านนั้นอีก และต่อไปพี่จะไม่เรียกเจ้าว่า อาเหยา แล้ว"อ้าว นี่นางทำให้สามีทำไหน้ำส้มหกนองหรือไร หญิงสาวเอนกายซบอกแกร่งสามีอย่างออดอ้อน"ถ้าเช่นนั้น ท่านจะเรียกข้าว่าอะไรดีเจ้าคะ""เหยาเอ๋อ พี่จะเรียกเจ้าว่า เหยาเอ๋อ ต่อไปเจ้าจะเป็นเหยาเอ๋อของพี่เพียงคนเดียว เจ้ายังจำสัญญาได้หรือไม่ ครั้งนี้เจ้าต้องมีลูกสาวอวบอ้วนให้พี่สักหลายๆ คนนะ เหยาเอ๋อ"ชายหนุ่มจับคางภรรยาขึ้นรับจุมพิตอ่อนโยนที่เขามอบให้ เขารู้ว่า นางไม่ใช่อาเหยาในอดีตที่มีใจรักต่อเว่ยหานหมิงผู้เป็นน้องชายครั้งนี้เขาตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่า จะทำตามคำสั่งบิดา ไม่จำเป็นจะไม่ไปที่บ้านหลังนั้นอีกกลิ่นกายหอมกรุ่นในอ้อมแขน ดึงสติเขาออกจากความคิ
" พี่สะใภ้ท่านมาแล้ว ข้าจะออกไปตามก็ไม่กล้าวางมือ""อาย้ง นำโถที่ข้าเตรียมไว้ทางโน่นมา นำผ้ามาปูบนปากโถ แล้วเอาผ้าชิ้นเล็กที่ข้าตัดไว้แล้ว รัดผ้าที่วางตรงปากโถให้แน่น ข้าจะกรองน้ำมันหอมอีกรอบ"เซียนย้งทำงานคล่องแคล่ว เดี๋ยวเดียวโถพร้อมผ้ากรองก็อยู่ตรงหน้านาง นางจัดการตามขั้นตอนสุดท้ายอย่างรวดเร็วในที่สุดน้ำมันทั้งหมดก็ถูกเทใส่โถ และดอกกุหลาบก็ถูกวางใส่ผ้ากรองทิ้งไว้"พี่สะใภ้ ต้องวางไว้นานเท่าใดขอรับ""วางไว้จนกว่า น้ำมันในดอกไม้จะออกมาหมด""ดอกไม้กับน้ำมันยังเหลืออยู่ ท่านจะให้ข้าทำต่อเลยไหมขอรับ""น่าจะทำต่อได้อีกหนึ่งถังเจ้าจัดการเลย ข้าจะคอยดู"เซียนย้งจัดการตามวิธีที่จำได้ มีผิดไปบ้างแต่เว่ยเหนียนเหยาก็คอยบอกอยู่ข้างๆ จนตุ๋นน้ำมันหอมเรียบร้อย"เอาละทีนี้มาตัดสบู่กัน เจ้าไปหยิบถาดที่ใส่สบู่มา"เซียนย้งหยิบถาดที่ใส่สบู่มาหนึ่งถาด วันนี้พี่สะใภ้ทำสบู่สามถาด เขาทำเองอีกหนึ่งถาด รวมแล้วเป็นสี่ถาด เดี๋ยวถาดนี้ให้พี่สะใภ้ตัดให้เขาดู ส่วนถาดอื่นๆเขาจะขอลองตัดเองเว่ยเหนียนเหยารับถาดไม้มา จากนั้นก็ใช้มีดเล็กบางเลาะไปข้างๆถาดไม้แล้วคว่ำถาดลงเคาะเบาๆ สบู่ก็หลุดออกมา นางจับก้อนสบู่ก้อนใหญ่ไ
"อาเซียง เจ้าเดินรอข้าด้วยสิ""อาย้งเจ้าก็เดินให้เร็วหน่อยสิ พี่สะใภ้กำลังรอไก่จากข้าอยู่นะ""เดี๋ยวนี้ เจ้าหายใจเข้าหายใจออกเป็นพี่สะใภ้ ข้าชักจะน้อยใจแล้วสิ""หึ แน่นอนว่า พี่สะใภ้ของข้า ต้องสำคัญกว่าเจ้า""เจ้าพูดเช่นนี้ คอยดูเถอะ คืนนี้ข้าจะลงโทษเจ้าเช่นไร""เจ้า! ไม่ต้องพูดแล้ว รีบเดินเร็ว นี่มันหน้าบ้านท่านป้าเจ้านี่ รีบเดินเร็วๆ เข้าเถอะ เจ้าไม่กลัวหรือยังไง"ซินเซียงหันซ้ายแลขวา เนื่องจากบ้านหลังนี้เป็นบ้านของท่านป้าของเซียนย้ง แต่นางเสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว ส่วนบุตรชายกับลูกสะใภ้ก็ทำงานที่เมืองหลวง จึงปล่อยบ้านทิ้งร้างไว้เคร้ง......ปึก ปึก ปึกซินเซียงหันไปเกาะแขนเซียนย้ง หน้าขาวซีด"อา...ย้ง เจ้า..ได้ยินเสียง อะไรไหม""คงจะเป็นเสียงหนูละมั้ง ข้าว่าเรารีบไปกันดีกว่าเนอะ"เซียนย้งที่หิ้วไก่อยู่ ใช้มืออีกข้างดึงให้ซินเซียงรีบเดินตาม"อาย้ง ....อาเซียง""อา...ย้ง ได้ยินเสียงคน คนเรียก พวกเราไหม"ตอนนี้ เซียนย้งเองก็เริ่มหน้าซีดไปเหมือนกัน จับมือซินเซียงเตรียมวิ่งออกไป"อาย้ง อาเซียง นี่ข้าเอง พี่ซีเม่ย ภรรยาท่านพี่เหวินฉีไง""พี่สะใภ้ เป็นท่าน แล้วท่านพี่เหวินฉีละขอรับ"เซียนย
เว่ยเหนียนเหยากำลังกล่าวขอตัวจากเหวินฉีและภรรยา แต่อาเสิ้นก็เดินเข้ามาในบ้านซะก่อน"พี่บุญธรรม ท่านพอจะมีเวลาสักครู่หรือไม่ขอรับ ถ่านเตาแรกตากแดดดีแล้ว ข้าอยากพาท่านไปดู""ได้สิ งั้นอาเซียงเจ้าไปโรงงานเถอะ เดี๋ยวพวกข้าจะไปกับอาเสิ้น"อาเสิ้นลากถ่านที่เขาเก็บใส่ตะกร้าแล้ว ออกมาให้ทุกคนดู หญิงสาวหยิบถ่านขึ้นมาตรวจดู เห็นว่าทุกก้อนแห้งสนิทแล้วจริงๆจึงให้อาเสิ้นลองก่อไฟขึ้นมาดู ถ่านนี้เป็นถ่านที่ทำจากเศษไม้ต่างๆที่เก็บมารวมกัน จึงทำให้มีควันไฟค่อนข้างมาก ซ้ำยังมีกลิ่นแรง แถมแรงไฟที่ได้ก็ไม่สม่ำเสมอนางบอกให้อาเสิ้นจดข้อเสียเหล่านี้ไว้ เพราะเตาต่อไปจะลองใช้ไม้ไผ่อย่างเดียว อาเสิ้นตื่นเต้นมากอยากจะรีบไปเก็บไม้ไผ่กลับมาทดลองแต่นางบอกว่า รอให้พวกนางกลับมาจากในเมืองก่อนจะดีกว่า จะได้มีคนขึ้นเขาไปเป็นเพื่อนเมื่อเห็นว่าไม่มีธุระอะไรที่ต้องทำในบ้านแล้ว เว่ยเหนียนเหยาจึงรีบเดินทางเข้าในเมือง วันนี้นางมีงานต้องทำมากมายเลยทีเดียวเมื่อมาถึงตัวเมือง นางให้สามีและเซียนย้ง นำปลาไหลที่ได้ไปขายก่อนหานตงจึงมุ่งหน้าไปที่ภัตตาคารที่เคยนำปลาไหลมาขายในครั้งก่อน เสี่ยวเอ้อจำพวกเขาได้ก็ร้องทักอย่างดีใจ"พวก
"ถูกต้องแล้ว นางไม่ใช่มารดาของเจ้า"หานตงหันกลับไปตามเสียง ร่างของชายชราเว่ยจื้อจงเดินเข้ามาภายในบ้านด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก"ท่านพี่ ท่านสัญญาแล้วว่าจะไม่พูดเรื่องนี้ ท่านกล้าผิดคำสาบาน?""ตอนนี้อาตงโตแล้ว เขาดูแลตัวเองได้แล้ว ตอนนั้นเจ้าใช้ชีวิตอาตงยามที่เป็นเด็กมาข่มขู่ข้า บีบบังคับให้ข้าไม่กล้าพูดอะไร แต่ตอนนี้เขาแข็งแกร่งขึ้นแล้ว มีคนที่เขารักและรักเขาคอยอยู่เคียงข้าง เขาไม่ต้องการความรักของเจ้าอีกแล้ว ส่วนข้าวันนี้ที่ผิดคำสาบาน ข้ายินดีตายอย่างอนาถ เป็นผีไม่มีญาติที่ไม่มีคนคอยเซ่นไหว้"" ฮ่ะ ฮ่ะ ฮะ่ ท่านยินดีตายอย่างอนาถ เพราะท่านต้องการไปพบนังหมัวเล่อ นังน้องสาวสารเลวคนนั้นของข้าใช่หรือไม่ ข้ารู้นะ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ท่านเอาแต่คิดถึงมัน"นางเว่ยหมัวหลานสติแตก เมื่อต้องมาพูดถึงคนที่นางเกลียดเข้ากระดูก"อาหลาน คนก็ตายไปนานแล้ว เหตุใดเจ้าจึงไม่เคยปล่อยวาง""ปล่อยวาง ทำไมข้าต้องปล่อยวางด้วย ข้าเกลียดมัน ตั้งแต่มันเกิดมา ใครๆก็พากันรักแต่มัน ไม่ว่าจะเป็นท่านพ่อท่านแม่ หรือแม้แต่ท่าน มันก็รู้ว่าข้าหลงรักท่าน แต่มันก็ยังจะยั่วยวนท่านให้หลงใหลมัน ได้ยินไหมไอ้เด็กสารเลว แม่ของแกเป็นผู
ภายในห้องนอน หานตงกำลังออดอ้อนเมียรัก อย่างสำนึกผิด ที่ไม่รู้เท่าทันมารยาหญิง ยิ่งเมื่อรู้ว่าหญิงสาวคนนั้นคิดไม่ซื่อกับตน ถึงขนาดให้ญาติผู้ใหญ่ของนาง มาบีบบังคับภรรยาของเขาแบบนี้เขาก็ยิ่งรังเกียจเข้าไปใหญ่"ข้าว่าพวกเขาคงไม่หยุดแค่นี้แน่เจ้าค่ะ ต่อไปพวกเราต้องคอยระวังตัวให้ดีๆ แล้วตอนที่ข้าไม่อยู่ นางได้แสดงกิริยาอะไรกับท่านหรือไม่เจ้าคะ""ก็มีบ้างนะ แต่เจอฤทธิ์เจ้าสองแสบนั่นเข้าไป ก็เลยไม่กล้าทำอะไรอีก มีแต่ท่านแม่กับพี่ใหญ่นี่ละ"หานตงเล่าให้ฟังว่า หลังจากที่นางออกไป แม่สามีกับพี่ชายคนโตก็บอกว่า รู้มาว่า ทางหานตงต้องการซื้อร้านในเมือง พวกเขามีคนรู้จัก ที่อยากขายร้านในย่านการค้าอยู่พอดี เพียงแต่ราคาที่ตั้งขายค่อนข้างสูง จึงหาคนซื้อได้ยาก หากพวกเขาหาคนมาซื้อได้ จะให้ค่านายหน้าถึงสิบตำลึงทองเลยทีเดียว"ร้านค้าในย่านการค้า ร้านเล็กๆ ก็ขายกันที่เจ็ดสิบหรือแปดสิบตำลึงทองแล้ว ส่วนร้านใหญ่หน่อยก็หนึ่งร้อยถึงสามร้อยตำลึงทอง เพียงแต่ที่ข้าสงสัย พี่ใหญ่ของท่านถึงจะเป็นพ่อค้า แต่ก็ค้าขายผลิตผลทางการเกษตรเท่านั้น จะรู้จักคนที่ย่านการค้าได้ยังไง""อาจจะเป็นน้องเล็กก็ได้ น้องเล็กเข้าไปเรียนหนังสือ
มู่ชุยเหลียนได้ยินเสียงพี่สาวต่างมารดากล่าวแบบนั้นก็ชักสีหน้า เตรียมจะโต้ตอบ แต่ถูกนางมู่ชิงเหมี่ยนจับมือไว้ จึงได้แต่กัดฟันก้มหน้า คิดอาฆาตแค้นอยู่ในใจ หึ รอให้ข้าได้แต่งเข้าไปก่อนเถอะ ข้าจะทำให้พี่เขยเฉดหัวพวกเจ้าสามคนแม่ลูกออกไปให้ได้"เหนียนเหยา วันนี้ท่านย่าของเจ้ากับท่านอารองก็มา นางสั่งให้ข้าพาเจ้าไปพบด้วย เจ้าก็ตามข้าไปคารวะท่านย่าของเจ้าสักหน่อยเถิด"ท่านย่า? หญิงสาวพยายามค้นความทรงจำของร่างเดิม ความทรงจำของร่างนี้กับท่านย่าของนางเรียกว่าเลวร้ายก็ได้ หญิงชราผู้นั้นเกลียดมารดากับเจ้าของร่างเป็นที่สุด เพราะมารดาของนางมาจากครอบครัวที่ยากจน แม้ตระกูลมู่จะไม่ถือว่าเป็นครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ท่านพ่อและท่านอาก็มีอาชีพเป็นพ่อค้าที่มั่นคง สามารถเลี้ยงดูครอบครัวให้สุขสบายได้ ท่านย่าของนางอยากจะให้ท่านพ่อแต่งงานกับหญิงสาวที่มีฐานะสักหน่อย เพื่อที่จะได้ยกระดับครอบครัว แต่ท่านพ่อหลงใหลในความงามของท่านแม่ จึงดื้อรั้นจนในที่สุดก็ได้แต่งงานกัน หลังจากอยู่กันได้ไม่นาน ท่านแม่ก็มีนาง แต่เพราะคลอดนางอย่างยากลำบาก ทำให้ท่านแม่สุขภาพอ่อนแอลง ไม่สามารถปรนนิบัติท่านพ่อได้อีก ท่านย่าถือโอกาสนั้นส่งนาง
"พี่สะใภ้ขอรับ สำหรับสบู่ของข้า ข้าคิดออกแล้วขอรับว่าจะทำยังไง"เซียนย้งเกิดความคิดขึ้นตอนที่เขาฟังพี่สะใภ้กับทุกคนวางแผนการค้าถ่านกัน"ไหนเจ้าลองว่ามาซิ อาย้ง""ตอนนี้สบู่ของข้ามีรูปร่างเหมือนสบู่ทั่วไปที่ขายอยู่ ข้าอยากให้ท่านช่วยข้าออกแบบแม่พิมพ์ขึ้นมาใหม่ นอกจากนั้นข้าอยากมีตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ที่จะให้คนทั่วไปรู้ว่า นี่เป็นสบู่ของพวกเราด้วยขอรับ""สัญลักษณ์?""ขอรับพี่สะใภ้ ข้าอยากตั้งชื่อทางการค้าให้คนรู้ว่า สินค้าพวกนี้มาจากครอบครัวของพวกเรา""ดีๆ ข้าเห็นด้วยกับเจ้า"อาเสิ้นตาโต เขาก็อยากให้ถ่านของเขามีชื่อร้านเหมือนกัน"แล้วเจ้าคิดชื่อไว้แล้วหรือยัง หรือจะให้พวกข้าช่วยคิดให้"หญิงสาวมองดูเด็กหนุ่มทั้งสองที่กระตือรือร้น ดวงตาเป็นประกายอย่างตื่นเต้น ก็ช่วยส่งเสริม"ข้าอยากให้ร้านของข้า ชื่อ เหนียนเหยา ขอรับ"หญิงสาวตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าเซียนย้งจะเสนอชื่อนางขึ้นมา"เจ้าพอจะบอกเหตุผลข้าได้หรือไม่อาย้ง"หานตงถามขึ้น เขาพอจะรู้ใจของน้องคนนี้ดี แต่ก็อยากจะรู้ว่า จะเหมือนที่เขาคิดไว้หรือไม่"เพราะพี่สะใภ้ เป็นเสมือนแสงสว่างที่สาดเข้ามาในชีวิตของครอบครัวข้า ขับไล่ความมืดมิด ช่วยให้ข้าเห
เว่ยเหนียนเหยายืนอยู่บนระเบียง คิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา นางนับถือนางลี่สือหลินมาก แม้จะรักบุตรชายเพียงใดแต่ก็ไม่ยอมเห็นผิดเป็นถูก กัดฟันส่งบุตรชายเข้ารับโทษที่ก่อตอนแรกนางยังคิดว่า นางลี่สือหลินจะล้มป่วยเพราะตรอมใจอยู่หลายวัน หากเพียงแค่สองวัน นางลี่สือหลินกลับลุกขึ้นไปทำงาน นางกับซินเซียงพยายามห้ามปรามขอให้พักผ่อนอีกสักหน่อยรอยยิ้มเศร้าสร้อยปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากคู่นั้น ก่อนจะกล่าวว่า" อาเหยา คนเป็นแม่จะอ่อนแอไม่ได้ ตอนนี้บุตรชายของข้ากำลังหกล้ม ข้าหวังว่า สักวันเขาจะคิดได้ และลุกขึ้นยืนใหม่ เมื่อนั้นมือคู่นี้ของข้ายังต้องช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้น"เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็น้ำตาคลอ ชาติที่แล้ว นางไม่มีพ่อแม่ ไม่เคยรับรู้ถึงความรักของพ่อแม่มาก่อน หญิงสาวคิดไปถึงต้นโสมเจ้าปัญหาต้นนั้น ที่บัดนี้ถูกนำไปเก็บไว้ในห้องของนางเป็นที่เรียบร้อยต้นโสมเพียงหนึ่งต้น แต่กลับลากดึงเอาความโลภโมโทสันภายในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ออกมาตีแผ่ นางหวังเพียงแต่ว่า ลี่ห่าวฟง จะไม่ทำให้มารดาของเขาผิดหวัง"พี่สะใภ้ พี่หานตงให้ข้ามาบอกท่านว่า วันนี้เป็นวันที่นัดกับช่างเฟิ่งไว้ขอรับ""เจ้าช่วยไปเรียกอาเสิ้นมาพบข้าหน
"ภรรยาเจ้าเร็วหน่อยเถอะ เราต้องรีบไปให้ทันรถเที่ยวเช้านะ""ท่านพี่จะรีบไปไหน ป่านนี้คนพวกนั้นยังไม่มีใครรู้หรอกน่า"นางลี่สือหลินยืนกำมือแน่นที่หน้าประตู จู่ๆประตูก็ถูกเปิดออกจากคนที่อยู่ข้างใน ห่าวฟงเห็นมารดา พร้อมน้องเขย น้องสาวยืนอยู่ก็ตกใจ พยายามตั้งสติ"ท่านแม่ ท่าน มาได้ยังไงขอรับ"นางลี่สือหลินมองดูบุตรชายที่ก้าวเท้าถอยหลังเข้าไปในบ้าน ในมือถือห่อผ้าห่อหนึ่ง"เจ้าใหญ่ พวกเจ้ารีบร้อนจะไปไหนกันแต่เช้า"นางลี่สือหลินไม่ตอบ แต่ย้อนถามบุตรชายแทน"พอ ดี แม่ภรรยาไม่ค่อยสบาย ข้าเลยจะพานางไปเยี่ยมดูอาการขอรับ"สะใภ้ตระกูลลี่เมื่อเห็นสามีส่งสายตามาให้ ก็รีบเอ่ยเสริมคำ"ใช่เจ้าค่ะท่านแม่สามี ท่านแม่ข้าไม่สบาย ข้าจึงจะรีบไปเยี่ยม อีกอย่างข้าอยากจะนำข่าวดีไปบอกท่านด้วยตัวเอง""พวกเจ้าก็เลยทำตัวเป็นบุตรเขยบุตรสาวที่ดี เอาต้นโสมไปเยี่ยมซินะ"นางลี่สือหลิน ตวาดออกไปอย่างหมดความอดทน มองมือบุตรชายที่กุมห่อผ้าแน่นเข้าไปอีก"ท่านแม่ ท่านพูดเรื่องอะไร ข้าไม่เข้าใจขอรับ""ข้าก็พูดเรื่องที่เจ้าสองสามีภรรยาเข้าไปขโมยโสมที่บ้านของอาเหยาไงละ"ห่าวฟงหน้าซีด เขารู้ตั้งแต่เห็นหน้ามารดาที่หน้าประตูแล้ว ว่าม
"มา มาลูกสะใภ้เจ้านั่งก่อน"นางลี่สือหลิน รีบบอกให้บุตรชายประคองลูกสะใภ้นั่งลงบนเก้าอี้"น้องสาว น้องเขยตอนนี้คงสบายดีสินะ ท่าทางจะร่ำรวยกันใหญ่"ลี่ห่าวฟงบุตรชายของนางลี่สือหลิน กล่าวออกมาอย่างประชดประชัน เขามองไปมองรอบๆบ้านหลังนี้ด้วยความอิจฉา ครั้งก่อนเขาเคยขอให้มารดา ช่วยพูดกับน้องสาวและน้องเขยว่าให้ตนและภรรยาเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วย แต่คนพวกนี้ล้วนแล้งน้ำใจต่อเขากับภรรยา ดีว่ามารดาแอบส่งเงินทองไปให้เขาใช้อยู่เรื่อยๆ ชีวิตเขากับภรรยาจึงไม่ได้ลำบากอะไร"พวกข้าก็แค่มีกินมีใช้นะขอรับ ท่านพี่ภรรยา"เซียนย้งจริงๆ ไม่ค่อยจะชอบพี่ภรรยาคนนี้มากนะ เพราะเขาเป็นคนหยิบโหย่งไม่ค่อยชอบทำงานเท่าไหร่ แถมยังชอบใช้กำลังกับภรรยาของเขาและท่านแม่ยายอยู่บ่อยครั้ง"เอาละ เอาละ มากินข้าวกันเถอะ วันนี้พวกเจ้าต้องกินเยอะๆนะ อ้าวข้าลืม พวกเจ้ากินกันไปก่อน ข้าไปเอาน้ำแกงไก่ที่บ้านอาเหยาก่อน"นางลี่สือหลินออกไปไม่นานก็กลับมาพร้อมน้ำแกงไก่ถ้วยใหญ่"อาเซียงเมื่อกี้ตอนแม่ไปตักน้ำแกงไก่ เห็นกล่องใส่โสมยังวางอยู่ในครัว เห็นอาย้งบอกว่า โสมหัวนั้นราคาหลายร้อยตำลึงทอง ทำไมเอามาวางไว้อย่างนั้นละ"ซินเซียงแอบมองไปยังพี่ชาย
ชุนเหมยเมื่อเห็นน้องสาวต่างสายเลือด กระวีกระวาดวิ่งออกไปหาสามีก็ส่ายหัวยิ้มๆ นางเดินออกจากห้องโถง มุ่งตรงกลับเข้าห้องนอนทันที"เวิ้นสุ่ย"เสียงราบเรียบของหญิงสาวคล้ายพูดคุยกับอากาศที่อยู่ภายในห้อง เงาดำสายหนึ่งเคลื่อนออกมาจากมุมห้องอย่างเงียบๆ"นายหญิง""เจ้าไปสืบเรื่องนั้นมาให้ข้า จำไว้ข้าต้องการเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียด"ไร้เสียงตอบรับใดๆ มีเพียงเงาดำสายนั้น ที่เลือนหายไปคล้ายไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ชุนเหมย เดินออกจากห้องไปช้าๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น"ท่านพี่ตอนที่อยู่ที่หอการค้ากลางทำไมท่านไม่ช่วยข้าออกความคิดเห็นบ้างเลยเจ้าค่ะ"หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างแง่งอน ที่สามีไม่ช่วยนางออกความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับร้านค้าที่นางจะซื้อ"ก็พี่ไม่มีความรู้เรื่องนี้ พี่ว่าร้านไหนเจ้าเห็นว่าดีพี่ก็ว่าดี พี่ล้วนเชื่อฟังเจ้าเหยาเอ๋อ"เซียงย้งกลั้นหัวเราะหน้าแดง เมื่อเห็นพี่ชายกลายสภาพเป็นแมวหนุ่มช่างออดอ้อนต่อหน้าพี่สะใภ้ ก่อนจะรีบปรับสีหน้า เมื่อเห็นสายตาพิฆาตที่พี่ชายส่งตรงมาให้"พี่สะใภ้ในเมื่อท่านยังไม่ถูกใจ ก็ค่อยๆ หาไปก็ได้ขอรับ ข้าและ พี่หานตงล้วนเชื่อฟังท่าน""อะ นั่น นั่น น่าจะใช่ร้านเหล็กที่พี่ช
เว่ยเหนียนเหยากำลังกล่าวขอตัวจากเหวินฉีและภรรยา แต่อาเสิ้นก็เดินเข้ามาในบ้านซะก่อน"พี่บุญธรรม ท่านพอจะมีเวลาสักครู่หรือไม่ขอรับ ถ่านเตาแรกตากแดดดีแล้ว ข้าอยากพาท่านไปดู""ได้สิ งั้นอาเซียงเจ้าไปโรงงานเถอะ เดี๋ยวพวกข้าจะไปกับอาเสิ้น"อาเสิ้นลากถ่านที่เขาเก็บใส่ตะกร้าแล้ว ออกมาให้ทุกคนดู หญิงสาวหยิบถ่านขึ้นมาตรวจดู เห็นว่าทุกก้อนแห้งสนิทแล้วจริงๆจึงให้อาเสิ้นลองก่อไฟขึ้นมาดู ถ่านนี้เป็นถ่านที่ทำจากเศษไม้ต่างๆที่เก็บมารวมกัน จึงทำให้มีควันไฟค่อนข้างมาก ซ้ำยังมีกลิ่นแรง แถมแรงไฟที่ได้ก็ไม่สม่ำเสมอนางบอกให้อาเสิ้นจดข้อเสียเหล่านี้ไว้ เพราะเตาต่อไปจะลองใช้ไม้ไผ่อย่างเดียว อาเสิ้นตื่นเต้นมากอยากจะรีบไปเก็บไม้ไผ่กลับมาทดลองแต่นางบอกว่า รอให้พวกนางกลับมาจากในเมืองก่อนจะดีกว่า จะได้มีคนขึ้นเขาไปเป็นเพื่อนเมื่อเห็นว่าไม่มีธุระอะไรที่ต้องทำในบ้านแล้ว เว่ยเหนียนเหยาจึงรีบเดินทางเข้าในเมือง วันนี้นางมีงานต้องทำมากมายเลยทีเดียวเมื่อมาถึงตัวเมือง นางให้สามีและเซียนย้ง นำปลาไหลที่ได้ไปขายก่อนหานตงจึงมุ่งหน้าไปที่ภัตตาคารที่เคยนำปลาไหลมาขายในครั้งก่อน เสี่ยวเอ้อจำพวกเขาได้ก็ร้องทักอย่างดีใจ"พวก