ไร่เริงฤทธิ์
“ทำอะไรอยู่ครับตา”
ช่วงเย็นอคิณเดินเข้ามาหาเริงฤทธิ์หลังจากที่ไปส่งของกับพัชรินทร์เรียบร้อยแล้วเขาเห็นเริงฤทธิ์นั่งตอกไม้ไผ่ตั้งแต่ก่อนไปแล้วตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าเริงฤทธิ์ทำอะไร
“ทำกระแตเวียนไงรู้จักไหมล่ะ”
“คืออะไรครับ” อคิณขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ให้เจ้าแฝดเกาะหัดเดินไงคนโบราณเค้าก็ทำแบบนี้ให้ลูกหัดเดินกันทั้งนั้นเอ็งคงไม่เคยเห็นล่ะสิ”
เริงฤทธิ์เห็นว่าเจ้าแฝดเริ่มตั้งไข่ได้นานแล้วจึงอยากให้ฝึกเดินที่กระแตเวียนจะได้เดินแข็งเร็วๆ
“ครับผมก็พึ่งจะรู้จักนี่แหละ”
“น้ำเมยน้ำปายคลานมาหาทวดมา”
“อ้วด..อ้วด”
เจ้าแฝดที่เล่นดินกันมอมแมมทั้งสองได้ยินเสียงทวดเรียกก็รีบคลานกรูกันเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
“อ้าวเกาะ”
เริงฤทธิ์ค่อยๆอุ้มเจ้าแฝดทีละคนให้เกาะไม้และเดิน
“แอ้ะ..อิๆๆ”
เจ้าสองแฝดพอเกาะเดินได้ก็ชอบใจกันใหญ่
“เดินเข้าจะได้เดินแข็งๆ”
เริงฤทธิ์เอ่ยด้วยรอยยิ้มเขาหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นเหลนๆชอบของที่เขาทำให้
“เก่งจังเลยครับลูก..เดินแข่งกันเร็วๆๆ”
อคิณปรบมือเชียร์เป็นกำลังใจให้ลูกๆของเขาแข่งกันเดินแม้ของเล่นจะไม่ใช่สิ่งที่หรูหราแต่เขาก็ขอบคุณเริงฤทธิ์อยู่ไม่น้อยที่เอ็นดูลูกเขาขนาดนี้
ไร่ภิภพ
“แข็งใจลองเดินอีกนิดนะคะ”
ทางด้านพิมพรรณเองก็ช่วยทรงรบทำกายภาพตามที่หมอบอกนี่ก็สองเดือนแล้วดูท่าว่าทรงรบจะไม่มีอาการที่ดีขึ้นเลยแต่เธอเองก็ไม่ถอดใจยังเชื่อว่ายังไงเขาก็ต้องหาย
“หึ่ม..”
ทรงรบนั่งลงกับพื้นน้ำตาคลอคราแรกเขาคิดว่าอาการของเขามันจะหายได้อย่างรวดเร็วแต่ไม่เลยนับวันๆที่เขาเห็นพิมพรรณต้องมาลำบากเพราะเขามันก็ยิ่งบั่นทอนจิตใจเขาไม่น้อยจนเขาถอดใจไม่อยากรักษา
“ลองอีกนิดนะคะ”
“ไม่..ผมคงเดินไม่ได้อีกแล้วล่ะ”
“อย่าหมดหวังสิคะหมอบอกว่าถ้าคุณขยันทำกายภาพคุณก็จะกลับมาเดินได้นะคะ” พิมพรรณจับมือทรงรบไว้แน่นเป็นการให้กำลังใจ
“คุณอย่ามาจมปลักกับผมเลยเรา..เลิกอยู่ด้วยกันแบบนี้เถอะผมไม่อยากเป็นภาระคุณ” ทรงรบเอ่ยเสียงสั่น
“ทำไมคุณพูดแบบนี้ล่ะคะ...คุณถอดใจได้ยังไงทั้งที่ฉันก็ยังไม่ถอดใจเลย”
พิมพรรณถึงกับแววตาไหววูบสิ่งที่เธอพยายามทำเขากลับไม่เห็นคุณค่าเลยสักนิด
“ลองมาเท่าไรแล้วผมยังไม่เห็นว่าการเดินของผมมันจะดีขึ้นเลย..คุณอย่ามาดูแลคนพิการอย่างผมเลย”
“ไหนบอกรักฉันไงคะ..แล้วไล่ฉันทำไม”
พิมพรรณน้ำตาร่วงออกมาอย่างผิดหวังเธอไม่คิดว่าเขาจะถอดใจง่ายๆและมาไล่เธอไปแบบนี้ทั้งที่เฮอยากจะอยู่ดูแลเขา
“เพราะรักไงผมเลยไม่อยากให้คุณมาลำบากเพราะผม”
ทรงรบหันมามองพิมพรรณด้วยสีหน้าหดหู่และมีน้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมา
“รอฉันเดี๋ยวนะคะ”
พิมพรรณรีบเดินเข้าไปในห้องและรีบหยิบอะไรบางอยบ่างออกมาเธอหวังว่าสิ่งที่เธอจะบอกเขานี้จะทำให้เขาดีขึ้น
“ฉันจะให้คุณดูบางอย่างแล้วคุณก็บอกมาว่าจะให้ฉันไปอีกหรือเปล่า” พิมพรรณยื่นซองบางอย่างใส่มือทรงรบ
“อะไร..นี่มัน..นี่ผมกำลังจะเป็นพ่อคนงั้นเหรอ”
เมื่อชายหนุ่มเปิดขึ้นมาก็เห็นว่ามีแท่งตรวจครรภ์สามอันเขาอ้าปากค้างมองหน้าพิมพรรณด้วยรอยยิ้ม
“ค่ะ...คุณต้องสู้นะคะสู้เพื่อลูกของเรา”
พิมพรรณยิ้มอ่อนและกอดชายหนุ่มเอาไว้เธออยากให้เขามีกำลังใจที่จะสู้ต่อไปตอนนี้เธอท้องได้สามเดือนแล้วพึ่งรู้ตัวเองเมื่อไม่นานมานี้เหมือนกัน
“ผมกำลังจะเป็นพ่อคน” ทรงรบกอดพิมพรรณเอาไว้แน่น
“ฉันรักคุณนะคะฉันอยากให้คุณหายแล้วเราจะได้ช่วยกันเลี้ยงลูกไงคะ”
“พิม..”
ตอนนี้ทรงรบเกิดแรงฮึดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อรู้ตัวว่าจะมีลูกและตำหนิตัวเองในใจที่เกือบจะทำให้ตัวเองเสียลูกและเมียไปด้วยความงี่เง่าของตัวเอง
สองเดือนต่อมา
“เดินได้คล่องแล้วนี่”
อคิณมาเยี่ยมทรงรบที่บ้านเป็นประจำวันนี้เขาเห็นเพื่อนของเขาเดินได้คล่องก็ดีใจอย่างมากที่ทรงรบจะกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติเสียที
“ต้องขอบคุณเจ้าตัวเล็กนี่จริงๆทำให้ฉันมีกำลังใจขึ้นเยอะเลย”
ทรงรบจับมือพิมพรรณและมองหน้าภรรยาของเขาด้วยรอยยิ้มพร้อมทั้งก้มลงไปกอดหน้าท้องนูนของหญิงสาวต่อหน้าอคิณอย่างไม่อายเพราะรู้ว่ามีลูกและกำลังจะเป็นพ่อคนเขาจึงมีแรงฮึดสู้ทุกอย่างจนผ่านมันมาได้
22.00 น.
อคิณยืนมองพระจันทร์ดวงโตยามค่ำคืนในขณะที่ลูกๆของเขาหลับไปแล้วพลางคิดอะไรไปเพลินๆเกี่ยวกับเรื่องราวที่ผ่านมายิ่งมองย้อนกลับไปถึงตัวเองเมื่อก่อนยอมรับเลยว่าเขาไม่พอใจตัวเองเมื่อก่อนเท่าไรนักเพราะความเอาแต่ใจและทิฐิที่เยอะของตนจึงนำพาเรื่องราวอันน่าปวดหัวมากมายมาให้เขาและคนอื่นๆที่ต้องมารองรับอารมณ์ของเขา
แต่นั่นก็มีข้อดีอีกอย่างคือทำให้เขาได้เรียนรู้ชีวิตและเรียนรู้ที่จะปรับปรุงตัวและเชื่อว่าทุกๆอย่างฟ้าคงกำหนดมันมาแล้ว
“ทำไมยังไม่นอนอีกคะ”
พัชรินทร์เดินออกมาหาน้ำดื่มด้านนอกเมื่อเห็นว่าอคิณกำลังยืนนิ่งอยู่ที่ระเบียงบ้านจึงเดินเข้าไปหาเขา
“ขอบคุณนะที่ช่วยดูแลพี่”
อคิณหันมายิ้มให้หญิงสาวและดึงมือเรียวของเธอไปกุมเอาไว้เขาพุดขอบคุณเธอเป็นครั้งที่เท่าไรนับไม่ได้รู้เพียงว่าอยากจะพูดเมื่อไรก็พูดออกมาเท่านั้น
“พัช..ก็..ขอบคุณพี่คิณนะคะที่คอยปกป้องพวกเรา”
พัชรินทร์ยิ้มอ่อนเธอก็จ้องขอบคุณเขาเหมือนกันที่เขาเสียสละตัวเองปกป้องคนในไร่ไม่ให้ถูกคนชั่วรังแกจนตัวเจ็บปางตาย
“เอ่อ..”พัชรินทร์ตกใจเล็กน้อยที่ชายหนุ่มจู่ๆก็อุ้มเธอขึ้นด้วยท่าเจ้าสาวแล้วพาเธอกลับไปที่ห้องวางเธอลงบนเตียงเบาๆ“อย่าผลักพี่ขอพี่อยู่แบบนี้สักพักนะครับ...พี่ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ที่พี่ดีกับพัชเพราะพี่รู้สึกผิดแต่ตอนนี้มันไม่ใช่พี่อยากอยู่กับพัชอยากดูแลพัชกับลูกเพราะพี่รู้สึกรักคนตัวเล็กคนนี้..รักแม่ของลูกพี่หมดใจไปแล้ว”อคิณจับมือหญิงสาวที่กำลังดันตัวของเขาออกและเอ่ยเสียงอ่อนข้างๆหูของเธอ พัชรินทร์หน้าแดงเมื่อได้ยินว่าเขาบอกอะไรกับเธอ“พี่ก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนไหนแต่ทุกครั้งที่พี่เจ็บหน้าของพัชกับลูกจะเป็นกำลังใจให้พี่ลุกขึ้นมาสู้ต่อ...ขอบคุณที่แม้ว่ายังโกรธแต่ก็ยังไม่คิดจะใจร้ายกับพี่...พี่อยากให้พัชให้โอกาสพี่ดูแลพัชกับลูกได้ไหมพี่ขอแค่นี้”“คำขอนี้พี่คิณเคยขอมาตลอดเลยนะคะ...แม้พัชจะห้ามแต่พี่คิณก็ไม่เคยฟัง..และเวลามันก็พิสูจน์แล้วค่ะว่าพี่คิณเป็นพ่อที่ดีของลูกๆ”“พี่ไม่อยากเป็นแค่พ่อที่ดีของลูกๆแต่พี่อยากเป็นสามีที่ดีของพัชด้วย..คนดีของพี่ขอให้พี่เป็นสามีที่ดีของพัชได้ไหม”เมื่อสายตาของอคิณแสดงออกถึงความจริงใจพัชรินทร์จึงยิ้มอ่อนและพยักหน้ารับเขาพิสูจน์ด้วยเวลาแล้วว่าเขา
เกริ่นทำไมโลกที่แสนกลมต้องเหวี่ยงคนใจร้ายกลับมาเจอเธอด้วยคำที่หญิงสาวมีคำถามอยู่ในใจทุกครั้งที่ต้องเห็นหน้าคนที่มาคอยบังคับเธอให้ตกอยู่ในพันธนาการของเขาหากวันนั้นเธอไม่ใจดีจะเป็นแบบนี้หรือไม่หากวันนั้นเธอเลือกที่จะคบเพื่อนดีจะเป็นแบบนี้หรือไม่หากวันนั้นเธอไม่เจอเขาชีวิตเธอจะดีกว่านี้หรือไม่...เนื้อเรื่องช่วงบ่ายของวันในเวลาที่แดดร่มลมตกแล้วตรีรัตน์กำลังนั่งไกวเปลลูกน้อยของเธอไปด้วยวาดรูปออกแบบเครื่องประดับไปด้วยเพลินๆเพราะตอนนี้เธอมีงานอดิเรกนอกจากเลี้ยงลูกแล้วเธอยังแพ็คของส่งลูกค้าไปด้วยตอนนี้เธอขายเครื่องประดับที่เป็นฝีมือการออกแบบของเธอเองผลตอบรับตอนนี้ค่อนข้างดีมากเพราะฝีมือการออกแบบของเธอค่อนข้างตรงความต้องการของคนหมู่มากตรีรัตน์หญิงสาววัย21ตอนนี้เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวอยู่ที่ไร่เริงฤทธิ์เธอท้องตั้งแต่ยังเรียนไม่จบเพราะความหัวอ่อน หญิงสาวเป็นสาวหน้าหวานใบหน้ารูปไข่ผิวขาวอมชมพูผมสีน้ำตาลยาวหยักศกคิ้วได้รูปขนตางอนยาวดวงตากลมโตปากนิดจมูกหน่อย เธอเป็นสาวหน้าหวานที่ค่อนข้างหัวอ่อนรักเพื่อนเชื่อคนง่ายนั่นเป็นลักษณะนิสัยที่ทำให้เธอถูกเอาเปรียบอยู่บ่อยครั้ง“ของขายดีเลยสินะ”พัชรินทร์เด
“แอ้ๆ..” ตรีรัตน์อุ้มลูกสาววัยหกเดือนที่กำลังจ้ำม่ำมากอดรัดฟัดเหวี่ยงกันตามประสาแม่ลูกเพราะวันนี้ลูกเธอดูจะตื่นมาแล้วอารมณ์ดีเป็นพิเศษ“อารมณ์ดีจังเลยนะคะ..อ้าวนี่มือถือพี่พัชนี่นา..ไปบ้านป้าพัชกันนะคะเอามือถือไปคืนป้าพัชกันค่ะ” ตรีรัตน์หันไปเห็นมือถือของพัชรินทร์วางอยู่ใกล้ๆกับตระกร้าผ้าของลูกเธอจึงหยิบขึ้นมาเพื่อที่จะเดินเอาไปคืนพี่สาวเธอที่บ้าน“แอ้..ๆ”หนูน้อยนิชารีรู้ว่าคนเป็นแม่จะพาเดินเที่ยวก็ดีใจจนยิ้มปากบาน“อาหารเย็นเรียบร้อยแล้วค่ะ”พัชรินทร์จัดการอาหารเย็นเสร็จก็รีบเดินออกมาเรียกสองหนุ่มที่กำลังยืนชมวิวคุยกันที่หน้าบ้าน“พี่พัชคะมือถือค่ะ” ตรีรัตน์เดินมาหาพัชรินทร์พอดีกับที่หญิงสาวกำลังจะเดินเข้าบ้านเธอจึงรีบเรียกพัชรินทร์เอาไว้และยื่นมือถือคืนให้กับหญิงสาว“ตายจริงพี่ลืมไว้เหรอเนี่ย” พัชรินทร์รีบรับมือถือของเธอมาอย่างรวดเร็วทั้งตำหนิตัวเองเล็กน้อยที่ไม่รอบคอบทำให้ตรีรัตน์ต้องลำบากเอาของเธอมาคืนถึงที่บ้าน“ว่ายังไงหนูนา..มาให้ลุงอุ้มหน่อยเร็ว” อคิณเห็นตรีรัตน์อุ้มเจ้าก้อนมาด้วยก็รีบเข้าไปอุ้มหนูน้อยมาอย่างรวดเร็วเพราะหนูนาให้เขากอดรัดฟัดเหวี่ยงได้ตามสบายไม่เหมือนเจ้า
"พูดแบบนี้แสดงว่าหนูนาลูกผม" โนอาห์จ้องหน้าพัชรินทร์เขม็งรวมทั้งอคิณก็เช่นกัน พัชรินทร์หน้าเจื่อนเมื่อรู้ว่าตัวเองโมโหจนหลุดปากออกไป ในขณะที่โนอาห์ยังไม่ได้คำตอบจากปากพัชรินทร์แต่เขาก็พอเข้าใจได้แล้วว่ายัยหนูตัวกลมที่อคิณอุ้มอยู่เป็นลูกของเขา“อืม” ตรีรัตน์ค่อยๆพยุงตัวเธอลุกขึ้นนั่งเมื่ออาการดีขึ้นแล้วเมื่อเธอลุกขึ้นได้ก็เกาะพัชรินทร์ไม่ยอมปล่อย"แตงกวา" พัชรินทร์กอดตรีรัตน์เอาไว้เพื่อให้เธอเลิกตื่นกลัวก่อนเพราะเธออาจจะเป็นลมไปได้อีกรอบ"ฮึก..ฮือๆๆ"อคิณเห็นตรีรัตน์เอาแต่สะอื้นเขาจึงรีบสะกิดโนอาห์ให้ออกไปให้พ้นหน้าตรีรัตน์เสียก่อน"คุณจะเอายังไงกับเรื่องนี้" สองหนุ่มออกมาคุยกันด้านนอกด้วยสีหน้าเคร่งเครียดมีคนที่ยังยิ้มเล่นได้นั่นเห็นจะมีแค่เด็กหญิงนิชารีเท่านั้นเพราะไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับผู้ใหญ่เค้า"ก็พึ่งจะรู้ตัวว่ามีลูก...คุณว่าผมต้องทำยังไงล่ะคงต้องรับผิดชอบน่ะสิ" โนอาห์ยืนกอดอกถอนหายใจเฮือกใหญ่และมองไปที่หนูน้อยด้วยแววตาที่สับสนว่าเขาพร้อมแค่ไหนที่จะเป็นพ่อคนแต่เขาก็ไม่เคยมีความคิดที่เสียใจเลยสักนิดเมื่อรู้ว่ามีลูกกับตรีรัตน์อาจเป็นเพราะพอใจตรีรัตน์ตั้งแต่แรกเห็นแถมลูกสาว
ทางด้านโนอาห์"ผมแค่อยากจะรับผิดชอบเธอกับลูกเท่านั้นสิ่งที่ผมทำมันถูกต้องที่สุดแล้ว" หลังจากที่พัชรินทร์มาขอเวลากับเขาโนอาห์ก็ไม่เข้าใจว่าเรื่องแค่นี้ทำไมตรีรัตน์ต้องคิดเขาเป็นพ่อของลูกเธอต้องรับผิดชอบมันก็ถูกต้องแล้วไม่ใช่หรืออย่างไร"คุณต้องยอมรับนะคะว่าแตงกวาเจ็บกับอดีตมาก"พัชรินทร์เห็นความเอาแต่ใจของโนอาห์แล้วเธอก็จำต้องเอ่ยเสียงแข็งออกมาอย่างไม่พอใจเธอว่าเวลาสามวันนี้มันน้อยไปด้วยซ้ำสำหรับตรีรัตน์เพราะสิ่งที่โนอาห์ได้ทำเอาไว้กับตรีรัตน์นั้นทำให้หญิงสาวเจ็บปวดมานานมาก"อย่าพึ่งคุยอะไรกันตอนนี้เลยรอแตงกวาก่อนเถอะ"อคิณตอนนี้ต้องทำตัวเป็นคนกลางไปโดยปริยายเพราะก็เข้าใจในความคิดของโนอาห์และภรรยาของเขาเช่นกัน23.00 น."แม่จะหาทางออกเรื่องนี้ยังไงดีลูก.." ตรีรัตน์นั่งคิดเรื่องนี้อยู่ตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงตอนนี้เธอก็ยังคิดอะไรไม่ออกได้แต่นั่งมองหน้าลูกสาวของเธอที่นอนหลับอยู่ด้วยน้ำตา"ใช่...นี่คือทางเดียวที่จะจบปัญหา" หญิงสาวปาดน้ำตาลวกๆตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเธอควรจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร01.00 น.ตรีรัตน์เก็บเสื้อผ้าของเธอสองสามชุดและของลูกเธออัดกันไปในกระเป๋าลากใบเดียวเมื่อจัดการเสร็จเธ
คฤหาสน์ซาเรฟตอนนี้ที่คฤหาสน์คนค่อนข้างพลุกพล่านเพราะโนอาห์ได้สั่งของใช้มากมายมาไว้เพื่อรอต้อนรับลูกและภรรยาของเขาโดยมียูริมือขวาของเขาเป็นคนดูแลควบคุมทุกอย่างอยู่ในตอนนี้"คุณยูครับของพวกนี้ต้องเอาไว้ที่ห้องไหนครับ""ในห้องนั่งเล่น""ครับ"ตอนนี้ยูริยืนดูของและจัดแจงให้เหล่าบอดี้การ์ดหาที่วางของกันเจ้าละหวั่นเพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงเจ้านายของเขาพร้อมทั้งภรรยาและลูกก็น่าจะบินมาถึงแล้วเย็นของวันซาเรฟหลังจากที่ยูริจัดแจงเรื่องที่คฤหาสน์เรียบร้อยแล้วเขาก็ต้องมาดูแลงานที่บริษัทต่อเพราะวันนี้มีประชุมช่วงเย็นอีกอย่างก็มีคนมารอพบเพื่อที่จะยื่นข้อเสนอกับทางบริษัทอีกด้วย"ฉันมายื่นข้อเสนอให้คุณโนอาห์ค่ะ"ไอรีนยื่นเอกสารตรงหน้าของยูริทั้งยิ้มให้อย่างเป็นมิตรตามมารยาท"ผมจะรับเรื่องไว้ก่อนนะครับเพราะนายยังไม่กลับ แต่ผมก็อยากให้คุณทำใจเอาไว้เพราะทุกครั้งที่MHLยื่นข้อเสนอกี่ครั้งนายก็ปฏิเสธทุกครั้ง" ยูรินับถือใจของMHLจริงๆที่ไม่ว่าจะถูกปฏิเสธเท่าไรก็ไม่เคยที่จะท้อเลยทีเดียวทั้งตอนนี้คนที่มายื่นข้อเสนอไม่มิฮาอิลแล้วแต่เป็นลูกสาวคนสวยของเขาแทน"ยังไงฉันก็ไม่หมดหวังค่ะจะรอคำตอบนะคะ"ไอรีนรู้สึกเสีย
"ผมเป็นคนพูดแล้วไม่คืนคำ ครั้งก่อนๆพ่อคุณก็มาเสนอด้วยตัวเองครั้งนี้ส่งลูกสาวมาคงจะคิดสินะครับว่าผมจะคงรับข้อเสนอเพราะเห็นว่าคุณเป็นผู้หญิงแต่คิดผิดที่ผมเชิญคุณมาคุยกะทันหันวันนี้ เพราะผมจะบอกว่าครั้งหน้าไม่ต้องเสนออะไรมาอีกเพราะผมไม่คิดแม้แต่จะเปิดข้อเสนอดูมันเสียเวลาเปล่า หรือถ้าจะใช้ตัวคุณเสนอผมก็ไม่ยอมรับอยู่ดี"โนอาห์เอ่ยอย่างตรงไปตรงมาหวังว่าคราวหน้าจะไม่มีข้อเสนอจากMHLให้เขาต้องพิจารณาอะไรอีก"มันจะมากไปแล้วนะคะ หึ่"ไอรีนกำมือแน่นเอไม่ได้หวังจะมาเสนอตัวอะไรให้กับโนอาห์เลยสักนิดซ้ำตอนนี้ยังถูกดูถูกจนหน้าชาเธอรีบหยิบเอกสารแล้วเดินหันหลังกลับในทันที“จำเอาไว้โนอาห์ฉันจะทำให้คุณมาขอร้องที่จะร่วมงานกับฉันเองให้ได้”ไอรีนนั่งรถกลับไปด้วยใจที่แค้นเคืองโนอาห์อยู่หลายเรื่องจากคราแรกที่เธอไม่อยากจะร่วมงานกับโนอาห์แต่ถูกพ่อเธอบังคับให้มาตอนนี้เธอชักอยากจะลองท้าทายเขาดูสักตั้งแล้วเธออยากจะรู้เหมือนกันว่าคนที่หยิ่งทรนงตนอย่างโนอาห์ถึงวันที่ต้องขอร้องเธอจะมีสีหน้าเป็นอย่างไรคฤหาสน์ซาเรฟ"เสื้อผ้าพวกนี้ส่งซักรีดเรียบร้อยแล้วนะคะ"นาเดียกำลังจัดแจงเสื้อผ้าที่พึ่งส่งมาใส่ตู้ให้กับนายหญิงของเธอ
เรื่องราวในอดีตย้อนไปเมื่อตอนที่ตรีรัตน์เป็นนักศึกษาปีสองอยู่ที่มหาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร“แตงกวาผลงานของเธอได้รับคัดเลือกนะ”ปารวีบอกข่าวดีกับตรีรัตน์ในขณะที่ตรีรัตน์กับเธอนั่งอ่านหนังสืออยู่ด้วยกันในห้องสมุดของมหาลัยปารวีหญิงสาวลูกคุณหนูไฮโซที่เป็นเพื่อนคนเดียวของตรีรัตน์เพราะมหาลัยเอกชนชื่อดังแห่งนี้ไม่มีคนที่อยากจะสุงสิงนักเรียนทุนอย่างเธอเท่าไรนักเพราะไม่ใช่ลูกผู้ดีชนชั้นเดียวกับคนอื่นๆมีเพียงปารวีคนเดียวเท่านั้นที่เป็นเพื่อนกับเธอตั้งแต่ปีหนึ่ง“ผลงานอะไรเหรอ” ตรีรัตน์ทำหน้าสงสัยเล็กน้อย“รูปสร้อยคอที่เธอออกแบบไงเราเอาส่งไปประกวดแต่เป็นชื่อเราเธอไม่ว่าอะไรเรานะ”“อ๋อ..ที่เราวาดให้เธอน่ะเหรอ”ตรีรัตน์พอจะจำได้แล้วว่ารูปนั้นคือรูปอะไรมันเป็นเพียงรูปที่เธอออกแบบแล้วให้เพื่อนเธอใช้ส่งอาจารย์นั่นเอง“ใช่...วันอาทิตย์นี้บริษัทที่ฉันส่งไปประกวดเค้านัดคุยเพื่อที่จะซื้อลิขสิทธิ์ภาพนี้เธอไปกับเรานะเงินที่ได้เราเธอจะได้เอาไว้ใช้ไง”“ได้สิขอบใจนะลูกปลา”ตรีรัตน์รู้สึกของคุณปารวีมากที่หาทางช่วยเหลือเธออยู่ตลอด“สองสาวทำอะไรกันอยู่เหรอ” ฉัตรภพเข้ามาทักทายสองสาวด้วยเสียงที่ไม่ได้