หานตงนำเด็กชายทั้งสามกลับเข้าไปแต่งตัว ก่อนจะสั่งให้นั่งเล่นอยู่ภายในห้อง
จากนั้นเขาจึงออกมาที่ห้องโถง นำโต๊ะและเก้าอี้เข้าไปเก็บไว้ในห้องของตัวเอง ก่อนจะลงมือถูพื้นที่ห้องโถงจนสะอาด และนำเสื่อมาปูวางไว้ ภรรยาของเขาเคยบอกว่า ที่สั่งทำโต๊ะกินข้าวใหญ่ขึ้น เพราะอยากให้ทุกคนกินข้าวพร้อมกัน เช่นนี้ถึงจะเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ ในเมื่อยังไม่มีโต๊ะมา ทำแบบนี้ก็ได้เช่นกัน ชายหนุ่มเดินเข้าไปในครัว ช่วยจัดเตรียมถ้วยชามนำออกไปวาง เพื่อช่วยผ่อนแรงภรรยา เว่ยเหนียนเหยาหันมายิ้มกับสามี วันนี้นางทำกับข้าวสามอย่าง น้ำแกงปลาอีกหนึ่งอย่าง แถมท้ายพิเศษด้วยถั่วเขียวต้มน้ำตาล จริงๆเมื่อสักครู่ซินเซียงก็วิ่งแจ้นเข้ามาจะช่วยนางลงครัว แต่ถูกนางให้กลับไปดูแลเรื่องเย็บแบบผ้าต่อ เว่ยเหนียนเหยาทำอาหารไป วางแผนงานไปอย่างเพลิดเพลิน จนเมื่อเห็นสามีเดินเข้ามาช่วยจัดเตรียมถ้วยชาม นางจึงแอบตามไปดู พบว่าหานตงนำเสื่อมาปูที่พื้น จัดเป็นที่กินข้าวขนาดใหญ่ไปเสียแล้ว หญิงสาวยิ้มอย่างมีความสุขในความเอาใจใส่ของสามี ในชีวิตลูกผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งงานแล้ว นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกนางล้วนฝันหาหรอกหรือ นางเดินเข้าไปจัดเตรียมอาหาร เพื่อจะนำออกมาวาง หากแต่ยังไม่ทันจะยก มือใหญ่ข้างหนึ่งกลับหยุดมือของนางไว้ "เจ้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อนเถิด วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ส่วนที่เหลือพี่จะจัดการเอง" จากนั้นก็จูงมือของนางเดินไปส่งที่หน้าประตูครัวเป็นการตัดบท เว่ยเหนียนเหยาเดินเข้ามาในห้อง วันนี้แม้จะไม่ร้อนมาก แต่การที่นางต้องวิ่งไปโน่นมานี่ ทำให้มีกลิ่นเหงื่อติดกายไม่น้อย หญิงสาวคิดไปถึงสามีของนาง ต่อไปเขาต้องไปโน่นมานี่ติดต่อผู้คนมากมาย เรื่องกลิ่นเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรจะมองข้าม นางเดินตรงไปที่ไหอันหนึ่งที่วางอยู่ที่ข้างตู้ พอเปิดฝาไหออก กลิ่นของดอกกุหลาบก็ลอยออกมากระทบจมูกทันที อืม กลิ่นใช้ได้แล้ว ไหอันนี้เป็นไขมันแพะที่นางนำมาผสมดอกกุหลาบลงไปเพื่อนำมาเป็นวัตถุดิบในการทำสบู่ เพียงแต่กว่าจะหมักจนได้กลิ่นหอมนั้นต้องใช้เวลานานและดอกไม้เป็นจำนวนมาก ไขมันในไหนี้น่าจะช่วยให้นางผลิตสบู่เพียงพอนำมาใช้ได้ระยะหนึ่ง จริงๆแล้ว ในช่วงหน้าหนาวนางมีแผนการที่จะกลั่นน้ำหอมจากดอกไม้ออกมาเก็บไว้ใช้สักหน่อย นางปิดฝาไหและวางลงไว้ตรงที่เดิม ก่อนจะรีบออกไปอาบน้ำชำระร่างกายและเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อหญิงสาวออกมาอีกครั้งสมาชิกทุกคนก็นั่งพร้อมหน้าพร้อมตากันอยู่แล้ว เด็กสาวทั้งหมดที่เพิ่งเสร็จงาน นั่งพูดคุยหยอกล้อกันอย่างมีความสุข ส่วนเซียนย้งก็กำลังบรรยายถึงความสวยงามของบ้านที่เสร็จไปแล้วบางส่วน มองดูหานตงที่กำลังห้ามปรามลูกชายคนเล็กที่กำลังแอบหยิบชิ้นเนื้อในหม้อออกมากิน เว่ยเหนียนเหยา รู้สึกว่า นี่เป็นคำตอบที่เธอค้นหา คือ ความมีสีสันของการมีชีวิต "ขอโทษทุกท่านด้วยเจ้าค่ะ ข้าออกมาช้าไปหน่อย" "ไม่ ไม่เจ้าค่ะพี่สะใภ้เป็นพวกเราต่างหากที่มารบกวนท่าน" "มาเถอะกินข้าวกันก่อน วันนี้การค้าที่ข้าไปเจรจาถือว่าประสบผลสำเร็จงดงาม อาหารมื้อนี้ถือว่าเลี้ยงขอบคุณพวกเจ้าล่วงหน้า" ซินเซียงทำหน้าที่ตักข้าวใส่ถ้วยแจกให้ทุกคน อาหารวันนี้มีจานเนื้อถึงสองจาน จานผักหนึ่งจาน และยังมีน้ำแกงปลาและของหวานอีกด้วย เด็กสาวทั้งสี่มาจากบ้านที่มีฐานะต่างกัน แต่บิดามารดาล้วนให้ความสำคัญกับบุตรชาย ข้าวปลาอาหารดีๆจึงมักจะมาไม่ถึงพวกนาง ครั้งนี้แม้จะมีอาหารวางอยู่ตรงหน้ามากมาย แต่พวกนางก็เจียมตน เก็บไม้เก็บมือไม่กล้าวุ่นวาย "พวกเจ้าสี่คนก็เหมือนกัน กินให้มากหน่อย ผู้หญิงเราอ้วนมากไปก็ไม่ดี แต่ผอมมากไปก็ใช่ว่าจะดี ข้าว่าพวกเจ้าผอมไปนะ ต้องบำรุงขึ้นมาสักหน่อย เอาถ้วยข้าวของพวกเจ้ามานี่ข้าจะตักเนื้อให้เอง" เว่ยเหนียนเหยา ตักเนื้อให้นางทั้งสี่คนจนเต็มถ้วย ก่อนจะส่งคืนไปให้ "ขอบคุณเจ้าค่ะนายหญิง" "ต่อไปพวกเราก็คือครอบครัวเดียวกัน ทุกคนไม่ต้องเกรงใจกินกันให้เยอะสักหน่อย" "ข้าทราบแล้วขอรับท่านแม่" เป็นเสียงแป้นแล้นของบุตรชายคนเล็กของนางตอบออกมา "เจ้ารอง แต่พ่อว่าเจ้ากินให้น้อยหน่อยเถอะ ไม่อย่างนั้นต่อไปเจ้าอาจจะต้องกลิ้งไปแทนใช้ขาเดิน" หานเหนียนหันมาค้อนบิดา เขาก็แค่กินข้าวไปสองถ้วย เนื้อชิ้นใหญ่อีก 3-4ชิ้น เนื้อปลาอีก 4ชิ้น แล้วก็ซดน้ำแกงไปอีกนิดหน่อย ก็มารดาชอบบุตรชายตัวอวบอ้วน ที่เขาทำไปทั้งหมดก็เพื่อมารดาจริ๊งงงงจริง ในขณะที่เด็กอีกสองคนเอาแต่หัวเราะเยาะผู้ที่เป็นน้องชายอย่างสะใจ เมื่อทุกอย่างเริ่มพร่องลง มือไม้ในการขยับตะเกียบของทุกคนก็ช้าลงอย่างเห็นได้ชัด "เมื่อทุกคนอิ่มแล้ว ข้ามีเรื่องจะปรึกษาทุกคน ข้าจะรับสมัครคนงานมาสร้างเพิงที่ข้างบ้าน" "ท่านจะสร้างเพิงทำไมหรือเจ้าคะพี่สะใภ้" "เพราะข้าคิดจะรับคนงานตัดผ้าเข้ามาเพิ่ม จึงอยากทำสถานที่ทำงานให้พวกเจ้าใหม่ไปด้วย ข้ารู้ว่าเพิงพักพวกนี้ ชายหนุ่มทุกคนล้วนแต่ทำได้ หากแต่ช่วงนี้พวกเราทุกคนยุ่งมาก ข้าจึงอยากให้โอกาสญาติพี่น้องของพวกเจ้า หากคิดว่าใครมีความสามารถก็เสนอมาได้เลย ข้ารับสมัครห้าคน ให้คนละ ห้าสิบอีแปะ แต่ต้องทำงานให้เสร็จภายในวันเดียว" "นายหญิง ให้โอกาสคนบ้านข้าได้หรือไม่" อาหงเสนอตัวออกมา ในคนที่มาทำงาน ครอบครัวของนางถือว่ายากจนที่สุด บิดาของนางเป็นพรานป่าแต่ปีก่อนเผอเรอหลงเข้าไปในป่าลึกจึงถูกเสือทำร้าย ถึงจะเอาชีวิตรอดออกมาได้ แต่ร่างกายก็ไม่แข็งแรงเหมือนเดิม ส่วนมารดานั้นมีอาชีพรับจ้างทำไร่ เนื่องจากไม่ยินยอมให้บุตรชายทั้งสามเดินตามรอยบิดา เพราะกลัวจะสูญเสียบุตรชายไป จึงให้บุตรชายรับจ้างทำไร่เหมือนกับตัวเอง ที่ผ่านมาก็สามารถเลี้ยงดูครอบครัวอย่างไม่ขัดสนกันนัก ใครจะรู้ว่าเมื่อต้นปีฟ้าฝนไม่เป็นใจ หลายครอบครัวไม่ทำการเพาะปลูก ทำให้ครอบครัวนางไม่มีงานทำ จนประสบภาวะขัดสน เดิมที่นางเย็บปักผ้าขายก็ถือว่าเป็นค่าของใช้ส่วนตัวเล็กๆน้อย แต่ตอนที่นางมาร่วมทดสอบ นางคาดหวังว่าจะได้งาน เพราะอยากนำเงินไปช่วยครอบครัวอีกแรง "เป็นครอบครัวอาหงก็ดีนะ แค่สร้างเพิงไม่จำเป็นต้องใช้ผู้ชายทั้งหมดหรอก" นางลี่สือหลินช่วยพูดรับรองให้กับอาหง บ้านของอาหงอยู่ติดกับบ้านของลูกชายของนาง หลายปีที่นางอยู่ที่นั่นก็เห็นความเป็นอยู่ของครอบครัวนี้มาตลอด บิดาของอาหงเป็นคนต่างถิ่นที่นำครอบครัวมาขออาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ เด็กๆทั้งสามที่เป็นพี่ชายของอาหงก็ขยันขันแข็ง เสียแต่ว่า คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้าน มักจะเลือกรับญาติฝ่ายตระกูลตนเข้ามาทำงานมากกว่าจะเลือกคนอื่น ทำให้คนบ้านนี้มักจะได้งานที่ไม่ค่อยจะดีนัก "ได้ งั้นเรื่องเพิงข้าให้บ้านอาหงเป็นคนมาทำ พรุ่งนี้เจ้าพาครอบครัวเจ้ามาดูที่ทาง ต้องหาซื้ออะไรบ้าง ข้าจะให้สามีของข้าจัดหามาให้ ส่วนท่านแม่ของเจ้าหากไม่รังเกียจงานเล็กน้อย ข้าอยากให้มาทดสอบการตัดผ้าตามแบบดู หากทำได้ข้าจะรับไว้โดยให้ค่าแรงวันละสามสิบอีแปะ" เว่ยเหนียนเหยา เชื่อใจในการดูคนของนางลี่สือหลิน หากนางรับรองว่าไม่มีปัญหาก็น่าจะเป็นไปตามนั้น อีกอย่างนางแค่ต้องให้งานเสร็จสมบูรณ์ ขอเพียงผลของงานเรียบร้อย จะเป็นใครมาทำก็ได้ หากโชคดีได้คนที่ซื่อสัตย์ ขยันขันแข็งมาก็ยิ่งดี เพราะต่อไปนางยังต้องการใช้แรงงานอีกเยอะ แต่หากโชคร้ายได้คนที่ไม่ดีมา ก็ถือซะว่าเป็นประสบการณ์การเรียนรู้ไป นางก็แค่ขึ้นบัญชีดำบ้านหลังนี้ไว้ก็เท่านั้นเอง "เรื่องที่สองข้าอยากได้คนสานตะกร้า ไม่ทราบว่าพวกท่านมีใครรู้จักช่างฝีมือพวกนี้บ้างหรือไม่" "ท่านลุงใหญ่ข้า อยู่ที่ถัดออกไปอีกสองหมู่บ้าน ครอบครัวฝั่งมารดาข้าเป็นช่างสานมาหลายชั่วอายุคนเจ้าค่ะ เพียงแต่ว่าข้าจำทางบ้านท่านลุงใหญ่ไม่ได้ ถ้าท่านต้องการจะไป เกรงว่าต้องให้มารดาเป็นคนนำทาง" เป็นหญิงสาวนามว่าอาซวงเป็นคนพูดออกมา นางเป็นลูกสาวของคนสกุลหวังสายสี่ เนื่องจากบิดาของนางรักชอบแต่บุตรชาย ลูกสาวอย่างนางจึงไม่เป็นที่สนใจ ข้าวของเครื่องใช้ ล้วนแต่เป็นนางที่ต้องหามาเองทั้งนั้น "ถ้าเช่นนั้นคงต้องรออีกสักสามสี่วัน น่าจะเดินทางสะดวกกว่านี้" เว่ยเหนียนเหยาจดข้อมูลลงในกระดาษที่นางเตรียมมา "เอาละข้ามีเรื่องเพียงเท่านี้ นี่ก็เย็นมากแล้วพวกเจ้ารีบกลับบ้านไปเถอะ เดี๋ยวพ่อแม่จะเป็นห่วง" เฮ้อ นางมองเด็กสาวพวกน้ันอย่างเอ็นดู แต่ละคนอายุยังไม่ถึงวัยปักปิ่น แต่มีความคิดความอ่านไม่น้อย อิจฉาพ่อแม่ของพวกนางจริงๆ หลังจากเด็กสาวพวกนั้นเดินจากไป นางก็ให้เซียนย้งเดินไปลงกลอนประตู เพื่อจะคุยธุระสำคัญ " อาย้ง ตอนนี้การสร้างบ้านเป็นยังไงบ้าง" "ตอนนี้เสร็จไปเกินครึ่งแล้วขอรับ ข้าเข้าไปคุมงานเองทุกวัน รับรองว่าไม่มีใครกล้าอู่แน่นอนขอรับ" "ดีมาก ข้าเกรงว่าต่อไปการค้าของพวกเราอาจไม่สามารถปิดบังคนอื่นได้ ที่จะมีปัญหากับเราบ้านแรกน่าจะเป็นบ้านพ่อแม่ของสามีข้า" หานตงได้ยินดังนั้นก็หน้าเครียดขึ้นมาทันที "เจ้าคิดว่าท่านแม่พี่จะทำเช่นไร หากรู้เรื่องกิจการนี้เข้า" "มีทางเป็นไปได้มากที่นางจะให้ท่านนำเข้าไปเป็นกิจการของตระกูล" "แล้วถ้าหากพี่ไม่ยอมละ" ทุกคนได้แต่นิ่งเงียบเพราะรู้ว่า นางเว่ยหมัวหลานไปคนเช่นไร หากแต่เกรงว่าพูดออกไปจะกระทบกระเทือนจิตใจของหานตงซะเปล่าๆ "ท่านพ่อ ท่านพ่อ พวกข้าไม่อยากไปอยู่บ้านท่านย่านะขอรับ" "ใช่ขอรับ ท่านป้าสะใภ้มือหนักน่าดู ข้าไม่ไปนะขอรับ" เว่ยเหนียนเหยาตกใจกับกิริยาของบุตรชาย จึงแสร้งหัวเราะขึ้น "เด็กโง่ ใครจะให้พวกเจ้าไปกันละ บ้านของพวกเราก็มี อาเหยาเจ้าช่วยพาน้องๆเข้าไปนอนก่อนเถอะ " หลังจากเด็กน้อยสามคนจากไป พวกผู้ใหญ่ก็ถอนใจอย่างโล่งอก ต่อไปต้องระวังคำพูดจาต่อหน้าเจ้าตัวน้อยพวกนั้นสักหน่อย "ท่านพี่ อาย้ง พรุ่งนี้เห็นว่าเป็นวันที่ต้องแจ้งชื่อเพื่อขอเข้าเรียนในสำนักศึกษาของเด็กๆ" ตามที่นางรู้มา ในทุกปี ทางผู้ใหญ่บ้านจะออกไปรวบรวมจำนวนของสถานศึกษา รวมไปถึงรายละเอียดต่างๆ และเอกสารการสมัคร มาให้กับบุตรหลานของพวกคนในหมู่บ้าน ถือได้ว่าผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านนี้ทำงานได้ไม่เลวจริงๆ "ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ท่านกับอาย้งก็พาเด็กๆไปแจ้งชื่อไว้เถอะ" "พี่สะใภ้ ให้พี่หานพาเด็กๆไปเถอะ อาเหยาคงไม่มีวาสนา" เซียนย้งถอนหายใจ ใช่ว่าเขาจะไม่อยากให้ลูกได้เข้าเรียน แต่เรื่องแบบนี้ช่างห่างไกลเกินกำลังเขายิ่งนัก สำนักศึกษาชั้นปลายแถว ยังต้องเสียค่าเล่าเรียนปีละสิบตำลึงทอง ชั้นกลางก็ปีละ สามสิบถึงสี่สิบตำลึงทอง ส่วนชั้นสูงที่คุณหนู คุณชายทั้งหลายเล่าเรียน ปีละ แปดสิบถึงหนึ่งร้อยตำลึงทองเลยทีเดียว "อาย้ง เจ้าเป็นน้องชายข้า เจ้าพูดเช่นนี้จะดูถูกว่าข้าด้อยวาสนาใช่หรือไม่" "ไม่ ไม่ พี่สะใภ้พวกข้าไม่ได้คิดเช่นนั้นนะเจ้าคะ" ซินเซียงรีบปฏิเสธ ใช่ว่านางไม่อยากจะให้บุตรชายได้เล่าเรียน แต่แค่นี้นางก็ต้องตอบแทนบุญคุณอีกฝ่าย จนถึงชาติหน้าไปแล้ว แล้วจะกล้ารับสิ่งเหล่านี้ได้อีกยังไง "งั้นก็ไม่ต้องพูดมาก พรุ่งนี้ให้สามีเจ้าพาเด็กๆไปพร้อมกับท่านพี่ เลือกสมัครสถานศึกษาระดับกลางที่ดีที่สุด" จริงอยู่ว่าด้วยกำลังของนางในเวลานี้ แม้แต่สถานศึกษาที่ดีที่สุดนางก็สามารถส่งเด็กทั้งสามเข้าไปเรียนได้ แต่คุณหนูคุณชายเหล่านั้น ล้วนถูกเลี้ยงมาให้เหยียดหยามคนชั้นต่ำกว่า นางไม่อยากส่งบุตรชายและหลานชายไปเป็นเป้าให้เด็กๆเหล่านั้นทำร้าย จนเกิดแผลในใจหรอกนะ นางจะรอเวลาให้ปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อม บ่มเพาะความกล้าแกร่งให้เหล่าปีศาจน้อยๆของนางเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อย หลังจากนั้นค่อยเปลี่ยนสถานที่เรียนก็ยังไม่สาย "ท่านพี่เจ้าคะ หลังจากไปบ้านผู้ใหญ่บ้านแล้ว ท่านช่วยเลยไปบ้านท่านผู้นำด้วยจะได้หรือไม่เจ้าคะ" "เจ้าจะให้พี่ไปคุยเรื่องกฎของตระกูลใช่หรือไม่" นั่นไงเห็นไหมนางบอกแล้วว่า สามีของนางไม่โง่ พูดแค่นี้สามีนางก็มองทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง "เอาเถอะเรื่องนี้พี่จะจัดการเอง อาย้งเจ้าพาครอบครัวกลับบ้านไปได้แล้ว แล้วพรุ่งนี้รีบมาพบข้าแต่เช้า เข้าใจหรือไม่ คำพูดพี่สะใภ้เจ้าถือว่าเด็ดขาดแล้ว" ถูกจ้า คำพูดของเมียถือว่าถูกที่ซู๊ดดดดดด เอ็นดูนาง อยากได้นางเป็นสามี หึ หึ หึ"ท่านแม่ ท่านแม่ขอรับ ได้โปรดตื่นเถิด อย่าทิ้งข้ากับท่านพ่อไปนะขอรับ ฮือ ฮือ""ท่านพ่อ ทำไมท่านแม่ถึงนอนแน่นิ่งแบบนี้ ท่านพ่อช่วยปลุกท่านแม่หน่อยขอรับ"เสียงใครกัน หนวกหูชะมัด ฉันขอนอนนานๆหน่อยได้ไหม เว่ยเหนียนเหยา คิดในใจอย่างรำคาญ เมื่อวานนี้กว่าเธอจะปิดบัญชีของภัตตาคารหรูระดับห้าดาวเสร็จ เธอต้องเคร่งเครียดจนลืมกินลืมนอนไปหลายคืน " เจ้าใหญ่ เจ้ารอง หยุดร้องไห้ก่อนเถอะ เจ้าดูแม่เจ้าไว้ก่อน เดียวพ่อจะไปตามท่านหมอจางมาดูแม่เจ้า"เสียงอีกเสียงดังขึ้น ฟังดูก็รู้ว่า น่าจะเป็นชายหนุ่มอายุไม่เยอะเท่าไหร่ ว่าแต่ว่าพวกเขาพูดถึงใครกัน แล้วคนพวกนี้เข้ามาอยู่ในบ้านเธอได้ยังไง แย่แล้ว!!! หรือว่าจะเป็นโจร เว่ยเหนียนเหยาคิดอย่างตกใจ พยายามที่จะลืมตาขึ้น แต่กลับรู้สึกปวดหัว และเจ็บข้างหลังท้ายทอยเป็นอย่างมาก หญิงสาวค่อยๆยกมือ ลูบไปยังบริเวณที่เจ็บ พร้อมกับลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก แสงสว่างสาดเข้ากับดวงตา ทำให้ตาของเธอพร่าไปเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆคุ้นชิน หญิงสาวกวาดสายตามองดูโดยรอบนี่เธออยู่ที่ไหน ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ หรือเธอถูกโจรจับมาเรียกค่าไถ่ สารพัดคำถามที่ไร้คำตอบดังขึ้นมาในหัว แต่ก่อนที
" ท่านพ่อเร็วเข้าเถอะขอรับ ท่านแม่อาการหนักแน่ๆ""ใช่ขอรับท่านพ่อ เมื่อครู่ท่านแม่จำข้ากับพี่ใหญ่ไม่ได้ด้วยขอรับ"เสียงโวยวายของเด็กทั้งสองดังขึ้น พ่อของเด็กน่าจะพาหมอกลับมาแล้ว หญิงสาวแสร้งนอนนิ่ง เพื่อรอดูเหตุการณ์ "ท่านหมอ ท่านช่วยตรวจดูภรรยาข้าหน่อยเถอะขอรับ"น้ำเสียงทุ้มกล่าวอย่างนอบน้อม หมอชราถอนหายใจในความอยุติธรรมที่ชายหนุ่มตรงหน้าได้รับ เขาบังเอิญรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น สองครอบครัวร่วมมือกันเล่นละคร เพื่อผลักดันชายหนึ่งหญิงหนึ่งที่ตนไม่ต้องการให้กระเด็นออกมา " หานตงเอ๋ย ข้าสงสารเจ้ายิ่งนัก เวรกรรมอะไรของเจ้าหนักหนา"ชายชราส่ายหน้า พลางนั่งลงตรงข้างร่างหญิงสาว หลังจากลงมือสำรวจบาดแผล และตรวจดูชีพจร เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง จึงมอบยารักษาบาดแผลไว้ให้ หมอชราปฏิเสธที่จะรับเงินค่ารักษา ขอรับเพียงแต่เงินค่ายาเท่านั้นหลังจากที่หมอชราจากไป ชายหนุ่มจึงปลอบโยนลูกทั้งสอง ก่อนจะนำกะละมังและผ้าชุบน้ำมาเช็ดตามเนื้อตัวของภรรยา เว่ยเหนียนเหยารู้สึกซาบซึ้งใจกับสิ่งที่ชายหนุ่มปฏิบัติต่อเธอ ร่างบางค่อยๆลืมตาขึ้นมองสบเข้ากับดวงตาคู่คม เธอมองเห็นความกังวลปนเปกับความโล่งอก"เจ้ารู้สึกเ
สองสามีภรรยาเดินขึ้นเขาอย่างเร่งรีบ เมื่อเดินไปถึงแค่ตีนเขา กลับพบกอไผ่ขึ้นอยู่อย่างมากมาย ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็พบกับความเขียวชอุ่ม นับว่าเป็นภูเขาที่มีความอุดมสมบูรณ์ไม่น้อยเว่ยเหนียนเหยารีบเดินเข้าไปสำรวจตรงกอไผ่ทันที หลังจากที่แหวกดูดวงตาก็เปล่งประกาย"ท่านพี่ ท่านมาช่วยข้าขุดหน่อไม้หน่อยเถิด เราจะได้นำกลับไปเป็นอาหารที่บ้าน""หน่อไม้พวกนี้มีรสฝาดไม่เหมาะจะนำไปเป็นอาหารหรอก"ชายหนุ่มส่ายหน้ากับความไม่รู้ของผู้เป็นภรรยา หญิงสาวหาได้ถือสา ด้วยเข้าใจว่าผู้คนในอดีตย่อมไม่รู้ว่าควรนำหน่อไม้มาปรุงอาหารเช่นไรนางเพียงขุดขึ้นมาเป็นตัวอย่างให้สามีดู พลางเน้นย้ำว่า ให้ขุดขึ้นมาให้เยอะหน่อยเท่านั้น เมื่อเห็นว่าสามีไม่ปฏิเสธ หญิงสาวจึงค่อยๆ เดินสำรวจไปทางอื่นนางหยุดมองที่ต้นไม้กอใหญ่กอหนึ่ง หลังจากที่พิจารณาอยู่ชั่วครู่ ก็ตัดสินใจขุดลงไปในดินใต้ต้นไม้นั้นสิ่งที่ปรากฏอยู่ในดินทำให้หญิงสาวยิ้มแก้วปริ อย่างน้อยๆ สิ่งนี้ก็ช่วยให้นางและครอบครัวรอดพ้นจากความหิวโหยไปได้พักใหญ่สองมือเรียวค่อยๆ นำสิ่งที่อยู่ในดินขึ้นมา มันฝรั่งหัวใหญ่ถูกดึงขึ้นมาใส่ลงไปในตะกร้าจนเต็มก่อนที่หญิงสาวจะเดินกลับไปหาสามี
ด้วยประสบการณ์ความยากจนที่เคยผ่านมา เรื่องการจุดไฟทำอาหารไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับนางหญิงสาวนำหม้อเก่าใบหนึ่งขึ้นมาใส่น้ำก่อนจะหั่นปลาเป็นชิ้นๆ ลงไปต้มในหม้อ หลังจากควบคุมไฟไม่ให้แรงจนเกินไป จากนั้นนางจึงนำมันฝรั่งออกมาปอกเปลือกและหั่นทิ้งไว้ มองดูปลาที่ต้มไว้มีฟองลอยอยู่ไม่น้อยจึงค่อยๆ ตักฟองคาวออก รอจนกระทั่งไม่มีฟองขึ้นมาอีก จากนั้นจึงใส่เกลือลงไปเล็กน้อยนางตักน้ำแกงขึ้นมาชิม รสชาติความหวานของเนื้อปลาบวกกับความเค็มของเกลือ แม้จะยังไม่ใช่อาหารเลิศรสแต่ก็น่าจะประทังความหิวไปได้เมื่อยกหม้อปลาลง นางรีบนำกระทะขึ้นตั้งไฟ ใส่น้ำลงไปเล็กน้อย นำมันฝรั่งลงไปผัดจนสุก จากนั้นปรุงรสชาติด้วยเกลืออีกหน่อยปลาสองตัวกับมันฝรั่งพวกนี้น่าจะช่วยให้มื้อนี้ของครอบครัวผ่านไปด้วยดี นางรีบนำอาหารออกไปวางบนโต๊ะกินข้าว ภายในบ้านไม่มีใครอยู่ กลับปรากฏเสียงดังอยู่ด้านนอกเว่ยเหนียนเหยาเดินออกไปตามเสียง พบว่าสามีกำลังทำความสะอาดอุปกรณ์ที่นำไปขึ้นเขา ส่วนบุตรชายทั้งสองก็นั่งเล่นกันอยู่ข้าง ๆ"ท่านพี่ เจ้าใหญ่ เจ้ารอง มากินอาหารกันเถอะ"เด็กทั้งสองเมื่อได้ยินเสียงมารดาเรียก ก็รีบวิ่งกรูเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว หญิงสาว
หญิงสาวจัดการย้ายข้าวของเข้าไปไว้ในครัวจนเรียบร้อย หลังจากเห็นสามีกลับมาพร้อมปลาตามที่ต้องการ อีกทั้งปลาสองตัวที่จะนำมาทำอาหารเย็น ก็จัดการทำความสะอาดมาเรียบร้อยแล้วเมื่อเห็นสามีพาบุตรชายทั้งสองออกไปนั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน นางจึงวางใจเดินกลับเข้าห้องไปอีกครั้ง ก่อนจะนำผ้าทั้ง2พับขึ้นมาดูอย่างครุ่นคิด นางเริ่มนำผ้าเช็ดหน้า ถุงเครื่องหอม และ ถุงเงินขึ้นมาพิจารณาจากนั้นจึงเลาะถุงเงิน ตามด้วยถุงเครื่องหอมออกเพื่อศึกษาวิธีการตัดเย็บ อาจจะเป็นด้วยโชคชะตากำหนดไว้ให้ จึงทำให้ช่วงหนึ่งในเวลาที่ยากลำบากนางเคยทำงานอยู่ในร้านเสื้อผ้าชั้นสูงแห่งหนึ่ง ร้านร้านนี้เป็นร้านไม่ใหญ่มาก แต่ราคาเสื้อผ้าแต่ละตัวแพงลิบลิ่วทีเดียว เนื่องจากเสื้อผ้าที่ตัดแต่ละตัว รวมไปถึงการปักลวดลายต่างๆ จะต้องใช้มือปักเท่านั้นงานที่ออกมาแต่ละตัวจะได้รับการตรวจทานจากสายตาอันเฉียบคมของเจ้าของร้าน หากทำไม่ดีไม่ละเอียดจะถูกต่อว่าและให้นำกลับไปแก้ไขมาใหม่ให้เรียบร้อย เว่ยเหนียนเหยาเป็นคนหัวดี แถมยังละเอียดใส่ใจ เจ้าของร้านจึงเอ็นดูนางเป็นอย่างมากพร่ำสอนสิ่งต่างๆ ให้อย่างไม่คิดหวงวิชา ตอนนี้นางรู้สึกขอบคุณเจ้าของร้านเป็นอย่างยิ
เวลาดึกสงัดรอบข้างไร้เสียงรบกวน หากแต่ร่างสูงใหญ่กลับไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ หานตงครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาตั้งแต่เช้าเขาจำได้ว่า ตัวเขาออกจากบ้านไปด้วยความหวังอันริบหรี่ หากแต่บ้านบิดามารดาเป็นเชือกเส้นสุดท้าย ที่เขาหวังจะเกาะเกี่ยวยามเมื่อกำลังจะจมน้ำแต่คำตอบที่ได้รับกลับทำให้รู้ว่า สิ่งที่เขาเห็นเป็นเชือก แท้จริงเป็นเพียงแค่ฟางเส้นบางๆ ที่ไม่สามารถยึดเกี่ยวอะไรได้เขาจำได้ดี วันแต่งงานของน้องชาย ที่บ้านจัดงานเลี้ยงใหญ่โต ทั้งข้าวปลาอาหารมีวางไว้เต็มโต๊ะไปหมด เพื่อนบ้านต่างพากันมาแสดงความยินดีแตกต่างจากงานแต่งงานของเขากับภรรยา ท่านแม่อ้างว่าเพราะพวกเขาทำผิดประเพณี หากจัดงานใหญ่โตยิ่งจะเป็นขี้ปากชาวบ้านไปทั่ว จึงจัดงานเล็กๆ ขึ้นมาเท่านั้นมาครั้งนี้เขาบากหน้าไปขอยืมข้าว หวังเพียงแค่ให้บุตรชายทั้งสองได้ประทังความหิวโหย คำตอบที่มารดาเขาให้คือ ครอบครัวเขาเป็นคนนอก อาหารมีเพียงพอสำหรับคนในครอบครัวเท่านั้นเขาเงยหน้าสบตากับบิดา อีกฝ่ายก็เอาแต่หลบสายตา แม้เขาจะรู้ดีว่า เรื่องทุกเรื่องในบ้านบิดาล้วนให้มารดาเป็นคนดูแลหากแต่เขายังหวังว่าบิดาจะมีความผูกพันกับเขาสักนิด ช่วยเอ่ยปากกับมาร
สองสามวันที่ผ่าน เว่ยเหนียนเหยาได้ขอให้สามีพานางไปเลือกซื้อของที่ร้านเล็กๆ ในหมู่บ้าน เนื่องจากนางเห็นว่า ข้าวสารและเครื่องปรุงต่างๆ นั้นร่อยหรอจนแทบจะหมดลงไปแล้วหลังจากที่ช่วยกันขนข้าวของกลับมาเก็บไว้ที่บ้าน นางจึงขอให้สามีช่วยดูแลบุตรชายในช่วงนี้ โดยอ้างกับสามีไปว่า ในช่วงนี้ร่างกายของนางยังไม่แข็งแรง อีกทั้งบุตรชายทั้งสองยังเล็ก หากช่วงนี้สามีต้องออกไปขึ้นเขา เกรงว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นหานตงเองเห็นว่า ในเมื่อไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารการกินไปอีกพักใหญ่ เรื่องที่ภรรยาขอร้องก็ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร ยังไงที่ผ่านมาเขาก็ดูแลบุตรชายทั้งสองมาเพียงคนเดียวอยู่แล้วเว่ยเหนียนเหยาเร่งมือปักผ้าตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน นางรู้ว่าตอนนี้ทางบ้านเหลือเงินอยู่ไม่มากแล้ว ที่ทางที่จะเอาไว้เพาะปลูกก็ไม่มี เนื่องจากทางบ้านสามีซื้อที่ให้เฉพาะเพียงพอปลูกบ้านหลังนี้เท่านั้นหญิงสาวถอนหายใจ ก่อนจะมองดูผลงานที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้าเฮ้อ ในที่สุดก็เสร็จเสียที ร่างบางขยับคอขยับไหล่ไล่ความเมื่อยขบที่เกาะกินตามร่างกาย หลังจากตรวจทานความเรียบร้อยของงานอีกรอบ นางก็พาร่างที่ไร้เรี่ยวแรงจากการโหมงานมาตลอดวันไปนอนบน
หลังจากทั้งครอบครัวอิ่มหนำกันแล้ว เว่ยเหนียนเหยาให้หานตงพาไปร้านขายข้าวสารและของแห้ง เมื่อมาถึงร้านขายของหานตงเห็นว่านี่เป็นเวลายามเว่ยแล้ว เขากลับบุตรชายจะไปบอกคนขับเกวียนให้รอพวกเขาสักครู่ เนื่องจากเกรงว่าคนขับเกวียนจะกลับไปเสียก่อนหากแต่หญิงสาวกลับส่งเงินให้สามี1ตำลึง พร้อมกับบอกให้สามีไปเลือกซื้อหมูเนื้อแดงครึ่งชั่ง เนื้อติดมันครึ่งชั่ง ไขมันหมูหนึ่งชั่ง และกระดูกหมูสองชั่ง จากนั้นให้หารถม้ารับจ้างมาสักคัน โดยเน้นว่าให้หาคันที่ใหญ่สักหน่อยไปรับของที่ฝากที่ร้านผ้าไว้ แล้วค่อยกลับมารับนางหญิงสาวเดินเข้ามาในร้านข้าวสาร ร้านร้านนี้จัดวางข้าวของอย่างเป็นระเบียบ ของทุกชิ้นไม่มีฝุ่นเกาะ แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในการทำงานเป็นอย่างมาก"ฮูหยินท่านนี้ ไม่ทราบว่า ต้องการซื้ออะไรบ้างขอรับ"ชายรูปร่างสันทัดเดินเข้ามาต้อนรับนางทันทีด้วยท่าทางอ่อนน้อม"เถ้าแก่ ข้าขอ ข้าวสารคุณภาพกลางสองชั่ง แป้งสาลีครึ่งชั่ง น้ำตาลทรายแดงครึ่งชั่ง เกลือสองจิน สารส้มครึ่งจิน เหล้าขม ซีอิ๊ว อย่างละไห อ๋อ ข้าขอเครื่องเทศต่างต่างอย่างละชุด และถ่านถุงเล็กหนึ่งถุงด้วยเจ้าค่ะ"เถ้าแก่ร้านอ้าปากค้าง เขาคิดไม่ถึงจริงจริง
หานตงนำเด็กชายทั้งสามกลับเข้าไปแต่งตัว ก่อนจะสั่งให้นั่งเล่นอยู่ภายในห้องจากนั้นเขาจึงออกมาที่ห้องโถง นำโต๊ะและเก้าอี้เข้าไปเก็บไว้ในห้องของตัวเอง ก่อนจะลงมือถูพื้นที่ห้องโถงจนสะอาด และนำเสื่อมาปูวางไว้ภรรยาของเขาเคยบอกว่า ที่สั่งทำโต๊ะกินข้าวใหญ่ขึ้น เพราะอยากให้ทุกคนกินข้าวพร้อมกัน เช่นนี้ถึงจะเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ในเมื่อยังไม่มีโต๊ะมา ทำแบบนี้ก็ได้เช่นกัน ชายหนุ่มเดินเข้าไปในครัว ช่วยจัดเตรียมถ้วยชามนำออกไปวาง เพื่อช่วยผ่อนแรงภรรยาเว่ยเหนียนเหยาหันมายิ้มกับสามี วันนี้นางทำกับข้าวสามอย่าง น้ำแกงปลาอีกหนึ่งอย่าง แถมท้ายพิเศษด้วยถั่วเขียวต้มน้ำตาลจริงๆเมื่อสักครู่ซินเซียงก็วิ่งแจ้นเข้ามาจะช่วยนางลงครัว แต่ถูกนางให้กลับไปดูแลเรื่องเย็บแบบผ้าต่อเว่ยเหนียนเหยาทำอาหารไป วางแผนงานไปอย่างเพลิดเพลิน จนเมื่อเห็นสามีเดินเข้ามาช่วยจัดเตรียมถ้วยชาม นางจึงแอบตามไปดู พบว่าหานตงนำเสื่อมาปูที่พื้น จัดเป็นที่กินข้าวขนาดใหญ่ไปเสียแล้วหญิงสาวยิ้มอย่างมีความสุขในความเอาใจใส่ของสามี ในชีวิตลูกผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งงานแล้ว นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกนางล้วนฝันหาหรอกหรือนางเดินเข้าไปจัดเตรียมอาหาร เพื่อจะน
หลังจากที่พูดคุยสรุปเรื่องการค้ากันเป็นที่เรียบร้อย ทั้งสี่คนก็ย้ายสถานที่ไปพูดคุยสร้างความสนิทสนมกันต่อที่โต๊ะอาหารในช่วงมื้อกลางวันหญิงสาวทั้งสามต่างรู้สึกสนิทสนมราวกับเป็นพี่น้องที่คลานออกจากมารดาเดียวกันมา โดยเฉพาะคุณหนูใหญ่ที่อยากจะขโมยเว่ยเหนียนเหยากลับไปเมืองหลวงกับนางด้วยซะเหลือเกิน"อาเหยา อาตง คราวหน้าพวกเจ้าต้องพาหลานๆ เข้าไปเยี่ยมข้าที่เมืองหลวงนะ"สองสามีรับคำก่อนจะโค้งคำนับเป็นการอำลา เนื่องจากเสิ่นชิงหรูต้องเร่งเดินทางกลับเมืองหลวงในทันทีส่วนชุนเหมยกับยืนหน้าบึ้งอยู่ด้านข้าง เนื่องจากพี่สาวของนาง กวาดสินค้าที่เว่ยเหนียนเหยาจัดส่งมาครั้งนี้กลับไปเมืองหลวงทั้งหมด ไม่เหลือไว้ให้นางแม้แต่ชิ้นเดียวเมื่อส่งคนจากไปแล้ว ชุนเหมยจึงชวนสองสามีภรรยา โดยเฉพาะหานตงให้ลองไปศึกษาวิธีการดูผ้าด้วยกัน"พี่ชุนเหมยเจ้าคะ แต่นี่ก็บ่ายแล้ว ครั้งนี้ที่ข้ามา ข้าอยากจะหาซื้อรถม้าไว้ใช้งานสักคันเจ้าค่ะ""อาเหยา การเลือกซื้อรถม้า ต้องเป็นคนที่ชำนาญในการดูลักษณะของม้า อีกทั้งยังต้องดูโครงสร้างความสมดุลของส่วนที่เป็นตัวรถเป็นอีกด้วย สิ่งนี้ไม่ใช่ใครก็จะทำเป็น มิสู้เอาแบบนี้เถอะ ในร้านข้ามีบ่าวที่
วันนี้ก่อนยามซื่อเล็กน้อย รถม้าของร้านเชิงอี้ชิงก็วิ่งมาจอดที่หน้าบ้านหญิงสาวกอดปลอบลูกรักทั้งสอง เนื่องจากเด็กทั้งสองอยากจะขอตามมารดาเข้าไปในเมืองด้วยหากแต่หญิงสาวเกรงว่า การเข้าไปพูดคุยการค้าครั้งนี้จะทำให้เด็กๆเบื่อหน่ายซะมากกว่า"เจ้าใหญ่ เจ้ารอง วันนี้ท่านอาของเจ้าจะพาคนมาสร้างคอกม้าเล็กๆที่บ้าน แม่อยากให้พวกเจ้าอยู่ช่วยท่านอาได้หรือไม่""คอกม้าหรือขอรับ""ใช่แล้ว ต่อไปเรื่องการหาหญ้ามาให้ม้าตัวนั้น แม่จะให้เจ้าทั้งสองกับเจ้าอาเหยารับผิดชอบร่วมกัน ต่อไปเจ้าจะเอาแต่เที่ยวเล่นไม่ได้แล้วนะ"เด็กทั้งสามเลิกสนใจที่จะเข้าเมืองทันที รีบเดินกลับไปหากลุ่มหญิงสาวที่นั่งล้อมวงเย็บผ้ากันอยู่ จากนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอยคนที่จะมาสร้างคอกม้าอย่างใจจดจ่อเว่ยเหนียนเหยากับหานตง รีบเร่งขึ้นรถม้า เนื่องจากเห็นว่าใกล้ถึงเวลาที่นัดหมายอีกฝ่ายไว้แล้ว เมื่อเดินทางไปถึง ก็เห็นชุนเหมยมายืนคอยรับอยู่ที่หน้าร้านแล้ว"พวกเจ้ามากันแล้ว""ท่านพี่ชุนเหมย" แม่นางชุนเหมย"สองสามีภรรยาทำความเคารพต่อชุนเหมยอย่างนอบน้อม"เอาละเข้าไปกันเถอะ พี่หญิงใหญ่ของข้ามารออยู่แล้ว"ชุนเหมยพาทั้งสองเดินเข้ามาภายในร้าน และตรง
เมื่อได้รับจดหมายจากชุนเหมย เว่ยเหนียนเหยาจึงตัดสินใจรับหญิงสาวทั้งสี่คนไว้ทั้งหมด โดยนางให้สามีร่างสัญญาการทำงานขึ้นมาสองฉบับ ต่างฝ่ายต่างเก็บไว้คนละฉบับ เพื่อกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายหน้าตกเย็นทางผู้ใหญ่บ้านก็ประกาศให้ลูกบ้านทั้งหมดไปรวมตัวกัน หานตงนำภรรยาและบุตร ร่วมเดินทางไปกับครอบครัวของเซียนย้งผู้ใหญ่บ้านเชิญผู้นำตระกูลทุกตระกูลออกมาเบื้องหน้า ผู้นำตระกูลแต่ละคน นำบันทึกสิ่งที่ต้องซ่อมศาลบรรพชนออกมาชี้แจงให้สมาชิกภายในตระกูลฟังหมู่บ้านแห่งนี้มีตระกูลหลักๆ อาศัยอยู่รวมกัน 4ตระกูล คือตระกูลเว่ย ตระกูลกุ้ย ตระกูลมู่ และตระกูลหวัง อีกทั้งมีตระกูลอื่นที่เป็นเครือญาติของแต่ละฝ่ายเข้ามาขออาศัยอีกจำนวนหนึ่งดังนั้นทางผู้ใหญ่บ้านและผู้นำตระกูลรุ่นก่อน จึงตั้งกฎขึ้น ให้จัดสร้างศาลบรรพชนของทั้งสี่ตระกูลขึ้นเหมือนๆ กัน และทุกสองปีจะมีการเรี่ยไรเงินจากสมาชิกในตระกูลมาซ่อมแซมศาลบรรพชน และเปิดให้ลูกหลานได้กราบไหว้บรรพชนเพื่อขอพรให้คุ้มครองคนหมู่บ้านปีนี้เป็นปีที่ครบกำหนดพอดี ทางผู้ใหญ่บ้านจึงเรียกทุกคนมาฟังรายละเอียด และกำหนดจะมีการเก็บเงินจากทุกครอบครัว ครอบครัวละสามร้อยอีแปะ ในอีกสองเดื
"อาเซียง ทำไมวันนี้หน้าตาเจ้าดูไม่สู้ดีนักละ""พี่สะใภ้ เมื่อวานตอนที่พี่ชายข้ามาที่บ้าน เห็นว่าท่านแม่ได้เงินจากการช่วยงานท่าน ก็ยืนกรานจะรับตัวนางกลับไป แต่ท่านแม่ไม่ยอมกลับ พี่ชายข้าถึงกับอาละวาด ทุบทำลายข้าวของที่บ้านข้าเจ้าค่ะ""อาเซียง อย่าหาว่าข้ายุแยงเลยนะ กับคนบางจำพวก เจ้าควรจะทำตัวให้เห็นความร้ายกาจเสียบ้าง ข้าวของบ้านเจ้า เขามีสิทธิ์จะเข้ามาทำลายที่ไหน"จริงๆ ซินเซียงก็เคยคิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน หลายครั้งที่เซียนย้งคิดจะต่อกรกับผู้เป็นพี่ชาย แต่เป็นซินเซียงที่คอยห้ามปรามไว้ เพราะเกรงว่ามารดาจะไม่สบายใจต่อไปนางคงต้องยอมให้เซียนย้งจัดการพี่ชายนางดูสักครั้ง"อาเหยา อาเหยา เจ้าอยู่หรือไม่ ข้านำคนที่เจ้าต้องการมาให้เลือกแล้ว อาเหยาเด็กสาวพวกนี้เป็นช่างฝีมือการตัดเย็บในหมู่บ้านเรา แต่ละคนขยันขันแข็ง ข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จักนะ นี่อาซวง อาหง อาเหมย และ อาหมิ่น ข้าบอกพวกนางแล้วว่าเจ้าต้องการคนงานเพียงสามคน แต่พวกนางล้วนแต่เป็นคนมีฝีมือ ข้าตัดสินใจไม่ได้ จึงนำพวกนางกลับมาให้เจ้าเป็นคนเลือกเอง""นายหญิง"เด็กสาวทั้งสี่ทำความเคารพเว่ยเหนียนเหยาอย่างเรียบร้อย พวกนางทั้งหมด ล้วนแต่หาเ
"อาตง อาตง ลูกแม่เจ้าอยู่หรือไม่"เสียงของนางเว่ยหมัวหลาน ทำให้คนที่กำลังกินข้าวอยู่ในบ้านชะงักมือลง ยังไม่ทันจะขยับตัวลุกขึ้น อีกฝ่ายก็เดินเข้ามาในบ้านอย่างไม่คำนึงถึงมารยาท"หลานย่า ย่าคิดถึงเจ้ามากเหลือเกิน เจ้าสบายดีใช่ไหม"หานตงรีบนำภรรยาลุกขึ้นคำนับนางเว่ยหมัวหลานอย่างอ่อนน้อม"ท่านแม่ พี่ใหญ่ พี่สะใภ้เชิญนั่งก่อนขอรับ"หานตงพูดอย่างอ่อนน้อม ก่อนจะให้ภรรยาเดินไปรินน้ำออกมาให้ผู้เป็นมารดา"ท่านแม่สามี พี่สามี พี่สะใภ้ น้ำเจ้าค่ะ"จริงๆ ตอนนี้บ้านนางมีชากุหลาบ ชาเกสรดอกบัว ที่ลองทดลองทำไว้ แต่กับคนพวกนี้ให้กินไปก็เสียของ นางจึงรินน้ำเปล่ามาให้เท่านั้นส่วนเด็กสองคนไม่สนิทกับผู้เป็นย่าอยู่แล้ว เพราะทุกครั้งที่บิดาพาไปบ้านของนาง พวกเขามักจะโดนหาเรื่องลงโทษ เนื่องจากพวกเขาไปทะเลาะกับลูกชายของท่านลุงใหญ่เด็กท่านสองรีบเดินไปหลบหลังมารดา หญิงสาวนำตัวลูกชายเข้ามากอด ก่อนจะบอกให้คาราวะหญิงชรา"ท่านย่า" "ท่านย่า"เด็กทั้งสองโค้งตัวลงอย่างอ่อนน้อมฝ่ายหญิงชรากวาดตาดูความเปลี่ยนแปลงของคนในบ้าน ไม่เจอกันแค่ไม่นาน หานตงกลับดูดีขึ้นเป็นอย่างมาก เสื้อผ้าที่ใส่ดูเหมือนจะเป็นของที่เพิ่งซื้อใหม่เ
"ท่านแม่ขอรับ ท่านได้ยินข่าวลือข้างนอกหรือไม่ขอรับ เห็นชาวบ้านลือกันว่า เมื่อวันก่อนเจ้ารองมีรถม้าคันใหญ่มาส่งถึงหน้าบ้านเลยทีเดียว""แม่ได้ยินมาแล้ว เจ้าลูกอกตัญญู มีเงินมีทองกลับไม่เคยนึกถึงข้า มันน่าโมโหยิ่งนัก"นางเว่ยหมัวหลาน กล่าวออกมาด้วยความโมโห ใครๆ ต่างก็บอกว่านางเป็นแม่ที่รักลูกไม่เท่ากัน เอาใจลูกคนโต รักใคร่ลูกคนเล็ก แต่ทอดทิ้งลูกคนรองฮึ แน่ละ ใครจะไปรักลูกคนอื่นมากกว่าลูกตัวเองกันละ แท้จริงแล้วหานตงเป็นลูกของน้องสาวของนางต่างหาก มีอยู่ครั้งหนึ่งที่นางต้องเดินทางกลับไปที่บ้านเดิม เนื่องจากน้องสาวตัวดีเกิดตั้งครรภ์กับคู่หมั้น ที่กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกัน แต่ว่าที่เจ้าบ่าวกับโชคร้ายโดนโจรปล้น ระหว่างทาง หายสาบสูญไปไม่ทราบข่าวคราว มารดาและน้องสาวของนางรู้ข่าวถึงกับล้มป่วยอย่างหนักทั้งสองคน นางจึงต้องพาลูกและสามีกลับไปช่วยดูแลมารดาอยู่หลายเดือนน้องสาวของนางเจ็บป่วยเกินเยียวยา ทำให้เจ็บท้องก่อนกำหนด หลังจากนั้นก็คลอดเด็กชายออกมาผู้หนึ่ง ส่วนน้องของนางกลับจบชีวิตลงทันที แม่ของนางในตอนนั้นสงสารหลานชาย ไม่อยากให้หลานชายขึ้นชื่อว่า เป็นเด็กไม่มีพ่อแม่ ซ้ำพ่อแม่ยังทำผิดจารีตเสียอี
เว่ยเหนียนเหยายืนพิจารณาเสื้อผ้าชุดนั้น ก่อนจะตรวจดูความประณีตของชิ้นงาน ก็รู้สึกว่าช่างของชุนเหมยมีฝีมือไม่น้อยนางเรียกให้คนช่วยขยับหุ่นโชว์ที่นางทำขึ้นออกมาไว้ตรงกลาง จากนั้นจึงหยิบกระโปรงจากมือช่างคนหนึ่งใส่ลงไปในตัวหุ่น หลังจากนั้นก็หยิบเสื้อจากช่างอีกคนใส่ตามลงไปหลังจากตรวจดูความเรียบร้อย นางกับพบว่ามีบางสิ่งขาดหายไป หญิงสาวเดินไปเปิดห่อผ้าอีกห่อที่เตรียมมา ในนั้นมีผ้าคาดเอวแบบต่างๆ อยู่หลายชิ้นนางเลือกผ้าคาดเอวที่เข้ากับชุดนั้นได้ขึ้นมาชิ้นหนึ่ง จากนั้นจึงเดินเข้าไปตกแต่งชุดนั้นดูอีกครั้งชุนเหมยมองการกระทำของเว่ยเหนียนเหยาอย่างตกตะลึง นางไม่รู้ว่า สิ่งที่เว่ยเหนียนเหยานำมาคืออะไร แต่เมื่อนำเสื้อผ้าลงไปสวมใส่ กลับดูเหมือนว่าเสื้อผ้านั้นสวมอยู่บนตัวคนจริงๆ"น้องพี่สิ่งนี้เรียกว่าอะไร"ชุนเหมยเดินวนรอบๆ หุ่นโชว์อย่างชื่นชม หากมีสิ่งนี้มาตั้งหน้าร้าน ร้านของนางต้องเป็นจุดสนใจของผู้คนที่ผ่านมาผ่านไปเป็นแน่"สิ่งนี้เรียกว่า หุ่นไม้ เจ้าค่ะ มีไว้สำหรับใส่เสื้อผ้าวางไว้ให้ลูกค้าดู เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้าเจ้าค่ะพี่ชุนเหมย ท่านดูสิเจ้าคะ เสื้อชุดนี้หากเราตัดเย็บเสร็จก็ต้องพับเก็บ
เมื่อมีคนนอกวิ่งเข้านอกออกในในหมู่บ้านอย่างคึกคัก ชาวบ้านต่างก็ร่ำลือกันอย่างสนุกปากบางคนก็ว่าคนที่มาซื้อที่สร้างบ้านเป็นเศรษฐีใหญ่ ต้องการหลบความวุ่นวาย จึงมาสร้างบ้านไว้พักผ่อนในชนบทบ้างก็ว่าเป็นคนมีเงินที่ต้องการสร้างไว้สำหรับพาอนุมาหาความสำราญทุกคนในหมู่บ้านล้วนแต่อยากรู้อยากเห็น ชาวบ้านบางคนที่รู้จักเซียนย้ง ทนความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหว ถึงกับเอ่ยปากถามออกมาตรงๆ ก็มีหากแต่เซียนย้งกับบอกว่า งานนี้มีคนจ้างวานให้เขาทำ เรื่องชื่อผู้จ้างวานไม่สามารถบอกใครได้ เนื่องจากติดอยู่ในสัญญาชาวบ้านทุกคนต่างคิดว่าเป็นจริงตามนั้น เพราะต่างก็เห็นว่า ตอนนี้บ้านของเซียนย้งมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าแต่ก่อนมาก ต่างคนต่างอิจฉาในความโชคดีของอีกฝ่ายเว่ยเหนียนเหยา กำลังนั่งตรวจดูพวกผ้าปักที่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ครั้งนี้นางทำผ้าปักได้ถึงยี่สิบชุดเลยทีเดียว ความดีความชอบนี้นางต้องยกให้กับซินเซียงและมารดาของนางเนื่องจากสองคนนั้นมีความจำดีเป็นเลิศ สามารถช่วยงานนางในเรื่องการตัดเย็บได้อย่างประณีต ส่วนนางเมื่อได้สะดึงมางานปักก็ลื่นไหล สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วขึ้นอีกเท่าตัวเว่ยเหนียนเหยาพอใจกับผลงานตรงหน้า