ความหล่อที่กินกันไม่ลง “เฮ้ยอัทธ์ มันบังเอิญหรือโชคชะตาก็ไม่รู้”“อะไรอีกล่ะ” วันนี้อัทธ์เข้ามาในออฟฟิศของบริษัทผลิตละครของวีราวรรณ หลังจากวันนี้เขาไปถ่ายแบบให้นิตยสารเล่มหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุให้เขาไม่ได้เข้ามาดูการแคสต์บทลูกชายในละครเรื่องไร่แสนเสน่หา “ก็คุณแม่ของน้องอิฐน่ะสิ เป็นแฟนคลับของอัทธ์ บอกว่าตอนท้อง เอารูปของอัทธ์ติดผนังห้องนอน มองดูรูปอัทธ์และภาวนาว่าขอให้ลูกชายในท้องหล่อเหมือนอัทธ์ไง แล้วดูสิ หน้าเหมือนอัทธ์เดะเลย” วีราวรรณส่งคลิปการแคสต์งานให้เขาดู ยอมรับว่าเด็กมีแววกับงานแสดง แถมยังจำบทเก่งด้วย สีหน้าอารมณ์อาจจะยังทำไม่ได้เต็มร้อย แต่ดูแล้วว่าสามารถฝึกและพัฒนาต่อไปได้ วีราวรรณคงมองออกว่าเด็กคนนี้มีอนาคตแน่นอน จึงให้ผ่านการแคสติ้งอย่างไม่ลังเล“น้องอายุเท่าไรนะ” เรื่องทำนองมนุษย์แม่ที่เริ่มตั้งครรภ์ เพื่อจะให้ลูกหน้าเหมือนศิลปินชื่นชอบ แล้วนั่งมองภาพศิลปินแล้วอธิษฐานนั้น ใช่ว่าจะไม่เคยได้ยิน แต่ไม่คิดว่าเด็กชายอิฐจะมาเหมือนเขาขนาดนี้ “เจ็ดขวบเอง กำลังจะขึ้นปอสอง ตอนแรกนึกว่าแปดเก้าขวบนะ เพราะน้องตัวใหญ่กว่าอายุจริง เออรู้ไหม มีเรื่องให้เหลือเชื่ออีกเรื่อง”“เรื่องไรอี
“ตัดสินใจแล้วนะว่าจะไม่ไป” อัณญาหันไปถามอีกครั้ง ขณะที่เด็กชายอิฐนั้นขึ้นไปนั่งบนรถเรียบร้อย โบกมือให้แม่ตัวเองด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม บาลีโบกมือให้ลูกพร้อมส่งยิ้มกว้าง แล้วหันไปบอกอัณญา ครั้งที่ร้อยว่า“เออ ไม่ไป เซ้าซี้อยู่ได้” แล้วเธอก็ดันหลังเพื่อนรักให้เข้าไปในรถ รอกระทั่งอีกฝ่ายเคลื่อนรถออกจากลานจอดรถของคอนโดเรียบร้อย บาลีจึงเดินกลับไปยังห้องพัก จะว่าไม่ทำหน้าที่แม่ให้เต็มที่ หรือขี้ขลาดที่จะเผชิญหน้ากับพ่อของลูก บาลีก็ยอมรับว่ายังไม่พร้อมที่จะเจอหน้าอัทธ์ในตอนนี้จริงๆ ขอเตรียมใจก่อน เพราะไม่คิดว่าชีวิตจะเกิดเหตุการณ์ฉุกละหุกที่จะได้มาเจอหน้ากันจังๆ แบบไม่ใช่เจอแบบติ่งอย่างที่ผ่านมา ที่มองเขาจากที่ไกลๆ จู่ๆ น้องอิฐจะได้ร่วมงานกับเขา แถมยังรับบทเป็นลูกของอีกฝ่ายอีก โอ๊ย มันเหลือเชื่อเกินฝันไปมาก แต่มันก็เป็นความจริงที่บาลีรู้สึกทั้งตื่นเต้นและตื่นตระหนกปะปนกันไปหมด เพราะฉะนั้นในวันที่น้องอิฐต้องไปเจอทีมงานและนักแสดงคนอื่นๆ ในวันนี้ บาลีจึงมอบหมายหน้าที่นั้นให้กับอัณญาไปจัดการ เพราะไหนๆ ก็เป็นตัวตั้งตัวตีในเรื่องนี้แล้ว ก็รับมือไปก่อนส่วนเธอขอนั่งและนอนทำใจอยู่ที่ห้อง ไว้วันที่เ
“น้องอิฐครับ นี่พี่อัทธ์ คนที่จะเล่นเป็นพ่อของเราในเรื่อง อัทธ์นี่น้องอิฐ” วีราวรรณแนะนำทั้งสองให้รู้จักกัน “สวัสดีครับ”เด็กชายอิฐยกมือไหว้พร้อมกับส่งยิ้มตาสระอิให้พระเอกหนุ่ม ซึ่งเขาก็ยกมือรับไหว้ แล้วสิ่งยิ้มกลับ พร้อมกับเดินไปหา “ยินดีที่ได้รู้จักนะ” “ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” เด็กชายพูด แน่นอนเขาถูกแม่กับน้าเอยสอนมาอย่างดีว่าต้องพูดอย่างไรกับผู้ใหญ่ที่จะต้องร่วมงานด้วย “ได้สิ อือ อาก็ต้องฝากเนื้อฝากตัวด้วยเช่นกัน” อัทธ์เรียกตัวเองว่าอา เพราะด้วยวัยสามสิบสาม ก็ดูจะเหมาะแล้วทั้งสองก็จับมือกัน วีราวรรณเลยให้ทั้งสองนั่งใกล้ๆ กัน จากนั้นวีราวรรณก็ให้นักแสดงก็แนะนำตัวเองว่ารับบทอะไรในเรื่อง ต่อด้วยการอ่านบท ที่เป็นฉากเปิดของตัวละครนั้นๆ กระทั่งถึงคิวของเด็กชายอิฐ เด็กชายที่ถูกแม่กับน้าเอยเทรนด์มาอย่างดี ก็ท่องบทได้อย่างคล่องแคล่ว แถมทำสีหน้าท่าทางประกอบ จนเรียกเสียงปรบมือจากทีมงานและนักแสดงคนอื่นๆ“สมกับที่น้าเอยคุยไว้เลย ว่าน้องอิฐนี่ได้รับรางวัลนักแสดงงานโรงเรียนดีเด่นมาตั้งแต่ชั้นอนุบาลเลยนะ” วีราวรรณเอ่ยชมจากใจ อัทธ์ได้ยินชื่อ ‘น้าเอย’ ก็นึกสงสาร ว่าใช่แม่ของอิฐไหม แต่ทำไมเร
เจอกันอย่างไม่คาดคิด ก่อนกลับมาที่ไร่บาลีกับอัณญาพาน้องอิฐไปเที่ยวทะเลที่กระบี่สามวัน แล้วกลับมาเพื่อเตรียมตัวจะถ่ายละครที่กำลังจะเปิดกล้องสัปดาห์หน้า ในวันที่จะกลับมานั้นอัณญาดันตัดสินใจบอกว่าจะลาออกจากงาน เพื่อกลับมาช่วยครอบครัวดูแลธุรกิจโรงแรม เพราะบิดาเจ้าตัวอยากเกษียณ ส่วนน้องชายต่างแม่นั้นก็ยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัย บาลีดีใจที่เพื่อนรักจะได้กลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิด ในเมื่ออีกฝ่ายเชียร์ให้เธอหาทางพิชิตใจซุป’ ตาร์ บาลีก็จะเชียร์ให้อัณญากลับมารักกับธรินท์อีกครั้ง ซึ่งหลังจากอกหักมาจนถึงตอนนี้ ธรินท์ก็ยังไม่ได้จีบใครจริงจังวันนี้ตอนบ่ายแดดร่มลมตก บาลีนั่งดูลูกชายเตะบอลกับธรินท์และเด็กชายเตเต้ที่สนามข้างบ้าน กระทั่งพิมพาเดินมาหา“ไปหาขนมกินกันดีกว่า”“ที่ไหนล่ะ ที่บ้านก็มีขนมสอดไส้ ป้ามอญทำไว้เมื่อเช้า”“อยากกินขนมคาเฟ่น่ะ ไปเถอะ ใกล้ๆ นี่แหละ” “ไปก็ไป” จากนั้นบาลีก็ตะโกนบอกคนที่เตะบอลอยู่ว่าไปคาเฟ่ แล้วก็เดินเคียงข้างพิมพาไปขึ้นรถคาเฟ่ที่รตีพามานั่นอยู่ในโรงแรมครอบครัวของอัณญานั่นเอง ชื่อโรงแรมว่าขุนเขา ทิวทัศน์สวย โอบล้อมด้วยขุนเขา ซึ่งไม่ต่างจากพื้นที่อื่นๆ ในหมู่บ้าน แต่โรง
คำพูดนั้นของเพื่อนทำให้หัวใจบาลียิ่งเต้นแรง อยากหันไปดูว่าจริงหรือเปล่า แต่ก็ไม่กล้า“เฮ้ยๆ เขาเดินมาที่โต๊ะเรา!” พิมพาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น“จริงเหรอ!” บาลีหันขวับไปมอง เห็นอัทธ์เดินมาจริงๆ มายืนตรงหน้าเธอเสียด้วย“เหมือนเราจะรู้จักกันหรือเปล่า” คำทักทายเรียบง่ายนั้นมาพร้อมกับรอยยิ้ม นอกจากทำให้พิมพาอ้าปากค้าง คนอื่นๆ ที่อยู่ในร้านก็หันมามองอย่างสนใจ แถมมีคนถ่ายรูปรัวๆ อีก “เออ...คือ...” บาลีถึงกับติดอ่างขึ้นมาทันที“ท่าทางจะไม่สะดวกคุยสินะ” เขารู้จากนนท์มานานแล้วว่าบ้านเกิดของบาลีอยู่ในจังหวัดนี้ แต่ไม่คิดว่าโลกจะกลมขนาดนี้ “งั้นเอาเบอร์มา” เขายื่นโทรศัพท์มาตรงหน้า แต่บาลียังมึนงง นั่งนิ่ง พิมพาเลยถือโอกาสหยิบมือถือจากมืออัทธ์ แล้วกดเบอร์โทร. บาลี พร้อมกับยิงไปที่เครื่องบาลีสรรพเสร็จ แล้วยื่นโทรศัพท์คืนอัทธ์“ขอบคุณครับ” อัทธ์ยิ้มให้พิมพา แล้วหันไปยังหน้าช็อกๆ ของบาลี ทั้งดูน่าขันและน่ารักในสายตาของเขา“แล้วจะโทร. ไปนะ” แล้วอัทธ์ก็เดินออกจากคาเฟ่ไปทันที“เฮ้ย ยัยลี นี่หมายความว่ายังไง ทำไมพี่เขา...”“อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้ กลับกันก่อนเถอะ ป่านนี้เด็กๆ เลิกเตะบอลแล้ว”“เออ
[ขอโทษด้วยนะ รู้สึกภาพของพวกเราวันนั้นจะถูกปล่อยไปทั่วทวิตเตอร์แล้ว โดยเฉพาะเพื่อนของลี ที่เป็นข่าวกับพี่น่ะ] เขาบอกเสียงกังวล ก่อนจะพูดกลั้วเสียงหัวเราะ [พี่เหมือนจะจีบเพื่อนเราหรือไง]“แล้วพี่คิดจะจีบใครล่ะ” ถามออกไปแล้วใจก็เต้นระรัว เห็นเขานิ่งไป บาลีก็อยากตบปากตัวเอง[ยังคิดๆ อยู่ ว่าควรจีบดีไหม] “ควรไม่ควร คือ...” ถามขนาดนี้แล้ว ก็อยากรู้ต่อไป เพราะจู่ๆ เขาเดินมาขอเบอร์ บอกเลยบาลีรู้สึกเหมือนถูกเติมด้วยความหวัง หลังจากที่เติมความฝันให้ตัวเองมาตลอดหลายปี[ไม่รู้คนที่อยากจีบคบใครอยู่หรือเปล่า แต่งงานหรือยัง]“ถ้าเป็นพิม แต่งแล้ว มีลูกแล้วค่ะ” บาลีบอกกลั้วเสียงหัวเราะ[แกล้งพี่เหรอ ฮือ ก็รู้นี่ว่าพี่หมายถึงใคร]พอได้ยินแบบนั้นแล้ว หัวใจบาลีพองโต ยิ้มกับโทรศัพท์ และเกือบจะกรี๊ดออกมาด้วยซ้ำ [ว่ายังไง...มีใครอยู่หรือเปล่า] เขาถามย้ำอีกครั้งด้วยเสียงทุ้มนุ่ม“ลีไม่มีใครค่ะ ไม่มีแฟน ไม่มีสามี แต่มี...” เธอนิ่งไป กำลังคิดว่าควรบอกเขาไหม ว่าสถานะเธอนั้นคือเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว[แต่มีลูกใช่ไหม]“พี่อัทธ์รู้ได้ไงคะ!” หรือว่ารู้แล้วว่าน้องอิฐเป็นลูกของเธอ งั้นเขาก็...[ไอ้นนท์บอกว่าเคยเห็นตอ
แฟนคลับกับเรื่องลับในหัวใจ เพราะนอนดึก บาลีเลยตื่นสายกว่าทุกวัน ออกมาจากห้องนอนก็เห็นลูกชายกำลังกินข้าวต้มทะเลอยู่กับป้ามอญ“นอนดึกเหรอ” ป้ามอญถาม เพราะนานๆ ทีที่บาลีจะตื่นสายกว่าลูกชาย“ไอ้ดินอีกคน ถ้าจะนอนดึก ป่านนี้ยังไม่โผล่หัวมากินข้าวเช้า”“มาแล้วครับ” คนที่ถึงพาดพิงเดินเข้ามาในบ้านพอดี สีหน้ายังเหมือนคนอดนอน เพราะใต้ตาคล้ำ เขาเดินเข้าไปในครัวตักข้าวต้มใส่จานให้ตัวเอง แล้ววางบนโต๊ะ นั่งข้างๆ บาลี “มัวแต่คุยกับสาวจนนอนดึกดื่น” ป้ามอญบ่น มองค้อนหลานชาย “เปล่าคุย”“แล้วนอนดึกทำไม” “ดูซีรีส์ แล้วลุงปราบล่ะ”“ยังไม่ตื่น” “เมื่อคืนท่าจะนอนดึกนะ” “นอนเช้าต่างหาก” ป้ามอญตอบทำหน้าเบื่อหน่าย “โห ลุงปราบล้ำหน้าผมแล้วนะเนี่ย เมื่อคืนท่าจะหนัก”“หนักไม่หนักก็ไอ้แก้วเป็นคนแบกกลับบ้าน” คืนวันเสาร์ของสามี มักจะไปหาเพื่อนๆ ละแวกเดียวกัน คุยดื่มไปตามเรื่อง ถ้าไม่กลับดึกก็กลับเช้าเป็นเรื่องปกติ “พี่ดิน รู้หรือยัง เดือนหน้าเอยจะกลับมาอยู่บ้านแล้วนะ” บาลีหันไปชวนธรินท์คุย“ไม่รู้” ธรินท์บอกสีหน้าเรียบเฉย“เอยยังโสดนะพี่”“แล้วไง” ธรินท์ย้อนถาม สีหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม“พี่น่าจะกลับไปคุยกับเ
“ค่ะ พี่อัทธ์”“ลี มาเจอกันที่ล็อบบี้ดีกว่า ที่ร้านคนเยอะไป และเดี๋ยวจะถูกถ่ายรูปอีก”“ได้ค่ะ” เขาคงอยากคุยกับเธอเงียบๆ หรือไม่ก็ไม่อยากเป็นข่าว ซึ่งบาลีเองเข้าใจและเธอก็ไม่อยากเป็นข่าวกับเขาเช่นกัน มันจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ซุป’ ตาร์ที่กระแสคู่จิ้นอัทธ์กับเมทิตากำลังกลับมาอีกครั้งเมื่อเดินเข้ามาในล็อบบี้ กำลังมองหาคู่นัด เห็นเขานั่งอยู่มุมหนึ่ง ห่างไกลจากผู้คน กำลังจะเดินไปหา แต่ก็ถูกทักจากทางเบื้องหลังเสียก่อน“อ้าวพี่ลี มาได้ยังไงเนี่ย” บาลีหันไปมองเจ้าของเสียงห้าวทุ้ม เห็นเด็กหนุ่มตัวสูงโปร่ง กำลังส่งยิ้มกว้างให้ ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน อธิป น้องชายต่างแม่ของอัณญานั่นเอง “พี่มาหาเพื่อนน่ะ” “แต่พี่เอยยังไม่กลับมานะครับ” อธิปเอ่ยขึ้นอย่างงงๆ “ก็เพื่อนคนอื่นน่ะ” บาลีตอบ กำลังจะเอ่ยขอตัว ทว่า...“งั้นเย็นนี้กินข้าวกับผมไหม” “ไว้วันหลังแล้วกัน วันนี้พี่ไม่สะดวกจริงๆ”“ได้ครับ เชิญพี่ลีตามสบายนะครับ” “อือ ไว้เจอกัน” แล้วบาลีก็รอให้อธิปเดินไปก่อน เธอถึงมองซ้ายขวาอย่างระแวดระวัง ก่อนจะเดินตรงไปยังมุมลับสายตาที่อัทธ์นั่งอยู่ และเหมือนเขาจะมองเธออยู่ก่อนแล้ว“เจอคนรู้จักเหรอ” อัทธ์ทักขึ้นทัน
หลังหายใจในจังหวะปกติ เธอส่งยิ้มให้เขา ซึ่งอีกฝ่ายก็มองเธอด้วยรอยยิ้ม แต่ครั้นมองไปยังนาฬิกาบนแขวนบนผนัง บาลีก็ลนลานลงจากเตียง หยิบชุดเดรสที่หล่นบนพื้นมาสวมใส่ หยิบกระเป๋าถือมาคล้องแขน เอามือสางผมยาวลวกๆ แล้วเดินเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแบบรีบเร่ง ก่อนเดินออกมา “ลี จะไปไหน ไม่ค่อยกันก่อนเหรอ” อัทธ์ร้องถามด้วยสีหน้างุนงง“ไว้วันหลังนะคะ เพราะลีต้องรีบกลับบ้านก่อน ต้องพาลูกเข้านอนค่ะ” แล้วเธอก็ส่งยิ้มหวานให้เขา ก่อนจะเดินออกจากห้องพักไป ถึงแม้จะขัดใจอยู่บ้างที่เธอปล่อยให้เขานอนโดดเดี่ยวบนเตียง หลังจากผ่านความเร่าร้อนมาด้วยกันหยกๆ แต่ก็ทำให้เขารู้สึกชื่นชมในความเป็นคุณแม่ที่ไม่ลืมกิจวัตรประจำวันของตนเองกับลูกชาย แม้แต่ซุป’ ตาร์อย่างเขา ยังรั้งเธอไว้ไม่ได้ อืม บาลี ช่างเป็นผู้หญิงที่ทำให้เขาทั้งหงุดหงิดและน่าหลงใหลที่สุดเพราะเอาเข้าจริงๆ นอกจากที่คุยกันเมื่อวาน รู้เรื่องราวของเธอว่าเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวมาตั้งแต่ลูกชายยังไม่ลืมตามาดูโลก เขาก็ไม่ได้รู้อะไรมากกว่านั้น อัทธ์อยากเรียนรู้บาลีมากกว่านั้น เช่นชีวิตประจำวันของเธอกับลูกชาย งานหรือครอบครัว ขณะที่เขาเอง แม้จะไม่ได้บอกกล่าวอะไรมาก แต
บาลียอมรับว่ามันออกจะใจกล้า และใจง่าย เมื่อกินมื้อค่ำด้วยกันในร้านของโรงแรม อัทธ์ชวนเธอไปดื่มกาแฟในห้อง แล้วเธอก็ตามเขาไปอย่างง่ายๆ ไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดไม่เข้าใจว่าการชวนดื่มกาแฟในเวลากลางค่ำกลางคืนนั้นคืออะไร แต่เมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะทำทุกอย่างเพื่อให้เขามาเป็นพ่อของลูก เธอมีอะไรที่จะต้องกลัวอีกล่ะเป็นไงเป็นกันสิ! ปลุกปลอบใจตัวเอง แล้วก็ก้าวขาตามหลังเขาไปในห้องอย่างไม่ลังเลและไม่เกินจริง พอประตูห้องปิดลงเท่านั้น ร่างของเธอก็ถูกร่างสูงตวัดวงแขนเข้ามาแนบชิดลำตัวแกร่ง แม้อากาศภายในห้องพักจะเย็นฉ่ำ ทว่าเนื้อตัวแกร่งนั้นกลับร้อนผ่าว รวมทั้งเรียวปากหยักสวยที่ประกบลงริมฝีปากของเธอด้วย ก่อนขึ้นมาบนห้องกับเขานั้น บาลีได้ขอตัวเข้าห้องน้ำ ไปจัดการแปรงฟันอย่างดี รวมทั้งชำระร่างกายส่วนล่างด้วยสบู่เหลวกลิ่นประจำตัวอย่างเตรียมพร้อมเพราะฉะนั้นเธอจึงจูบตอบอย่างมั่นใจ และริมฝีปากของเขาก็มีกลิ่นไวน์ที่ดื่มด้วยกัน เนื้อตัวก็ยังมีกลิ่นน้ำหอมประจำตัวที่ให้ความรู้สึกสดชื่นปนเร่าร้อนเหมือนรสจูบของเขาในตอนนี้ร่างบาลีถูกดันหลังติดกับผนังห้องโถง ที่มีชุดโซฟาวางอยู่ จูบของอัทธ์ก็รุกล้ำหนักหน่วง มือใหญ่ก็
คืนรักจากใจ กลับมาถึงบ้านแล้ว ใจยังเต้นแรงระรัว ลูกชายกับธรินท์เพิ่งเล่นบอลเสร็จ กำลังแยกย้ายกันไปอาบน้ำ บาลีเข้าไปช่วยป้ามอญทำอาหารค่ำ ในเวลาทุ่มตรง ทุกคนในครอบครัวก็พร้อมหน้าพร้อมตากันบนโต๊ะ“อีกไม่กี่วันจะได้ถ่ายละครแล้ว ตื่นเต้นไหม” ธรินท์ถามเด็กชายอิฐ“ไม่หรอกครับ” เด็กชายตอบ“อีกหน่อยจะดังแล้วนะเรา”“แต่พวกคนงานดูท่าจะตื่นเต้นนะ” ลุงปราบว่า เพราะเวลาพักเที่ยง หรือหลังเลิกงานก็ชอบจับกลุ่มคุยเรื่องนี้กันไม่หยุด “ดิน แกไปประกาศให้พวกคนงานเข้าใจ ว่าห้ามมุงกองถ่าย หรือไปถ่ายรูปดารา โดยเฉพาะเวลาพวกเขาทำงานอยู่ ห้ามเด็ดขาด ถ้าใครฝ่าฝืนโดนหักเงินเดือน” “ครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง แต่พวกเขาก็คนธรรมดา เห็นดาราก็ตื่นเต้นเป็นธรรมดา และอยากถ่ายรูปด้วย เอางี้แล้วกัน ขออนุญาตผู้จัด หรือดาราก่อน ถ้าพวกเขาสะดวกก็ถ่ายได้ดีกว่า” ธรินท์ออกความเห็น “แบบนั้นก็ได้ แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นแกต้องรับผิดชอบนะไอ้ดิน” “ครับผม ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ผมดูแลได้” ธรินท์รับปาก ก่อนจะหันไปถามเด็กชายอิฐ “อัทธ์ตัวจริงหล่อไหมอิฐ”“หล่อครับ อาอัทธ์หล่อที่สุดในโลก และใจดีมากๆ ครับ” เด็กชายอิฐตอบ ทำให้หัวใจบาลียิ้มปลื้ม เพ
บาลีช็อกไปทันทีที่ได้ยินคำตอบ หัวใจลิงโลด จนอยากลุกจากที่นั่งกระโดดโลดเต้นสักสิบรอบ “พี่อัทธ์เคยชอบลีเหรอคะ” “ไม่ใช่เคย ตอนนี้ก็ยังชอบอยู่นะ” ช็อกไปอีกครั้ง แต่แก้มร้อนผ่าวกับสายตายิ้มพราวของเขา จะรู้ตัวไหมเนี่ยว่ากำลังหว่านเสน่ห์ใส่เธออยู่“ตอนนั้น ลีไม่เห็นรู้สึกเลยว่าพี่ชอบ พี่ไม่เคยคุยกับลีด้วยซ้ำ นอกจากรับไหว้เวลาเจอหน้ากัน ตอนที่พี่ไปหาน้ำส้ม”“ก็ไม่อยากคุยกับคนที่มีแฟนแล้วไง กลัวหวั่นไหวมากกว่าเดิม ไม่อยากแย่งแฟนคนอื่น” “โอ๊ย เสียดาย ลีไม่น่าโกหกพี่นนท์เลย” บาลีทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ นั่นทำให้อัทธ์หัวเราะเบาๆ “งั้น ตอนนี้ก็อย่าปฏิเสธพี่แล้วกัน” “ใครจะกล้า” กลัวเขาจะคิดว่าใจง่ายก็ยอม เพราะมันง่ายมาตั้งนานแล้ว ไม่อย่างนั้นจะมีเจ้าตัวป้อมที่หน้าเหมือนเขาเป๊ะเป็นลูกชายได้อย่างไรล่ะพอคิดถึงเรื่องลูก บาลีก็คิดได้ว่าเธอควรบอกเขาก่อนไหมนะ แต่...ตอนนี้มันดีมาก ไม่อยากช็อตความรู้สึกเขากับการที่ต้องรับรู้ว่าตัวเองมีลูกกับเธอหนึ่งคน และกับความจริงที่ว่าในคืนนั้น เป็นเธอต่างหาก ไม่ใช่น้ำส้ม บาลีอยากซึมซับความรู้สึกดีๆ ที่เขาสารภาพว่าชอบเธอตั้งเรียนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว โอ๊ย เธออย
“ค่ะ พี่อัทธ์”“ลี มาเจอกันที่ล็อบบี้ดีกว่า ที่ร้านคนเยอะไป และเดี๋ยวจะถูกถ่ายรูปอีก”“ได้ค่ะ” เขาคงอยากคุยกับเธอเงียบๆ หรือไม่ก็ไม่อยากเป็นข่าว ซึ่งบาลีเองเข้าใจและเธอก็ไม่อยากเป็นข่าวกับเขาเช่นกัน มันจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ซุป’ ตาร์ที่กระแสคู่จิ้นอัทธ์กับเมทิตากำลังกลับมาอีกครั้งเมื่อเดินเข้ามาในล็อบบี้ กำลังมองหาคู่นัด เห็นเขานั่งอยู่มุมหนึ่ง ห่างไกลจากผู้คน กำลังจะเดินไปหา แต่ก็ถูกทักจากทางเบื้องหลังเสียก่อน“อ้าวพี่ลี มาได้ยังไงเนี่ย” บาลีหันไปมองเจ้าของเสียงห้าวทุ้ม เห็นเด็กหนุ่มตัวสูงโปร่ง กำลังส่งยิ้มกว้างให้ ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน อธิป น้องชายต่างแม่ของอัณญานั่นเอง “พี่มาหาเพื่อนน่ะ” “แต่พี่เอยยังไม่กลับมานะครับ” อธิปเอ่ยขึ้นอย่างงงๆ “ก็เพื่อนคนอื่นน่ะ” บาลีตอบ กำลังจะเอ่ยขอตัว ทว่า...“งั้นเย็นนี้กินข้าวกับผมไหม” “ไว้วันหลังแล้วกัน วันนี้พี่ไม่สะดวกจริงๆ”“ได้ครับ เชิญพี่ลีตามสบายนะครับ” “อือ ไว้เจอกัน” แล้วบาลีก็รอให้อธิปเดินไปก่อน เธอถึงมองซ้ายขวาอย่างระแวดระวัง ก่อนจะเดินตรงไปยังมุมลับสายตาที่อัทธ์นั่งอยู่ และเหมือนเขาจะมองเธออยู่ก่อนแล้ว“เจอคนรู้จักเหรอ” อัทธ์ทักขึ้นทัน
แฟนคลับกับเรื่องลับในหัวใจ เพราะนอนดึก บาลีเลยตื่นสายกว่าทุกวัน ออกมาจากห้องนอนก็เห็นลูกชายกำลังกินข้าวต้มทะเลอยู่กับป้ามอญ“นอนดึกเหรอ” ป้ามอญถาม เพราะนานๆ ทีที่บาลีจะตื่นสายกว่าลูกชาย“ไอ้ดินอีกคน ถ้าจะนอนดึก ป่านนี้ยังไม่โผล่หัวมากินข้าวเช้า”“มาแล้วครับ” คนที่ถึงพาดพิงเดินเข้ามาในบ้านพอดี สีหน้ายังเหมือนคนอดนอน เพราะใต้ตาคล้ำ เขาเดินเข้าไปในครัวตักข้าวต้มใส่จานให้ตัวเอง แล้ววางบนโต๊ะ นั่งข้างๆ บาลี “มัวแต่คุยกับสาวจนนอนดึกดื่น” ป้ามอญบ่น มองค้อนหลานชาย “เปล่าคุย”“แล้วนอนดึกทำไม” “ดูซีรีส์ แล้วลุงปราบล่ะ”“ยังไม่ตื่น” “เมื่อคืนท่าจะนอนดึกนะ” “นอนเช้าต่างหาก” ป้ามอญตอบทำหน้าเบื่อหน่าย “โห ลุงปราบล้ำหน้าผมแล้วนะเนี่ย เมื่อคืนท่าจะหนัก”“หนักไม่หนักก็ไอ้แก้วเป็นคนแบกกลับบ้าน” คืนวันเสาร์ของสามี มักจะไปหาเพื่อนๆ ละแวกเดียวกัน คุยดื่มไปตามเรื่อง ถ้าไม่กลับดึกก็กลับเช้าเป็นเรื่องปกติ “พี่ดิน รู้หรือยัง เดือนหน้าเอยจะกลับมาอยู่บ้านแล้วนะ” บาลีหันไปชวนธรินท์คุย“ไม่รู้” ธรินท์บอกสีหน้าเรียบเฉย“เอยยังโสดนะพี่”“แล้วไง” ธรินท์ย้อนถาม สีหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม“พี่น่าจะกลับไปคุยกับเ
[ขอโทษด้วยนะ รู้สึกภาพของพวกเราวันนั้นจะถูกปล่อยไปทั่วทวิตเตอร์แล้ว โดยเฉพาะเพื่อนของลี ที่เป็นข่าวกับพี่น่ะ] เขาบอกเสียงกังวล ก่อนจะพูดกลั้วเสียงหัวเราะ [พี่เหมือนจะจีบเพื่อนเราหรือไง]“แล้วพี่คิดจะจีบใครล่ะ” ถามออกไปแล้วใจก็เต้นระรัว เห็นเขานิ่งไป บาลีก็อยากตบปากตัวเอง[ยังคิดๆ อยู่ ว่าควรจีบดีไหม] “ควรไม่ควร คือ...” ถามขนาดนี้แล้ว ก็อยากรู้ต่อไป เพราะจู่ๆ เขาเดินมาขอเบอร์ บอกเลยบาลีรู้สึกเหมือนถูกเติมด้วยความหวัง หลังจากที่เติมความฝันให้ตัวเองมาตลอดหลายปี[ไม่รู้คนที่อยากจีบคบใครอยู่หรือเปล่า แต่งงานหรือยัง]“ถ้าเป็นพิม แต่งแล้ว มีลูกแล้วค่ะ” บาลีบอกกลั้วเสียงหัวเราะ[แกล้งพี่เหรอ ฮือ ก็รู้นี่ว่าพี่หมายถึงใคร]พอได้ยินแบบนั้นแล้ว หัวใจบาลีพองโต ยิ้มกับโทรศัพท์ และเกือบจะกรี๊ดออกมาด้วยซ้ำ [ว่ายังไง...มีใครอยู่หรือเปล่า] เขาถามย้ำอีกครั้งด้วยเสียงทุ้มนุ่ม“ลีไม่มีใครค่ะ ไม่มีแฟน ไม่มีสามี แต่มี...” เธอนิ่งไป กำลังคิดว่าควรบอกเขาไหม ว่าสถานะเธอนั้นคือเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว[แต่มีลูกใช่ไหม]“พี่อัทธ์รู้ได้ไงคะ!” หรือว่ารู้แล้วว่าน้องอิฐเป็นลูกของเธอ งั้นเขาก็...[ไอ้นนท์บอกว่าเคยเห็นตอ
คำพูดนั้นของเพื่อนทำให้หัวใจบาลียิ่งเต้นแรง อยากหันไปดูว่าจริงหรือเปล่า แต่ก็ไม่กล้า“เฮ้ยๆ เขาเดินมาที่โต๊ะเรา!” พิมพาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น“จริงเหรอ!” บาลีหันขวับไปมอง เห็นอัทธ์เดินมาจริงๆ มายืนตรงหน้าเธอเสียด้วย“เหมือนเราจะรู้จักกันหรือเปล่า” คำทักทายเรียบง่ายนั้นมาพร้อมกับรอยยิ้ม นอกจากทำให้พิมพาอ้าปากค้าง คนอื่นๆ ที่อยู่ในร้านก็หันมามองอย่างสนใจ แถมมีคนถ่ายรูปรัวๆ อีก “เออ...คือ...” บาลีถึงกับติดอ่างขึ้นมาทันที“ท่าทางจะไม่สะดวกคุยสินะ” เขารู้จากนนท์มานานแล้วว่าบ้านเกิดของบาลีอยู่ในจังหวัดนี้ แต่ไม่คิดว่าโลกจะกลมขนาดนี้ “งั้นเอาเบอร์มา” เขายื่นโทรศัพท์มาตรงหน้า แต่บาลียังมึนงง นั่งนิ่ง พิมพาเลยถือโอกาสหยิบมือถือจากมืออัทธ์ แล้วกดเบอร์โทร. บาลี พร้อมกับยิงไปที่เครื่องบาลีสรรพเสร็จ แล้วยื่นโทรศัพท์คืนอัทธ์“ขอบคุณครับ” อัทธ์ยิ้มให้พิมพา แล้วหันไปยังหน้าช็อกๆ ของบาลี ทั้งดูน่าขันและน่ารักในสายตาของเขา“แล้วจะโทร. ไปนะ” แล้วอัทธ์ก็เดินออกจากคาเฟ่ไปทันที“เฮ้ย ยัยลี นี่หมายความว่ายังไง ทำไมพี่เขา...”“อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้ กลับกันก่อนเถอะ ป่านนี้เด็กๆ เลิกเตะบอลแล้ว”“เออ
เจอกันอย่างไม่คาดคิด ก่อนกลับมาที่ไร่บาลีกับอัณญาพาน้องอิฐไปเที่ยวทะเลที่กระบี่สามวัน แล้วกลับมาเพื่อเตรียมตัวจะถ่ายละครที่กำลังจะเปิดกล้องสัปดาห์หน้า ในวันที่จะกลับมานั้นอัณญาดันตัดสินใจบอกว่าจะลาออกจากงาน เพื่อกลับมาช่วยครอบครัวดูแลธุรกิจโรงแรม เพราะบิดาเจ้าตัวอยากเกษียณ ส่วนน้องชายต่างแม่นั้นก็ยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัย บาลีดีใจที่เพื่อนรักจะได้กลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิด ในเมื่ออีกฝ่ายเชียร์ให้เธอหาทางพิชิตใจซุป’ ตาร์ บาลีก็จะเชียร์ให้อัณญากลับมารักกับธรินท์อีกครั้ง ซึ่งหลังจากอกหักมาจนถึงตอนนี้ ธรินท์ก็ยังไม่ได้จีบใครจริงจังวันนี้ตอนบ่ายแดดร่มลมตก บาลีนั่งดูลูกชายเตะบอลกับธรินท์และเด็กชายเตเต้ที่สนามข้างบ้าน กระทั่งพิมพาเดินมาหา“ไปหาขนมกินกันดีกว่า”“ที่ไหนล่ะ ที่บ้านก็มีขนมสอดไส้ ป้ามอญทำไว้เมื่อเช้า”“อยากกินขนมคาเฟ่น่ะ ไปเถอะ ใกล้ๆ นี่แหละ” “ไปก็ไป” จากนั้นบาลีก็ตะโกนบอกคนที่เตะบอลอยู่ว่าไปคาเฟ่ แล้วก็เดินเคียงข้างพิมพาไปขึ้นรถคาเฟ่ที่รตีพามานั่นอยู่ในโรงแรมครอบครัวของอัณญานั่นเอง ชื่อโรงแรมว่าขุนเขา ทิวทัศน์สวย โอบล้อมด้วยขุนเขา ซึ่งไม่ต่างจากพื้นที่อื่นๆ ในหมู่บ้าน แต่โรง