ลูกชายหล่อได้พ่อ วันนี้มีงานปิดภาคเรียนของชั้นอนุบาลและประถมฯ เป็นงานสานสัมพันธ์ระหว่างนักเรียน ผู้ปกครอง และคุณครู ซึ่งในงานก็มีการแสดงของเด็กนักเรียนทุกชั้นงานเริ่มตั้งแต่แปดโมงครึ่ง ตรงกับเวลาเข้าชั้นเรียนของเด็กๆภายในงานมีออกร้านของกินกันค่อนข้างมาก โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ปกครองและบรรดาครูในโรงเรียนที่มาตั้งร้านขายอาหารและของกินเล่นหลังครูใหญ่ขึ้นเวทีทักทายผู้ปกครองในงาน การแสดงต่างๆ ของนักเรียนก็เริ่มขึ้น เริ่มตั้งแต่อนุบาลจนครบทุกห้อง บาลีก็รอชมเด็กประถมหนึ่งออกมาแสดงโชว์เต้นโคฟเวอร์บรรดาผู้ปกครองของเด็กประถม รีบไปรอถ่ายรูปหน้าเวที บาลีก็ไม่พลาดเช่นกัน แต่เพราะคนมันเยอะก็มีเบียดๆ กันบ้าง กระทั่งโดนบางคนจงใจกระแทกศอกเข้าหาจนเจ็บสีข้าง พอหันขวับไปมอง ก็ไม่แปลกใจกับสายตาหาเรื่องของรตีเพื่อนบ้าน ที่จากเพื่อนรักสมัยเด็ก กลายเป็นเพื่อนร้ายทันที เมื่อผู้ชายที่ตนเองหมายปองมาแจกขนมจีบบาลีและบาลีก็โต้ตอบด้วยการร้ายกลับ เพราะมันไม่ใช่ความผิดของเธอที่ไอ้เจ้าวัน มันมาตกหลุมรัก ใช่ว่าโปรยเสน่ห์หรือให้ความหวังก็ว่าไปอย่างเพราะฉะนั้นยัยรตี ไม่มีสิทธิ์มาจงเกลียดจงชังเธอขนาดแต่งงานมีลูกด้วยก
กลับมาถึงบ้านตอนบ่ายแก่ๆ ลูกชายก็ฟุบหลับทันที เพราะตื่นเตรียมตัวแสดงงานที่โรงเรียนแต่เช้า บาลีอาบน้ำแต่งตัวอยู่ในชุดสบายๆ ก็ออกมานั่งคุยกับป้ามอญ ส่วนลุงปราบกับธรินท์นั้นยังไม่กลับจากไร่“ไอ้ดินบอกมีผู้จัดละคร ที่เป็นพี่สาวของเพื่อน มาขอเข้ามาชมไร่น่ะ”“เหรอคะ มาดูทำไม”“เห็นว่าอยากมาถ่ายทำละครที่ไร่เราน่ะ”“โห ดีจัง ไร่เราจะดังแล้ว”“ลีเห็นด้วยใช่ไหม” เพราะไร่แสงอุษาแห่งนี้ บาลีเป็นเจ้าของตัวจริง บาลีได้รับมรดกมาจากผู้เป็นบิดา ส่วนสามีของนางมีหุ้นอยู่เพียงสามสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่บาลียังใจดีแบ่งหุ้นของตนเองให้ธรินท์ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ทั้งสามคนแบ่งหน้าที่ทำงานอย่างชัดเจน บาลีดูแลเรื่องบัญชีเป็นหลัก ธรินท์ดูแลเรื่องการตลาด ส่วนสามีนางนั้นดูแลเรื่องภายในไร่ทั้งหมด“ต้องเห็นด้วยอยู่แล้วค่ะ”เมื่อใกล้ถึงเวลาเย็น บาลีช่วยป้ามอญทำอาหารค่ำ ปกติถ้าไม่มีธุระที่ไหน ทุกคนจะมากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา กินข้าวอิ่ม กินขนมผลไม้ บาลี ลุงปราบและธรินท์ ก็พากันพูดคุยเรื่องงาน ส่วนป้ามอญนั่งดูละครหลังข่าว ส่วนน้องอิฐก็ง่วนอยู่กับของเล่นธรินท์นั้นมีบ้านพักหลังเล็กตามประสาหนุ่ม ห่างจากเรือนใหญ่ไปเพียงเล็
พรีเซ็นเตอร์เด็กหล่อเพราะสัญญากับอัณญาไว้แล้วว่าลูกชายปิดเทอมจะพาไปเที่ยวกรุงเทพฯ เจ้าตัวป้อมของบาลีก็ดูตื่นเต้นเป็นพิเศษที่จะได้เข้าเมืองใหญ่ อยากไปเที่ยว Sea Life Bangkok Ocean World ที่พารากอน แถมอัณญายังบอกลูกชายเธอว่าจะพาไปเที่ยวทะเลด้วย“เที่ยวให้สนุกนะ” ลุงปราบบอก ขณะเดินมาส่งทั้งสองขึ้นรถ“น้องอิฐอย่าซนนะ เวลาไปไหนต้องจับมือแม่ตลอดรู้ไหม” ป้ามอญย้ำอีกครั้ง ทั้งที่ตอนกินมื้อเช้าด้วยกันก็บอกไปแล้ว นางกลัวหลานชายหลงทางกับแม่ หรือกลัวใครอุ้มไป เพราะหน้าตาก็น่ารักขนาดนี้ “คุณย่าไม่ต้องกลัวอิฐหลง อิฐมีมือถือแล้วครับ” เจ้าตัวโชว์มือถือที่บาลีให้มีติดตัวตอนไปเที่ยวกรุงเทพฯ เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ หากว่าพลัดหลงตอนไปเที่ยว อย่างที่ป้ามอญกลัว ก็จะได้โทร. ติดต่อกันได้ ซึ่งปกติบาลีก็ไม่ได้ให้ลูกชายถือโทรศัพท์ติดตัวกำลังจะขึ้นรถ ธรินท์ที่วิ่งออกกำลังกายในตอนเช้าเพิ่งเสร็จ ก็วิ่งมาหา ตะโกนบอกน้องอิฐ“น้องอิฐ อย่าลืมเอาสาวๆ มาฝากลุงดินนะครับ” “ครับ อิฐไม่ลืมหรอก” พอธรินท์เดินมาหยุดตรงหน้าทุกคน ป้ามอญก็หันไปตีแขน “พูดบ้าๆ กับหลานอีกแล้วนะ”ธรินท์หัวเราะเบาๆ แล้วเอ่ยน้ำเสียงหยอกล้อ“ก็เห็น
“ก็อยากได้เด็กหน้าตาดี สุขภาพดี สดใส มีความสุข และเล่นฟุตบอลเป็น”“โอ๊ย ธรรมดาจะตาย เด็กสมัยนี้ก็เล่นฟุตบอลเป็นเยอะแยะ” บาลีว่า“ใช่ ฉันก็คิดแบบนั้น แต่เขาก็ดันไม่ปิ๊งเด็กที่มาแคสต์สักคนเลย เลือกมากจริงๆ ทีมงานถึงกับเครียดเลย เพราะไม่รู้จะไปหาเด็กที่ไหนมาแคสต์แล้ว”“แคสต์แปลว่าอะไรครับ” เด็กชายอิฐที่นั่งกินข้าวเงียบๆ มาพักใหญ่ก็ถามขึ้น “หมายถึงคัดเลือกคนเพื่อไปแสดงอะไรสักอย่าง หนัง ละคร โฆษณา หรืออื่นๆ” อัณญาตอบ พร้อมกับเอ็นดูในคำถามจนอดใจไม่ไหวบีบแก้มเบาๆ เจ้าตัวป้อมก็ยิ้มตาหยี “เฮ้ยๆ ฉันรู้แล้วว่าจะหาเด็กที่ไหนไปแคสต์งานนี้” อัณญาหันไปทางบาลี นอกจากน้ำเสียงตื่นเต้นแล้ว ดวงตาเป็นประกายอย่างมีความหวัง“อย่าบอกนะ...” บาลีมองตาเพื่อนก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายหมายถึงใคร“ใช่แล้วเพื่อนรัก ฉันมองข้ามน้องอิฐไปได้ยังไง นี่เลย หล่อ สดใส สุขภาพดี และเตะฟุตบอลเก่ง โอ๊ย รอดแล้วฉัน” จากนั้นอัณญาก็โผเข้าไปกอดน้องอิฐ ปากก็พร่ำบอก“น้องอิฐต้องช่วยน้าเอยนะ ไม่งั้นน้าเอยตายแน่ๆ” “น้องอิฐจะช่วยไม่ให้น้าเอยตายหรอกครับ”คำพูดนั้นยิ่งทำให้อัณญาตื้นตันใจ หอมแก้มยุ้ยซ้ายขวารัวๆ บาลีมองแล้วส่ายหน้าน้อยๆ ด้วยควา
“ฉันก็คุยกับน้องอิฐแล้วเหมือนกัน ลูกแกเจ็ดขวบก็จริง แต่พูดรู้เรื่องนะ เข้าใจอะไรง่าย”“แกเหอะ ทำแต่งาน เมื่อไหร่จะกลับไปเยี่ยมบ้านบ้างล่ะ พ่อแกก็บ่นคิดถึงนะ” “เฮอะ มีเมียใหม่ ลูกใหม่แล้วจะมาคิดถึงลูกดื้อๆ แบบฉันอีกหรือไงล่ะ”“แกก็น้อยใจเป็นเด็กๆ อยู่ได้”“พูดเล่นจ้า แต่แกก็เห็นวันๆ ก็งานยุ่งตลอด”“ไม่เบื่อชีวิตแบบนี้บ้างหรือไง แทบไม่มีเวลาเป็นของตัวเองเลยนะ แบบนี้จะหาแฟนได้ยังไง”“ถึงหาได้ก็ไม่มีเวลาให้อยู่ดีจ้า”“นั่นสิ หรือแกจะกอดคานเป็นเพื่อนฉันต่อไปแล้วกัน”“แกเองก็เถอะ ไม่คิดจะมีใครหรือไง โสดตั้งแต่ไม่มีลูก ยันมีลูกเลยนะ และจะว่าลูกหวงก็ไม่ใช่ น้องอิฐอยากมีพ่อนะ ฉันแอบๆ ถามมา” “ก็มันไม่โดนใจใครเลยสักคนไงแก” คนที่โดนก็อยู่สูงเกินเอื้อมอีก“แกโดนใจแต่เมนแกคนเดียวสินะ”“ก็ทำนองนั้น”“งั้นก็กอดคานไปด้วยกัน”“พี่ดินก็ทำท่าจะกอดคานไปอีกนาน เพิ่งโดนสาวหักอกเหมือนกัน”“เฮอะ คนแบบนั้นหาผู้หญิงคนใหม่ได้ไม่ยากหรอก” บาลีทำเสียงหมั่นไส้จนบาลีรู้สึกได้ “ยังไม่เลิกเกลียดพี่ดินอีก เรื่องก็ผ่านมานานนมแล้วนะ” เพราะสองคนนี้เคยกิ๊กกันสมัยที่อัณญายังเรียนอยู่มัธยมต้น แต่ธรินท์เป็นรุ่นพี่เนื้อหอม
ดาวดวงน้อยเช้าที่อากาศหม่นมัว พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว แต่แสงเร้นอยู่ในม่านควันจากอากาศที่เป็นพิษของเมืองใหญ่ ชายหนุ่มกำลังจะยกกาแฟขึ้นดื่ม แต่ก็ไอออกมาชุดใหญ่ เขาเจ็บคอและไอมาได้หนึ่งสัปดาห์เต็มๆ ไปหาหมอ ก็บอกว่าเขาคงแพ้ฝุ่น PM 2.5 ที่นับวันจะยิ่งหนักขึ้นทุกปีอยากหนีไปอยู่ในที่อากาศดีๆ แต่งานของเขาก็อยู่ที่กรุงเทพฯ ทั้งงานแสดง งานเพลง แต่เขาก็อยากมีบ้านพักตากอากาศที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก กำลังหาที่สวยๆ ที่เขาใหญ่ เพราะเพื่อนนักแสดงก็ซื้อที่ดินสร้างบ้านที่นั่นหลายคนครอบครัวของเขามีบ้านพักตากอากาศที่หัวหิน นานๆ เขาถึงจะมีเวลาได้ไปพักผ่อนที่นั่นสักครั้ง ตอนนี้อยากมีบ้านพักตากอากาศอีกหลังที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ จึงมองที่เขาใหญ่เป็นอันดับแรกบ้านที่อยู่ตอนนี้สร้างขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงของเขาทั้งหมด อยู่บริเวณเดียวกันกับครอบครัว เพราะถึงจะต้องการความเป็นส่วนตัว เพราะมีห้องอัดเสียง และห้องซ้อมเพลง แต่อัทธ์ก็ไม่อยากอยู่ไกลจากครอบครัว ชายหนุ่มนั่งจิบกาแฟที่เฉลียงบ้าน พร้อมกับหยิบไอแพดขึ้นมาเพื่ออ่านบทละครที่ยังอ่านไม่จบ เป็นละครเรื่องสุดท้ายของปีนี้ จากนั้นเขาจะพักงานละคร เพื่อหันมาทำงานเพลงใ
“อัทธ์ พี่เห็นเด็กที่หน้าตาเหมือนอัทธ์แล้วนะ คือแบบ...เหมือนอัทธ์มากกก จนพี่สงสัยว่าเราไปน่ะไปไข่ทิ้งไว้ที่ไหนหรือเปล่า ฮ่าๆ” อีกฝ่ายพูดจบประโยคยืดยาวก็หัวเราะร่วน เมื่อวีราวรรณหัวเราะจนสุดเสียง อัทธ์ก็ถามขึ้น “แล้วพี่ติดต่อเด็กคนนั้นหรือยังล่ะ”“กำลังติดต่อเอเยนซี่ที่เด็กร่วมงานด้วย”“หมายความว่าเด็กคนนั้นอยู่ในวงการ”“ไม่น่าจะ เพราะพี่เองก็เพิ่งเคยเห็นหน้า ถ้าอยู่ในวงการหรือลูกดาราคนดังที่ไหน พี่ก็ต้องคุ้นหน้าบ้างสิ แต่นี่ไม่เลย บอกตรงๆ นะหน้าเหมือนอัทธ์มากๆ เหมือนพ่อลูกกันจริงๆ” วีราวรรณย้ำอีกครั้งจนอัทธ์อยากเห็นหน้าทันที “ส่งรูปมาให้ผมดูหน่อยสิ”“เอาไปทั้งคลิปเลยจ้า ส่งทางไลน์นะ แล้วค่อยคุยกัน พี่จะโทร. คุยกับทางเอเยนซี่ที่ทำโฆษณาก่อน” แล้ววีราวรรณก็ส่งลิงก์ผลงานโฆษณาเครื่องดื่มน้ำผลไม้ผสมวิตามินซีแบรนด์ดังตัวใหม่มาให้เขาดู ยอมรับว่าหัวใจของเขาเต้นด้วยจังหวะแปลกๆ เมื่อเห็นหน้าเด็กชาย ซึ่งตามรูปร่างน่าจะอายุแปดหรือเก้าขวบได้ รูปร่างค่อนข้างท้วม แต่โครงหน้ากลับเรียวเล็ก ทว่าก็มีแก้มยุ้ยๆ หล่อ แต่ก็มีความน่ารักตามประสาเด็ก โดยเฉพาะเวลายิ้ม ดวงตาเป็นสระอิ จนแอบยิ้มตาม ที่สำคัญลีลา
“เฮ้ย แกควรดีใจเปล่าวะ” อัณญารู้สึกงุนงง หลังจากที่เธอบอกข่าวดีกับเพื่อนรักว่า วีราวรรณ ผู้จัดละครชื่อดังทาบทามให้น้องอิฐไปแคสต์บทละครเรื่อง ไร่แสนเสน่หา ในบทลูกชายของพระเอก ซึ่งคนที่รับบทพระเอกนั้นคืออัทธ์ ที่บาลีเป็นแฟนคลับมานานหลายปี ทว่าบาลีกลับทำหน้าเครียด จนเธอประหลาดใจ“คือแบบ...มัน...เอ่อ...” สุดท้ายก็บอกเหตุผลกับอัณญาไม่ได้ เพราะมันเกี่ยวเนื่องกับความจริงที่เธอปกปิดทุกคนไว้ “อะไรของแกเนี่ย ฉันงงไปหมดแล้ว ในเมื่อแกเป็นแฟนคลับพี่เขามาหลายปี นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิตของแกเลยนะโว้ยที่จะได้ใกล้ชิดพี่อัทธ์ เพราะถ้าน้องอิฐถูกเลือกเล่นบทลูกของพระเอกเรื่องนี้ แกก็ต้องไปกองถ่ายดูแลลูก โอ๊ย มันโคตรจะฟินไม่ใช่เหรอ ทำหน้าหนักใจคืออะไรเนี่ย” อัณญาบ่นยืดยาว แต่บาลีก็ยังมีท่าทีอึกอักลำบากใจ จนอัณญาโพล่งออกไปว่า“หรือว่าจริงๆ แล้วน้องอิฐเป็นลูกพี่อัทธ์จริงๆ” ตอนพูดออกไป อัณญาไม่ได้หมายความตามนั้น แค่จะหยอกเพื่อนรักเท่านั้น ทว่าปฏิกิริยาของบาลีหลังได้ยินคำพูดเธอ อีกฝ่ายชะงักและจากนั้นก็มีสีหน้าซีดเผือด หลบสายตาจับจ้องของเธอ “เฮ้ยๆ อย่าบอกนะว่ามันเป็นเรื่องจริง!” หัวใจของอัณญาก็เต้นระทึก
เมื่อได้ยินเสียงอินโทรลเพลง...บาลีคิดว่านักร้องวันนี้คงเอาเพลงเขามาร้อง ที่ผ่านมา ไม่เคยเข้าใจในรักแรกพบแต่เพียงสบตาเธอ ก็รู้ว่าความรู้สึกนั้นเป็นเช่นไรใจฉันเต้นแรง เฝ้ามองแต่เธอ โหยหาแต่เธอ วันๆ เอาแต่เพ้อเหมือนคนเป็นไข้อยากให้หัวใจเรานั้นตรงกัน................ทว่าพอเสียงเพลงผ่านลำโพงออกมาถึงด้านหน้าร้าน บาลีก็ถึงกับตัวชาและเพื่ออยากให้แน่ใจว่าเสียงนั้น คือเจ้าของผลงานตัวจริง บาลีจึงค่อยๆ เดินแหวกผู้คนเข้าไปในร้าน โดยไม่รู้ว่ามีอัณญาเดินตามไปติดๆ กระทั่งบาลีมาหยุดอยู่ตรงที่ด้านหน้าเวทีอย่างไม่รู้ตัวได้สบตากับผู้ชายที่กำลังเล่นกีตาร์ร้องเพลงอยู่บนเวทีที่ยกพื้นจากพื้นร้านไม่มาก บาลีถึงกับน้ำตาซึม เมื่อเขาส่งยิ้มบางๆ ให้ ทว่านัยน์ตาคมซึ้งนั้นบอกอะไรมากมายกับเธอ ความรักของเขายังอยู่กับเธอ นั่นคือสิ่งที่บาลีรับรู้ได้ทันที กระทั่งเสียงเพลงจบลง นักร้องก็พูดทักทายแขกในร้าน ก่อนจะบอกว่า“เพลงนี้ผมแต่งตอนเรียนปีสี่ แต่กว่าจะออกซิงเกิ้ลได้ก็เรียนจบปริญญาโทแล้ว เป็นเพลงที่แต่งเพราะเจอหน้าผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เป็นรุ่นน้องในมหา’ ลัย ซึ่งคนคนนั้นก็คือ ผู้หญิงคนนี้เองครับ” พูดจบก็ผายมือมาท
ยินดีต้อนรับ“แต่งตัวสวยๆ เลยนะ นั่งนอนอดอู้อยู่แต่ในบ้านได้ยังไง” อัณญาขึ้นเรือนมาในเวลาเย็นย่ำก็บ่นทันที เมื่อเห็นบาลีนั่งเหม่ออยู่บนโซฟาในมุมนั่งเล่น ส่วนลูกชายนั้นหลังจากรู้ว่าอัทธ์เป็นพ่อจริงๆ ก็กระโดดโลดเต้น เพราะน้องอิฐก็รักอัทธ์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ทำตัวเป็นผู้จัดการสนามเด็กเล่นในบริเวณร้านอาหาร จริงๆ คือไปเล่นเป็นเพื่อนเด็กๆ ลูกหลานของลูกค้าที่มากินข้าวในร้านอีกที “จะให้ไปไหน ฉันไม่มีอารมณ์อยากไปเตร็ดเตร่ที่ไหนหรอกนะ”“ไม่ได้จะให้ไปเตร็ดเตร่ที่ไหนย่ะ แต่อยากให้ไปช่วยต้อนรับแขก วันนี้วันหยุด คนเข้าร้านตรึม ฉันยืนรับแขกคนเดียวไม่ไหว”“พนักงานก็มีตั้งเยอะแยะ” อัณญาเป็นผู้บริหารโรงแรมดัง มายืนต้อนรับแขกในร้านอาหารที่แฟนเป็นผู้จัดการ เพราะเจ้าของสถานที่ตัวจริงนั้นมีอาการป่วยใจ ไม่ยอมออกนอกบ้านมาหลายวันแล้ว ดีว่าลูกชายปิดเทอม เลยหมกตัวอยู่แต่ในบ้านได้สบาย“ก็แขกเยอะไง พนักงานก็รับออร์เดิร์ฟแทบไม่ทัน อย่าลีลา ไปแต่งตัวสวยๆ”“ทำไมต้องสวย” บาลีย้อนถามน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย“โอ๊ย ถามเยอะถามแยะจัง ก็วันนี้พิเศษไง พี่ดินจ้างนักร้องที่ดังมาก และหล่อมาก เล่นกีตาร์ก็เทพ ร้องเพลงก
ถึงมันจะดึกแค่ไหน แต่เพราะเขานอนไม่หลับ ไหนจะโทรศัพท์จากสารพัดผู้คน ที่เกี่ยวข้องโดยตรงและทางอ้อม แต่เขาไม่มีแก่ใจหรืออะไรที่ชัดเจนมากพอจะตอบคำถามของใคร ทำได้แค่ปิดเครื่อง อยากข่มตาให้หลับ เพราะพรุ่งนี้เขามีงานถ่ายแบบกับนิตยสารเล่มหนึ่ง ทว่าก็หลับไม่ลง มีคำถามวิ่งวุ่นในหัว สับสนในใจ หากว่าเรื่องที่เป็นข่าวอยู่ในตอนนี้ เป็นจริงหรือเพียงข่าวลือ!จนสุดท้ายก็ตัดสินใจส่งข้อความหาบาลี เพราะไม่ว่าอย่างไรคงหนีความจริงไปไม่ได้ ซึ่งคนที่จะตอบเขาได้อย่างชัดเจนก็คงเป็นเธอคนเดียวอัทธ์ : นอนหรือยังครับบาลี : ยังค่ะ อัทธ์ : งั้นพี่โทร. หานะบาลี : ค่ะจากนั้นเขาก็โทร. หาหญิงสาวทันที พร้อมกับคำถามแรกอย่างไม่อ้อมค้อม เมื่ออีกฝ่ายกดรับสายของเขา“คืนนั้นเป็นลีจริงๆ เหรอ” เขารู้ว่าคืนนั้นไม่ใช่น้ำส้ม แต่ที่ผ่านก็ไม่คิดว่าเป็นบาลี [ค่ะ ขอโทษพี่ด้วยที่ก่อนหน้านั้นไม่ได้บอกพี่] “แล้วทำไมไม่บอก”[ลีไม่แน่ใจว่าพี่จะ...รู้สึกยังไงกับลี หลังจากรู้ว่าคืนนั้นเป็นลี]ทำไมล่ะ[เหมือนลีฉวยโอกาสกับพี่ ที่ทั้งพี่เป็นไข้และเมา]“คิดแบบนั้นได้ยังไง พี่เริ่มก่อนไม่ใช่เหรอ”[แต่ลีก็ไม่ได้ห้าม แถมคล้อยตาม]“ก็ อืมมัน
วันนี้เป็นวันครอบครัวของบาลีมีความสุขอีกวัน เพราะได้ฤกษ์เปิดคาเฟ่กับร้านอาหารไปพร้อมๆ กัน แต่วันแรกเปิดเลี้ยงฉลองเฉพาะครอบครัวและคนสนิทเท่านั้นคาเฟ่อยู่ด้านหน้าของบริเวณไร่ ส่วนร้านอาหารอยู่ลึกเข้ามาหน่อย แต่ไม่ไกลกันมากธรินท์ที่เป็นคนดูแลจัดการทั้งหมด ตั้งแต่เริ่มออกแบบร้านและคาเฟ่ กระทั่งคิดเมนูโดยมีบาลีกับอัณญาช่วย ใช้เวลาทั้งหมดกับการทำร้านหกเดือนกว่าๆ แขกในร้าน นอกจากครอบครัวและคนสนิทของทุกคนแล้ว เด็กชายอิฐก็มีแขกเป็นของตัวเอง ซึ่งก็คือบรรดาเพื่อนๆ ในห้องเรียน รวมทั้งเด็กชายรามที่ตอนนี้นิสัยดีมากขึ้น มาร่วมงานด้วย ส่วนรตีนั้น แม้จะไม่ได้คุยกันเหมือนที่เคย แต่ดีที่ว่าอีกฝ่ายไม่มาพูดจาหาเรื่องระรานเมื่อแต่ก่อน ซึ่งก็ดีมากแล้วสำหรับบาลีและลูกเพราะวันนี้มีดารามาร่วมงานด้วย อัทธ์จึงถูกขอถ่ายรูปจากเพื่อนๆ ของธรินท์มากพอสมควร รวมทั้งเพื่อนๆ ของเด็กชายอิฐด้วยแต่วันรุ่งขึ้นมีภาพของอัทธ์ที่ถ่ายกับน้องอิฐ โดยที่มีรูปเธอติดไปด้วย ซึ่งเธอนั่งอยู่ถัดจากโต๊ะลูกชาย หลุดไปอยู่ในทวิตเตอร์พร้อมกับการตั้งคำถามว่าเธอเป็นใคร เพราะเธอก็ไม่ได้เปิดเผยตัว เรื่องที่เป็นแม่ของน้องอิฐ นักแสดงเด็กหน้าให
แต่เหมือนเวรกรรมมันมีอยู่จริง เมื่อเพื่อนที่โรงเรียนรู้ แทนที่จะเห็นใจ กลับมาล้อเลียนกันเสียได้ มันก็ไม่ต่างจากที่เด็กชายรามล้อเลียนลูกชายเธอว่าไม่มีพ่อมาทั้งชีวิตนั่นแหละแต่เด็กชายรามไม่ได้ปล่อยให้เพื่อนๆ ล้อสนุกปาก เหมือนลูกชายเธอ เพราะนิสัยก็ไม่ยอมคนและเกเรอยู่พอสมควร เด็กชายรามสู้กับคนมาล้อสามคน ซึ่งอยู่ต่างห้อง แต่โดนรุม เพื่อนสนิทที่เคยเกเรด้วยกัน ก็วิ่งหนีกระเจิง อิฐกับเตเต้ผ่านมาเห็นเลยช่วย ก็เลยเกิดการตะลุมบอนขึ้นอย่างที่เห็น เด็กทั้งหมดถูกคาดโทษ แต่เด็กที่ล้อเด็กชายราม ถูกลงโทษ ล้างห้องน้ำเดือนหนึ่ง ส่วนเด็กชายรามนั้นก็โดนแค่สัปดาห์เดียว เพราะถึงจะเป็นฝ่ายถูกล้อก่อน แต่ก็เป็นคนลงมือใช้กำลังก่อนเช่นกัน“เขาล้อผมก่อนนะ ทำไมผมต้องถูกลงโทษด้วย!” เด็กชายรามพูดกับครูอย่างไม่พอใจ“ใช่ค่ะ รามเป็นฝ่ายถูกล้อก่อนนะ!” รตีพูดเสริมขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ“เราเองก็เคยล้อน้องอิฐ แล้วน้องอิฐเคยใช้กำลังกับรามไหม” ครูพูดตอกหน้า ทั้งแม่ทั้งลูกก็เลยทำหน้าจ๋อย“ดูน้องอิฐเป็นตัวอย่าง ขนาดเราทำไม่ดีกับอิฐ อิฐยังมีน้ำใจช่วยเรา คุณรตีเองก็เหมือนกัน ดูแลอบรมสั่งสอนลูกดีๆ นะคะ เขาถูกฟ้องว่าแกล้งเพื่อน
ไม่มีความลับอีกต่อไป “เกิดอะไรขึ้นเหรอ” ขณะทั้งสองกำลังช่วยกันล้างจาน หลังจากกินมื้อเที่ยงด้วยกันที่บ้าน บาลีก็ได้รับโทรศัพท์จากครูประจำชั้นของลูกชายพูดคุยกันอยู่ไม่กี่คำก็วางสาย สีหน้าของบาลีซีดเผือด มือที่ถือโทรศัพท์อยู่ก็สั่น ทำให้อัทธ์ถามด้วยความตกใจ“น้องอิฐมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อน ครูให้ลีไปที่โรงเรียนตอนนี้เลยค่ะ” “งั้นพี่ไปเป็นเพื่อน” “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวคนอื่นสงสัยหรอกว่า...”“พี่ไม่สนใจใครทั้งนั้น ตอนนี้พี่เป็นห่วงน้องอิฐมากกว่า ไม่รู้ว่าเพราะมีคนมาล้อเรื่องพ่ออีกหรือเปล่า”“คนก็ล้อมาตลอด แต่น้องอิฐไม่เคยโกรธขนาดจะไปชกต่อยใครรุนแรงจนเกิดเรื่องเลยนะคะ มีบ้างที่เบื่อกับคำล้อ ก็มีทะเลาะเล็กๆ น้อยๆ ไม่ถึงขั้นครูเรียกผู้ปกครองแบบนี้”“งั้นอาจมีอะไรที่มากกว่านั้น เรารีบไปกันเถอะ” “ค่ะ” ในตอนนี้บาลีก็ห่วงลูกชายมากกว่าจะห่วงชื่อเสียงหรือคนจะสงสัยความสัมพันธ์ของเธอกับอัทธ์ ทั้งสองจึงรีบเดินทางไปโรงเรียน ซึ่งก็ไม่ได้อยู่ไกลจากบ้าน เพราะบาลีอยากให้ลูกมีเพื่อนละแวกเดียวกัน จึงไม่คิดส่งลูกเรียนโรงเรียนอินเตอร์ในเมืองเหมือนลูกคนมีฐานะครอบครัวอื่นเมื่อถึงลานจอดรถของโรงเรียน อัทธ์ทำท่
สามเดือนต่อมางานเลี้ยงปิดกล้อง เกิดขึ้นในโรงแรมขุนเขา ธุรกิจครอบครัวของอัณญา ซึ่งที่พักของนักแสดงและทีมงานนั่นเอง มีอาหารและเครื่องดื่มมากมาย ที่พลาดไม่ได้มีเสียงเพลงจากนักดนตรีประจำห้องอาหาร รวมทั้งนักร้องจำเป็นจากบรรดานักแสดงและทีมงานเพราะงานเลี้ยง มีการดื่ม และเป็นร้านอาหารกึ่งผับ เด็กชายอิฐจึงไม่ได้มาร่วมงาน บาลีกับธรินท์จึงมาร่วมงานในฐานะเจ้าของโลเคชัน แน่นอนงานนี้ก็ขาดเจ้าของโรงแรมอย่างอัณญาไม่ได้เช่นกันทุกคนก็กิน ดื่ม ร้องเพลง เต้นรำกันอย่างสนุกสนาน ไม่เว้นแม้แต่วีราวรรณ ซึ่งดูเหมือนตอนนี้ปลงตกกับความกังวลเรื่องเรตติงต่างๆ ได้แล้ว ปิดกล้องได้ตามเวลาที่กำหนดไว้ก็ถือว่าดีมากแล้วสำหรับละคร ไร่แสนเสน่หา ที่ถูกพายุข่าวฉาวจากนักแสดงนำทั้งสองคนหลังจากนี้ก็ไปลุยกับงานตัดต่อ ส่วนวันเวลาออนแอร์นั้น คงต้องรอให้ผู้ใหญ่ทางช่องจะเห็นสมควร แน่นอนมันอาจคลาดเคลื่อนจากที่คุยกันไว้ เพราะข่าวฉาวต่างๆ ของพระนาง เพราะมีผลต่อสินค้าที่จะลงโฆษณาตอนนี้วีราวรรณก็รอแค่ลุ้นต่อไปก็เท่านั้น คิดได้ดังนั้น เจ้าตัวก็แย่งไมค์จากวิน น้องชายคนเดียวที่ไม่ยอมปล่อยไมค์ ทั้งที่ร้องไปสองเพลงติดๆ แล้ว“เป็นอะไรหน้า
ธรินท์คิดว่าแขกผู้มาเยือน แบบบอกกล่าวล่วงหน้าวันนี้มีท่าทีแปลกๆ จากทุกครั้งที่มาบ้านเขา เอาไวน์มาฝาก แต่งตัวสวยกว่าปกติ ถึงแม้ไม่ถึงขั้นเซ็กซี่แต่ก็เปิดเผยเนื้อตัวมากขึ้น ทั้งเสื้อครอปแขนกุดรัดรูปโชว์รูปร่างท่อนบน ส่วนท่อนล่างเป็นกระโปรงยีนส์สั้นเหนือเข่า เวลานั่งก็ร่นสูง โชว์ขาเรียวเนียนสวย และรู้สึกเหมือนจะแต่งหน้าเข้มกว่าทุกครั้งที่เจอกัน หรือมากกว่าปกติที่เคยเห็นมา อีกฝ่ายมาหาหลังจากเขากลับจากไปกินมื้อค่ำที่เรือนใหญ่ ก็สองทุ่มครึ่งไปแล้ว“กินข้าวหรือยังล่ะ” เขาถาม “กินแล้ว และตอนนี้อยากดื่มไวน์” เธอชี้ไปที่ขวดไวน์ที่วางไว้บนโต๊ะตรงหน้าธรินท์เดินไปหยิบที่เปิดพร้อมแก้วมาจากครัว จัดการเปิดและรินไวน์ให้หญิงสาว และสำหรับตัวเองด้วย “มีอะไรหรือเปล่า” ธรินท์ถาม หลังจากมองอัณญาจิบไวน์ไปค่อนแก้วด้วยสีหน้าเครียดๆ ชอบกล “เปล่า”“เปล่าอะไรล่ะ หน้าออกขนาดนี้” “ดูออกขนาดนั้นเลย” เธอย้อนน้ำเสียงเรียบ แต่แววตาขุ่นจนคนมองรู้สึกได้ เขาถอนหายใจแล้วถามตรงๆ “อ๊ะ มีอะไรไม่พอใจพี่ ก็ว่ามาตรงๆ อย่าลีลา ค่ำแล้วจะได้แยกย้ายกันไปนอน” “นอนด้วยกันได้ไหมล่ะ” ยังบอกเสียงเรียบ เหมือนคำถามทั่วไป เช่น กิน
ปิดกล้อง แต่เปิดรักข่าวฉาวของเมทิตาสงบลง เพราะมีข่าวฉาวของ ซุป’ ตาร์สาวรายหนึ่งที่โดนข้อหาเป็นมือที่สามในความรักระหว่างดาราซุป’ ตาร์รุ่นพี่กับไฮโซหนุ่ม ลูกชายรัฐมนตรีกระทรวงใหญ่แฟนคลับตีกันวุ่น ลุกลามราวไฟไหม้ป่า ต่างพยายามไล่ไทม์ไลน์กันจ้าละหวั่น สุดท้ายไฮโซฯ หนุ่มออกมายืนยันหนักแน่นว่าเลิกกับซุป’ ตาร์รุ่นพี่ก่อนค่อยมาคบซุป’ ตาร์รุ่นน้องอาจเพราะมูฟออนเร็วเกินไป ทุกคนจึงสงสัย แต่เขายืนยันว่า การคบหากับซุป’ ตาร์รุ่นน้องนั้น เกิดขึ้นหลังจากเลิกรากับ ซุป’ ตาร์รุ่นพี่แล้วจริงๆ การออกมายืนยันของไฮโซหนุ่มคนดัง ทำให้ซุป’ ตาร์คนน้อง ร่าเริงลัลล้า ส่วนซุป’ ตาร์รุ่นพี่ทำได้แค่ ขึ้นจอดำบนอินสตาแกรม ทำให้แฟนคลับไม่สามารถมูฟออนจากเรื่องนี้ง่ายๆ สงครามแฟนคลับจึงยืดเยื้อ กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุดกันง่ายๆ ข่าวทำแท้งของเมทิตาก็เลยตกกระป๋องจากสื่อสังคมออนไลน์ไปในพริบตา และวีราวรรณก็ทำใจได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น และคิดว่าคงไม่มีอะไรต่อจากนี้แล้วมั้งเจ้าตัวเปิดกองฯ อีกครั้ง และเร่งถ่ายทำอย่างต่อเนื่อง แทบไม่มีวันหยุด ดีที่ว่าซีนของน้องอิฐถ่ายไปเกือบหมดแล้ว อีกอย่างฉากที่เข้าร่วมกับเมท