บาลีเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่มีลูกชายวัยเจ็ดขวบที่หล่อมาก หล่อแบบวัวตายควายล้มมีอยู่จริง ก็จะไม่ให้หล่อขนาดนั้นได้อย่างไรเล่า เพราะพ่อของลูกชายบาลีนั้น เป็นถึงซุป’ ตาร์อันดับต้นของวงการ แต่น่าเสียดายที่เธอบอกใครไม่ได้ แม้แต่ผู้เป็นพ่อของลูก!
View More[ขอโทษด้วยนะ รู้สึกภาพของพวกเราวันนั้นจะถูกปล่อยไปทั่วทวิตเตอร์แล้ว โดยเฉพาะเพื่อนของลี ที่เป็นข่าวกับพี่น่ะ] เขาบอกเสียงกังวล ก่อนจะพูดกลั้วเสียงหัวเราะ [พี่เหมือนจะจีบเพื่อนเราหรือไง]“แล้วพี่คิดจะจีบใครล่ะ” ถามออกไปแล้วใจก็เต้นระรัว เห็นเขานิ่งไป บาลีก็อยากตบปากตัวเอง[ยังคิดๆ อยู่ ว่าควรจีบดีไหม] “ควรไม่ควร คือ...” ถามขนาดนี้แล้ว ก็อยากรู้ต่อไป เพราะจู่ๆ เขาเดินมาขอเบอร์ บอกเลยบาลีรู้สึกเหมือนถูกเติมด้วยความหวัง หลังจากที่เติมความฝันให้ตัวเองมาตลอดหลายปี[ไม่รู้คนที่อยากจีบคบใครอยู่หรือเปล่า แต่งงานหรือยัง]“ถ้าเป็นพิม แต่งแล้ว มีลูกแล้วค่ะ” บาลีบอกกลั้วเสียงหัวเราะ[แกล้งพี่เหรอ ฮือ ก็รู้นี่ว่าพี่หมายถึงใคร]พอได้ยินแบบนั้นแล้ว หัวใจบาลีพองโต ยิ้มกับโทรศัพท์ และเกือบจะกรี๊ดออกมาด้วยซ้ำ [ว่ายังไง...มีใครอยู่หรือเปล่า] เขาถามย้ำอีกครั้งด้วยเสียงทุ้มนุ่ม“ลีไม่มีใครค่ะ ไม่มีแฟน ไม่มีสามี แต่มี...” เธอนิ่งไป กำลังคิดว่าควรบอกเขาไหม ว่าสถานะเธอนั้นคือเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว[แต่มีลูกใช่ไหม]“พี่อัทธ์รู้ได้ไงคะ!” หรือว่ารู้แล้วว่าน้องอิฐเป็นลูกของเธอ งั้นเขาก็...[ไอ้นนท์บอกว่าเคยเห็นตอ
คำพูดนั้นของเพื่อนทำให้หัวใจบาลียิ่งเต้นแรง อยากหันไปดูว่าจริงหรือเปล่า แต่ก็ไม่กล้า“เฮ้ยๆ เขาเดินมาที่โต๊ะเรา!” พิมพาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น“จริงเหรอ!” บาลีหันขวับไปมอง เห็นอัทธ์เดินมาจริงๆ มายืนตรงหน้าเธอเสียด้วย“เหมือนเราจะรู้จักกันหรือเปล่า” คำทักทายเรียบง่ายนั้นมาพร้อมกับรอยยิ้ม นอกจากทำให้พิมพาอ้าปากค้าง คนอื่นๆ ที่อยู่ในร้านก็หันมามองอย่างสนใจ แถมมีคนถ่ายรูปรัวๆ อีก “เออ...คือ...” บาลีถึงกับติดอ่างขึ้นมาทันที“ท่าทางจะไม่สะดวกคุยสินะ” เขารู้จากนนท์มานานแล้วว่าบ้านเกิดของบาลีอยู่ในจังหวัดนี้ แต่ไม่คิดว่าโลกจะกลมขนาดนี้ “งั้นเอาเบอร์มา” เขายื่นโทรศัพท์มาตรงหน้า แต่บาลียังมึนงง นั่งนิ่ง พิมพาเลยถือโอกาสหยิบมือถือจากมืออัทธ์ แล้วกดเบอร์โทร. บาลี พร้อมกับยิงไปที่เครื่องบาลีสรรพเสร็จ แล้วยื่นโทรศัพท์คืนอัทธ์“ขอบคุณครับ” อัทธ์ยิ้มให้พิมพา แล้วหันไปยังหน้าช็อกๆ ของบาลี ทั้งดูน่าขันและน่ารักในสายตาของเขา“แล้วจะโทร. ไปนะ” แล้วอัทธ์ก็เดินออกจากคาเฟ่ไปทันที“เฮ้ย ยัยลี นี่หมายความว่ายังไง ทำไมพี่เขา...”“อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้ กลับกันก่อนเถอะ ป่านนี้เด็กๆ เลิกเตะบอลแล้ว”“เออ
เจอกันอย่างไม่คาดคิด ก่อนกลับมาที่ไร่บาลีกับอัณญาพาน้องอิฐไปเที่ยวทะเลที่กระบี่สามวัน แล้วกลับมาเพื่อเตรียมตัวจะถ่ายละครที่กำลังจะเปิดกล้องสัปดาห์หน้า ในวันที่จะกลับมานั้นอัณญาดันตัดสินใจบอกว่าจะลาออกจากงาน เพื่อกลับมาช่วยครอบครัวดูแลธุรกิจโรงแรม เพราะบิดาเจ้าตัวอยากเกษียณ ส่วนน้องชายต่างแม่นั้นก็ยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัย บาลีดีใจที่เพื่อนรักจะได้กลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิด ในเมื่ออีกฝ่ายเชียร์ให้เธอหาทางพิชิตใจซุป’ ตาร์ บาลีก็จะเชียร์ให้อัณญากลับมารักกับธรินท์อีกครั้ง ซึ่งหลังจากอกหักมาจนถึงตอนนี้ ธรินท์ก็ยังไม่ได้จีบใครจริงจังวันนี้ตอนบ่ายแดดร่มลมตก บาลีนั่งดูลูกชายเตะบอลกับธรินท์และเด็กชายเตเต้ที่สนามข้างบ้าน กระทั่งพิมพาเดินมาหา“ไปหาขนมกินกันดีกว่า”“ที่ไหนล่ะ ที่บ้านก็มีขนมสอดไส้ ป้ามอญทำไว้เมื่อเช้า”“อยากกินขนมคาเฟ่น่ะ ไปเถอะ ใกล้ๆ นี่แหละ” “ไปก็ไป” จากนั้นบาลีก็ตะโกนบอกคนที่เตะบอลอยู่ว่าไปคาเฟ่ แล้วก็เดินเคียงข้างพิมพาไปขึ้นรถคาเฟ่ที่รตีพามานั่นอยู่ในโรงแรมครอบครัวของอัณญานั่นเอง ชื่อโรงแรมว่าขุนเขา ทิวทัศน์สวย โอบล้อมด้วยขุนเขา ซึ่งไม่ต่างจากพื้นที่อื่นๆ ในหมู่บ้าน แต่โรง
“น้องอิฐครับ นี่พี่อัทธ์ คนที่จะเล่นเป็นพ่อของเราในเรื่อง อัทธ์นี่น้องอิฐ” วีราวรรณแนะนำทั้งสองให้รู้จักกัน “สวัสดีครับ”เด็กชายอิฐยกมือไหว้พร้อมกับส่งยิ้มตาสระอิให้พระเอกหนุ่ม ซึ่งเขาก็ยกมือรับไหว้ แล้วสิ่งยิ้มกลับ พร้อมกับเดินไปหา “ยินดีที่ได้รู้จักนะ” “ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” เด็กชายพูด แน่นอนเขาถูกแม่กับน้าเอยสอนมาอย่างดีว่าต้องพูดอย่างไรกับผู้ใหญ่ที่จะต้องร่วมงานด้วย “ได้สิ อือ อาก็ต้องฝากเนื้อฝากตัวด้วยเช่นกัน” อัทธ์เรียกตัวเองว่าอา เพราะด้วยวัยสามสิบสาม ก็ดูจะเหมาะแล้วทั้งสองก็จับมือกัน วีราวรรณเลยให้ทั้งสองนั่งใกล้ๆ กัน จากนั้นวีราวรรณก็ให้นักแสดงก็แนะนำตัวเองว่ารับบทอะไรในเรื่อง ต่อด้วยการอ่านบท ที่เป็นฉากเปิดของตัวละครนั้นๆ กระทั่งถึงคิวของเด็กชายอิฐ เด็กชายที่ถูกแม่กับน้าเอยเทรนด์มาอย่างดี ก็ท่องบทได้อย่างคล่องแคล่ว แถมทำสีหน้าท่าทางประกอบ จนเรียกเสียงปรบมือจากทีมงานและนักแสดงคนอื่นๆ“สมกับที่น้าเอยคุยไว้เลย ว่าน้องอิฐนี่ได้รับรางวัลนักแสดงงานโรงเรียนดีเด่นมาตั้งแต่ชั้นอนุบาลเลยนะ” วีราวรรณเอ่ยชมจากใจ อัทธ์ได้ยินชื่อ ‘น้าเอย’ ก็นึกสงสาร ว่าใช่แม่ของอิฐไหม แต่ทำไมเร
“ตัดสินใจแล้วนะว่าจะไม่ไป” อัณญาหันไปถามอีกครั้ง ขณะที่เด็กชายอิฐนั้นขึ้นไปนั่งบนรถเรียบร้อย โบกมือให้แม่ตัวเองด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม บาลีโบกมือให้ลูกพร้อมส่งยิ้มกว้าง แล้วหันไปบอกอัณญา ครั้งที่ร้อยว่า“เออ ไม่ไป เซ้าซี้อยู่ได้” แล้วเธอก็ดันหลังเพื่อนรักให้เข้าไปในรถ รอกระทั่งอีกฝ่ายเคลื่อนรถออกจากลานจอดรถของคอนโดเรียบร้อย บาลีจึงเดินกลับไปยังห้องพัก จะว่าไม่ทำหน้าที่แม่ให้เต็มที่ หรือขี้ขลาดที่จะเผชิญหน้ากับพ่อของลูก บาลีก็ยอมรับว่ายังไม่พร้อมที่จะเจอหน้าอัทธ์ในตอนนี้จริงๆ ขอเตรียมใจก่อน เพราะไม่คิดว่าชีวิตจะเกิดเหตุการณ์ฉุกละหุกที่จะได้มาเจอหน้ากันจังๆ แบบไม่ใช่เจอแบบติ่งอย่างที่ผ่านมา ที่มองเขาจากที่ไกลๆ จู่ๆ น้องอิฐจะได้ร่วมงานกับเขา แถมยังรับบทเป็นลูกของอีกฝ่ายอีก โอ๊ย มันเหลือเชื่อเกินฝันไปมาก แต่มันก็เป็นความจริงที่บาลีรู้สึกทั้งตื่นเต้นและตื่นตระหนกปะปนกันไปหมด เพราะฉะนั้นในวันที่น้องอิฐต้องไปเจอทีมงานและนักแสดงคนอื่นๆ ในวันนี้ บาลีจึงมอบหมายหน้าที่นั้นให้กับอัณญาไปจัดการ เพราะไหนๆ ก็เป็นตัวตั้งตัวตีในเรื่องนี้แล้ว ก็รับมือไปก่อนส่วนเธอขอนั่งและนอนทำใจอยู่ที่ห้อง ไว้วันที่เ
ความหล่อที่กินกันไม่ลง “เฮ้ยอัทธ์ มันบังเอิญหรือโชคชะตาก็ไม่รู้”“อะไรอีกล่ะ” วันนี้อัทธ์เข้ามาในออฟฟิศของบริษัทผลิตละครของวีราวรรณ หลังจากวันนี้เขาไปถ่ายแบบให้นิตยสารเล่มหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุให้เขาไม่ได้เข้ามาดูการแคสต์บทลูกชายในละครเรื่องไร่แสนเสน่หา “ก็คุณแม่ของน้องอิฐน่ะสิ เป็นแฟนคลับของอัทธ์ บอกว่าตอนท้อง เอารูปของอัทธ์ติดผนังห้องนอน มองดูรูปอัทธ์และภาวนาว่าขอให้ลูกชายในท้องหล่อเหมือนอัทธ์ไง แล้วดูสิ หน้าเหมือนอัทธ์เดะเลย” วีราวรรณส่งคลิปการแคสต์งานให้เขาดู ยอมรับว่าเด็กมีแววกับงานแสดง แถมยังจำบทเก่งด้วย สีหน้าอารมณ์อาจจะยังทำไม่ได้เต็มร้อย แต่ดูแล้วว่าสามารถฝึกและพัฒนาต่อไปได้ วีราวรรณคงมองออกว่าเด็กคนนี้มีอนาคตแน่นอน จึงให้ผ่านการแคสติ้งอย่างไม่ลังเล“น้องอายุเท่าไรนะ” เรื่องทำนองมนุษย์แม่ที่เริ่มตั้งครรภ์ เพื่อจะให้ลูกหน้าเหมือนศิลปินชื่นชอบ แล้วนั่งมองภาพศิลปินแล้วอธิษฐานนั้น ใช่ว่าจะไม่เคยได้ยิน แต่ไม่คิดว่าเด็กชายอิฐจะมาเหมือนเขาขนาดนี้ “เจ็ดขวบเอง กำลังจะขึ้นปอสอง ตอนแรกนึกว่าแปดเก้าขวบนะ เพราะน้องตัวใหญ่กว่าอายุจริง เออรู้ไหม มีเรื่องให้เหลือเชื่ออีกเรื่อง”“เรื่องไรอี
“ใช่ ไม่เคยติดต่อ และจริงๆ ฉันกับพี่เขาก็ไม่เคยมีการพูดคุยหรือติดต่ออะไรกันอยู่แล้ว” อัทธ์ก็เหมือนอยู่อีกโลกสำหรับเธอ ตอนเธอเข้าปีหนึ่ง เขาเรียนปีสุดท้าย ก่อนไปเรียนต่อเมืองนอก“แล้วแกกับน้ำส้มล่ะ ยังคุยกันอยู่ไหม”“หลังจากวันนั้น ฉันไม่ได้ติดต่อน้ำส้ม หรือเพื่อนสมัยเรียนมหา’ ลัยเลย ไม่ได้เล่นโซเชียลฯ ด้วย แกก็รู้” “ทีนี้ฉันรู้แล้วว่าแกไม่เล่นโซเชียลฯ เพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่ามีลูกแล้ว”“ไม่ขนาดนั้น แต่ก็ไม่อยากให้คนที่เคยเรียนมหา’ ลัยด้วยกัน เห็นหน้าน้องอิฐเท่านั้น” “กลัวเขารู้ว่าน้องอิฐหน้าเหมือนพี่อัทธ์”“ก็มีบ้าง” โดยเฉพาะน้ำส้ม ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพอจะระแคะระคายคืนนั้นไหม เพราะสภาพเตียงนอนก็ไม่ต่างจากสมรภูมิย่อยๆ ถึงเธอจะไม่ได้เล่นโซเชียลฯ แต่ยอมรับว่าแอบส่องน้ำส้มด้วยแอคหลุมทางอินสตาแกรม เห็นอีกฝ่ายใช้ชีวิตเมืองนอกอย่างสุขสบาย มีคู่หมั้นเป็นนักธุรกิจชาวอเมริกันที่แสนร่ำรวย น้ำส้มอวดชีวิตอยู่ดีกินดีจนเพื่อนๆ หลายคนมาคอมเมนต์ชื่นชมปนอิจฉา ส่วนเธอก็ได้แต่รู้สึกผิดต่ออีกฝ่ายในคืนนั้น ไม่กล้าเสนอหน้าไปทักทายหรือติดต่อน้ำส้มอีก แม้น้ำส้มกับอัทธ์จะไม่ได้คบหาเป็นแฟนกัน แต่ในตอนนั้นอัทธ์ก
“เฮ้ย แกควรดีใจเปล่าวะ” อัณญารู้สึกงุนงง หลังจากที่เธอบอกข่าวดีกับเพื่อนรักว่า วีราวรรณ ผู้จัดละครชื่อดังทาบทามให้น้องอิฐไปแคสต์บทละครเรื่อง ไร่แสนเสน่หา ในบทลูกชายของพระเอก ซึ่งคนที่รับบทพระเอกนั้นคืออัทธ์ ที่บาลีเป็นแฟนคลับมานานหลายปี ทว่าบาลีกลับทำหน้าเครียด จนเธอประหลาดใจ“คือแบบ...มัน...เอ่อ...” สุดท้ายก็บอกเหตุผลกับอัณญาไม่ได้ เพราะมันเกี่ยวเนื่องกับความจริงที่เธอปกปิดทุกคนไว้ “อะไรของแกเนี่ย ฉันงงไปหมดแล้ว ในเมื่อแกเป็นแฟนคลับพี่เขามาหลายปี นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิตของแกเลยนะโว้ยที่จะได้ใกล้ชิดพี่อัทธ์ เพราะถ้าน้องอิฐถูกเลือกเล่นบทลูกของพระเอกเรื่องนี้ แกก็ต้องไปกองถ่ายดูแลลูก โอ๊ย มันโคตรจะฟินไม่ใช่เหรอ ทำหน้าหนักใจคืออะไรเนี่ย” อัณญาบ่นยืดยาว แต่บาลีก็ยังมีท่าทีอึกอักลำบากใจ จนอัณญาโพล่งออกไปว่า“หรือว่าจริงๆ แล้วน้องอิฐเป็นลูกพี่อัทธ์จริงๆ” ตอนพูดออกไป อัณญาไม่ได้หมายความตามนั้น แค่จะหยอกเพื่อนรักเท่านั้น ทว่าปฏิกิริยาของบาลีหลังได้ยินคำพูดเธอ อีกฝ่ายชะงักและจากนั้นก็มีสีหน้าซีดเผือด หลบสายตาจับจ้องของเธอ “เฮ้ยๆ อย่าบอกนะว่ามันเป็นเรื่องจริง!” หัวใจของอัณญาก็เต้นระทึก
“อัทธ์ พี่เห็นเด็กที่หน้าตาเหมือนอัทธ์แล้วนะ คือแบบ...เหมือนอัทธ์มากกก จนพี่สงสัยว่าเราไปน่ะไปไข่ทิ้งไว้ที่ไหนหรือเปล่า ฮ่าๆ” อีกฝ่ายพูดจบประโยคยืดยาวก็หัวเราะร่วน เมื่อวีราวรรณหัวเราะจนสุดเสียง อัทธ์ก็ถามขึ้น “แล้วพี่ติดต่อเด็กคนนั้นหรือยังล่ะ”“กำลังติดต่อเอเยนซี่ที่เด็กร่วมงานด้วย”“หมายความว่าเด็กคนนั้นอยู่ในวงการ”“ไม่น่าจะ เพราะพี่เองก็เพิ่งเคยเห็นหน้า ถ้าอยู่ในวงการหรือลูกดาราคนดังที่ไหน พี่ก็ต้องคุ้นหน้าบ้างสิ แต่นี่ไม่เลย บอกตรงๆ นะหน้าเหมือนอัทธ์มากๆ เหมือนพ่อลูกกันจริงๆ” วีราวรรณย้ำอีกครั้งจนอัทธ์อยากเห็นหน้าทันที “ส่งรูปมาให้ผมดูหน่อยสิ”“เอาไปทั้งคลิปเลยจ้า ส่งทางไลน์นะ แล้วค่อยคุยกัน พี่จะโทร. คุยกับทางเอเยนซี่ที่ทำโฆษณาก่อน” แล้ววีราวรรณก็ส่งลิงก์ผลงานโฆษณาเครื่องดื่มน้ำผลไม้ผสมวิตามินซีแบรนด์ดังตัวใหม่มาให้เขาดู ยอมรับว่าหัวใจของเขาเต้นด้วยจังหวะแปลกๆ เมื่อเห็นหน้าเด็กชาย ซึ่งตามรูปร่างน่าจะอายุแปดหรือเก้าขวบได้ รูปร่างค่อนข้างท้วม แต่โครงหน้ากลับเรียวเล็ก ทว่าก็มีแก้มยุ้ยๆ หล่อ แต่ก็มีความน่ารักตามประสาเด็ก โดยเฉพาะเวลายิ้ม ดวงตาเป็นสระอิ จนแอบยิ้มตาม ที่สำคัญลีลา
บทนำ อีเวนท์ของซุป’ ตาร์กว่าจะเบียดผู้คนเข้ามาภายในบริเวณงาน ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าใหญ่กลางเมือง บาลีถึงกับหายใจหอบเล็กน้อย เมื่อได้ยืนอยู่ในจุดที่สามารถมองไปยังบนเวทียกพื้นเตี้ย ซึ่งซุปเปอร์สตาร์หนุ่มอันดับต้นๆ ของเมืองไทยคนหนึ่งกำลังร้องเพลงเล่นกีตาร์ด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม บวกกับการเล่นกีตาร์ที่เข้าขั้นเทพ ก็ทำให้ได้รับเสียงกรี๊ดจนหูแทบจะดับ“มึง พี่อัทธ์ แม่งโคตรหล่อ โคตรเท่เลย กรี๊ดดดด”“โอ๊ย เสียงก็โคตรเพราะ”“เพลงพี่เขาก็แต่งเองเลยนะ”“คนบ้าอะไร ครบเครื่องสุดๆ ทั้งหล่อ เท่ เล่นละครเก่งแล้ว ยังร้องเพลงเพราะ แต่งเพลง เล่นดนตรีได้อีก มึง กูไม่ไหวแล้วอะ กรี๊ดดด”ถึงจะหนวกหูเสียงกรี๊ด แต่บาลีก็แอบยิ้มปลื้มกับคำชื่นชมที่ได้ยินจากเด็กสาวกลุ่มใหญ่ที่ยืนเบียดเสียดในงาน เพราะเธอเป็นแฟนคลับอัทธ์มาตั้งแต่เขายังไม่ได้เป็นซุป’ ตาร์เหมือนในตอนนี้เรียกว่าเป็นเอฟซีรุ่นบุกเบิก เพราะเธอติดตามชายหนุ่มมาตั้งแต่เขายังเป็นรุ่นพี่ในคณะ สมัยเรียนมหาวิทยาลัยซึ่งมันก็นานมาแล้วนานมากกว่าอายุของลูกชายวัยเจ็ดขวบของเธอเสียงด้วยซ้ำสายตาเธอทอดมองคนบนเวที อัทธ์นั่งอยู่บนเก้าอี้บาร์ อยู่ในชุดสูทแบรนด์ดังสีเทา...
Comments