นอกจากครอบครัวที่มีเพียงลุงกับป้า อัณญาก็เป็นอีกคนที่รับรู้เรื่องราวการเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวของเธอมาตั้งแต่ต้น คอยเป็นกำลังใจให้ตลอดมา แม้ถึงตอนนี้เพื่อนรักจะไม่รู้ว่าใครคือพ่อของลูกเธอก็ตาม
เวลานัดหมายยังเหลืออีกหนึ่งชั่วโมง บาลีจึงเดินเข้าไปในแผนกเสื้อผ้าและของเล่นเด็ก ซื้อของไปฝากลูกชาย จากนั้นก็เดินเข้าออกร้านเสื้อผ้าสำหรับคนสูงวัย เลือกเสื้อผ้าสำหรับลุงปราบและป้ามอญ สำหรับไปทำบุญหรือไปงานสำคัญของผู้คนละแวกบ้าน
ซึ่งบ้านเกิดของบาลีอยู่ที่เขาช่อง เติบโตมาในไร่องุ่นของครอบครัวบิดา กระทั่งเรียนประถม บิดามารดาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถขณะไปทำธุระในตัวเมือง บาลีจึงเหลือเพียงลุงปราบ พี่ชายแท้ๆ ของบิดา กับป้ามอญ ป้าสะใภ้ ทั้งสองไม่มีลูก จึงรักและเลี้ยงดูเธอเหมือนลูกสาวแท้ๆ มาตั้งแต่เกิด
เมื่อบิดามารดาจากโลกนี้ไป บาลีก็มีอ้อมกอดและความอบอุ่นของลุงป้าที่คอยปลอบประโลม ไม่ได้รู้สึกโดดเดี่ยวในชีวิต แถมมีธรินท์ หลานชายป้ามอญที่เป็นทั้งเพื่อนเล่นและพี่ชายที่คอยดูแล
อีกสิบห้านาทีก็ถึงเวลานัด บาลีจึงหอบข้าวของที่ซื้อมาตรงไปยังร้านอาหารที่เป็นจุดนัดหมาย
บาลีสั่งอาหารจานโปรดของตนเองและเพื่อนสนิท พออาหารเริ่มทยอยเสิร์ฟ หญิงสาวร่างเพรียว ผมซอยสั้นเคลียใบหู ที่มีรูปหน้ารูปหัวใจ ตาโต แก้มพอง รูปปากจิ้มลิ้ม อีกฝ่ายแต่งตัวเหมือนสาวออฟฟิศคล่องตัวด้วยสแลกซ์กับเสื้อแขนกุดสีขาว สวมทับด้วยเบลเซอร์สูทสีดำ ปรากฏตัวขึ้นทันที พร้อมกับทำเสียงโอดโอย เมื่อนั่งบนเก้าอี้
“ดีมากเพื่อนเลิฟ ฉันหิวจนจะกินช้างได้ทั้งโขลงเลยนะ”
“พูดซะเว่อร์” แต่ถึงอย่างนั้นบาลีก็ยิ้มเอ็นดูเพื่อนรัก เมื่ออีกฝ่ายหันไปคว้าซ้อมจิ้มไก่ทอดน้ำปลาเข้าปาก
“โอ๊ย อร่อย กรอบไปถึงกระเพาะเลย”
บาลีก็ได้แต่หัวเราะเบาๆ กับความเว่อร์ของอีกฝ่าย กระทั่งอาหารที่สั่งมา เสิร์ฟครบทุกเมนู ทั้งสองก็กินไป คุยไปตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกันนาน เพราะอัณญางานยุ่งตลอด นานๆ ถึงจะกลับบ้านเกิด ส่วนบาลีก็แทบไม่ได้เข้ากรุงเทพฯ กระทั่งความคิดถึงมันเรียกร้อง เธอถึงมาให้ได้เห็นหน้าใครบางคนเท่านั้น
“เป็นไงบ้างล่ะ ได้เห็นหน้าพ่อเทพบุตรสุดหล่อในรอบหลายเดือน”
“ก็ดี”
“ไม่คิดจะเปลี่ยนเมนบ้างเหรอ นักร้อง นักแสดงรุ่นใหม่หน้าตาหล่อๆ มีมากมาย” เพราะบาลีเป็นแฟนคลับอัทธ์มานานหลายปี ขนาดตั้งท้องยังเอารูปอัทธ์วางไว้หัวเตียง คงจะนั่งมองนอนมองทุกวันทุกคืน กระทั่งคลอดลูกออกมาหน้าเหมือนอัทธ์ จนเธอมาเอามาล้อจนถึงทุกวันนี้
“ฉันเป็นคนใจเดียวรักเดียวย่ะ” บาลีตอบอย่างมั่นใจทุกครั้งที่อัณญาถาม
“ไม่เป็นไร เขาแต่งงานเมื่อไหร่ คิดว่าแกคงจะเลิกเป็นติ่งพี่เขาเองแหละ” ถ้าไม่ติดที่บาลีเคยบอกว่าพลาดท้องกับใครก็ไม่รู้ เพราะเมาในคืนปาร์ตี้ของเพื่อนในกลุ่มสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งคืนนั้นมีผู้ชายในงานอยู่หลายคน
อัณญาจะคิดว่าบาลีท้องกับอัทธ์ เพราะหน้าน้องอิฐมีส่วนคล้ายอัทธ์อย่างเหลือเชื่อ
“จะเป็นติ่งพี่อัทธ์ตลอดชีวิตจ้ะ”
“โห ถ้าพี่เขามาได้ยินเข้า คงจะปลื้มปริ่มแน่นอน”
“พี่เขามีแฟนคลับเยอะแยะ จะมาปลื้มปริ่มอะไรกับความติ่งของฉันล่ะ”
“อือ จริงของแก”
คำพูดนั้นกระแทกใจบาลี ทั้งที่ตัวเธอเป็นคนพูดขึ้นก่อน
เพราะมันตอกย้ำความจริงที่ว่า ระหว่างเธอกับอัทธ์นั้น ก็เป็นได้แค่ ‘เมนกับติ่งคนหนึ่งเท่านั้น’
“ฝากให้น้องอิฐด้วยนะ คิดถึงเจ้าเด็กรูปหล่อมาก ไม่ได้เจอหลายเดือนแล้ว” อัณญายื่นถุงของเล่นที่เธอซื้อมาฝากจากฮ่องกงเมื่อสัปดาห์ก่อนให้บาลี หลังจากกินอาหารบนโต๊ะจนอิ่มแปล้
“หัดว่างเสียบ้างสิ น้องอิฐก็บ่นคิดถึงน้าเอยออกจะบ่อย”
“งานฉันก็สุมหัวตลอดไง พรุ่งนี้ต้องเข้าไปดูการถ่ายทำภาพนิ่งโฆษณาตัวใหม่แต่เช้าอีก” คนพูดทำหน้าหงอยๆ ทั้งที่บ้านเกิดก็อยู่ห่างกรุงเทพฯ แค่ขับรถสองชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึง แต่ช่วงนี้งานหนัก เลิกงานก็แทบหมดแรงจะไปไหนต่อ ดีว่าวันนี้แวบมาหาบาลีได้ เพราะมาคุยงานใกล้ห้างสรรพสินค้าที่บาลีมางานอีเว้นท์ของพระเอกในดวงใจ เลยได้เจอกันในรอบหลายเดือน
“งั้นไว้ปิดเทอม ฉันจะพาน้องอิฐมาหาแกเอง”
“จริงๆ นะแก!”
“เออ ฉันจะโกหกทำไม อยากพาลูกมาเที่ยวสวนน้ำที่นี่ไง”
“โอเค สัญญาแล้วนะ” อัณญายกนิ้วก้อยขึ้น เพื่อให้บาลีเกี่ยวแทนคำมั่นสัญญา ซึ่งบาลีก็ไม่เกี่ยงงอนใดๆ
จากนั้นสองสาวก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
ซึ่งอัณญาอยู่คอนโดฯ หรูย่านธุรกิจที่มีราคาแพงระยับ ส่วนบาลีขับรถกลับบ้านเกิดที่เขาช่อง ที่นั่นที่ถึงแม้จะไม่มีผู้ให้กำเนิดรออยู่ เพราะทั้งสองเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุตั้งแต่เธอยังเด็ก
แต่มีลุงปราบ ลุงแท้ๆ ที่เป็นพี่ชายของพ่อ และป้ามอญ ป้าสะใภ้ ที่เลี้ยงดูเธอมาอย่างดีราวกับลูก ที่ท่านเองก็สูญเสียไปตั้งแต่แรกคลอด และคิดว่าเธอคือลูกสาวของท่านที่มาเกิดใหม่
และอีกคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของบาลีตอนนี้ ก็คืออิฐ ลูกชายวัย 6 ขวบของเธอนั่นเอง
ลูกชายที่เธอจำเป็นต้องบอกว่า ‘พ่อ’ ของเขาอยู่บนสวรรค์ ก่อนที่เขาจะเกิด
""""""""""""""""""'''
...แต่จริงๆ แล้วพ่อของเขาอยู่บนฟ้าเช่นกัน
คืนรัญจวน อาจเพราะเป็นเย็นวันศุกร์ ถนนมิตรภาพขาออก จึงมีรถหนาแน่น กลับมาถึงไร่ก็เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่ม ลูกชายของเธอก็หลับปุ๋ยไปแล้ว กอดตุ๊กตาแรบบิทตัวโปรดบาลีเดินหยิบของฝากลุงปราบกับป้ามอญมายังห้องนั่งเล่น ที่ป้ามอญกำลังดูละครหลังข่าวที่จบลงพอดี“ชุดไว้ใส่ไปทำบุญค่ะ” บาลีบอก“ขอบใจมากนะ แต่อย่าซื้อบ่อยสิ เสียดายเงิน” ป้ามอญบอกหลานสาวสามี ที่เธอเลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิดประดุจลูกของตัวเอง เพราะลูกแท้ๆ เสียชีวิตตั้งแต่แรกคลอด เพราะสุขภาพที่ไม่ดีของนางเองตอนฝังร่างลูก อธิษฐานด้วยน้ำตาให้มาเกิดใหม่เป็นแม่ลูกกันอีกครั้ง และหนึ่งปีต่อมาน้องสาวสามีก็คลอดเด็กผู้หญิง หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู จึงช่วยเลี้ยงเด็กหญิงบาลีมาตั้งแต่วันลืมตาขึ้นมาดูโลก พร้อมกับความเชื่อส่วนตัวว่าอีกฝ่ายเป็นลูกสาวที่เสียชีวิตไปมาเกิดใหม่ในครอบครัวเดียวกัน ถึงได้รักและผูกพันธ์กันมาถึงทุกวันนี้“ลุงปราบนอนแล้วเหรอคะ” บาลีถามถึงผู้เป็นลุง ปกติจะนั่งเป็นเพื่อนป้ามอญดูละครหลังข่าว“ไปนั่งตั้งวงปลอบใจไอ้ดิน” ป้ามอญเอ่ยถึงธรินท์ ผู้เป็นหลานชาย ที่นางช่วยส่งเสียเลี้ยงดูตั้งแต่ยังเด็ก เพราะฐานะทางบ้านไม่ดี กระทั่งอีกฝ่ายเรียนจบก็เข้าม
บาลีเอนตัวลงข้างๆ ลูกชายตัวป้อม ที่แม้จะขึ้นชั้นประถมหนึ่ง แต่ร่างกลมๆ ที่มีมาตั้งแต่ยังอายุไม่กี่เดือน ตอนนี้ก็ยังเป็นเด็กตุ้ยนุ้ย เพราะกินเก่ง เธอเองก็ไม่อยากจำกัดเรื่องอาหารลูก เพราะวัยกำลังกินกำลังนอน แค่ขนมหวานเท่านั้นที่ต้องปริมาณไว้บ้าง เพื่อสุขภาพที่ดีก็พาเจ้าตัวป้อมออกกำลังกายประจำ ซึ่งลูกชายของเธอชื่นชอบการเตะฟุตบอลเป็นอย่างมาก เห็นตุ้ยนุ้ยแบบนี้ วิ่งเร็วมากบาลีกับธรินท์ เลยต้องเป็นคู่ซ้อมของเจ้าตัวป้อมมองเจ้าแก้มยุ้ยแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ อายุเจ็ดขวบ ทำไมต้องหล่อขนาดนี้ถึงใบหน้าจะกลม แก้มป่อง แต่ดวงตาที่หลับพริ้มไปแล้วนั้น เรียวกว้าง แพขนตายาวงอน จมูกโด่งพ้นแก้มยุ้ยอย่างเห็นได้ชัด ปากหยักสวย ผิวขาวอมชมพูอีกต่างหากจะว่าหลงรูปโฉมลูกตัวเอง บาลีก็ยอมรับ ก็แหงสิ พ่อของเจ้าตัวป้อม หล่อระดับประเทศเลยนะลูกชายจะน้อยหน้าได้อย่างไรล่ะ คิดแล้วก็หอมแก้มยุ้ยฟอดใหญ่ ก่อนปิดโคมไฟหัวเตียง แล้วเดินกลับห้องนอนตัวเองที่อยู่ติดกับห้องลูกชาย ที่เพิ่งแยกห้องนอนเมื่อเรียนชั้นประถมหนึ่ง ตามที่ตกลงกันไว้ตามประสาแม่ลูกแต่เพราะวันนี้ได้เจอคนที่ทำให้หัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่ได้เห็นหน้า คืนนี้บาลีข่มตา
ตอนนี้น้ำส้มก็ถือว่าเป็นเพื่อนร่วมกลุ่ม แม้อีกฝ่ายจะดูเป็นลูกคุณหนู แต่ก็ไม่หยิ่ง จึงทำให้คบหากันได้อย่างสบายใจ“ตกลงเป็นแฟนกับพี่อัทธ์เหรอ” ปิยดาถามน้ำส้ม ในตอนที่กินมื้อเที่ยงด้วยกันในร้านอาหารข้างมหาวิทยาลัย“ไม่ได้เป็นขนาดนั้น” น้ำส้มตอบแล้วยิ้มมุมปาก“แล้วขนาดไหน” เพราะเธอกับปิยดาเห็นน้ำส้มคุยกับหนุ่มหล่อในมหา’ ลัยอยู่หลายคน ทั้งรุ่นน้อง รุ่นพี่และรุ่นเดียวกัน เน้นคนหน้าตารูปร่างดีทั้งนั้น“ก็กิ๊กๆ กันธรรมดา”“ไม่ได้ชอบกันมากขนาดจะเป็นแฟนเหรอ”“ก็ชอบนะ แต่ฉันยังไม่อยากมีแฟนเป็นตัวเป็นตน”“ชอบมีกิ๊กหลายคนว่างั้นเถอะ”“ก็สวยเลือกได้ปะล่ะ”“จ้า แม่คนสวยเลื่องลือระบือไกล” ปิยดาประชด แต่น้ำส้มหัวเราะร่วนถูกใจในคำพูดของปิยดา“แกนี่พูดจาได้โบราณดี”“ก็ฉันอยู่กับคนแก่บ้าอ่านนิยายพีเรียดไง”“แต่เธอ ไม่หัวโบราณใช่มั้ย”“ไม่จ้า ฉันสาวรุ่นใหม่ หัวทันสมัย”“งั้นคืนนี้ไปเที่ยวผับกันดีกว่า”“ไปสิ” ปิยดารับคำทันที“ลีไปเปล่า” น้ำส้มหันมาชวนบาลีส่ายหน้า พอเห็นน้ำส้มทำหน้าเบื่อๆ ใส่ บาลีก็ยิ้มแห้ง บอกเสียงอ่อยๆ“ก็เราไม่ชอบเสียงดัง ไม่ชอบกลิ่นเหล้า กลิ่นบุหรี่”“จ้า แม่นางเอกคนดี แสนเรียบร้อย”ตั
‘อยู่ที่ไหนนะ’บาลีลืมตาขึ้นมาทั้งที่ยังงัวเงีย ขณะมองไปรอบห้องอย่างงงๆ ก่อนจำได้ว่าเป็นห้องนั่งเล่นในคอนโดฯ ของน้ำส้มนั่นเองแต่เพื่อนๆ ไปไหน ทำไมเธออยู่คนเดียว หันไปมองนาฬิกาแขวนติดผนัง“นี่มันตีสามแล้วเหรอ” บาลีพึมพำเพื่อนๆ คงกลับหมดแล้ว คงเห็นว่าเธอเผลอหลับไป ทุกคนก็เลยปล่อยให้หลับต่อในห้องนั่งเล่น เพราะนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่บาลีหลับในห้องนั่งเล่นคอนโดฯ ของน้ำส้ม ตอนทำรายงานกลุ่ม หรือวันว่างเธอกับปิยดาก็มาจอยกับน้ำส้มออกบ่อยกำลังจะเอนตัวลงนอนต่อ ก็ได้ยินเสียงครางฮือๆ จากในห้องนอน เสียงเหมือนคนฝันร้าย หรือพร่ำบ่น และแปลกว่านั้น เสียงห้าวทุ้ม ไม่ใช่เสียงหวานใสของน้ำส้มแน่นอนกลัวก็กลัว เพราะไม่รู้ว่าใคร หรือน้ำส้มพาใครมาค้างด้วย ก็อย่างที่รู้น้ำส้มเป็นสาวแซ่บ ยังไม่ได้คบหาใครอย่างจริงจัง แต่มีคนคุยอยู่หลายคน และหนึ่งในนั้นคืออัทธ์ถึงจะกลัว แต่ความอยากรู้ก็เอาชนะ บาลีค่อยๆ ย่องไปยังห้องนอนที่ปิดประตูไม่สนิท ค่อยๆ มองลอดช่องประตูเข้าไป แสงจากโคมไฟหัวเตียงทำให้เห็นร่างใหญ่ของใครบางคนนอนอยู่ใต้ผ้านวมผืนใหญ่ นอนกระสับกระส่าย ปากก็พึมพำไม่หยุด“หนาว”แค่เห็นใบหน้าคนบนเตียงชัดเจน พร้อมอ
อีกทั้งเธอกลับครางเสียงหวานแผ่ว เมื่อมือใหญ่สอดเข้ามาในชายเสื้อลูบไล้เนื้อตัว ตั้งแต่รอบเอว สีข้าง ไล่ขึ้นไปกระทั่งถึงแผ่นหลัง และถูกโอกาสปลดตะขอบราเซียร์เธออย่างเชี่ยวชาญ และมือนั้นกำลังลูบไล้มายังเบื้องหน้า“อย่า อ๊ะ” เหมือนจะช้าไป เพราะมืออุ่นนั้นแตะลงกับฐานทรวง ไล้เบาๆ ด้วยปลายนิ้ว แต่เธอกลับสะท้านตามประสาหญิงสาวที่เพิ่งแรกเริ่มสัมผัสจากเพศตรงข้ามปากที่พยายามห้ามก็ถูกครอบครองด้วยปากอุ่นผ่าวอย่างจัดเจน รับรู้ถึงความหอมหวานจากรสจุมพิตของคนที่ฝันถึงในทุกค่ำคืน ตอนนี้นอกจากไม่มีความคิดที่จะต่อต้าน บาลียังยินยอมเปิดริมฝีปากเพื่อต้อนรับเรียวลิ้นที่สอดเข้ามาซอกซอนดูดดึงลิ้นเธอให้เกิดความซาบซ่านจนร่างสะท้าน แล้วไหนจะมือใหญ่ที่ตอนนี้เคล้าคลึงอบอิ่มที่ไม่เคยถูกมือใครสัมผัสบาลีจึงสะท้านด้วยความวาบหวาม ไม่ว่าเขาจะแตะต้องตรงไหน เธอได้แต่บิดเร้าร่างอย่างรัญจวนจูบที่ดูดดื่มกำลังจะทำให้เธอหัวใจวาย แต่มือที่ร้ายกาจทำให้หัวใจเธอเต้นระทึกและซาบซ่าน“อ๊ะ” เธอครางอย่างห้ามใจไม่ไหว เมื่อปากอุ่นนั้นจูบไล้มายังมุมปาก ขณะปลายนิ้วสะกิดบนยอดอกที่เป็นตุ่มไต“หวานมาก” เสียงแหบพร่ากระซิบริมหู เมื่อเขาถอนริม
อยากเป็นเมียของเขาในค่ำคืนนี้ แม้จะเป็นเมียชั่วคืนก็ยอม กับผู้ชายที่หลงรักมานานหลายปี บาลียอมทั้งนั้น“แน่ใจนะว่าอยากโดน”“ค่ะ อยาก”“อาจจะเจ็บนะ เพราะตอนนี้พี่เริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว”“ไม่เป็นไรค่ะ ลี... คือน้อง เอ่อ ทนได้” เมื่อรู้ตัวว่าเผลอเรียกชื่อตัวเอง บาลีก็จะพยายามแทนตัวเองว่า ‘น้อง’ ที่หมายถึงคนอายุน้อยกว่า“ทนได้แน่...นะ”“ค่ะ ทนได้ เพื่อพี่อัทธ์”“งั้น พี่จะพยายามถนอมเราให้มากที่สุด” จบประโยคนั้นเขาก็ก้มลงจูบปากของเธออย่างอ่อนหวาน ขณะมือก็ลูบไล้บีบเค้นทรวงอวบของเธอไปด้วยบาลีครวญครางอยู่ไม่นาน ก็รับรู้ถึงแท่งร้อนใหญ่โตมาจ่อที่ปากทางร่องสวาทของเธอ ขณะที่บดเบียดเข้าไปในร่องฉ่ำน้ำนั้น บาลีเสียวแค่ไม่กี่นาที ก่อนร้องขึ้นด้วยความจุกและเจ็บ เมื่อแท่งร้อนนั้นแทงพรวดเข้าไปในโพรงนุ่มของเธอ ที่ตอดรัดเขาจนอีกฝ่ายกายสะท้านเช่นกันแม้จะเจ็บจุก แต่บาลีก็ไม่ร้องบ่น เขาหยุดนิ่งไปเพื่อให้เธอปรับตัว“เจ็บละสิ”“ไม่หรอกค่ะ”ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ แล้วก้มลงที่ริมขมับเธอ แล้วลากมายังลำคอ มือก็ลูบเคล้นทรวงอก ระรัวนิ้วใส่ยอดถันที่แข็งเป็นไต กายของบาลีร้อนผ่าว และร่างกายการเติมเต็มมากกว่านี้ เธอจ
ลูกชายหล่อได้พ่อ วันนี้มีงานปิดภาคเรียนของชั้นอนุบาลและประถมฯ เป็นงานสานสัมพันธ์ระหว่างนักเรียน ผู้ปกครอง และคุณครู ซึ่งในงานก็มีการแสดงของเด็กนักเรียนทุกชั้นงานเริ่มตั้งแต่แปดโมงครึ่ง ตรงกับเวลาเข้าชั้นเรียนของเด็กๆภายในงานมีออกร้านของกินกันค่อนข้างมาก โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ปกครองและบรรดาครูในโรงเรียนที่มาตั้งร้านขายอาหารและของกินเล่นหลังครูใหญ่ขึ้นเวทีทักทายผู้ปกครองในงาน การแสดงต่างๆ ของนักเรียนก็เริ่มขึ้น เริ่มตั้งแต่อนุบาลจนครบทุกห้อง บาลีก็รอชมเด็กประถมหนึ่งออกมาแสดงโชว์เต้นโคฟเวอร์บรรดาผู้ปกครองของเด็กประถม รีบไปรอถ่ายรูปหน้าเวที บาลีก็ไม่พลาดเช่นกัน แต่เพราะคนมันเยอะก็มีเบียดๆ กันบ้าง กระทั่งโดนบางคนจงใจกระแทกศอกเข้าหาจนเจ็บสีข้าง พอหันขวับไปมอง ก็ไม่แปลกใจกับสายตาหาเรื่องของรตีเพื่อนบ้าน ที่จากเพื่อนรักสมัยเด็ก กลายเป็นเพื่อนร้ายทันที เมื่อผู้ชายที่ตนเองหมายปองมาแจกขนมจีบบาลีและบาลีก็โต้ตอบด้วยการร้ายกลับ เพราะมันไม่ใช่ความผิดของเธอที่ไอ้เจ้าวัน มันมาตกหลุมรัก ใช่ว่าโปรยเสน่ห์หรือให้ความหวังก็ว่าไปอย่างเพราะฉะนั้นยัยรตี ไม่มีสิทธิ์มาจงเกลียดจงชังเธอขนาดแต่งงานมีลูกด้วยก
กลับมาถึงบ้านตอนบ่ายแก่ๆ ลูกชายก็ฟุบหลับทันที เพราะตื่นเตรียมตัวแสดงงานที่โรงเรียนแต่เช้า บาลีอาบน้ำแต่งตัวอยู่ในชุดสบายๆ ก็ออกมานั่งคุยกับป้ามอญ ส่วนลุงปราบกับธรินท์นั้นยังไม่กลับจากไร่“ไอ้ดินบอกมีผู้จัดละคร ที่เป็นพี่สาวของเพื่อน มาขอเข้ามาชมไร่น่ะ”“เหรอคะ มาดูทำไม”“เห็นว่าอยากมาถ่ายทำละครที่ไร่เราน่ะ”“โห ดีจัง ไร่เราจะดังแล้ว”“ลีเห็นด้วยใช่ไหม” เพราะไร่แสงอุษาแห่งนี้ บาลีเป็นเจ้าของตัวจริง บาลีได้รับมรดกมาจากผู้เป็นบิดา ส่วนสามีของนางมีหุ้นอยู่เพียงสามสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่บาลียังใจดีแบ่งหุ้นของตนเองให้ธรินท์ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ทั้งสามคนแบ่งหน้าที่ทำงานอย่างชัดเจน บาลีดูแลเรื่องบัญชีเป็นหลัก ธรินท์ดูแลเรื่องการตลาด ส่วนสามีนางนั้นดูแลเรื่องภายในไร่ทั้งหมด“ต้องเห็นด้วยอยู่แล้วค่ะ”เมื่อใกล้ถึงเวลาเย็น บาลีช่วยป้ามอญทำอาหารค่ำ ปกติถ้าไม่มีธุระที่ไหน ทุกคนจะมากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา กินข้าวอิ่ม กินขนมผลไม้ บาลี ลุงปราบและธรินท์ ก็พากันพูดคุยเรื่องงาน ส่วนป้ามอญนั่งดูละครหลังข่าว ส่วนน้องอิฐก็ง่วนอยู่กับของเล่นธรินท์นั้นมีบ้านพักหลังเล็กตามประสาหนุ่ม ห่างจากเรือนใหญ่ไปเพียงเล็
เมื่อได้ยินเสียงอินโทรลเพลง...บาลีคิดว่านักร้องวันนี้คงเอาเพลงเขามาร้อง ที่ผ่านมา ไม่เคยเข้าใจในรักแรกพบแต่เพียงสบตาเธอ ก็รู้ว่าความรู้สึกนั้นเป็นเช่นไรใจฉันเต้นแรง เฝ้ามองแต่เธอ โหยหาแต่เธอ วันๆ เอาแต่เพ้อเหมือนคนเป็นไข้อยากให้หัวใจเรานั้นตรงกัน................ทว่าพอเสียงเพลงผ่านลำโพงออกมาถึงด้านหน้าร้าน บาลีก็ถึงกับตัวชาและเพื่ออยากให้แน่ใจว่าเสียงนั้น คือเจ้าของผลงานตัวจริง บาลีจึงค่อยๆ เดินแหวกผู้คนเข้าไปในร้าน โดยไม่รู้ว่ามีอัณญาเดินตามไปติดๆ กระทั่งบาลีมาหยุดอยู่ตรงที่ด้านหน้าเวทีอย่างไม่รู้ตัวได้สบตากับผู้ชายที่กำลังเล่นกีตาร์ร้องเพลงอยู่บนเวทีที่ยกพื้นจากพื้นร้านไม่มาก บาลีถึงกับน้ำตาซึม เมื่อเขาส่งยิ้มบางๆ ให้ ทว่านัยน์ตาคมซึ้งนั้นบอกอะไรมากมายกับเธอ ความรักของเขายังอยู่กับเธอ นั่นคือสิ่งที่บาลีรับรู้ได้ทันที กระทั่งเสียงเพลงจบลง นักร้องก็พูดทักทายแขกในร้าน ก่อนจะบอกว่า“เพลงนี้ผมแต่งตอนเรียนปีสี่ แต่กว่าจะออกซิงเกิ้ลได้ก็เรียนจบปริญญาโทแล้ว เป็นเพลงที่แต่งเพราะเจอหน้าผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เป็นรุ่นน้องในมหา’ ลัย ซึ่งคนคนนั้นก็คือ ผู้หญิงคนนี้เองครับ” พูดจบก็ผายมือมาท
ยินดีต้อนรับ“แต่งตัวสวยๆ เลยนะ นั่งนอนอดอู้อยู่แต่ในบ้านได้ยังไง” อัณญาขึ้นเรือนมาในเวลาเย็นย่ำก็บ่นทันที เมื่อเห็นบาลีนั่งเหม่ออยู่บนโซฟาในมุมนั่งเล่น ส่วนลูกชายนั้นหลังจากรู้ว่าอัทธ์เป็นพ่อจริงๆ ก็กระโดดโลดเต้น เพราะน้องอิฐก็รักอัทธ์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ทำตัวเป็นผู้จัดการสนามเด็กเล่นในบริเวณร้านอาหาร จริงๆ คือไปเล่นเป็นเพื่อนเด็กๆ ลูกหลานของลูกค้าที่มากินข้าวในร้านอีกที “จะให้ไปไหน ฉันไม่มีอารมณ์อยากไปเตร็ดเตร่ที่ไหนหรอกนะ”“ไม่ได้จะให้ไปเตร็ดเตร่ที่ไหนย่ะ แต่อยากให้ไปช่วยต้อนรับแขก วันนี้วันหยุด คนเข้าร้านตรึม ฉันยืนรับแขกคนเดียวไม่ไหว”“พนักงานก็มีตั้งเยอะแยะ” อัณญาเป็นผู้บริหารโรงแรมดัง มายืนต้อนรับแขกในร้านอาหารที่แฟนเป็นผู้จัดการ เพราะเจ้าของสถานที่ตัวจริงนั้นมีอาการป่วยใจ ไม่ยอมออกนอกบ้านมาหลายวันแล้ว ดีว่าลูกชายปิดเทอม เลยหมกตัวอยู่แต่ในบ้านได้สบาย“ก็แขกเยอะไง พนักงานก็รับออร์เดิร์ฟแทบไม่ทัน อย่าลีลา ไปแต่งตัวสวยๆ”“ทำไมต้องสวย” บาลีย้อนถามน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย“โอ๊ย ถามเยอะถามแยะจัง ก็วันนี้พิเศษไง พี่ดินจ้างนักร้องที่ดังมาก และหล่อมาก เล่นกีตาร์ก็เทพ ร้องเพลงก
ถึงมันจะดึกแค่ไหน แต่เพราะเขานอนไม่หลับ ไหนจะโทรศัพท์จากสารพัดผู้คน ที่เกี่ยวข้องโดยตรงและทางอ้อม แต่เขาไม่มีแก่ใจหรืออะไรที่ชัดเจนมากพอจะตอบคำถามของใคร ทำได้แค่ปิดเครื่อง อยากข่มตาให้หลับ เพราะพรุ่งนี้เขามีงานถ่ายแบบกับนิตยสารเล่มหนึ่ง ทว่าก็หลับไม่ลง มีคำถามวิ่งวุ่นในหัว สับสนในใจ หากว่าเรื่องที่เป็นข่าวอยู่ในตอนนี้ เป็นจริงหรือเพียงข่าวลือ!จนสุดท้ายก็ตัดสินใจส่งข้อความหาบาลี เพราะไม่ว่าอย่างไรคงหนีความจริงไปไม่ได้ ซึ่งคนที่จะตอบเขาได้อย่างชัดเจนก็คงเป็นเธอคนเดียวอัทธ์ : นอนหรือยังครับบาลี : ยังค่ะ อัทธ์ : งั้นพี่โทร. หานะบาลี : ค่ะจากนั้นเขาก็โทร. หาหญิงสาวทันที พร้อมกับคำถามแรกอย่างไม่อ้อมค้อม เมื่ออีกฝ่ายกดรับสายของเขา“คืนนั้นเป็นลีจริงๆ เหรอ” เขารู้ว่าคืนนั้นไม่ใช่น้ำส้ม แต่ที่ผ่านก็ไม่คิดว่าเป็นบาลี [ค่ะ ขอโทษพี่ด้วยที่ก่อนหน้านั้นไม่ได้บอกพี่] “แล้วทำไมไม่บอก”[ลีไม่แน่ใจว่าพี่จะ...รู้สึกยังไงกับลี หลังจากรู้ว่าคืนนั้นเป็นลี]ทำไมล่ะ[เหมือนลีฉวยโอกาสกับพี่ ที่ทั้งพี่เป็นไข้และเมา]“คิดแบบนั้นได้ยังไง พี่เริ่มก่อนไม่ใช่เหรอ”[แต่ลีก็ไม่ได้ห้าม แถมคล้อยตาม]“ก็ อืมมัน
วันนี้เป็นวันครอบครัวของบาลีมีความสุขอีกวัน เพราะได้ฤกษ์เปิดคาเฟ่กับร้านอาหารไปพร้อมๆ กัน แต่วันแรกเปิดเลี้ยงฉลองเฉพาะครอบครัวและคนสนิทเท่านั้นคาเฟ่อยู่ด้านหน้าของบริเวณไร่ ส่วนร้านอาหารอยู่ลึกเข้ามาหน่อย แต่ไม่ไกลกันมากธรินท์ที่เป็นคนดูแลจัดการทั้งหมด ตั้งแต่เริ่มออกแบบร้านและคาเฟ่ กระทั่งคิดเมนูโดยมีบาลีกับอัณญาช่วย ใช้เวลาทั้งหมดกับการทำร้านหกเดือนกว่าๆ แขกในร้าน นอกจากครอบครัวและคนสนิทของทุกคนแล้ว เด็กชายอิฐก็มีแขกเป็นของตัวเอง ซึ่งก็คือบรรดาเพื่อนๆ ในห้องเรียน รวมทั้งเด็กชายรามที่ตอนนี้นิสัยดีมากขึ้น มาร่วมงานด้วย ส่วนรตีนั้น แม้จะไม่ได้คุยกันเหมือนที่เคย แต่ดีที่ว่าอีกฝ่ายไม่มาพูดจาหาเรื่องระรานเมื่อแต่ก่อน ซึ่งก็ดีมากแล้วสำหรับบาลีและลูกเพราะวันนี้มีดารามาร่วมงานด้วย อัทธ์จึงถูกขอถ่ายรูปจากเพื่อนๆ ของธรินท์มากพอสมควร รวมทั้งเพื่อนๆ ของเด็กชายอิฐด้วยแต่วันรุ่งขึ้นมีภาพของอัทธ์ที่ถ่ายกับน้องอิฐ โดยที่มีรูปเธอติดไปด้วย ซึ่งเธอนั่งอยู่ถัดจากโต๊ะลูกชาย หลุดไปอยู่ในทวิตเตอร์พร้อมกับการตั้งคำถามว่าเธอเป็นใคร เพราะเธอก็ไม่ได้เปิดเผยตัว เรื่องที่เป็นแม่ของน้องอิฐ นักแสดงเด็กหน้าให
แต่เหมือนเวรกรรมมันมีอยู่จริง เมื่อเพื่อนที่โรงเรียนรู้ แทนที่จะเห็นใจ กลับมาล้อเลียนกันเสียได้ มันก็ไม่ต่างจากที่เด็กชายรามล้อเลียนลูกชายเธอว่าไม่มีพ่อมาทั้งชีวิตนั่นแหละแต่เด็กชายรามไม่ได้ปล่อยให้เพื่อนๆ ล้อสนุกปาก เหมือนลูกชายเธอ เพราะนิสัยก็ไม่ยอมคนและเกเรอยู่พอสมควร เด็กชายรามสู้กับคนมาล้อสามคน ซึ่งอยู่ต่างห้อง แต่โดนรุม เพื่อนสนิทที่เคยเกเรด้วยกัน ก็วิ่งหนีกระเจิง อิฐกับเตเต้ผ่านมาเห็นเลยช่วย ก็เลยเกิดการตะลุมบอนขึ้นอย่างที่เห็น เด็กทั้งหมดถูกคาดโทษ แต่เด็กที่ล้อเด็กชายราม ถูกลงโทษ ล้างห้องน้ำเดือนหนึ่ง ส่วนเด็กชายรามนั้นก็โดนแค่สัปดาห์เดียว เพราะถึงจะเป็นฝ่ายถูกล้อก่อน แต่ก็เป็นคนลงมือใช้กำลังก่อนเช่นกัน“เขาล้อผมก่อนนะ ทำไมผมต้องถูกลงโทษด้วย!” เด็กชายรามพูดกับครูอย่างไม่พอใจ“ใช่ค่ะ รามเป็นฝ่ายถูกล้อก่อนนะ!” รตีพูดเสริมขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ“เราเองก็เคยล้อน้องอิฐ แล้วน้องอิฐเคยใช้กำลังกับรามไหม” ครูพูดตอกหน้า ทั้งแม่ทั้งลูกก็เลยทำหน้าจ๋อย“ดูน้องอิฐเป็นตัวอย่าง ขนาดเราทำไม่ดีกับอิฐ อิฐยังมีน้ำใจช่วยเรา คุณรตีเองก็เหมือนกัน ดูแลอบรมสั่งสอนลูกดีๆ นะคะ เขาถูกฟ้องว่าแกล้งเพื่อน
ไม่มีความลับอีกต่อไป “เกิดอะไรขึ้นเหรอ” ขณะทั้งสองกำลังช่วยกันล้างจาน หลังจากกินมื้อเที่ยงด้วยกันที่บ้าน บาลีก็ได้รับโทรศัพท์จากครูประจำชั้นของลูกชายพูดคุยกันอยู่ไม่กี่คำก็วางสาย สีหน้าของบาลีซีดเผือด มือที่ถือโทรศัพท์อยู่ก็สั่น ทำให้อัทธ์ถามด้วยความตกใจ“น้องอิฐมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อน ครูให้ลีไปที่โรงเรียนตอนนี้เลยค่ะ” “งั้นพี่ไปเป็นเพื่อน” “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวคนอื่นสงสัยหรอกว่า...”“พี่ไม่สนใจใครทั้งนั้น ตอนนี้พี่เป็นห่วงน้องอิฐมากกว่า ไม่รู้ว่าเพราะมีคนมาล้อเรื่องพ่ออีกหรือเปล่า”“คนก็ล้อมาตลอด แต่น้องอิฐไม่เคยโกรธขนาดจะไปชกต่อยใครรุนแรงจนเกิดเรื่องเลยนะคะ มีบ้างที่เบื่อกับคำล้อ ก็มีทะเลาะเล็กๆ น้อยๆ ไม่ถึงขั้นครูเรียกผู้ปกครองแบบนี้”“งั้นอาจมีอะไรที่มากกว่านั้น เรารีบไปกันเถอะ” “ค่ะ” ในตอนนี้บาลีก็ห่วงลูกชายมากกว่าจะห่วงชื่อเสียงหรือคนจะสงสัยความสัมพันธ์ของเธอกับอัทธ์ ทั้งสองจึงรีบเดินทางไปโรงเรียน ซึ่งก็ไม่ได้อยู่ไกลจากบ้าน เพราะบาลีอยากให้ลูกมีเพื่อนละแวกเดียวกัน จึงไม่คิดส่งลูกเรียนโรงเรียนอินเตอร์ในเมืองเหมือนลูกคนมีฐานะครอบครัวอื่นเมื่อถึงลานจอดรถของโรงเรียน อัทธ์ทำท่
สามเดือนต่อมางานเลี้ยงปิดกล้อง เกิดขึ้นในโรงแรมขุนเขา ธุรกิจครอบครัวของอัณญา ซึ่งที่พักของนักแสดงและทีมงานนั่นเอง มีอาหารและเครื่องดื่มมากมาย ที่พลาดไม่ได้มีเสียงเพลงจากนักดนตรีประจำห้องอาหาร รวมทั้งนักร้องจำเป็นจากบรรดานักแสดงและทีมงานเพราะงานเลี้ยง มีการดื่ม และเป็นร้านอาหารกึ่งผับ เด็กชายอิฐจึงไม่ได้มาร่วมงาน บาลีกับธรินท์จึงมาร่วมงานในฐานะเจ้าของโลเคชัน แน่นอนงานนี้ก็ขาดเจ้าของโรงแรมอย่างอัณญาไม่ได้เช่นกันทุกคนก็กิน ดื่ม ร้องเพลง เต้นรำกันอย่างสนุกสนาน ไม่เว้นแม้แต่วีราวรรณ ซึ่งดูเหมือนตอนนี้ปลงตกกับความกังวลเรื่องเรตติงต่างๆ ได้แล้ว ปิดกล้องได้ตามเวลาที่กำหนดไว้ก็ถือว่าดีมากแล้วสำหรับละคร ไร่แสนเสน่หา ที่ถูกพายุข่าวฉาวจากนักแสดงนำทั้งสองคนหลังจากนี้ก็ไปลุยกับงานตัดต่อ ส่วนวันเวลาออนแอร์นั้น คงต้องรอให้ผู้ใหญ่ทางช่องจะเห็นสมควร แน่นอนมันอาจคลาดเคลื่อนจากที่คุยกันไว้ เพราะข่าวฉาวต่างๆ ของพระนาง เพราะมีผลต่อสินค้าที่จะลงโฆษณาตอนนี้วีราวรรณก็รอแค่ลุ้นต่อไปก็เท่านั้น คิดได้ดังนั้น เจ้าตัวก็แย่งไมค์จากวิน น้องชายคนเดียวที่ไม่ยอมปล่อยไมค์ ทั้งที่ร้องไปสองเพลงติดๆ แล้ว“เป็นอะไรหน้า
ธรินท์คิดว่าแขกผู้มาเยือน แบบบอกกล่าวล่วงหน้าวันนี้มีท่าทีแปลกๆ จากทุกครั้งที่มาบ้านเขา เอาไวน์มาฝาก แต่งตัวสวยกว่าปกติ ถึงแม้ไม่ถึงขั้นเซ็กซี่แต่ก็เปิดเผยเนื้อตัวมากขึ้น ทั้งเสื้อครอปแขนกุดรัดรูปโชว์รูปร่างท่อนบน ส่วนท่อนล่างเป็นกระโปรงยีนส์สั้นเหนือเข่า เวลานั่งก็ร่นสูง โชว์ขาเรียวเนียนสวย และรู้สึกเหมือนจะแต่งหน้าเข้มกว่าทุกครั้งที่เจอกัน หรือมากกว่าปกติที่เคยเห็นมา อีกฝ่ายมาหาหลังจากเขากลับจากไปกินมื้อค่ำที่เรือนใหญ่ ก็สองทุ่มครึ่งไปแล้ว“กินข้าวหรือยังล่ะ” เขาถาม “กินแล้ว และตอนนี้อยากดื่มไวน์” เธอชี้ไปที่ขวดไวน์ที่วางไว้บนโต๊ะตรงหน้าธรินท์เดินไปหยิบที่เปิดพร้อมแก้วมาจากครัว จัดการเปิดและรินไวน์ให้หญิงสาว และสำหรับตัวเองด้วย “มีอะไรหรือเปล่า” ธรินท์ถาม หลังจากมองอัณญาจิบไวน์ไปค่อนแก้วด้วยสีหน้าเครียดๆ ชอบกล “เปล่า”“เปล่าอะไรล่ะ หน้าออกขนาดนี้” “ดูออกขนาดนั้นเลย” เธอย้อนน้ำเสียงเรียบ แต่แววตาขุ่นจนคนมองรู้สึกได้ เขาถอนหายใจแล้วถามตรงๆ “อ๊ะ มีอะไรไม่พอใจพี่ ก็ว่ามาตรงๆ อย่าลีลา ค่ำแล้วจะได้แยกย้ายกันไปนอน” “นอนด้วยกันได้ไหมล่ะ” ยังบอกเสียงเรียบ เหมือนคำถามทั่วไป เช่น กิน
ปิดกล้อง แต่เปิดรักข่าวฉาวของเมทิตาสงบลง เพราะมีข่าวฉาวของ ซุป’ ตาร์สาวรายหนึ่งที่โดนข้อหาเป็นมือที่สามในความรักระหว่างดาราซุป’ ตาร์รุ่นพี่กับไฮโซหนุ่ม ลูกชายรัฐมนตรีกระทรวงใหญ่แฟนคลับตีกันวุ่น ลุกลามราวไฟไหม้ป่า ต่างพยายามไล่ไทม์ไลน์กันจ้าละหวั่น สุดท้ายไฮโซฯ หนุ่มออกมายืนยันหนักแน่นว่าเลิกกับซุป’ ตาร์รุ่นพี่ก่อนค่อยมาคบซุป’ ตาร์รุ่นน้องอาจเพราะมูฟออนเร็วเกินไป ทุกคนจึงสงสัย แต่เขายืนยันว่า การคบหากับซุป’ ตาร์รุ่นน้องนั้น เกิดขึ้นหลังจากเลิกรากับ ซุป’ ตาร์รุ่นพี่แล้วจริงๆ การออกมายืนยันของไฮโซหนุ่มคนดัง ทำให้ซุป’ ตาร์คนน้อง ร่าเริงลัลล้า ส่วนซุป’ ตาร์รุ่นพี่ทำได้แค่ ขึ้นจอดำบนอินสตาแกรม ทำให้แฟนคลับไม่สามารถมูฟออนจากเรื่องนี้ง่ายๆ สงครามแฟนคลับจึงยืดเยื้อ กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุดกันง่ายๆ ข่าวทำแท้งของเมทิตาก็เลยตกกระป๋องจากสื่อสังคมออนไลน์ไปในพริบตา และวีราวรรณก็ทำใจได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น และคิดว่าคงไม่มีอะไรต่อจากนี้แล้วมั้งเจ้าตัวเปิดกองฯ อีกครั้ง และเร่งถ่ายทำอย่างต่อเนื่อง แทบไม่มีวันหยุด ดีที่ว่าซีนของน้องอิฐถ่ายไปเกือบหมดแล้ว อีกอย่างฉากที่เข้าร่วมกับเมท