บาลีเอนตัวลงข้างๆ ลูกชายตัวป้อม ที่แม้จะขึ้นชั้นประถมหนึ่ง แต่ร่างกลมๆ ที่มีมาตั้งแต่ยังอายุไม่กี่เดือน ตอนนี้ก็ยังเป็นเด็กตุ้ยนุ้ย เพราะกินเก่ง เธอเองก็ไม่อยากจำกัดเรื่องอาหารลูก เพราะวัยกำลังกินกำลังนอน แค่ขนมหวานเท่านั้นที่ต้องปริมาณไว้บ้าง เพื่อสุขภาพที่ดีก็พาเจ้าตัวป้อมออกกำลังกายประจำ ซึ่งลูกชายของเธอชื่นชอบการเตะฟุตบอลเป็นอย่างมาก เห็นตุ้ยนุ้ยแบบนี้ วิ่งเร็วมาก
บาลีกับธรินท์ เลยต้องเป็นคู่ซ้อมของเจ้าตัวป้อม
มองเจ้าแก้มยุ้ยแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ อายุเจ็ดขวบ ทำไมต้องหล่อขนาดนี้
ถึงใบหน้าจะกลม แก้มป่อง แต่ดวงตาที่หลับพริ้มไปแล้วนั้น เรียวกว้าง แพขนตายาวงอน จมูกโด่งพ้นแก้มยุ้ยอย่างเห็นได้ชัด ปากหยักสวย ผิวขาวอมชมพูอีกต่างหาก
จะว่าหลงรูปโฉมลูกตัวเอง บาลีก็ยอมรับ ก็แหงสิ พ่อของเจ้าตัวป้อม หล่อระดับประเทศเลยนะ
ลูกชายจะน้อยหน้าได้อย่างไรล่ะ
คิดแล้วก็หอมแก้มยุ้ยฟอดใหญ่ ก่อนปิดโคมไฟหัวเตียง แล้วเดินกลับห้องนอนตัวเองที่อยู่ติดกับห้องลูกชาย ที่เพิ่งแยกห้องนอนเมื่อเรียนชั้นประถมหนึ่ง ตามที่ตกลงกันไว้ตามประสาแม่ลูก
แต่เพราะวันนี้ได้เจอคนที่ทำให้หัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่ได้เห็นหน้า คืนนี้บาลีข่มตาหลับได้ยากมากๆ แถมยังฟุ้งซ่าน คิดถึงวันเก่าๆ โดยเฉพาะคืนนั้น...
10 ปีก่อน
“แก พี่อัทธ์หล่อมากก” เพื่อนใหม่ลากเสียงยาว ตอกย้ำคำว่ามากนั้น มากจริงๆ
ส่วนคนที่กำลังถูกชื่นชม เป็นรุ่นพี่ปีสี่ กำลังร้องเพลงอยู่บนเวทีในงานรับน้องใหม่ของคณะบริหาร ถ้าเขาจะหล่ออย่างเดียวก็ไม่ว่าหรอก แต่นี่ร้องเพลงก็เพราะสุดๆ ไม่แปลกที่อีกฝ่ายถูกเลือกให้เล่นซีรีส์ ถึงแม้บทจะเป็นเพียงตัวรอง แต่เพราะบทและฝีมือ ทำให้คนดูพูดถึงเขามากกว่าพระเอกด้วยซ้ำ
“เชื่อสิ อีกไม่นานพี่อัทธ์จะต้องเป็นซุป’ ตาร์ อันดับต้นๆ ของเมืองไทยแน่นอน”
บาลีพยักหน้ารับกับคำพูดของเพื่อนใหม่ ที่แม้จะเพิ่งรู้จักกัน แต่ก็พูดคุยกันได้อย่างสนิทสนมในเวลาอันรวดเร็ว อาจเพราะกรี๊ดผู้ชายคนเดียวกัน
“โห ยัยส้มซ่า ท่าทางจะจองพี่เขาแล้ว” ปิ่น หรือปิยดา เอ่ยขึ้นน้ำเสียงเบื่อๆ เมื่ออัทธ์ร้องเพลงจบ น้ำส้ม ดาวคณะและดาวมหา’ ลัยของปีนี้ ก็ขึ้นไปคล้องมาลัยแบงก์พันจนท่วมคออัทธ์
“ก็เหมาะสมกันดี” บาลีพูดไปตามความจริง เพราะน้ำส้ม สวย รูปร่างดีจนได้เป็นดาวมหาลัย ส่วนอัทธ์เป็นทั้งอดีตเดือนคณะ และมหา’ ลัย ที่สำคัญดูเหมือนทั้งสองจะรู้จักสนิทสนมกันมาก่อน
“เขาคบกันไหมนะ” ปิยดาพึมพำ
“ท่าทางเหมือนจะใช่นะ” บาลีคาดเดา จากท่าทีของทั้งสอง
“ฮือๆ อกหักเลยเรา”
“ไม่เป็นไร เราอกหักเป็นเพื่อน” บาลีปลอบ แล้วทั้งสองก็หัวเราะร่วน
สำหรับบาลี การได้ชอบอัทธ์ มันก็เหมือนการได้กรี๊ดดาราคนหนึ่ง แต่การได้เห็นเขาใกล้ๆ แบบนี้ มันก็ทำให้เพ้อเกินคำว่ากรี๊ดดาราอยู่มาก
ยิ่งมีโอกาสได้เจอบ่อยๆ ด้วยแล้ว ใจก็เตลิดไปไกล
“น้องครับ น้องเสื้อฟ้า ลืมปากกาไว้บนโต๊ะครับ”
วันนั้นบาลีนั่งกินข้าวอยู่ในโรงอาหารตามลำพัง พอลุกจากเก้าอี้ ก็ได้ยินเสียงเรียกจากด้านหลัง
พอหันไปก็เห็นรุ่นพี่ในคณะสองคน คนที่เรียกเธอกำลังส่งยิ้มให้พร้อมกับยื่นปากกาให้ ส่วนอีกคนมองเธอนิ่งๆ แต่แค่นั้นก็ทำให้เธอใจสั่น
“เอ่อ ขอบคุณค่ะ” บาลีเอ่ยขณะเอื้อมมือไปรับปากกา แต่พอจะหมุนตัวกลับไป ก็ถูกเรียกอีกครั้งจากรุ่นพี่คนเดิม ที่เธอพอจะรู้จักอยู่บ้าง เพราะอีกฝ่ายเป็นเพื่อนในกลุ่มของอัทธ์
“น้องชื่ออะไรครับ”
“ชื่อบาลีค่ะ”
“พี่ชื่อนนท์นะ และนี่พี่อัทธ์ น่าจะรู้จักอยู่แล้วใช่ไหม” ท้ายประโยคนั้นหันไปมองเพื่อน ที่ไม่ว่าจะเดินไปไหน ก็ตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนเสมอ ก่อนจะเข้าวงการเสียด้วยซ้ำ เพราะหน้าตารูปร่างที่โดดเด่น
“ค่ะ” บาลียิ้มรับด้วยท่าทางเขินๆ ยิ่งได้สบตาคมกว้างของผู้ชายที่ทำให้ใจเต้น ก็รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวอย่างบอกไม่ถูก
จากนั้นเธอก็เอ่ยขอบคุณรุ่นพี่ที่เก็บปากกาให้อีกครั้ง แล้วค่อยๆ หมุนตัวเดินไปจากตรงนั้นทันที แม้จะรู้ว่าเดินมาไกลมากแล้ว แต่หัวใจของเธอก็ยังเต้นแรง
แค่สบตาไม่กี่วินาที ก็เป็นไปได้ขนาดนี้แล้ว
และเป็นแบบนั้นในทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าอีกฝ่าย แม้จะบอกตัวเองว่าชอบเขาไม่ต่างจากชอบดาราคนอื่นก็ตาม
แต่ไอ้ที่หัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่สบตา มันก็ไม่เกิดขึ้นยามเจอนักศึกษาคนอื่นที่เป็นนักแสดง
วันเวลาผ่านไป ความรู้สึกนั้นก็ซึมซับมากขึ้น กระทั่งอัทธ์เรียนจบ เขาพักงานแสดงไว้ ไปเรียนต่อปริญญาโทที่เมืองนอกสองปี
บาลีรู้ตัวทันทีในตอนนั้นว่าความรู้สึกของตนเองที่มีให้อัทธ์นั้นมากกว่าความรู้สึกชื่นชอบที่มีต่อดารา หรือนักร้องคนอื่นๆ
แต่การเก็บเขาไว้ใจ มันก็มีความสุขอีกแบบ ไม่เคยคิดฝันจะไปครอบครอง เพราะถึงคิดก็ไม่มีปัญญาไปทำแบบนั้นได้ เพราะเธอเจียมเนื้อเจียมตัว
และดูเหมือนอัทธ์จะยังคุยอยู่กับน้ำส้ม เพราะน้ำส้มชอบเล่าและโชว์ภาพขณะที่อัทธ์อยู่ที่อังกฤษให้เธอกับปิยดาดูออกจะบ่อย
::::::::::::::::::::::::
ตอนนี้น้ำส้มก็ถือว่าเป็นเพื่อนร่วมกลุ่ม แม้อีกฝ่ายจะดูเป็นลูกคุณหนู แต่ก็ไม่หยิ่ง จึงทำให้คบหากันได้อย่างสบายใจ“ตกลงเป็นแฟนกับพี่อัทธ์เหรอ” ปิยดาถามน้ำส้ม ในตอนที่กินมื้อเที่ยงด้วยกันในร้านอาหารข้างมหาวิทยาลัย“ไม่ได้เป็นขนาดนั้น” น้ำส้มตอบแล้วยิ้มมุมปาก“แล้วขนาดไหน” เพราะเธอกับปิยดาเห็นน้ำส้มคุยกับหนุ่มหล่อในมหา’ ลัยอยู่หลายคน ทั้งรุ่นน้อง รุ่นพี่และรุ่นเดียวกัน เน้นคนหน้าตารูปร่างดีทั้งนั้น“ก็กิ๊กๆ กันธรรมดา”“ไม่ได้ชอบกันมากขนาดจะเป็นแฟนเหรอ”“ก็ชอบนะ แต่ฉันยังไม่อยากมีแฟนเป็นตัวเป็นตน”“ชอบมีกิ๊กหลายคนว่างั้นเถอะ”“ก็สวยเลือกได้ปะล่ะ”“จ้า แม่คนสวยเลื่องลือระบือไกล” ปิยดาประชด แต่น้ำส้มหัวเราะร่วนถูกใจในคำพูดของปิยดา“แกนี่พูดจาได้โบราณดี”“ก็ฉันอยู่กับคนแก่บ้าอ่านนิยายพีเรียดไง”“แต่เธอ ไม่หัวโบราณใช่มั้ย”“ไม่จ้า ฉันสาวรุ่นใหม่ หัวทันสมัย”“งั้นคืนนี้ไปเที่ยวผับกันดีกว่า”“ไปสิ” ปิยดารับคำทันที“ลีไปเปล่า” น้ำส้มหันมาชวนบาลีส่ายหน้า พอเห็นน้ำส้มทำหน้าเบื่อๆ ใส่ บาลีก็ยิ้มแห้ง บอกเสียงอ่อยๆ“ก็เราไม่ชอบเสียงดัง ไม่ชอบกลิ่นเหล้า กลิ่นบุหรี่”“จ้า แม่นางเอกคนดี แสนเรียบร้อย”ตั
‘อยู่ที่ไหนนะ’บาลีลืมตาขึ้นมาทั้งที่ยังงัวเงีย ขณะมองไปรอบห้องอย่างงงๆ ก่อนจำได้ว่าเป็นห้องนั่งเล่นในคอนโดฯ ของน้ำส้มนั่นเองแต่เพื่อนๆ ไปไหน ทำไมเธออยู่คนเดียว หันไปมองนาฬิกาแขวนติดผนัง“นี่มันตีสามแล้วเหรอ” บาลีพึมพำเพื่อนๆ คงกลับหมดแล้ว คงเห็นว่าเธอเผลอหลับไป ทุกคนก็เลยปล่อยให้หลับต่อในห้องนั่งเล่น เพราะนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่บาลีหลับในห้องนั่งเล่นคอนโดฯ ของน้ำส้ม ตอนทำรายงานกลุ่ม หรือวันว่างเธอกับปิยดาก็มาจอยกับน้ำส้มออกบ่อยกำลังจะเอนตัวลงนอนต่อ ก็ได้ยินเสียงครางฮือๆ จากในห้องนอน เสียงเหมือนคนฝันร้าย หรือพร่ำบ่น และแปลกว่านั้น เสียงห้าวทุ้ม ไม่ใช่เสียงหวานใสของน้ำส้มแน่นอนกลัวก็กลัว เพราะไม่รู้ว่าใคร หรือน้ำส้มพาใครมาค้างด้วย ก็อย่างที่รู้น้ำส้มเป็นสาวแซ่บ ยังไม่ได้คบหาใครอย่างจริงจัง แต่มีคนคุยอยู่หลายคน และหนึ่งในนั้นคืออัทธ์ถึงจะกลัว แต่ความอยากรู้ก็เอาชนะ บาลีค่อยๆ ย่องไปยังห้องนอนที่ปิดประตูไม่สนิท ค่อยๆ มองลอดช่องประตูเข้าไป แสงจากโคมไฟหัวเตียงทำให้เห็นร่างใหญ่ของใครบางคนนอนอยู่ใต้ผ้านวมผืนใหญ่ นอนกระสับกระส่าย ปากก็พึมพำไม่หยุด“หนาว”แค่เห็นใบหน้าคนบนเตียงชัดเจน พร้อมอ
อีกทั้งเธอกลับครางเสียงหวานแผ่ว เมื่อมือใหญ่สอดเข้ามาในชายเสื้อลูบไล้เนื้อตัว ตั้งแต่รอบเอว สีข้าง ไล่ขึ้นไปกระทั่งถึงแผ่นหลัง และถูกโอกาสปลดตะขอบราเซียร์เธออย่างเชี่ยวชาญ และมือนั้นกำลังลูบไล้มายังเบื้องหน้า“อย่า อ๊ะ” เหมือนจะช้าไป เพราะมืออุ่นนั้นแตะลงกับฐานทรวง ไล้เบาๆ ด้วยปลายนิ้ว แต่เธอกลับสะท้านตามประสาหญิงสาวที่เพิ่งแรกเริ่มสัมผัสจากเพศตรงข้ามปากที่พยายามห้ามก็ถูกครอบครองด้วยปากอุ่นผ่าวอย่างจัดเจน รับรู้ถึงความหอมหวานจากรสจุมพิตของคนที่ฝันถึงในทุกค่ำคืน ตอนนี้นอกจากไม่มีความคิดที่จะต่อต้าน บาลียังยินยอมเปิดริมฝีปากเพื่อต้อนรับเรียวลิ้นที่สอดเข้ามาซอกซอนดูดดึงลิ้นเธอให้เกิดความซาบซ่านจนร่างสะท้าน แล้วไหนจะมือใหญ่ที่ตอนนี้เคล้าคลึงอบอิ่มที่ไม่เคยถูกมือใครสัมผัสบาลีจึงสะท้านด้วยความวาบหวาม ไม่ว่าเขาจะแตะต้องตรงไหน เธอได้แต่บิดเร้าร่างอย่างรัญจวนจูบที่ดูดดื่มกำลังจะทำให้เธอหัวใจวาย แต่มือที่ร้ายกาจทำให้หัวใจเธอเต้นระทึกและซาบซ่าน“อ๊ะ” เธอครางอย่างห้ามใจไม่ไหว เมื่อปากอุ่นนั้นจูบไล้มายังมุมปาก ขณะปลายนิ้วสะกิดบนยอดอกที่เป็นตุ่มไต“หวานมาก” เสียงแหบพร่ากระซิบริมหู เมื่อเขาถอนริม
อยากเป็นเมียของเขาในค่ำคืนนี้ แม้จะเป็นเมียชั่วคืนก็ยอม กับผู้ชายที่หลงรักมานานหลายปี บาลียอมทั้งนั้น“แน่ใจนะว่าอยากโดน”“ค่ะ อยาก”“อาจจะเจ็บนะ เพราะตอนนี้พี่เริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว”“ไม่เป็นไรค่ะ ลี... คือน้อง เอ่อ ทนได้” เมื่อรู้ตัวว่าเผลอเรียกชื่อตัวเอง บาลีก็จะพยายามแทนตัวเองว่า ‘น้อง’ ที่หมายถึงคนอายุน้อยกว่า“ทนได้แน่...นะ”“ค่ะ ทนได้ เพื่อพี่อัทธ์”“งั้น พี่จะพยายามถนอมเราให้มากที่สุด” จบประโยคนั้นเขาก็ก้มลงจูบปากของเธออย่างอ่อนหวาน ขณะมือก็ลูบไล้บีบเค้นทรวงอวบของเธอไปด้วยบาลีครวญครางอยู่ไม่นาน ก็รับรู้ถึงแท่งร้อนใหญ่โตมาจ่อที่ปากทางร่องสวาทของเธอ ขณะที่บดเบียดเข้าไปในร่องฉ่ำน้ำนั้น บาลีเสียวแค่ไม่กี่นาที ก่อนร้องขึ้นด้วยความจุกและเจ็บ เมื่อแท่งร้อนนั้นแทงพรวดเข้าไปในโพรงนุ่มของเธอ ที่ตอดรัดเขาจนอีกฝ่ายกายสะท้านเช่นกันแม้จะเจ็บจุก แต่บาลีก็ไม่ร้องบ่น เขาหยุดนิ่งไปเพื่อให้เธอปรับตัว“เจ็บละสิ”“ไม่หรอกค่ะ”ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ แล้วก้มลงที่ริมขมับเธอ แล้วลากมายังลำคอ มือก็ลูบเคล้นทรวงอก ระรัวนิ้วใส่ยอดถันที่แข็งเป็นไต กายของบาลีร้อนผ่าว และร่างกายการเติมเต็มมากกว่านี้ เธอจ
ลูกชายหล่อได้พ่อ วันนี้มีงานปิดภาคเรียนของชั้นอนุบาลและประถมฯ เป็นงานสานสัมพันธ์ระหว่างนักเรียน ผู้ปกครอง และคุณครู ซึ่งในงานก็มีการแสดงของเด็กนักเรียนทุกชั้นงานเริ่มตั้งแต่แปดโมงครึ่ง ตรงกับเวลาเข้าชั้นเรียนของเด็กๆภายในงานมีออกร้านของกินกันค่อนข้างมาก โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ปกครองและบรรดาครูในโรงเรียนที่มาตั้งร้านขายอาหารและของกินเล่นหลังครูใหญ่ขึ้นเวทีทักทายผู้ปกครองในงาน การแสดงต่างๆ ของนักเรียนก็เริ่มขึ้น เริ่มตั้งแต่อนุบาลจนครบทุกห้อง บาลีก็รอชมเด็กประถมหนึ่งออกมาแสดงโชว์เต้นโคฟเวอร์บรรดาผู้ปกครองของเด็กประถม รีบไปรอถ่ายรูปหน้าเวที บาลีก็ไม่พลาดเช่นกัน แต่เพราะคนมันเยอะก็มีเบียดๆ กันบ้าง กระทั่งโดนบางคนจงใจกระแทกศอกเข้าหาจนเจ็บสีข้าง พอหันขวับไปมอง ก็ไม่แปลกใจกับสายตาหาเรื่องของรตีเพื่อนบ้าน ที่จากเพื่อนรักสมัยเด็ก กลายเป็นเพื่อนร้ายทันที เมื่อผู้ชายที่ตนเองหมายปองมาแจกขนมจีบบาลีและบาลีก็โต้ตอบด้วยการร้ายกลับ เพราะมันไม่ใช่ความผิดของเธอที่ไอ้เจ้าวัน มันมาตกหลุมรัก ใช่ว่าโปรยเสน่ห์หรือให้ความหวังก็ว่าไปอย่างเพราะฉะนั้นยัยรตี ไม่มีสิทธิ์มาจงเกลียดจงชังเธอขนาดแต่งงานมีลูกด้วยก
กลับมาถึงบ้านตอนบ่ายแก่ๆ ลูกชายก็ฟุบหลับทันที เพราะตื่นเตรียมตัวแสดงงานที่โรงเรียนแต่เช้า บาลีอาบน้ำแต่งตัวอยู่ในชุดสบายๆ ก็ออกมานั่งคุยกับป้ามอญ ส่วนลุงปราบกับธรินท์นั้นยังไม่กลับจากไร่“ไอ้ดินบอกมีผู้จัดละคร ที่เป็นพี่สาวของเพื่อน มาขอเข้ามาชมไร่น่ะ”“เหรอคะ มาดูทำไม”“เห็นว่าอยากมาถ่ายทำละครที่ไร่เราน่ะ”“โห ดีจัง ไร่เราจะดังแล้ว”“ลีเห็นด้วยใช่ไหม” เพราะไร่แสงอุษาแห่งนี้ บาลีเป็นเจ้าของตัวจริง บาลีได้รับมรดกมาจากผู้เป็นบิดา ส่วนสามีของนางมีหุ้นอยู่เพียงสามสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่บาลียังใจดีแบ่งหุ้นของตนเองให้ธรินท์ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ทั้งสามคนแบ่งหน้าที่ทำงานอย่างชัดเจน บาลีดูแลเรื่องบัญชีเป็นหลัก ธรินท์ดูแลเรื่องการตลาด ส่วนสามีนางนั้นดูแลเรื่องภายในไร่ทั้งหมด“ต้องเห็นด้วยอยู่แล้วค่ะ”เมื่อใกล้ถึงเวลาเย็น บาลีช่วยป้ามอญทำอาหารค่ำ ปกติถ้าไม่มีธุระที่ไหน ทุกคนจะมากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา กินข้าวอิ่ม กินขนมผลไม้ บาลี ลุงปราบและธรินท์ ก็พากันพูดคุยเรื่องงาน ส่วนป้ามอญนั่งดูละครหลังข่าว ส่วนน้องอิฐก็ง่วนอยู่กับของเล่นธรินท์นั้นมีบ้านพักหลังเล็กตามประสาหนุ่ม ห่างจากเรือนใหญ่ไปเพียงเล็
พรีเซ็นเตอร์เด็กหล่อเพราะสัญญากับอัณญาไว้แล้วว่าลูกชายปิดเทอมจะพาไปเที่ยวกรุงเทพฯ เจ้าตัวป้อมของบาลีก็ดูตื่นเต้นเป็นพิเศษที่จะได้เข้าเมืองใหญ่ อยากไปเที่ยว Sea Life Bangkok Ocean World ที่พารากอน แถมอัณญายังบอกลูกชายเธอว่าจะพาไปเที่ยวทะเลด้วย“เที่ยวให้สนุกนะ” ลุงปราบบอก ขณะเดินมาส่งทั้งสองขึ้นรถ“น้องอิฐอย่าซนนะ เวลาไปไหนต้องจับมือแม่ตลอดรู้ไหม” ป้ามอญย้ำอีกครั้ง ทั้งที่ตอนกินมื้อเช้าด้วยกันก็บอกไปแล้ว นางกลัวหลานชายหลงทางกับแม่ หรือกลัวใครอุ้มไป เพราะหน้าตาก็น่ารักขนาดนี้ “คุณย่าไม่ต้องกลัวอิฐหลง อิฐมีมือถือแล้วครับ” เจ้าตัวโชว์มือถือที่บาลีให้มีติดตัวตอนไปเที่ยวกรุงเทพฯ เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ หากว่าพลัดหลงตอนไปเที่ยว อย่างที่ป้ามอญกลัว ก็จะได้โทร. ติดต่อกันได้ ซึ่งปกติบาลีก็ไม่ได้ให้ลูกชายถือโทรศัพท์ติดตัวกำลังจะขึ้นรถ ธรินท์ที่วิ่งออกกำลังกายในตอนเช้าเพิ่งเสร็จ ก็วิ่งมาหา ตะโกนบอกน้องอิฐ“น้องอิฐ อย่าลืมเอาสาวๆ มาฝากลุงดินนะครับ” “ครับ อิฐไม่ลืมหรอก” พอธรินท์เดินมาหยุดตรงหน้าทุกคน ป้ามอญก็หันไปตีแขน “พูดบ้าๆ กับหลานอีกแล้วนะ”ธรินท์หัวเราะเบาๆ แล้วเอ่ยน้ำเสียงหยอกล้อ“ก็เห็น
“ก็อยากได้เด็กหน้าตาดี สุขภาพดี สดใส มีความสุข และเล่นฟุตบอลเป็น”“โอ๊ย ธรรมดาจะตาย เด็กสมัยนี้ก็เล่นฟุตบอลเป็นเยอะแยะ” บาลีว่า“ใช่ ฉันก็คิดแบบนั้น แต่เขาก็ดันไม่ปิ๊งเด็กที่มาแคสต์สักคนเลย เลือกมากจริงๆ ทีมงานถึงกับเครียดเลย เพราะไม่รู้จะไปหาเด็กที่ไหนมาแคสต์แล้ว”“แคสต์แปลว่าอะไรครับ” เด็กชายอิฐที่นั่งกินข้าวเงียบๆ มาพักใหญ่ก็ถามขึ้น “หมายถึงคัดเลือกคนเพื่อไปแสดงอะไรสักอย่าง หนัง ละคร โฆษณา หรืออื่นๆ” อัณญาตอบ พร้อมกับเอ็นดูในคำถามจนอดใจไม่ไหวบีบแก้มเบาๆ เจ้าตัวป้อมก็ยิ้มตาหยี “เฮ้ยๆ ฉันรู้แล้วว่าจะหาเด็กที่ไหนไปแคสต์งานนี้” อัณญาหันไปทางบาลี นอกจากน้ำเสียงตื่นเต้นแล้ว ดวงตาเป็นประกายอย่างมีความหวัง“อย่าบอกนะ...” บาลีมองตาเพื่อนก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายหมายถึงใคร“ใช่แล้วเพื่อนรัก ฉันมองข้ามน้องอิฐไปได้ยังไง นี่เลย หล่อ สดใส สุขภาพดี และเตะฟุตบอลเก่ง โอ๊ย รอดแล้วฉัน” จากนั้นอัณญาก็โผเข้าไปกอดน้องอิฐ ปากก็พร่ำบอก“น้องอิฐต้องช่วยน้าเอยนะ ไม่งั้นน้าเอยตายแน่ๆ” “น้องอิฐจะช่วยไม่ให้น้าเอยตายหรอกครับ”คำพูดนั้นยิ่งทำให้อัณญาตื้นตันใจ หอมแก้มยุ้ยซ้ายขวารัวๆ บาลีมองแล้วส่ายหน้าน้อยๆ ด้วยควา
“ไปดิน เรามีเรื่องต้องด่วนต้องทำกันแล้ว” “อะไรของมึงไอ้วิน เราเพิ่งเข้าห้องพัก กูเพลียจะแย่แล้ว มึงจะยังไปต่อที่ไหนอีก” วันนี้ธรินท์กับวินมางานแต่งของเพื่อนคนหนึ่งในอยุธยา และเพิ่งจะกลับจากงานเลี้ยงฉลองสมรถ กำลังจะเอนตัวบนเตียง วินที่เพิ่งคุยโทรศัพท์กับใครสักคน ก็ชวนเขาไปต่ออีก“พี่วีราโทร. มาบอกว่าน้องเมถูกคุณพัทกำลังพาตัวมาที่รีสอร์ตที่นี่”“แล้วไงวะ คงคืนดีกันแล้วมั้ง”“คืนดีพ่องมึงสิ ไอ้นั่นมันน่าจะข่มขู่ลักพาตัว เออ กูก็ไม่รู้รายละเอียดหรอก ตอนนี้พี่ภาวีกับพี่วีราไม่กล้าแจ้งตำรวจ ถึงแจ้งไปก็ไม่รู้ว่าเขาจะกล้ามาจับไอ้คุณพัทไหม”“ถ้าคิดว่าคุณเมจะเกิดอันตรายก็แจ้งไปเลยสิวะ มัวแต่กลัวไรอยู่วะ” “งั้นมึงลุกก่อน!”“เออ แล้วไงต่อ!” “เหมือนว่าพวกเขายังมาไม่ถึง เราก็ไปป้วนเปี้ยนแถวทางเข้ารีสอร์ตก่อน ถ้ามาถึงเมื่อไหร่เราก็พาคุณเมหนีไปก่อน” รู้สึกโชคดีที่เลือกมาพักรีสอร์ตนี้ เพราะมันอยู่ใกล้สถานที่จัดงานแต่งของเพื่อน“มึงคิดเป็นพระเอกละครไปได้ เกิดไอ้คุณพัทมีปืน เขาก็จะยิงมึงกับกูก่อนไหม”“เออ เรื่องนั้นค่อยๆ คิด” วินพูดพร้อมกับดึงข้อมือธรินท์ให้ลุกจากที่นอน“มึงร้อนรน ทำยังกับเป็นแฟนตัว
เมทิตาโบกมือให้เพื่อนๆ ขณะแยกย้ายกันออกจากผับดังในเวลาเที่ยงคืนกว่า ใบหน้าเธอหายเป็นปกติ ไร้ร่องรอยช้ำ พรุ่งนี้จะกลับไปถ่ายละครที่ไร่แสงอุษา เธอเลยนัดเพื่อนๆ มาแฮงเอาท์ ก่อนกลับไปลุยงาน คืนนี้เมทิตารู้สึกปลอดโปร่งใจ หลังจากหมกตัวอยู่ในห้องเพื่อรอให้รอยช้ำบนใบหน้าหายดี แม้จะผิดหวังในเรื่องอัทธ์ แต่เธอก็ไม่ได้ท้อเสียทีเดียว เพราะถ้าอัทธ์ไม่ได้โกหก แต่สถานะของคนคุยมันก็ไม่ได้มีอะไรแน่นอนอยู่แล้ว และเธอกับเขาก็กลับมาใกล้ชิดกันแบบนี้ โอกาสของเธอก็มีมากพอ เมทิตายิ้มกริ่มขณะกดรีโมทรถ เปิดประตูเข้าไปนั่งหน้าพวงมาลัย แล้วเคลื่อนรถออกจากบริเวณลานจอดของผับ เพื่อตรงไปยังคอนโดฯ เพราะดึกมากแล้วถนนค่อนข้างโล่ง แต่ระหว่างที่ติดไฟแดง เมทิตาก็สะดุ้ง เมื่อมีของเย็นเฉียบมาจ่อที่ลำคอ พร้อมกับเสียงกร้าวที่เย็นยะเยือกไปถึงหัวใจที่ดังมาจากด้านหลัง“กูว่ามึงอย่าเพิ่งกลับห้องเลยนะ ไปที่รีสอร์ตของกูดีกว่า” “พี่พัท!”“เออ ยังดีนะที่ยังจำเสียงผัวเก่าได้!” “พี่พัท จะทำอะไร!” เมทิตาพยายามจะเบี่ยงรถจอด “ขับไปเรื่อยๆ ถ้าหน้ามึงไม่อยากมีแผลเหวอะ!” เขาเอาปลายมีดจ่อข้างแก้ม “พี่พีท อย่า!” หากใบหน้าเธอเป็นแผล ชีวิ
บรรยากาศเหมือนนั่งอยู่บนยอดเขาในฤดูหนาว นอกจากจะใจสั่นเพราะความสูง แถมมีม่านหมอกปกคลุม หายใจแทบไม่ออก เพราะกลั้นหายใจเป็นระยะ ลุ้นกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นบาลีเปรียบเปรยบรรยากาศบนโต๊ะอาหารในตอนนี้ มื้อค่ำที่เธอคิดว่าแสนวิเศษ เพราะเพื่อนรักมาร่วมโต๊ะ โดยที่บาลีบอกกับอัณญาว่าธรินท์ไม่อยู่บ้าน ออกไปแฮงเอาต์กับเพื่อนในตัวเมือง แต่เมื่อทุกคนกำลังเริ่มต้นกินมื้อค่ำอย่างเอร็ดอร่อย จู่ๆ ธรินท์ก็โผล่เข้ามาในห้องกินข้าว เดินไปคดข้าวใส่จาน แล้วมานั่งร่วมโต๊ะหน้าตาเฉย แถมนั่งตรงข้ามอัณญาอีก อดีตคู่รักวัยใส นอกจากจะไม่เอ่ยทักทายกันแล้ว แต่ยังจ้องหน้ากันเหมือนอยากระโจนเข้าฟัดกัน“หนูเอยกินเยอะๆ นะ” ป้ามอญพยายามคลี่คลายบรรยากาศมาคุ ด้วยการตักแกงส้มไข่ปลา เมนูโปรดของอัณญาใส่จานให้“ขอบคุณค่ะ” อัณญาเมินสายตาของธรินท์หันไปพูดกับป้ามอญต่อ“เอยกินที่ไหนกินแกงส้มไข่ปลาที่ไหนก็ไม่อร่อยเท่าฝีมือป้ามอญเลยค่ะ” “อูย หนูเอยก็ปากหวานใส่คนแก่”“หวานมาก ระวังน้ำตาลขึ้น” ธรินท์ทะลุกลางปล้อง ทำเอาทั้งป้ามอญและอัณญาถลึงตาใส่ ส่วนลุงปราบนั้นกระทุ้งศอกใส่สีข้าง เพื่อให้เจ้าตัวหุบปาก“กินไป ไม่ต้องพูดมาก” ลุงปราบว่า“ลุ
ข่าวมาแรง เมทิตาดูคลิปสัมภาษณ์ของอัทธ์จบ เธอก็เหวี่ยงโทรศัพท์ลงบนที่นอนอย่างหงุดหงิด สรุปที่อัทธ์ไม่ยอมทำตามคำขอร้องของวีราวรรณกับผู้จัดการของเขา เรื่องให้คนเข้าใจเธอกับเขากำลังคบหากัน เพราะอัทธ์มีคนที่คบหาอยู่อย่างงั้นเหรอ!เมทิตาอยากรู้ว่านั่นคือเรื่องจริง หรืออัทธ์แค่อยากหาเหตุผลในการปฏิเสธเธอ ทั้งที่เธอยังไม่ทันได้เริ่มต้นที่จะจีบเขาอีกครั้งด้วยซ้ำ ตราบใดที่อัทธ์ยังไม่ยอมเปิดเผยผู้หญิงที่คบหามา เธอจะคิดว่าเขาหาข้ออ้างลงจากเรื่องของเธอแล้วกัน เพราะอัทธ์ไม่อาจทำตามคำขอของวีราวรรณกับผู้จัดการตัวเองได้ เพราะเขาไม่อยากขึ้นชื่อว่าเป็นมือที่สามในความรักของเธอกับไอ้ผู้ชายเฮงซวยคนนั้นมากกว่า แม้แฟนคลับที่เชียร์จะมีมากกว่า แต่บางกลุ่มที่เคร่งศีลธรรมจรรยามากล้นทั้งหลาย ก็ไม่เห็นด้วยกับการที่เขาจะมาเป็นมือที่สามในความรักของคนอื่น!เมทิตาหยุดความคิดไว้แค่นั้น เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ เบอร์ใหม่ที่ไม่คุ้น เธอไม่รับเพราะกลัวจะเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่ก็ยังพยายามโทร. หาไม่หยุด เมทิตาจึงกดรับ“เป็นไงล่ะ อุตส่าห์ทิ้งฉันเพื่อจะไปหามัน สุดท้ายมันก็ไม่เอาเธอเหมือนกัน สมน้ำหน้า ฮ่าๆ” น้ำเสียงเยาะเย้
ลูกชายหลับไปแล้ว ส่วนป้ามอญกับลุงปราบก็เข้าห้องนอนแล้ว เด็กรับใช้ก็กลับเรือนพักตัวเองไปแล้วเช่นกัน เพราะไม่อยากให้คนอื่นรู้การมาของอัทธ์ บาลีจึงไปรอหน้าบ้าน เมื่ออีกฝ่ายมาถึง ก็ให้จอดรถข้างกำแพง เยื้องทางประตูเข้าบ้านไปหน่อย เธอก็เดินให้เปิดประตูเล็กให้เขาแล้วเดินขึ้นเรือนตรงไปยังห้องนอนของเธอทันที พอประตูห้องปิดลง อัทธ์ก็ดึงเธอไปกอด บาลียอมอยู่ในอ้อมแขนนิ่งๆ รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังต้องการกำลังใจ เธอจึงกอดตอบ แล้วบอกเขาเสียงแผ่ว“นั่งก่อนค่ะ เดี๋ยวลีเอาน้ำมาให้” เธอพาไปนั่งยังมุมโซฟา แล้วเดินไปเอาหยิบน้ำจากตู้เย็นเล็กบนเคาน์เตอร์บาร์มาให้ชายหนุ่ม“ตกใจมากเลยสิ ที่เห็นข่าว”“ก็...บ้างค่ะ” อยากจะบอกเขาว่ามากกว่าตกใจคือแปลบๆ ที่ใจ แต่ก็ไม่อยากพูดอะไรในตอนนี้ เพราะอยากรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นมากกว่า“เมื่อคืนหลังจากกลับจากบ้านลี กำลังจะเข้าห้องพักเมก็โทร. หา...” อัทธ์บอกเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้บาลีฟังทั้งหมด รวมทั้งเหตุผลที่พาเมทิตาเข้าไปในห้องพักด้วย แน่นอนไม่ลืมที่จะบอกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเขากับเมทิตา นอกจากช่วยเหลือกันแบบเพื่อนร่วมงานและอดีตคนรักเท่านั้น ที่สำคัญเขานอน
คู่จิ้นหรือคู่จริงบาลีเหมือนถูกกระชากให้ตื่นจากความฝัน เมื่อสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยเสียงโทรศัพท์จากอัณญา บอกข่าวสำคัญที่ทำให้หัวใจเธอเหมือนกำลังแหลกสลาย มีภาพหลุดของอัทธ์กับเมทิตาเดินเข้าห้องพักของฝ่ายชาย แม้ซุป’ ตาร์สาวจะสวมหมวกสวมแมส และใส่แว่นตาอันใหญ่ปิดบังใบหน้า แต่นั่นใช่ว่าจะปิดบังรูปร่างหรือลักษณะอันโดดเด่นของนางเอกสาวได้ ภาพที่หลุดออกมานั้นอัณญาบอกว่าไม่ใช่จากกล้องวงจรปิดของโรงแรม แต่มุมกล้องแอบถ่ายจากแขกที่พักที่บังเอิญเจอทั้งสองพอดีอัณญาบอกว่าจะไปเช็กกล้องวงจรปิดอีกที จริงๆ แต่บาลีบอกเพื่อนสนิทไปแล้วว่าไม่ควรทำ มันเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของทั้งสอง บาลีไม่อยากเอาเรื่องส่วนตัวของเธอไปทำเรื่องแบบนั้น[งั้นตามใจแกแล้วกัน เพราะถ้าดูกล้องวงจรปิดอย่างละเอียด คนที่เข้าห้องพักพี่อัทธ์บ่อยที่สุดน่าจะเป็นแกเองนั่นแหละ]ตอนนี้ในสื่อสังคมออนไลน์ และเพจเกี่ยวกับข่าวดารา ต่างแสดงความคิดเห็นกันอย่างสนุกสนาน ส่วนใหญ่ลุ้นให้คู่จิ้นได้รีเทิร์นรักอีกครั้ง โดยไม่สนว่าเมทิตานั้นมีคนที่คบหาอยู่แล้ว และไม่สนว่าอัทธ์จะกลายเป็นที่สามสำหรับความรักของเมทิตากับแฟนหนุ่มไฮโซฯ [ฉันล่ะงง แฟนคลับคู่
คำพูดยืดยาวของอัทธ์ทำให้เมทิตาปล่อยโฮทันที เพราะนั่นคือเรื่องจริงที่สุด เธอมาจากครอบครัวธรรมดาจากต่างจังหวัดก็จริง แต่ก็ถูกเลี้ยงดูมาจากพ่อแม่ที่มอบความรัก ความอบอุ่นและทะนุถนอมอย่างดี การคบหากับอัทธ์เป็นเวลาสามปี ทำให้เขารู้จักกับครอบครัวเธอดีพอสมควร“ขอโทษ พี่พูดมากไปจริงๆ แหละ” เขาโทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุให้เมทิตาร้องไห้ไม่หยุด จากนั้นก็เดินไปหากล่องยาสามัญ มียาทาแผล และยาแก้ปวด เขาทายาให้เธอ แล้วให้กินยาแก้ปวด บอกให้หญิงสาวไปนอนในห้องนอน ส่วนเขานอนในห้องนั่งเล่นเมทิตานอนน้ำตาซึม เพราะคำพูดของอัทธ์มันจี้ใจดำเธอเหลือเกิน แต่ไม่สายเกินไปที่เธอจะกลับมารักตัวเองอีกครั้ง หลังจากที่หลงทางกับความรักมานาน จริงๆ เมทิตาไม่ได้หลงรักพัทจนโงหัวไม่ขึ้นขนาดตัดใจไม่ได้ แต่เธอเพียงอยากเป็นคนรักไฮโซฯ หนุ่ม เธออยากเป็นสะใภ้ไฮโซฯ ตระกูลดัง ที่แสนร่ำรวย เพราะคิดเสมอว่าตนเองถึงจะเป็นนางเอกดังแค่ไหน แต่พื้นเพครอบครัวนั้นเป็นคนธรรมดา ก่อนที่เธอจะมาเป็นนางเอกดัง พ่อกับแม่เป็นเพียงพ่อค้าแม่ค้าในตลาดนัดเท่านั้นแต่หลังจากเลิกกับอัทธ์ ผู้ชายที่เธอคบหาล้วนเป็นไฮโซฯ ตระกูลดังทั้งนั้น แต่คบได้แค่ไม่นาน เธอก็ถู
ทั้งสองคุยกันต่ออีกนิดหน่อย ก่อนที่อัทธ์จะล่ำลา ขับรถกลับที่พัก ส่วนบาลียิ้มกริ่มขึ้นเรือน โดยไม่รู้ว่ามีสายตาของใครบางคน หรือมากกว่านั้นแอบมอง ตั้งแต่เธอโดนโอบกอดและถูกหอมแก้มแล้วสีหน้าของใครบางคนจึงมีเพียงคิ้วขมวดมุ่นเข้าหากัน พร้อมกับความสงสัยบางอย่างที่เหมือนจะเริ่มค่อยๆ กระจ่างขึ้น กำลังจะเปิดประตูเข้าห้องพัก เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เป็นนางเอกคู่จิ้นของเขานั่นเองที่โทร. มา นึกสงสัยว่าโทร. มาทำไมเวลานี้ แต่ก็กดรับ“ว่าไง” “อือๆ พี่อัทธ์ช่วยเมด้วย ฮือๆ” “เกิดอะไรขึ้น!” รู้สึกตกใจเช่นกันที่ได้ยินปลายสายร้องห่มร้องไห้ พร้อมขอความช่วยเหลือ“เขาทำร้ายเมค่ะ ฮือๆ” “เขาไหน!”“คุณพัท ตอนนี้เขาอยู่ในห้อง!” หญิงสาวเอ่ยชื่อแฟนหนุ่มไฮโซฯ ที่คบกันมาได้สองปี“แล้วเมอยู่ไหน”“อยู่ในห้องน้ำค่ะ ฮือๆ ช่วยเมด้วย”“เดี๋ยวพี่ไปหา” ชายหนุ่มตรงไปยังห้องพักของเมทิตาทันที ซึ่งอยู่ถัดจากห้องเขาไปไม่กี่ห้องอัทธ์เข้าใจที่อีกฝ่ายโทร. ขอความช่วยเหลือจากเขา เพราะเขากับเมทิตามาถ่ายละครที่นี่ ไม่ได้มีผู้จัดการหรือคนติดตามมาดูแลทุกวันเหมือนสมัยแรกๆ ที่เข้าวงการ เพราะโตมากพอจะดูแลจัดการตัวเองได้ แต่เมทิต
สองสาวคุยกันเพลิน กระทั่งบ่ายจัด บาลีจึงขอตัวกลับ มาถึงบ้านก็เห็นป้ามอญที่นั่งพักผ่อนอยู่ในห้องนั่งเล่น มีเด็กรับใช้นั่งบีบนวดขาให้“ยังไม่เลิกกองฯ อีกเหรอ” “เลิกแล้ว ตอนนี้เตะบอลกันอยู่” “เลิกเร็วเหมือนกันนะ” บาลีจึงลงจากเรือน ตรงไปยังสนามหญ้าข้างบ้านที่ถูกใช้เป็นสนามฟุตบอล ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำ ทำให้แสงสีส้มระบายไปทั่วท้องฟ้า ทำให้ขุนเขารอบด้านเกิดแสงละมุนยามใกล้พลบค่ำ ลมเย็นพัดผ่านให้สดชื่นบาลีรักบ้านเกิดที่นอกจากมีธรรมชาติที่สวยงาม อากาศดี ครอบครัวก็อบอุ่น ดูแลกันและกันได้ดี แม้จะไม่ใช่สายเลือดเดียวกันอย่างป้ามอญกับธรินท์ บาลีเดินเอื่อยๆ ด้วยความสบายใจ กระทั่งมาถึงสนามหญ้าข้างบ้านยอมรับว่าตะลึงไปชั่วขณะ เพราะนอกจากธรินท์กับลูกชายเธอ และเด็กชายเตเต้แล้ว ยังมีเจ้าของร่างสูงสง่าของหนุ่มรูปหล่อ ซุป’ ตาร์คนดังร่วมเตะบอลด้วยเท่านั้นไม่พอ ข้างๆ สนาม มีบรรดาสาวชาวไร่องุ่น รวมทั้งเด็กรับใช้ในบ้าน ยืนเชียร์นักฟุตบอลอยู่ริมสนาม ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเชียร์ใครบาลีแอบยิ้มเมื่อเห็นว่าอัทธ์กับลูกชายนั้นอยู่ทีมเดียวกัน เธอยืนมองห่างๆ อยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเดินกลับเรือนด้วยรอยยิ้มแต้มหน้า ก็ม