"อาตง อาตง ลูกแม่เจ้าอยู่หรือไม่"
เสียงของนางเว่ยหมัวหลาน ทำให้คนที่กำลังกินข้าวอยู่ในบ้านชะงักมือลง ยังไม่ทันจะขยับตัวลุกขึ้น อีกฝ่ายก็เดินเข้ามาในบ้านอย่างไม่คำนึงถึงมารยาท "หลานย่า ย่าคิดถึงเจ้ามากเหลือเกิน เจ้าสบายดีใช่ไหม" หานตงรีบนำภรรยาลุกขึ้นคำนับนางเว่ยหมัวหลานอย่างอ่อนน้อม "ท่านแม่ พี่ใหญ่ พี่สะใภ้เชิญนั่งก่อนขอรับ" หานตงพูดอย่างอ่อนน้อม ก่อนจะให้ภรรยาเดินไปรินน้ำออกมาให้ผู้เป็นมารดา "ท่านแม่สามี พี่สามี พี่สะใภ้ น้ำเจ้าค่ะ" จริงๆ ตอนนี้บ้านนางมีชากุหลาบ ชาเกสรดอกบัว ที่ลองทดลองทำไว้ แต่กับคนพวกนี้ให้กินไปก็เสียของ นางจึงรินน้ำเปล่ามาให้เท่านั้น ส่วนเด็กสองคนไม่สนิทกับผู้เป็นย่าอยู่แล้ว เพราะทุกครั้งที่บิดาพาไปบ้านของนาง พวกเขามักจะโดนหาเรื่องลงโทษ เนื่องจากพวกเขาไปทะเลาะกับลูกชายของท่านลุงใหญ่ เด็กท่านสองรีบเดินไปหลบหลังมารดา หญิงสาวนำตัวลูกชายเข้ามากอด ก่อนจะบอกให้คาราวะหญิงชรา "ท่านย่า" "ท่านย่า" เด็กทั้งสองโค้งตัวลงอย่างอ่อนน้อม ฝ่ายหญิงชรากวาดตาดูความเปลี่ยนแปลงของคนในบ้าน ไม่เจอกันแค่ไม่นาน หานตงกลับดูดีขึ้นเป็นอย่างมาก เสื้อผ้าที่ใส่ดูเหมือนจะเป็นของที่เพิ่งซื้อใหม่ เด็กทั้งสองก็เหมือนกัน เมื่อก่อนผอมแห้งเหมือนเด็กขี้โรค ตอนนี้กลับตัวขาวอวบ เหมือนหัวไชเท้าต้นน้อยๆ ปากและแก้มแดงระเรื่อ แถมยังสวมเสื้อผ้าใหม่ ดูท่าน่าจะซื้อมาพร้อมกับผู้เป็นบิดา หญิงชรากวาดตามาเรื่อยถึงอาหารการกินตรงหน้า ข้าวสวยสีขาวดูท่าทางนุ่มฟู กลิ่นข้าวหอมกรุ่นชวนให้น้ำลายสอ ตรงกลางมีถ้วยน้ำแกงถ้วยใหญ่ ทั้งยังมีเนื้อหมูทอดวางอยู่ตรงหน้าอีกหนึ่งจาน ข้างจานหมูเป็นจานผัดผักอะไรสักอย่างที่ใส่ไข่ลงไปด้วย แม้จะกินข้าวมาแล้ว แต่เมื่อมาเห็นอาหารของครอบครัวผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบุตรคนรอง นางเว่ยหมัวหลานก็รู้สึกว่า ท้องของนางร้องดังขึ้นมาอีกแล้ว ส่วนสามีภรรยาที่มาด้วยนั้น หน้าหนากว่าหญิงชราหลายเท่า ถึงขนาดเดินเข้าครัวเพื่อตักข้าวออกมาเองถึงสามชาม "นี่รีบมาเก็บชามข้าวพวกเจ้าออกไปสิ ไม่เห็นเหรอว่าท่านแม่หิวข้าวแล้ว" พี่สะใภ้คนโตไม่สนใจอะไร คว้าถ้วยข้าวที่ฝ่ายเจ้าของบ้านกินค้างเอาไว้ยัดใส่มือเว่ยเหนียนเหยาและหานตง จากนั้นทั้งสามต่างไม่พูดพร่ำ ทั้งกินทั้งดื่มราวกับของตรงหน้า เป็นของของบ้านตัวเอง "โอ๊ยท่านแม่ ข้าไม่เคยกินอะไรอร่อยแบบนี้มาก่อนเลยขอรับ" "นั่นสิเจ้าคะท่านแม่ น้ำแกงนี่ก็หอมหวานเสียเหลือเกิน" เด็กน้อยสองคนยังกินข้าวไม่อิ่ม เมื่อเห็นอาหารทั้งหมดหายไปสิ้นแล้วก็หน้าเสีย น้ำตาจวนเจียนจะหยดออกมา ส่วนเหวยเหนียนเหยาตอนนี้ระดับความโกรธถึงขีดสุดแล้ว นางมองหน้าสามีรู้ว่าเขาลำบากใจ ฝ่ายหนึ่งก็มารดา อีกฝ่ายก็ครอบครัว เรื่องนี้นางจัดการเองจะดีกว่า "ในเมื่อพวกท่านกินกันจนอิ่มหนำแล้ว ก็เชิญกลับไปกันได้แล้วเจ้าค่ะ ข้ากับครอบครัวจะได้กินข้าวกันบ้าง" "น้องสะใภ้ เจ้ากล้าไล่ท่านแม่กับพวกข้าเหรอ" "แล้วทำไมข้าจะไล่ไม่ได้เจ้าคะ ในเมื่อพวกท่านไม่เกรงใจพวกข้า กระทำตัวไร้มารยาทประหนึ่งพวกไม่ได้รับการอบรม เข้ามาแย่งชิงอาหารของผู้อื่น" "ลูกสะใภ้ เรื่องนี้เจ้าก็พูดจารุนแรงเกินไป" นางเว่ยหมัวหลานแม้จะโกรธจนหน้าแดง แต่ก็จำต้องอดทน เพราะสิ่งที่นางต้องการยังไม่สัมฤทธิผล "อาตงลูกแม่ เจ้าก็รู้ว่าเดือนนี้บ้านเรามีรายจ่ายเยอะเหลือเกิน ไหนจะงานแต่งงานของน้องเจ้า ไหนจะหานเอ่อหลานชายเจ้าที่ต้องสมัครเข้าสถานศึกษา เงินกองกลางของบ้านเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เดือนนี้มีเจ้าเพียงคนเดียวที่ยังไม่ได้ส่งเงินกองกลาง ข้าไม่อยากให้พี่น้องผิดใจกันเพราะเรื่องนี้ จึงบากหน้ามาเตือนเจ้า" อ๋อที่แท้พวกนางก็มาทวงเงินนี่เอง "ท่านแม่สามีเจ้าคะ ไม่ทราบว่าเงินกองกลางนี้คนในครอบครัวทุกคนต้องจ่ายใช่ไหมเจ้าคะ" "แน่นอนอยู่แล้ว นี่เป็นกฎของบ้านเรา" "แต่ครอบครัวของข้า ถูกบังคับให้แยกออกจากบ้านใหญ่มาแล้ว การกินอยู่ล้วนแล้วแต่ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับบ้านใหญ่ เหตุใดจึงยังต้องจ่ายอีกละเจ้าคะ" นางเว่ยหมัวหลานอึกอักไม่สามารถให้คำตอบแก่นางได้ ทำให้พี่ชายคนโตหน้าตึง ตอบแบบกำปั้นทุบดินออกมา "แต่เจ้ารองก็ให้แบบนี้มาตลอด" "นั้นมันเมื่อก่อนเจ้าค่ะ แต่ตั้งแต่ที่ท่านแม่ช่วยย้ำเตือนสถานะของครอบครัวของข้ากับสามีในวันนั้น พวกข้าจึงได้กลับมาทบทวนกันใหม่ ทุกสิ่งล้วนแต่ได้แม่สามีชี้แนะทั้งสิ้น" หญิงสาวตอกย้ำถึงวันที่ทุกคนทำให้สามีของนางอับอาย เห็นครอบครัวของนางเป็นวัวเป็นควายหรือยังไง ยามดีมาใช้ ยามเจ็บไข้ไม่รักษา "อาตง เจ้ายังโกรธเคืองมารดาอยู่อีกหรือ ในวันนั้นครอบครัวพวกเราไม่มีอะไรเหลือจริงๆ ขนาดพี่ใหญ่เจ้ายังต้องยอมอดเพื่อให้ลูกเมียได้อิ่ม" นางเว่ยหมัวหลาน พยายามทำเสียงเศร้าพลางเค้นน้ำตาออกมาได้สองสามหยด โอ้ โอ้ คุณแม่ผัวเจ้าขา จะเอาแบบนี้ใช่ไหม จัดไปเจ้าค่ะ "แต่วันรุ่งขึ้นจากวันนั้น ข้าได้ข่าวว่าน้องสาวกับไปเยี่ยมบ้านท่านแม่ นางนำทั้งข้าวสาร อีกทั้งเนื้อหมูและไข่ไก่ กลับไปให้มารดานางด้วย" สะใภ้ใหญ่ตาโตหันกลับไปมองนางเว่ยหมัวหลานอย่างตัดพ้อ นางจำได้ว่าหลังจากที่นางแต่งเข้าและต้องกลับไปเยี่ยมบ้านเดิม แม่สามีให้นางนำแค่ไข่ไก่ห้าฟองกับผักอีกสองสามหัวกลับไปเยี่ยมบ้านเท่านั้น นางเว่ยหมัวหลานเห็นสายตาสะใภ้คนโตก็เกรงว่าเหตุการณ์จะเลยเถิด จึงรวบรัดตัดความ "ไม่ต้องพูดมาก อาตง ตกลงเจ้าจะจ่ายเงินเข้ากองกลางหรือไม่" "ท่านแม่ ตอนนี้ข้าไม่เงินจริงๆ ขอรับ ข้าไม่ได้เข้าป่ามานานแล้วขอรับ" "โกหก เจ้ารอง หากเจ้าไม่มีเงิน จะซื้อข้าวปลาอาหารพวกนี้มาได้ยังไง ไหนจะเสื้อผ้าที่เจ้ากับบุตรชายสวมอีก" "ใช่ๆ เอาแบบนี้หากเจ้ายังไม่มีเงินให้ตอนนี้ ก็ให้บุตรชายของเจ้าถอดเสื้อออกมา บุตรชายของเจ้ากับบุตรชายของข้าตัวเท่าๆ กัน พอพ้นหน้าหนาวหานเอ่อต้องเข้าไปเรียนในเมือง ข้าจะเอาไปให้เขาใส่ในตอนนั้น" สะใภ้ใหญ่กล่าวออกมาอย่างเห็นแก่ตัว นางจ้องเสื้อผ้าของเด็กทั้งสองด้วยสายตาวาววับ หากไม่ติดว่า เด็กทั้งสองอยู่ในอ้อมกอดของมารดา นางคงจะพุ่งเข้าไปถลกเสื้อผ้าออกจากตัวเด็กทั้งสองไปนานแล้ว เด็กทั้งสองเมื่อเห็นสายตาของป้าสะใภ้ใหญ่ที่มองมาอย่างมุ่งร้าย ก็ยิ่งเบียดตัวป้อมๆ เข้าไปในอ้อมกอดของมารดา พวกเขายังจำรสไม้เรียวที่ป้าสะใภ้ใหญ่ฟาดลงบนตัวของพวกเขา เมื่อตอนปีก่อนได้เป็นอย่างดี เว่ยเหนียนเหยารู้สึกระอากับพวกหน้าหนาพวกนี้เต็มทน "ของทุกอย่างล้วนซื้อมาจากเงินที่ข้าขายผ้าปักมาได้ ไม่เกี่ยวกับสามีข้า อีกทั้งข้าเป็นคนขอไม่ให้สามีเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงในป่าอีก และขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า ข้าไม่ยินยอมให้สามีนำเงินของข้าไปให้ผู้ใด" ไหนๆ ในบันทึกขับไล่ เอ๊ย บันทึกแยกครอบครัวก็บอกแล้ว ว่านางไม่เคารพผู้อาวุโส งั้นก็ทำให้มันเป็นจริงซะเลย นางเว่ยหมัวหลานลุกขึ้นยืนอย่างโกรธจัด "ข้าไม่สนใจ ว่าเจ้าจะเอาเงินมาจากที่ไหนอาตง หากเจ้าไม่อยากได้ชื่อว่าอกตัญญู ข้าให้เวลาพวกเจ้าจนถึงกลางเดือนหน้า หาเงินส่งเข้ากองกลาง สองร้อยอีแปะ ไม่อย่างนั้นอย่ามาหาว่าข้าใจร้าย เจ้าใหญ่พาแม่กลับบ้าน" "ข้าคงไม่ไปส่งนะเจ้าคะ" เว่ยเหนียนเหยารีบเดินไป ปิดประตูลงกลอน ก่อนจะหันมามองดูสามีที่ยืนด้วยใบหน้าที่ซีดเผือดไร้สีเลือด "ท่านพี่ ท่านก็รู้ว่าเหตุการณ์วันนี้ยังไงก็ต้องเกิดขึ้น จริงๆ เงินสองร้อยอีแปะสำหรับข้าถือว่าเล็กน้อย หากว่าพวกเขาทำดีต่อท่านสักนิด แต่ดูจากสิ่งที่พวกเขาทำ แม้แต่อีแปะเดียวข้าก็ไม่อยากจะให้" "ช่างเถอะ จริงอย่างที่เจ้าว่า หากพี่ยอมโอนอ่อนในวันนี้ เมื่อพวกเขารู้ความจริงขึ้นมา เกรงว่าจะไม่เรียกร้องแค่สองร้อยอีแปะเป็นแน่" เว่ยเหนียนเหยาหาข้าวหาปลาให้ครอบครัวกินอีกรอบ ก่อนจะส่งบุตรชายทั้งสองเข้านอน พรุ่งนี้นางคงต้องให้เซียนย้ง แจ้งนายช่างใหญ่เรื่องเร่งการสร้างบ้านซะแล้ว"อาเซียง ทำไมวันนี้หน้าตาเจ้าดูไม่สู้ดีนักละ""พี่สะใภ้ เมื่อวานตอนที่พี่ชายข้ามาที่บ้าน เห็นว่าท่านแม่ได้เงินจากการช่วยงานท่าน ก็ยืนกรานจะรับตัวนางกลับไป แต่ท่านแม่ไม่ยอมกลับ พี่ชายข้าถึงกับอาละวาด ทุบทำลายข้าวของที่บ้านข้าเจ้าค่ะ""อาเซียง อย่าหาว่าข้ายุแยงเลยนะ กับคนบางจำพวก เจ้าควรจะทำตัวให้เห็นความร้ายกาจเสียบ้าง ข้าวของบ้านเจ้า เขามีสิทธิ์จะเข้ามาทำลายที่ไหน"จริงๆ ซินเซียงก็เคยคิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน หลายครั้งที่เซียนย้งคิดจะต่อกรกับผู้เป็นพี่ชาย แต่เป็นซินเซียงที่คอยห้ามปรามไว้ เพราะเกรงว่ามารดาจะไม่สบายใจต่อไปนางคงต้องยอมให้เซียนย้งจัดการพี่ชายนางดูสักครั้ง"อาเหยา อาเหยา เจ้าอยู่หรือไม่ ข้านำคนที่เจ้าต้องการมาให้เลือกแล้ว อาเหยาเด็กสาวพวกนี้เป็นช่างฝีมือการตัดเย็บในหมู่บ้านเรา แต่ละคนขยันขันแข็ง ข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จักนะ นี่อาซวง อาหง อาเหมย และ อาหมิ่น ข้าบอกพวกนางแล้วว่าเจ้าต้องการคนงานเพียงสามคน แต่พวกนางล้วนแต่เป็นคนมีฝีมือ ข้าตัดสินใจไม่ได้ จึงนำพวกนางกลับมาให้เจ้าเป็นคนเลือกเอง""นายหญิง"เด็กสาวทั้งสี่ทำความเคารพเว่ยเหนียนเหยาอย่างเรียบร้อย พวกนางทั้งหมด ล้วนแต่หาเ
เมื่อได้รับจดหมายจากชุนเหมย เว่ยเหนียนเหยาจึงตัดสินใจรับหญิงสาวทั้งสี่คนไว้ทั้งหมด โดยนางให้สามีร่างสัญญาการทำงานขึ้นมาสองฉบับ ต่างฝ่ายต่างเก็บไว้คนละฉบับ เพื่อกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายหน้าตกเย็นทางผู้ใหญ่บ้านก็ประกาศให้ลูกบ้านทั้งหมดไปรวมตัวกัน หานตงนำภรรยาและบุตร ร่วมเดินทางไปกับครอบครัวของเซียนย้งผู้ใหญ่บ้านเชิญผู้นำตระกูลทุกตระกูลออกมาเบื้องหน้า ผู้นำตระกูลแต่ละคน นำบันทึกสิ่งที่ต้องซ่อมศาลบรรพชนออกมาชี้แจงให้สมาชิกภายในตระกูลฟังหมู่บ้านแห่งนี้มีตระกูลหลักๆ อาศัยอยู่รวมกัน 4ตระกูล คือตระกูลเว่ย ตระกูลกุ้ย ตระกูลมู่ และตระกูลหวัง อีกทั้งมีตระกูลอื่นที่เป็นเครือญาติของแต่ละฝ่ายเข้ามาขออาศัยอีกจำนวนหนึ่งดังนั้นทางผู้ใหญ่บ้านและผู้นำตระกูลรุ่นก่อน จึงตั้งกฎขึ้น ให้จัดสร้างศาลบรรพชนของทั้งสี่ตระกูลขึ้นเหมือนๆ กัน และทุกสองปีจะมีการเรี่ยไรเงินจากสมาชิกในตระกูลมาซ่อมแซมศาลบรรพชน และเปิดให้ลูกหลานได้กราบไหว้บรรพชนเพื่อขอพรให้คุ้มครองคนหมู่บ้านปีนี้เป็นปีที่ครบกำหนดพอดี ทางผู้ใหญ่บ้านจึงเรียกทุกคนมาฟังรายละเอียด และกำหนดจะมีการเก็บเงินจากทุกครอบครัว ครอบครัวละสามร้อยอีแปะ ในอีกสองเดื
วันนี้ก่อนยามซื่อเล็กน้อย รถม้าของร้านเชิงอี้ชิงก็วิ่งมาจอดที่หน้าบ้านหญิงสาวกอดปลอบลูกรักทั้งสอง เนื่องจากเด็กทั้งสองอยากจะขอตามมารดาเข้าไปในเมืองด้วยหากแต่หญิงสาวเกรงว่า การเข้าไปพูดคุยการค้าครั้งนี้จะทำให้เด็กๆเบื่อหน่ายซะมากกว่า"เจ้าใหญ่ เจ้ารอง วันนี้ท่านอาของเจ้าจะพาคนมาสร้างคอกม้าเล็กๆที่บ้าน แม่อยากให้พวกเจ้าอยู่ช่วยท่านอาได้หรือไม่""คอกม้าหรือขอรับ""ใช่แล้ว ต่อไปเรื่องการหาหญ้ามาให้ม้าตัวนั้น แม่จะให้เจ้าทั้งสองกับเจ้าอาเหยารับผิดชอบร่วมกัน ต่อไปเจ้าจะเอาแต่เที่ยวเล่นไม่ได้แล้วนะ"เด็กทั้งสามเลิกสนใจที่จะเข้าเมืองทันที รีบเดินกลับไปหากลุ่มหญิงสาวที่นั่งล้อมวงเย็บผ้ากันอยู่ จากนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอยคนที่จะมาสร้างคอกม้าอย่างใจจดจ่อเว่ยเหนียนเหยากับหานตง รีบเร่งขึ้นรถม้า เนื่องจากเห็นว่าใกล้ถึงเวลาที่นัดหมายอีกฝ่ายไว้แล้ว เมื่อเดินทางไปถึง ก็เห็นชุนเหมยมายืนคอยรับอยู่ที่หน้าร้านแล้ว"พวกเจ้ามากันแล้ว""ท่านพี่ชุนเหมย" แม่นางชุนเหมย"สองสามีภรรยาทำความเคารพต่อชุนเหมยอย่างนอบน้อม"เอาละเข้าไปกันเถอะ พี่หญิงใหญ่ของข้ามารออยู่แล้ว"ชุนเหมยพาทั้งสองเดินเข้ามาภายในร้าน และตรง
หลังจากที่พูดคุยสรุปเรื่องการค้ากันเป็นที่เรียบร้อย ทั้งสี่คนก็ย้ายสถานที่ไปพูดคุยสร้างความสนิทสนมกันต่อที่โต๊ะอาหารในช่วงมื้อกลางวันหญิงสาวทั้งสามต่างรู้สึกสนิทสนมราวกับเป็นพี่น้องที่คลานออกจากมารดาเดียวกันมา โดยเฉพาะคุณหนูใหญ่ที่อยากจะขโมยเว่ยเหนียนเหยากลับไปเมืองหลวงกับนางด้วยซะเหลือเกิน"อาเหยา อาตง คราวหน้าพวกเจ้าต้องพาหลานๆ เข้าไปเยี่ยมข้าที่เมืองหลวงนะ"สองสามีรับคำก่อนจะโค้งคำนับเป็นการอำลา เนื่องจากเสิ่นชิงหรูต้องเร่งเดินทางกลับเมืองหลวงในทันทีส่วนชุนเหมยกับยืนหน้าบึ้งอยู่ด้านข้าง เนื่องจากพี่สาวของนาง กวาดสินค้าที่เว่ยเหนียนเหยาจัดส่งมาครั้งนี้กลับไปเมืองหลวงทั้งหมด ไม่เหลือไว้ให้นางแม้แต่ชิ้นเดียวเมื่อส่งคนจากไปแล้ว ชุนเหมยจึงชวนสองสามีภรรยา โดยเฉพาะหานตงให้ลองไปศึกษาวิธีการดูผ้าด้วยกัน"พี่ชุนเหมยเจ้าคะ แต่นี่ก็บ่ายแล้ว ครั้งนี้ที่ข้ามา ข้าอยากจะหาซื้อรถม้าไว้ใช้งานสักคันเจ้าค่ะ""อาเหยา การเลือกซื้อรถม้า ต้องเป็นคนที่ชำนาญในการดูลักษณะของม้า อีกทั้งยังต้องดูโครงสร้างความสมดุลของส่วนที่เป็นตัวรถเป็นอีกด้วย สิ่งนี้ไม่ใช่ใครก็จะทำเป็น มิสู้เอาแบบนี้เถอะ ในร้านข้ามีบ่าวที่
หานตงนำเด็กชายทั้งสามกลับเข้าไปแต่งตัว ก่อนจะสั่งให้นั่งเล่นอยู่ภายในห้องจากนั้นเขาจึงออกมาที่ห้องโถง นำโต๊ะและเก้าอี้เข้าไปเก็บไว้ในห้องของตัวเอง ก่อนจะลงมือถูพื้นที่ห้องโถงจนสะอาด และนำเสื่อมาปูวางไว้ภรรยาของเขาเคยบอกว่า ที่สั่งทำโต๊ะกินข้าวใหญ่ขึ้น เพราะอยากให้ทุกคนกินข้าวพร้อมกัน เช่นนี้ถึงจะเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ในเมื่อยังไม่มีโต๊ะมา ทำแบบนี้ก็ได้เช่นกัน ชายหนุ่มเดินเข้าไปในครัว ช่วยจัดเตรียมถ้วยชามนำออกไปวาง เพื่อช่วยผ่อนแรงภรรยาเว่ยเหนียนเหยาหันมายิ้มกับสามี วันนี้นางทำกับข้าวสามอย่าง น้ำแกงปลาอีกหนึ่งอย่าง แถมท้ายพิเศษด้วยถั่วเขียวต้มน้ำตาลจริงๆเมื่อสักครู่ซินเซียงก็วิ่งแจ้นเข้ามาจะช่วยนางลงครัว แต่ถูกนางให้กลับไปดูแลเรื่องเย็บแบบผ้าต่อเว่ยเหนียนเหยาทำอาหารไป วางแผนงานไปอย่างเพลิดเพลิน จนเมื่อเห็นสามีเดินเข้ามาช่วยจัดเตรียมถ้วยชาม นางจึงแอบตามไปดู พบว่าหานตงนำเสื่อมาปูที่พื้น จัดเป็นที่กินข้าวขนาดใหญ่ไปเสียแล้วหญิงสาวยิ้มอย่างมีความสุขในความเอาใจใส่ของสามี ในชีวิตลูกผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งงานแล้ว นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกนางล้วนฝันหาหรอกหรือนางเดินเข้าไปจัดเตรียมอาหาร เพื่อจะน
"ท่านแม่ ท่านแม่ขอรับ ได้โปรดตื่นเถิด อย่าทิ้งข้ากับท่านพ่อไปนะขอรับ ฮือ ฮือ""ท่านพ่อ ทำไมท่านแม่ถึงนอนแน่นิ่งแบบนี้ ท่านพ่อช่วยปลุกท่านแม่หน่อยขอรับ"เสียงใครกัน หนวกหูชะมัด ฉันขอนอนนานๆหน่อยได้ไหม เว่ยเหนียนเหยา คิดในใจอย่างรำคาญ เมื่อวานนี้กว่าเธอจะปิดบัญชีของภัตตาคารหรูระดับห้าดาวเสร็จ เธอต้องเคร่งเครียดจนลืมกินลืมนอนไปหลายคืน " เจ้าใหญ่ เจ้ารอง หยุดร้องไห้ก่อนเถอะ เจ้าดูแม่เจ้าไว้ก่อน เดียวพ่อจะไปตามท่านหมอจางมาดูแม่เจ้า"เสียงอีกเสียงดังขึ้น ฟังดูก็รู้ว่า น่าจะเป็นชายหนุ่มอายุไม่เยอะเท่าไหร่ ว่าแต่ว่าพวกเขาพูดถึงใครกัน แล้วคนพวกนี้เข้ามาอยู่ในบ้านเธอได้ยังไง แย่แล้ว!!! หรือว่าจะเป็นโจร เว่ยเหนียนเหยาคิดอย่างตกใจ พยายามที่จะลืมตาขึ้น แต่กลับรู้สึกปวดหัว และเจ็บข้างหลังท้ายทอยเป็นอย่างมาก หญิงสาวค่อยๆยกมือ ลูบไปยังบริเวณที่เจ็บ พร้อมกับลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก แสงสว่างสาดเข้ากับดวงตา ทำให้ตาของเธอพร่าไปเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆคุ้นชิน หญิงสาวกวาดสายตามองดูโดยรอบนี่เธออยู่ที่ไหน ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ หรือเธอถูกโจรจับมาเรียกค่าไถ่ สารพัดคำถามที่ไร้คำตอบดังขึ้นมาในหัว แต่ก่อนที
" ท่านพ่อเร็วเข้าเถอะขอรับ ท่านแม่อาการหนักแน่ๆ""ใช่ขอรับท่านพ่อ เมื่อครู่ท่านแม่จำข้ากับพี่ใหญ่ไม่ได้ด้วยขอรับ"เสียงโวยวายของเด็กทั้งสองดังขึ้น พ่อของเด็กน่าจะพาหมอกลับมาแล้ว หญิงสาวแสร้งนอนนิ่ง เพื่อรอดูเหตุการณ์ "ท่านหมอ ท่านช่วยตรวจดูภรรยาข้าหน่อยเถอะขอรับ"น้ำเสียงทุ้มกล่าวอย่างนอบน้อม หมอชราถอนหายใจในความอยุติธรรมที่ชายหนุ่มตรงหน้าได้รับ เขาบังเอิญรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น สองครอบครัวร่วมมือกันเล่นละคร เพื่อผลักดันชายหนึ่งหญิงหนึ่งที่ตนไม่ต้องการให้กระเด็นออกมา " หานตงเอ๋ย ข้าสงสารเจ้ายิ่งนัก เวรกรรมอะไรของเจ้าหนักหนา"ชายชราส่ายหน้า พลางนั่งลงตรงข้างร่างหญิงสาว หลังจากลงมือสำรวจบาดแผล และตรวจดูชีพจร เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง จึงมอบยารักษาบาดแผลไว้ให้ หมอชราปฏิเสธที่จะรับเงินค่ารักษา ขอรับเพียงแต่เงินค่ายาเท่านั้นหลังจากที่หมอชราจากไป ชายหนุ่มจึงปลอบโยนลูกทั้งสอง ก่อนจะนำกะละมังและผ้าชุบน้ำมาเช็ดตามเนื้อตัวของภรรยา เว่ยเหนียนเหยารู้สึกซาบซึ้งใจกับสิ่งที่ชายหนุ่มปฏิบัติต่อเธอ ร่างบางค่อยๆลืมตาขึ้นมองสบเข้ากับดวงตาคู่คม เธอมองเห็นความกังวลปนเปกับความโล่งอก"เจ้ารู้สึกเ
สองสามีภรรยาเดินขึ้นเขาอย่างเร่งรีบ เมื่อเดินไปถึงแค่ตีนเขา กลับพบกอไผ่ขึ้นอยู่อย่างมากมาย ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็พบกับความเขียวชอุ่ม นับว่าเป็นภูเขาที่มีความอุดมสมบูรณ์ไม่น้อยเว่ยเหนียนเหยารีบเดินเข้าไปสำรวจตรงกอไผ่ทันที หลังจากที่แหวกดูดวงตาก็เปล่งประกาย"ท่านพี่ ท่านมาช่วยข้าขุดหน่อไม้หน่อยเถิด เราจะได้นำกลับไปเป็นอาหารที่บ้าน""หน่อไม้พวกนี้มีรสฝาดไม่เหมาะจะนำไปเป็นอาหารหรอก"ชายหนุ่มส่ายหน้ากับความไม่รู้ของผู้เป็นภรรยา หญิงสาวหาได้ถือสา ด้วยเข้าใจว่าผู้คนในอดีตย่อมไม่รู้ว่าควรนำหน่อไม้มาปรุงอาหารเช่นไรนางเพียงขุดขึ้นมาเป็นตัวอย่างให้สามีดู พลางเน้นย้ำว่า ให้ขุดขึ้นมาให้เยอะหน่อยเท่านั้น เมื่อเห็นว่าสามีไม่ปฏิเสธ หญิงสาวจึงค่อยๆ เดินสำรวจไปทางอื่นนางหยุดมองที่ต้นไม้กอใหญ่กอหนึ่ง หลังจากที่พิจารณาอยู่ชั่วครู่ ก็ตัดสินใจขุดลงไปในดินใต้ต้นไม้นั้นสิ่งที่ปรากฏอยู่ในดินทำให้หญิงสาวยิ้มแก้วปริ อย่างน้อยๆ สิ่งนี้ก็ช่วยให้นางและครอบครัวรอดพ้นจากความหิวโหยไปได้พักใหญ่สองมือเรียวค่อยๆ นำสิ่งที่อยู่ในดินขึ้นมา มันฝรั่งหัวใหญ่ถูกดึงขึ้นมาใส่ลงไปในตะกร้าจนเต็มก่อนที่หญิงสาวจะเดินกลับไปหาสามี
หานตงนำเด็กชายทั้งสามกลับเข้าไปแต่งตัว ก่อนจะสั่งให้นั่งเล่นอยู่ภายในห้องจากนั้นเขาจึงออกมาที่ห้องโถง นำโต๊ะและเก้าอี้เข้าไปเก็บไว้ในห้องของตัวเอง ก่อนจะลงมือถูพื้นที่ห้องโถงจนสะอาด และนำเสื่อมาปูวางไว้ภรรยาของเขาเคยบอกว่า ที่สั่งทำโต๊ะกินข้าวใหญ่ขึ้น เพราะอยากให้ทุกคนกินข้าวพร้อมกัน เช่นนี้ถึงจะเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ในเมื่อยังไม่มีโต๊ะมา ทำแบบนี้ก็ได้เช่นกัน ชายหนุ่มเดินเข้าไปในครัว ช่วยจัดเตรียมถ้วยชามนำออกไปวาง เพื่อช่วยผ่อนแรงภรรยาเว่ยเหนียนเหยาหันมายิ้มกับสามี วันนี้นางทำกับข้าวสามอย่าง น้ำแกงปลาอีกหนึ่งอย่าง แถมท้ายพิเศษด้วยถั่วเขียวต้มน้ำตาลจริงๆเมื่อสักครู่ซินเซียงก็วิ่งแจ้นเข้ามาจะช่วยนางลงครัว แต่ถูกนางให้กลับไปดูแลเรื่องเย็บแบบผ้าต่อเว่ยเหนียนเหยาทำอาหารไป วางแผนงานไปอย่างเพลิดเพลิน จนเมื่อเห็นสามีเดินเข้ามาช่วยจัดเตรียมถ้วยชาม นางจึงแอบตามไปดู พบว่าหานตงนำเสื่อมาปูที่พื้น จัดเป็นที่กินข้าวขนาดใหญ่ไปเสียแล้วหญิงสาวยิ้มอย่างมีความสุขในความเอาใจใส่ของสามี ในชีวิตลูกผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งงานแล้ว นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกนางล้วนฝันหาหรอกหรือนางเดินเข้าไปจัดเตรียมอาหาร เพื่อจะน
หลังจากที่พูดคุยสรุปเรื่องการค้ากันเป็นที่เรียบร้อย ทั้งสี่คนก็ย้ายสถานที่ไปพูดคุยสร้างความสนิทสนมกันต่อที่โต๊ะอาหารในช่วงมื้อกลางวันหญิงสาวทั้งสามต่างรู้สึกสนิทสนมราวกับเป็นพี่น้องที่คลานออกจากมารดาเดียวกันมา โดยเฉพาะคุณหนูใหญ่ที่อยากจะขโมยเว่ยเหนียนเหยากลับไปเมืองหลวงกับนางด้วยซะเหลือเกิน"อาเหยา อาตง คราวหน้าพวกเจ้าต้องพาหลานๆ เข้าไปเยี่ยมข้าที่เมืองหลวงนะ"สองสามีรับคำก่อนจะโค้งคำนับเป็นการอำลา เนื่องจากเสิ่นชิงหรูต้องเร่งเดินทางกลับเมืองหลวงในทันทีส่วนชุนเหมยกับยืนหน้าบึ้งอยู่ด้านข้าง เนื่องจากพี่สาวของนาง กวาดสินค้าที่เว่ยเหนียนเหยาจัดส่งมาครั้งนี้กลับไปเมืองหลวงทั้งหมด ไม่เหลือไว้ให้นางแม้แต่ชิ้นเดียวเมื่อส่งคนจากไปแล้ว ชุนเหมยจึงชวนสองสามีภรรยา โดยเฉพาะหานตงให้ลองไปศึกษาวิธีการดูผ้าด้วยกัน"พี่ชุนเหมยเจ้าคะ แต่นี่ก็บ่ายแล้ว ครั้งนี้ที่ข้ามา ข้าอยากจะหาซื้อรถม้าไว้ใช้งานสักคันเจ้าค่ะ""อาเหยา การเลือกซื้อรถม้า ต้องเป็นคนที่ชำนาญในการดูลักษณะของม้า อีกทั้งยังต้องดูโครงสร้างความสมดุลของส่วนที่เป็นตัวรถเป็นอีกด้วย สิ่งนี้ไม่ใช่ใครก็จะทำเป็น มิสู้เอาแบบนี้เถอะ ในร้านข้ามีบ่าวที่
วันนี้ก่อนยามซื่อเล็กน้อย รถม้าของร้านเชิงอี้ชิงก็วิ่งมาจอดที่หน้าบ้านหญิงสาวกอดปลอบลูกรักทั้งสอง เนื่องจากเด็กทั้งสองอยากจะขอตามมารดาเข้าไปในเมืองด้วยหากแต่หญิงสาวเกรงว่า การเข้าไปพูดคุยการค้าครั้งนี้จะทำให้เด็กๆเบื่อหน่ายซะมากกว่า"เจ้าใหญ่ เจ้ารอง วันนี้ท่านอาของเจ้าจะพาคนมาสร้างคอกม้าเล็กๆที่บ้าน แม่อยากให้พวกเจ้าอยู่ช่วยท่านอาได้หรือไม่""คอกม้าหรือขอรับ""ใช่แล้ว ต่อไปเรื่องการหาหญ้ามาให้ม้าตัวนั้น แม่จะให้เจ้าทั้งสองกับเจ้าอาเหยารับผิดชอบร่วมกัน ต่อไปเจ้าจะเอาแต่เที่ยวเล่นไม่ได้แล้วนะ"เด็กทั้งสามเลิกสนใจที่จะเข้าเมืองทันที รีบเดินกลับไปหากลุ่มหญิงสาวที่นั่งล้อมวงเย็บผ้ากันอยู่ จากนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอยคนที่จะมาสร้างคอกม้าอย่างใจจดจ่อเว่ยเหนียนเหยากับหานตง รีบเร่งขึ้นรถม้า เนื่องจากเห็นว่าใกล้ถึงเวลาที่นัดหมายอีกฝ่ายไว้แล้ว เมื่อเดินทางไปถึง ก็เห็นชุนเหมยมายืนคอยรับอยู่ที่หน้าร้านแล้ว"พวกเจ้ามากันแล้ว""ท่านพี่ชุนเหมย" แม่นางชุนเหมย"สองสามีภรรยาทำความเคารพต่อชุนเหมยอย่างนอบน้อม"เอาละเข้าไปกันเถอะ พี่หญิงใหญ่ของข้ามารออยู่แล้ว"ชุนเหมยพาทั้งสองเดินเข้ามาภายในร้าน และตรง
เมื่อได้รับจดหมายจากชุนเหมย เว่ยเหนียนเหยาจึงตัดสินใจรับหญิงสาวทั้งสี่คนไว้ทั้งหมด โดยนางให้สามีร่างสัญญาการทำงานขึ้นมาสองฉบับ ต่างฝ่ายต่างเก็บไว้คนละฉบับ เพื่อกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายหน้าตกเย็นทางผู้ใหญ่บ้านก็ประกาศให้ลูกบ้านทั้งหมดไปรวมตัวกัน หานตงนำภรรยาและบุตร ร่วมเดินทางไปกับครอบครัวของเซียนย้งผู้ใหญ่บ้านเชิญผู้นำตระกูลทุกตระกูลออกมาเบื้องหน้า ผู้นำตระกูลแต่ละคน นำบันทึกสิ่งที่ต้องซ่อมศาลบรรพชนออกมาชี้แจงให้สมาชิกภายในตระกูลฟังหมู่บ้านแห่งนี้มีตระกูลหลักๆ อาศัยอยู่รวมกัน 4ตระกูล คือตระกูลเว่ย ตระกูลกุ้ย ตระกูลมู่ และตระกูลหวัง อีกทั้งมีตระกูลอื่นที่เป็นเครือญาติของแต่ละฝ่ายเข้ามาขออาศัยอีกจำนวนหนึ่งดังนั้นทางผู้ใหญ่บ้านและผู้นำตระกูลรุ่นก่อน จึงตั้งกฎขึ้น ให้จัดสร้างศาลบรรพชนของทั้งสี่ตระกูลขึ้นเหมือนๆ กัน และทุกสองปีจะมีการเรี่ยไรเงินจากสมาชิกในตระกูลมาซ่อมแซมศาลบรรพชน และเปิดให้ลูกหลานได้กราบไหว้บรรพชนเพื่อขอพรให้คุ้มครองคนหมู่บ้านปีนี้เป็นปีที่ครบกำหนดพอดี ทางผู้ใหญ่บ้านจึงเรียกทุกคนมาฟังรายละเอียด และกำหนดจะมีการเก็บเงินจากทุกครอบครัว ครอบครัวละสามร้อยอีแปะ ในอีกสองเดื
"อาเซียง ทำไมวันนี้หน้าตาเจ้าดูไม่สู้ดีนักละ""พี่สะใภ้ เมื่อวานตอนที่พี่ชายข้ามาที่บ้าน เห็นว่าท่านแม่ได้เงินจากการช่วยงานท่าน ก็ยืนกรานจะรับตัวนางกลับไป แต่ท่านแม่ไม่ยอมกลับ พี่ชายข้าถึงกับอาละวาด ทุบทำลายข้าวของที่บ้านข้าเจ้าค่ะ""อาเซียง อย่าหาว่าข้ายุแยงเลยนะ กับคนบางจำพวก เจ้าควรจะทำตัวให้เห็นความร้ายกาจเสียบ้าง ข้าวของบ้านเจ้า เขามีสิทธิ์จะเข้ามาทำลายที่ไหน"จริงๆ ซินเซียงก็เคยคิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน หลายครั้งที่เซียนย้งคิดจะต่อกรกับผู้เป็นพี่ชาย แต่เป็นซินเซียงที่คอยห้ามปรามไว้ เพราะเกรงว่ามารดาจะไม่สบายใจต่อไปนางคงต้องยอมให้เซียนย้งจัดการพี่ชายนางดูสักครั้ง"อาเหยา อาเหยา เจ้าอยู่หรือไม่ ข้านำคนที่เจ้าต้องการมาให้เลือกแล้ว อาเหยาเด็กสาวพวกนี้เป็นช่างฝีมือการตัดเย็บในหมู่บ้านเรา แต่ละคนขยันขันแข็ง ข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จักนะ นี่อาซวง อาหง อาเหมย และ อาหมิ่น ข้าบอกพวกนางแล้วว่าเจ้าต้องการคนงานเพียงสามคน แต่พวกนางล้วนแต่เป็นคนมีฝีมือ ข้าตัดสินใจไม่ได้ จึงนำพวกนางกลับมาให้เจ้าเป็นคนเลือกเอง""นายหญิง"เด็กสาวทั้งสี่ทำความเคารพเว่ยเหนียนเหยาอย่างเรียบร้อย พวกนางทั้งหมด ล้วนแต่หาเ
"อาตง อาตง ลูกแม่เจ้าอยู่หรือไม่"เสียงของนางเว่ยหมัวหลาน ทำให้คนที่กำลังกินข้าวอยู่ในบ้านชะงักมือลง ยังไม่ทันจะขยับตัวลุกขึ้น อีกฝ่ายก็เดินเข้ามาในบ้านอย่างไม่คำนึงถึงมารยาท"หลานย่า ย่าคิดถึงเจ้ามากเหลือเกิน เจ้าสบายดีใช่ไหม"หานตงรีบนำภรรยาลุกขึ้นคำนับนางเว่ยหมัวหลานอย่างอ่อนน้อม"ท่านแม่ พี่ใหญ่ พี่สะใภ้เชิญนั่งก่อนขอรับ"หานตงพูดอย่างอ่อนน้อม ก่อนจะให้ภรรยาเดินไปรินน้ำออกมาให้ผู้เป็นมารดา"ท่านแม่สามี พี่สามี พี่สะใภ้ น้ำเจ้าค่ะ"จริงๆ ตอนนี้บ้านนางมีชากุหลาบ ชาเกสรดอกบัว ที่ลองทดลองทำไว้ แต่กับคนพวกนี้ให้กินไปก็เสียของ นางจึงรินน้ำเปล่ามาให้เท่านั้นส่วนเด็กสองคนไม่สนิทกับผู้เป็นย่าอยู่แล้ว เพราะทุกครั้งที่บิดาพาไปบ้านของนาง พวกเขามักจะโดนหาเรื่องลงโทษ เนื่องจากพวกเขาไปทะเลาะกับลูกชายของท่านลุงใหญ่เด็กท่านสองรีบเดินไปหลบหลังมารดา หญิงสาวนำตัวลูกชายเข้ามากอด ก่อนจะบอกให้คาราวะหญิงชรา"ท่านย่า" "ท่านย่า"เด็กทั้งสองโค้งตัวลงอย่างอ่อนน้อมฝ่ายหญิงชรากวาดตาดูความเปลี่ยนแปลงของคนในบ้าน ไม่เจอกันแค่ไม่นาน หานตงกลับดูดีขึ้นเป็นอย่างมาก เสื้อผ้าที่ใส่ดูเหมือนจะเป็นของที่เพิ่งซื้อใหม่เ
"ท่านแม่ขอรับ ท่านได้ยินข่าวลือข้างนอกหรือไม่ขอรับ เห็นชาวบ้านลือกันว่า เมื่อวันก่อนเจ้ารองมีรถม้าคันใหญ่มาส่งถึงหน้าบ้านเลยทีเดียว""แม่ได้ยินมาแล้ว เจ้าลูกอกตัญญู มีเงินมีทองกลับไม่เคยนึกถึงข้า มันน่าโมโหยิ่งนัก"นางเว่ยหมัวหลาน กล่าวออกมาด้วยความโมโห ใครๆ ต่างก็บอกว่านางเป็นแม่ที่รักลูกไม่เท่ากัน เอาใจลูกคนโต รักใคร่ลูกคนเล็ก แต่ทอดทิ้งลูกคนรองฮึ แน่ละ ใครจะไปรักลูกคนอื่นมากกว่าลูกตัวเองกันละ แท้จริงแล้วหานตงเป็นลูกของน้องสาวของนางต่างหาก มีอยู่ครั้งหนึ่งที่นางต้องเดินทางกลับไปที่บ้านเดิม เนื่องจากน้องสาวตัวดีเกิดตั้งครรภ์กับคู่หมั้น ที่กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกัน แต่ว่าที่เจ้าบ่าวกับโชคร้ายโดนโจรปล้น ระหว่างทาง หายสาบสูญไปไม่ทราบข่าวคราว มารดาและน้องสาวของนางรู้ข่าวถึงกับล้มป่วยอย่างหนักทั้งสองคน นางจึงต้องพาลูกและสามีกลับไปช่วยดูแลมารดาอยู่หลายเดือนน้องสาวของนางเจ็บป่วยเกินเยียวยา ทำให้เจ็บท้องก่อนกำหนด หลังจากนั้นก็คลอดเด็กชายออกมาผู้หนึ่ง ส่วนน้องของนางกลับจบชีวิตลงทันที แม่ของนางในตอนนั้นสงสารหลานชาย ไม่อยากให้หลานชายขึ้นชื่อว่า เป็นเด็กไม่มีพ่อแม่ ซ้ำพ่อแม่ยังทำผิดจารีตเสียอี
เว่ยเหนียนเหยายืนพิจารณาเสื้อผ้าชุดนั้น ก่อนจะตรวจดูความประณีตของชิ้นงาน ก็รู้สึกว่าช่างของชุนเหมยมีฝีมือไม่น้อยนางเรียกให้คนช่วยขยับหุ่นโชว์ที่นางทำขึ้นออกมาไว้ตรงกลาง จากนั้นจึงหยิบกระโปรงจากมือช่างคนหนึ่งใส่ลงไปในตัวหุ่น หลังจากนั้นก็หยิบเสื้อจากช่างอีกคนใส่ตามลงไปหลังจากตรวจดูความเรียบร้อย นางกับพบว่ามีบางสิ่งขาดหายไป หญิงสาวเดินไปเปิดห่อผ้าอีกห่อที่เตรียมมา ในนั้นมีผ้าคาดเอวแบบต่างๆ อยู่หลายชิ้นนางเลือกผ้าคาดเอวที่เข้ากับชุดนั้นได้ขึ้นมาชิ้นหนึ่ง จากนั้นจึงเดินเข้าไปตกแต่งชุดนั้นดูอีกครั้งชุนเหมยมองการกระทำของเว่ยเหนียนเหยาอย่างตกตะลึง นางไม่รู้ว่า สิ่งที่เว่ยเหนียนเหยานำมาคืออะไร แต่เมื่อนำเสื้อผ้าลงไปสวมใส่ กลับดูเหมือนว่าเสื้อผ้านั้นสวมอยู่บนตัวคนจริงๆ"น้องพี่สิ่งนี้เรียกว่าอะไร"ชุนเหมยเดินวนรอบๆ หุ่นโชว์อย่างชื่นชม หากมีสิ่งนี้มาตั้งหน้าร้าน ร้านของนางต้องเป็นจุดสนใจของผู้คนที่ผ่านมาผ่านไปเป็นแน่"สิ่งนี้เรียกว่า หุ่นไม้ เจ้าค่ะ มีไว้สำหรับใส่เสื้อผ้าวางไว้ให้ลูกค้าดู เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้าเจ้าค่ะพี่ชุนเหมย ท่านดูสิเจ้าคะ เสื้อชุดนี้หากเราตัดเย็บเสร็จก็ต้องพับเก็บ
เมื่อมีคนนอกวิ่งเข้านอกออกในในหมู่บ้านอย่างคึกคัก ชาวบ้านต่างก็ร่ำลือกันอย่างสนุกปากบางคนก็ว่าคนที่มาซื้อที่สร้างบ้านเป็นเศรษฐีใหญ่ ต้องการหลบความวุ่นวาย จึงมาสร้างบ้านไว้พักผ่อนในชนบทบ้างก็ว่าเป็นคนมีเงินที่ต้องการสร้างไว้สำหรับพาอนุมาหาความสำราญทุกคนในหมู่บ้านล้วนแต่อยากรู้อยากเห็น ชาวบ้านบางคนที่รู้จักเซียนย้ง ทนความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหว ถึงกับเอ่ยปากถามออกมาตรงๆ ก็มีหากแต่เซียนย้งกับบอกว่า งานนี้มีคนจ้างวานให้เขาทำ เรื่องชื่อผู้จ้างวานไม่สามารถบอกใครได้ เนื่องจากติดอยู่ในสัญญาชาวบ้านทุกคนต่างคิดว่าเป็นจริงตามนั้น เพราะต่างก็เห็นว่า ตอนนี้บ้านของเซียนย้งมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าแต่ก่อนมาก ต่างคนต่างอิจฉาในความโชคดีของอีกฝ่ายเว่ยเหนียนเหยา กำลังนั่งตรวจดูพวกผ้าปักที่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ครั้งนี้นางทำผ้าปักได้ถึงยี่สิบชุดเลยทีเดียว ความดีความชอบนี้นางต้องยกให้กับซินเซียงและมารดาของนางเนื่องจากสองคนนั้นมีความจำดีเป็นเลิศ สามารถช่วยงานนางในเรื่องการตัดเย็บได้อย่างประณีต ส่วนนางเมื่อได้สะดึงมางานปักก็ลื่นไหล สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วขึ้นอีกเท่าตัวเว่ยเหนียนเหยาพอใจกับผลงานตรงหน้า