"พี่สะใภ้ เมื่อกี้ตอนข้าเข้าไปในหมู่บ้านเห็นคนพูดถึงเรื่องมันฝรั่งกันใหญ่เลย"
"ผู้ใหญ่บ้านแจกของออกไปแล้วหรือ" "น่าจะแจกไปเกือบหมดแล้วนะขอรับ ข้าได้ยินบางคนบอกว่าที่บ้านเขากินจนหมดไปแล้ว จะไปหาผู้ใหญ่เพื่อขอเพิ่มอีกด้วยขอรับ" "เช่นนั้นก็ดีแล้ว อย่างน้อยพวกบรรดาเหล่าผู้นำตระกูล คงไม่มาวุ่นวายกับพี่เจ้าไปพักใหญ่" "ใครจะมาวุ่นวายกับพี่หรือ" หานตงเดินเข้ามาในบ้าน ด้านหลังมีอาเสิ้นเดินตามมาห่างๆ "ท่านไปทำอะไรกันมาเจ้าคะ เนื้อตัวดูมอมแมมเชียว" "พี่กับอาเสิ้นช่วยกันทำความสะอาดคอกม้า กับพามันไปอาบน้ำมานะ ว่าแต่เจ้ายังไม่ตอบพี่เลยว่าใครจะมาวุ่นวายกับพี่" "ข้าหมายถึงเล่าบรรดาท่านผู้นำตระกูลกับผู้ใหญ่บ้านนะเจ้าคะ เห็นอาย้งบอกว่า คนพวกนั้นนำมันฝรั่งออกมาแจกให้ชาวบ้านจนหมดแล้ว" "คนเยอะแหล่งอาหารน้อย แถมปีนี้พืชผลก็ให้ผลผลิตออกมาน้อย พี่ว่าหากไม่มีอาชีพอื่นมาเสริม อีกไม่นานทุกอย่างจะเลวร้ายกว่านี้" เว่ยเหนียนเหยาถอนหายใจ นางอยากช่วยทุกคน เพราะนางรู้ดีกว่าความอดยากหิวโหยทรมานมากเพียงไหน นางนึกไปถึงตอนที่นางเป็นเด็กในชาติที่แล้ว หลายครั้งที่นางทนหิวไม่ไหว เคยเดินเข้าไปขอเศษอาหารในร้านอาหารมากินเพื่อประทังความหิว หญิงสาวพยายามเค้นความคิด ผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างนางจะทำอะไรได้บ้างนะ "พี่บุญธรรม นี่ก็จะเข้าหน้าหนาวแล้ว ท่านคิดจะทำถ่านไว้ใช้บ้างไหมขอรับ" "อาเสิ้น เจ้าคงไม่รู้ว่า การทำถ่านเป็นความลับของตระกูลแต่ละตระกูล ไม่ใช่ชาวบ้านอย่างเราจะทำออกมาได้" เซียนย้งรีบแย้งทันที "ข้าพอจะรู้วิธีทำอยู่บ้าง หากพี่บุญธรรมยินดีจะลองดู" หญิงสาวมองตาของอาเสิ้น ดวงตาคู่นั้นมีความจริงใจ แต่กลับมีบางสิ่งที่แฝงอยู่ ที่นางยังเดาไม่ออก "อาย้ง เจ้าช่วยข้าไปแจ้งข่าว ที่ห้องแจ้งข่าวของหมู่บ้าน ข้าจะรับซื้อดอกไม้กลิ่นหอม จินละสามสิบอีแปะ ถ้าใครมีให้นำมาขายที่บ้านเรา เพียงแต่ว่าต้องเป็นดอกที่โตเต็มที่เท่านั้น เจ้าบอกด้วยว่าบ้านเราจะรับซื้อตลอด สามารถนำมาขายได้ทุกเมื่อ" "พี่สะใภ้ ดอกไม้พวกนี้ล้วนแต่ขึ้นบนเขาอยู่มากมาย ข้าพาพวกน้องชายไปเก็บให้ท่านก็ได้ขอรับ ไม่เห็นต้องเสียเงินซื้อเลยขอรับ" หานตงเข้าใจในความคิดของภรรยา นางต้องการช่วยชาวบ้าน เพียงแต่ก็อยากให้พวกเขารู้จักทำงาน ไม่ใช่งอมืองอเท้าขอความช่วยเหลือ "พี่สะใภ้เจ้าต้องการช่วยชาวบ้านพวกนั้นต่างหาก" "ได้ขอรับพี่สะใภ้ ถ้าอย่างนั้นนอกจากไปติดประกาศแล้ว ข้าขอเดินไปบอกพวกเพื่อนๆพราน ที่เคยเข้าป่าพร้อมพวกเราด้วยนะขอรับ งั้นข้ารีบไปดีกว่า เจ้าพวกนั้นต้องดีใจแน่ๆที่ได้ยินเรื่องนี้" "ส่วนเจ้าอาเสิ้น นั่งลงก่อน ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า" เด็กหนุ่มทรุดตัวนั่งลงตรงหน้าคนทั้งสอง สายตาหลุบต่ำอย่างซ่อนความคิด "พวกข้าไว้ใจเจ้าได้ใช่หรือไม่ อาเสิ้น" อาเสิ้นเบิกตากว้างอย่างตกใจ "พี่บุญธรรม พี่เขย ข้าอาเสิ้นขอสาบานต่อฟ้า ชีวิตนี้หากคิดร้ายต่อท่านหรือครอบครัวท่าน ขอให้ข้าและคนในครอบครัวไม่ตายดีขอรับ" "เอาเถอะ ไม่ต้องสาบานรุนแรงขนาดนั้นก็ได้ เอาเป็นว่าพวกเราเชื่อใจเจ้า" หานตงรีบห้ามออกมา เมื่อเห็นอีกฝ่ายกล่าวคำสาบานรุนแรงออกมา "แล้วเหตุใดเจ้าจึงอยากลองทำถ่าน ข้าว่าเจ้าคงไม่ได้อยากให้ข้าแค่ลองทำไว้ใช้แน่ๆ อีกอย่างการทำถ่าน ก็เหมือนอย่างที่อาย้งบอก มันเป็นความลับของคนในตระกูล แล้วเจ้ารู้วิธีทำได้ยังไง" "ข้า! ข้า!" เด็กหนุ่มกัดปาก นัยน์ตาดูว้าวุ่น "หากเจ้าเชื่อใจพวกข้า เหมือนอย่างที่ข้าเชื่อเจ้า ก็พูดออกมาเถอะ แต่ถ้าเจ้ายังไม่มั่นใจ ข้าก็ไม่บังคับอะไร" เว่ยเหนียนเหยาเห็นว่าเด็กหนุ่มลำบากใจ จึงไม่อยากจะบังคับให้มากความ แต่ก่อนที่นางจะตัดสินใจทำอะไร หากนางไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ นางคงไม่กล้าเอาคนในครอบครัวไปลำบากด้วย "ข้าเชื่อใจพวกท่านขอรับ จริงๆพวกข้าไม่ได้แซ่จง และท่านพ่อก็ไม่ได้เป็นพรานป่า พวกข้าเป็นลูกหลานของตระกูลฮ่วนที่ทำการค้าเรื่องการขายถ่านมาหลายชั่วคน ถึงพ่อข้าจะเป็นลูกชายคนโตที่ท่านปู่เอ็นดูแต่ก็เป็นเพียงลูกของอนุภรรยาเท่านั้น ท่านย่าใหญ่ไม่ชอบครอบครัวของข้า จนกระทั่งก่อนที่ท่านปู่จะเสีย ท่านมอบกระดาษแผ่นหนึ่งให้ข้า บอกข้าว่าสักวันกระดาษแผ่นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อข้า หลังจากที่ท่านปู่เสียไปไม่นาน ท่านย่าใหญ่ก็ใส่ความท่านย่าของข้าว่านางมีชู้ แถมยังบอกว่าท่านพ่อของข้าเป็นลูกชู้ ท่านย่าของข้ากินยาฆ่าตัวตายเพราะทนความอับอายไม่ไหว ส่วนท่านพ่อของข้าก็ถูกนางตัดออกจากตระกูลและไล่ออกจากบ้าน ตอนนั้นพี่ใหญ่ของข้าเพิ่งแต่งพี่สะใภ้เข้ามาได้ไม่นาน นางไม่เคยตรากตรำมาก่อน สุดท้ายร่างกายทนไม่ไหว ตกเลือดออกมาจนตาย พี่ชายข้าถึงเพิ่งรู้ว่า จริงๆพี่สะใภ้ข้ากำลังตั้งครรภ์ พวกข้าทั้งหมดไม่มีที่ไป แต่ท่านแม่บอกว่านางมีญาติอยู่ที่นี่จึงพาพวกเราเดินทางมา แต่พอมาถึงกับพบว่าพวกเขาไม่อยู่ซะแล้ว เหลือแต่บ้านเปล่าๆทิ้งไว้ โชคดีว่าคนที่นี่ไม่รังเกียจคนต่างถิ่น ทางผู้ใหญ่บ้านจึงให้เราเช่าพักอาศัยบ้านหลังนั้นแทน ส่วนเรื่องอื่นๆ ข้าว่าพวกท่านก็คงจะรู้แล้ว" โอ๊ย! นี่มันชีวิตจริง หรือนวนิยายดราม่า เว่ยเหนียนเหยายกผ้าเช็ดน้ำตา สงสารครอบครัวของเด็กหนุ่ม นางก็เคยสงสัยอยู่ว่าครอบครัวท่านลุงฟง มองไปไม่คล้ายพวกชาวบ้านสักเท่าไหร่ "แล้วทำไมเจ้าถึงเพิ่งจะมาอยากทำถ่านขายในตอนนี้" หานตงแม้อยากจะเชื่อหนุ่มน้อยตรงหน้า แต่ยังมีอีกหลายอย่างที่เขาสงสัย "เพราะตอนแรกข้าก็คิดเหมือนที่ท่านพ่อว่า ขอเพียงครอบครัวกินอิ่มนอนหลับ มีกันและกันก็พอแล้ว แต่พอท่านพ่อเกิดเหตุ ข้าถึงรู้ว่า สิ่งเหล่านั้นยังไม่เพียงพอ หากต้องการให้ทุกคนปลอดภัย ข้าจะต้องทำให้ครอบครัวมั่นคงกว่านี้ ตอนแรกข้าก็ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน หากสุ่มสี่สุ่มห้านำสูตรการทำถ่านออกมาเปิดเผย อาจจะนำภัยมาสู่ตัวข้าและทุกคนก็ได้ และหลังจากที่ท่านแม่ตัดสินใจให้พวกข้าเขียนหนังสือสัญญาทาสให้พวกท่าน ข้าก็ยิ่งหมดหวัง แต่คาดไม่ถึงว่า พวกท่านกลับใจกว้างนอกจากจะไม่รับสัญญาทาสของพวกข้าแล้ว ยังรับพวกข้าเป็นน้องบุญธรรมอีก เช่นนี้ก็ไม่มีอะไรให้ข้ากังวลอีกต่อไป" เว่ยเหนียนเหยามองดูเด็กหนุ่มตรงหน้า เด็กหนุ่มคนนี้ถือว่ามีความคิดอยู่ไม่น้อย นางชอบนิสัยความเป็นนักสู้ของชายหนุ่มผู้นี้ นางมองเห็นแววตามุ่งมั่นที่ครั้งหนึ่งเคยมีในตัวนางปรากฏขึ้นในดวงตาของคนผู้นี้ จริงๆวิธีการทำถ่านในโลกของนางไม่ได้เป็นความลับอะไรเลย หาง่ายๆตามอินเทอร์เน็ตทั่วไปซะด้วยซ้ำ ในเมื่อน้องชายคนนี้อยากทำ นางก็พร้อมจะสนับสนุน "ได้ งั้นมาลองทำกันดู การค้าชิ้นนี้ ข้าจะให้เจ้ากับท่านพี่เป็นคนจัดการ ไหนเจ้าลองบอกสิว่าต้องทำอะไรก่อน" ในขณะที่ครอบครัวหนึ่งกำลังวางแผนทำมาหากิน อีกครอบครัวหนึ่งก็กำลังวางแผนจะช่วงชิงผลประโยชน์จากผู้อื่น "ท่านแม่ เราจะทำยังไงดี ท่านพ่อไม่ยอมออกหน้าไปหาพี่รองแบบนี้ แล้วเราจะหาเหตุอะไร ที่จะไปหาพี่รองละขอรับ" "บิดาเจ้าช่างดื้อด้านนัก ข้าข่มขู่ก็แล้ว อ้อนวอนก็แล้ว ทำยังไงก็ไม่ยอมไป" "ท่านแม่งั้นทำแบบนี้ดีไหมขอรับ" เว่ยหานหมิงกระซิบบางอย่างที่ข้างหูมารดา นางเว่ยหมัวหลานฟังด้วยท่าทางหนักอกหนักใจ ยังไม่กล้าเออออ "ท่านแม่วางใจ ข้าจะระวังอย่างดี เพียงแต่อาจจะทำท่านพ่อลำบากเล็กน้อย" "ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ระวังด้วยละ อย่าลงมือหนักเกินไป" หลังจากนั้นข่าวที่ผู้เฒ่าเว่ยจื้อจงเจ็บป่วย จนไม่สามารถลุกออกจากเตียงได้ก็ดังไปทั่วหมู่บ้าน "ท่านพี่ ถ้าท่านกังวลใจเราก็ไปเยี่ยมท่านพ่อกันเถอะเจ้าค่ะ" นางเห็นสามีเดินไปเดินมา ท่าทางกระวนกระวายใจ คล้ายอยากจะพูดอะไรกับนางแต่ก็ไม่กล้า จริงๆนางรู้เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อวาน เพราะเซียนย้งที่รับซื้อดอกไม้จากชาวบ้าน นำข่าวมาบอก พ่อสามีคนนี้นางพบเจอแค่ไม่กี่ครั้ง และดูเหมือนชายชราผู้นั้นจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับการกระทำของคนในครอบครัวสักเท่าไหร่ "เจ้าคงจะไม่ว่าพี่ใช่หรือไม่" หานตงรู้ว่า ตัวเองไม่ควรนำตัวไปใกล้ชิดกับบ้านมารดาอีก ครั้งสุดท้ายที่เจอกัน ต่างก็รู้สึกไม่ดีด้วยกันทั้งสองฝ่าย แต่ครั้งนี้บิดาล้มป่วยหนักถึงขนาดลุกจากเตียงไม่ไหว ปรกติบิดาเขาเป็นคนแข็งแรง ครั้งนี้คงน่าจะอาการหนักจริงๆ เว่ยเหนียนเหยาให้อาเสิ้นช่วยออกไปซื้อไก่กลับมาให้สองตัว นางจัดการสับไก่ออกเป็นชิ้นต้มทำน้ำแกงไก่ สำหรับคนป่วยน้ำแกงร้อนๆอาจจะทำให้มีเรี่ยวแรงมากขึ้นก็ได้ หานตรงพาภรรยาเดินตรงไปบ้านของบิดามารดา เขาเห็นพี่ใหญ่กำลังนั่งขัดล้างของที่นำออกไปใช้ในไร่ ก่อนจะหันมาทางเขา " เจ้ารอง น้องสะใภ้ มาเยี่ยมท่านพ่อหรือ" "ขอรับพี่ใหญ่ อาการท่านพ่อเป็นยังไงบ้างขอรับ" หญิงสาวสังเกตดู สีหน้าของชายผู้นี้ ดูไม่เหมือนคนเสแสร้ง ครั้งนี้พ่อสามีคงจะป่วยจริงๆ "ข้าก็ไม่รู้ว่าท่านเป็นอะไร อาจจะกินอะไรผิดสำแดง เห็นว่าท้องเดินจนไม่มีแรง ตอนนี้พี่สะใภ้ของเจ้าก็กำลังต้มยาให้อยู่ มาเถอะเข้าบ้านกัน" เว่ยหานเวิ่นพาคนทั้งสองเข้ามาในบ้าน พลางบอกให้รอสักครู่ เดี๋ยวเขาจะเข้าไปบอกมารดาให้ และจะเลยไปดูยาของบิดาที่กำลังต้มอยู่ สักพักนางเว่ยหมัวหลานก็เดินออกมา ครั้งนี้นางมีใบหน้าซีดเซียวคล้ายคนอดนอน ผมเผ้าดูไม่เป็นระเบียบเหมือนครั้งก่อนๆที่นางเคยเจอ "ท่านแม่" "ท่านแม่สามี" "ท่านพ่อเป็นอย่างไรบ้างขอรับ" นางเว่ยหมัวหลานตอนนี้เหน็ดเหนื่อยจริงๆ นางต้องคอยดูแลสามี จนไม่ได้หลับไม่ได้นอน รอคอยว่าเมื่อไหร่หานตงจะมาซะที "อาตง ครั้งนี้พ่อเจ้าป่วยหนักเหลือเกิน ท่านหมอจางมาดูอยู่หลายหน ตอนนี้ก็กินยาไปหลายหม้อแล้ว" "ท่านแม่ข้านำน้ำต้มแกงไก่มาเยี่ยมท่านพ่อเจ้าค่ะ" นางเว่ยหมัวหลานรับน้ำแกงไก่เอามาวางไว้ ก่อนจะบอกให้หานตงตามนางเข้าไป ส่วนนางให้คอยอยู่ด้านนอก โดยอ้างว่าพ่อสามีมีอาการท้องเดินอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นจึงแต่งตัวไม่ค่อยเรียบร้อย นางเป็นสะใภ้ไม่เหมาะที่จะเข้าไป หญิงสาวนั่งรอสามีอยู่ที่ห้องโถง นั่งดูนั่นดูนี่ไปเรื่อย อยู่ๆก็มีถ้วยชายื่นมาให้ "อาเหยาดื่มชาก่อนสิ เจ้ามาเยี่ยมท่านพ่อหรือ" เว่ยหานหมิงรอเวลานี้อยู่แล้ว เมื่อเห็นพี่คนกลางเดินเข้าไปเยี่ยมบิดาในห้อง จึงแสร้งเดินเอาชามาให้หญิงสาว ตอนที่เว่ยหานหมิงเรียนอยู่ในเมือง เพื่อนในกลุ่มของเขาคนหนึ่ง เป็นหลานชายร้านขายผ้าเก่าแก่ในเมือง วันนั้นพอเขาวานให้เพื่อนคนนี้สืบข่าวของร้านเชิงอี้ชิงให้ ถึงได้รู้ว่าร้านเชิงอี้ชิงเป็นคู่แข่งทางการค้ากับร้านของเพื่อนเขา หลังจากที่รู้ว่าผ้าปักพวกนั้นเป็นของบ้านพี่ชายกับพี่สะใภ้ของเขา เพื่อนคนนั้นก็บอกว่า ถ้าเขาทำให้พี่ชายกับพี่สะใภ้ยกเลิกสัญญากับร้านเชิงอี๋ชิงและมาทำสัญญากับร้านของเพื่อนแทนได้ จะแบ่งกำไรหนึ่งในสิบส่วนของการค้าแต่ละครั้งให้กับเขา เขามาลองคิดกันดูแล้ว เขาไม่ต้องทำอะไรมากมาย แค่เกลี้ยกล่อมให้ผู้หญิงคนนี้ยอมเท่านั้น ผู้หญิงคนนี้เคยหลงใหลในตัวเขาจนโง่หัวไม่ขึ้น เขาไม่เชื่อหรอกว่า นางจะหมดเยื่อใย "น้องสามี เจ้าเรียกชื่อข้าเช่นนี้ ดูไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่นะ" "อาเหยา ข้ารู้ว่าเจ้าโกรธที่ข้าแต่งงานกับน้องสาวของเจ้า แต่เรื่องนี้เป็นท่านแม่ที่บังคับข้า ข้าไม่เคยอยากจะแต่งงานกับนางเลย" เว่ยเหนียนเหยานั่งนิ่ง คิดไม่ตกว่าชายคนนี้ต้องการอะไรกันแน่ "น้องสามี เรื่องนั้นผ่านมานานแล้ว เจ้ากับข้าต่างก็แต่งงานแล้วทั้งคู่ ไม่เหมาะจะคุยเรื่องแบบนี้ ข้าขอตัวออกไปเดินเล่นสักหน่อย ในนี้อึดอัดเหลือเกิน" หญิงสาวรีบเดินเลี่ยงออกมา นางเป็นหญิงสาวที่มีสามีแล้ว หากมีคนเห็นว่าอยู่กับน้องสามีตามลำพังคงไม่ดีแน่ๆ แต่ที่นางสงสัยคือ ชายผู้นั้นต่างหาก จากความทรงจำที่ร่างเก่าทิ้งเอาไว้ ชายผู้นี้ตั้งแต่นางแต่งงานเข้ามา ก็ทำเหมือนสิ้นเยื่อใย มีแต่เจ้าของร่างนี้ต่างหากที่อาลัยอาวรณ์อีกฝ่าย เรื่องนี้น่าจะมีอะไร มากกว่าที่นางเห็นแน่ๆ "ท่านแม่ ท่านพ่อเป็นอะไรขอรับ" หานชิงเอ่ยถามผู้เป็นมารดา เมื่อเห็นว่าบิดาหน้าตาไม่ค่อยยิ้มแย้มเหมือนเคย "สงสัยท่านอาเส้าของพวกเจ้ามาฟ้องว่าพวกเจ้าไม่ตั้งใจเรียนกระมัง" นางหันเหความสนใจของบุตรชาย ตัวนางก็สังเกตเห็นเหมือนกัน แต่ยังไม่มีโอกาสสอบถามสามี "ไม่จริงนะขอรับ ท่านอาเส้าบอกว่า ข้าเรียนดีขึ้นมาก ไม่เหมือนเจ้ารองที่เอาแต่แอบกินขนมตอนเรียน วันนั้นยังถูกท่านอาเส้าจับได้อยู่เลย" หานเหนียนหันมาทำจุ๋ยปากใส่พี่ชายด้วยความโมโห "พี่ใหญ่ไหนท่านบอกว่าจะไม่ฟ้องท่านแม่ไงละ ท่านมาให้ข้าตีซะดีๆ" หานชิงทำตาโต เอามือปิดปาก เหมือนเพิ่งนึกขึ้นมาได้ เมื่อถูกหานเหนียนวิ่งไล่ตี ก็วิ่งหนีล่อหลอกไปมา "เอาละๆ พอแล้ว ได้เวลาขึ้นนอนแล้ว พวกเจ้าก็ขึ้นไปนอนกันเถอะ ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้แม่จะฟ้องท่านอาเส้าของพวกเจ้า ว่าเจ้าไม่ยอมเข้านอน" เด็กๆ ได้ยินดังนั้นก็รีบวิ่งขึ้นห้องนอนทันที ท่านอาเส้าใจดีก็จริง แต่บทลงโทษแต่ละครั้งล้วนแต่ทำให้พวกเขาเข็ดขยาด "ท่านพี่ ขึ้นห้องกันเถอะเจ้าค่ะท่านนั่งอยู่แบบนี้มานานแล้ว" หลังจากที่ทั้งสองขึ้นไปยังห้องนอน หานตงยังคงนั่งนิ่งเงียบเหมือนคิดอะไรไม่ตก "ท่านพี่ ท่านมีอะไรก็พูดออกมาให้ข้าช่วยท่านคิดดีหรือไม่ ข้าไม่ชอบเลย ที่เห็นท่านเป็นแบบนี้" "พี่กำลังคิดถึงคำพูดของท่านพ่อ ที่พูดกับพี่ตอนที่ท่านแม่ออกจากห้องไปเอายา ท่านบอกพี่ว่าอาการของท่านไม่ใช่เรื่องปรกติ บอกพี่ว่าอย่าไว้ใจใคร และไม่จำเป็น ไม่ต้องไปที่บ้านหลังนั้นอีก" หานตงนึกถึงคำพูดของบิดา หากเป็นจริง หมายความว่า คนในครอบครัวของเขาทำร้ายกันเอง โดยเฉพาะคนที่ถูกทำร้ายคือ บิดาผู้ที่หาเลี้ยงดูพวกเขามาตั้งแต่เกิด เขาดูท่าทางของบิดาที่ดูขัดเคืองมารดา ส่วนมารดาก็มีสีหน้าเหมือนละอายอยู่ไม่น้อย "ท่านพี่ ข้าก็มีเรื่องจะเล่าให้ท่านฟังเจ้าค่ะ" อีตาน้องสามี กล้ามาหลีแม่ ทุ้กคนนนนไปฟ้องพ่อเร็วหญิงสาวเล่าเรื่องที่เว่ยหานหมิงเข้าหานาง ทุกคำพูด ทุกการกระทำ นางล้วนเล่าออกมาทั้งหมด นางไม่ใช่นางเอก ที่จะยอมปิดบังเรื่องต่างๆ เพื่อความสบายใจของพระเอก จนบางครั้งก็เกิดเรื่องราวใหญ่โตสำหรับนางการพูดคุยกันทุกเรื่องจะช่วยให้ชีวิตคู่ของพวกนางมั่นคงขึ้นอีกก้าว"เจ้าบอกว่าน้องเล็กเรียกเจ้าว่า อาเหยา หรือ""เจ้าค่ะ""แถมยังทำท่าอาลัยอาวรณ์เจ้าอีก""เจ้าค่ะ""ถ้าอย่างนั้นต่อไป เจ้าก็ไม่ต้องตามพี่ไปที่บ้านนั้นอีก และต่อไปพี่จะไม่เรียกเจ้าว่า อาเหยา แล้ว"อ้าว นี่นางทำให้สามีทำไหน้ำส้มหกนองหรือไร หญิงสาวเอนกายซบอกแกร่งสามีอย่างออดอ้อน"ถ้าเช่นนั้น ท่านจะเรียกข้าว่าอะไรดีเจ้าคะ""เหยาเอ๋อ พี่จะเรียกเจ้าว่า เหยาเอ๋อ ต่อไปเจ้าจะเป็นเหยาเอ๋อของพี่เพียงคนเดียว เจ้ายังจำสัญญาได้หรือไม่ ครั้งนี้เจ้าต้องมีลูกสาวอวบอ้วนให้พี่สักหลายๆ คนนะ เหยาเอ๋อ"ชายหนุ่มจับคางภรรยาขึ้นรับจุมพิตอ่อนโยนที่เขามอบให้ เขารู้ว่า นางไม่ใช่อาเหยาในอดีตที่มีใจรักต่อเว่ยหานหมิงผู้เป็นน้องชายครั้งนี้เขาตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่า จะทำตามคำสั่งบิดา ไม่จำเป็นจะไม่ไปที่บ้านหลังนั้นอีกกลิ่นกายหอมกรุ่นในอ้อมแขน ดึงสติเขาออกจากความคิ
" พี่สะใภ้ท่านมาแล้ว ข้าจะออกไปตามก็ไม่กล้าวางมือ""อาย้ง นำโถที่ข้าเตรียมไว้ทางโน่นมา นำผ้ามาปูบนปากโถ แล้วเอาผ้าชิ้นเล็กที่ข้าตัดไว้แล้ว รัดผ้าที่วางตรงปากโถให้แน่น ข้าจะกรองน้ำมันหอมอีกรอบ"เซียนย้งทำงานคล่องแคล่ว เดี๋ยวเดียวโถพร้อมผ้ากรองก็อยู่ตรงหน้านาง นางจัดการตามขั้นตอนสุดท้ายอย่างรวดเร็วในที่สุดน้ำมันทั้งหมดก็ถูกเทใส่โถ และดอกกุหลาบก็ถูกวางใส่ผ้ากรองทิ้งไว้"พี่สะใภ้ ต้องวางไว้นานเท่าใดขอรับ""วางไว้จนกว่า น้ำมันในดอกไม้จะออกมาหมด""ดอกไม้กับน้ำมันยังเหลืออยู่ ท่านจะให้ข้าทำต่อเลยไหมขอรับ""น่าจะทำต่อได้อีกหนึ่งถังเจ้าจัดการเลย ข้าจะคอยดู"เซียนย้งจัดการตามวิธีที่จำได้ มีผิดไปบ้างแต่เว่ยเหนียนเหยาก็คอยบอกอยู่ข้างๆ จนตุ๋นน้ำมันหอมเรียบร้อย"เอาละทีนี้มาตัดสบู่กัน เจ้าไปหยิบถาดที่ใส่สบู่มา"เซียนย้งหยิบถาดที่ใส่สบู่มาหนึ่งถาด วันนี้พี่สะใภ้ทำสบู่สามถาด เขาทำเองอีกหนึ่งถาด รวมแล้วเป็นสี่ถาด เดี๋ยวถาดนี้ให้พี่สะใภ้ตัดให้เขาดู ส่วนถาดอื่นๆเขาจะขอลองตัดเองเว่ยเหนียนเหยารับถาดไม้มา จากนั้นก็ใช้มีดเล็กบางเลาะไปข้างๆถาดไม้แล้วคว่ำถาดลงเคาะเบาๆ สบู่ก็หลุดออกมา นางจับก้อนสบู่ก้อนใหญ่ไ
"อาเซียง เจ้าเดินรอข้าด้วยสิ""อาย้งเจ้าก็เดินให้เร็วหน่อยสิ พี่สะใภ้กำลังรอไก่จากข้าอยู่นะ""เดี๋ยวนี้ เจ้าหายใจเข้าหายใจออกเป็นพี่สะใภ้ ข้าชักจะน้อยใจแล้วสิ""หึ แน่นอนว่า พี่สะใภ้ของข้า ต้องสำคัญกว่าเจ้า""เจ้าพูดเช่นนี้ คอยดูเถอะ คืนนี้ข้าจะลงโทษเจ้าเช่นไร""เจ้า! ไม่ต้องพูดแล้ว รีบเดินเร็ว นี่มันหน้าบ้านท่านป้าเจ้านี่ รีบเดินเร็วๆ เข้าเถอะ เจ้าไม่กลัวหรือยังไง"ซินเซียงหันซ้ายแลขวา เนื่องจากบ้านหลังนี้เป็นบ้านของท่านป้าของเซียนย้ง แต่นางเสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว ส่วนบุตรชายกับลูกสะใภ้ก็ทำงานที่เมืองหลวง จึงปล่อยบ้านทิ้งร้างไว้เคร้ง......ปึก ปึก ปึกซินเซียงหันไปเกาะแขนเซียนย้ง หน้าขาวซีด"อา...ย้ง เจ้า..ได้ยินเสียง อะไรไหม""คงจะเป็นเสียงหนูละมั้ง ข้าว่าเรารีบไปกันดีกว่าเนอะ"เซียนย้งที่หิ้วไก่อยู่ ใช้มืออีกข้างดึงให้ซินเซียงรีบเดินตาม"อาย้ง ....อาเซียง""อา...ย้ง ได้ยินเสียงคน คนเรียก พวกเราไหม"ตอนนี้ เซียนย้งเองก็เริ่มหน้าซีดไปเหมือนกัน จับมือซินเซียงเตรียมวิ่งออกไป"อาย้ง อาเซียง นี่ข้าเอง พี่ซีเม่ย ภรรยาท่านพี่เหวินฉีไง""พี่สะใภ้ เป็นท่าน แล้วท่านพี่เหวินฉีละขอรับ"เซียนย
เว่ยเหนียนเหยากำลังกล่าวขอตัวจากเหวินฉีและภรรยา แต่อาเสิ้นก็เดินเข้ามาในบ้านซะก่อน"พี่บุญธรรม ท่านพอจะมีเวลาสักครู่หรือไม่ขอรับ ถ่านเตาแรกตากแดดดีแล้ว ข้าอยากพาท่านไปดู""ได้สิ งั้นอาเซียงเจ้าไปโรงงานเถอะ เดี๋ยวพวกข้าจะไปกับอาเสิ้น"อาเสิ้นลากถ่านที่เขาเก็บใส่ตะกร้าแล้ว ออกมาให้ทุกคนดู หญิงสาวหยิบถ่านขึ้นมาตรวจดู เห็นว่าทุกก้อนแห้งสนิทแล้วจริงๆจึงให้อาเสิ้นลองก่อไฟขึ้นมาดู ถ่านนี้เป็นถ่านที่ทำจากเศษไม้ต่างๆที่เก็บมารวมกัน จึงทำให้มีควันไฟค่อนข้างมาก ซ้ำยังมีกลิ่นแรง แถมแรงไฟที่ได้ก็ไม่สม่ำเสมอนางบอกให้อาเสิ้นจดข้อเสียเหล่านี้ไว้ เพราะเตาต่อไปจะลองใช้ไม้ไผ่อย่างเดียว อาเสิ้นตื่นเต้นมากอยากจะรีบไปเก็บไม้ไผ่กลับมาทดลองแต่นางบอกว่า รอให้พวกนางกลับมาจากในเมืองก่อนจะดีกว่า จะได้มีคนขึ้นเขาไปเป็นเพื่อนเมื่อเห็นว่าไม่มีธุระอะไรที่ต้องทำในบ้านแล้ว เว่ยเหนียนเหยาจึงรีบเดินทางเข้าในเมือง วันนี้นางมีงานต้องทำมากมายเลยทีเดียวเมื่อมาถึงตัวเมือง นางให้สามีและเซียนย้ง นำปลาไหลที่ได้ไปขายก่อนหานตงจึงมุ่งหน้าไปที่ภัตตาคารที่เคยนำปลาไหลมาขายในครั้งก่อน เสี่ยวเอ้อจำพวกเขาได้ก็ร้องทักอย่างดีใจ"พวก
ชุนเหมยเมื่อเห็นน้องสาวต่างสายเลือด กระวีกระวาดวิ่งออกไปหาสามีก็ส่ายหัวยิ้มๆ นางเดินออกจากห้องโถง มุ่งตรงกลับเข้าห้องนอนทันที"เวิ้นสุ่ย"เสียงราบเรียบของหญิงสาวคล้ายพูดคุยกับอากาศที่อยู่ภายในห้อง เงาดำสายหนึ่งเคลื่อนออกมาจากมุมห้องอย่างเงียบๆ"นายหญิง""เจ้าไปสืบเรื่องนั้นมาให้ข้า จำไว้ข้าต้องการเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียด"ไร้เสียงตอบรับใดๆ มีเพียงเงาดำสายนั้น ที่เลือนหายไปคล้ายไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ชุนเหมย เดินออกจากห้องไปช้าๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น"ท่านพี่ตอนที่อยู่ที่หอการค้ากลางทำไมท่านไม่ช่วยข้าออกความคิดเห็นบ้างเลยเจ้าค่ะ"หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างแง่งอน ที่สามีไม่ช่วยนางออกความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับร้านค้าที่นางจะซื้อ"ก็พี่ไม่มีความรู้เรื่องนี้ พี่ว่าร้านไหนเจ้าเห็นว่าดีพี่ก็ว่าดี พี่ล้วนเชื่อฟังเจ้าเหยาเอ๋อ"เซียงย้งกลั้นหัวเราะหน้าแดง เมื่อเห็นพี่ชายกลายสภาพเป็นแมวหนุ่มช่างออดอ้อนต่อหน้าพี่สะใภ้ ก่อนจะรีบปรับสีหน้า เมื่อเห็นสายตาพิฆาตที่พี่ชายส่งตรงมาให้"พี่สะใภ้ในเมื่อท่านยังไม่ถูกใจ ก็ค่อยๆ หาไปก็ได้ขอรับ ข้าและ พี่หานตงล้วนเชื่อฟังท่าน""อะ นั่น นั่น น่าจะใช่ร้านเหล็กที่พี่ช
"มา มาลูกสะใภ้เจ้านั่งก่อน"นางลี่สือหลิน รีบบอกให้บุตรชายประคองลูกสะใภ้นั่งลงบนเก้าอี้"น้องสาว น้องเขยตอนนี้คงสบายดีสินะ ท่าทางจะร่ำรวยกันใหญ่"ลี่ห่าวฟงบุตรชายของนางลี่สือหลิน กล่าวออกมาอย่างประชดประชัน เขามองไปมองรอบๆบ้านหลังนี้ด้วยความอิจฉา ครั้งก่อนเขาเคยขอให้มารดา ช่วยพูดกับน้องสาวและน้องเขยว่าให้ตนและภรรยาเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วย แต่คนพวกนี้ล้วนแล้งน้ำใจต่อเขากับภรรยา ดีว่ามารดาแอบส่งเงินทองไปให้เขาใช้อยู่เรื่อยๆ ชีวิตเขากับภรรยาจึงไม่ได้ลำบากอะไร"พวกข้าก็แค่มีกินมีใช้นะขอรับ ท่านพี่ภรรยา"เซียนย้งจริงๆ ไม่ค่อยจะชอบพี่ภรรยาคนนี้มากนะ เพราะเขาเป็นคนหยิบโหย่งไม่ค่อยชอบทำงานเท่าไหร่ แถมยังชอบใช้กำลังกับภรรยาของเขาและท่านแม่ยายอยู่บ่อยครั้ง"เอาละ เอาละ มากินข้าวกันเถอะ วันนี้พวกเจ้าต้องกินเยอะๆนะ อ้าวข้าลืม พวกเจ้ากินกันไปก่อน ข้าไปเอาน้ำแกงไก่ที่บ้านอาเหยาก่อน"นางลี่สือหลินออกไปไม่นานก็กลับมาพร้อมน้ำแกงไก่ถ้วยใหญ่"อาเซียงเมื่อกี้ตอนแม่ไปตักน้ำแกงไก่ เห็นกล่องใส่โสมยังวางอยู่ในครัว เห็นอาย้งบอกว่า โสมหัวนั้นราคาหลายร้อยตำลึงทอง ทำไมเอามาวางไว้อย่างนั้นละ"ซินเซียงแอบมองไปยังพี่ชาย
"ภรรยาเจ้าเร็วหน่อยเถอะ เราต้องรีบไปให้ทันรถเที่ยวเช้านะ""ท่านพี่จะรีบไปไหน ป่านนี้คนพวกนั้นยังไม่มีใครรู้หรอกน่า"นางลี่สือหลินยืนกำมือแน่นที่หน้าประตู จู่ๆประตูก็ถูกเปิดออกจากคนที่อยู่ข้างใน ห่าวฟงเห็นมารดา พร้อมน้องเขย น้องสาวยืนอยู่ก็ตกใจ พยายามตั้งสติ"ท่านแม่ ท่าน มาได้ยังไงขอรับ"นางลี่สือหลินมองดูบุตรชายที่ก้าวเท้าถอยหลังเข้าไปในบ้าน ในมือถือห่อผ้าห่อหนึ่ง"เจ้าใหญ่ พวกเจ้ารีบร้อนจะไปไหนกันแต่เช้า"นางลี่สือหลินไม่ตอบ แต่ย้อนถามบุตรชายแทน"พอ ดี แม่ภรรยาไม่ค่อยสบาย ข้าเลยจะพานางไปเยี่ยมดูอาการขอรับ"สะใภ้ตระกูลลี่เมื่อเห็นสามีส่งสายตามาให้ ก็รีบเอ่ยเสริมคำ"ใช่เจ้าค่ะท่านแม่สามี ท่านแม่ข้าไม่สบาย ข้าจึงจะรีบไปเยี่ยม อีกอย่างข้าอยากจะนำข่าวดีไปบอกท่านด้วยตัวเอง""พวกเจ้าก็เลยทำตัวเป็นบุตรเขยบุตรสาวที่ดี เอาต้นโสมไปเยี่ยมซินะ"นางลี่สือหลิน ตวาดออกไปอย่างหมดความอดทน มองมือบุตรชายที่กุมห่อผ้าแน่นเข้าไปอีก"ท่านแม่ ท่านพูดเรื่องอะไร ข้าไม่เข้าใจขอรับ""ข้าก็พูดเรื่องที่เจ้าสองสามีภรรยาเข้าไปขโมยโสมที่บ้านของอาเหยาไงละ"ห่าวฟงหน้าซีด เขารู้ตั้งแต่เห็นหน้ามารดาที่หน้าประตูแล้ว ว่าม
เว่ยเหนียนเหยายืนอยู่บนระเบียง คิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา นางนับถือนางลี่สือหลินมาก แม้จะรักบุตรชายเพียงใดแต่ก็ไม่ยอมเห็นผิดเป็นถูก กัดฟันส่งบุตรชายเข้ารับโทษที่ก่อตอนแรกนางยังคิดว่า นางลี่สือหลินจะล้มป่วยเพราะตรอมใจอยู่หลายวัน หากเพียงแค่สองวัน นางลี่สือหลินกลับลุกขึ้นไปทำงาน นางกับซินเซียงพยายามห้ามปรามขอให้พักผ่อนอีกสักหน่อยรอยยิ้มเศร้าสร้อยปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากคู่นั้น ก่อนจะกล่าวว่า" อาเหยา คนเป็นแม่จะอ่อนแอไม่ได้ ตอนนี้บุตรชายของข้ากำลังหกล้ม ข้าหวังว่า สักวันเขาจะคิดได้ และลุกขึ้นยืนใหม่ เมื่อนั้นมือคู่นี้ของข้ายังต้องช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้น"เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็น้ำตาคลอ ชาติที่แล้ว นางไม่มีพ่อแม่ ไม่เคยรับรู้ถึงความรักของพ่อแม่มาก่อน หญิงสาวคิดไปถึงต้นโสมเจ้าปัญหาต้นนั้น ที่บัดนี้ถูกนำไปเก็บไว้ในห้องของนางเป็นที่เรียบร้อยต้นโสมเพียงหนึ่งต้น แต่กลับลากดึงเอาความโลภโมโทสันภายในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ออกมาตีแผ่ นางหวังเพียงแต่ว่า ลี่ห่าวฟง จะไม่ทำให้มารดาของเขาผิดหวัง"พี่สะใภ้ พี่หานตงให้ข้ามาบอกท่านว่า วันนี้เป็นวันที่นัดกับช่างเฟิ่งไว้ขอรับ""เจ้าช่วยไปเรียกอาเสิ้นมาพบข้าหน
"พี่สะใภ้ขอรับ สำหรับสบู่ของข้า ข้าคิดออกแล้วขอรับว่าจะทำยังไง"เซียนย้งเกิดความคิดขึ้นตอนที่เขาฟังพี่สะใภ้กับทุกคนวางแผนการค้าถ่านกัน"ไหนเจ้าลองว่ามาซิ อาย้ง""ตอนนี้สบู่ของข้ามีรูปร่างเหมือนสบู่ทั่วไปที่ขายอยู่ ข้าอยากให้ท่านช่วยข้าออกแบบแม่พิมพ์ขึ้นมาใหม่ นอกจากนั้นข้าอยากมีตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ที่จะให้คนทั่วไปรู้ว่า นี่เป็นสบู่ของพวกเราด้วยขอรับ""สัญลักษณ์?""ขอรับพี่สะใภ้ ข้าอยากตั้งชื่อทางการค้าให้คนรู้ว่า สินค้าพวกนี้มาจากครอบครัวของพวกเรา""ดีๆ ข้าเห็นด้วยกับเจ้า"อาเสิ้นตาโต เขาก็อยากให้ถ่านของเขามีชื่อร้านเหมือนกัน"แล้วเจ้าคิดชื่อไว้แล้วหรือยัง หรือจะให้พวกข้าช่วยคิดให้"หญิงสาวมองดูเด็กหนุ่มทั้งสองที่กระตือรือร้น ดวงตาเป็นประกายอย่างตื่นเต้น ก็ช่วยส่งเสริม"ข้าอยากให้ร้านของข้า ชื่อ เหนียนเหยา ขอรับ"หญิงสาวตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าเซียนย้งจะเสนอชื่อนางขึ้นมา"เจ้าพอจะบอกเหตุผลข้าได้หรือไม่อาย้ง"หานตงถามขึ้น เขาพอจะรู้ใจของน้องคนนี้ดี แต่ก็อยากจะรู้ว่า จะเหมือนที่เขาคิดไว้หรือไม่"เพราะพี่สะใภ้ เป็นเสมือนแสงสว่างที่สาดเข้ามาในชีวิตของครอบครัวข้า ขับไล่ความมืดมิด ช่วยให้ข้าเห
เว่ยเหนียนเหยายืนอยู่บนระเบียง คิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา นางนับถือนางลี่สือหลินมาก แม้จะรักบุตรชายเพียงใดแต่ก็ไม่ยอมเห็นผิดเป็นถูก กัดฟันส่งบุตรชายเข้ารับโทษที่ก่อตอนแรกนางยังคิดว่า นางลี่สือหลินจะล้มป่วยเพราะตรอมใจอยู่หลายวัน หากเพียงแค่สองวัน นางลี่สือหลินกลับลุกขึ้นไปทำงาน นางกับซินเซียงพยายามห้ามปรามขอให้พักผ่อนอีกสักหน่อยรอยยิ้มเศร้าสร้อยปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากคู่นั้น ก่อนจะกล่าวว่า" อาเหยา คนเป็นแม่จะอ่อนแอไม่ได้ ตอนนี้บุตรชายของข้ากำลังหกล้ม ข้าหวังว่า สักวันเขาจะคิดได้ และลุกขึ้นยืนใหม่ เมื่อนั้นมือคู่นี้ของข้ายังต้องช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้น"เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็น้ำตาคลอ ชาติที่แล้ว นางไม่มีพ่อแม่ ไม่เคยรับรู้ถึงความรักของพ่อแม่มาก่อน หญิงสาวคิดไปถึงต้นโสมเจ้าปัญหาต้นนั้น ที่บัดนี้ถูกนำไปเก็บไว้ในห้องของนางเป็นที่เรียบร้อยต้นโสมเพียงหนึ่งต้น แต่กลับลากดึงเอาความโลภโมโทสันภายในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ออกมาตีแผ่ นางหวังเพียงแต่ว่า ลี่ห่าวฟง จะไม่ทำให้มารดาของเขาผิดหวัง"พี่สะใภ้ พี่หานตงให้ข้ามาบอกท่านว่า วันนี้เป็นวันที่นัดกับช่างเฟิ่งไว้ขอรับ""เจ้าช่วยไปเรียกอาเสิ้นมาพบข้าหน
"ภรรยาเจ้าเร็วหน่อยเถอะ เราต้องรีบไปให้ทันรถเที่ยวเช้านะ""ท่านพี่จะรีบไปไหน ป่านนี้คนพวกนั้นยังไม่มีใครรู้หรอกน่า"นางลี่สือหลินยืนกำมือแน่นที่หน้าประตู จู่ๆประตูก็ถูกเปิดออกจากคนที่อยู่ข้างใน ห่าวฟงเห็นมารดา พร้อมน้องเขย น้องสาวยืนอยู่ก็ตกใจ พยายามตั้งสติ"ท่านแม่ ท่าน มาได้ยังไงขอรับ"นางลี่สือหลินมองดูบุตรชายที่ก้าวเท้าถอยหลังเข้าไปในบ้าน ในมือถือห่อผ้าห่อหนึ่ง"เจ้าใหญ่ พวกเจ้ารีบร้อนจะไปไหนกันแต่เช้า"นางลี่สือหลินไม่ตอบ แต่ย้อนถามบุตรชายแทน"พอ ดี แม่ภรรยาไม่ค่อยสบาย ข้าเลยจะพานางไปเยี่ยมดูอาการขอรับ"สะใภ้ตระกูลลี่เมื่อเห็นสามีส่งสายตามาให้ ก็รีบเอ่ยเสริมคำ"ใช่เจ้าค่ะท่านแม่สามี ท่านแม่ข้าไม่สบาย ข้าจึงจะรีบไปเยี่ยม อีกอย่างข้าอยากจะนำข่าวดีไปบอกท่านด้วยตัวเอง""พวกเจ้าก็เลยทำตัวเป็นบุตรเขยบุตรสาวที่ดี เอาต้นโสมไปเยี่ยมซินะ"นางลี่สือหลิน ตวาดออกไปอย่างหมดความอดทน มองมือบุตรชายที่กุมห่อผ้าแน่นเข้าไปอีก"ท่านแม่ ท่านพูดเรื่องอะไร ข้าไม่เข้าใจขอรับ""ข้าก็พูดเรื่องที่เจ้าสองสามีภรรยาเข้าไปขโมยโสมที่บ้านของอาเหยาไงละ"ห่าวฟงหน้าซีด เขารู้ตั้งแต่เห็นหน้ามารดาที่หน้าประตูแล้ว ว่าม
"มา มาลูกสะใภ้เจ้านั่งก่อน"นางลี่สือหลิน รีบบอกให้บุตรชายประคองลูกสะใภ้นั่งลงบนเก้าอี้"น้องสาว น้องเขยตอนนี้คงสบายดีสินะ ท่าทางจะร่ำรวยกันใหญ่"ลี่ห่าวฟงบุตรชายของนางลี่สือหลิน กล่าวออกมาอย่างประชดประชัน เขามองไปมองรอบๆบ้านหลังนี้ด้วยความอิจฉา ครั้งก่อนเขาเคยขอให้มารดา ช่วยพูดกับน้องสาวและน้องเขยว่าให้ตนและภรรยาเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วย แต่คนพวกนี้ล้วนแล้งน้ำใจต่อเขากับภรรยา ดีว่ามารดาแอบส่งเงินทองไปให้เขาใช้อยู่เรื่อยๆ ชีวิตเขากับภรรยาจึงไม่ได้ลำบากอะไร"พวกข้าก็แค่มีกินมีใช้นะขอรับ ท่านพี่ภรรยา"เซียนย้งจริงๆ ไม่ค่อยจะชอบพี่ภรรยาคนนี้มากนะ เพราะเขาเป็นคนหยิบโหย่งไม่ค่อยชอบทำงานเท่าไหร่ แถมยังชอบใช้กำลังกับภรรยาของเขาและท่านแม่ยายอยู่บ่อยครั้ง"เอาละ เอาละ มากินข้าวกันเถอะ วันนี้พวกเจ้าต้องกินเยอะๆนะ อ้าวข้าลืม พวกเจ้ากินกันไปก่อน ข้าไปเอาน้ำแกงไก่ที่บ้านอาเหยาก่อน"นางลี่สือหลินออกไปไม่นานก็กลับมาพร้อมน้ำแกงไก่ถ้วยใหญ่"อาเซียงเมื่อกี้ตอนแม่ไปตักน้ำแกงไก่ เห็นกล่องใส่โสมยังวางอยู่ในครัว เห็นอาย้งบอกว่า โสมหัวนั้นราคาหลายร้อยตำลึงทอง ทำไมเอามาวางไว้อย่างนั้นละ"ซินเซียงแอบมองไปยังพี่ชาย
ชุนเหมยเมื่อเห็นน้องสาวต่างสายเลือด กระวีกระวาดวิ่งออกไปหาสามีก็ส่ายหัวยิ้มๆ นางเดินออกจากห้องโถง มุ่งตรงกลับเข้าห้องนอนทันที"เวิ้นสุ่ย"เสียงราบเรียบของหญิงสาวคล้ายพูดคุยกับอากาศที่อยู่ภายในห้อง เงาดำสายหนึ่งเคลื่อนออกมาจากมุมห้องอย่างเงียบๆ"นายหญิง""เจ้าไปสืบเรื่องนั้นมาให้ข้า จำไว้ข้าต้องการเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียด"ไร้เสียงตอบรับใดๆ มีเพียงเงาดำสายนั้น ที่เลือนหายไปคล้ายไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ชุนเหมย เดินออกจากห้องไปช้าๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น"ท่านพี่ตอนที่อยู่ที่หอการค้ากลางทำไมท่านไม่ช่วยข้าออกความคิดเห็นบ้างเลยเจ้าค่ะ"หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างแง่งอน ที่สามีไม่ช่วยนางออกความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับร้านค้าที่นางจะซื้อ"ก็พี่ไม่มีความรู้เรื่องนี้ พี่ว่าร้านไหนเจ้าเห็นว่าดีพี่ก็ว่าดี พี่ล้วนเชื่อฟังเจ้าเหยาเอ๋อ"เซียงย้งกลั้นหัวเราะหน้าแดง เมื่อเห็นพี่ชายกลายสภาพเป็นแมวหนุ่มช่างออดอ้อนต่อหน้าพี่สะใภ้ ก่อนจะรีบปรับสีหน้า เมื่อเห็นสายตาพิฆาตที่พี่ชายส่งตรงมาให้"พี่สะใภ้ในเมื่อท่านยังไม่ถูกใจ ก็ค่อยๆ หาไปก็ได้ขอรับ ข้าและ พี่หานตงล้วนเชื่อฟังท่าน""อะ นั่น นั่น น่าจะใช่ร้านเหล็กที่พี่ช
เว่ยเหนียนเหยากำลังกล่าวขอตัวจากเหวินฉีและภรรยา แต่อาเสิ้นก็เดินเข้ามาในบ้านซะก่อน"พี่บุญธรรม ท่านพอจะมีเวลาสักครู่หรือไม่ขอรับ ถ่านเตาแรกตากแดดดีแล้ว ข้าอยากพาท่านไปดู""ได้สิ งั้นอาเซียงเจ้าไปโรงงานเถอะ เดี๋ยวพวกข้าจะไปกับอาเสิ้น"อาเสิ้นลากถ่านที่เขาเก็บใส่ตะกร้าแล้ว ออกมาให้ทุกคนดู หญิงสาวหยิบถ่านขึ้นมาตรวจดู เห็นว่าทุกก้อนแห้งสนิทแล้วจริงๆจึงให้อาเสิ้นลองก่อไฟขึ้นมาดู ถ่านนี้เป็นถ่านที่ทำจากเศษไม้ต่างๆที่เก็บมารวมกัน จึงทำให้มีควันไฟค่อนข้างมาก ซ้ำยังมีกลิ่นแรง แถมแรงไฟที่ได้ก็ไม่สม่ำเสมอนางบอกให้อาเสิ้นจดข้อเสียเหล่านี้ไว้ เพราะเตาต่อไปจะลองใช้ไม้ไผ่อย่างเดียว อาเสิ้นตื่นเต้นมากอยากจะรีบไปเก็บไม้ไผ่กลับมาทดลองแต่นางบอกว่า รอให้พวกนางกลับมาจากในเมืองก่อนจะดีกว่า จะได้มีคนขึ้นเขาไปเป็นเพื่อนเมื่อเห็นว่าไม่มีธุระอะไรที่ต้องทำในบ้านแล้ว เว่ยเหนียนเหยาจึงรีบเดินทางเข้าในเมือง วันนี้นางมีงานต้องทำมากมายเลยทีเดียวเมื่อมาถึงตัวเมือง นางให้สามีและเซียนย้ง นำปลาไหลที่ได้ไปขายก่อนหานตงจึงมุ่งหน้าไปที่ภัตตาคารที่เคยนำปลาไหลมาขายในครั้งก่อน เสี่ยวเอ้อจำพวกเขาได้ก็ร้องทักอย่างดีใจ"พวก
"อาเซียง เจ้าเดินรอข้าด้วยสิ""อาย้งเจ้าก็เดินให้เร็วหน่อยสิ พี่สะใภ้กำลังรอไก่จากข้าอยู่นะ""เดี๋ยวนี้ เจ้าหายใจเข้าหายใจออกเป็นพี่สะใภ้ ข้าชักจะน้อยใจแล้วสิ""หึ แน่นอนว่า พี่สะใภ้ของข้า ต้องสำคัญกว่าเจ้า""เจ้าพูดเช่นนี้ คอยดูเถอะ คืนนี้ข้าจะลงโทษเจ้าเช่นไร""เจ้า! ไม่ต้องพูดแล้ว รีบเดินเร็ว นี่มันหน้าบ้านท่านป้าเจ้านี่ รีบเดินเร็วๆ เข้าเถอะ เจ้าไม่กลัวหรือยังไง"ซินเซียงหันซ้ายแลขวา เนื่องจากบ้านหลังนี้เป็นบ้านของท่านป้าของเซียนย้ง แต่นางเสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว ส่วนบุตรชายกับลูกสะใภ้ก็ทำงานที่เมืองหลวง จึงปล่อยบ้านทิ้งร้างไว้เคร้ง......ปึก ปึก ปึกซินเซียงหันไปเกาะแขนเซียนย้ง หน้าขาวซีด"อา...ย้ง เจ้า..ได้ยินเสียง อะไรไหม""คงจะเป็นเสียงหนูละมั้ง ข้าว่าเรารีบไปกันดีกว่าเนอะ"เซียนย้งที่หิ้วไก่อยู่ ใช้มืออีกข้างดึงให้ซินเซียงรีบเดินตาม"อาย้ง ....อาเซียง""อา...ย้ง ได้ยินเสียงคน คนเรียก พวกเราไหม"ตอนนี้ เซียนย้งเองก็เริ่มหน้าซีดไปเหมือนกัน จับมือซินเซียงเตรียมวิ่งออกไป"อาย้ง อาเซียง นี่ข้าเอง พี่ซีเม่ย ภรรยาท่านพี่เหวินฉีไง""พี่สะใภ้ เป็นท่าน แล้วท่านพี่เหวินฉีละขอรับ"เซียนย
" พี่สะใภ้ท่านมาแล้ว ข้าจะออกไปตามก็ไม่กล้าวางมือ""อาย้ง นำโถที่ข้าเตรียมไว้ทางโน่นมา นำผ้ามาปูบนปากโถ แล้วเอาผ้าชิ้นเล็กที่ข้าตัดไว้แล้ว รัดผ้าที่วางตรงปากโถให้แน่น ข้าจะกรองน้ำมันหอมอีกรอบ"เซียนย้งทำงานคล่องแคล่ว เดี๋ยวเดียวโถพร้อมผ้ากรองก็อยู่ตรงหน้านาง นางจัดการตามขั้นตอนสุดท้ายอย่างรวดเร็วในที่สุดน้ำมันทั้งหมดก็ถูกเทใส่โถ และดอกกุหลาบก็ถูกวางใส่ผ้ากรองทิ้งไว้"พี่สะใภ้ ต้องวางไว้นานเท่าใดขอรับ""วางไว้จนกว่า น้ำมันในดอกไม้จะออกมาหมด""ดอกไม้กับน้ำมันยังเหลืออยู่ ท่านจะให้ข้าทำต่อเลยไหมขอรับ""น่าจะทำต่อได้อีกหนึ่งถังเจ้าจัดการเลย ข้าจะคอยดู"เซียนย้งจัดการตามวิธีที่จำได้ มีผิดไปบ้างแต่เว่ยเหนียนเหยาก็คอยบอกอยู่ข้างๆ จนตุ๋นน้ำมันหอมเรียบร้อย"เอาละทีนี้มาตัดสบู่กัน เจ้าไปหยิบถาดที่ใส่สบู่มา"เซียนย้งหยิบถาดที่ใส่สบู่มาหนึ่งถาด วันนี้พี่สะใภ้ทำสบู่สามถาด เขาทำเองอีกหนึ่งถาด รวมแล้วเป็นสี่ถาด เดี๋ยวถาดนี้ให้พี่สะใภ้ตัดให้เขาดู ส่วนถาดอื่นๆเขาจะขอลองตัดเองเว่ยเหนียนเหยารับถาดไม้มา จากนั้นก็ใช้มีดเล็กบางเลาะไปข้างๆถาดไม้แล้วคว่ำถาดลงเคาะเบาๆ สบู่ก็หลุดออกมา นางจับก้อนสบู่ก้อนใหญ่ไ
หญิงสาวเล่าเรื่องที่เว่ยหานหมิงเข้าหานาง ทุกคำพูด ทุกการกระทำ นางล้วนเล่าออกมาทั้งหมด นางไม่ใช่นางเอก ที่จะยอมปิดบังเรื่องต่างๆ เพื่อความสบายใจของพระเอก จนบางครั้งก็เกิดเรื่องราวใหญ่โตสำหรับนางการพูดคุยกันทุกเรื่องจะช่วยให้ชีวิตคู่ของพวกนางมั่นคงขึ้นอีกก้าว"เจ้าบอกว่าน้องเล็กเรียกเจ้าว่า อาเหยา หรือ""เจ้าค่ะ""แถมยังทำท่าอาลัยอาวรณ์เจ้าอีก""เจ้าค่ะ""ถ้าอย่างนั้นต่อไป เจ้าก็ไม่ต้องตามพี่ไปที่บ้านนั้นอีก และต่อไปพี่จะไม่เรียกเจ้าว่า อาเหยา แล้ว"อ้าว นี่นางทำให้สามีทำไหน้ำส้มหกนองหรือไร หญิงสาวเอนกายซบอกแกร่งสามีอย่างออดอ้อน"ถ้าเช่นนั้น ท่านจะเรียกข้าว่าอะไรดีเจ้าคะ""เหยาเอ๋อ พี่จะเรียกเจ้าว่า เหยาเอ๋อ ต่อไปเจ้าจะเป็นเหยาเอ๋อของพี่เพียงคนเดียว เจ้ายังจำสัญญาได้หรือไม่ ครั้งนี้เจ้าต้องมีลูกสาวอวบอ้วนให้พี่สักหลายๆ คนนะ เหยาเอ๋อ"ชายหนุ่มจับคางภรรยาขึ้นรับจุมพิตอ่อนโยนที่เขามอบให้ เขารู้ว่า นางไม่ใช่อาเหยาในอดีตที่มีใจรักต่อเว่ยหานหมิงผู้เป็นน้องชายครั้งนี้เขาตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่า จะทำตามคำสั่งบิดา ไม่จำเป็นจะไม่ไปที่บ้านหลังนั้นอีกกลิ่นกายหอมกรุ่นในอ้อมแขน ดึงสติเขาออกจากความคิ