สองวันต่อมา
ตอนนี้ทรงรบฟื้นแล้วเขาค่อนข้างเสียใจไม่น้อยที่รู้ว่าตัวเองเดินไม่ได้แต่ก็ไม่ได้แสดงความเสียใจนั้นออกมาแต่อย่างใดเพราะคิดว่ายังไงมันก็ต้องมีทางรักษาให้กลับมาเป็นปกติได้
“ผมหิวน้ำ”
ทรงรบเอ่ยเสียงแหบพร่าเรียกพิมพรรณที่นั่งอยู่ข้างๆตอนนี้หมอห้ามเขาขยับตัวภาระทั้งหมดเลยตกอยู่ที่พิมพรรณที่ต้องมาคอยดูแลเขา
“นี่ค่ะค่อยๆดูดนะคะ”
พิมพรรณดีใจมากในวินาทีที่ทรงรบตื่นขึ้นมาเมื่อคืนตอนนี้เธอคอยดูแลเขาทุกอย่างไม่ห่างไปไหนเพราะตอนที่เธอรู้ว่าเขาถูกยิงใจของเธอแทบสลายและพึ่งได้รู้ตัวเองว่าเธอมีใจให้เขาเหมือนกัน
“คิณเป็นยังไงบ้าง”
ทรงรบไม่ลืมที่จะถามถึงเพื่อนของเขาเพราะวินาทีที่เขาหลับไปตอนถูกยิงเขาเห็นว่าเพื่อนของเขานอนจมกองเลือดอยู่ตรงหน้า
“ตอนนี้คุณคิณยังไม่ออกจากไอซียูเลยค่ะ”
พิมพรรณเอ่ยเสียงอ่อนตอนนี้เธอสงสารพัชรินทร์จับใจเพราะไม่มีวินาทีไหนเลยที่พัชรินทร์นั้นจะไม่มีน้ำตาหลังจากที่รู้ว่าอคิณได้รับอันตราย
“อาการหนักขนาดนั้นเลยเหรอ” ทรงรบขมวดคิ้วเป็นกังวล
“ตอนนี้ยังไม่พ้นขีดอันตรายเลยค่ะ” พิมพรรณส่ายหัวเบาๆ
“คุณเหม” พิมพรรณหันไปที่ประตูเมื่อได้ยินเสียงคนเปิดเข้ามา
“เป็นยังไงบ้างครับผมได้ข่าวว่าคุณฟื้นแล้วก็รีบมาเลยผมขอโทษนะครับที่ทำให้พวกคุณมาเสี่ยงอันตราย”
เหมวัตรู้เรื่องที่ทรงรบฟื้นแล้วช่วงเช้าเขาเสร็จธุระที่อำเภอก็รีบดิ่งมาที่โรงพยาบาลทันทีพร้อมทั้งรีบขอโทษจากใจจริง
“มันเป็นเพราะคนชั่วอย่างเสี่ยบรรจงต่างหากล่ะครับ”
ทรงรบยิ้มอ่อนเรื่องทั้งหมดมันไม่ใช่ความผิดของใครเลยนอกจากเสี่ยบรรจง
“เรื่องเสี่ยบรรจงตอนนี้ตำรวจจัดการเรียบร้อยแล้วนะครับคดีพยายามฆ่าทำให้มันยังประกันตัวออกมาไม่ได้เพราะอาของคุณคิณเป็นนายตำรวจยศใหญ่เสี่ยบรรจงเลยใช้อิทธิพลไมได้ตอนนี้ก็กำลังสอบสวนพวกลูกน้องของมันถึงเรื่องผิดกฏหมายอื่นๆอยู่ครับส่วนเรื่องอาวุธพบว่าอาวุธของมันเลียนแบบของรัสเซียเจ้าของบริษัทอาวุธที่มันเลียนแบบตำรวจกำลังติดต่อขอพบเจ้าของอยู่ครับว่าจะเอายังไง”
เหมวัตเอ่ยด้วยความสะใจที่วันนี้กฎหมายก็ได้ลงโทษคนชั่วอย่างบรรจงได้เสียที
ทางด้านพัชรินทร์ที่นั่งรอเข้าเยี่ยมพร้อมลูกๆของเธอและอิทธิกรก็เห็นเหล่าพยาบาลและหมอวุ่นวายกันเข้าไปในห้องไอซียูที่อคิณนอนอยู่เธอจึงรีบลุกและเข้าไปถามพยาบาลว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“เกิดอะไรขึ้นคะ”
“ตอนนี้สามีคุณอาการโคม่าค่ะตอนนี้ยังเข้าเยี่ยมไม่ได้นะคะ” พยาบาลแจ้งอาการอย่างรวดเร็วและรีบเข้าไปในห้องทันที
“อะไรนะคะ”
พัชรินทร์เข่าอ่อนอีกรอบเธอคิดว่ามาถึงที่นี่วันนี้จะได้รับข่าวดีเสียอีก
“พัช..ทำใจดีๆก่อนพี่คิณต้องไม่เป็นอะไร”
อิทธิกรจับมือพัชรินทร์เอาไว้และบอกให้เธออย่าคิดมากเขาเชื่อว่าพี่ของเขาจะไม่เป็นอะไร
“พี่คิณจะปลอดภัย”
ไม่เพียงแค่บอกกับพัชรินทร์เท่านั้นเขายังบอกกับตัวเองด้วยทั้งมองไปที่ห้องไอซียูอย่างแน่วแน่ภาวนาว่าพี่เขาต้องปลอดภัย
ครู่ต่อมา
“ญาติคุณอคิณครับ”
หลังจากที่หมอและพยาบาลเข้าไปในห้องของอคิณไม่นานก็เดินออกมาด้วยสีหน้าที่หดหู่
“ค่ะคุณหมอ” พัชรินทร์รีบเดินเข้าไปหาหมออย่างรวดเร็ว
“ตามผมมาครับ..ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับเรายื้อชีวิตคุณคิณไม่ได้จริงๆ”
หมอพาทั้งสี่เข้าไปในห้องและแจ้งกับทุกคนเสียงอ่อนก่อนจะเดินออกไปปล่อยให้ญาติๆได้กอดลาร่างไร้วิญญาณช่วงสุดท้าย
“หา..พี่คิณอย่าจากพวกเราไปนะคะพี่ต้องกลับมาสิคะ..ฮือๆๆๆ..ไม่นะต้องไม่เป็นแบบนี้ไม่จริง..ไม่จริง”
พัชรินทร์ล้มทั้งยืนดีที่พยาบาลช่วยจับตัวเธอเอาไว้ได้หญิงสาวรีบเข้าไปกอดร่างที่นอนแน่นิ่งสะอึกสะอื้นอย่างรับไม่ได้
“ป้อ..ป้อออ..”
อิทธิกรที่อุ้มหลานทั้งสองของเขาอยู่เมื่อเห็นเด็กๆร้องเรียกพ่อด้วยแววตาใสซื่อเขาก็น้ำตาไหลพรากสงสารทั้งหลานสงสารทั้งพัชรินทร์และเสียใจที่พี่ของเขาจากไปเร็วเช่นนี้
ในขณะที่เส้นสัญญาณชีพไม่มีแล้วอคิณก็เหมือนอยู่ในห้องฝันเขาฝันว่าเขากลับมาที่บ้านและเห็นพ่อกับแม่ของเขานั่งยิ้มให้อยู่เขาจึงรีบเข้าไปหา
“คุณแม่คุณพ่อ”
“กลับไปอยู่กับน้องกับลูกของลูกเถอะนะแม่กับพ่ออยู่ทางนี้สบายดี”
เมื่ออคิณนั่งลงซบตักของทั้งสองมือของทั้งสองก็ลูบหัวเขาเบาๆและบอกให้เขากลับไปไม่ต้องห่วงพ่อกับแม่
“ผมทนเจ็บไม่ไหวแล้วครับคุณแม่”
อคิณเงยหน้าบอกกับพ่อและแม่ของเขาด้วยน้ำตา
“เราเป็นพ่อคนแล้วนะต้องอดทนสิลูก”
ดวงสมรยิ้มอ่อนให้ลูกของเธอ
“ดูแลพัชกับหลานพ่อให้ดีล่ะ...เดี๋ยวพ่อกับแม่พาไปส่ง”
อัคนีและดวงสมรพยุงตัวของอคิณลุกขึ้นและเดินไปส่งที่หน้าบ้านอคิณมองออกไปตรงหน้าเห็นพัชรินทร์พร้อมกับอิทธิกรและลูกๆของเขารออยู่จึงรีบเดินออกไป
“พี่คิณ..ฮือๆๆ”
ติ๊ดๆๆๆ ในขณะที่พัชรินทร์กำลังกอดอคิณร้องให้อยู่นั้นจู่ๆสัญญาณชีพก็ดังขึ้นมา
“หา..หมอครับหมอ”
อิทธิกรเห็นเช่นนั้นจึงรีบออกไปตามหมอกลับมาอย่างรวดเร็ว
“ขอหมอดูก่อนนะครับ”
หมอและพยาบาลค่อนข้างแปลกใจกันมากที่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นพวกเขาเลยช่วยกันยื้อชีวิตของอคิณขึ้นมาอีกรอบ
“พี่คิณ”
พัชรินทร์ยิ้มทั้งน้ำตาที่อคิณยอมกลับมาหาเธอและลูกๆ
สองเดือนต่อมา
หลังจากอคิณผ่านความเป็นความตายมาได้ตอนนี้เขาก็อาการดีขึ้นมากๆทั้งความสัมพันธ์ของเขาและพัชรินทร์ก็ดีขึ้นทุกวันด้วยอีกเช่นกัน
ไร่เริงฤทธิ์“ทำอะไรอยู่ครับตา”ช่วงเย็นอคิณเดินเข้ามาหาเริงฤทธิ์หลังจากที่ไปส่งของกับพัชรินทร์เรียบร้อยแล้วเขาเห็นเริงฤทธิ์นั่งตอกไม้ไผ่ตั้งแต่ก่อนไปแล้วตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าเริงฤทธิ์ทำอะไร“ทำกระแตเวียนไงรู้จักไหมล่ะ”“คืออะไรครับ” อคิณขมวดคิ้วเล็กน้อย“ให้เจ้าแฝดเกาะหัดเดินไงคนโบราณเค้าก็ทำแบบนี้ให้ลูกหัดเดินกันทั้งนั้นเอ็งคงไม่เคยเห็นล่ะสิ”เริงฤทธิ์เห็นว่าเจ้าแฝดเริ่มตั้งไข่ได้นานแล้วจึงอยากให้ฝึกเดินที่กระแตเวียนจะได้เดินแข็งเร็วๆ“ครับผมก็พึ่งจะรู้จักนี่แหละ”“น้ำเมยน้ำปายคลานมาหาทวดมา”“อ้วด..อ้วด”เจ้าแฝดที่เล่นดินกันมอมแมมทั้งสองได้ยินเสียงทวดเรียกก็รีบคลานกรูกันเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว“อ้าวเกาะ”เริงฤทธิ์ค่อยๆอุ้มเจ้าแฝดทีละคนให้เกาะไม้และเดิน“แอ้ะ..อิๆๆ”เจ้าสองแฝดพอเกาะเดินได้ก็ชอบใจกันใหญ่“เดินเข้าจะได้เดินแข็งๆ”เริงฤทธิ์เอ่ยด้วยรอยยิ้มเขาหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นเหลนๆชอบของที่เขาทำให้“เก่งจังเลยครับลูก..เดินแข่งกันเร็วๆๆ”อคิณปรบมือเชียร์เป็นกำลังใจให้ลูกๆของเขาแข่งกันเดินแม้ของเล่นจะไม่ใช่สิ่งที่หรูหราแต่เขาก็ขอบคุณเริงฤทธิ์อยู่ไม่น้อยที่เอ็นดูลูกเขาขนาดนี้
“เอ่อ..”พัชรินทร์ตกใจเล็กน้อยที่ชายหนุ่มจู่ๆก็อุ้มเธอขึ้นด้วยท่าเจ้าสาวแล้วพาเธอกลับไปที่ห้องวางเธอลงบนเตียงเบาๆ“อย่าผลักพี่ขอพี่อยู่แบบนี้สักพักนะครับ...พี่ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ที่พี่ดีกับพัชเพราะพี่รู้สึกผิดแต่ตอนนี้มันไม่ใช่พี่อยากอยู่กับพัชอยากดูแลพัชกับลูกเพราะพี่รู้สึกรักคนตัวเล็กคนนี้..รักแม่ของลูกพี่หมดใจไปแล้ว”อคิณจับมือหญิงสาวที่กำลังดันตัวของเขาออกและเอ่ยเสียงอ่อนข้างๆหูของเธอ พัชรินทร์หน้าแดงเมื่อได้ยินว่าเขาบอกอะไรกับเธอ“พี่ก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนไหนแต่ทุกครั้งที่พี่เจ็บหน้าของพัชกับลูกจะเป็นกำลังใจให้พี่ลุกขึ้นมาสู้ต่อ...ขอบคุณที่แม้ว่ายังโกรธแต่ก็ยังไม่คิดจะใจร้ายกับพี่...พี่อยากให้พัชให้โอกาสพี่ดูแลพัชกับลูกได้ไหมพี่ขอแค่นี้”“คำขอนี้พี่คิณเคยขอมาตลอดเลยนะคะ...แม้พัชจะห้ามแต่พี่คิณก็ไม่เคยฟัง..และเวลามันก็พิสูจน์แล้วค่ะว่าพี่คิณเป็นพ่อที่ดีของลูกๆ”“พี่ไม่อยากเป็นแค่พ่อที่ดีของลูกๆแต่พี่อยากเป็นสามีที่ดีของพัชด้วย..คนดีของพี่ขอให้พี่เป็นสามีที่ดีของพัชได้ไหม”เมื่อสายตาของอคิณแสดงออกถึงความจริงใจพัชรินทร์จึงยิ้มอ่อนและพยักหน้ารับเขาพิสูจน์ด้วยเวลาแล้วว่าเขา
เกริ่นทำไมโลกที่แสนกลมต้องเหวี่ยงคนใจร้ายกลับมาเจอเธอด้วยคำที่หญิงสาวมีคำถามอยู่ในใจทุกครั้งที่ต้องเห็นหน้าคนที่มาคอยบังคับเธอให้ตกอยู่ในพันธนาการของเขาหากวันนั้นเธอไม่ใจดีจะเป็นแบบนี้หรือไม่หากวันนั้นเธอเลือกที่จะคบเพื่อนดีจะเป็นแบบนี้หรือไม่หากวันนั้นเธอไม่เจอเขาชีวิตเธอจะดีกว่านี้หรือไม่...เนื้อเรื่องช่วงบ่ายของวันในเวลาที่แดดร่มลมตกแล้วตรีรัตน์กำลังนั่งไกวเปลลูกน้อยของเธอไปด้วยวาดรูปออกแบบเครื่องประดับไปด้วยเพลินๆเพราะตอนนี้เธอมีงานอดิเรกนอกจากเลี้ยงลูกแล้วเธอยังแพ็คของส่งลูกค้าไปด้วยตอนนี้เธอขายเครื่องประดับที่เป็นฝีมือการออกแบบของเธอเองผลตอบรับตอนนี้ค่อนข้างดีมากเพราะฝีมือการออกแบบของเธอค่อนข้างตรงความต้องการของคนหมู่มากตรีรัตน์หญิงสาววัย21ตอนนี้เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวอยู่ที่ไร่เริงฤทธิ์เธอท้องตั้งแต่ยังเรียนไม่จบเพราะความหัวอ่อน หญิงสาวเป็นสาวหน้าหวานใบหน้ารูปไข่ผิวขาวอมชมพูผมสีน้ำตาลยาวหยักศกคิ้วได้รูปขนตางอนยาวดวงตากลมโตปากนิดจมูกหน่อย เธอเป็นสาวหน้าหวานที่ค่อนข้างหัวอ่อนรักเพื่อนเชื่อคนง่ายนั่นเป็นลักษณะนิสัยที่ทำให้เธอถูกเอาเปรียบอยู่บ่อยครั้ง“ของขายดีเลยสินะ”พัชรินทร์เด
“แอ้ๆ..” ตรีรัตน์อุ้มลูกสาววัยหกเดือนที่กำลังจ้ำม่ำมากอดรัดฟัดเหวี่ยงกันตามประสาแม่ลูกเพราะวันนี้ลูกเธอดูจะตื่นมาแล้วอารมณ์ดีเป็นพิเศษ“อารมณ์ดีจังเลยนะคะ..อ้าวนี่มือถือพี่พัชนี่นา..ไปบ้านป้าพัชกันนะคะเอามือถือไปคืนป้าพัชกันค่ะ” ตรีรัตน์หันไปเห็นมือถือของพัชรินทร์วางอยู่ใกล้ๆกับตระกร้าผ้าของลูกเธอจึงหยิบขึ้นมาเพื่อที่จะเดินเอาไปคืนพี่สาวเธอที่บ้าน“แอ้..ๆ”หนูน้อยนิชารีรู้ว่าคนเป็นแม่จะพาเดินเที่ยวก็ดีใจจนยิ้มปากบาน“อาหารเย็นเรียบร้อยแล้วค่ะ”พัชรินทร์จัดการอาหารเย็นเสร็จก็รีบเดินออกมาเรียกสองหนุ่มที่กำลังยืนชมวิวคุยกันที่หน้าบ้าน“พี่พัชคะมือถือค่ะ” ตรีรัตน์เดินมาหาพัชรินทร์พอดีกับที่หญิงสาวกำลังจะเดินเข้าบ้านเธอจึงรีบเรียกพัชรินทร์เอาไว้และยื่นมือถือคืนให้กับหญิงสาว“ตายจริงพี่ลืมไว้เหรอเนี่ย” พัชรินทร์รีบรับมือถือของเธอมาอย่างรวดเร็วทั้งตำหนิตัวเองเล็กน้อยที่ไม่รอบคอบทำให้ตรีรัตน์ต้องลำบากเอาของเธอมาคืนถึงที่บ้าน“ว่ายังไงหนูนา..มาให้ลุงอุ้มหน่อยเร็ว” อคิณเห็นตรีรัตน์อุ้มเจ้าก้อนมาด้วยก็รีบเข้าไปอุ้มหนูน้อยมาอย่างรวดเร็วเพราะหนูนาให้เขากอดรัดฟัดเหวี่ยงได้ตามสบายไม่เหมือนเจ้า
"พูดแบบนี้แสดงว่าหนูนาลูกผม" โนอาห์จ้องหน้าพัชรินทร์เขม็งรวมทั้งอคิณก็เช่นกัน พัชรินทร์หน้าเจื่อนเมื่อรู้ว่าตัวเองโมโหจนหลุดปากออกไป ในขณะที่โนอาห์ยังไม่ได้คำตอบจากปากพัชรินทร์แต่เขาก็พอเข้าใจได้แล้วว่ายัยหนูตัวกลมที่อคิณอุ้มอยู่เป็นลูกของเขา“อืม” ตรีรัตน์ค่อยๆพยุงตัวเธอลุกขึ้นนั่งเมื่ออาการดีขึ้นแล้วเมื่อเธอลุกขึ้นได้ก็เกาะพัชรินทร์ไม่ยอมปล่อย"แตงกวา" พัชรินทร์กอดตรีรัตน์เอาไว้เพื่อให้เธอเลิกตื่นกลัวก่อนเพราะเธออาจจะเป็นลมไปได้อีกรอบ"ฮึก..ฮือๆๆ"อคิณเห็นตรีรัตน์เอาแต่สะอื้นเขาจึงรีบสะกิดโนอาห์ให้ออกไปให้พ้นหน้าตรีรัตน์เสียก่อน"คุณจะเอายังไงกับเรื่องนี้" สองหนุ่มออกมาคุยกันด้านนอกด้วยสีหน้าเคร่งเครียดมีคนที่ยังยิ้มเล่นได้นั่นเห็นจะมีแค่เด็กหญิงนิชารีเท่านั้นเพราะไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับผู้ใหญ่เค้า"ก็พึ่งจะรู้ตัวว่ามีลูก...คุณว่าผมต้องทำยังไงล่ะคงต้องรับผิดชอบน่ะสิ" โนอาห์ยืนกอดอกถอนหายใจเฮือกใหญ่และมองไปที่หนูน้อยด้วยแววตาที่สับสนว่าเขาพร้อมแค่ไหนที่จะเป็นพ่อคนแต่เขาก็ไม่เคยมีความคิดที่เสียใจเลยสักนิดเมื่อรู้ว่ามีลูกกับตรีรัตน์อาจเป็นเพราะพอใจตรีรัตน์ตั้งแต่แรกเห็นแถมลูกสาว
ทางด้านโนอาห์"ผมแค่อยากจะรับผิดชอบเธอกับลูกเท่านั้นสิ่งที่ผมทำมันถูกต้องที่สุดแล้ว" หลังจากที่พัชรินทร์มาขอเวลากับเขาโนอาห์ก็ไม่เข้าใจว่าเรื่องแค่นี้ทำไมตรีรัตน์ต้องคิดเขาเป็นพ่อของลูกเธอต้องรับผิดชอบมันก็ถูกต้องแล้วไม่ใช่หรืออย่างไร"คุณต้องยอมรับนะคะว่าแตงกวาเจ็บกับอดีตมาก"พัชรินทร์เห็นความเอาแต่ใจของโนอาห์แล้วเธอก็จำต้องเอ่ยเสียงแข็งออกมาอย่างไม่พอใจเธอว่าเวลาสามวันนี้มันน้อยไปด้วยซ้ำสำหรับตรีรัตน์เพราะสิ่งที่โนอาห์ได้ทำเอาไว้กับตรีรัตน์นั้นทำให้หญิงสาวเจ็บปวดมานานมาก"อย่าพึ่งคุยอะไรกันตอนนี้เลยรอแตงกวาก่อนเถอะ"อคิณตอนนี้ต้องทำตัวเป็นคนกลางไปโดยปริยายเพราะก็เข้าใจในความคิดของโนอาห์และภรรยาของเขาเช่นกัน23.00 น."แม่จะหาทางออกเรื่องนี้ยังไงดีลูก.." ตรีรัตน์นั่งคิดเรื่องนี้อยู่ตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงตอนนี้เธอก็ยังคิดอะไรไม่ออกได้แต่นั่งมองหน้าลูกสาวของเธอที่นอนหลับอยู่ด้วยน้ำตา"ใช่...นี่คือทางเดียวที่จะจบปัญหา" หญิงสาวปาดน้ำตาลวกๆตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเธอควรจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร01.00 น.ตรีรัตน์เก็บเสื้อผ้าของเธอสองสามชุดและของลูกเธออัดกันไปในกระเป๋าลากใบเดียวเมื่อจัดการเสร็จเธ
คฤหาสน์ซาเรฟตอนนี้ที่คฤหาสน์คนค่อนข้างพลุกพล่านเพราะโนอาห์ได้สั่งของใช้มากมายมาไว้เพื่อรอต้อนรับลูกและภรรยาของเขาโดยมียูริมือขวาของเขาเป็นคนดูแลควบคุมทุกอย่างอยู่ในตอนนี้"คุณยูครับของพวกนี้ต้องเอาไว้ที่ห้องไหนครับ""ในห้องนั่งเล่น""ครับ"ตอนนี้ยูริยืนดูของและจัดแจงให้เหล่าบอดี้การ์ดหาที่วางของกันเจ้าละหวั่นเพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงเจ้านายของเขาพร้อมทั้งภรรยาและลูกก็น่าจะบินมาถึงแล้วเย็นของวันซาเรฟหลังจากที่ยูริจัดแจงเรื่องที่คฤหาสน์เรียบร้อยแล้วเขาก็ต้องมาดูแลงานที่บริษัทต่อเพราะวันนี้มีประชุมช่วงเย็นอีกอย่างก็มีคนมารอพบเพื่อที่จะยื่นข้อเสนอกับทางบริษัทอีกด้วย"ฉันมายื่นข้อเสนอให้คุณโนอาห์ค่ะ"ไอรีนยื่นเอกสารตรงหน้าของยูริทั้งยิ้มให้อย่างเป็นมิตรตามมารยาท"ผมจะรับเรื่องไว้ก่อนนะครับเพราะนายยังไม่กลับ แต่ผมก็อยากให้คุณทำใจเอาไว้เพราะทุกครั้งที่MHLยื่นข้อเสนอกี่ครั้งนายก็ปฏิเสธทุกครั้ง" ยูรินับถือใจของMHLจริงๆที่ไม่ว่าจะถูกปฏิเสธเท่าไรก็ไม่เคยที่จะท้อเลยทีเดียวทั้งตอนนี้คนที่มายื่นข้อเสนอไม่มิฮาอิลแล้วแต่เป็นลูกสาวคนสวยของเขาแทน"ยังไงฉันก็ไม่หมดหวังค่ะจะรอคำตอบนะคะ"ไอรีนรู้สึกเสีย
"ผมเป็นคนพูดแล้วไม่คืนคำ ครั้งก่อนๆพ่อคุณก็มาเสนอด้วยตัวเองครั้งนี้ส่งลูกสาวมาคงจะคิดสินะครับว่าผมจะคงรับข้อเสนอเพราะเห็นว่าคุณเป็นผู้หญิงแต่คิดผิดที่ผมเชิญคุณมาคุยกะทันหันวันนี้ เพราะผมจะบอกว่าครั้งหน้าไม่ต้องเสนออะไรมาอีกเพราะผมไม่คิดแม้แต่จะเปิดข้อเสนอดูมันเสียเวลาเปล่า หรือถ้าจะใช้ตัวคุณเสนอผมก็ไม่ยอมรับอยู่ดี"โนอาห์เอ่ยอย่างตรงไปตรงมาหวังว่าคราวหน้าจะไม่มีข้อเสนอจากMHLให้เขาต้องพิจารณาอะไรอีก"มันจะมากไปแล้วนะคะ หึ่"ไอรีนกำมือแน่นเอไม่ได้หวังจะมาเสนอตัวอะไรให้กับโนอาห์เลยสักนิดซ้ำตอนนี้ยังถูกดูถูกจนหน้าชาเธอรีบหยิบเอกสารแล้วเดินหันหลังกลับในทันที“จำเอาไว้โนอาห์ฉันจะทำให้คุณมาขอร้องที่จะร่วมงานกับฉันเองให้ได้”ไอรีนนั่งรถกลับไปด้วยใจที่แค้นเคืองโนอาห์อยู่หลายเรื่องจากคราแรกที่เธอไม่อยากจะร่วมงานกับโนอาห์แต่ถูกพ่อเธอบังคับให้มาตอนนี้เธอชักอยากจะลองท้าทายเขาดูสักตั้งแล้วเธออยากจะรู้เหมือนกันว่าคนที่หยิ่งทรนงตนอย่างโนอาห์ถึงวันที่ต้องขอร้องเธอจะมีสีหน้าเป็นอย่างไรคฤหาสน์ซาเรฟ"เสื้อผ้าพวกนี้ส่งซักรีดเรียบร้อยแล้วนะคะ"นาเดียกำลังจัดแจงเสื้อผ้าที่พึ่งส่งมาใส่ตู้ให้กับนายหญิงของเธอ