พรีเซ็นเตอร์เด็กหล่อเพราะสัญญากับอัณญาไว้แล้วว่าลูกชายปิดเทอมจะพาไปเที่ยวกรุงเทพฯ เจ้าตัวป้อมของบาลีก็ดูตื่นเต้นเป็นพิเศษที่จะได้เข้าเมืองใหญ่ อยากไปเที่ยว Sea Life Bangkok Ocean World ที่พารากอน แถมอัณญายังบอกลูกชายเธอว่าจะพาไปเที่ยวทะเลด้วย“เที่ยวให้สนุกนะ” ลุงปราบบอก ขณะเดินมาส่งทั้งสองขึ้นรถ“น้องอิฐอย่าซนนะ เวลาไปไหนต้องจับมือแม่ตลอดรู้ไหม” ป้ามอญย้ำอีกครั้ง ทั้งที่ตอนกินมื้อเช้าด้วยกันก็บอกไปแล้ว นางกลัวหลานชายหลงทางกับแม่ หรือกลัวใครอุ้มไป เพราะหน้าตาก็น่ารักขนาดนี้ “คุณย่าไม่ต้องกลัวอิฐหลง อิฐมีมือถือแล้วครับ” เจ้าตัวโชว์มือถือที่บาลีให้มีติดตัวตอนไปเที่ยวกรุงเทพฯ เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ หากว่าพลัดหลงตอนไปเที่ยว อย่างที่ป้ามอญกลัว ก็จะได้โทร. ติดต่อกันได้ ซึ่งปกติบาลีก็ไม่ได้ให้ลูกชายถือโทรศัพท์ติดตัวกำลังจะขึ้นรถ ธรินท์ที่วิ่งออกกำลังกายในตอนเช้าเพิ่งเสร็จ ก็วิ่งมาหา ตะโกนบอกน้องอิฐ“น้องอิฐ อย่าลืมเอาสาวๆ มาฝากลุงดินนะครับ” “ครับ อิฐไม่ลืมหรอก” พอธรินท์เดินมาหยุดตรงหน้าทุกคน ป้ามอญก็หันไปตีแขน “พูดบ้าๆ กับหลานอีกแล้วนะ”ธรินท์หัวเราะเบาๆ แล้วเอ่ยน้ำเสียงหยอกล้อ“ก็เห็น
“ก็อยากได้เด็กหน้าตาดี สุขภาพดี สดใส มีความสุข และเล่นฟุตบอลเป็น”“โอ๊ย ธรรมดาจะตาย เด็กสมัยนี้ก็เล่นฟุตบอลเป็นเยอะแยะ” บาลีว่า“ใช่ ฉันก็คิดแบบนั้น แต่เขาก็ดันไม่ปิ๊งเด็กที่มาแคสต์สักคนเลย เลือกมากจริงๆ ทีมงานถึงกับเครียดเลย เพราะไม่รู้จะไปหาเด็กที่ไหนมาแคสต์แล้ว”“แคสต์แปลว่าอะไรครับ” เด็กชายอิฐที่นั่งกินข้าวเงียบๆ มาพักใหญ่ก็ถามขึ้น “หมายถึงคัดเลือกคนเพื่อไปแสดงอะไรสักอย่าง หนัง ละคร โฆษณา หรืออื่นๆ” อัณญาตอบ พร้อมกับเอ็นดูในคำถามจนอดใจไม่ไหวบีบแก้มเบาๆ เจ้าตัวป้อมก็ยิ้มตาหยี “เฮ้ยๆ ฉันรู้แล้วว่าจะหาเด็กที่ไหนไปแคสต์งานนี้” อัณญาหันไปทางบาลี นอกจากน้ำเสียงตื่นเต้นแล้ว ดวงตาเป็นประกายอย่างมีความหวัง“อย่าบอกนะ...” บาลีมองตาเพื่อนก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายหมายถึงใคร“ใช่แล้วเพื่อนรัก ฉันมองข้ามน้องอิฐไปได้ยังไง นี่เลย หล่อ สดใส สุขภาพดี และเตะฟุตบอลเก่ง โอ๊ย รอดแล้วฉัน” จากนั้นอัณญาก็โผเข้าไปกอดน้องอิฐ ปากก็พร่ำบอก“น้องอิฐต้องช่วยน้าเอยนะ ไม่งั้นน้าเอยตายแน่ๆ” “น้องอิฐจะช่วยไม่ให้น้าเอยตายหรอกครับ”คำพูดนั้นยิ่งทำให้อัณญาตื้นตันใจ หอมแก้มยุ้ยซ้ายขวารัวๆ บาลีมองแล้วส่ายหน้าน้อยๆ ด้วยควา
“ฉันก็คุยกับน้องอิฐแล้วเหมือนกัน ลูกแกเจ็ดขวบก็จริง แต่พูดรู้เรื่องนะ เข้าใจอะไรง่าย”“แกเหอะ ทำแต่งาน เมื่อไหร่จะกลับไปเยี่ยมบ้านบ้างล่ะ พ่อแกก็บ่นคิดถึงนะ” “เฮอะ มีเมียใหม่ ลูกใหม่แล้วจะมาคิดถึงลูกดื้อๆ แบบฉันอีกหรือไงล่ะ”“แกก็น้อยใจเป็นเด็กๆ อยู่ได้”“พูดเล่นจ้า แต่แกก็เห็นวันๆ ก็งานยุ่งตลอด”“ไม่เบื่อชีวิตแบบนี้บ้างหรือไง แทบไม่มีเวลาเป็นของตัวเองเลยนะ แบบนี้จะหาแฟนได้ยังไง”“ถึงหาได้ก็ไม่มีเวลาให้อยู่ดีจ้า”“นั่นสิ หรือแกจะกอดคานเป็นเพื่อนฉันต่อไปแล้วกัน”“แกเองก็เถอะ ไม่คิดจะมีใครหรือไง โสดตั้งแต่ไม่มีลูก ยันมีลูกเลยนะ และจะว่าลูกหวงก็ไม่ใช่ น้องอิฐอยากมีพ่อนะ ฉันแอบๆ ถามมา” “ก็มันไม่โดนใจใครเลยสักคนไงแก” คนที่โดนก็อยู่สูงเกินเอื้อมอีก“แกโดนใจแต่เมนแกคนเดียวสินะ”“ก็ทำนองนั้น”“งั้นก็กอดคานไปด้วยกัน”“พี่ดินก็ทำท่าจะกอดคานไปอีกนาน เพิ่งโดนสาวหักอกเหมือนกัน”“เฮอะ คนแบบนั้นหาผู้หญิงคนใหม่ได้ไม่ยากหรอก” บาลีทำเสียงหมั่นไส้จนบาลีรู้สึกได้ “ยังไม่เลิกเกลียดพี่ดินอีก เรื่องก็ผ่านมานานนมแล้วนะ” เพราะสองคนนี้เคยกิ๊กกันสมัยที่อัณญายังเรียนอยู่มัธยมต้น แต่ธรินท์เป็นรุ่นพี่เนื้อหอม
ดาวดวงน้อยเช้าที่อากาศหม่นมัว พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว แต่แสงเร้นอยู่ในม่านควันจากอากาศที่เป็นพิษของเมืองใหญ่ ชายหนุ่มกำลังจะยกกาแฟขึ้นดื่ม แต่ก็ไอออกมาชุดใหญ่ เขาเจ็บคอและไอมาได้หนึ่งสัปดาห์เต็มๆ ไปหาหมอ ก็บอกว่าเขาคงแพ้ฝุ่น PM 2.5 ที่นับวันจะยิ่งหนักขึ้นทุกปีอยากหนีไปอยู่ในที่อากาศดีๆ แต่งานของเขาก็อยู่ที่กรุงเทพฯ ทั้งงานแสดง งานเพลง แต่เขาก็อยากมีบ้านพักตากอากาศที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก กำลังหาที่สวยๆ ที่เขาใหญ่ เพราะเพื่อนนักแสดงก็ซื้อที่ดินสร้างบ้านที่นั่นหลายคนครอบครัวของเขามีบ้านพักตากอากาศที่หัวหิน นานๆ เขาถึงจะมีเวลาได้ไปพักผ่อนที่นั่นสักครั้ง ตอนนี้อยากมีบ้านพักตากอากาศอีกหลังที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ จึงมองที่เขาใหญ่เป็นอันดับแรกบ้านที่อยู่ตอนนี้สร้างขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงของเขาทั้งหมด อยู่บริเวณเดียวกันกับครอบครัว เพราะถึงจะต้องการความเป็นส่วนตัว เพราะมีห้องอัดเสียง และห้องซ้อมเพลง แต่อัทธ์ก็ไม่อยากอยู่ไกลจากครอบครัว ชายหนุ่มนั่งจิบกาแฟที่เฉลียงบ้าน พร้อมกับหยิบไอแพดขึ้นมาเพื่ออ่านบทละครที่ยังอ่านไม่จบ เป็นละครเรื่องสุดท้ายของปีนี้ จากนั้นเขาจะพักงานละคร เพื่อหันมาทำงานเพลงใ
“อัทธ์ พี่เห็นเด็กที่หน้าตาเหมือนอัทธ์แล้วนะ คือแบบ...เหมือนอัทธ์มากกก จนพี่สงสัยว่าเราไปน่ะไปไข่ทิ้งไว้ที่ไหนหรือเปล่า ฮ่าๆ” อีกฝ่ายพูดจบประโยคยืดยาวก็หัวเราะร่วน เมื่อวีราวรรณหัวเราะจนสุดเสียง อัทธ์ก็ถามขึ้น “แล้วพี่ติดต่อเด็กคนนั้นหรือยังล่ะ”“กำลังติดต่อเอเยนซี่ที่เด็กร่วมงานด้วย”“หมายความว่าเด็กคนนั้นอยู่ในวงการ”“ไม่น่าจะ เพราะพี่เองก็เพิ่งเคยเห็นหน้า ถ้าอยู่ในวงการหรือลูกดาราคนดังที่ไหน พี่ก็ต้องคุ้นหน้าบ้างสิ แต่นี่ไม่เลย บอกตรงๆ นะหน้าเหมือนอัทธ์มากๆ เหมือนพ่อลูกกันจริงๆ” วีราวรรณย้ำอีกครั้งจนอัทธ์อยากเห็นหน้าทันที “ส่งรูปมาให้ผมดูหน่อยสิ”“เอาไปทั้งคลิปเลยจ้า ส่งทางไลน์นะ แล้วค่อยคุยกัน พี่จะโทร. คุยกับทางเอเยนซี่ที่ทำโฆษณาก่อน” แล้ววีราวรรณก็ส่งลิงก์ผลงานโฆษณาเครื่องดื่มน้ำผลไม้ผสมวิตามินซีแบรนด์ดังตัวใหม่มาให้เขาดู ยอมรับว่าหัวใจของเขาเต้นด้วยจังหวะแปลกๆ เมื่อเห็นหน้าเด็กชาย ซึ่งตามรูปร่างน่าจะอายุแปดหรือเก้าขวบได้ รูปร่างค่อนข้างท้วม แต่โครงหน้ากลับเรียวเล็ก ทว่าก็มีแก้มยุ้ยๆ หล่อ แต่ก็มีความน่ารักตามประสาเด็ก โดยเฉพาะเวลายิ้ม ดวงตาเป็นสระอิ จนแอบยิ้มตาม ที่สำคัญลีลา
“เฮ้ย แกควรดีใจเปล่าวะ” อัณญารู้สึกงุนงง หลังจากที่เธอบอกข่าวดีกับเพื่อนรักว่า วีราวรรณ ผู้จัดละครชื่อดังทาบทามให้น้องอิฐไปแคสต์บทละครเรื่อง ไร่แสนเสน่หา ในบทลูกชายของพระเอก ซึ่งคนที่รับบทพระเอกนั้นคืออัทธ์ ที่บาลีเป็นแฟนคลับมานานหลายปี ทว่าบาลีกลับทำหน้าเครียด จนเธอประหลาดใจ“คือแบบ...มัน...เอ่อ...” สุดท้ายก็บอกเหตุผลกับอัณญาไม่ได้ เพราะมันเกี่ยวเนื่องกับความจริงที่เธอปกปิดทุกคนไว้ “อะไรของแกเนี่ย ฉันงงไปหมดแล้ว ในเมื่อแกเป็นแฟนคลับพี่เขามาหลายปี นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิตของแกเลยนะโว้ยที่จะได้ใกล้ชิดพี่อัทธ์ เพราะถ้าน้องอิฐถูกเลือกเล่นบทลูกของพระเอกเรื่องนี้ แกก็ต้องไปกองถ่ายดูแลลูก โอ๊ย มันโคตรจะฟินไม่ใช่เหรอ ทำหน้าหนักใจคืออะไรเนี่ย” อัณญาบ่นยืดยาว แต่บาลีก็ยังมีท่าทีอึกอักลำบากใจ จนอัณญาโพล่งออกไปว่า“หรือว่าจริงๆ แล้วน้องอิฐเป็นลูกพี่อัทธ์จริงๆ” ตอนพูดออกไป อัณญาไม่ได้หมายความตามนั้น แค่จะหยอกเพื่อนรักเท่านั้น ทว่าปฏิกิริยาของบาลีหลังได้ยินคำพูดเธอ อีกฝ่ายชะงักและจากนั้นก็มีสีหน้าซีดเผือด หลบสายตาจับจ้องของเธอ “เฮ้ยๆ อย่าบอกนะว่ามันเป็นเรื่องจริง!” หัวใจของอัณญาก็เต้นระทึก
“ใช่ ไม่เคยติดต่อ และจริงๆ ฉันกับพี่เขาก็ไม่เคยมีการพูดคุยหรือติดต่ออะไรกันอยู่แล้ว” อัทธ์ก็เหมือนอยู่อีกโลกสำหรับเธอ ตอนเธอเข้าปีหนึ่ง เขาเรียนปีสุดท้าย ก่อนไปเรียนต่อเมืองนอก“แล้วแกกับน้ำส้มล่ะ ยังคุยกันอยู่ไหม”“หลังจากวันนั้น ฉันไม่ได้ติดต่อน้ำส้ม หรือเพื่อนสมัยเรียนมหา’ ลัยเลย ไม่ได้เล่นโซเชียลฯ ด้วย แกก็รู้” “ทีนี้ฉันรู้แล้วว่าแกไม่เล่นโซเชียลฯ เพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่ามีลูกแล้ว”“ไม่ขนาดนั้น แต่ก็ไม่อยากให้คนที่เคยเรียนมหา’ ลัยด้วยกัน เห็นหน้าน้องอิฐเท่านั้น” “กลัวเขารู้ว่าน้องอิฐหน้าเหมือนพี่อัทธ์”“ก็มีบ้าง” โดยเฉพาะน้ำส้ม ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพอจะระแคะระคายคืนนั้นไหม เพราะสภาพเตียงนอนก็ไม่ต่างจากสมรภูมิย่อยๆ ถึงเธอจะไม่ได้เล่นโซเชียลฯ แต่ยอมรับว่าแอบส่องน้ำส้มด้วยแอคหลุมทางอินสตาแกรม เห็นอีกฝ่ายใช้ชีวิตเมืองนอกอย่างสุขสบาย มีคู่หมั้นเป็นนักธุรกิจชาวอเมริกันที่แสนร่ำรวย น้ำส้มอวดชีวิตอยู่ดีกินดีจนเพื่อนๆ หลายคนมาคอมเมนต์ชื่นชมปนอิจฉา ส่วนเธอก็ได้แต่รู้สึกผิดต่ออีกฝ่ายในคืนนั้น ไม่กล้าเสนอหน้าไปทักทายหรือติดต่อน้ำส้มอีก แม้น้ำส้มกับอัทธ์จะไม่ได้คบหาเป็นแฟนกัน แต่ในตอนนั้นอัทธ์ก
ความหล่อที่กินกันไม่ลง “เฮ้ยอัทธ์ มันบังเอิญหรือโชคชะตาก็ไม่รู้”“อะไรอีกล่ะ” วันนี้อัทธ์เข้ามาในออฟฟิศของบริษัทผลิตละครของวีราวรรณ หลังจากวันนี้เขาไปถ่ายแบบให้นิตยสารเล่มหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุให้เขาไม่ได้เข้ามาดูการแคสต์บทลูกชายในละครเรื่องไร่แสนเสน่หา “ก็คุณแม่ของน้องอิฐน่ะสิ เป็นแฟนคลับของอัทธ์ บอกว่าตอนท้อง เอารูปของอัทธ์ติดผนังห้องนอน มองดูรูปอัทธ์และภาวนาว่าขอให้ลูกชายในท้องหล่อเหมือนอัทธ์ไง แล้วดูสิ หน้าเหมือนอัทธ์เดะเลย” วีราวรรณส่งคลิปการแคสต์งานให้เขาดู ยอมรับว่าเด็กมีแววกับงานแสดง แถมยังจำบทเก่งด้วย สีหน้าอารมณ์อาจจะยังทำไม่ได้เต็มร้อย แต่ดูแล้วว่าสามารถฝึกและพัฒนาต่อไปได้ วีราวรรณคงมองออกว่าเด็กคนนี้มีอนาคตแน่นอน จึงให้ผ่านการแคสติ้งอย่างไม่ลังเล“น้องอายุเท่าไรนะ” เรื่องทำนองมนุษย์แม่ที่เริ่มตั้งครรภ์ เพื่อจะให้ลูกหน้าเหมือนศิลปินชื่นชอบ แล้วนั่งมองภาพศิลปินแล้วอธิษฐานนั้น ใช่ว่าจะไม่เคยได้ยิน แต่ไม่คิดว่าเด็กชายอิฐจะมาเหมือนเขาขนาดนี้ “เจ็ดขวบเอง กำลังจะขึ้นปอสอง ตอนแรกนึกว่าแปดเก้าขวบนะ เพราะน้องตัวใหญ่กว่าอายุจริง เออรู้ไหม มีเรื่องให้เหลือเชื่ออีกเรื่อง”“เรื่องไรอี
“ฉันห่วงแกนั่นแหละ ทำงานเยอะไปแล้ว เป็นเจ้าของโรงแรมยังไง วันหยุดแทบไม่มี เวลาพักผ่อนน้อย เห็นพี่ดินบ่นนอนดึกทุกคืน”“เออ หลังแต่งงาน ฉันจะทำงานน้อยลง จะจ้างผู้ช่วยเพิ่ม และไอ้เอใกล้เรียนจบแล้ว ก็มาช่วยแบ่งเบางาน ฉันจะหยุดเสาร์อาทิตย์และวันนักขัตฤกษ์ให้ดู” อัณญาเอ่ยถึงน้องชายต่างแม่ ที่ตอนนี้อธิปกำลังเรียนปริญญาโทที่เมืองนอก “ดีแล้วแก ฉันจะได้มีเพื่อนคุย เพื่อนช้อป” “แหม เห็นไปช้อปกับยัยพิมและยัยรตีในเมืองบ่อยๆ” คนหลังนี่ ปรับปรุงนิสัยดีขึ้น บาลีเลยยอมคุยดีๆ ด้วย เพราะจะว่าไปรตีเป็นเพื่อนคนเดียวในละแวกนี้ที่ชอบดูซีรีส์เกาหลีเหมือนบาลี ทั้งสองเลยคุยกันได้มากขึ้น “บ่อยที่ไหน เดือนละครั้งสองครั้ง” “ตกลงยัยรตี มันคืนดีกับไอ้พี่วันหรือยัง”“ยังเลย มันบอกเจ็บแล้วจำ และมันรู้สึกว่าไอ้พี่วันอยากกลับมาคืนดี เพราะไม่มีที่ไปมากกว่าจะคิดได้ว่ารักมันกับลูก”“โอ๊ย จู่ๆ ยัยรตีก็ฉลาดขึ้นมางั้นเลย” “ก็แหงสิ ใครมันจะฉลาดมาตั้งแต่เกิดเหมือนเธอละยะ!” เสียงแว้ดขึ้นมาก่อนเจ้าตัวจะเดินเฉิดฉายมานั่งในศาลา จากนั้นก็ส่งค้อนให้อัญญา “แหะๆ ขอโทษนะแก ฉันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เมื่อก่อนไอ้พี่วัน มันก็ไม่เห็นว่าจ
ตอนพิเศษ “น้องอิงคะ วิ่งช้าๆ เดี๋ยวล้มนะลูก” น้ำเสียงทุ้ม ที่ร้องห้ามลูกสาววัยสามขวบนั้นอ่อนโยน จนคนได้ยินถึงกับเอ่ยชม“พี่อัทธ์ เป็นพ่อที่แสนดีอบอุ่นเหมือนเตาไมโครเวฟเลย” อัณญาว่า ขณะมองตามพระเอกหนุ่มที่แทบจะหันหลังให้วงการบันเทิงมาเป็นพ่อบ้านเต็มตัว เพื่อดูแลลูกทั้งสอง “เตาไมโครเวฟกี่องศาดีล่ะ” คนที่พูดคือธรินท์ ที่นั่งอยู่ข้างๆ แฟนสาว ซึ่งเดือนหน้าก็จะเข้าพิธีวิวาห์กันแล้ว “แหม ก็ต้องไฟกำลังพอดี อุ่นๆ สิ” “แล้วพี่นี่ต้องกี่องศา หือ” คนถามทำตามกรุ้มกริ่มใส่ว่าที่เจ้าสาวด้วย“จะบ้าเหรอ มาถามอะไรแบบนี้” อัณญาปาเม็ดอัลมอนด์ที่กำลังกินเป็นของว่างยามบ่ายใส่ว่าที่เจ้าบ่าว “งั้นคืนนี้...”“ฮะ แฮ่ม นี่คิดว่าอยู่กันสองคนหรือไง!” คนที่แว้ดออกมานั้นคือบาลี ซึ่งกำลังเคี้ยวมะม่วงเปรี้ยวจิ้มพริกเกลืออย่างเอร็ดอร่อย พอได้ฟังว่าที่บ่าวสาวคุยกันท่าทางจะออกนอกลู่นอกทาง เลยต้องเบรกไว้ก่อน “แกเหอะ กินของเปรี้ยวแบบนี้ แพ้ท้องหรือเปล่า”“ไม่ได้แพ้ แค่อยากินไรเปรี้ยวๆ แก้เลี่ยนความหวานของแกกับพี่ดินนี่แหละ” ทั้งสามนั่งคุยกัน พร้อมกินของว่างยามบ่ายจัด ที่แดดอ่อนแสงไปแล้ว อยู่ใต้ซุ้มไม้ใหญ่ข้างบ้าน ท
“เหนื่อยไหมครับลูก” อัทธ์ถามลูกชาย ขณะเอนตัวลงนอนเคียงข้างลูกชาย อยู่ในชุดนอนเรียบร้อยกันทั้งสามคน ส่วนบาลีนั้นนอนอยู่อีกฝั่ง ข้างลูกชายเช่นกัน และเธอกำลังไล่ดูภาพของเพื่อนๆ อัทธ์ ที่ทยอยโพสต์ภาพงานในอินสตาแกรม ยิ้มแก้มปริเมื่อเห็นรูปของตัวเองที่สวยเกือบทุกภาพ ส่วนอัทธ์กับน้องอิฐนั้น ไม่ต้องกังวล คือหล่อทั้งสองคน ก็เพราะคนพ่อเป็นดาราระดับซุป’ ตาร์ ส่วนลูกชายนั้น นักแสดงเด็กอนาคต ซุป’ ตาร์ ตามรอยพ่อเลยนะ “ลี เลิกเล่นโทรศัพท์ และปิดไฟได้แล้ว เลยเวลานอนมาสองชั่วโมงแล้วนะ” อัทธ์บอกบาลีเสียงจริงจัง“ได้ค่ะ คุณพ่อตัวอย่าง” แล้วเธอก็ปิดโคมไฟ แล้วขยับตัวไปกอดลูกชายหลวมๆ“พ่อครับ ร้องเพลงให้ผมฟังหน่อย”“ได้สิ เพลงอะไรดี” “ทวิงเคิลลิทเทิลสตาร์ครับ” “ได้ครับ” บาลีแอบยิ้มอยู่ในความสลัวภายในห้อง เพราะเพลงนี้เป็นเพลงกล่อมนอนเพลงโปรดของลูก แต่เธอร้องเพลงไม่เพราะ จึงเปิดคลิปเสียงให้ลูกฟังทุกวันตั้งแต่เด็กแบเบาะ โตแล้วก็ยังชอบฟังก่อนนอน คงเห็นว่าพ่อเป็นนักร้องเสียงเพราะที่สุดในโลก เจ้าตัวก็คงอยากฟังเพลงกล่อมนอนเพลงโปรดของตนเอง ทวิงเคอ ทวิงเคอ ลิทเดิท สตาร์ ฮาว ไอ วันเดอร์ วอท ยูว์ อาร์ อัพ
บทส่งท้าย ‘ฉันกำลังฝันไปอยู่หรือเปล่า’ บาลีครุ่นคิดในใจ ขณะมองเงาที่สะท้อนในกระจก หญิงสาวที่อยู่ในชุดแต่งงานสีขาวเกาะอก ผมยาวคลุมเข่า เกล้าผมสูง โชว์ใบหน้าเรียว แต่งหน้าอย่างประณีต ด้วยฝีมือ เมกอัพอาร์ตติสชื่อดังของวงการ ที่เจ้าบ่าวเป็นคนจ้างมา รวมทั้งชุดที่เธอสวมใส่ก็จากแบรนด์หรู เครื่องประดับ ทั้งสร้อย ต่างหูและกำไลข้อมือก็เช่นกัน ยกเว้นแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย ซึ่งเป็นแหวนหมั้นจากตระกูลอัครพิสุทธ์ ที่มารดาของอัทธ์เป็นคนส่งมอบให้อัทธ์มาเพื่อหมั้นเธอ “ว้าว เมื่อเช้าชุดไทยก็ว่าสวยแล้ว ตอนนี้ก็สวยยิ่งกว่า” คนที่พูดไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเจ้าบ่าวที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องแต่งตัวเจ้าสาวนั่นเอง อัทธ์อยู่ในชุดสูทสีเทาของแบรนด์ดัง ผมยาวระต้นคอถูกเซ็ทอย่างดี ปกติก็หล่ออยู่แล้ว พอเป็นเจ้าบ่าว ราศีสามีของบาลีก็พุ่งทะลุทุกแสงบนโลกนี้ทั้งสองแยกห้องแต่งตัวเพราะมีเพื่อนๆ ครอบครัวและญาติของทั้งสองฝั่งมานั่งพักรองาน หรือมาพูดคุยทักทายก่อนงานเริ่มตอนนี้ถึงเวลาต้องลงที่ห้องจัดเลี้ยงของโรงแรม ซึ่งเป็นโรงแรมขุนเขาของครอบครัวอัณญานั่นเองหลังจากพิธีช่วงเช้า ซึ่งมีแต่คนในครอบครัวและเพื่อนสนิทเท่านั้น
อัทธ์อยากทรมานบาลีให้นานกว่านี้ แต่มันก็ทำให้เขาทรมานไปด้วย แกนกายเขาแข็งขึงจนปวดร้าวไปหมด บาลีในตอนนี้ก็เหมือนนางแมวยั่วสวาท สาวเรียบร้อยอ่อนหวาน น่าตาน่ารัก ปากนิดจมูกหน่อย เวลาตกอยู่ในห้วงราคะ โคตรยั่วอารมณ์ เพราะเธอจะแสดงออกตรงๆ พูดตรงๆ แบบไม่เหนียมอาย“นะ พี่อัทธ์ขา ลีอยากโดนแล้ว กระแทกแรงๆ ลีเสียวจนจะขาดใจแล้ว อือ อา” สิ้นคำอ้อนวอนนั้น เธอก็ครางยาว เพราะอัทธ์ก้มลงเลียน้ำหวานเยิ้มจากกลีบอวบของเธอที่ปลิ้นจากบิกินี ก่อนนาทีต่อมาเขาจะกระชาหลุดออกมากองที่ปลายขาด้านหนึ่งอัทธ์ไล้ปลายลิ้นเลียตั้งแต่ปลีน่อง สูงขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงข้อพับ และใช้ลิ้นลากไล้ตรงนั้นนานหน่อย และทำให้บาลีสูดปาก ครางระงม ด้วยความเสียวซ่าน กระทั่งปลายลิ้นค่อยๆ ไต่สูงมาถึงโคนขาด้านใน ใจของบาลีสั่นสะท้าน กายสั่นระริกด้วยรอคอยบางอย่าง กระทั่ง...สัมผัสได้ถึงความชื้นจากปลายลิ้นสากที่ลากแหวกกลีบอูม แตะลงเกสรบวมเป่งเพราะอารมณ์ปรารถนา “อ๊ะ อา” เธอครางอย่างสุขซ่าน เพราะการรอคอยนั้นมาถึงแล้ว ปลายลิ้นสากชื้นที่ลากไปบนผิวอ่อนนุ่มของกลีบอวบ และสะกิดเข้ากับเกสรที่อ่อนไหว สวรรค์ชั้นไหนก็ไม่สำคัญเท่ากับสวรรค์ที่อัทธ์กำลังพาเธ
“สรุปลีโดนหลอก” คนที่บอกว่าตัวเองโดนหลอกนั้น พูดด้วยสีหน้ายิ้มๆ แถมยังยกมือซ้ายขึ้นมาเพื่อชื่นชมแหวนเพชรเม็ดโต เพราะคืนนี้ทุกคนรู้เห็นเป็นใจกับเรื่องในคืนนี้ ไม่ว่าจะเป็นธรินท์ อัณญา ป้ามอญ ลุงปราบ ไม่เว้นแม้แต่เจ้าตัวเล็ก ถึงว่าแต่งตัวหล่อกว่าทุกวันตอนนี้ทั้งสองเอนตัวเคียงข้างลงบนเตียง หลังจากพาลูกชายเข้านอนเรียบร้อยแล้ว แน่นอนเป็นบรรยากาศแบบ พ่อ แม่ ลูก อย่างแท้จริง เพราะเธอกับอัทธ์ผลัดกันอ่านนิทานให้ลูกฟัง ลูกชายเธอก็คงตื่นเต้นดีใจ ที่นอกจากได้รับรู้ว่าอัทธ์เป็นพ่อแท้ๆ แล้ว เจ้าตัวยังได้ของขวัญต้อนรับหลานชายจากครอบครัวพ่ออีกหลายชิ้น เจ้าตัวเล็กก็เลยนอนดึกเป็นพิเศษ“เขาเรียกเซอร์ไพรส์ต่างหากครับ” อัทธ์แก้คำพูดของบาลี “สรุป พี่อัทธ์ไม่โกรธลีจริงๆ เหรอคะ”“โกรธครับ”“โกรธยังไงคะ ทำไมถึงขอแต่งงาน” บาลีถามสีหน้างงๆ“โกรธ แต่ก็รักและอยากอยู่ด้วยไงล่ะ” “แล้วทำยังไงถึงจะหายโกรธคะ” เธอถามยิ้มๆ เพราะแววตาร้ายกาจของเขาบ่งบอกว่าต้องการลงโทษเธอ “แน่นอน พี่ก็ต้องลงโทษลีหนักๆ อยู่แล้ว”“ลีพร้อมถูกลงโทษค่ะ” “พร้อมทุกอย่างนะ”“ค่ะ ทุกอย่าง ไม่อ้อนวอน ไม่ร้องขอใดๆ พี่ลงโทษได้ตามสบายเลยค่ะ” “
เมื่อได้ยินเสียงอินโทรลเพลง...บาลีคิดว่านักร้องวันนี้คงเอาเพลงเขามาร้อง ที่ผ่านมา ไม่เคยเข้าใจในรักแรกพบแต่เพียงสบตาเธอ ก็รู้ว่าความรู้สึกนั้นเป็นเช่นไรใจฉันเต้นแรง เฝ้ามองแต่เธอ โหยหาแต่เธอ วันๆ เอาแต่เพ้อเหมือนคนเป็นไข้อยากให้หัวใจเรานั้นตรงกัน................ทว่าพอเสียงเพลงผ่านลำโพงออกมาถึงด้านหน้าร้าน บาลีก็ถึงกับตัวชาและเพื่ออยากให้แน่ใจว่าเสียงนั้น คือเจ้าของผลงานตัวจริง บาลีจึงค่อยๆ เดินแหวกผู้คนเข้าไปในร้าน โดยไม่รู้ว่ามีอัณญาเดินตามไปติดๆ กระทั่งบาลีมาหยุดอยู่ตรงที่ด้านหน้าเวทีอย่างไม่รู้ตัวได้สบตากับผู้ชายที่กำลังเล่นกีตาร์ร้องเพลงอยู่บนเวทีที่ยกพื้นจากพื้นร้านไม่มาก บาลีถึงกับน้ำตาซึม เมื่อเขาส่งยิ้มบางๆ ให้ ทว่านัยน์ตาคมซึ้งนั้นบอกอะไรมากมายกับเธอ ความรักของเขายังอยู่กับเธอ นั่นคือสิ่งที่บาลีรับรู้ได้ทันที กระทั่งเสียงเพลงจบลง นักร้องก็พูดทักทายแขกในร้าน ก่อนจะบอกว่า“เพลงนี้ผมแต่งตอนเรียนปีสี่ แต่กว่าจะออกซิงเกิ้ลได้ก็เรียนจบปริญญาโทแล้ว เป็นเพลงที่แต่งเพราะเจอหน้าผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เป็นรุ่นน้องในมหา’ ลัย ซึ่งคนคนนั้นก็คือ ผู้หญิงคนนี้เองครับ” พูดจบก็ผายมือมาท
ยินดีต้อนรับ“แต่งตัวสวยๆ เลยนะ นั่งนอนอดอู้อยู่แต่ในบ้านได้ยังไง” อัณญาขึ้นเรือนมาในเวลาเย็นย่ำก็บ่นทันที เมื่อเห็นบาลีนั่งเหม่ออยู่บนโซฟาในมุมนั่งเล่น ส่วนลูกชายนั้นหลังจากรู้ว่าอัทธ์เป็นพ่อจริงๆ ก็กระโดดโลดเต้น เพราะน้องอิฐก็รักอัทธ์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ทำตัวเป็นผู้จัดการสนามเด็กเล่นในบริเวณร้านอาหาร จริงๆ คือไปเล่นเป็นเพื่อนเด็กๆ ลูกหลานของลูกค้าที่มากินข้าวในร้านอีกที “จะให้ไปไหน ฉันไม่มีอารมณ์อยากไปเตร็ดเตร่ที่ไหนหรอกนะ”“ไม่ได้จะให้ไปเตร็ดเตร่ที่ไหนย่ะ แต่อยากให้ไปช่วยต้อนรับแขก วันนี้วันหยุด คนเข้าร้านตรึม ฉันยืนรับแขกคนเดียวไม่ไหว”“พนักงานก็มีตั้งเยอะแยะ” อัณญาเป็นผู้บริหารโรงแรมดัง มายืนต้อนรับแขกในร้านอาหารที่แฟนเป็นผู้จัดการ เพราะเจ้าของสถานที่ตัวจริงนั้นมีอาการป่วยใจ ไม่ยอมออกนอกบ้านมาหลายวันแล้ว ดีว่าลูกชายปิดเทอม เลยหมกตัวอยู่แต่ในบ้านได้สบาย“ก็แขกเยอะไง พนักงานก็รับออร์เดิร์ฟแทบไม่ทัน อย่าลีลา ไปแต่งตัวสวยๆ”“ทำไมต้องสวย” บาลีย้อนถามน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย“โอ๊ย ถามเยอะถามแยะจัง ก็วันนี้พิเศษไง พี่ดินจ้างนักร้องที่ดังมาก และหล่อมาก เล่นกีตาร์ก็เทพ ร้องเพลงก
ถึงมันจะดึกแค่ไหน แต่เพราะเขานอนไม่หลับ ไหนจะโทรศัพท์จากสารพัดผู้คน ที่เกี่ยวข้องโดยตรงและทางอ้อม แต่เขาไม่มีแก่ใจหรืออะไรที่ชัดเจนมากพอจะตอบคำถามของใคร ทำได้แค่ปิดเครื่อง อยากข่มตาให้หลับ เพราะพรุ่งนี้เขามีงานถ่ายแบบกับนิตยสารเล่มหนึ่ง ทว่าก็หลับไม่ลง มีคำถามวิ่งวุ่นในหัว สับสนในใจ หากว่าเรื่องที่เป็นข่าวอยู่ในตอนนี้ เป็นจริงหรือเพียงข่าวลือ!จนสุดท้ายก็ตัดสินใจส่งข้อความหาบาลี เพราะไม่ว่าอย่างไรคงหนีความจริงไปไม่ได้ ซึ่งคนที่จะตอบเขาได้อย่างชัดเจนก็คงเป็นเธอคนเดียวอัทธ์ : นอนหรือยังครับบาลี : ยังค่ะ อัทธ์ : งั้นพี่โทร. หานะบาลี : ค่ะจากนั้นเขาก็โทร. หาหญิงสาวทันที พร้อมกับคำถามแรกอย่างไม่อ้อมค้อม เมื่ออีกฝ่ายกดรับสายของเขา“คืนนั้นเป็นลีจริงๆ เหรอ” เขารู้ว่าคืนนั้นไม่ใช่น้ำส้ม แต่ที่ผ่านก็ไม่คิดว่าเป็นบาลี [ค่ะ ขอโทษพี่ด้วยที่ก่อนหน้านั้นไม่ได้บอกพี่] “แล้วทำไมไม่บอก”[ลีไม่แน่ใจว่าพี่จะ...รู้สึกยังไงกับลี หลังจากรู้ว่าคืนนั้นเป็นลี]ทำไมล่ะ[เหมือนลีฉวยโอกาสกับพี่ ที่ทั้งพี่เป็นไข้และเมา]“คิดแบบนั้นได้ยังไง พี่เริ่มก่อนไม่ใช่เหรอ”[แต่ลีก็ไม่ได้ห้าม แถมคล้อยตาม]“ก็ อืมมัน