วันนี้เป็นวันครอบครัวของบาลีมีความสุขอีกวัน เพราะได้ฤกษ์เปิดคาเฟ่กับร้านอาหารไปพร้อมๆ กัน แต่วันแรกเปิดเลี้ยงฉลองเฉพาะครอบครัวและคนสนิทเท่านั้นคาเฟ่อยู่ด้านหน้าของบริเวณไร่ ส่วนร้านอาหารอยู่ลึกเข้ามาหน่อย แต่ไม่ไกลกันมากธรินท์ที่เป็นคนดูแลจัดการทั้งหมด ตั้งแต่เริ่มออกแบบร้านและคาเฟ่ กระทั่งคิดเมนูโดยมีบาลีกับอัณญาช่วย ใช้เวลาทั้งหมดกับการทำร้านหกเดือนกว่าๆ แขกในร้าน นอกจากครอบครัวและคนสนิทของทุกคนแล้ว เด็กชายอิฐก็มีแขกเป็นของตัวเอง ซึ่งก็คือบรรดาเพื่อนๆ ในห้องเรียน รวมทั้งเด็กชายรามที่ตอนนี้นิสัยดีมากขึ้น มาร่วมงานด้วย ส่วนรตีนั้น แม้จะไม่ได้คุยกันเหมือนที่เคย แต่ดีที่ว่าอีกฝ่ายไม่มาพูดจาหาเรื่องระรานเมื่อแต่ก่อน ซึ่งก็ดีมากแล้วสำหรับบาลีและลูกเพราะวันนี้มีดารามาร่วมงานด้วย อัทธ์จึงถูกขอถ่ายรูปจากเพื่อนๆ ของธรินท์มากพอสมควร รวมทั้งเพื่อนๆ ของเด็กชายอิฐด้วยแต่วันรุ่งขึ้นมีภาพของอัทธ์ที่ถ่ายกับน้องอิฐ โดยที่มีรูปเธอติดไปด้วย ซึ่งเธอนั่งอยู่ถัดจากโต๊ะลูกชาย หลุดไปอยู่ในทวิตเตอร์พร้อมกับการตั้งคำถามว่าเธอเป็นใคร เพราะเธอก็ไม่ได้เปิดเผยตัว เรื่องที่เป็นแม่ของน้องอิฐ นักแสดงเด็กหน้าให
ถึงมันจะดึกแค่ไหน แต่เพราะเขานอนไม่หลับ ไหนจะโทรศัพท์จากสารพัดผู้คน ที่เกี่ยวข้องโดยตรงและทางอ้อม แต่เขาไม่มีแก่ใจหรืออะไรที่ชัดเจนมากพอจะตอบคำถามของใคร ทำได้แค่ปิดเครื่อง อยากข่มตาให้หลับ เพราะพรุ่งนี้เขามีงานถ่ายแบบกับนิตยสารเล่มหนึ่ง ทว่าก็หลับไม่ลง มีคำถามวิ่งวุ่นในหัว สับสนในใจ หากว่าเรื่องที่เป็นข่าวอยู่ในตอนนี้ เป็นจริงหรือเพียงข่าวลือ!จนสุดท้ายก็ตัดสินใจส่งข้อความหาบาลี เพราะไม่ว่าอย่างไรคงหนีความจริงไปไม่ได้ ซึ่งคนที่จะตอบเขาได้อย่างชัดเจนก็คงเป็นเธอคนเดียวอัทธ์ : นอนหรือยังครับบาลี : ยังค่ะ อัทธ์ : งั้นพี่โทร. หานะบาลี : ค่ะจากนั้นเขาก็โทร. หาหญิงสาวทันที พร้อมกับคำถามแรกอย่างไม่อ้อมค้อม เมื่ออีกฝ่ายกดรับสายของเขา“คืนนั้นเป็นลีจริงๆ เหรอ” เขารู้ว่าคืนนั้นไม่ใช่น้ำส้ม แต่ที่ผ่านก็ไม่คิดว่าเป็นบาลี [ค่ะ ขอโทษพี่ด้วยที่ก่อนหน้านั้นไม่ได้บอกพี่] “แล้วทำไมไม่บอก”[ลีไม่แน่ใจว่าพี่จะ...รู้สึกยังไงกับลี หลังจากรู้ว่าคืนนั้นเป็นลี]ทำไมล่ะ[เหมือนลีฉวยโอกาสกับพี่ ที่ทั้งพี่เป็นไข้และเมา]“คิดแบบนั้นได้ยังไง พี่เริ่มก่อนไม่ใช่เหรอ”[แต่ลีก็ไม่ได้ห้าม แถมคล้อยตาม]“ก็ อืมมัน
ยินดีต้อนรับ“แต่งตัวสวยๆ เลยนะ นั่งนอนอดอู้อยู่แต่ในบ้านได้ยังไง” อัณญาขึ้นเรือนมาในเวลาเย็นย่ำก็บ่นทันที เมื่อเห็นบาลีนั่งเหม่ออยู่บนโซฟาในมุมนั่งเล่น ส่วนลูกชายนั้นหลังจากรู้ว่าอัทธ์เป็นพ่อจริงๆ ก็กระโดดโลดเต้น เพราะน้องอิฐก็รักอัทธ์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ทำตัวเป็นผู้จัดการสนามเด็กเล่นในบริเวณร้านอาหาร จริงๆ คือไปเล่นเป็นเพื่อนเด็กๆ ลูกหลานของลูกค้าที่มากินข้าวในร้านอีกที “จะให้ไปไหน ฉันไม่มีอารมณ์อยากไปเตร็ดเตร่ที่ไหนหรอกนะ”“ไม่ได้จะให้ไปเตร็ดเตร่ที่ไหนย่ะ แต่อยากให้ไปช่วยต้อนรับแขก วันนี้วันหยุด คนเข้าร้านตรึม ฉันยืนรับแขกคนเดียวไม่ไหว”“พนักงานก็มีตั้งเยอะแยะ” อัณญาเป็นผู้บริหารโรงแรมดัง มายืนต้อนรับแขกในร้านอาหารที่แฟนเป็นผู้จัดการ เพราะเจ้าของสถานที่ตัวจริงนั้นมีอาการป่วยใจ ไม่ยอมออกนอกบ้านมาหลายวันแล้ว ดีว่าลูกชายปิดเทอม เลยหมกตัวอยู่แต่ในบ้านได้สบาย“ก็แขกเยอะไง พนักงานก็รับออร์เดิร์ฟแทบไม่ทัน อย่าลีลา ไปแต่งตัวสวยๆ”“ทำไมต้องสวย” บาลีย้อนถามน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย“โอ๊ย ถามเยอะถามแยะจัง ก็วันนี้พิเศษไง พี่ดินจ้างนักร้องที่ดังมาก และหล่อมาก เล่นกีตาร์ก็เทพ ร้องเพลงก
เมื่อได้ยินเสียงอินโทรลเพลง...บาลีคิดว่านักร้องวันนี้คงเอาเพลงเขามาร้อง ที่ผ่านมา ไม่เคยเข้าใจในรักแรกพบแต่เพียงสบตาเธอ ก็รู้ว่าความรู้สึกนั้นเป็นเช่นไรใจฉันเต้นแรง เฝ้ามองแต่เธอ โหยหาแต่เธอ วันๆ เอาแต่เพ้อเหมือนคนเป็นไข้อยากให้หัวใจเรานั้นตรงกัน................ทว่าพอเสียงเพลงผ่านลำโพงออกมาถึงด้านหน้าร้าน บาลีก็ถึงกับตัวชาและเพื่ออยากให้แน่ใจว่าเสียงนั้น คือเจ้าของผลงานตัวจริง บาลีจึงค่อยๆ เดินแหวกผู้คนเข้าไปในร้าน โดยไม่รู้ว่ามีอัณญาเดินตามไปติดๆ กระทั่งบาลีมาหยุดอยู่ตรงที่ด้านหน้าเวทีอย่างไม่รู้ตัวได้สบตากับผู้ชายที่กำลังเล่นกีตาร์ร้องเพลงอยู่บนเวทีที่ยกพื้นจากพื้นร้านไม่มาก บาลีถึงกับน้ำตาซึม เมื่อเขาส่งยิ้มบางๆ ให้ ทว่านัยน์ตาคมซึ้งนั้นบอกอะไรมากมายกับเธอ ความรักของเขายังอยู่กับเธอ นั่นคือสิ่งที่บาลีรับรู้ได้ทันที กระทั่งเสียงเพลงจบลง นักร้องก็พูดทักทายแขกในร้าน ก่อนจะบอกว่า“เพลงนี้ผมแต่งตอนเรียนปีสี่ แต่กว่าจะออกซิงเกิ้ลได้ก็เรียนจบปริญญาโทแล้ว เป็นเพลงที่แต่งเพราะเจอหน้าผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เป็นรุ่นน้องในมหา’ ลัย ซึ่งคนคนนั้นก็คือ ผู้หญิงคนนี้เองครับ” พูดจบก็ผายมือมาท
บทนำ อีเวนท์ของซุป’ ตาร์กว่าจะเบียดผู้คนเข้ามาภายในบริเวณงาน ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าใหญ่กลางเมือง บาลีถึงกับหายใจหอบเล็กน้อย เมื่อได้ยืนอยู่ในจุดที่สามารถมองไปยังบนเวทียกพื้นเตี้ย ซึ่งซุปเปอร์สตาร์หนุ่มอันดับต้นๆ ของเมืองไทยคนหนึ่งกำลังร้องเพลงเล่นกีตาร์ด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม บวกกับการเล่นกีตาร์ที่เข้าขั้นเทพ ก็ทำให้ได้รับเสียงกรี๊ดจนหูแทบจะดับ“มึง พี่อัทธ์ แม่งโคตรหล่อ โคตรเท่เลย กรี๊ดดดด”“โอ๊ย เสียงก็โคตรเพราะ”“เพลงพี่เขาก็แต่งเองเลยนะ”“คนบ้าอะไร ครบเครื่องสุดๆ ทั้งหล่อ เท่ เล่นละครเก่งแล้ว ยังร้องเพลงเพราะ แต่งเพลง เล่นดนตรีได้อีก มึง กูไม่ไหวแล้วอะ กรี๊ดดด”ถึงจะหนวกหูเสียงกรี๊ด แต่บาลีก็แอบยิ้มปลื้มกับคำชื่นชมที่ได้ยินจากเด็กสาวกลุ่มใหญ่ที่ยืนเบียดเสียดในงาน เพราะเธอเป็นแฟนคลับอัทธ์มาตั้งแต่เขายังไม่ได้เป็นซุป’ ตาร์เหมือนในตอนนี้เรียกว่าเป็นเอฟซีรุ่นบุกเบิก เพราะเธอติดตามชายหนุ่มมาตั้งแต่เขายังเป็นรุ่นพี่ในคณะ สมัยเรียนมหาวิทยาลัยซึ่งมันก็นานมาแล้วนานมากกว่าอายุของลูกชายวัยเจ็ดขวบของเธอเสียงด้วยซ้ำสายตาเธอทอดมองคนบนเวที อัทธ์นั่งอยู่บนเก้าอี้บาร์ อยู่ในชุดสูทแบรนด์ดังสีเทา
นอกจากครอบครัวที่มีเพียงลุงกับป้า อัณญาก็เป็นอีกคนที่รับรู้เรื่องราวการเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวของเธอมาตั้งแต่ต้น คอยเป็นกำลังใจให้ตลอดมา แม้ถึงตอนนี้เพื่อนรักจะไม่รู้ว่าใครคือพ่อของลูกเธอก็ตามเวลานัดหมายยังเหลืออีกหนึ่งชั่วโมง บาลีจึงเดินเข้าไปในแผนกเสื้อผ้าและของเล่นเด็ก ซื้อของไปฝากลูกชาย จากนั้นก็เดินเข้าออกร้านเสื้อผ้าสำหรับคนสูงวัย เลือกเสื้อผ้าสำหรับลุงปราบและป้ามอญ สำหรับไปทำบุญหรือไปงานสำคัญของผู้คนละแวกบ้านซึ่งบ้านเกิดของบาลีอยู่ที่เขาช่อง เติบโตมาในไร่องุ่นของครอบครัวบิดา กระทั่งเรียนประถม บิดามารดาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถขณะไปทำธุระในตัวเมือง บาลีจึงเหลือเพียงลุงปราบ พี่ชายแท้ๆ ของบิดา กับป้ามอญ ป้าสะใภ้ ทั้งสองไม่มีลูก จึงรักและเลี้ยงดูเธอเหมือนลูกสาวแท้ๆ มาตั้งแต่เกิดเมื่อบิดามารดาจากโลกนี้ไป บาลีก็มีอ้อมกอดและความอบอุ่นของลุงป้าที่คอยปลอบประโลม ไม่ได้รู้สึกโดดเดี่ยวในชีวิต แถมมีธรินท์ หลานชายป้ามอญที่เป็นทั้งเพื่อนเล่นและพี่ชายที่คอยดูแลอีกสิบห้านาทีก็ถึงเวลานัด บาลีจึงหอบข้าวของที่ซื้อมาตรงไปยังร้านอาหารที่เป็นจุดนัดหมายบาลีสั่งอาหารจานโปรดของตนเองและเพื่อนสนิท
คืนรัญจวน อาจเพราะเป็นเย็นวันศุกร์ ถนนมิตรภาพขาออก จึงมีรถหนาแน่น กลับมาถึงไร่ก็เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่ม ลูกชายของเธอก็หลับปุ๋ยไปแล้ว กอดตุ๊กตาแรบบิทตัวโปรดบาลีเดินหยิบของฝากลุงปราบกับป้ามอญมายังห้องนั่งเล่น ที่ป้ามอญกำลังดูละครหลังข่าวที่จบลงพอดี“ชุดไว้ใส่ไปทำบุญค่ะ” บาลีบอก“ขอบใจมากนะ แต่อย่าซื้อบ่อยสิ เสียดายเงิน” ป้ามอญบอกหลานสาวสามี ที่เธอเลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิดประดุจลูกของตัวเอง เพราะลูกแท้ๆ เสียชีวิตตั้งแต่แรกคลอด เพราะสุขภาพที่ไม่ดีของนางเองตอนฝังร่างลูก อธิษฐานด้วยน้ำตาให้มาเกิดใหม่เป็นแม่ลูกกันอีกครั้ง และหนึ่งปีต่อมาน้องสาวสามีก็คลอดเด็กผู้หญิง หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู จึงช่วยเลี้ยงเด็กหญิงบาลีมาตั้งแต่วันลืมตาขึ้นมาดูโลก พร้อมกับความเชื่อส่วนตัวว่าอีกฝ่ายเป็นลูกสาวที่เสียชีวิตไปมาเกิดใหม่ในครอบครัวเดียวกัน ถึงได้รักและผูกพันธ์กันมาถึงทุกวันนี้“ลุงปราบนอนแล้วเหรอคะ” บาลีถามถึงผู้เป็นลุง ปกติจะนั่งเป็นเพื่อนป้ามอญดูละครหลังข่าว“ไปนั่งตั้งวงปลอบใจไอ้ดิน” ป้ามอญเอ่ยถึงธรินท์ ผู้เป็นหลานชาย ที่นางช่วยส่งเสียเลี้ยงดูตั้งแต่ยังเด็ก เพราะฐานะทางบ้านไม่ดี กระทั่งอีกฝ่ายเรียนจบก็เข้าม
บาลีเอนตัวลงข้างๆ ลูกชายตัวป้อม ที่แม้จะขึ้นชั้นประถมหนึ่ง แต่ร่างกลมๆ ที่มีมาตั้งแต่ยังอายุไม่กี่เดือน ตอนนี้ก็ยังเป็นเด็กตุ้ยนุ้ย เพราะกินเก่ง เธอเองก็ไม่อยากจำกัดเรื่องอาหารลูก เพราะวัยกำลังกินกำลังนอน แค่ขนมหวานเท่านั้นที่ต้องปริมาณไว้บ้าง เพื่อสุขภาพที่ดีก็พาเจ้าตัวป้อมออกกำลังกายประจำ ซึ่งลูกชายของเธอชื่นชอบการเตะฟุตบอลเป็นอย่างมาก เห็นตุ้ยนุ้ยแบบนี้ วิ่งเร็วมากบาลีกับธรินท์ เลยต้องเป็นคู่ซ้อมของเจ้าตัวป้อมมองเจ้าแก้มยุ้ยแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ อายุเจ็ดขวบ ทำไมต้องหล่อขนาดนี้ถึงใบหน้าจะกลม แก้มป่อง แต่ดวงตาที่หลับพริ้มไปแล้วนั้น เรียวกว้าง แพขนตายาวงอน จมูกโด่งพ้นแก้มยุ้ยอย่างเห็นได้ชัด ปากหยักสวย ผิวขาวอมชมพูอีกต่างหากจะว่าหลงรูปโฉมลูกตัวเอง บาลีก็ยอมรับ ก็แหงสิ พ่อของเจ้าตัวป้อม หล่อระดับประเทศเลยนะลูกชายจะน้อยหน้าได้อย่างไรล่ะ คิดแล้วก็หอมแก้มยุ้ยฟอดใหญ่ ก่อนปิดโคมไฟหัวเตียง แล้วเดินกลับห้องนอนตัวเองที่อยู่ติดกับห้องลูกชาย ที่เพิ่งแยกห้องนอนเมื่อเรียนชั้นประถมหนึ่ง ตามที่ตกลงกันไว้ตามประสาแม่ลูกแต่เพราะวันนี้ได้เจอคนที่ทำให้หัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่ได้เห็นหน้า คืนนี้บาลีข่มตา
เมื่อได้ยินเสียงอินโทรลเพลง...บาลีคิดว่านักร้องวันนี้คงเอาเพลงเขามาร้อง ที่ผ่านมา ไม่เคยเข้าใจในรักแรกพบแต่เพียงสบตาเธอ ก็รู้ว่าความรู้สึกนั้นเป็นเช่นไรใจฉันเต้นแรง เฝ้ามองแต่เธอ โหยหาแต่เธอ วันๆ เอาแต่เพ้อเหมือนคนเป็นไข้อยากให้หัวใจเรานั้นตรงกัน................ทว่าพอเสียงเพลงผ่านลำโพงออกมาถึงด้านหน้าร้าน บาลีก็ถึงกับตัวชาและเพื่ออยากให้แน่ใจว่าเสียงนั้น คือเจ้าของผลงานตัวจริง บาลีจึงค่อยๆ เดินแหวกผู้คนเข้าไปในร้าน โดยไม่รู้ว่ามีอัณญาเดินตามไปติดๆ กระทั่งบาลีมาหยุดอยู่ตรงที่ด้านหน้าเวทีอย่างไม่รู้ตัวได้สบตากับผู้ชายที่กำลังเล่นกีตาร์ร้องเพลงอยู่บนเวทีที่ยกพื้นจากพื้นร้านไม่มาก บาลีถึงกับน้ำตาซึม เมื่อเขาส่งยิ้มบางๆ ให้ ทว่านัยน์ตาคมซึ้งนั้นบอกอะไรมากมายกับเธอ ความรักของเขายังอยู่กับเธอ นั่นคือสิ่งที่บาลีรับรู้ได้ทันที กระทั่งเสียงเพลงจบลง นักร้องก็พูดทักทายแขกในร้าน ก่อนจะบอกว่า“เพลงนี้ผมแต่งตอนเรียนปีสี่ แต่กว่าจะออกซิงเกิ้ลได้ก็เรียนจบปริญญาโทแล้ว เป็นเพลงที่แต่งเพราะเจอหน้าผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เป็นรุ่นน้องในมหา’ ลัย ซึ่งคนคนนั้นก็คือ ผู้หญิงคนนี้เองครับ” พูดจบก็ผายมือมาท
ยินดีต้อนรับ“แต่งตัวสวยๆ เลยนะ นั่งนอนอดอู้อยู่แต่ในบ้านได้ยังไง” อัณญาขึ้นเรือนมาในเวลาเย็นย่ำก็บ่นทันที เมื่อเห็นบาลีนั่งเหม่ออยู่บนโซฟาในมุมนั่งเล่น ส่วนลูกชายนั้นหลังจากรู้ว่าอัทธ์เป็นพ่อจริงๆ ก็กระโดดโลดเต้น เพราะน้องอิฐก็รักอัทธ์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ทำตัวเป็นผู้จัดการสนามเด็กเล่นในบริเวณร้านอาหาร จริงๆ คือไปเล่นเป็นเพื่อนเด็กๆ ลูกหลานของลูกค้าที่มากินข้าวในร้านอีกที “จะให้ไปไหน ฉันไม่มีอารมณ์อยากไปเตร็ดเตร่ที่ไหนหรอกนะ”“ไม่ได้จะให้ไปเตร็ดเตร่ที่ไหนย่ะ แต่อยากให้ไปช่วยต้อนรับแขก วันนี้วันหยุด คนเข้าร้านตรึม ฉันยืนรับแขกคนเดียวไม่ไหว”“พนักงานก็มีตั้งเยอะแยะ” อัณญาเป็นผู้บริหารโรงแรมดัง มายืนต้อนรับแขกในร้านอาหารที่แฟนเป็นผู้จัดการ เพราะเจ้าของสถานที่ตัวจริงนั้นมีอาการป่วยใจ ไม่ยอมออกนอกบ้านมาหลายวันแล้ว ดีว่าลูกชายปิดเทอม เลยหมกตัวอยู่แต่ในบ้านได้สบาย“ก็แขกเยอะไง พนักงานก็รับออร์เดิร์ฟแทบไม่ทัน อย่าลีลา ไปแต่งตัวสวยๆ”“ทำไมต้องสวย” บาลีย้อนถามน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย“โอ๊ย ถามเยอะถามแยะจัง ก็วันนี้พิเศษไง พี่ดินจ้างนักร้องที่ดังมาก และหล่อมาก เล่นกีตาร์ก็เทพ ร้องเพลงก
ถึงมันจะดึกแค่ไหน แต่เพราะเขานอนไม่หลับ ไหนจะโทรศัพท์จากสารพัดผู้คน ที่เกี่ยวข้องโดยตรงและทางอ้อม แต่เขาไม่มีแก่ใจหรืออะไรที่ชัดเจนมากพอจะตอบคำถามของใคร ทำได้แค่ปิดเครื่อง อยากข่มตาให้หลับ เพราะพรุ่งนี้เขามีงานถ่ายแบบกับนิตยสารเล่มหนึ่ง ทว่าก็หลับไม่ลง มีคำถามวิ่งวุ่นในหัว สับสนในใจ หากว่าเรื่องที่เป็นข่าวอยู่ในตอนนี้ เป็นจริงหรือเพียงข่าวลือ!จนสุดท้ายก็ตัดสินใจส่งข้อความหาบาลี เพราะไม่ว่าอย่างไรคงหนีความจริงไปไม่ได้ ซึ่งคนที่จะตอบเขาได้อย่างชัดเจนก็คงเป็นเธอคนเดียวอัทธ์ : นอนหรือยังครับบาลี : ยังค่ะ อัทธ์ : งั้นพี่โทร. หานะบาลี : ค่ะจากนั้นเขาก็โทร. หาหญิงสาวทันที พร้อมกับคำถามแรกอย่างไม่อ้อมค้อม เมื่ออีกฝ่ายกดรับสายของเขา“คืนนั้นเป็นลีจริงๆ เหรอ” เขารู้ว่าคืนนั้นไม่ใช่น้ำส้ม แต่ที่ผ่านก็ไม่คิดว่าเป็นบาลี [ค่ะ ขอโทษพี่ด้วยที่ก่อนหน้านั้นไม่ได้บอกพี่] “แล้วทำไมไม่บอก”[ลีไม่แน่ใจว่าพี่จะ...รู้สึกยังไงกับลี หลังจากรู้ว่าคืนนั้นเป็นลี]ทำไมล่ะ[เหมือนลีฉวยโอกาสกับพี่ ที่ทั้งพี่เป็นไข้และเมา]“คิดแบบนั้นได้ยังไง พี่เริ่มก่อนไม่ใช่เหรอ”[แต่ลีก็ไม่ได้ห้าม แถมคล้อยตาม]“ก็ อืมมัน
วันนี้เป็นวันครอบครัวของบาลีมีความสุขอีกวัน เพราะได้ฤกษ์เปิดคาเฟ่กับร้านอาหารไปพร้อมๆ กัน แต่วันแรกเปิดเลี้ยงฉลองเฉพาะครอบครัวและคนสนิทเท่านั้นคาเฟ่อยู่ด้านหน้าของบริเวณไร่ ส่วนร้านอาหารอยู่ลึกเข้ามาหน่อย แต่ไม่ไกลกันมากธรินท์ที่เป็นคนดูแลจัดการทั้งหมด ตั้งแต่เริ่มออกแบบร้านและคาเฟ่ กระทั่งคิดเมนูโดยมีบาลีกับอัณญาช่วย ใช้เวลาทั้งหมดกับการทำร้านหกเดือนกว่าๆ แขกในร้าน นอกจากครอบครัวและคนสนิทของทุกคนแล้ว เด็กชายอิฐก็มีแขกเป็นของตัวเอง ซึ่งก็คือบรรดาเพื่อนๆ ในห้องเรียน รวมทั้งเด็กชายรามที่ตอนนี้นิสัยดีมากขึ้น มาร่วมงานด้วย ส่วนรตีนั้น แม้จะไม่ได้คุยกันเหมือนที่เคย แต่ดีที่ว่าอีกฝ่ายไม่มาพูดจาหาเรื่องระรานเมื่อแต่ก่อน ซึ่งก็ดีมากแล้วสำหรับบาลีและลูกเพราะวันนี้มีดารามาร่วมงานด้วย อัทธ์จึงถูกขอถ่ายรูปจากเพื่อนๆ ของธรินท์มากพอสมควร รวมทั้งเพื่อนๆ ของเด็กชายอิฐด้วยแต่วันรุ่งขึ้นมีภาพของอัทธ์ที่ถ่ายกับน้องอิฐ โดยที่มีรูปเธอติดไปด้วย ซึ่งเธอนั่งอยู่ถัดจากโต๊ะลูกชาย หลุดไปอยู่ในทวิตเตอร์พร้อมกับการตั้งคำถามว่าเธอเป็นใคร เพราะเธอก็ไม่ได้เปิดเผยตัว เรื่องที่เป็นแม่ของน้องอิฐ นักแสดงเด็กหน้าให
แต่เหมือนเวรกรรมมันมีอยู่จริง เมื่อเพื่อนที่โรงเรียนรู้ แทนที่จะเห็นใจ กลับมาล้อเลียนกันเสียได้ มันก็ไม่ต่างจากที่เด็กชายรามล้อเลียนลูกชายเธอว่าไม่มีพ่อมาทั้งชีวิตนั่นแหละแต่เด็กชายรามไม่ได้ปล่อยให้เพื่อนๆ ล้อสนุกปาก เหมือนลูกชายเธอ เพราะนิสัยก็ไม่ยอมคนและเกเรอยู่พอสมควร เด็กชายรามสู้กับคนมาล้อสามคน ซึ่งอยู่ต่างห้อง แต่โดนรุม เพื่อนสนิทที่เคยเกเรด้วยกัน ก็วิ่งหนีกระเจิง อิฐกับเตเต้ผ่านมาเห็นเลยช่วย ก็เลยเกิดการตะลุมบอนขึ้นอย่างที่เห็น เด็กทั้งหมดถูกคาดโทษ แต่เด็กที่ล้อเด็กชายราม ถูกลงโทษ ล้างห้องน้ำเดือนหนึ่ง ส่วนเด็กชายรามนั้นก็โดนแค่สัปดาห์เดียว เพราะถึงจะเป็นฝ่ายถูกล้อก่อน แต่ก็เป็นคนลงมือใช้กำลังก่อนเช่นกัน“เขาล้อผมก่อนนะ ทำไมผมต้องถูกลงโทษด้วย!” เด็กชายรามพูดกับครูอย่างไม่พอใจ“ใช่ค่ะ รามเป็นฝ่ายถูกล้อก่อนนะ!” รตีพูดเสริมขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ“เราเองก็เคยล้อน้องอิฐ แล้วน้องอิฐเคยใช้กำลังกับรามไหม” ครูพูดตอกหน้า ทั้งแม่ทั้งลูกก็เลยทำหน้าจ๋อย“ดูน้องอิฐเป็นตัวอย่าง ขนาดเราทำไม่ดีกับอิฐ อิฐยังมีน้ำใจช่วยเรา คุณรตีเองก็เหมือนกัน ดูแลอบรมสั่งสอนลูกดีๆ นะคะ เขาถูกฟ้องว่าแกล้งเพื่อน
ไม่มีความลับอีกต่อไป “เกิดอะไรขึ้นเหรอ” ขณะทั้งสองกำลังช่วยกันล้างจาน หลังจากกินมื้อเที่ยงด้วยกันที่บ้าน บาลีก็ได้รับโทรศัพท์จากครูประจำชั้นของลูกชายพูดคุยกันอยู่ไม่กี่คำก็วางสาย สีหน้าของบาลีซีดเผือด มือที่ถือโทรศัพท์อยู่ก็สั่น ทำให้อัทธ์ถามด้วยความตกใจ“น้องอิฐมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อน ครูให้ลีไปที่โรงเรียนตอนนี้เลยค่ะ” “งั้นพี่ไปเป็นเพื่อน” “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวคนอื่นสงสัยหรอกว่า...”“พี่ไม่สนใจใครทั้งนั้น ตอนนี้พี่เป็นห่วงน้องอิฐมากกว่า ไม่รู้ว่าเพราะมีคนมาล้อเรื่องพ่ออีกหรือเปล่า”“คนก็ล้อมาตลอด แต่น้องอิฐไม่เคยโกรธขนาดจะไปชกต่อยใครรุนแรงจนเกิดเรื่องเลยนะคะ มีบ้างที่เบื่อกับคำล้อ ก็มีทะเลาะเล็กๆ น้อยๆ ไม่ถึงขั้นครูเรียกผู้ปกครองแบบนี้”“งั้นอาจมีอะไรที่มากกว่านั้น เรารีบไปกันเถอะ” “ค่ะ” ในตอนนี้บาลีก็ห่วงลูกชายมากกว่าจะห่วงชื่อเสียงหรือคนจะสงสัยความสัมพันธ์ของเธอกับอัทธ์ ทั้งสองจึงรีบเดินทางไปโรงเรียน ซึ่งก็ไม่ได้อยู่ไกลจากบ้าน เพราะบาลีอยากให้ลูกมีเพื่อนละแวกเดียวกัน จึงไม่คิดส่งลูกเรียนโรงเรียนอินเตอร์ในเมืองเหมือนลูกคนมีฐานะครอบครัวอื่นเมื่อถึงลานจอดรถของโรงเรียน อัทธ์ทำท่
สามเดือนต่อมางานเลี้ยงปิดกล้อง เกิดขึ้นในโรงแรมขุนเขา ธุรกิจครอบครัวของอัณญา ซึ่งที่พักของนักแสดงและทีมงานนั่นเอง มีอาหารและเครื่องดื่มมากมาย ที่พลาดไม่ได้มีเสียงเพลงจากนักดนตรีประจำห้องอาหาร รวมทั้งนักร้องจำเป็นจากบรรดานักแสดงและทีมงานเพราะงานเลี้ยง มีการดื่ม และเป็นร้านอาหารกึ่งผับ เด็กชายอิฐจึงไม่ได้มาร่วมงาน บาลีกับธรินท์จึงมาร่วมงานในฐานะเจ้าของโลเคชัน แน่นอนงานนี้ก็ขาดเจ้าของโรงแรมอย่างอัณญาไม่ได้เช่นกันทุกคนก็กิน ดื่ม ร้องเพลง เต้นรำกันอย่างสนุกสนาน ไม่เว้นแม้แต่วีราวรรณ ซึ่งดูเหมือนตอนนี้ปลงตกกับความกังวลเรื่องเรตติงต่างๆ ได้แล้ว ปิดกล้องได้ตามเวลาที่กำหนดไว้ก็ถือว่าดีมากแล้วสำหรับละคร ไร่แสนเสน่หา ที่ถูกพายุข่าวฉาวจากนักแสดงนำทั้งสองคนหลังจากนี้ก็ไปลุยกับงานตัดต่อ ส่วนวันเวลาออนแอร์นั้น คงต้องรอให้ผู้ใหญ่ทางช่องจะเห็นสมควร แน่นอนมันอาจคลาดเคลื่อนจากที่คุยกันไว้ เพราะข่าวฉาวต่างๆ ของพระนาง เพราะมีผลต่อสินค้าที่จะลงโฆษณาตอนนี้วีราวรรณก็รอแค่ลุ้นต่อไปก็เท่านั้น คิดได้ดังนั้น เจ้าตัวก็แย่งไมค์จากวิน น้องชายคนเดียวที่ไม่ยอมปล่อยไมค์ ทั้งที่ร้องไปสองเพลงติดๆ แล้ว“เป็นอะไรหน้า
ธรินท์คิดว่าแขกผู้มาเยือน แบบบอกกล่าวล่วงหน้าวันนี้มีท่าทีแปลกๆ จากทุกครั้งที่มาบ้านเขา เอาไวน์มาฝาก แต่งตัวสวยกว่าปกติ ถึงแม้ไม่ถึงขั้นเซ็กซี่แต่ก็เปิดเผยเนื้อตัวมากขึ้น ทั้งเสื้อครอปแขนกุดรัดรูปโชว์รูปร่างท่อนบน ส่วนท่อนล่างเป็นกระโปรงยีนส์สั้นเหนือเข่า เวลานั่งก็ร่นสูง โชว์ขาเรียวเนียนสวย และรู้สึกเหมือนจะแต่งหน้าเข้มกว่าทุกครั้งที่เจอกัน หรือมากกว่าปกติที่เคยเห็นมา อีกฝ่ายมาหาหลังจากเขากลับจากไปกินมื้อค่ำที่เรือนใหญ่ ก็สองทุ่มครึ่งไปแล้ว“กินข้าวหรือยังล่ะ” เขาถาม “กินแล้ว และตอนนี้อยากดื่มไวน์” เธอชี้ไปที่ขวดไวน์ที่วางไว้บนโต๊ะตรงหน้าธรินท์เดินไปหยิบที่เปิดพร้อมแก้วมาจากครัว จัดการเปิดและรินไวน์ให้หญิงสาว และสำหรับตัวเองด้วย “มีอะไรหรือเปล่า” ธรินท์ถาม หลังจากมองอัณญาจิบไวน์ไปค่อนแก้วด้วยสีหน้าเครียดๆ ชอบกล “เปล่า”“เปล่าอะไรล่ะ หน้าออกขนาดนี้” “ดูออกขนาดนั้นเลย” เธอย้อนน้ำเสียงเรียบ แต่แววตาขุ่นจนคนมองรู้สึกได้ เขาถอนหายใจแล้วถามตรงๆ “อ๊ะ มีอะไรไม่พอใจพี่ ก็ว่ามาตรงๆ อย่าลีลา ค่ำแล้วจะได้แยกย้ายกันไปนอน” “นอนด้วยกันได้ไหมล่ะ” ยังบอกเสียงเรียบ เหมือนคำถามทั่วไป เช่น กิน
ปิดกล้อง แต่เปิดรักข่าวฉาวของเมทิตาสงบลง เพราะมีข่าวฉาวของ ซุป’ ตาร์สาวรายหนึ่งที่โดนข้อหาเป็นมือที่สามในความรักระหว่างดาราซุป’ ตาร์รุ่นพี่กับไฮโซหนุ่ม ลูกชายรัฐมนตรีกระทรวงใหญ่แฟนคลับตีกันวุ่น ลุกลามราวไฟไหม้ป่า ต่างพยายามไล่ไทม์ไลน์กันจ้าละหวั่น สุดท้ายไฮโซฯ หนุ่มออกมายืนยันหนักแน่นว่าเลิกกับซุป’ ตาร์รุ่นพี่ก่อนค่อยมาคบซุป’ ตาร์รุ่นน้องอาจเพราะมูฟออนเร็วเกินไป ทุกคนจึงสงสัย แต่เขายืนยันว่า การคบหากับซุป’ ตาร์รุ่นน้องนั้น เกิดขึ้นหลังจากเลิกรากับ ซุป’ ตาร์รุ่นพี่แล้วจริงๆ การออกมายืนยันของไฮโซหนุ่มคนดัง ทำให้ซุป’ ตาร์คนน้อง ร่าเริงลัลล้า ส่วนซุป’ ตาร์รุ่นพี่ทำได้แค่ ขึ้นจอดำบนอินสตาแกรม ทำให้แฟนคลับไม่สามารถมูฟออนจากเรื่องนี้ง่ายๆ สงครามแฟนคลับจึงยืดเยื้อ กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุดกันง่ายๆ ข่าวทำแท้งของเมทิตาก็เลยตกกระป๋องจากสื่อสังคมออนไลน์ไปในพริบตา และวีราวรรณก็ทำใจได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น และคิดว่าคงไม่มีอะไรต่อจากนี้แล้วมั้งเจ้าตัวเปิดกองฯ อีกครั้ง และเร่งถ่ายทำอย่างต่อเนื่อง แทบไม่มีวันหยุด ดีที่ว่าซีนของน้องอิฐถ่ายไปเกือบหมดแล้ว อีกอย่างฉากที่เข้าร่วมกับเมท