“พวกคุณมันเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่ามาขู่ผมดีกว่ากรุณากร่างให้ถูกที่เพราะที่นี่มันถิ่นผม...ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้นงานของผมยังไงก็ต้องดำเนินต่อไป”
บรรจงลุกขึ้นชี้หน้าทุกคนและเดินหนีกลับเข้าบ้านไปอย่างไม่ใส่ใจ
“หึ่..คนแบบนี้มันยังกินดีอยู่ดีมาถึงทุกวันนี้ได้ยังไงกัน”
ในขณะที่เหมวัตขับรถกลับพร้อมกับอคิณและทรงรบเขาก็อดบ่นไม่ได้ถึงความมั่งมีของเสี่ยบรรจงที่มาจากความทุกข์ร้อนของคนอื่นแต่ยังสามารถลอยหน้าลอยตาอยู่ดีกินดีได้อีก
“ผมพอจะรู้แล้วว่าอาวุธพวกนั้นเป็นของใคร”
อคิณมั่นใจว่าอาวุธที่เขาแอบเห็นที่รถขนของข้างบ้านบรรจงเป็นชื่อบริษัทเดียวกับคนที่เขารู้จักแต่นั่นจะใช่ของจริงหรือไม่มันก็อีกเรื่อง
“เหรอครับ”
เหมวัตถามเสียงสูงด้วยความอยากรู้
ทางด้านเสี่บบรรจงตอนนี้เข้าหัวเสียอย่างมากเพราเหมือนถูกเด็กถอนหงอกจึงอยากจะกำจัดคนพวกนั้นเสียตอนนี้เลย
“พวกมึงอย่าให้มันออกไปจากถิ่นนี้ได้..ไม่เคยมีใครกล้าหยามหน้ากูถึงที่นี่พวกมันรู้จักกูน้อยเกินไป”
บรรจงแผดเสียงอย่างไม่สบอารมณ์
“ครับเสี่ยมันไม่มีวันได้ออกไปจากที่นี่ได้แน่นอนครับ”
ลูกน้องคนสนิทของบรรจงรับคำและเตรียมตัวจัดการสิ่งที่บรรจงสั่งอย่างรวดเร็วเพราะเขาจะไม่ปล่อยให้ทั้งสามออกไปจากอำเภอนี้ก่อนที่เขาจะลงมือเนื่องด้วยพื้นที่ที่นี่รวมทั้งตำรวจก็เป็นคนของบรรจงเวลาจัดการคดีจะได้ง่ายๆ
“ท่าทางเราจะประมาทไอ้เสี่ยนี่เกินไปซะแล้วสิ”
ทรงรบเห็นผ่านกระจกหลังว่าข้างหลังมีรถกระบะขับตามมาด้วยความเร็วสองคันชุมชนแถวนี้คงไม่ใช้ความเร็วระดับนี้แน่นอนเขาเชื่อว่ายังไงก็ต้องเป็นคนของบรรจง
“เดี๋ยวผมจะเรียกตำรวจเดี๋ยวนี้”
อคิณยกมือถือส่งข้อความบอกนายตำรวจที่เขารู้จักทันที
“ที่นี่มีแต่คนของพวกมันทั้งนั้นครับ”
เหมวัตรู้ว่าตำรวจพื้นที่นี้เป็นคนของเสี่ยบรรจงทั้งนั้นเรียกไปก็เสียเวลาเปล่า
“ผมจัดการเรื่องนี้ได้ครับ”
อคิณมั่นใจว่าเรื่องนี้ยังไงเขาก็จัดการได้เพราะเพื่อนของทศพลอาของเขาเป็นนายตำรวจยศใหญ่พอตัวที่จะสั่งการให้ตำรวจที่นี่ทำตามคำสั่งได้โดยไม่มีข้อแม้
“ข้างหน้านั่น”
ทรงรบชี้ไปด้านหน้าที่มีรถกระบะและคนที่ถืออาวุธครบมือดักรถของพวกเขาอยู่
“ผมว่าคงต้องบู๊กันสักหน่อยแล้วล่ะครับ”
เหมวัตรีบส่งอาวุธให้ทุกคนเขาไม่คิดเลยว่าบรรจงจะทำเหมือนที่นี่เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนขนาดนี้
ไร่เริงฤทธิ์
เพล้งง
“คุณพิม..เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
พัชรินทร์ได้ยินเสียงของหล่นแตกอยู่ในครัวจึงรีบเดินมาดูเป็นพิมพรรณเองที่ทำแก้วหล่นแตก
“คุณพัชอย่าพึ่งเก็บค่ะ”
พิมพรรณห้ามหญิงสาวก่อนที่เธอจะก้มลงเก็บแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว
“โอ้ยย..” พัชรินทร์ถูกแก้วบาดนิ้วจนได้
“เห็นไหมคะ” พิมพรรณรีบนั่งดูแผลให้พัชรินทร์ทันที
“คุณว่าสองคนนั้นจะไปไหนกันคะ”
ในระหว่างที่พิมพรรณทำแผลให้กับพัชรินทร์เธอก็รู้สึกห่วงทรงรบอยู่ไม่น้อยเพราะเมื่อครู่แก้วที่ถืออยู่นั้นจู่ๆก็หลุดมือเธอไปเฉยๆทั้งที่เธอก็จับมันดีแล้ว
“ฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ...ฉันว่าเดี๋ยวฉันโทรถามพี่คิณดีกว่าค่ะ”
พัชรินทร์ก็ไม่ต่างกันเธอเป็นห่วงอคิณตั้งแต่เมื่อเช้าเพราะรู้สึกใจเสียแปลกๆจึงรีบหยิบมือถือต่อสายหาอคิณทันที
ชั่วโมงต่อมา
โรงพยาบาล
พิมพรรณและพัชรินทร์รีบขับรถมาที่โรงพยาบาลอย่างรวดเร็วหลังจากที่ต่อสายหาอคิณแต่เหมวัตนั้นรับสายแทนและแจ้งข่าวร้ายกับทั้งสองว่าพวกเขาถูกคนของบรรจงตามฆ่าดีที่เขาไม่เป็นอะไรเพราะตำรวจมาทันแต่ทรงรบกับอคิณอาการหนักพอสมควรเพราะทรงรบถูกยิงที่กลางหลังและอคิณก็ถูกยิงที่จุดสำคัญถึงสามนัด
“คุณเหมพ่อเลี้ยงกับคุณคิณเป็นยังไงบ้างคะ”
พิมพรรณกับพัชรินทร์เข้ามาหาเหมวัตได้ก็ถามอาการของชายหนุ่มทั้งสองด้วยน้ำตา
“พ่อเลี้ยงต้องผ่าตัดด่วนครับส่วนคุณคิณตอนนี้อาการห้าสิบห้าสิบครับ”
เหมวัตเอ่ยเสียงอ่อนเขารู้สึกผิดที่เป็นคนพาทรงรบและอคิณไปเสี่ยงจนเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
“พี่คิณ..” พัชรินทร์เขาอ่อนนั่งฟุบกับเก้าอี้
“คุณพัช” พิมพรรณเองก็ใจเสียไม่ต่างกันแต่เธอก็พยายามคุมสติและนั่งปลอบพัชรินทร์
วันต่อมา
“คุณทรงรบพ้นขีดอันตรายแล้วนะครับส่วนอาการหลังจากนี้ผมไม่มั่นใจว่าคุณทรงรบจะกลับมาเดินได้อีกหรือเปล่าเราจะประเมินอาการหลังฟื้นตัวอีกทีนะครับเพราะจุดที่ถูกยิงถูกเส้นประสาทสำคัญ”
หมอหนุ่มแจ้งอาการของทรงรบให้กับพิมพรรณและเริงฤทธิ์ได้ทราบถึงอาการตอนนี้และผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
“ตาจ๋า..ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย”
หลังจากที่หมอออกไปแล้วพิมพรรณก็นั่งกอดกับตาของเธอทั้งสะอื้นออกมาอย่างหดหู่
“เดี๋ยวทุกอย่างจะดีขึ้น”
เริงฤทธิ์ตกใจกับเหตุการณ์นี้อยู่ไม่น้อยแต่เชื่อว่ายังไงคนดีๆอย่างทรงรบและอคิณนั้นต้องไม่เป็นไรอะไรร้ายแรงแน่นอนเขาเชื่อในกรรมดี
ทางด้านพัชรินทร์
“อาการคุณคิณตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะคุณเหม”
พัชรินทร์เดินเข้าโรงพยาบาลมาพร้อมกับอิทธิกรและลูกๆของเธอเมื่อมาถึงเห็นเหมวัตอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัดจึงรีบเข้าไปถามความคืบหน้าอาการของอคิณทันที
“ตอนนี้คุณคิณกำลังได้รับการผ่าตัดอยู่ครับหมอยังไม่ได้ออกมาแจ้งว่าอาการของเค้าเป็นยังไง”
“ทำไมใช้เวลานานนักล่ะครับ” อิทธิกรเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
“คุณคิณถูกยิงจุดสำคัญถึงสามจุดตอนนี้ก็ได้แต่ภาวนาให้คุณคิณปลอดภัย”
“พี่คิณ” อิทธิกรมีน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย
“พี่คิณคะ..พี่คินต้องตื่นมาอยู่กับพัชกับลูกนะคะต่อไปนี้พัชจะไม่ไล่พี่คิณไปไหนอีกแล้ว..ฮือๆๆ”
พัชรินทร์นั่งกอดลูกของเธอทั้งสองที่หน้าห้องผ่าตัดเธอเอ่ยเสียงอ่อนด้วยน้ำตาภาพความเศร้าของหญิงสาวที่นั่งกอดลูกๆทำเอาเหมวัตและอิทธิกรอดน้ำตาคลอตามไม่ได้
“พัช..”
อิทธิกรนั่งลงกอดน้องสาวและหลานๆของเขาไว้เบาๆภาวนาถึงแม่กับพ่อของเขาให้ช่วยพี่ชายของเขาด้วยเพราะเขาคงทุกข์ใจมากถ้าเห็นพี่ชายของเขาจากไปทังที่ลูกยังเล็กอยู่แบบนี้
สองวันต่อมาตอนนี้ทรงรบฟื้นแล้วเขาค่อนข้างเสียใจไม่น้อยที่รู้ว่าตัวเองเดินไม่ได้แต่ก็ไม่ได้แสดงความเสียใจนั้นออกมาแต่อย่างใดเพราะคิดว่ายังไงมันก็ต้องมีทางรักษาให้กลับมาเป็นปกติได้“ผมหิวน้ำ”ทรงรบเอ่ยเสียงแหบพร่าเรียกพิมพรรณที่นั่งอยู่ข้างๆตอนนี้หมอห้ามเขาขยับตัวภาระทั้งหมดเลยตกอยู่ที่พิมพรรณที่ต้องมาคอยดูแลเขา“นี่ค่ะค่อยๆดูดนะคะ”พิมพรรณดีใจมากในวินาทีที่ทรงรบตื่นขึ้นมาเมื่อคืนตอนนี้เธอคอยดูแลเขาทุกอย่างไม่ห่างไปไหนเพราะตอนที่เธอรู้ว่าเขาถูกยิงใจของเธอแทบสลายและพึ่งได้รู้ตัวเองว่าเธอมีใจให้เขาเหมือนกัน“คิณเป็นยังไงบ้าง”ทรงรบไม่ลืมที่จะถามถึงเพื่อนของเขาเพราะวินาทีที่เขาหลับไปตอนถูกยิงเขาเห็นว่าเพื่อนของเขานอนจมกองเลือดอยู่ตรงหน้า“ตอนนี้คุณคิณยังไม่ออกจากไอซียูเลยค่ะ”พิมพรรณเอ่ยเสียงอ่อนตอนนี้เธอสงสารพัชรินทร์จับใจเพราะไม่มีวินาทีไหนเลยที่พัชรินทร์นั้นจะไม่มีน้ำตาหลังจากที่รู้ว่าอคิณได้รับอันตราย“อาการหนักขนาดนั้นเลยเหรอ” ทรงรบขมวดคิ้วเป็นกังวล“ตอนนี้ยังไม่พ้นขีดอันตรายเลยค่ะ” พิมพรรณส่ายหัวเบาๆ“คุณเหม” พิมพรรณหันไปที่ประตูเมื่อได้ยินเสียงคนเปิดเข้ามา“เป็นยังไงบ้างครับผมได้ข่
ไร่เริงฤทธิ์“ทำอะไรอยู่ครับตา”ช่วงเย็นอคิณเดินเข้ามาหาเริงฤทธิ์หลังจากที่ไปส่งของกับพัชรินทร์เรียบร้อยแล้วเขาเห็นเริงฤทธิ์นั่งตอกไม้ไผ่ตั้งแต่ก่อนไปแล้วตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าเริงฤทธิ์ทำอะไร“ทำกระแตเวียนไงรู้จักไหมล่ะ”“คืออะไรครับ” อคิณขมวดคิ้วเล็กน้อย“ให้เจ้าแฝดเกาะหัดเดินไงคนโบราณเค้าก็ทำแบบนี้ให้ลูกหัดเดินกันทั้งนั้นเอ็งคงไม่เคยเห็นล่ะสิ”เริงฤทธิ์เห็นว่าเจ้าแฝดเริ่มตั้งไข่ได้นานแล้วจึงอยากให้ฝึกเดินที่กระแตเวียนจะได้เดินแข็งเร็วๆ“ครับผมก็พึ่งจะรู้จักนี่แหละ”“น้ำเมยน้ำปายคลานมาหาทวดมา”“อ้วด..อ้วด”เจ้าแฝดที่เล่นดินกันมอมแมมทั้งสองได้ยินเสียงทวดเรียกก็รีบคลานกรูกันเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว“อ้าวเกาะ”เริงฤทธิ์ค่อยๆอุ้มเจ้าแฝดทีละคนให้เกาะไม้และเดิน“แอ้ะ..อิๆๆ”เจ้าสองแฝดพอเกาะเดินได้ก็ชอบใจกันใหญ่“เดินเข้าจะได้เดินแข็งๆ”เริงฤทธิ์เอ่ยด้วยรอยยิ้มเขาหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นเหลนๆชอบของที่เขาทำให้“เก่งจังเลยครับลูก..เดินแข่งกันเร็วๆๆ”อคิณปรบมือเชียร์เป็นกำลังใจให้ลูกๆของเขาแข่งกันเดินแม้ของเล่นจะไม่ใช่สิ่งที่หรูหราแต่เขาก็ขอบคุณเริงฤทธิ์อยู่ไม่น้อยที่เอ็นดูลูกเขาขนาดนี้
“เอ่อ..”พัชรินทร์ตกใจเล็กน้อยที่ชายหนุ่มจู่ๆก็อุ้มเธอขึ้นด้วยท่าเจ้าสาวแล้วพาเธอกลับไปที่ห้องวางเธอลงบนเตียงเบาๆ“อย่าผลักพี่ขอพี่อยู่แบบนี้สักพักนะครับ...พี่ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ที่พี่ดีกับพัชเพราะพี่รู้สึกผิดแต่ตอนนี้มันไม่ใช่พี่อยากอยู่กับพัชอยากดูแลพัชกับลูกเพราะพี่รู้สึกรักคนตัวเล็กคนนี้..รักแม่ของลูกพี่หมดใจไปแล้ว”อคิณจับมือหญิงสาวที่กำลังดันตัวของเขาออกและเอ่ยเสียงอ่อนข้างๆหูของเธอ พัชรินทร์หน้าแดงเมื่อได้ยินว่าเขาบอกอะไรกับเธอ“พี่ก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนไหนแต่ทุกครั้งที่พี่เจ็บหน้าของพัชกับลูกจะเป็นกำลังใจให้พี่ลุกขึ้นมาสู้ต่อ...ขอบคุณที่แม้ว่ายังโกรธแต่ก็ยังไม่คิดจะใจร้ายกับพี่...พี่อยากให้พัชให้โอกาสพี่ดูแลพัชกับลูกได้ไหมพี่ขอแค่นี้”“คำขอนี้พี่คิณเคยขอมาตลอดเลยนะคะ...แม้พัชจะห้ามแต่พี่คิณก็ไม่เคยฟัง..และเวลามันก็พิสูจน์แล้วค่ะว่าพี่คิณเป็นพ่อที่ดีของลูกๆ”“พี่ไม่อยากเป็นแค่พ่อที่ดีของลูกๆแต่พี่อยากเป็นสามีที่ดีของพัชด้วย..คนดีของพี่ขอให้พี่เป็นสามีที่ดีของพัชได้ไหม”เมื่อสายตาของอคิณแสดงออกถึงความจริงใจพัชรินทร์จึงยิ้มอ่อนและพยักหน้ารับเขาพิสูจน์ด้วยเวลาแล้วว่าเขา
เกริ่นทำไมโลกที่แสนกลมต้องเหวี่ยงคนใจร้ายกลับมาเจอเธอด้วยคำที่หญิงสาวมีคำถามอยู่ในใจทุกครั้งที่ต้องเห็นหน้าคนที่มาคอยบังคับเธอให้ตกอยู่ในพันธนาการของเขาหากวันนั้นเธอไม่ใจดีจะเป็นแบบนี้หรือไม่หากวันนั้นเธอเลือกที่จะคบเพื่อนดีจะเป็นแบบนี้หรือไม่หากวันนั้นเธอไม่เจอเขาชีวิตเธอจะดีกว่านี้หรือไม่...เนื้อเรื่องช่วงบ่ายของวันในเวลาที่แดดร่มลมตกแล้วตรีรัตน์กำลังนั่งไกวเปลลูกน้อยของเธอไปด้วยวาดรูปออกแบบเครื่องประดับไปด้วยเพลินๆเพราะตอนนี้เธอมีงานอดิเรกนอกจากเลี้ยงลูกแล้วเธอยังแพ็คของส่งลูกค้าไปด้วยตอนนี้เธอขายเครื่องประดับที่เป็นฝีมือการออกแบบของเธอเองผลตอบรับตอนนี้ค่อนข้างดีมากเพราะฝีมือการออกแบบของเธอค่อนข้างตรงความต้องการของคนหมู่มากตรีรัตน์หญิงสาววัย21ตอนนี้เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวอยู่ที่ไร่เริงฤทธิ์เธอท้องตั้งแต่ยังเรียนไม่จบเพราะความหัวอ่อน หญิงสาวเป็นสาวหน้าหวานใบหน้ารูปไข่ผิวขาวอมชมพูผมสีน้ำตาลยาวหยักศกคิ้วได้รูปขนตางอนยาวดวงตากลมโตปากนิดจมูกหน่อย เธอเป็นสาวหน้าหวานที่ค่อนข้างหัวอ่อนรักเพื่อนเชื่อคนง่ายนั่นเป็นลักษณะนิสัยที่ทำให้เธอถูกเอาเปรียบอยู่บ่อยครั้ง“ของขายดีเลยสินะ”พัชรินทร์เด
“แอ้ๆ..” ตรีรัตน์อุ้มลูกสาววัยหกเดือนที่กำลังจ้ำม่ำมากอดรัดฟัดเหวี่ยงกันตามประสาแม่ลูกเพราะวันนี้ลูกเธอดูจะตื่นมาแล้วอารมณ์ดีเป็นพิเศษ“อารมณ์ดีจังเลยนะคะ..อ้าวนี่มือถือพี่พัชนี่นา..ไปบ้านป้าพัชกันนะคะเอามือถือไปคืนป้าพัชกันค่ะ” ตรีรัตน์หันไปเห็นมือถือของพัชรินทร์วางอยู่ใกล้ๆกับตระกร้าผ้าของลูกเธอจึงหยิบขึ้นมาเพื่อที่จะเดินเอาไปคืนพี่สาวเธอที่บ้าน“แอ้..ๆ”หนูน้อยนิชารีรู้ว่าคนเป็นแม่จะพาเดินเที่ยวก็ดีใจจนยิ้มปากบาน“อาหารเย็นเรียบร้อยแล้วค่ะ”พัชรินทร์จัดการอาหารเย็นเสร็จก็รีบเดินออกมาเรียกสองหนุ่มที่กำลังยืนชมวิวคุยกันที่หน้าบ้าน“พี่พัชคะมือถือค่ะ” ตรีรัตน์เดินมาหาพัชรินทร์พอดีกับที่หญิงสาวกำลังจะเดินเข้าบ้านเธอจึงรีบเรียกพัชรินทร์เอาไว้และยื่นมือถือคืนให้กับหญิงสาว“ตายจริงพี่ลืมไว้เหรอเนี่ย” พัชรินทร์รีบรับมือถือของเธอมาอย่างรวดเร็วทั้งตำหนิตัวเองเล็กน้อยที่ไม่รอบคอบทำให้ตรีรัตน์ต้องลำบากเอาของเธอมาคืนถึงที่บ้าน“ว่ายังไงหนูนา..มาให้ลุงอุ้มหน่อยเร็ว” อคิณเห็นตรีรัตน์อุ้มเจ้าก้อนมาด้วยก็รีบเข้าไปอุ้มหนูน้อยมาอย่างรวดเร็วเพราะหนูนาให้เขากอดรัดฟัดเหวี่ยงได้ตามสบายไม่เหมือนเจ้า
"พูดแบบนี้แสดงว่าหนูนาลูกผม" โนอาห์จ้องหน้าพัชรินทร์เขม็งรวมทั้งอคิณก็เช่นกัน พัชรินทร์หน้าเจื่อนเมื่อรู้ว่าตัวเองโมโหจนหลุดปากออกไป ในขณะที่โนอาห์ยังไม่ได้คำตอบจากปากพัชรินทร์แต่เขาก็พอเข้าใจได้แล้วว่ายัยหนูตัวกลมที่อคิณอุ้มอยู่เป็นลูกของเขา“อืม” ตรีรัตน์ค่อยๆพยุงตัวเธอลุกขึ้นนั่งเมื่ออาการดีขึ้นแล้วเมื่อเธอลุกขึ้นได้ก็เกาะพัชรินทร์ไม่ยอมปล่อย"แตงกวา" พัชรินทร์กอดตรีรัตน์เอาไว้เพื่อให้เธอเลิกตื่นกลัวก่อนเพราะเธออาจจะเป็นลมไปได้อีกรอบ"ฮึก..ฮือๆๆ"อคิณเห็นตรีรัตน์เอาแต่สะอื้นเขาจึงรีบสะกิดโนอาห์ให้ออกไปให้พ้นหน้าตรีรัตน์เสียก่อน"คุณจะเอายังไงกับเรื่องนี้" สองหนุ่มออกมาคุยกันด้านนอกด้วยสีหน้าเคร่งเครียดมีคนที่ยังยิ้มเล่นได้นั่นเห็นจะมีแค่เด็กหญิงนิชารีเท่านั้นเพราะไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับผู้ใหญ่เค้า"ก็พึ่งจะรู้ตัวว่ามีลูก...คุณว่าผมต้องทำยังไงล่ะคงต้องรับผิดชอบน่ะสิ" โนอาห์ยืนกอดอกถอนหายใจเฮือกใหญ่และมองไปที่หนูน้อยด้วยแววตาที่สับสนว่าเขาพร้อมแค่ไหนที่จะเป็นพ่อคนแต่เขาก็ไม่เคยมีความคิดที่เสียใจเลยสักนิดเมื่อรู้ว่ามีลูกกับตรีรัตน์อาจเป็นเพราะพอใจตรีรัตน์ตั้งแต่แรกเห็นแถมลูกสาว
ทางด้านโนอาห์"ผมแค่อยากจะรับผิดชอบเธอกับลูกเท่านั้นสิ่งที่ผมทำมันถูกต้องที่สุดแล้ว" หลังจากที่พัชรินทร์มาขอเวลากับเขาโนอาห์ก็ไม่เข้าใจว่าเรื่องแค่นี้ทำไมตรีรัตน์ต้องคิดเขาเป็นพ่อของลูกเธอต้องรับผิดชอบมันก็ถูกต้องแล้วไม่ใช่หรืออย่างไร"คุณต้องยอมรับนะคะว่าแตงกวาเจ็บกับอดีตมาก"พัชรินทร์เห็นความเอาแต่ใจของโนอาห์แล้วเธอก็จำต้องเอ่ยเสียงแข็งออกมาอย่างไม่พอใจเธอว่าเวลาสามวันนี้มันน้อยไปด้วยซ้ำสำหรับตรีรัตน์เพราะสิ่งที่โนอาห์ได้ทำเอาไว้กับตรีรัตน์นั้นทำให้หญิงสาวเจ็บปวดมานานมาก"อย่าพึ่งคุยอะไรกันตอนนี้เลยรอแตงกวาก่อนเถอะ"อคิณตอนนี้ต้องทำตัวเป็นคนกลางไปโดยปริยายเพราะก็เข้าใจในความคิดของโนอาห์และภรรยาของเขาเช่นกัน23.00 น."แม่จะหาทางออกเรื่องนี้ยังไงดีลูก.." ตรีรัตน์นั่งคิดเรื่องนี้อยู่ตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงตอนนี้เธอก็ยังคิดอะไรไม่ออกได้แต่นั่งมองหน้าลูกสาวของเธอที่นอนหลับอยู่ด้วยน้ำตา"ใช่...นี่คือทางเดียวที่จะจบปัญหา" หญิงสาวปาดน้ำตาลวกๆตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเธอควรจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร01.00 น.ตรีรัตน์เก็บเสื้อผ้าของเธอสองสามชุดและของลูกเธออัดกันไปในกระเป๋าลากใบเดียวเมื่อจัดการเสร็จเธ
คฤหาสน์ซาเรฟตอนนี้ที่คฤหาสน์คนค่อนข้างพลุกพล่านเพราะโนอาห์ได้สั่งของใช้มากมายมาไว้เพื่อรอต้อนรับลูกและภรรยาของเขาโดยมียูริมือขวาของเขาเป็นคนดูแลควบคุมทุกอย่างอยู่ในตอนนี้"คุณยูครับของพวกนี้ต้องเอาไว้ที่ห้องไหนครับ""ในห้องนั่งเล่น""ครับ"ตอนนี้ยูริยืนดูของและจัดแจงให้เหล่าบอดี้การ์ดหาที่วางของกันเจ้าละหวั่นเพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงเจ้านายของเขาพร้อมทั้งภรรยาและลูกก็น่าจะบินมาถึงแล้วเย็นของวันซาเรฟหลังจากที่ยูริจัดแจงเรื่องที่คฤหาสน์เรียบร้อยแล้วเขาก็ต้องมาดูแลงานที่บริษัทต่อเพราะวันนี้มีประชุมช่วงเย็นอีกอย่างก็มีคนมารอพบเพื่อที่จะยื่นข้อเสนอกับทางบริษัทอีกด้วย"ฉันมายื่นข้อเสนอให้คุณโนอาห์ค่ะ"ไอรีนยื่นเอกสารตรงหน้าของยูริทั้งยิ้มให้อย่างเป็นมิตรตามมารยาท"ผมจะรับเรื่องไว้ก่อนนะครับเพราะนายยังไม่กลับ แต่ผมก็อยากให้คุณทำใจเอาไว้เพราะทุกครั้งที่MHLยื่นข้อเสนอกี่ครั้งนายก็ปฏิเสธทุกครั้ง" ยูรินับถือใจของMHLจริงๆที่ไม่ว่าจะถูกปฏิเสธเท่าไรก็ไม่เคยที่จะท้อเลยทีเดียวทั้งตอนนี้คนที่มายื่นข้อเสนอไม่มิฮาอิลแล้วแต่เป็นลูกสาวคนสวยของเขาแทน"ยังไงฉันก็ไม่หมดหวังค่ะจะรอคำตอบนะคะ"ไอรีนรู้สึกเสีย