หานตงนำเด็กชายทั้งสามกลับเข้าไปแต่งตัว ก่อนจะสั่งให้นั่งเล่นอยู่ภายในห้อง
จากนั้นเขาจึงออกมาที่ห้องโถง นำโต๊ะและเก้าอี้เข้าไปเก็บไว้ในห้องของตัวเอง ก่อนจะลงมือถูพื้นที่ห้องโถงจนสะอาด และนำเสื่อมาปูวางไว้ ภรรยาของเขาเคยบอกว่า ที่สั่งทำโต๊ะกินข้าวใหญ่ขึ้น เพราะอยากให้ทุกคนกินข้าวพร้อมกัน เช่นนี้ถึงจะเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ ในเมื่อยังไม่มีโต๊ะมา ทำแบบนี้ก็ได้เช่นกัน ชายหนุ่มเดินเข้าไปในครัว ช่วยจัดเตรียมถ้วยชามนำออกไปวาง เพื่อช่วยผ่อนแรงภรรยา เว่ยเหนียนเหยาหันมายิ้มกับสามี วันนี้นางทำกับข้าวสามอย่าง น้ำแกงปลาอีกหนึ่งอย่าง แถมท้ายพิเศษด้วยถั่วเขียวต้มน้ำตาล จริงๆเมื่อสักครู่ซินเซียงก็วิ่งแจ้นเข้ามาจะช่วยนางลงครัว แต่ถูกนางให้กลับไปดูแลเรื่องเย็บแบบผ้าต่อ เว่ยเหนียนเหยาทำอาหารไป วางแผนงานไปอย่างเพลิดเพลิน จนเมื่อเห็นสามีเดินเข้ามาช่วยจัดเตรียมถ้วยชาม นางจึงแอบตามไปดู พบว่าหานตงนำเสื่อมาปูที่พื้น จัดเป็นที่กินข้าวขนาดใหญ่ไปเสียแล้ว หญิงสาวยิ้มอย่างมีความสุขในความเอาใจใส่ของสามี ในชีวิตลูกผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งงานแล้ว นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกนางล้วนฝันหาหรอกหรือ นางเดินเข้าไปจัดเตรียมอาหาร เพื่อจะนำออกมาวาง หากแต่ยังไม่ทันจะยก มือใหญ่ข้างหนึ่งกลับหยุดมือของนางไว้ "เจ้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อนเถิด วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ส่วนที่เหลือพี่จะจัดการเอง" จากนั้นก็จูงมือของนางเดินไปส่งที่หน้าประตูครัวเป็นการตัดบท เว่ยเหนียนเหยาเดินเข้ามาในห้อง วันนี้แม้จะไม่ร้อนมาก แต่การที่นางต้องวิ่งไปโน่นมานี่ ทำให้มีกลิ่นเหงื่อติดกายไม่น้อย หญิงสาวคิดไปถึงสามีของนาง ต่อไปเขาต้องไปโน่นมานี่ติดต่อผู้คนมากมาย เรื่องกลิ่นเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรจะมองข้าม นางเดินตรงไปที่ไหอันหนึ่งที่วางอยู่ที่ข้างตู้ พอเปิดฝาไหออก กลิ่นของดอกกุหลาบก็ลอยออกมากระทบจมูกทันที อืม กลิ่นใช้ได้แล้ว ไหอันนี้เป็นไขมันแพะที่นางนำมาผสมดอกกุหลาบลงไปเพื่อนำมาเป็นวัตถุดิบในการทำสบู่ เพียงแต่กว่าจะหมักจนได้กลิ่นหอมนั้นต้องใช้เวลานานและดอกไม้เป็นจำนวนมาก ไขมันในไหนี้น่าจะช่วยให้นางผลิตสบู่เพียงพอนำมาใช้ได้ระยะหนึ่ง จริงๆแล้ว ในช่วงหน้าหนาวนางมีแผนการที่จะกลั่นน้ำหอมจากดอกไม้ออกมาเก็บไว้ใช้สักหน่อย นางปิดฝาไหและวางลงไว้ตรงที่เดิม ก่อนจะรีบออกไปอาบน้ำชำระร่างกายและเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อหญิงสาวออกมาอีกครั้งสมาชิกทุกคนก็นั่งพร้อมหน้าพร้อมตากันอยู่แล้ว เด็กสาวทั้งหมดที่เพิ่งเสร็จงาน นั่งพูดคุยหยอกล้อกันอย่างมีความสุข ส่วนเซียนย้งก็กำลังบรรยายถึงความสวยงามของบ้านที่เสร็จไปแล้วบางส่วน มองดูหานตงที่กำลังห้ามปรามลูกชายคนเล็กที่กำลังแอบหยิบชิ้นเนื้อในหม้อออกมากิน เว่ยเหนียนเหยา รู้สึกว่า นี่เป็นคำตอบที่เธอค้นหา คือ ความมีสีสันของการมีชีวิต "ขอโทษทุกท่านด้วยเจ้าค่ะ ข้าออกมาช้าไปหน่อย" "ไม่ ไม่เจ้าค่ะพี่สะใภ้เป็นพวกเราต่างหากที่มารบกวนท่าน" "มาเถอะกินข้าวกันก่อน วันนี้การค้าที่ข้าไปเจรจาถือว่าประสบผลสำเร็จงดงาม อาหารมื้อนี้ถือว่าเลี้ยงขอบคุณพวกเจ้าล่วงหน้า" ซินเซียงทำหน้าที่ตักข้าวใส่ถ้วยแจกให้ทุกคน อาหารวันนี้มีจานเนื้อถึงสองจาน จานผักหนึ่งจาน และยังมีน้ำแกงปลาและของหวานอีกด้วย เด็กสาวทั้งสี่มาจากบ้านที่มีฐานะต่างกัน แต่บิดามารดาล้วนให้ความสำคัญกับบุตรชาย ข้าวปลาอาหารดีๆจึงมักจะมาไม่ถึงพวกนาง ครั้งนี้แม้จะมีอาหารวางอยู่ตรงหน้ามากมาย แต่พวกนางก็เจียมตน เก็บไม้เก็บมือไม่กล้าวุ่นวาย "พวกเจ้าสี่คนก็เหมือนกัน กินให้มากหน่อย ผู้หญิงเราอ้วนมากไปก็ไม่ดี แต่ผอมมากไปก็ใช่ว่าจะดี ข้าว่าพวกเจ้าผอมไปนะ ต้องบำรุงขึ้นมาสักหน่อย เอาถ้วยข้าวของพวกเจ้ามานี่ข้าจะตักเนื้อให้เอง" เว่ยเหนียนเหยา ตักเนื้อให้นางทั้งสี่คนจนเต็มถ้วย ก่อนจะส่งคืนไปให้ "ขอบคุณเจ้าค่ะนายหญิง" "ต่อไปพวกเราก็คือครอบครัวเดียวกัน ทุกคนไม่ต้องเกรงใจกินกันให้เยอะสักหน่อย" "ข้าทราบแล้วขอรับท่านแม่" เป็นเสียงแป้นแล้นของบุตรชายคนเล็กของนางตอบออกมา "เจ้ารอง แต่พ่อว่าเจ้ากินให้น้อยหน่อยเถอะ ไม่อย่างนั้นต่อไปเจ้าอาจจะต้องกลิ้งไปแทนใช้ขาเดิน" หานเหนียนหันมาค้อนบิดา เขาก็แค่กินข้าวไปสองถ้วย เนื้อชิ้นใหญ่อีก 3-4ชิ้น เนื้อปลาอีก 4ชิ้น แล้วก็ซดน้ำแกงไปอีกนิดหน่อย ก็มารดาชอบบุตรชายตัวอวบอ้วน ที่เขาทำไปทั้งหมดก็เพื่อมารดาจริ๊งงงงจริง ในขณะที่เด็กอีกสองคนเอาแต่หัวเราะเยาะผู้ที่เป็นน้องชายอย่างสะใจ เมื่อทุกอย่างเริ่มพร่องลง มือไม้ในการขยับตะเกียบของทุกคนก็ช้าลงอย่างเห็นได้ชัด "เมื่อทุกคนอิ่มแล้ว ข้ามีเรื่องจะปรึกษาทุกคน ข้าจะรับสมัครคนงานมาสร้างเพิงที่ข้างบ้าน" "ท่านจะสร้างเพิงทำไมหรือเจ้าคะพี่สะใภ้" "เพราะข้าคิดจะรับคนงานตัดผ้าเข้ามาเพิ่ม จึงอยากทำสถานที่ทำงานให้พวกเจ้าใหม่ไปด้วย ข้ารู้ว่าเพิงพักพวกนี้ ชายหนุ่มทุกคนล้วนแต่ทำได้ หากแต่ช่วงนี้พวกเราทุกคนยุ่งมาก ข้าจึงอยากให้โอกาสญาติพี่น้องของพวกเจ้า หากคิดว่าใครมีความสามารถก็เสนอมาได้เลย ข้ารับสมัครห้าคน ให้คนละ ห้าสิบอีแปะ แต่ต้องทำงานให้เสร็จภายในวันเดียว" "นายหญิง ให้โอกาสคนบ้านข้าได้หรือไม่" อาหงเสนอตัวออกมา ในคนที่มาทำงาน ครอบครัวของนางถือว่ายากจนที่สุด บิดาของนางเป็นพรานป่าแต่ปีก่อนเผอเรอหลงเข้าไปในป่าลึกจึงถูกเสือทำร้าย ถึงจะเอาชีวิตรอดออกมาได้ แต่ร่างกายก็ไม่แข็งแรงเหมือนเดิม ส่วนมารดานั้นมีอาชีพรับจ้างทำไร่ เนื่องจากไม่ยินยอมให้บุตรชายทั้งสามเดินตามรอยบิดา เพราะกลัวจะสูญเสียบุตรชายไป จึงให้บุตรชายรับจ้างทำไร่เหมือนกับตัวเอง ที่ผ่านมาก็สามารถเลี้ยงดูครอบครัวอย่างไม่ขัดสนกันนัก ใครจะรู้ว่าเมื่อต้นปีฟ้าฝนไม่เป็นใจ หลายครอบครัวไม่ทำการเพาะปลูก ทำให้ครอบครัวนางไม่มีงานทำ จนประสบภาวะขัดสน เดิมที่นางเย็บปักผ้าขายก็ถือว่าเป็นค่าของใช้ส่วนตัวเล็กๆน้อย แต่ตอนที่นางมาร่วมทดสอบ นางคาดหวังว่าจะได้งาน เพราะอยากนำเงินไปช่วยครอบครัวอีกแรง "เป็นครอบครัวอาหงก็ดีนะ แค่สร้างเพิงไม่จำเป็นต้องใช้ผู้ชายทั้งหมดหรอก" นางลี่สือหลินช่วยพูดรับรองให้กับอาหง บ้านของอาหงอยู่ติดกับบ้านของลูกชายของนาง หลายปีที่นางอยู่ที่นั่นก็เห็นความเป็นอยู่ของครอบครัวนี้มาตลอด บิดาของอาหงเป็นคนต่างถิ่นที่นำครอบครัวมาขออาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ เด็กๆทั้งสามที่เป็นพี่ชายของอาหงก็ขยันขันแข็ง เสียแต่ว่า คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้าน มักจะเลือกรับญาติฝ่ายตระกูลตนเข้ามาทำงานมากกว่าจะเลือกคนอื่น ทำให้คนบ้านนี้มักจะได้งานที่ไม่ค่อยจะดีนัก "ได้ งั้นเรื่องเพิงข้าให้บ้านอาหงเป็นคนมาทำ พรุ่งนี้เจ้าพาครอบครัวเจ้ามาดูที่ทาง ต้องหาซื้ออะไรบ้าง ข้าจะให้สามีของข้าจัดหามาให้ ส่วนท่านแม่ของเจ้าหากไม่รังเกียจงานเล็กน้อย ข้าอยากให้มาทดสอบการตัดผ้าตามแบบดู หากทำได้ข้าจะรับไว้โดยให้ค่าแรงวันละสามสิบอีแปะ" เว่ยเหนียนเหยา เชื่อใจในการดูคนของนางลี่สือหลิน หากนางรับรองว่าไม่มีปัญหาก็น่าจะเป็นไปตามนั้น อีกอย่างนางแค่ต้องให้งานเสร็จสมบูรณ์ ขอเพียงผลของงานเรียบร้อย จะเป็นใครมาทำก็ได้ หากโชคดีได้คนที่ซื่อสัตย์ ขยันขันแข็งมาก็ยิ่งดี เพราะต่อไปนางยังต้องการใช้แรงงานอีกเยอะ แต่หากโชคร้ายได้คนที่ไม่ดีมา ก็ถือซะว่าเป็นประสบการณ์การเรียนรู้ไป นางก็แค่ขึ้นบัญชีดำบ้านหลังนี้ไว้ก็เท่านั้นเอง "เรื่องที่สองข้าอยากได้คนสานตะกร้า ไม่ทราบว่าพวกท่านมีใครรู้จักช่างฝีมือพวกนี้บ้างหรือไม่" "ท่านลุงใหญ่ข้า อยู่ที่ถัดออกไปอีกสองหมู่บ้าน ครอบครัวฝั่งมารดาข้าเป็นช่างสานมาหลายชั่วอายุคนเจ้าค่ะ เพียงแต่ว่าข้าจำทางบ้านท่านลุงใหญ่ไม่ได้ ถ้าท่านต้องการจะไป เกรงว่าต้องให้มารดาเป็นคนนำทาง" เป็นหญิงสาวนามว่าอาซวงเป็นคนพูดออกมา นางเป็นลูกสาวของคนสกุลหวังสายสี่ เนื่องจากบิดาของนางรักชอบแต่บุตรชาย ลูกสาวอย่างนางจึงไม่เป็นที่สนใจ ข้าวของเครื่องใช้ ล้วนแต่เป็นนางที่ต้องหามาเองทั้งนั้น "ถ้าเช่นนั้นคงต้องรออีกสักสามสี่วัน น่าจะเดินทางสะดวกกว่านี้" เว่ยเหนียนเหยาจดข้อมูลลงในกระดาษที่นางเตรียมมา "เอาละข้ามีเรื่องเพียงเท่านี้ นี่ก็เย็นมากแล้วพวกเจ้ารีบกลับบ้านไปเถอะ เดี๋ยวพ่อแม่จะเป็นห่วง" เฮ้อ นางมองเด็กสาวพวกน้ันอย่างเอ็นดู แต่ละคนอายุยังไม่ถึงวัยปักปิ่น แต่มีความคิดความอ่านไม่น้อย อิจฉาพ่อแม่ของพวกนางจริงๆ หลังจากเด็กสาวพวกนั้นเดินจากไป นางก็ให้เซียนย้งเดินไปลงกลอนประตู เพื่อจะคุยธุระสำคัญ " อาย้ง ตอนนี้การสร้างบ้านเป็นยังไงบ้าง" "ตอนนี้เสร็จไปเกินครึ่งแล้วขอรับ ข้าเข้าไปคุมงานเองทุกวัน รับรองว่าไม่มีใครกล้าอู่แน่นอนขอรับ" "ดีมาก ข้าเกรงว่าต่อไปการค้าของพวกเราอาจไม่สามารถปิดบังคนอื่นได้ ที่จะมีปัญหากับเราบ้านแรกน่าจะเป็นบ้านพ่อแม่ของสามีข้า" หานตงได้ยินดังนั้นก็หน้าเครียดขึ้นมาทันที "เจ้าคิดว่าท่านแม่พี่จะทำเช่นไร หากรู้เรื่องกิจการนี้เข้า" "มีทางเป็นไปได้มากที่นางจะให้ท่านนำเข้าไปเป็นกิจการของตระกูล" "แล้วถ้าหากพี่ไม่ยอมละ" ทุกคนได้แต่นิ่งเงียบเพราะรู้ว่า นางเว่ยหมัวหลานไปคนเช่นไร หากแต่เกรงว่าพูดออกไปจะกระทบกระเทือนจิตใจของหานตงซะเปล่าๆ "ท่านพ่อ ท่านพ่อ พวกข้าไม่อยากไปอยู่บ้านท่านย่านะขอรับ" "ใช่ขอรับ ท่านป้าสะใภ้มือหนักน่าดู ข้าไม่ไปนะขอรับ" เว่ยเหนียนเหยาตกใจกับกิริยาของบุตรชาย จึงแสร้งหัวเราะขึ้น "เด็กโง่ ใครจะให้พวกเจ้าไปกันละ บ้านของพวกเราก็มี อาเหยาเจ้าช่วยพาน้องๆเข้าไปนอนก่อนเถอะ " หลังจากเด็กน้อยสามคนจากไป พวกผู้ใหญ่ก็ถอนใจอย่างโล่งอก ต่อไปต้องระวังคำพูดจาต่อหน้าเจ้าตัวน้อยพวกนั้นสักหน่อย "ท่านพี่ อาย้ง พรุ่งนี้เห็นว่าเป็นวันที่ต้องแจ้งชื่อเพื่อขอเข้าเรียนในสำนักศึกษาของเด็กๆ" ตามที่นางรู้มา ในทุกปี ทางผู้ใหญ่บ้านจะออกไปรวบรวมจำนวนของสถานศึกษา รวมไปถึงรายละเอียดต่างๆ และเอกสารการสมัคร มาให้กับบุตรหลานของพวกคนในหมู่บ้าน ถือได้ว่าผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านนี้ทำงานได้ไม่เลวจริงๆ "ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ท่านกับอาย้งก็พาเด็กๆไปแจ้งชื่อไว้เถอะ" "พี่สะใภ้ ให้พี่หานพาเด็กๆไปเถอะ อาเหยาคงไม่มีวาสนา" เซียนย้งถอนหายใจ ใช่ว่าเขาจะไม่อยากให้ลูกได้เข้าเรียน แต่เรื่องแบบนี้ช่างห่างไกลเกินกำลังเขายิ่งนัก สำนักศึกษาชั้นปลายแถว ยังต้องเสียค่าเล่าเรียนปีละสิบตำลึงทอง ชั้นกลางก็ปีละ สามสิบถึงสี่สิบตำลึงทอง ส่วนชั้นสูงที่คุณหนู คุณชายทั้งหลายเล่าเรียน ปีละ แปดสิบถึงหนึ่งร้อยตำลึงทองเลยทีเดียว "อาย้ง เจ้าเป็นน้องชายข้า เจ้าพูดเช่นนี้จะดูถูกว่าข้าด้อยวาสนาใช่หรือไม่" "ไม่ ไม่ พี่สะใภ้พวกข้าไม่ได้คิดเช่นนั้นนะเจ้าคะ" ซินเซียงรีบปฏิเสธ ใช่ว่านางไม่อยากจะให้บุตรชายได้เล่าเรียน แต่แค่นี้นางก็ต้องตอบแทนบุญคุณอีกฝ่าย จนถึงชาติหน้าไปแล้ว แล้วจะกล้ารับสิ่งเหล่านี้ได้อีกยังไง "งั้นก็ไม่ต้องพูดมาก พรุ่งนี้ให้สามีเจ้าพาเด็กๆไปพร้อมกับท่านพี่ เลือกสมัครสถานศึกษาระดับกลางที่ดีที่สุด" จริงอยู่ว่าด้วยกำลังของนางในเวลานี้ แม้แต่สถานศึกษาที่ดีที่สุดนางก็สามารถส่งเด็กทั้งสามเข้าไปเรียนได้ แต่คุณหนูคุณชายเหล่านั้น ล้วนถูกเลี้ยงมาให้เหยียดหยามคนชั้นต่ำกว่า นางไม่อยากส่งบุตรชายและหลานชายไปเป็นเป้าให้เด็กๆเหล่านั้นทำร้าย จนเกิดแผลในใจหรอกนะ นางจะรอเวลาให้ปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อม บ่มเพาะความกล้าแกร่งให้เหล่าปีศาจน้อยๆของนางเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อย หลังจากนั้นค่อยเปลี่ยนสถานที่เรียนก็ยังไม่สาย "ท่านพี่เจ้าคะ หลังจากไปบ้านผู้ใหญ่บ้านแล้ว ท่านช่วยเลยไปบ้านท่านผู้นำด้วยจะได้หรือไม่เจ้าคะ" "เจ้าจะให้พี่ไปคุยเรื่องกฎของตระกูลใช่หรือไม่" นั่นไงเห็นไหมนางบอกแล้วว่า สามีของนางไม่โง่ พูดแค่นี้สามีนางก็มองทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง "เอาเถอะเรื่องนี้พี่จะจัดการเอง อาย้งเจ้าพาครอบครัวกลับบ้านไปได้แล้ว แล้วพรุ่งนี้รีบมาพบข้าแต่เช้า เข้าใจหรือไม่ คำพูดพี่สะใภ้เจ้าถือว่าเด็ดขาดแล้ว" ถูกจ้า คำพูดของเมียถือว่าถูกที่ซู๊ดดดดดด เอ็นดูนาง อยากได้นางเป็นสามี หึ หึ หึเช้าวันรุ่งขึ้น เด็กสาวนามว่าอาหง ก็พาครอบครัวของนางเข้ามาหา หญิงสาวจึงเดินไปชี้บริเวณที่ว่างข้างบ้านให้ครอบครัวนั้นดูนางบอกถึงขนาดคร่าวๆ ที่ตัวนางต้องการ บิดาของอาหงนามว่าท่านลุงฟงยังให้คำชี้แนะเรื่องต่างๆ กับนางอย่างใจดี อย่างเช่น เรื่องที่นางบอกว่าจะก่อพื้นยกระดับขึ้นมา เพื่อให้คนงานใช้นั่งทำงานแต่ท่านลุงฟงกับบอกว่า ในเมื่อทำไว้ใช้งานชั่วคราว ให้ใช้เป็นแคร่ไม้จะดีกว่า เพราะสามารถโย้กย้ายไปที่ต่างๆ ได้ตามความต้องการซ้ำยังอาสาให้บุตรชาย ออกไปสั่งซื้อวัสดุที่ต้องเอามาใช้งานแทนสามีที่ไม่อยู่ของนางอีกด้วยอาเส้าลูกชายคนโตของท่านลุงฟง เป็นเด็กหนุ่มหน้าคมคายหล่อเหลา ท่าทางเคร่งขรึมเกินวัย เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดหาวัสดุในการสร้างเพิงให้กับครอบครัวของนางเพียงแค่ครึ่งวัน เพิงก็เป็นรูปเป็นร่างเกิดขึ้นมาเกินสามส่วน นางจึงเรียกทั้งหมดให้หยุดพัก ลงมากินข้าวกินปลาเสียก่อนแต่คนทั้งหมดกลับปฏิเสธบอกว่าจัดเตรียมอาหารมาแล้ว ทั้งหมดรวมทั้งอาหงออกไปนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งนางเห็นแม่ของอาหงนำก้อนอะไรอย่างหนึ่งขึ้นมาหักแจกจ่ายให้คนในครอบครัว จากนั้นก็นำน้ำออกมาวางไว้ตรงกลางสองกระบอกทุกคนกินเจ้าก้
"ท่านแม่ลี่ เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ"นางลี่สือหลินหันมายิ้ม พลางหยิบงานที่นางปักเสร็จขึ้นมาให้ดู"เจ้าลองดูก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง"เว่ยเหนียนเหยาพิจารณาดูผ้าที่นางลี่หลินสือส่งมาให้ เห็นว่าฝีเข็มคล้ายของนางอยู่เก้าถึงสิบส่วนก็วางใจ ตอนนี้ทั้งซินเซียงและนางลี่สือหลินต่างขึ้นมาเป็นช่างปักเป็นที่เรียบร้อยแล้วส่วนลวดลายของผ้าปักทั้งหมด นางได้ให้สามีนำไปขึ้นทะเบียนที่หอการค้ากลางเป็นที่เรียบร้อยนางลี่สือหลินและซินเซียงขอร้องให้นางและสามี ร่างสัญญาการจ้างงานให้กับพวกนางด้วย เพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย โดยให้กำหนดเพิ่มเข้าไปด้วยว่า จะต้องทำงานกับนางเป็นระยะเวลาสิบปี ห้ามสอนวิธีการปักนี้ให้กับใครตลอดสัญญา หากผิดสัญญาต้องเสียเงินค่าปรับเป็นจำนวนหนึ่งพันตำลึงทอง และรับโทษโบยที่มือห้าสิบไม้นางกับสามีปฏิเสธเพราะเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ได้สำคัญอะไรเลย สำหรับคนทั้งคู่ที่เป็นเหมือนมารดาและน้องสาว นางดูออกว่าทั้งสองคนเป็นคนยังไงแต่นางลี่สือหลินยืนกรานว่ายังไงก็ต้องทำ นอกจากจะเป็นความสบายใจของพวกนางแล้ว ยังถือว่าสัญญาพวกนั้นคือความคุ้มครองที่พวกนางจะได้รับอีกด้วยนางชี้แจงต่อไปว่า หากต่อไปมีคนไม่ประสงค
ผ่านมาหลายวัน ตอนนี้ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางไปไม่น้อย เว่ยเหนียนเหยาขีดฆ่าแผนงานต่างๆ ที่เสร็จเรียบร้อยไปแล้วช่วงนี้เด็กๆ ก็ไม่ได้ออกมาวิ่งเล่นเหมือนแต่ก่อน เพราะอาเส้าบุตรชายคนโตของท่านลุงฟง ตกลงที่จะเข้ามาสอนหนังสือเด็กๆ ให้เด็กทั้งสามเริ่มเรียนช้ากว่าเด็กทั่วไป ดังนั้นจึงต้องเพิ่มเวลาสอนขึ้นเป็นพิเศษ ตัวนางไม่เข้าใจเรื่องการศึกษาของคนยุคนี้เท่าไหร่ แต่โชคดีที่เจ้าของร่างเก่ามีความสามารถอ่านเขียนได้พอสมควร ไม่อย่างนั้นนางคงต้องไปนั่งเรียนพร้อมลูกๆ เป็นแน่หลังจากที่ปรึกษาและตกลงเรื่องค่าจ้างกันเป็นที่เรียบร้อย อาเส้าก็ส่งรายละเอียดของหนังสือและอุปกรณ์ที่ต้องซื้อหามาให้โชคดีที่ช่วงนั้นบ่าวรับใช้ของชุนเหมยนำรถม้าเข้ามาส่งพอดี บ่าวคนดังกล่าวส่งจดหมายให้กับนางอีกหนึ่งฉบับ ในจดหมายนั้นบอกให้เร่งสร้างหุ่นไม้ เพราะตอนนี้พี่สาวของนาง "สร้างกระแสนิยมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว"แถมยังเล่าให้ฟังอีกว่า ตอนนี้ร้านที่เมืองหลวงวุ่นวายมาก แต่ละวันมีคนเดินเข้ามาสอบถามเรื่องหุ่นไม้จำนวนไม่น้อยบางจวนคุณหนูที่ไม่ขาดเงินพวกนั้น ถึงกับจะขอซื้อหุ่นที่ตั้งอยู่ที่หน้าร้านในราคาตัวละห้าสิบตำลึงทองเลยทีเดียว
"ท่านแม่ ท่านไม่คิดจะทำอะไรเลยหรือขอรับ ข่าวที่น้องเล็กสืบมา ก็บอกอยู่แล้ว ตอนนี้ครอบครัวของเจ้ารอง ทำการค้าได้เป็นกอบเป็นกำ""นั่นสิเจ้าคะ ท่านแม่ อีกไม่นานท่านพี่ก็ต้องเอาเงินไปจ่ายค่าสมัครเรียนของหานเอ่อแล้ว อย่างน้อยท่านก็ควรให้อาตงมอบเงินให้ท่านสัก หนึ่งร้อยหรือสองร้อยตำลึงทองนะเจ้าคะ"นางเว่ยหมัวหลานปรายตามองบุตรชายคนโตและลูกสะใภ้ ตีโพยตีพาย ที่เห็นนางไม่ขยับเขยื้อนทำอะไรบ้างเลย"พวกเจ้าสงบใจลงบ้างเถอะ ข้าก็บอกพวกเจ้าไปแล้ว ว่าข้ากำลังรอเวลา""ท่านแม่เจ้าขา ท่านรอเวลาอะไรเจ้าคะ ท่านดูสิ ตอนนี้อาตงปีกกล้าขาแข็งขนาดไหน นี่ก็เลยวันที่ท่านกำหนดให้มอบเงินส่วนกลางแล้ว ข้าไม่เห็นเขาจะส่งเงินกลับมาสักอีแปะ""จริงด้วยขอรับ อีกอย่างเรื่องที่เขาซื้อที่ทำโรงงาน ข้าก็ไปสืบมาแล้ว ว่าเป็นเรื่องจริง เห็นว่าพรุ่งนี้ก็จะย้ายคนงานเข้าไปทำงานที่นั่นแล้ว หากปล่อยให้เขาใช้เงินเป็นเบี้ยแบบนี้ต่อไป คงไม่ดีแน่ขอรับท่านแม่""นั่นสิขอรับท่านแม่ ตอนนี้เพื่อนที่อยู่ในเมือง ก็เชิญข้าร่วมทุนทำการค้า ในเมื่อพี่รองทำการค้าได้เป็นกอบเป็นกำเช่นนี้ ก็น่าจะช่วยเหลือเจือจุนให้พวกเราได้ลืมตาอ้าปากบ้าง"คราวนี้เป็นเสี
"พี่หานตง พี่หานตง ท่านผู้นำบอกให้ท่านกับพี่สะใภ้รีบไปที่ห้องแจ้งข่าวขอรับ ตอนนี้ท่านแม่ของท่านไปฟ้องร้องท่านข้อหา อกตัญญูต่อบิดามารดาขอรับ"หานตงหน้าซีดเผือด ไม่เคยมีบิดามารดาคนไหน ฟ้องร้องบุตรด้วยข้อหานี้มาก่อน เนื่องจากหากสืบสวนแล้วพบว่าบุตรผิดจริงบุตรคนนั้นจะต้องได้รับโทษตามกฎของหมู่บ้านและของทางการอีกด้วยตามกฎของหมู่บ้าน บุตรที่ได้รับโทษจะถูกโทษโบยห้าสิบไม้ หลังจากนั้นก็จะถูกนำชื่อออกจากตระกูลทั้งครอบครัว และขับไล่ออกจากหมู่บ้านส่วนผู้ใหญ่บ้านก็จะนำตัวไปส่งที่ศาลอาญากลางเมือง พร้อมข้อมูลความผิด คนผู้นั้นจะถูกตัดสินจองจำหนึ่งปี โทษโบยอีกห้าสิบไม้ ส่วนทรัพย์สินที่เป็นที่ดิน หรือกิจการที่เป็นชื่อตระกูล จะถูกโอนย้ายเข้าเป็นกองกลางของบ้านนั้นๆจะมีเพียงเงินทอง ของมีค่า หรือสิ่งที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า เป็นสิทธิ์ของตระกูล ที่คู่สามีหรือภรรยา สามารถนำติดตัวออกไปจากหมู่บ้านได้เท่านั้นหานตงแขนขาอ่อนแรง ทรุดนั่งลงกับพื้นตาแดงก่ำ จนแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เขารู้ว่ามารดาไม่ค่อยจะรักเขานัก แต่ไม่เคยคิดเลยว่า มารดาจะกล้าทำถึงเพียงนี้เว่ยเหนียนเหยาก่นด่าแม่สามีภายในใจ ผู้หญิงคนนั้นยังเป
"หลังจากที่กลับมาจากบ้านท่านในวันนั้น สามีของข้าเห็นว่าครอบครัวกำลังจะอดตาย เกรงว่าผู้คนจะก่นด่า ท่านแม่สามีว่า เป็นหญิงชั่วช้า ใจดำอำมหิต จึงกระเสือกกระสนนำกระดาษแผ่นนี้ไปที่ศาลากลาง เพื่อตัดขาดครอบครัวออกจากบ้านใหญ่ ไม่ให้ผู้คนก่นด่าท่านได้"เชอะ! เรื่องกลับขาวเป็นดำ เอาความดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น นางก็ทำเป็นนางเว่ยหลัวหลานถลึงตาใส่ลูกสะใภ้คนกลาง มือไม้สั่นระริก เมื่อถูกหลอกด่าเว่ยหานหมิงเห็นว่าตอนนี้ครอบครัวของตนเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แผนการที่เขากับมารดาวางไว้ถือว่าไร้ที่ติ คาดไม่ถึงว่าเป็นเพราะเขาประมาทพี่รองจนเกินไป ทำให้อีกฝ่ายพลิกกลับมาชนะได้หานหมิงพิจารณาทุกอย่าง อย่างรอบคอบอีกครั้ง ไม่เพียงแต่พี่ชายของเขาที่เปลี่ยนไป แต่คนที่เปลี่ยนไปมากที่สุดคือ พี่สะใภ้หรือ คนรักเก่าของเขานั่นเองหานหมิงนึกทบทวนถึงสายตาของนางที่มองมายังเขา ความรัก ความห่วงหา อาลัยอาวรณ์ ที่เคยมี บัดนี้กับถูกแทนที่ด้วยความเย็นชา และเหินห่างหากเขารู้ว่า นางมากความสามารถเช่นนี้ เขาคงจะเกลี้ยกล่อมมารดาให้ได้แต่งงานกับนาง แทนที่จะปล่อยให้พี่รองแย่งวาสนาเขาไปเช่นนี้ในเมื่อตอนนี้ การใช้ไม้แข็งไปก็รังแต่จะแตกหั
เช้าวันนี้เว่ยเหนียนเหยารู้สึกตัวตื่นขึ้น เมื่อรู้สึกว่าคนที่นอนอีกด้านขยับกาย"เหตุใดถึงรีบตื่นละเจ้าคะท่านพี่ ฟ้ายังไม่ทันแจ้งเลย เมื่อวานท่านก็ทำงานมาทั้งวัน วันนี้ตื่นสายเสียหน่อยก็ได้เจ้าค่ะ""ตอนแรกพี่ว่าจะลงไปอาบน้ำที่ลำธารเสียหน่อย แต่ตอนนี้ไหนๆเจ้าก็ตื่นแล้ว พี่ว่า พี่พาเจ้าลงไปอาบน้ำด้วยดีกว่า เมื่อคืนเจ้าก็ผิดสัญญากับพี่แล้ว ตอนนี้ถือว่าให้รางวัลปลอบใจพี่นิดๆหน่อยก็แล้วกัน""เรื่องเมื่อคืนหาใช่ความผิดของข้าเสียหน่อย เอาเถอะไปก็ได้เจ้าค่ะ แต่ข้าไปอาบเป้ปเดียวนะเจ้าคะ เช้าๆแบบนี้ข้าว่า อากาศเย็นอยู่ไม่น้อย"หานตงจัดเตรียมสบู่ ก่อนจะจุดตะเกียงเดินนำภรรยาลงไปจากบ้านทางเดินไปลำธารถูกปรับให้เรียบ มีไม้ปักแขวนตะเกียงอยู่เป็นระยะ หานตงนำตะเกียงแขวนไว้ตรงไม้ที่ปักอยู่ริมน้ำบริเวณนี้หญิงสาวให้ช่างปรับไว้เป็นที่อาบน้ำบริเวณริมธาร สำหรับเด็กๆที่มักจะชอบมาว่ายน้ำเล่นหานตงถอดเสื้อผ้าออกเหลือแต่กางเกงข้างในติดกาย ก่อนจะช่วยภรรยา ถอดชุดด้านนอกออกบ้างชายหนุ่มตระกองกอดร่างงามให้เดินลงไปในน้ำลึกประมาณระดับอก"น้ำเย็นเหมือนกับที่เจ้าบอกจริงๆ มาเถอะพี่จะช่วยขัดถูตัวให้ เลือดลมจะได้เดินดี คล
รถม้าวิ่งผ่านกำแพงเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน ร่างของนางลี่สือหลินที่เดินกระวนกระวายอยู่ พุ่งเข้ามาหาหานตงทันที"เกิดเรื่องใหญ่แล้ว อาตง"เสียงโวยวาย ทำให้หญิงสาวในรถม้า เปิดผ้าออกมาทันที"เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะท่านแม่ลี่ เหตุใดท่านถึงดูร้อนใจถึงเพียงนี้"สีหน้าท่าทางของนางลี่สือหลินไม่ดีเลย ทำให้นางรู้สึกตกใจไปด้วย"ที่บ้านอาหงเกิดเรื่อง วันนี้ลุงฟงเห็นว่าหลังคาบ้านที่พักอยู่เกิดรอยรั่ว เลยปีนขึ้นไปซ่อม ไม่รู้ว่าพลาดพลั้งยังไง ตกลงมา อาหงวิ่งมาตามอาเส้าที่นี่ เห็นว่าหมอจางรักษาไม่ได้ ต้องส่งเข้าไปรักษาที่ตัวเมือง ทางผู้ใหญ่ให้เกวียนของหมู่บ้านไปส่งสักพักแล้ว""แล้วเขาเอาไปรักษาที่ไหน ท่านแม่ลี่รู้รึไม่เจ้าคะ""ได้ยินมาว่า เป็นร้านยามู่ถาน""ท่านพี่ ท่านขับรถไหวหรือไหม ข้าอยากไปดูพวกเขาสักหน่อย""ข้าไหว งั้นเดี๋ยวข้ากับอาย้งจะรีบขนของลงจากรถม้าก่อน""ถ้าอย่างนั้นข้าขอขึ้นไปเตรียมของสักครู่"เว่ยเหนียนเหยาเดินขึ้นมาหยิบเงินติดไปมากหน่อย ตามที่ได้ยินอาการลุงฟงน่าจะหนักไม่น้อย จากรายได้ของคนทั้งสามที่ทำกับนางมา ถ้าจะใช้จ่ายอย่างประหยัด ก็น่าจะมีเงินเก็บอยู่บ้างแต่ร้านยาในตัวเมืองเห็นว่าค่ารักษาแพง
"พี่สะใภ้ขอรับ สำหรับสบู่ของข้า ข้าคิดออกแล้วขอรับว่าจะทำยังไง"เซียนย้งเกิดความคิดขึ้นตอนที่เขาฟังพี่สะใภ้กับทุกคนวางแผนการค้าถ่านกัน"ไหนเจ้าลองว่ามาซิ อาย้ง""ตอนนี้สบู่ของข้ามีรูปร่างเหมือนสบู่ทั่วไปที่ขายอยู่ ข้าอยากให้ท่านช่วยข้าออกแบบแม่พิมพ์ขึ้นมาใหม่ นอกจากนั้นข้าอยากมีตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ที่จะให้คนทั่วไปรู้ว่า นี่เป็นสบู่ของพวกเราด้วยขอรับ""สัญลักษณ์?""ขอรับพี่สะใภ้ ข้าอยากตั้งชื่อทางการค้าให้คนรู้ว่า สินค้าพวกนี้มาจากครอบครัวของพวกเรา""ดีๆ ข้าเห็นด้วยกับเจ้า"อาเสิ้นตาโต เขาก็อยากให้ถ่านของเขามีชื่อร้านเหมือนกัน"แล้วเจ้าคิดชื่อไว้แล้วหรือยัง หรือจะให้พวกข้าช่วยคิดให้"หญิงสาวมองดูเด็กหนุ่มทั้งสองที่กระตือรือร้น ดวงตาเป็นประกายอย่างตื่นเต้น ก็ช่วยส่งเสริม"ข้าอยากให้ร้านของข้า ชื่อ เหนียนเหยา ขอรับ"หญิงสาวตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าเซียนย้งจะเสนอชื่อนางขึ้นมา"เจ้าพอจะบอกเหตุผลข้าได้หรือไม่อาย้ง"หานตงถามขึ้น เขาพอจะรู้ใจของน้องคนนี้ดี แต่ก็อยากจะรู้ว่า จะเหมือนที่เขาคิดไว้หรือไม่"เพราะพี่สะใภ้ เป็นเสมือนแสงสว่างที่สาดเข้ามาในชีวิตของครอบครัวข้า ขับไล่ความมืดมิด ช่วยให้ข้าเห
เว่ยเหนียนเหยายืนอยู่บนระเบียง คิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา นางนับถือนางลี่สือหลินมาก แม้จะรักบุตรชายเพียงใดแต่ก็ไม่ยอมเห็นผิดเป็นถูก กัดฟันส่งบุตรชายเข้ารับโทษที่ก่อตอนแรกนางยังคิดว่า นางลี่สือหลินจะล้มป่วยเพราะตรอมใจอยู่หลายวัน หากเพียงแค่สองวัน นางลี่สือหลินกลับลุกขึ้นไปทำงาน นางกับซินเซียงพยายามห้ามปรามขอให้พักผ่อนอีกสักหน่อยรอยยิ้มเศร้าสร้อยปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากคู่นั้น ก่อนจะกล่าวว่า" อาเหยา คนเป็นแม่จะอ่อนแอไม่ได้ ตอนนี้บุตรชายของข้ากำลังหกล้ม ข้าหวังว่า สักวันเขาจะคิดได้ และลุกขึ้นยืนใหม่ เมื่อนั้นมือคู่นี้ของข้ายังต้องช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้น"เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็น้ำตาคลอ ชาติที่แล้ว นางไม่มีพ่อแม่ ไม่เคยรับรู้ถึงความรักของพ่อแม่มาก่อน หญิงสาวคิดไปถึงต้นโสมเจ้าปัญหาต้นนั้น ที่บัดนี้ถูกนำไปเก็บไว้ในห้องของนางเป็นที่เรียบร้อยต้นโสมเพียงหนึ่งต้น แต่กลับลากดึงเอาความโลภโมโทสันภายในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ออกมาตีแผ่ นางหวังเพียงแต่ว่า ลี่ห่าวฟง จะไม่ทำให้มารดาของเขาผิดหวัง"พี่สะใภ้ พี่หานตงให้ข้ามาบอกท่านว่า วันนี้เป็นวันที่นัดกับช่างเฟิ่งไว้ขอรับ""เจ้าช่วยไปเรียกอาเสิ้นมาพบข้าหน
"ภรรยาเจ้าเร็วหน่อยเถอะ เราต้องรีบไปให้ทันรถเที่ยวเช้านะ""ท่านพี่จะรีบไปไหน ป่านนี้คนพวกนั้นยังไม่มีใครรู้หรอกน่า"นางลี่สือหลินยืนกำมือแน่นที่หน้าประตู จู่ๆประตูก็ถูกเปิดออกจากคนที่อยู่ข้างใน ห่าวฟงเห็นมารดา พร้อมน้องเขย น้องสาวยืนอยู่ก็ตกใจ พยายามตั้งสติ"ท่านแม่ ท่าน มาได้ยังไงขอรับ"นางลี่สือหลินมองดูบุตรชายที่ก้าวเท้าถอยหลังเข้าไปในบ้าน ในมือถือห่อผ้าห่อหนึ่ง"เจ้าใหญ่ พวกเจ้ารีบร้อนจะไปไหนกันแต่เช้า"นางลี่สือหลินไม่ตอบ แต่ย้อนถามบุตรชายแทน"พอ ดี แม่ภรรยาไม่ค่อยสบาย ข้าเลยจะพานางไปเยี่ยมดูอาการขอรับ"สะใภ้ตระกูลลี่เมื่อเห็นสามีส่งสายตามาให้ ก็รีบเอ่ยเสริมคำ"ใช่เจ้าค่ะท่านแม่สามี ท่านแม่ข้าไม่สบาย ข้าจึงจะรีบไปเยี่ยม อีกอย่างข้าอยากจะนำข่าวดีไปบอกท่านด้วยตัวเอง""พวกเจ้าก็เลยทำตัวเป็นบุตรเขยบุตรสาวที่ดี เอาต้นโสมไปเยี่ยมซินะ"นางลี่สือหลิน ตวาดออกไปอย่างหมดความอดทน มองมือบุตรชายที่กุมห่อผ้าแน่นเข้าไปอีก"ท่านแม่ ท่านพูดเรื่องอะไร ข้าไม่เข้าใจขอรับ""ข้าก็พูดเรื่องที่เจ้าสองสามีภรรยาเข้าไปขโมยโสมที่บ้านของอาเหยาไงละ"ห่าวฟงหน้าซีด เขารู้ตั้งแต่เห็นหน้ามารดาที่หน้าประตูแล้ว ว่าม
"มา มาลูกสะใภ้เจ้านั่งก่อน"นางลี่สือหลิน รีบบอกให้บุตรชายประคองลูกสะใภ้นั่งลงบนเก้าอี้"น้องสาว น้องเขยตอนนี้คงสบายดีสินะ ท่าทางจะร่ำรวยกันใหญ่"ลี่ห่าวฟงบุตรชายของนางลี่สือหลิน กล่าวออกมาอย่างประชดประชัน เขามองไปมองรอบๆบ้านหลังนี้ด้วยความอิจฉา ครั้งก่อนเขาเคยขอให้มารดา ช่วยพูดกับน้องสาวและน้องเขยว่าให้ตนและภรรยาเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วย แต่คนพวกนี้ล้วนแล้งน้ำใจต่อเขากับภรรยา ดีว่ามารดาแอบส่งเงินทองไปให้เขาใช้อยู่เรื่อยๆ ชีวิตเขากับภรรยาจึงไม่ได้ลำบากอะไร"พวกข้าก็แค่มีกินมีใช้นะขอรับ ท่านพี่ภรรยา"เซียนย้งจริงๆ ไม่ค่อยจะชอบพี่ภรรยาคนนี้มากนะ เพราะเขาเป็นคนหยิบโหย่งไม่ค่อยชอบทำงานเท่าไหร่ แถมยังชอบใช้กำลังกับภรรยาของเขาและท่านแม่ยายอยู่บ่อยครั้ง"เอาละ เอาละ มากินข้าวกันเถอะ วันนี้พวกเจ้าต้องกินเยอะๆนะ อ้าวข้าลืม พวกเจ้ากินกันไปก่อน ข้าไปเอาน้ำแกงไก่ที่บ้านอาเหยาก่อน"นางลี่สือหลินออกไปไม่นานก็กลับมาพร้อมน้ำแกงไก่ถ้วยใหญ่"อาเซียงเมื่อกี้ตอนแม่ไปตักน้ำแกงไก่ เห็นกล่องใส่โสมยังวางอยู่ในครัว เห็นอาย้งบอกว่า โสมหัวนั้นราคาหลายร้อยตำลึงทอง ทำไมเอามาวางไว้อย่างนั้นละ"ซินเซียงแอบมองไปยังพี่ชาย
ชุนเหมยเมื่อเห็นน้องสาวต่างสายเลือด กระวีกระวาดวิ่งออกไปหาสามีก็ส่ายหัวยิ้มๆ นางเดินออกจากห้องโถง มุ่งตรงกลับเข้าห้องนอนทันที"เวิ้นสุ่ย"เสียงราบเรียบของหญิงสาวคล้ายพูดคุยกับอากาศที่อยู่ภายในห้อง เงาดำสายหนึ่งเคลื่อนออกมาจากมุมห้องอย่างเงียบๆ"นายหญิง""เจ้าไปสืบเรื่องนั้นมาให้ข้า จำไว้ข้าต้องการเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียด"ไร้เสียงตอบรับใดๆ มีเพียงเงาดำสายนั้น ที่เลือนหายไปคล้ายไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ชุนเหมย เดินออกจากห้องไปช้าๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น"ท่านพี่ตอนที่อยู่ที่หอการค้ากลางทำไมท่านไม่ช่วยข้าออกความคิดเห็นบ้างเลยเจ้าค่ะ"หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างแง่งอน ที่สามีไม่ช่วยนางออกความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับร้านค้าที่นางจะซื้อ"ก็พี่ไม่มีความรู้เรื่องนี้ พี่ว่าร้านไหนเจ้าเห็นว่าดีพี่ก็ว่าดี พี่ล้วนเชื่อฟังเจ้าเหยาเอ๋อ"เซียงย้งกลั้นหัวเราะหน้าแดง เมื่อเห็นพี่ชายกลายสภาพเป็นแมวหนุ่มช่างออดอ้อนต่อหน้าพี่สะใภ้ ก่อนจะรีบปรับสีหน้า เมื่อเห็นสายตาพิฆาตที่พี่ชายส่งตรงมาให้"พี่สะใภ้ในเมื่อท่านยังไม่ถูกใจ ก็ค่อยๆ หาไปก็ได้ขอรับ ข้าและ พี่หานตงล้วนเชื่อฟังท่าน""อะ นั่น นั่น น่าจะใช่ร้านเหล็กที่พี่ช
เว่ยเหนียนเหยากำลังกล่าวขอตัวจากเหวินฉีและภรรยา แต่อาเสิ้นก็เดินเข้ามาในบ้านซะก่อน"พี่บุญธรรม ท่านพอจะมีเวลาสักครู่หรือไม่ขอรับ ถ่านเตาแรกตากแดดดีแล้ว ข้าอยากพาท่านไปดู""ได้สิ งั้นอาเซียงเจ้าไปโรงงานเถอะ เดี๋ยวพวกข้าจะไปกับอาเสิ้น"อาเสิ้นลากถ่านที่เขาเก็บใส่ตะกร้าแล้ว ออกมาให้ทุกคนดู หญิงสาวหยิบถ่านขึ้นมาตรวจดู เห็นว่าทุกก้อนแห้งสนิทแล้วจริงๆจึงให้อาเสิ้นลองก่อไฟขึ้นมาดู ถ่านนี้เป็นถ่านที่ทำจากเศษไม้ต่างๆที่เก็บมารวมกัน จึงทำให้มีควันไฟค่อนข้างมาก ซ้ำยังมีกลิ่นแรง แถมแรงไฟที่ได้ก็ไม่สม่ำเสมอนางบอกให้อาเสิ้นจดข้อเสียเหล่านี้ไว้ เพราะเตาต่อไปจะลองใช้ไม้ไผ่อย่างเดียว อาเสิ้นตื่นเต้นมากอยากจะรีบไปเก็บไม้ไผ่กลับมาทดลองแต่นางบอกว่า รอให้พวกนางกลับมาจากในเมืองก่อนจะดีกว่า จะได้มีคนขึ้นเขาไปเป็นเพื่อนเมื่อเห็นว่าไม่มีธุระอะไรที่ต้องทำในบ้านแล้ว เว่ยเหนียนเหยาจึงรีบเดินทางเข้าในเมือง วันนี้นางมีงานต้องทำมากมายเลยทีเดียวเมื่อมาถึงตัวเมือง นางให้สามีและเซียนย้ง นำปลาไหลที่ได้ไปขายก่อนหานตงจึงมุ่งหน้าไปที่ภัตตาคารที่เคยนำปลาไหลมาขายในครั้งก่อน เสี่ยวเอ้อจำพวกเขาได้ก็ร้องทักอย่างดีใจ"พวก
"อาเซียง เจ้าเดินรอข้าด้วยสิ""อาย้งเจ้าก็เดินให้เร็วหน่อยสิ พี่สะใภ้กำลังรอไก่จากข้าอยู่นะ""เดี๋ยวนี้ เจ้าหายใจเข้าหายใจออกเป็นพี่สะใภ้ ข้าชักจะน้อยใจแล้วสิ""หึ แน่นอนว่า พี่สะใภ้ของข้า ต้องสำคัญกว่าเจ้า""เจ้าพูดเช่นนี้ คอยดูเถอะ คืนนี้ข้าจะลงโทษเจ้าเช่นไร""เจ้า! ไม่ต้องพูดแล้ว รีบเดินเร็ว นี่มันหน้าบ้านท่านป้าเจ้านี่ รีบเดินเร็วๆ เข้าเถอะ เจ้าไม่กลัวหรือยังไง"ซินเซียงหันซ้ายแลขวา เนื่องจากบ้านหลังนี้เป็นบ้านของท่านป้าของเซียนย้ง แต่นางเสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว ส่วนบุตรชายกับลูกสะใภ้ก็ทำงานที่เมืองหลวง จึงปล่อยบ้านทิ้งร้างไว้เคร้ง......ปึก ปึก ปึกซินเซียงหันไปเกาะแขนเซียนย้ง หน้าขาวซีด"อา...ย้ง เจ้า..ได้ยินเสียง อะไรไหม""คงจะเป็นเสียงหนูละมั้ง ข้าว่าเรารีบไปกันดีกว่าเนอะ"เซียนย้งที่หิ้วไก่อยู่ ใช้มืออีกข้างดึงให้ซินเซียงรีบเดินตาม"อาย้ง ....อาเซียง""อา...ย้ง ได้ยินเสียงคน คนเรียก พวกเราไหม"ตอนนี้ เซียนย้งเองก็เริ่มหน้าซีดไปเหมือนกัน จับมือซินเซียงเตรียมวิ่งออกไป"อาย้ง อาเซียง นี่ข้าเอง พี่ซีเม่ย ภรรยาท่านพี่เหวินฉีไง""พี่สะใภ้ เป็นท่าน แล้วท่านพี่เหวินฉีละขอรับ"เซียนย
" พี่สะใภ้ท่านมาแล้ว ข้าจะออกไปตามก็ไม่กล้าวางมือ""อาย้ง นำโถที่ข้าเตรียมไว้ทางโน่นมา นำผ้ามาปูบนปากโถ แล้วเอาผ้าชิ้นเล็กที่ข้าตัดไว้แล้ว รัดผ้าที่วางตรงปากโถให้แน่น ข้าจะกรองน้ำมันหอมอีกรอบ"เซียนย้งทำงานคล่องแคล่ว เดี๋ยวเดียวโถพร้อมผ้ากรองก็อยู่ตรงหน้านาง นางจัดการตามขั้นตอนสุดท้ายอย่างรวดเร็วในที่สุดน้ำมันทั้งหมดก็ถูกเทใส่โถ และดอกกุหลาบก็ถูกวางใส่ผ้ากรองทิ้งไว้"พี่สะใภ้ ต้องวางไว้นานเท่าใดขอรับ""วางไว้จนกว่า น้ำมันในดอกไม้จะออกมาหมด""ดอกไม้กับน้ำมันยังเหลืออยู่ ท่านจะให้ข้าทำต่อเลยไหมขอรับ""น่าจะทำต่อได้อีกหนึ่งถังเจ้าจัดการเลย ข้าจะคอยดู"เซียนย้งจัดการตามวิธีที่จำได้ มีผิดไปบ้างแต่เว่ยเหนียนเหยาก็คอยบอกอยู่ข้างๆ จนตุ๋นน้ำมันหอมเรียบร้อย"เอาละทีนี้มาตัดสบู่กัน เจ้าไปหยิบถาดที่ใส่สบู่มา"เซียนย้งหยิบถาดที่ใส่สบู่มาหนึ่งถาด วันนี้พี่สะใภ้ทำสบู่สามถาด เขาทำเองอีกหนึ่งถาด รวมแล้วเป็นสี่ถาด เดี๋ยวถาดนี้ให้พี่สะใภ้ตัดให้เขาดู ส่วนถาดอื่นๆเขาจะขอลองตัดเองเว่ยเหนียนเหยารับถาดไม้มา จากนั้นก็ใช้มีดเล็กบางเลาะไปข้างๆถาดไม้แล้วคว่ำถาดลงเคาะเบาๆ สบู่ก็หลุดออกมา นางจับก้อนสบู่ก้อนใหญ่ไ
หญิงสาวเล่าเรื่องที่เว่ยหานหมิงเข้าหานาง ทุกคำพูด ทุกการกระทำ นางล้วนเล่าออกมาทั้งหมด นางไม่ใช่นางเอก ที่จะยอมปิดบังเรื่องต่างๆ เพื่อความสบายใจของพระเอก จนบางครั้งก็เกิดเรื่องราวใหญ่โตสำหรับนางการพูดคุยกันทุกเรื่องจะช่วยให้ชีวิตคู่ของพวกนางมั่นคงขึ้นอีกก้าว"เจ้าบอกว่าน้องเล็กเรียกเจ้าว่า อาเหยา หรือ""เจ้าค่ะ""แถมยังทำท่าอาลัยอาวรณ์เจ้าอีก""เจ้าค่ะ""ถ้าอย่างนั้นต่อไป เจ้าก็ไม่ต้องตามพี่ไปที่บ้านนั้นอีก และต่อไปพี่จะไม่เรียกเจ้าว่า อาเหยา แล้ว"อ้าว นี่นางทำให้สามีทำไหน้ำส้มหกนองหรือไร หญิงสาวเอนกายซบอกแกร่งสามีอย่างออดอ้อน"ถ้าเช่นนั้น ท่านจะเรียกข้าว่าอะไรดีเจ้าคะ""เหยาเอ๋อ พี่จะเรียกเจ้าว่า เหยาเอ๋อ ต่อไปเจ้าจะเป็นเหยาเอ๋อของพี่เพียงคนเดียว เจ้ายังจำสัญญาได้หรือไม่ ครั้งนี้เจ้าต้องมีลูกสาวอวบอ้วนให้พี่สักหลายๆ คนนะ เหยาเอ๋อ"ชายหนุ่มจับคางภรรยาขึ้นรับจุมพิตอ่อนโยนที่เขามอบให้ เขารู้ว่า นางไม่ใช่อาเหยาในอดีตที่มีใจรักต่อเว่ยหานหมิงผู้เป็นน้องชายครั้งนี้เขาตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่า จะทำตามคำสั่งบิดา ไม่จำเป็นจะไม่ไปที่บ้านหลังนั้นอีกกลิ่นกายหอมกรุ่นในอ้อมแขน ดึงสติเขาออกจากความคิ