ความจริง วันนี้มันควรจะเป็นวันที่แจ่มใส และเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น เพราะว่าเป็นวันเปิดกล้องละครเรื่อง ไร่แสนเสน่หา ทีมงานก็เตรียมความพร้อมทุกอย่างไว้เรียบร้อย รวมทั้งนักแสดงที่เข้าฉากวันนี้ก็มาครบ ขาดแต่เด็กชายอิฐที่เล่นเป็นลูกชายของเขานั้นยังไม่เห็นมา โลเคชันที่นอกจากบริเวณไร่แล้ว ส่วนที่เป็นบ้านพักของพระเอกกับลูกชายนั้น เป็นรีสอร์ตที่อยู่ใกล้ๆ ไร่นี่เอง มันสะดวกกับเด็กชายอิฐที่ไม่ต้องเดินทางไกลบ้าน ก็ไม่แปลกที่ผู้ปกครองของเด็กชายอิฐจะอนุญาตให้มาเล่นละครเป็นครั้งแรก ภายในไร่ มีเต็นท์สำหรับแต่งตัว และพักผ่อนสำหรับทุกคน อากาศร้อนบ้าง แต่ก็ลมพัดผ่าน ที่สำคัญวิวสวย มองเห็นทิวเขาล้อมรอบ ต้นไม้เขียวขจี และไร่องุ่นที่กว้างขวาง เขาควรจะรู้สึกผ่อนคลายกับบรรยากาศดีๆ แบบนี้ แต่เพราะติดต่อบาลีไม่ได้มาหลายวัน จึงทำให้เขารู้สึกในทางตรงกันข้าม อัทธ์ไม่คิดว่าจริงๆ ว่าบาลีจะมีอิทธิพลกับความรู้สึกของเขามากขนาดนี้ ความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน รุ่งเช้าก็ต่างแยกย้าย เขาผ่านเรื่องแบบนั้นมามาก แต่กับบาลี อาจเพราะเขาคิดหวังมากกว่านั้น มันเลยรู้สึกไม่ดีมากๆ ที่เธอมีอะไรกับเขาคืนเดียว แล้วหายเงียบไป ราวกั
จบงานวันแรก เขาคิดว่าบาลีจะมารับลูกชาย แต่กลายเป็นผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ หล่อ เข้ม สูง ผิวสีแทน ยิ้มฟันขาวมาแต่ไกล ก่อนจะยกมือไหว้วีราวรรณ แล้วเดินไปหาเด็กชายอิฐ ก้มลงถามไถ่อะไรสักอย่าง“เฮ้ยดินมารู้จักทีมงานพี่หน่อยสิ” วีราวรรณเรียก “ครับ” อีกฝ่ายเดินมาหาวีราวรรณ แนะนำทีมงานทุกคนมาให้รู้จัก แล้ววีราวรรณก็บอกทุกคนว่า“นี่ดิน เป็นเจ้าของไร่อีกคนนะ และเป็นเพื่อนเจ้าวินตัวแสบของพี่ด้วย” พอวีราวรรณแนะนำชายหนุ่มชื่อดิน อัทธ์ถึงกับคิ้วมุ่นเข้าหากัน หมายความว่าอย่างไร เป็นเจ้าของไร่อีกคน นั่นแสดงว่า...“แล้วเป็นอะไรกับน้องอิฐเหรอคะ” เมทิตาถามขึ้นเหมือนรู้ใจเขา“เป็นลุงครับ” น้องอิฐนั่นเองที่เป็นคนตอบ “แม่ก็สวย ลุงก็หล่อ แล้วพ่อน้องอิฐหล่อไหมนะ” เมทิตาถามไปตามน้ำ“ไม่ทราบครับ อิฐไม่เคยเจอ” ทุกคนนิ่งไปทันที คนที่ถามเท่านั้นที่ทำหน้าเลิ่กลั่ก แล้วเอ่ยขอโทษ เด็กชายอิฐจึงยิ้มตอบ ธรินท์ถือโอกาสเอ่ยขอตัวกับทุกคนพาเจ้าตัวเล็กกลับบ้าน โดยมีพี่เลี้ยงของเด็กชายอิฐเดินตามหลังมาติดๆ“แง พี่วีราน่าจะบอกกันหน่อย ว่าน้องอิฐไม่มีคุณพ่อ” เมทิตาหันไปบ่นกับวีราวรรณ “พี่ก็เพิ่งรู้เหมือนกันนี่แหละ”จากนั
“แล้วที่มาหาพี่วันนี้ มีอะไร...หรือเปล่า” เขาอยากจะถามตรงๆ ว่า ‘มีอะไรจะบอกพี่หรือเปล่า’ ด้วยซ้ำ แต่ก็อยากดูท่าทีของบาลีเสียก่อน ว่าพร้อมที่จะบอกเขาเรื่องที่เป็นแม่เด็กชายอิฐ และเป็นเจ้าของไร่แสงอุษา“อยาก...เอ่อ ขอโทษค่ะ”“เรื่อง...” จริงๆ เขาโกรธที่เธอไม่ติดต่อกลับมา แต่พอรู้ว่าโทรศัพท์หายก็พอเข้าใจ แต่เรื่องน้องอิฐกับเรื่องเป็นเจ้าของไร่แสงอุษานั้น บาลีก็น่าจะบอกเขาให้รับรู้แต่แรกไม่ใช่หรือ “ที่ไม่ได้บอกพี่ตั้งแต่แรกว่าน้องอิฐเป็นลูกของลี” เธอคิดว่าอัทธ์ติดใจเรื่องนี้ “ทำไมถึงไม่บอกล่ะ อย่าบอกนะว่าอยากเซอร์ไพรส์ ซึ่งมันก็ได้ผลจริงๆ เพราะเซอร์ไพรส์มาก”หน้าตาตอนนั้นบาลีก็คิดว่าเขาเซอร์ไพรส์จริงๆ นี่ถ้าบอกน้องอิฐเป็นลูกของเขา อัทธ์คงช็อก ซึ่งเธอจะไม่มีวันบอกเขา หากว่ายังไม่แน่ใจว่าความสัมพันธ์ในครั้งนี้ ว่ามันจะไปไกลได้แค่ไหน สำหรับเธอนั้นมอบทั้งกายและใจให้แบบนั้น ไม่มีอะไรจะเปลี่ยนใจได้ง่ายๆ แต่สำหรับอัทธ์นั้น เธอยังต้องดูต่อไป“ก็กะจะบอกตั้งแต่วันที่เรานัดเจอกันวันแรก แต่พี่ก็ขอตัวไปคุยงานก่อน ส่วนวันก่อน...ก็อย่างที่รู้ ไม่มีจังหวะเลย”เพราะหันไปทำกิจกรรมเข้าจังหวะกันก่อนน่ะสิ
“อืม อ่าห์” อัทธ์ครางเสียงแหบพร่า กับมือนุ่มๆ ที่ทั้งลูบไล้ และขยับ ก่อนที่ริมฝีปากนุ่มจะก้มลงทักทาย“ซี๊ดด” ถึงคราวที่อัทธ์ครางไม่เป็นภาษา เมื่อปลายลิ้นนั้นไล้จูบตั้งแต่โคนถึงปลาย แล้วแตะลิ้นรัวๆ ที่ปลายจนหยาดน้ำจากยอดซึมออกมา“ลี อืม เสียวมากๆ เลย อ่าห์” แล้วเขาก็แหงนหน้าสูดปาก เมื่อปากของเธอครอบลงบนแท่งร้อน แล้วรูดขึ้นลง ขณะที่ลิ้นก็ไล้ขึ้นลง “เก่งจัง ใครสอนเหรอ”“ดูจากหนังโป๊ค่ะ” “อือ เห็นเรียบร้อยแบบนี้ ดูด้วยเหรอ”“คนเรียบร้อยก็มีความรู้สึกตามธรรมชาติเหมือนคนอื่นนั่นแหละค่ะ” เธอบอกแล้วยิ้มเขิน “งั้นเวลาดูหนังแบบนั้นแล้ว ช่วยตัวเองไหม”“ก็ต้องมีบ้าง”“ในตอนนั้น ลีฝันถึงใคร พระเอกหนังโป๊เหรอ” “ก็ต้องฝันถึงคนที่ตัวเองชอบสิ” “พี่งั้นเหรอ”“อือ” เธอพยักหน้ารับอย่างเขินๆ“ฝันว่าไงบ้างล่ะ”“ไม่เอา ไม่บอก” เธอบอก แล้วทำท่าจะก้มลงจัดการกับแท่งเนื้อของเขาต่อ แต่อัทธ์ขยับออก แล้วดันร่างเธอนอนลงบนโซฟา ยกขาเธอพาดบ่า ก่อนจะเอาแท่งร้อนเข้าไปจ่อร่องสวาทที่ยังฉ่ำเยิ้ม“ฝันว่าพี่ทำแบบนี้น่ะเหรอ” เขากดหัวบานนั้นเข้าไปข้างนั้น และบาลีก็สูดปากครางอย่างเสียวซ่าน “อือ...พี่อัทธ์ขา ลีเสียว อ๊ะ”
คนเก่ากับเรื่องเก่าๆ บาลีไม่อยากแสดงพิรุธเวลาอยู่ต่อหน้าทีมงานและนักแสดงคนอื่นๆ กลัวเผลอแสดงท่าทีพิเศษต่ออัทธ์ เธอจึงให้ ธรินท์พาลูกชายมากองถ่าย พร้อมด้วยพี่เลี้ยงเหมือนเคย ขณะที่ตัวเธอนั้นก็นั่งทำงานอยู่บ้าน ซึ่งงานบัญชีที่เธอดูแลก็ไม่ได้มีอะไรยุ่งยาก เพราะเป็นธุรกิจในครอบครัวในช่วงพักเที่ยงอัณญาก็โทร. มาบอกว่าตอนนี้มาถึงบ้านเกิดแล้ว ให้เธอออกไปกินมื้อเที่ยงด้วยกันที่บ้านของเจ้าตัว ซึ่งมีรั้วติดกันกับโรงแรมของครอบครัวบาลีไปถึงบ้าน หรือเรียกว่าคฤหาสน์ของตระกูลรัตยากุลของเพื่อนสนิท ในเวลาที่แม่บ้านตั้งโต๊ะต้อนรับนายสาวกลับบ้านพอดี “โอ๊ย ลาภปากทั้งนั้น” เพราะของกินบนโต๊ะละลานตามาก “กินเลยๆ” อัณญาบอกเพื่อน “กินสองคนนี่นะ” “เออ ก็สองคนน่ะสิ” “ผมขอกินด้วยได้ไหม” อธิปโผล่หน้าเข้ามาในห้องกินข้าว แต่อัณญาโบกมือไล่ อีกฝ่ายหน้าจ๋อย แล้วผลุบหายไปทันที “แก ใจร้ายกับน้องกับนุ่งนะ” “ของกินที่อยู่บนโต๊ะเนี่ย ยังเหลือเพียบในครัว มันอยากกินก็ให้ป้านวลหรือเด็กรับใช้ตักไปเสิร์ฟในห้องอื่นก็ได้จ้า ตอนนี้ฉันอยากกินข้าวกับแกตามลำพัง” “แล้วแม่เลี้ยงแกหายไปไหน”“หายไปกับชู้รักมั้ง”“เฮ้ย บ้า แกพ
สองสาวคุยกันเพลิน กระทั่งบ่ายจัด บาลีจึงขอตัวกลับ มาถึงบ้านก็เห็นป้ามอญที่นั่งพักผ่อนอยู่ในห้องนั่งเล่น มีเด็กรับใช้นั่งบีบนวดขาให้“ยังไม่เลิกกองฯ อีกเหรอ” “เลิกแล้ว ตอนนี้เตะบอลกันอยู่” “เลิกเร็วเหมือนกันนะ” บาลีจึงลงจากเรือน ตรงไปยังสนามหญ้าข้างบ้านที่ถูกใช้เป็นสนามฟุตบอล ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำ ทำให้แสงสีส้มระบายไปทั่วท้องฟ้า ทำให้ขุนเขารอบด้านเกิดแสงละมุนยามใกล้พลบค่ำ ลมเย็นพัดผ่านให้สดชื่นบาลีรักบ้านเกิดที่นอกจากมีธรรมชาติที่สวยงาม อากาศดี ครอบครัวก็อบอุ่น ดูแลกันและกันได้ดี แม้จะไม่ใช่สายเลือดเดียวกันอย่างป้ามอญกับธรินท์ บาลีเดินเอื่อยๆ ด้วยความสบายใจ กระทั่งมาถึงสนามหญ้าข้างบ้านยอมรับว่าตะลึงไปชั่วขณะ เพราะนอกจากธรินท์กับลูกชายเธอ และเด็กชายเตเต้แล้ว ยังมีเจ้าของร่างสูงสง่าของหนุ่มรูปหล่อ ซุป’ ตาร์คนดังร่วมเตะบอลด้วยเท่านั้นไม่พอ ข้างๆ สนาม มีบรรดาสาวชาวไร่องุ่น รวมทั้งเด็กรับใช้ในบ้าน ยืนเชียร์นักฟุตบอลอยู่ริมสนาม ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเชียร์ใครบาลีแอบยิ้มเมื่อเห็นว่าอัทธ์กับลูกชายนั้นอยู่ทีมเดียวกัน เธอยืนมองห่างๆ อยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเดินกลับเรือนด้วยรอยยิ้มแต้มหน้า ก็ม
ทั้งสองคุยกันต่ออีกนิดหน่อย ก่อนที่อัทธ์จะล่ำลา ขับรถกลับที่พัก ส่วนบาลียิ้มกริ่มขึ้นเรือน โดยไม่รู้ว่ามีสายตาของใครบางคน หรือมากกว่านั้นแอบมอง ตั้งแต่เธอโดนโอบกอดและถูกหอมแก้มแล้วสีหน้าของใครบางคนจึงมีเพียงคิ้วขมวดมุ่นเข้าหากัน พร้อมกับความสงสัยบางอย่างที่เหมือนจะเริ่มค่อยๆ กระจ่างขึ้น กำลังจะเปิดประตูเข้าห้องพัก เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เป็นนางเอกคู่จิ้นของเขานั่นเองที่โทร. มา นึกสงสัยว่าโทร. มาทำไมเวลานี้ แต่ก็กดรับ“ว่าไง” “อือๆ พี่อัทธ์ช่วยเมด้วย ฮือๆ” “เกิดอะไรขึ้น!” รู้สึกตกใจเช่นกันที่ได้ยินปลายสายร้องห่มร้องไห้ พร้อมขอความช่วยเหลือ“เขาทำร้ายเมค่ะ ฮือๆ” “เขาไหน!”“คุณพัท ตอนนี้เขาอยู่ในห้อง!” หญิงสาวเอ่ยชื่อแฟนหนุ่มไฮโซฯ ที่คบกันมาได้สองปี“แล้วเมอยู่ไหน”“อยู่ในห้องน้ำค่ะ ฮือๆ ช่วยเมด้วย”“เดี๋ยวพี่ไปหา” ชายหนุ่มตรงไปยังห้องพักของเมทิตาทันที ซึ่งอยู่ถัดจากห้องเขาไปไม่กี่ห้องอัทธ์เข้าใจที่อีกฝ่ายโทร. ขอความช่วยเหลือจากเขา เพราะเขากับเมทิตามาถ่ายละครที่นี่ ไม่ได้มีผู้จัดการหรือคนติดตามมาดูแลทุกวันเหมือนสมัยแรกๆ ที่เข้าวงการ เพราะโตมากพอจะดูแลจัดการตัวเองได้ แต่เมทิต
คำพูดยืดยาวของอัทธ์ทำให้เมทิตาปล่อยโฮทันที เพราะนั่นคือเรื่องจริงที่สุด เธอมาจากครอบครัวธรรมดาจากต่างจังหวัดก็จริง แต่ก็ถูกเลี้ยงดูมาจากพ่อแม่ที่มอบความรัก ความอบอุ่นและทะนุถนอมอย่างดี การคบหากับอัทธ์เป็นเวลาสามปี ทำให้เขารู้จักกับครอบครัวเธอดีพอสมควร“ขอโทษ พี่พูดมากไปจริงๆ แหละ” เขาโทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุให้เมทิตาร้องไห้ไม่หยุด จากนั้นก็เดินไปหากล่องยาสามัญ มียาทาแผล และยาแก้ปวด เขาทายาให้เธอ แล้วให้กินยาแก้ปวด บอกให้หญิงสาวไปนอนในห้องนอน ส่วนเขานอนในห้องนั่งเล่นเมทิตานอนน้ำตาซึม เพราะคำพูดของอัทธ์มันจี้ใจดำเธอเหลือเกิน แต่ไม่สายเกินไปที่เธอจะกลับมารักตัวเองอีกครั้ง หลังจากที่หลงทางกับความรักมานาน จริงๆ เมทิตาไม่ได้หลงรักพัทจนโงหัวไม่ขึ้นขนาดตัดใจไม่ได้ แต่เธอเพียงอยากเป็นคนรักไฮโซฯ หนุ่ม เธออยากเป็นสะใภ้ไฮโซฯ ตระกูลดัง ที่แสนร่ำรวย เพราะคิดเสมอว่าตนเองถึงจะเป็นนางเอกดังแค่ไหน แต่พื้นเพครอบครัวนั้นเป็นคนธรรมดา ก่อนที่เธอจะมาเป็นนางเอกดัง พ่อกับแม่เป็นเพียงพ่อค้าแม่ค้าในตลาดนัดเท่านั้นแต่หลังจากเลิกกับอัทธ์ ผู้ชายที่เธอคบหาล้วนเป็นไฮโซฯ ตระกูลดังทั้งนั้น แต่คบได้แค่ไม่นาน เธอก็ถู
“ฉันห่วงแกนั่นแหละ ทำงานเยอะไปแล้ว เป็นเจ้าของโรงแรมยังไง วันหยุดแทบไม่มี เวลาพักผ่อนน้อย เห็นพี่ดินบ่นนอนดึกทุกคืน”“เออ หลังแต่งงาน ฉันจะทำงานน้อยลง จะจ้างผู้ช่วยเพิ่ม และไอ้เอใกล้เรียนจบแล้ว ก็มาช่วยแบ่งเบางาน ฉันจะหยุดเสาร์อาทิตย์และวันนักขัตฤกษ์ให้ดู” อัณญาเอ่ยถึงน้องชายต่างแม่ ที่ตอนนี้อธิปกำลังเรียนปริญญาโทที่เมืองนอก “ดีแล้วแก ฉันจะได้มีเพื่อนคุย เพื่อนช้อป” “แหม เห็นไปช้อปกับยัยพิมและยัยรตีในเมืองบ่อยๆ” คนหลังนี่ ปรับปรุงนิสัยดีขึ้น บาลีเลยยอมคุยดีๆ ด้วย เพราะจะว่าไปรตีเป็นเพื่อนคนเดียวในละแวกนี้ที่ชอบดูซีรีส์เกาหลีเหมือนบาลี ทั้งสองเลยคุยกันได้มากขึ้น “บ่อยที่ไหน เดือนละครั้งสองครั้ง” “ตกลงยัยรตี มันคืนดีกับไอ้พี่วันหรือยัง”“ยังเลย มันบอกเจ็บแล้วจำ และมันรู้สึกว่าไอ้พี่วันอยากกลับมาคืนดี เพราะไม่มีที่ไปมากกว่าจะคิดได้ว่ารักมันกับลูก”“โอ๊ย จู่ๆ ยัยรตีก็ฉลาดขึ้นมางั้นเลย” “ก็แหงสิ ใครมันจะฉลาดมาตั้งแต่เกิดเหมือนเธอละยะ!” เสียงแว้ดขึ้นมาก่อนเจ้าตัวจะเดินเฉิดฉายมานั่งในศาลา จากนั้นก็ส่งค้อนให้อัญญา “แหะๆ ขอโทษนะแก ฉันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เมื่อก่อนไอ้พี่วัน มันก็ไม่เห็นว่าจ
ตอนพิเศษ “น้องอิงคะ วิ่งช้าๆ เดี๋ยวล้มนะลูก” น้ำเสียงทุ้ม ที่ร้องห้ามลูกสาววัยสามขวบนั้นอ่อนโยน จนคนได้ยินถึงกับเอ่ยชม“พี่อัทธ์ เป็นพ่อที่แสนดีอบอุ่นเหมือนเตาไมโครเวฟเลย” อัณญาว่า ขณะมองตามพระเอกหนุ่มที่แทบจะหันหลังให้วงการบันเทิงมาเป็นพ่อบ้านเต็มตัว เพื่อดูแลลูกทั้งสอง “เตาไมโครเวฟกี่องศาดีล่ะ” คนที่พูดคือธรินท์ ที่นั่งอยู่ข้างๆ แฟนสาว ซึ่งเดือนหน้าก็จะเข้าพิธีวิวาห์กันแล้ว “แหม ก็ต้องไฟกำลังพอดี อุ่นๆ สิ” “แล้วพี่นี่ต้องกี่องศา หือ” คนถามทำตามกรุ้มกริ่มใส่ว่าที่เจ้าสาวด้วย“จะบ้าเหรอ มาถามอะไรแบบนี้” อัณญาปาเม็ดอัลมอนด์ที่กำลังกินเป็นของว่างยามบ่ายใส่ว่าที่เจ้าบ่าว “งั้นคืนนี้...”“ฮะ แฮ่ม นี่คิดว่าอยู่กันสองคนหรือไง!” คนที่แว้ดออกมานั้นคือบาลี ซึ่งกำลังเคี้ยวมะม่วงเปรี้ยวจิ้มพริกเกลืออย่างเอร็ดอร่อย พอได้ฟังว่าที่บ่าวสาวคุยกันท่าทางจะออกนอกลู่นอกทาง เลยต้องเบรกไว้ก่อน “แกเหอะ กินของเปรี้ยวแบบนี้ แพ้ท้องหรือเปล่า”“ไม่ได้แพ้ แค่อยากินไรเปรี้ยวๆ แก้เลี่ยนความหวานของแกกับพี่ดินนี่แหละ” ทั้งสามนั่งคุยกัน พร้อมกินของว่างยามบ่ายจัด ที่แดดอ่อนแสงไปแล้ว อยู่ใต้ซุ้มไม้ใหญ่ข้างบ้าน ท
“เหนื่อยไหมครับลูก” อัทธ์ถามลูกชาย ขณะเอนตัวลงนอนเคียงข้างลูกชาย อยู่ในชุดนอนเรียบร้อยกันทั้งสามคน ส่วนบาลีนั้นนอนอยู่อีกฝั่ง ข้างลูกชายเช่นกัน และเธอกำลังไล่ดูภาพของเพื่อนๆ อัทธ์ ที่ทยอยโพสต์ภาพงานในอินสตาแกรม ยิ้มแก้มปริเมื่อเห็นรูปของตัวเองที่สวยเกือบทุกภาพ ส่วนอัทธ์กับน้องอิฐนั้น ไม่ต้องกังวล คือหล่อทั้งสองคน ก็เพราะคนพ่อเป็นดาราระดับซุป’ ตาร์ ส่วนลูกชายนั้น นักแสดงเด็กอนาคต ซุป’ ตาร์ ตามรอยพ่อเลยนะ “ลี เลิกเล่นโทรศัพท์ และปิดไฟได้แล้ว เลยเวลานอนมาสองชั่วโมงแล้วนะ” อัทธ์บอกบาลีเสียงจริงจัง“ได้ค่ะ คุณพ่อตัวอย่าง” แล้วเธอก็ปิดโคมไฟ แล้วขยับตัวไปกอดลูกชายหลวมๆ“พ่อครับ ร้องเพลงให้ผมฟังหน่อย”“ได้สิ เพลงอะไรดี” “ทวิงเคิลลิทเทิลสตาร์ครับ” “ได้ครับ” บาลีแอบยิ้มอยู่ในความสลัวภายในห้อง เพราะเพลงนี้เป็นเพลงกล่อมนอนเพลงโปรดของลูก แต่เธอร้องเพลงไม่เพราะ จึงเปิดคลิปเสียงให้ลูกฟังทุกวันตั้งแต่เด็กแบเบาะ โตแล้วก็ยังชอบฟังก่อนนอน คงเห็นว่าพ่อเป็นนักร้องเสียงเพราะที่สุดในโลก เจ้าตัวก็คงอยากฟังเพลงกล่อมนอนเพลงโปรดของตนเอง ทวิงเคอ ทวิงเคอ ลิทเดิท สตาร์ ฮาว ไอ วันเดอร์ วอท ยูว์ อาร์ อัพ
บทส่งท้าย ‘ฉันกำลังฝันไปอยู่หรือเปล่า’ บาลีครุ่นคิดในใจ ขณะมองเงาที่สะท้อนในกระจก หญิงสาวที่อยู่ในชุดแต่งงานสีขาวเกาะอก ผมยาวคลุมเข่า เกล้าผมสูง โชว์ใบหน้าเรียว แต่งหน้าอย่างประณีต ด้วยฝีมือ เมกอัพอาร์ตติสชื่อดังของวงการ ที่เจ้าบ่าวเป็นคนจ้างมา รวมทั้งชุดที่เธอสวมใส่ก็จากแบรนด์หรู เครื่องประดับ ทั้งสร้อย ต่างหูและกำไลข้อมือก็เช่นกัน ยกเว้นแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย ซึ่งเป็นแหวนหมั้นจากตระกูลอัครพิสุทธ์ ที่มารดาของอัทธ์เป็นคนส่งมอบให้อัทธ์มาเพื่อหมั้นเธอ “ว้าว เมื่อเช้าชุดไทยก็ว่าสวยแล้ว ตอนนี้ก็สวยยิ่งกว่า” คนที่พูดไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเจ้าบ่าวที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องแต่งตัวเจ้าสาวนั่นเอง อัทธ์อยู่ในชุดสูทสีเทาของแบรนด์ดัง ผมยาวระต้นคอถูกเซ็ทอย่างดี ปกติก็หล่ออยู่แล้ว พอเป็นเจ้าบ่าว ราศีสามีของบาลีก็พุ่งทะลุทุกแสงบนโลกนี้ทั้งสองแยกห้องแต่งตัวเพราะมีเพื่อนๆ ครอบครัวและญาติของทั้งสองฝั่งมานั่งพักรองาน หรือมาพูดคุยทักทายก่อนงานเริ่มตอนนี้ถึงเวลาต้องลงที่ห้องจัดเลี้ยงของโรงแรม ซึ่งเป็นโรงแรมขุนเขาของครอบครัวอัณญานั่นเองหลังจากพิธีช่วงเช้า ซึ่งมีแต่คนในครอบครัวและเพื่อนสนิทเท่านั้น
อัทธ์อยากทรมานบาลีให้นานกว่านี้ แต่มันก็ทำให้เขาทรมานไปด้วย แกนกายเขาแข็งขึงจนปวดร้าวไปหมด บาลีในตอนนี้ก็เหมือนนางแมวยั่วสวาท สาวเรียบร้อยอ่อนหวาน น่าตาน่ารัก ปากนิดจมูกหน่อย เวลาตกอยู่ในห้วงราคะ โคตรยั่วอารมณ์ เพราะเธอจะแสดงออกตรงๆ พูดตรงๆ แบบไม่เหนียมอาย“นะ พี่อัทธ์ขา ลีอยากโดนแล้ว กระแทกแรงๆ ลีเสียวจนจะขาดใจแล้ว อือ อา” สิ้นคำอ้อนวอนนั้น เธอก็ครางยาว เพราะอัทธ์ก้มลงเลียน้ำหวานเยิ้มจากกลีบอวบของเธอที่ปลิ้นจากบิกินี ก่อนนาทีต่อมาเขาจะกระชาหลุดออกมากองที่ปลายขาด้านหนึ่งอัทธ์ไล้ปลายลิ้นเลียตั้งแต่ปลีน่อง สูงขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงข้อพับ และใช้ลิ้นลากไล้ตรงนั้นนานหน่อย และทำให้บาลีสูดปาก ครางระงม ด้วยความเสียวซ่าน กระทั่งปลายลิ้นค่อยๆ ไต่สูงมาถึงโคนขาด้านใน ใจของบาลีสั่นสะท้าน กายสั่นระริกด้วยรอคอยบางอย่าง กระทั่ง...สัมผัสได้ถึงความชื้นจากปลายลิ้นสากที่ลากแหวกกลีบอูม แตะลงเกสรบวมเป่งเพราะอารมณ์ปรารถนา “อ๊ะ อา” เธอครางอย่างสุขซ่าน เพราะการรอคอยนั้นมาถึงแล้ว ปลายลิ้นสากชื้นที่ลากไปบนผิวอ่อนนุ่มของกลีบอวบ และสะกิดเข้ากับเกสรที่อ่อนไหว สวรรค์ชั้นไหนก็ไม่สำคัญเท่ากับสวรรค์ที่อัทธ์กำลังพาเธ
“สรุปลีโดนหลอก” คนที่บอกว่าตัวเองโดนหลอกนั้น พูดด้วยสีหน้ายิ้มๆ แถมยังยกมือซ้ายขึ้นมาเพื่อชื่นชมแหวนเพชรเม็ดโต เพราะคืนนี้ทุกคนรู้เห็นเป็นใจกับเรื่องในคืนนี้ ไม่ว่าจะเป็นธรินท์ อัณญา ป้ามอญ ลุงปราบ ไม่เว้นแม้แต่เจ้าตัวเล็ก ถึงว่าแต่งตัวหล่อกว่าทุกวันตอนนี้ทั้งสองเอนตัวเคียงข้างลงบนเตียง หลังจากพาลูกชายเข้านอนเรียบร้อยแล้ว แน่นอนเป็นบรรยากาศแบบ พ่อ แม่ ลูก อย่างแท้จริง เพราะเธอกับอัทธ์ผลัดกันอ่านนิทานให้ลูกฟัง ลูกชายเธอก็คงตื่นเต้นดีใจ ที่นอกจากได้รับรู้ว่าอัทธ์เป็นพ่อแท้ๆ แล้ว เจ้าตัวยังได้ของขวัญต้อนรับหลานชายจากครอบครัวพ่ออีกหลายชิ้น เจ้าตัวเล็กก็เลยนอนดึกเป็นพิเศษ“เขาเรียกเซอร์ไพรส์ต่างหากครับ” อัทธ์แก้คำพูดของบาลี “สรุป พี่อัทธ์ไม่โกรธลีจริงๆ เหรอคะ”“โกรธครับ”“โกรธยังไงคะ ทำไมถึงขอแต่งงาน” บาลีถามสีหน้างงๆ“โกรธ แต่ก็รักและอยากอยู่ด้วยไงล่ะ” “แล้วทำยังไงถึงจะหายโกรธคะ” เธอถามยิ้มๆ เพราะแววตาร้ายกาจของเขาบ่งบอกว่าต้องการลงโทษเธอ “แน่นอน พี่ก็ต้องลงโทษลีหนักๆ อยู่แล้ว”“ลีพร้อมถูกลงโทษค่ะ” “พร้อมทุกอย่างนะ”“ค่ะ ทุกอย่าง ไม่อ้อนวอน ไม่ร้องขอใดๆ พี่ลงโทษได้ตามสบายเลยค่ะ” “
เมื่อได้ยินเสียงอินโทรลเพลง...บาลีคิดว่านักร้องวันนี้คงเอาเพลงเขามาร้อง ที่ผ่านมา ไม่เคยเข้าใจในรักแรกพบแต่เพียงสบตาเธอ ก็รู้ว่าความรู้สึกนั้นเป็นเช่นไรใจฉันเต้นแรง เฝ้ามองแต่เธอ โหยหาแต่เธอ วันๆ เอาแต่เพ้อเหมือนคนเป็นไข้อยากให้หัวใจเรานั้นตรงกัน................ทว่าพอเสียงเพลงผ่านลำโพงออกมาถึงด้านหน้าร้าน บาลีก็ถึงกับตัวชาและเพื่ออยากให้แน่ใจว่าเสียงนั้น คือเจ้าของผลงานตัวจริง บาลีจึงค่อยๆ เดินแหวกผู้คนเข้าไปในร้าน โดยไม่รู้ว่ามีอัณญาเดินตามไปติดๆ กระทั่งบาลีมาหยุดอยู่ตรงที่ด้านหน้าเวทีอย่างไม่รู้ตัวได้สบตากับผู้ชายที่กำลังเล่นกีตาร์ร้องเพลงอยู่บนเวทีที่ยกพื้นจากพื้นร้านไม่มาก บาลีถึงกับน้ำตาซึม เมื่อเขาส่งยิ้มบางๆ ให้ ทว่านัยน์ตาคมซึ้งนั้นบอกอะไรมากมายกับเธอ ความรักของเขายังอยู่กับเธอ นั่นคือสิ่งที่บาลีรับรู้ได้ทันที กระทั่งเสียงเพลงจบลง นักร้องก็พูดทักทายแขกในร้าน ก่อนจะบอกว่า“เพลงนี้ผมแต่งตอนเรียนปีสี่ แต่กว่าจะออกซิงเกิ้ลได้ก็เรียนจบปริญญาโทแล้ว เป็นเพลงที่แต่งเพราะเจอหน้าผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เป็นรุ่นน้องในมหา’ ลัย ซึ่งคนคนนั้นก็คือ ผู้หญิงคนนี้เองครับ” พูดจบก็ผายมือมาท
ยินดีต้อนรับ“แต่งตัวสวยๆ เลยนะ นั่งนอนอดอู้อยู่แต่ในบ้านได้ยังไง” อัณญาขึ้นเรือนมาในเวลาเย็นย่ำก็บ่นทันที เมื่อเห็นบาลีนั่งเหม่ออยู่บนโซฟาในมุมนั่งเล่น ส่วนลูกชายนั้นหลังจากรู้ว่าอัทธ์เป็นพ่อจริงๆ ก็กระโดดโลดเต้น เพราะน้องอิฐก็รักอัทธ์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ทำตัวเป็นผู้จัดการสนามเด็กเล่นในบริเวณร้านอาหาร จริงๆ คือไปเล่นเป็นเพื่อนเด็กๆ ลูกหลานของลูกค้าที่มากินข้าวในร้านอีกที “จะให้ไปไหน ฉันไม่มีอารมณ์อยากไปเตร็ดเตร่ที่ไหนหรอกนะ”“ไม่ได้จะให้ไปเตร็ดเตร่ที่ไหนย่ะ แต่อยากให้ไปช่วยต้อนรับแขก วันนี้วันหยุด คนเข้าร้านตรึม ฉันยืนรับแขกคนเดียวไม่ไหว”“พนักงานก็มีตั้งเยอะแยะ” อัณญาเป็นผู้บริหารโรงแรมดัง มายืนต้อนรับแขกในร้านอาหารที่แฟนเป็นผู้จัดการ เพราะเจ้าของสถานที่ตัวจริงนั้นมีอาการป่วยใจ ไม่ยอมออกนอกบ้านมาหลายวันแล้ว ดีว่าลูกชายปิดเทอม เลยหมกตัวอยู่แต่ในบ้านได้สบาย“ก็แขกเยอะไง พนักงานก็รับออร์เดิร์ฟแทบไม่ทัน อย่าลีลา ไปแต่งตัวสวยๆ”“ทำไมต้องสวย” บาลีย้อนถามน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย“โอ๊ย ถามเยอะถามแยะจัง ก็วันนี้พิเศษไง พี่ดินจ้างนักร้องที่ดังมาก และหล่อมาก เล่นกีตาร์ก็เทพ ร้องเพลงก
ถึงมันจะดึกแค่ไหน แต่เพราะเขานอนไม่หลับ ไหนจะโทรศัพท์จากสารพัดผู้คน ที่เกี่ยวข้องโดยตรงและทางอ้อม แต่เขาไม่มีแก่ใจหรืออะไรที่ชัดเจนมากพอจะตอบคำถามของใคร ทำได้แค่ปิดเครื่อง อยากข่มตาให้หลับ เพราะพรุ่งนี้เขามีงานถ่ายแบบกับนิตยสารเล่มหนึ่ง ทว่าก็หลับไม่ลง มีคำถามวิ่งวุ่นในหัว สับสนในใจ หากว่าเรื่องที่เป็นข่าวอยู่ในตอนนี้ เป็นจริงหรือเพียงข่าวลือ!จนสุดท้ายก็ตัดสินใจส่งข้อความหาบาลี เพราะไม่ว่าอย่างไรคงหนีความจริงไปไม่ได้ ซึ่งคนที่จะตอบเขาได้อย่างชัดเจนก็คงเป็นเธอคนเดียวอัทธ์ : นอนหรือยังครับบาลี : ยังค่ะ อัทธ์ : งั้นพี่โทร. หานะบาลี : ค่ะจากนั้นเขาก็โทร. หาหญิงสาวทันที พร้อมกับคำถามแรกอย่างไม่อ้อมค้อม เมื่ออีกฝ่ายกดรับสายของเขา“คืนนั้นเป็นลีจริงๆ เหรอ” เขารู้ว่าคืนนั้นไม่ใช่น้ำส้ม แต่ที่ผ่านก็ไม่คิดว่าเป็นบาลี [ค่ะ ขอโทษพี่ด้วยที่ก่อนหน้านั้นไม่ได้บอกพี่] “แล้วทำไมไม่บอก”[ลีไม่แน่ใจว่าพี่จะ...รู้สึกยังไงกับลี หลังจากรู้ว่าคืนนั้นเป็นลี]ทำไมล่ะ[เหมือนลีฉวยโอกาสกับพี่ ที่ทั้งพี่เป็นไข้และเมา]“คิดแบบนั้นได้ยังไง พี่เริ่มก่อนไม่ใช่เหรอ”[แต่ลีก็ไม่ได้ห้าม แถมคล้อยตาม]“ก็ อืมมัน