“ค่ะ พี่อัทธ์”“ลี มาเจอกันที่ล็อบบี้ดีกว่า ที่ร้านคนเยอะไป และเดี๋ยวจะถูกถ่ายรูปอีก”“ได้ค่ะ” เขาคงอยากคุยกับเธอเงียบๆ หรือไม่ก็ไม่อยากเป็นข่าว ซึ่งบาลีเองเข้าใจและเธอก็ไม่อยากเป็นข่าวกับเขาเช่นกัน มันจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ซุป’ ตาร์ที่กระแสคู่จิ้นอัทธ์กับเมทิตากำลังกลับมาอีกครั้งเมื่อเดินเข้ามาในล็อบบี้ กำลังมองหาคู่นัด เห็นเขานั่งอยู่มุมหนึ่ง ห่างไกลจากผู้คน กำลังจะเดินไปหา แต่ก็ถูกทักจากทางเบื้องหลังเสียก่อน“อ้าวพี่ลี มาได้ยังไงเนี่ย” บาลีหันไปมองเจ้าของเสียงห้าวทุ้ม เห็นเด็กหนุ่มตัวสูงโปร่ง กำลังส่งยิ้มกว้างให้ ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน อธิป น้องชายต่างแม่ของอัณญานั่นเอง “พี่มาหาเพื่อนน่ะ” “แต่พี่เอยยังไม่กลับมานะครับ” อธิปเอ่ยขึ้นอย่างงงๆ “ก็เพื่อนคนอื่นน่ะ” บาลีตอบ กำลังจะเอ่ยขอตัว ทว่า...“งั้นเย็นนี้กินข้าวกับผมไหม” “ไว้วันหลังแล้วกัน วันนี้พี่ไม่สะดวกจริงๆ”“ได้ครับ เชิญพี่ลีตามสบายนะครับ” “อือ ไว้เจอกัน” แล้วบาลีก็รอให้อธิปเดินไปก่อน เธอถึงมองซ้ายขวาอย่างระแวดระวัง ก่อนจะเดินตรงไปยังมุมลับสายตาที่อัทธ์นั่งอยู่ และเหมือนเขาจะมองเธออยู่ก่อนแล้ว“เจอคนรู้จักเหรอ” อัทธ์ทักขึ้นทัน
บาลีช็อกไปทันทีที่ได้ยินคำตอบ หัวใจลิงโลด จนอยากลุกจากที่นั่งกระโดดโลดเต้นสักสิบรอบ “พี่อัทธ์เคยชอบลีเหรอคะ” “ไม่ใช่เคย ตอนนี้ก็ยังชอบอยู่นะ” ช็อกไปอีกครั้ง แต่แก้มร้อนผ่าวกับสายตายิ้มพราวของเขา จะรู้ตัวไหมเนี่ยว่ากำลังหว่านเสน่ห์ใส่เธออยู่“ตอนนั้น ลีไม่เห็นรู้สึกเลยว่าพี่ชอบ พี่ไม่เคยคุยกับลีด้วยซ้ำ นอกจากรับไหว้เวลาเจอหน้ากัน ตอนที่พี่ไปหาน้ำส้ม”“ก็ไม่อยากคุยกับคนที่มีแฟนแล้วไง กลัวหวั่นไหวมากกว่าเดิม ไม่อยากแย่งแฟนคนอื่น” “โอ๊ย เสียดาย ลีไม่น่าโกหกพี่นนท์เลย” บาลีทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ นั่นทำให้อัทธ์หัวเราะเบาๆ “งั้น ตอนนี้ก็อย่าปฏิเสธพี่แล้วกัน” “ใครจะกล้า” กลัวเขาจะคิดว่าใจง่ายก็ยอม เพราะมันง่ายมาตั้งนานแล้ว ไม่อย่างนั้นจะมีเจ้าตัวป้อมที่หน้าเหมือนเขาเป๊ะเป็นลูกชายได้อย่างไรล่ะพอคิดถึงเรื่องลูก บาลีก็คิดได้ว่าเธอควรบอกเขาก่อนไหมนะ แต่...ตอนนี้มันดีมาก ไม่อยากช็อตความรู้สึกเขากับการที่ต้องรับรู้ว่าตัวเองมีลูกกับเธอหนึ่งคน และกับความจริงที่ว่าในคืนนั้น เป็นเธอต่างหาก ไม่ใช่น้ำส้ม บาลีอยากซึมซับความรู้สึกดีๆ ที่เขาสารภาพว่าชอบเธอตั้งเรียนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว โอ๊ย เธออย
คืนรักจากใจ กลับมาถึงบ้านแล้ว ใจยังเต้นแรงระรัว ลูกชายกับ ธรินท์เพิ่งเล่นบอลเสร็จ กำลังแยกย้ายกันไปอาบน้ำ บาลีเข้าไปช่วยป้ามอญทำอาหารค่ำ ในเวลาทุ่มตรง ทุกคนในครอบครัวก็พร้อมหน้าพร้อมตากันบนโต๊ะ“อีกไม่กี่วันจะได้ถ่ายละครแล้ว ตื่นเต้นไหม” ธรินท์ถามเด็กชายอิฐ“ไม่หรอกครับ” เด็กชายตอบ“อีกหน่อยจะดังแล้วนะเรา”“แต่พวกคนงานดูท่าจะตื่นเต้นนะ” ลุงปราบว่า เพราะเวลาพักเที่ยง หรือหลังเลิกงานก็ชอบจับกลุ่มคุยเรื่องนี้กันไม่หยุด “ดิน แกไปประกาศให้พวกคนงานเข้าใจ ว่าห้ามมุงกองถ่าย หรือไปถ่ายรูปดารา โดยเฉพาะเวลาพวกเขาทำงานอยู่ ห้ามเด็ดขาด ถ้าใครฝ่าฝืนโดนหักเงินเดือน” “ครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง แต่พวกเขาก็คนธรรมดา เห็นดาราก็ตื่นเต้นเป็นธรรมดา และอยากถ่ายรูปด้วย เอางี้แล้วกัน ขออนุญาตผู้จัด หรือดาราก่อน ถ้าพวกเขาสะดวกก็ถ่ายได้ดีกว่า” ธรินท์ออกความเห็น “แบบนั้นก็ได้ แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นแกต้องรับผิดชอบนะ ไอ้ดิน” “ครับผม ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ผมดูแลได้” ธรินท์รับปาก ก่อนจะหันไปถามเด็กชายอิฐ “อัทธ์ตัวจริงหล่อไหมอิฐ”“หล่อครับ อาอัทธ์หล่อที่สุดในโลก และใจดีมากๆ ครับ” เด็กชายอิฐตอบ ทำให้หัวใจบาลียิ้มปลื้ม
บาลียอมรับว่ามันออกจะใจกล้า และใจง่าย เมื่อกินมื้อค่ำด้วยกันในร้านของโรงแรม อัทธ์ชวนเธอไปดื่มกาแฟในห้อง แล้วเธอก็ตามเขาไปอย่างง่ายๆ ไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดไม่เข้าใจว่าการชวนดื่มกาแฟในเวลากลางค่ำกลางคืนนั้นคืออะไร แต่เมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะทำทุกอย่างเพื่อให้เขามาเป็นพ่อของลูก เธอมีอะไรที่จะต้องกลัวอีกล่ะเป็นไงเป็นกันสิ! ปลุกปลอบใจตัวเอง แล้วก็ก้าวขาตามหลังเขาไปในห้องอย่างไม่ลังเลและไม่เกินจริง พอประตูห้องปิดลงเท่านั้น ร่างของเธอก็ถูกร่างสูงตวัดวงแขนเข้ามาแนบชิดลำตัวแกร่ง แม้อากาศภายในห้องพักจะเย็นฉ่ำ ทว่าเนื้อตัวแกร่งนั้นกลับร้อนผ่าว รวมทั้งเรียวปากหยักสวยที่ประกบลงริมฝีปากของเธอด้วย ก่อนขึ้นมาบนห้องกับเขานั้น บาลีได้ขอตัวเข้าห้องน้ำ ไปจัดการแปรงฟันอย่างดี รวมทั้งชำระร่างกายส่วนล่างด้วยสบู่เหลวกลิ่นประจำตัวอย่างเตรียมพร้อมเพราะฉะนั้นเธอจึงจูบตอบอย่างมั่นใจ และริมฝีปากของเขาก็มีกลิ่นไวน์ที่ดื่มด้วยกัน เนื้อตัวก็ยังมีกลิ่นน้ำหอมประจำตัวที่ให้ความรู้สึกสดชื่นปนเร่าร้อนเหมือนรสจูบของเขาในตอนนี้ร่างบาลีถูกดันหลังติดกับผนังห้องโถง ที่มีชุดโซฟาวางอยู่ จูบของอัทธ์ก็รุกล้ำหนักหน่วง มือใหญ่ก็
หลังหายใจในจังหวะปกติ เธอส่งยิ้มให้เขา ซึ่งอีกฝ่ายก็มองเธอด้วยรอยยิ้ม แต่ครั้นมองไปยังนาฬิกาบนแขวนบนผนัง บาลีก็ลนลานลงจากเตียง หยิบชุดเดรสที่หล่นบนพื้นมาสวมใส่ หยิบกระเป๋าถือมาคล้องแขน เอามือสางผมยาวลวกๆ แล้วเดินเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแบบรีบเร่ง ก่อนเดินออกมา “ลี จะไปไหน ไม่ค่อยกันก่อนเหรอ” อัทธ์ร้องถามด้วยสีหน้างุนงง“ไว้วันหลังนะคะ เพราะลีต้องรีบกลับบ้านก่อน ต้องพาลูกเข้านอนค่ะ” แล้วเธอก็ส่งยิ้มหวานให้เขา ก่อนจะเดินออกจากห้องพักไป ถึงแม้จะขัดใจอยู่บ้างที่เธอปล่อยให้เขานอนโดดเดี่ยวบนเตียง หลังจากผ่านความเร่าร้อนมาด้วยกันหยกๆ แต่ก็ทำให้เขารู้สึกชื่นชมในความเป็นคุณแม่ที่ไม่ลืมกิจวัตรประจำวันของตนเองกับลูกชาย แม้แต่ซุป’ ตาร์อย่างเขา ยังรั้งเธอไว้ไม่ได้ อืม บาลี ช่างเป็นผู้หญิงที่ทำให้เขาทั้งหงุดหงิดและน่าหลงใหลที่สุดเพราะเอาเข้าจริงๆ นอกจากที่คุยกันเมื่อวาน รู้เรื่องราวของเธอว่าเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวมาตั้งแต่ลูกชายยังไม่ลืมตามาดูโลก เขาก็ไม่ได้รู้อะไรมากกว่านั้น อัทธ์อยากเรียนรู้บาลีมากกว่านั้น เช่นชีวิตประจำวันของเธอกับลูกชาย งานหรือครอบครัว ขณะที่เขาเอง แม้จะไม่ได้บอกกล่าวอะไรมาก แต
ความจริง วันนี้มันควรจะเป็นวันที่แจ่มใส และเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น เพราะว่าเป็นวันเปิดกล้องละครเรื่อง ไร่แสนเสน่หา ทีมงานก็เตรียมความพร้อมทุกอย่างไว้เรียบร้อย รวมทั้งนักแสดงที่เข้าฉากวันนี้ก็มาครบ ขาดแต่เด็กชายอิฐที่เล่นเป็นลูกชายของเขานั้นยังไม่เห็นมา โลเคชันที่นอกจากบริเวณไร่แล้ว ส่วนที่เป็นบ้านพักของพระเอกกับลูกชายนั้น เป็นรีสอร์ตที่อยู่ใกล้ๆ ไร่นี่เอง มันสะดวกกับเด็กชายอิฐที่ไม่ต้องเดินทางไกลบ้าน ก็ไม่แปลกที่ผู้ปกครองของเด็กชายอิฐจะอนุญาตให้มาเล่นละครเป็นครั้งแรก ภายในไร่ มีเต็นท์สำหรับแต่งตัว และพักผ่อนสำหรับทุกคน อากาศร้อนบ้าง แต่ก็ลมพัดผ่าน ที่สำคัญวิวสวย มองเห็นทิวเขาล้อมรอบ ต้นไม้เขียวขจี และไร่องุ่นที่กว้างขวาง เขาควรจะรู้สึกผ่อนคลายกับบรรยากาศดีๆ แบบนี้ แต่เพราะติดต่อบาลีไม่ได้มาหลายวัน จึงทำให้เขารู้สึกในทางตรงกันข้าม อัทธ์ไม่คิดว่าจริงๆ ว่าบาลีจะมีอิทธิพลกับความรู้สึกของเขามากขนาดนี้ ความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน รุ่งเช้าก็ต่างแยกย้าย เขาผ่านเรื่องแบบนั้นมามาก แต่กับบาลี อาจเพราะเขาคิดหวังมากกว่านั้น มันเลยรู้สึกไม่ดีมากๆ ที่เธอมีอะไรกับเขาคืนเดียว แล้วหายเงียบไป ราวกั
จบงานวันแรก เขาคิดว่าบาลีจะมารับลูกชาย แต่กลายเป็นผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ หล่อ เข้ม สูง ผิวสีแทน ยิ้มฟันขาวมาแต่ไกล ก่อนจะยกมือไหว้วีราวรรณ แล้วเดินไปหาเด็กชายอิฐ ก้มลงถามไถ่อะไรสักอย่าง“เฮ้ยดินมารู้จักทีมงานพี่หน่อยสิ” วีราวรรณเรียก “ครับ” อีกฝ่ายเดินมาหาวีราวรรณ แนะนำทีมงานทุกคนมาให้รู้จัก แล้ววีราวรรณก็บอกทุกคนว่า“นี่ดิน เป็นเจ้าของไร่อีกคนนะ และเป็นเพื่อนเจ้าวินตัวแสบของพี่ด้วย” พอวีราวรรณแนะนำชายหนุ่มชื่อดิน อัทธ์ถึงกับคิ้วมุ่นเข้าหากัน หมายความว่าอย่างไร เป็นเจ้าของไร่อีกคน นั่นแสดงว่า...“แล้วเป็นอะไรกับน้องอิฐเหรอคะ” เมทิตาถามขึ้นเหมือนรู้ใจเขา“เป็นลุงครับ” น้องอิฐนั่นเองที่เป็นคนตอบ “แม่ก็สวย ลุงก็หล่อ แล้วพ่อน้องอิฐหล่อไหมนะ” เมทิตาถามไปตามน้ำ“ไม่ทราบครับ อิฐไม่เคยเจอ” ทุกคนนิ่งไปทันที คนที่ถามเท่านั้นที่ทำหน้าเลิ่กลั่ก แล้วเอ่ยขอโทษ เด็กชายอิฐจึงยิ้มตอบ ธรินท์ถือโอกาสเอ่ยขอตัวกับทุกคนพาเจ้าตัวเล็กกลับบ้าน โดยมีพี่เลี้ยงของเด็กชายอิฐเดินตามหลังมาติดๆ“แง พี่วีราน่าจะบอกกันหน่อย ว่าน้องอิฐไม่มีคุณพ่อ” เมทิตาหันไปบ่นกับวีราวรรณ “พี่ก็เพิ่งรู้เหมือนกันนี่แหละ”จากนั
“แล้วที่มาหาพี่วันนี้ มีอะไร...หรือเปล่า” เขาอยากจะถามตรงๆ ว่า ‘มีอะไรจะบอกพี่หรือเปล่า’ ด้วยซ้ำ แต่ก็อยากดูท่าทีของบาลีเสียก่อน ว่าพร้อมที่จะบอกเขาเรื่องที่เป็นแม่เด็กชายอิฐ และเป็นเจ้าของไร่แสงอุษา“อยาก...เอ่อ ขอโทษค่ะ”“เรื่อง...” จริงๆ เขาโกรธที่เธอไม่ติดต่อกลับมา แต่พอรู้ว่าโทรศัพท์หายก็พอเข้าใจ แต่เรื่องน้องอิฐกับเรื่องเป็นเจ้าของไร่แสงอุษานั้น บาลีก็น่าจะบอกเขาให้รับรู้แต่แรกไม่ใช่หรือ “ที่ไม่ได้บอกพี่ตั้งแต่แรกว่าน้องอิฐเป็นลูกของลี” เธอคิดว่าอัทธ์ติดใจเรื่องนี้ “ทำไมถึงไม่บอกล่ะ อย่าบอกนะว่าอยากเซอร์ไพรส์ ซึ่งมันก็ได้ผลจริงๆ เพราะเซอร์ไพรส์มาก”หน้าตาตอนนั้นบาลีก็คิดว่าเขาเซอร์ไพรส์จริงๆ นี่ถ้าบอกน้องอิฐเป็นลูกของเขา อัทธ์คงช็อก ซึ่งเธอจะไม่มีวันบอกเขา หากว่ายังไม่แน่ใจว่าความสัมพันธ์ในครั้งนี้ ว่ามันจะไปไกลได้แค่ไหน สำหรับเธอนั้นมอบทั้งกายและใจให้แบบนั้น ไม่มีอะไรจะเปลี่ยนใจได้ง่ายๆ แต่สำหรับอัทธ์นั้น เธอยังต้องดูต่อไป“ก็กะจะบอกตั้งแต่วันที่เรานัดเจอกันวันแรก แต่พี่ก็ขอตัวไปคุยงานก่อน ส่วนวันก่อน...ก็อย่างที่รู้ ไม่มีจังหวะเลย”เพราะหันไปทำกิจกรรมเข้าจังหวะกันก่อนน่ะสิ
“ฉันห่วงแกนั่นแหละ ทำงานเยอะไปแล้ว เป็นเจ้าของโรงแรมยังไง วันหยุดแทบไม่มี เวลาพักผ่อนน้อย เห็นพี่ดินบ่นนอนดึกทุกคืน”“เออ หลังแต่งงาน ฉันจะทำงานน้อยลง จะจ้างผู้ช่วยเพิ่ม และไอ้เอใกล้เรียนจบแล้ว ก็มาช่วยแบ่งเบางาน ฉันจะหยุดเสาร์อาทิตย์และวันนักขัตฤกษ์ให้ดู” อัณญาเอ่ยถึงน้องชายต่างแม่ ที่ตอนนี้อธิปกำลังเรียนปริญญาโทที่เมืองนอก “ดีแล้วแก ฉันจะได้มีเพื่อนคุย เพื่อนช้อป” “แหม เห็นไปช้อปกับยัยพิมและยัยรตีในเมืองบ่อยๆ” คนหลังนี่ ปรับปรุงนิสัยดีขึ้น บาลีเลยยอมคุยดีๆ ด้วย เพราะจะว่าไปรตีเป็นเพื่อนคนเดียวในละแวกนี้ที่ชอบดูซีรีส์เกาหลีเหมือนบาลี ทั้งสองเลยคุยกันได้มากขึ้น “บ่อยที่ไหน เดือนละครั้งสองครั้ง” “ตกลงยัยรตี มันคืนดีกับไอ้พี่วันหรือยัง”“ยังเลย มันบอกเจ็บแล้วจำ และมันรู้สึกว่าไอ้พี่วันอยากกลับมาคืนดี เพราะไม่มีที่ไปมากกว่าจะคิดได้ว่ารักมันกับลูก”“โอ๊ย จู่ๆ ยัยรตีก็ฉลาดขึ้นมางั้นเลย” “ก็แหงสิ ใครมันจะฉลาดมาตั้งแต่เกิดเหมือนเธอละยะ!” เสียงแว้ดขึ้นมาก่อนเจ้าตัวจะเดินเฉิดฉายมานั่งในศาลา จากนั้นก็ส่งค้อนให้อัญญา “แหะๆ ขอโทษนะแก ฉันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เมื่อก่อนไอ้พี่วัน มันก็ไม่เห็นว่าจ
ตอนพิเศษ “น้องอิงคะ วิ่งช้าๆ เดี๋ยวล้มนะลูก” น้ำเสียงทุ้ม ที่ร้องห้ามลูกสาววัยสามขวบนั้นอ่อนโยน จนคนได้ยินถึงกับเอ่ยชม“พี่อัทธ์ เป็นพ่อที่แสนดีอบอุ่นเหมือนเตาไมโครเวฟเลย” อัณญาว่า ขณะมองตามพระเอกหนุ่มที่แทบจะหันหลังให้วงการบันเทิงมาเป็นพ่อบ้านเต็มตัว เพื่อดูแลลูกทั้งสอง “เตาไมโครเวฟกี่องศาดีล่ะ” คนที่พูดคือธรินท์ ที่นั่งอยู่ข้างๆ แฟนสาว ซึ่งเดือนหน้าก็จะเข้าพิธีวิวาห์กันแล้ว “แหม ก็ต้องไฟกำลังพอดี อุ่นๆ สิ” “แล้วพี่นี่ต้องกี่องศา หือ” คนถามทำตามกรุ้มกริ่มใส่ว่าที่เจ้าสาวด้วย“จะบ้าเหรอ มาถามอะไรแบบนี้” อัณญาปาเม็ดอัลมอนด์ที่กำลังกินเป็นของว่างยามบ่ายใส่ว่าที่เจ้าบ่าว “งั้นคืนนี้...”“ฮะ แฮ่ม นี่คิดว่าอยู่กันสองคนหรือไง!” คนที่แว้ดออกมานั้นคือบาลี ซึ่งกำลังเคี้ยวมะม่วงเปรี้ยวจิ้มพริกเกลืออย่างเอร็ดอร่อย พอได้ฟังว่าที่บ่าวสาวคุยกันท่าทางจะออกนอกลู่นอกทาง เลยต้องเบรกไว้ก่อน “แกเหอะ กินของเปรี้ยวแบบนี้ แพ้ท้องหรือเปล่า”“ไม่ได้แพ้ แค่อยากินไรเปรี้ยวๆ แก้เลี่ยนความหวานของแกกับพี่ดินนี่แหละ” ทั้งสามนั่งคุยกัน พร้อมกินของว่างยามบ่ายจัด ที่แดดอ่อนแสงไปแล้ว อยู่ใต้ซุ้มไม้ใหญ่ข้างบ้าน ท
“เหนื่อยไหมครับลูก” อัทธ์ถามลูกชาย ขณะเอนตัวลงนอนเคียงข้างลูกชาย อยู่ในชุดนอนเรียบร้อยกันทั้งสามคน ส่วนบาลีนั้นนอนอยู่อีกฝั่ง ข้างลูกชายเช่นกัน และเธอกำลังไล่ดูภาพของเพื่อนๆ อัทธ์ ที่ทยอยโพสต์ภาพงานในอินสตาแกรม ยิ้มแก้มปริเมื่อเห็นรูปของตัวเองที่สวยเกือบทุกภาพ ส่วนอัทธ์กับน้องอิฐนั้น ไม่ต้องกังวล คือหล่อทั้งสองคน ก็เพราะคนพ่อเป็นดาราระดับซุป’ ตาร์ ส่วนลูกชายนั้น นักแสดงเด็กอนาคต ซุป’ ตาร์ ตามรอยพ่อเลยนะ “ลี เลิกเล่นโทรศัพท์ และปิดไฟได้แล้ว เลยเวลานอนมาสองชั่วโมงแล้วนะ” อัทธ์บอกบาลีเสียงจริงจัง“ได้ค่ะ คุณพ่อตัวอย่าง” แล้วเธอก็ปิดโคมไฟ แล้วขยับตัวไปกอดลูกชายหลวมๆ“พ่อครับ ร้องเพลงให้ผมฟังหน่อย”“ได้สิ เพลงอะไรดี” “ทวิงเคิลลิทเทิลสตาร์ครับ” “ได้ครับ” บาลีแอบยิ้มอยู่ในความสลัวภายในห้อง เพราะเพลงนี้เป็นเพลงกล่อมนอนเพลงโปรดของลูก แต่เธอร้องเพลงไม่เพราะ จึงเปิดคลิปเสียงให้ลูกฟังทุกวันตั้งแต่เด็กแบเบาะ โตแล้วก็ยังชอบฟังก่อนนอน คงเห็นว่าพ่อเป็นนักร้องเสียงเพราะที่สุดในโลก เจ้าตัวก็คงอยากฟังเพลงกล่อมนอนเพลงโปรดของตนเอง ทวิงเคอ ทวิงเคอ ลิทเดิท สตาร์ ฮาว ไอ วันเดอร์ วอท ยูว์ อาร์ อัพ
บทส่งท้าย ‘ฉันกำลังฝันไปอยู่หรือเปล่า’ บาลีครุ่นคิดในใจ ขณะมองเงาที่สะท้อนในกระจก หญิงสาวที่อยู่ในชุดแต่งงานสีขาวเกาะอก ผมยาวคลุมเข่า เกล้าผมสูง โชว์ใบหน้าเรียว แต่งหน้าอย่างประณีต ด้วยฝีมือ เมกอัพอาร์ตติสชื่อดังของวงการ ที่เจ้าบ่าวเป็นคนจ้างมา รวมทั้งชุดที่เธอสวมใส่ก็จากแบรนด์หรู เครื่องประดับ ทั้งสร้อย ต่างหูและกำไลข้อมือก็เช่นกัน ยกเว้นแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย ซึ่งเป็นแหวนหมั้นจากตระกูลอัครพิสุทธ์ ที่มารดาของอัทธ์เป็นคนส่งมอบให้อัทธ์มาเพื่อหมั้นเธอ “ว้าว เมื่อเช้าชุดไทยก็ว่าสวยแล้ว ตอนนี้ก็สวยยิ่งกว่า” คนที่พูดไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเจ้าบ่าวที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องแต่งตัวเจ้าสาวนั่นเอง อัทธ์อยู่ในชุดสูทสีเทาของแบรนด์ดัง ผมยาวระต้นคอถูกเซ็ทอย่างดี ปกติก็หล่ออยู่แล้ว พอเป็นเจ้าบ่าว ราศีสามีของบาลีก็พุ่งทะลุทุกแสงบนโลกนี้ทั้งสองแยกห้องแต่งตัวเพราะมีเพื่อนๆ ครอบครัวและญาติของทั้งสองฝั่งมานั่งพักรองาน หรือมาพูดคุยทักทายก่อนงานเริ่มตอนนี้ถึงเวลาต้องลงที่ห้องจัดเลี้ยงของโรงแรม ซึ่งเป็นโรงแรมขุนเขาของครอบครัวอัณญานั่นเองหลังจากพิธีช่วงเช้า ซึ่งมีแต่คนในครอบครัวและเพื่อนสนิทเท่านั้น
อัทธ์อยากทรมานบาลีให้นานกว่านี้ แต่มันก็ทำให้เขาทรมานไปด้วย แกนกายเขาแข็งขึงจนปวดร้าวไปหมด บาลีในตอนนี้ก็เหมือนนางแมวยั่วสวาท สาวเรียบร้อยอ่อนหวาน น่าตาน่ารัก ปากนิดจมูกหน่อย เวลาตกอยู่ในห้วงราคะ โคตรยั่วอารมณ์ เพราะเธอจะแสดงออกตรงๆ พูดตรงๆ แบบไม่เหนียมอาย“นะ พี่อัทธ์ขา ลีอยากโดนแล้ว กระแทกแรงๆ ลีเสียวจนจะขาดใจแล้ว อือ อา” สิ้นคำอ้อนวอนนั้น เธอก็ครางยาว เพราะอัทธ์ก้มลงเลียน้ำหวานเยิ้มจากกลีบอวบของเธอที่ปลิ้นจากบิกินี ก่อนนาทีต่อมาเขาจะกระชาหลุดออกมากองที่ปลายขาด้านหนึ่งอัทธ์ไล้ปลายลิ้นเลียตั้งแต่ปลีน่อง สูงขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงข้อพับ และใช้ลิ้นลากไล้ตรงนั้นนานหน่อย และทำให้บาลีสูดปาก ครางระงม ด้วยความเสียวซ่าน กระทั่งปลายลิ้นค่อยๆ ไต่สูงมาถึงโคนขาด้านใน ใจของบาลีสั่นสะท้าน กายสั่นระริกด้วยรอคอยบางอย่าง กระทั่ง...สัมผัสได้ถึงความชื้นจากปลายลิ้นสากที่ลากแหวกกลีบอูม แตะลงเกสรบวมเป่งเพราะอารมณ์ปรารถนา “อ๊ะ อา” เธอครางอย่างสุขซ่าน เพราะการรอคอยนั้นมาถึงแล้ว ปลายลิ้นสากชื้นที่ลากไปบนผิวอ่อนนุ่มของกลีบอวบ และสะกิดเข้ากับเกสรที่อ่อนไหว สวรรค์ชั้นไหนก็ไม่สำคัญเท่ากับสวรรค์ที่อัทธ์กำลังพาเธ
“สรุปลีโดนหลอก” คนที่บอกว่าตัวเองโดนหลอกนั้น พูดด้วยสีหน้ายิ้มๆ แถมยังยกมือซ้ายขึ้นมาเพื่อชื่นชมแหวนเพชรเม็ดโต เพราะคืนนี้ทุกคนรู้เห็นเป็นใจกับเรื่องในคืนนี้ ไม่ว่าจะเป็นธรินท์ อัณญา ป้ามอญ ลุงปราบ ไม่เว้นแม้แต่เจ้าตัวเล็ก ถึงว่าแต่งตัวหล่อกว่าทุกวันตอนนี้ทั้งสองเอนตัวเคียงข้างลงบนเตียง หลังจากพาลูกชายเข้านอนเรียบร้อยแล้ว แน่นอนเป็นบรรยากาศแบบ พ่อ แม่ ลูก อย่างแท้จริง เพราะเธอกับอัทธ์ผลัดกันอ่านนิทานให้ลูกฟัง ลูกชายเธอก็คงตื่นเต้นดีใจ ที่นอกจากได้รับรู้ว่าอัทธ์เป็นพ่อแท้ๆ แล้ว เจ้าตัวยังได้ของขวัญต้อนรับหลานชายจากครอบครัวพ่ออีกหลายชิ้น เจ้าตัวเล็กก็เลยนอนดึกเป็นพิเศษ“เขาเรียกเซอร์ไพรส์ต่างหากครับ” อัทธ์แก้คำพูดของบาลี “สรุป พี่อัทธ์ไม่โกรธลีจริงๆ เหรอคะ”“โกรธครับ”“โกรธยังไงคะ ทำไมถึงขอแต่งงาน” บาลีถามสีหน้างงๆ“โกรธ แต่ก็รักและอยากอยู่ด้วยไงล่ะ” “แล้วทำยังไงถึงจะหายโกรธคะ” เธอถามยิ้มๆ เพราะแววตาร้ายกาจของเขาบ่งบอกว่าต้องการลงโทษเธอ “แน่นอน พี่ก็ต้องลงโทษลีหนักๆ อยู่แล้ว”“ลีพร้อมถูกลงโทษค่ะ” “พร้อมทุกอย่างนะ”“ค่ะ ทุกอย่าง ไม่อ้อนวอน ไม่ร้องขอใดๆ พี่ลงโทษได้ตามสบายเลยค่ะ” “
เมื่อได้ยินเสียงอินโทรลเพลง...บาลีคิดว่านักร้องวันนี้คงเอาเพลงเขามาร้อง ที่ผ่านมา ไม่เคยเข้าใจในรักแรกพบแต่เพียงสบตาเธอ ก็รู้ว่าความรู้สึกนั้นเป็นเช่นไรใจฉันเต้นแรง เฝ้ามองแต่เธอ โหยหาแต่เธอ วันๆ เอาแต่เพ้อเหมือนคนเป็นไข้อยากให้หัวใจเรานั้นตรงกัน................ทว่าพอเสียงเพลงผ่านลำโพงออกมาถึงด้านหน้าร้าน บาลีก็ถึงกับตัวชาและเพื่ออยากให้แน่ใจว่าเสียงนั้น คือเจ้าของผลงานตัวจริง บาลีจึงค่อยๆ เดินแหวกผู้คนเข้าไปในร้าน โดยไม่รู้ว่ามีอัณญาเดินตามไปติดๆ กระทั่งบาลีมาหยุดอยู่ตรงที่ด้านหน้าเวทีอย่างไม่รู้ตัวได้สบตากับผู้ชายที่กำลังเล่นกีตาร์ร้องเพลงอยู่บนเวทีที่ยกพื้นจากพื้นร้านไม่มาก บาลีถึงกับน้ำตาซึม เมื่อเขาส่งยิ้มบางๆ ให้ ทว่านัยน์ตาคมซึ้งนั้นบอกอะไรมากมายกับเธอ ความรักของเขายังอยู่กับเธอ นั่นคือสิ่งที่บาลีรับรู้ได้ทันที กระทั่งเสียงเพลงจบลง นักร้องก็พูดทักทายแขกในร้าน ก่อนจะบอกว่า“เพลงนี้ผมแต่งตอนเรียนปีสี่ แต่กว่าจะออกซิงเกิ้ลได้ก็เรียนจบปริญญาโทแล้ว เป็นเพลงที่แต่งเพราะเจอหน้าผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เป็นรุ่นน้องในมหา’ ลัย ซึ่งคนคนนั้นก็คือ ผู้หญิงคนนี้เองครับ” พูดจบก็ผายมือมาท
ยินดีต้อนรับ“แต่งตัวสวยๆ เลยนะ นั่งนอนอดอู้อยู่แต่ในบ้านได้ยังไง” อัณญาขึ้นเรือนมาในเวลาเย็นย่ำก็บ่นทันที เมื่อเห็นบาลีนั่งเหม่ออยู่บนโซฟาในมุมนั่งเล่น ส่วนลูกชายนั้นหลังจากรู้ว่าอัทธ์เป็นพ่อจริงๆ ก็กระโดดโลดเต้น เพราะน้องอิฐก็รักอัทธ์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ทำตัวเป็นผู้จัดการสนามเด็กเล่นในบริเวณร้านอาหาร จริงๆ คือไปเล่นเป็นเพื่อนเด็กๆ ลูกหลานของลูกค้าที่มากินข้าวในร้านอีกที “จะให้ไปไหน ฉันไม่มีอารมณ์อยากไปเตร็ดเตร่ที่ไหนหรอกนะ”“ไม่ได้จะให้ไปเตร็ดเตร่ที่ไหนย่ะ แต่อยากให้ไปช่วยต้อนรับแขก วันนี้วันหยุด คนเข้าร้านตรึม ฉันยืนรับแขกคนเดียวไม่ไหว”“พนักงานก็มีตั้งเยอะแยะ” อัณญาเป็นผู้บริหารโรงแรมดัง มายืนต้อนรับแขกในร้านอาหารที่แฟนเป็นผู้จัดการ เพราะเจ้าของสถานที่ตัวจริงนั้นมีอาการป่วยใจ ไม่ยอมออกนอกบ้านมาหลายวันแล้ว ดีว่าลูกชายปิดเทอม เลยหมกตัวอยู่แต่ในบ้านได้สบาย“ก็แขกเยอะไง พนักงานก็รับออร์เดิร์ฟแทบไม่ทัน อย่าลีลา ไปแต่งตัวสวยๆ”“ทำไมต้องสวย” บาลีย้อนถามน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย“โอ๊ย ถามเยอะถามแยะจัง ก็วันนี้พิเศษไง พี่ดินจ้างนักร้องที่ดังมาก และหล่อมาก เล่นกีตาร์ก็เทพ ร้องเพลงก
ถึงมันจะดึกแค่ไหน แต่เพราะเขานอนไม่หลับ ไหนจะโทรศัพท์จากสารพัดผู้คน ที่เกี่ยวข้องโดยตรงและทางอ้อม แต่เขาไม่มีแก่ใจหรืออะไรที่ชัดเจนมากพอจะตอบคำถามของใคร ทำได้แค่ปิดเครื่อง อยากข่มตาให้หลับ เพราะพรุ่งนี้เขามีงานถ่ายแบบกับนิตยสารเล่มหนึ่ง ทว่าก็หลับไม่ลง มีคำถามวิ่งวุ่นในหัว สับสนในใจ หากว่าเรื่องที่เป็นข่าวอยู่ในตอนนี้ เป็นจริงหรือเพียงข่าวลือ!จนสุดท้ายก็ตัดสินใจส่งข้อความหาบาลี เพราะไม่ว่าอย่างไรคงหนีความจริงไปไม่ได้ ซึ่งคนที่จะตอบเขาได้อย่างชัดเจนก็คงเป็นเธอคนเดียวอัทธ์ : นอนหรือยังครับบาลี : ยังค่ะ อัทธ์ : งั้นพี่โทร. หานะบาลี : ค่ะจากนั้นเขาก็โทร. หาหญิงสาวทันที พร้อมกับคำถามแรกอย่างไม่อ้อมค้อม เมื่ออีกฝ่ายกดรับสายของเขา“คืนนั้นเป็นลีจริงๆ เหรอ” เขารู้ว่าคืนนั้นไม่ใช่น้ำส้ม แต่ที่ผ่านก็ไม่คิดว่าเป็นบาลี [ค่ะ ขอโทษพี่ด้วยที่ก่อนหน้านั้นไม่ได้บอกพี่] “แล้วทำไมไม่บอก”[ลีไม่แน่ใจว่าพี่จะ...รู้สึกยังไงกับลี หลังจากรู้ว่าคืนนั้นเป็นลี]ทำไมล่ะ[เหมือนลีฉวยโอกาสกับพี่ ที่ทั้งพี่เป็นไข้และเมา]“คิดแบบนั้นได้ยังไง พี่เริ่มก่อนไม่ใช่เหรอ”[แต่ลีก็ไม่ได้ห้าม แถมคล้อยตาม]“ก็ อืมมัน