"นี่ผมหนวกหูนะ"
ทรงรบแสร้งเอามือปิดหูทั้งยกยิ้มมุมปาก
"ได้...เอาแบบนี้ก็ได้...ฉันแต่งงานกับคุณแล้วหนี้ฉันจะจบใช่ไหม"
พิมพรรณชี้หน้าทรงรบด้วยสายตาจริงจัง
"อืม..."
"ได้ฉันจะแต่งทนฉันได้เกินเดือนได้ก็คอยดู"
พิมพรรณกัดฟันพูดจบก็หันหลังเดินออกไปอารมณ์เธอตอนนี้แทบจะฉีกเนื้อทรงรบเป็นชิ้นๆได้แต่ก็ต้องข่มเอาไว้เอาคืนทีหลัง
"อืม...เตรียมตัวรอได้เลยอาทิตย์หน้าผมจะแห่ขันหมากไปขอคุณ"
ทรงรบเอ่ยตามหลังพิมพรรณด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
"รีบๆล่ะฉันรออยู่"
พิมพรรณหันมาชี้หน้าชายหนุ่มและหันหลังเดินออกไปต่อ พ่อเลี้ยงหนุ่มอมยิ้มตามหลังหญิงสาวความพยศของเธอนี่แหละที่ทำให้เขาชอบมองเธอและสร้างข้อผูกมัดบ้าๆนี้ขึ้นมา
"อีพ่อเลี้ยงบ้าคุณได้เจอฉันแน่คอยดูสิ"
เมื่อพิมพรรณขึ้นมานั่งบนรถได้เธอก็บ่นอุกอย่างเจ็บใจในเมื่อเขาเอาเรื่องใหญ่อย่างเรื่องแต่งงานมาล้อเล่นกับเธอตัวเธอก็จะทำให้รู้ว่าไม่ควรมาเอาชนะกันด้วยวิธีนี้
"อะไรนะตกลงแต่งงานเหรอ"
"ค่ะ...พ่อเลี้ยงทรงรบกับฉันต้องเจอกันสักตั้ง"
พิมพรรณกลับมาที่บ้านบอกเรื่องราวทั้งหมดกับพัชรินทร์ทำเอาพัชรินทร์เองเริ่มกังวลไม่น้อยคิดว่าเรื่องนี้มันจะไม่จบแค่แต่งงานเพราะทั้งคู่กัดกันแทบจะทุกครั้งที่เห็นหน้าแล้วถ้าต้องอยู่ด้วยกันทุกวันอะไรมันจะเกิดขึ้น
อาทิตย์ต่อมา
โห่..ฮี๊..โห่ ฮี๊..โห่ ฮี๊..โห่ ฮิ๊วววววววว
เสียงโห่ร้องกลองยาวดังขึ้นมาที่ปากทางไร่ของเริงฤทธิ์เสียงดังนั้นมาจากขบวนขันหมากที่ทรงรบแห่มาขอพิมพรรณที่บ้านของเริงฤทธิ์โดยมีนายอำเภอสุทินเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวเป็นผู้นำขบวนเหล่าคนงานทั้งสองไร่ก็มาร่วมยินดีเป็นสักขีพยานความรักของทั้งสองที่ทุกคนต่างก็งงว่าไปรักกันตอนไหนแต่ก็ไม่มีใครเอะใจอะไรในเมื่อมีงานมงคลเกิดขึ้นทุกคนก็ร่วมยินดีอย่างไม่มีข้อกังขา
“ยิ้มหน่อยสิคะคุณพิม”
พัชรินทร์นั่งมองพิมพรรณที่อยู่ในชุดไทยสีทองวันนี้เธอรู้สึกว่าพิมพรรณสวยมากเป็นพิเศษแต่สีหน้าของเจ้าสาวน่ะสิที่ดูกังวลจนเห็นชัดขึ้นมา
“เปลี่ยนใจตอนนี้ทันไหมคะ”
พิมพรรณใจแป้วเมื่อถึงเวลาที่เธอจะต้องแต่งงานจริงๆรู้สึกว่ามันไม่น่าสนุกอย่างที่คิดเอาไว้แล้ว
“อะไรนะคะ”
“ฉันเริ่มกังวลซะแล้วสิ”
“แล้วมันจะผ่านไปค่ะ”
ตอนนี้พัชรินทร์ก็ทำได้แค่ให้กำลังใจพิมพรรณเพราะเธอเป็นคนเลือกทางนี้เองตั้งแต่แรกโดยไม่ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนก่อนแม้งานแต่งนี้จะเกิดขึ้นเพราะความอยากเอาชนะของทั้งสองคนแต่เธอเชื่อว่าเวลาเท่านั้นที่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น
“ยิ้มหน่อยนะคะ”
พัชรินทร์ต้องสะกิดบอกพิมพรรณในขณะที่กำลังจะตักบาตรพระพร้อมกับทรงรบเพราะคนในงานต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันแล้วว่าเจ้าสาวนั้นหน้าบูดเหมือนไม่อยากแต่ง พิมพรรณต้องฝืนอมยิ้มขึ้นมานิดหน่อยเพราะเธอเองก็ลืมตัวเช่นกันผิดกับทรงรบที่ดูจะหน้าบานเป็นพิเศษ
“เชิญค่ะ”
ตอนนี้พัชรินทร์ทำหน้าที่เติมน้ำสังข์ให้กับแขกที่จะรดน้ำสังข์ให้กับคู่บ่าวสาวและยังต้องคอยเตือนพิมพรรณเป็นระยะว่าอย่าทำหน้าบูดอีกด้วยส่วนเจ้าสองแฝดก็มีภูผาและเริงฤทธิ์คอยดูแลสลับกับคนงานในไร่ที่อุ้มไปเล่นกันบ้างเจ้าแฝดวันนี้เลยดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษที่เห็นผู้คนมากหน้าหลายตามาเล่นด้วย
“หนูพิมกับพ่อเลี้ยงเหมาะสมกันดีนะครับท่าพ่อเลี้ยงจะรักหนูพิมมากเลยดูสอตั้งแต่เช้ายังยิ้มไม่หุบเลย”
สุทินเดินเข้ามานั่งคุยกับเริงฤทธิ์หลังจากที่ร่วมรดน้ำสังข์บ่าวสาวเสร็จเขารู้จักทรงรบมานานเห็นวันนี้นี่แหละที่ดูทรงรบจะดูมีความสุขเป็นพิเศษ
“นั่นสินะ”
เริงฤทธิ์รู้ว่าทั้งคู่แต่งงานกันเพราะเงื่อนไขแต่ก็พอจะเดาออกว่าทรงรบคงมีใจให้หลานของเขาอยู่เหมือนกันไม่เช่นนั้นคงไม่ยื่นข้อเสนอนี้ให้ทั้งที่ทรงรบนั้นมีผู้หญิงมากหน้าหลายตาวิ่งเข้าหา
คราแรกที่เขาตกลงรับข้อเสนอไม่ใช่ว่าไม่รักหลานแต่เพราะรักจึงตกลงไปเขารู้ว่าทรงรบเป็นผู้ชายที่ซื่อสัตย์และสามารถทำให้หลานของเขาสุขสบายได้แม้วันนี้หลานของเขาจะยังไม่รักทรงรบแต่เขาเชื่อว่าต้องมีสักวันที่ทั้งคู่นั้นรักกันเอง
พิธีการทุกอย่างเสร็จสิ้นจนตอนนี้เข้าสู่พิธีส่งตัวบ่าวสาวเข้าหอสุทินและเริงฤทธิ์ต่างก็พากันมาอวยพรให้บ่าวสาว
“ตาขอให้หลานทั้งสองรักกันนานๆหนักนิดเบาหน่อยให้อภัยกันได้อย่าหันหลังให้กันเป็นผัวเมียกันแล้วมีอะไรต้องปรึกษากันเข้าใจไหม”
เริงฤทธิ์ลูบหัวบ่าวสาวทั้งสองทั้งให้พรกับทั้งคู่ด้วยสายตาที่ยินดี
“ครับ/จะตา”
“ยังไงผมก็ขอให้พวกคุณเป็นครอบครัวที่อยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุขมีลูกสืบสกุลกันเร็วๆนะครับพ่อเลี้ยงเป็นคนซื่อสัตย์ขยันทำงานหนูพิมได้สามีดีที่เลยล่ะครับหนูพิมเองก็เป็นเด็กดีรักครอบครัวพ่อเลี้ยงเองก็ได้ภรรยาที่ดีมากๆเช่นกันนะครับ”
สุทินเอ่ยด้วยรอยยิ้มปลื้มใจกับทั้งคู่ที่ได้ร่วมหอเป็นทองแผ่นเดียวกัน
“ขอบคุณครับ/ขอบคุณค่ะ”
หลังจากทั้งคู่กล่าวอวยพรบ่าวสาวจบก็รีบออกไปข้างนอกปล่อยให้บ่าวสาวอยู่ในห้องหอเพราะได้ฤกษ์เข้าหอแล้ว
“ยิ้มอะไรนักหนา”
พิมพรรณที่กำลังถอดสร้อยถอดต่างหูเห็นชายหนุ่มเอาแต่นั่งยิ้มเธอจึงหมั่นไส้อยู่พอสมควร
“คุณไม่ดีใจหรือไงที่ได้แต่งงาน”
“น่าดีใจตรงไหน”
“จะมีผัวไม่ดีใจหน่อยเหรอคุณ”
ทรงรบเดินไปกระซิบเอ่ยหยอกข้างหูหญิงสาว
“นี่อย่ามาปากเสียกับฉันนะพ่อเลี้ยง”
พิมพรรณมองค้อนทรงรบอย่างไม่พอใจเพราะเธอและเขาต่างก็รู้อยู่แก่ใจว่าเรื่องนี้มันเกิดเพราะความอยากเอาชนะกันเท่านั้น
“ปากเสียตรงไหนพูดเรื่องจริงตอนนี้ผมเป็นผัวคุณแล้วนะพึ่งจะแต่งงานกันเมื่อกี้เองมาให้ผัวหอมสักฟอดนะเมียจ๋า”
ทรงรบยังคงแกล้งหญิงสาวด้วยน้ำเสียงและท่าทางทะเล้นไม่หยุด
“นี่ออกไปห่างๆเลยนะไอ้พ่อเลี้ยงบ้า”
พิมพรรณรีบผลักทรงรบออกให้ห่างจากตัวเธอให้มากที่สุดเมื่อเขาทำท่าจะหอมเธอ
กรุงเทพมหานคร“ส่งของขวัญไปหรือยัง”อคิณที่กำลังนั่งดื่มอยู่ในห้องทำงานเขารู้ว่าวันนี้เป็นวันแต่งงานของทรงรบเพื่อนของเขาแต่ที่ไม่อยากไปด้วยตัวเองก็เพราะสภาพจิตใจยังคงไม่ค่อยดีเท่าไรนักจึงส่งคนไปให้ของขวัญและอยู่ร่วมงานแทนทรงรบกับอคิณเรียนรุ่นเดียวกันในมหาลัยตอนเรียนทั้งคู่สนิทกันมากพึ่งจะมาห่างกันก็ช่วงที่ต่างคนต่างต้องรับผิดชอบหน้าที่การงานของตัวเองคราแรกเขายังคิดว่าทรงรบจะแต่งงานทีหลังเขาด้วยซ้ำเพราะไม่เห็นว่าจะมีสาวคนไหนเข้าตาทรงรบสักคนแต่กลับเป็นเขาที่ยังไม่ได้แต่งเพราะว่าที่เจ้าสาวที่ขอเอาไว้กลับไม่ซื่อสัตย์ต่อเขานั่นเอง“คนของเราส่งเรียบร้อยแล้วครับแล้วก็เก็บภาพบรรยากาศในงานแต่งมาด้วยครับ”มารุตรีบส่งไฟล์รูปงานแต่งของทรงรบให้อคิณทันทีที่เขารีบให้อคิณดูเพราะมีบางอย่างที่อคิณน่าจะอยากรู้“ฉันขอดูหน้าเจ้าสาวเพื่อนฉันหน่อยซิ...นี่มัน”อคิณเปิดไฟล์รูปดูในโน๊ตบุ๊คครู่หนึ่งเขาก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าเจ้าสาวของทรงรบคือพิมพรรณพยาบาลที่เขาเคยจ้างให้เฝ้าพัชรินทร์แถมคนที่ยืนยิ้มข้างๆบ่าวสาวนั้นยังเป็นพัชรินทร์“ครับเธออยู่ที่นั่นตอนนี้เธอก็มีลูกแฝดผู้หญิงวัยเก้าเดือนกว่าแล้วด้วยครับ”เรื่อง
“แอ้..แง้งงงง”อคิณรวบลูกของเขาทั้งสองออกจากอกพัชรินทร์ทั้งที่เจ้าแฝดสองคนกำลังร้องให้โยเยอยู่“เอาลูกพัชมานะ”พัชรินทร์เสมือนถูกควักหัวใจออกจากอกเมื่ออคิณแย่งลูกของเธอไปต่อหน้าต่อตา“คนอย่างเธอไม่สมควรจะเป็นแม่ของลูกฉัน”อคิณส่งลูกของเขาให้มารุตและหันมาชี้หน้าหญิงสาวตะคอกใส่เธอเสียงแข็งปังง“จะพาลูกพัชไปไหน” อคิณปิดประตูเมื่อเห็นว่าพัชรินทร์กำลังจะวิ่งตามมารุตที่อุ้มเด็กๆออกไป“ลูกเธอก็ลูกฉัน”"ปล่อยพัชกับลูกไปนะคะ"หญิงสาวนั่งฟุบลงกับพื้นยกมือไหว้ชายหนุ่มด้วยน้ำตาพัชรินทร์เห็นชัดเจนแล้วว่าอคิณต้องการจะพรากลูกไปจากเธอบาดแผลในใจครั้งนี้มันเจ็บกว่าครั้งที่ถูกเขาทารุณก่อนหน้าด้วยซ้ำ"เซ็นยกมรดกของเธอให้ฉันแล้วฉันจะปล่อยเธอ"อคิณรีบหยิบเอกสารในมือให้หญิงสาวเซ็นเพราะเขาไม่ต้องการให้สมบัติของแม่เขาตกไปอยู่กับพัชรินทร์แม้แต่ชิ้นเดียว"เรียบร้อยค่ะขอลูกคืนให้พัชนะคะ"พัชรินทร์รีบหยิบเอกสารนั้นมาเซ็นอย่างลวกๆไม่ว่าเขาจะให้เธอทำอะไรเธอทำทั้งนั้นขอแค่เขาคืนลูกของเธอมาเท่านั้น"ฉันบอกว่าฉันจะปล่อยเธอไม่ใช่ปล่อยลูกในเมื่อเด็กสองคนนี้เป็นลูกของฉันเค้าก็จะต้องได้อยู่กับฉัน""ไม่นะคะเอาลูกพัชคืนมาพ
เช้าวันต่อมา"แค่นี้ถึงกับไข้ขึ้นเลยหรือไง"อคิณตื่นขึ้นมาในตอนเช้าบนโซฟาข้างเตียงนอนที่มีพัชรินทร์นอนอยู่เขาเห็นหญิงสาวนอนตัวขดสั่นเทาเล็กน้อยจึงใช้หลังมือสัมผัสหน้าผากมนวัดไข้ดูจึงรู้ว่าเธอตัวร้อนเขาจึงจำต้องหาผ้ามาเช็ดตัวให้เธอเพราะที่นี่ไม่มียาแก้ไข้"ลูกพัช.. เอาลูกพัชคืนมา.."พัชรินทร์ยังคงละเมอเป็นเรื่องลูกแม้เธอจะละเมอแต่ความเจ็บปวดในใจก็ทำให้เธอร้องให้ออกมาในขณะที่ไม่รู้ตัว"เธอยังต้องทรมานกว่านี้อีกหลายเท่าพัชรินทร์"อคิณมองร่างบางอย่างสมเพชยิ่งเขาเห็นหน้าของเธอเรื่องของแม่เขาก็ยิ่งผุดขึ้นมาในหัวพร้อมความเจ็บปวดและเขาจะทำให้หญิงสาวเจ็บปวดกว่าเขาหลายเท่าจากที่เขาได้รับบ้านอิทธิกร"ป้านวลครับยังไงรีบหาคนมาช่วยดูแลหลานผมด่วนเลยนะครับ"อิทธิกรโล่งใจที่ศรีนวลแม่บ้านของเขาเลี้ยงหลานของเขาทั้งสองได้เป็นอย่างดีทั้งรีบให้ศรีนวลหาคนมาช่วยอีกแรงเพราะเจ้าแฝดทั้งสองนั้นค่อนข้างซนกันแล้วในช่วงวัยนี้"ค่ะคุณกร""แอ้.. ๆๆ.. หม่ำๆ"เจ้าสองแฝดที่นั่งตัวกลมอยู่บนพื้นเห็นถ้วยข้าวในมือศรีนวลก็นั่งจ้องกันตาเป็นมันทั้งปากก็เอ่ยขอกันสลับกันไปมาจนศรีนวลอดขำไม่ได้"คุณหนูท่าจะทานเก่งกันทั้งคู่เลยนะค
โรงแรมxxx"ที่แท้ก็ทะเลาะกับว่าที่เจ้าบ่าว" ก้องเกียรติพากิ่งแก้วขับรถมาที่โรงแรมม่านรูดก่อนจะลงจากรถกิ่งแก้วก็ระบายเรื่องที่อยู่ในใจให้ก้องเกียรติฟังจนหมด"ฉันกำจัดแม่เค้าได้แล้วจะไม่ปล่อยให้หลุดมือแน่นอน" กิ่งแก้วเอ่ยเสียงแข็งเธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะอยู่สุขสบายเมื่อลงทุนมาถึงขนาดนี้แล้วเธอจะไม่ยอมปล่อยให้อคิณหลุดมือไปง่ายๆ"ทีหลังคุณก็อย่ามักมากนักสิ" ก้องเกียรติรู้ดีว่าอดีตคนรักของเขานั้นมีความต้องการมากแค่ไหน"ฉันก็ขี้เบื่อเหมือนกันนะ" กิ่งแก้วเอื้อมมือไปลุบไล้แผงอกของก้องเกียรติแม้จะเคยๆกันมาก่อนแต่เมื่อห่างกันไปนานๆเธอก็มีความตื่นเต้นขึ้นมาไม่น้อยเหมือนกัน"มาสนุกกันดีกว่านะหวังว่าการห่างของเราจะทำให้คุณคิดถึงผมบ้างนะ" ก้องเกียรติรีบเปิดประตูรถและอุ้มร่างบางไปสนุกกันในห้องโดยที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ทั้งสองกำลังปล่อยความลับที่ปกปิดมานานให้เปิดเผยสามวันต่อมา"เป็นแบบนี้นี่เองเลวที่สุด" อิทธิกรนั่งกำมือแน่นหลังจากที่ได้หลักฐานจากนักสืบที่เขาจ้างให้ตามดูก้องเกียรติแต่ใครจะไปรู้ว่าเรื่องนี้กิ่งแก้วเป็นคนจัดการสั่งทุกอย่างทั้งหมด"นี่ยังติดต่ออคิณไม่ได้อีกหรือไง" ทศพลเอ่ยข
"ทำไมไม่เอาไว้บ้านแกล่ะ"อคิณเท้าเอวมองหน้าอิทธิกรเขาไม่ได้มีเวลาจะมาดูแลลูกของเขาสักเท่าไรอีกอย่างวันนี้เขาก็ต้องรีบกลับไปที่เกาะด้วย"อ้าว..ก็ลูกพี่"อิทธิกรทำท่าทางไม่รู้ไม่ชี้และเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นเพื่ออุ้มเจ้าก้อนทั้งสองอกมาทักทายพ่อตัวเองเสียหน่อย"แอ้..ๆ"เมื่อเจ้าแฝดทั้งสองเห็นว่ามีคนแปลกหน้าเข้ามาใหม่จึงมองหน้ากันทั้งขมวดคิ้วสงสัยด้วยท่าทางน่าเอ็นดู"ไปหาคุณพ่อนะครับน้ำเมย"อิทธิกรส่งน้ำเมยให้อคิณได้อุ้มอย่างปฏิเสธไม่ได้"แอ้..ๆหม่ำๆๆ"เจ้าก้อนเงยหน้ามองคนที่อุ้มก็ยกมือป้อมทั้งสองจิกไปที่ผมของคนเป็นพ่อทั้งหม่ำๆเกร็งปากด้วยความหมั่นเขี้ยว“หิวจนจะหม่ำพ่อเข้าไปแล้วเหรอ”อคิณเห็นท่าทางเช่นนั้นของน้ำเมยเขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยแกมหยอกพร้อมแสดงน้ำเสียงอ่อนโยนเล่นกับลูกสาวตัวกลมของเขาอย่างไม่รู้ตัวมันเป็นไปเองอัตโนมัติเพราะความน่ารักไร้เดียงสาของลูกสาวของเขานั่นเองท่าทีอคิณตอนนี้ทำเอาอิทธิกรถึงกับมองตาค้างเพราะไม่เคยเห็นพี่ชายของเขาเล่นเสียงสองแบบนี้มาก่อนแต่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีแล้วตอนนี้เขาก็พร้อมจะบอกความจริงเรื่องอุบัติเหตุที่พรากชีวิตแม่ของเขาไปแล้วด้วยหวังว่าพี่ชายของเขาจ
"คุณเป็นคนทำเรื่องทั้งหมด"อคิณมือไม้สั่นไปหมดที่หญิงสาวทำให้เขาดูเป็นคนโง่หลอกใช้และที่สำคัญเธอไม่ได้รักเขาเหมือนที่เขารักเธอแม้แต่นิด"มาร์คพาเธอส่งตำรวจ"อิทธิกรสั่งให้มารุตพาหญิงสาวไปส่งตำรวจเพราะตอนนี้ก้องเกียรติก็รออยู่ที่นั่นแล้วเหมือนกัน"อย่านะนี่แสดงว่าแกวางแผนไว้ทั้งหมดใช่ไหม...จะบอกอะไรให้นะพวกแกมันโง่ไม่มีทางฉลาดกว่าฉันได้หรอกแม่แกก็สมควรตายอยากจะขัดขวางไม่ให้ฉันแต่งงานกับแกดีนักฉันรู้มานานแล้วว่าแม่แกหมายหมั้นให้อีพัชมันแต่งกับแก..ฉันก็เลยต้องชิงกำจัดแม่พวกแกก่อนไงแล้วแกก็โง่ที่เชื่อว่าทุกอย่างเป็นฝีมืออีพัช...โง่...โง่ฮ่าๆๆ"กิ่งแก้วที่ไม่มีอะไรจะเสียเมื่อถูกจับได้เธอจึงตวาดใส่ทุกคนอย่างคนไร้สติระบายความอัดอั้นที่ถูกเกลียดชังจากดวงสมรเธอเกลียดทุกคนที่ขวางทางเธอไม่ให้คบกับอคิณทั้งโมโหอคิณที่ไปมีลูกกับพัชรินทร์โดยที่เธอไม่รู้เรื่องทั้งนี้ทั้งนั้นเธอก็อยากบอกเป็นครั้งสุดท้ายว่าอคิณมันโง่ที่สุดและหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งสะใจ"ออกไป"อคิณเริ่มหายใจแรงเขาโกรธกิ่งแก้วมากก่อนจะตวาดไล่กิ่งแก้วให้ออกไปให้พ้นๆหน้าเขาในตอนนี้เมื่อกิ่งแก้วไปพ้นตาเขาแล้วชายหนุ่มถึงกับนั่งฟุบกอดเข่าล
สามชั่วโมงต่อมา"พัช"อิทธิกรนั่งรอทั้งสองอยู่จนดึกเมื่อเห็นอคิณประคองพัชรินทร์เดินเข้าบ้านมาเขาก็รีบเข้าไปสวมกอดน้องสาวของเขาทันทีทั้งมองสภาพที่อิดโรยของเธอด้วยสายตาที่เป็นห่วง"พี่กร...ลูกพัชอยู่ไหนคะ"พัชรินทร์รีบถามหาเจ้าแฝดทันทีที่มาถึง“กำลังหลับปุ๋ยเลย”อิทธิกรค่อยๆพาพัชรินทร์เดินไปที่ห้องนอนใกล้ๆกับห้องนั่งเล่นเมื่ออิทธิกรเปิดประตูพัชรินทร์ก็รีบเดินเข้าไปกอดหอมลูกทั้งสองของเธอบนเตียงด้วยน้ำตา“ลูกแม่..”หญิงสาวนั่งมองลูกๆของเธอพักใหญ่ราวกับจงอางหวงไข่ภาพนั้นทำให้ทั้งอิทธิกรและอคิณมองหน้ากันด้วยความหดหู่“พัชพี่มีเรื่องจะคุยด้วย”อิทธิกรเรียกให้พัชรินทร์มาคุยเรื่องแม่ของเขาข้างนอกเพราะเรื่องนี้น้องของเขาก็ต้องได้รับรู้ด้วยเช่นกัน“อะไรนะคะเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะคุณกิ่งเหรอคะ”พัชรินทร์รู้เรื่องที่กิ่งแก้วทำทั้งหมดเธอก็ถึงกับอึ้งจากที่คิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุแต่แท้ที่จริงแม่เธอต้องเสียเพราะผู้หญิงที่เห็นแก่ตัวคนนึงเธอก็ยิ่งเสียใจ“พี่คิณ”อิทธิกรเห็นอคิณเดินเข้ามาเขาก็รีบลุกหมายที่จะเดินออกไปเพื่อให้ทั้งสองได้พูดคุยกัน"เรากลับบ้านกันเถอะค่ะพี่กร"พัชรินทร์ดึงแขนของอิทธิกรเอาไว้แล
"ต่อไปนี้ฉันจะอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนคุณพิมจะว่าอะไรไหมคะ" พัชรินทร์ตัดสินใจแล้วว่าเธอจะใช้ชีวิตเรียบง่ายกับลูกๆของเธอที่นี่ส่วนอคิณเธอจะไม่เก็บเขามาใส่ใจอีกต่อไปเพราะอยากจะลืมความเจ็บปวดที่ผ่านมาทั้งหมดให้ได้โดยเร็ว"คุณพัชอยู่ไปเลยค่ะที่นี่ก็คือบ้านคุณพัชนะคะ...แล้วคุณคิณจะตามมาไหมคะเพราะเค้ารู้ว่าลูกของเค้ากับคุณอยู่ที่นี่" พิมพรรณไม่ได้มีปัญหาเลยสักนิดเพราะพัชรินทร์ก็เสมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกันกับเธอไปแล้วโดยเฉพาะตาของเธอคงจะเฉาตายแน่นอนหากเจ้าแฝดไม่อยู่ด้วย"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะแต่อย่าไปสนใจเค้าเลยค่ะ" "เอ่อ.. ค่ะ" พิมพรรณรู้ว่าพัชรินทร์คงเจ็บปวดมากไม่อย่างนั้นคงไม่อยากลืมชื่ออคิณขนาดนี้"ตอนนี้คุณกับพ่อเลี้ยงเป็นยังไงบ้างคะ" พัชรินทร์เปลี่ยนมาถามเรื่องของพิมพรรณและทรงรบเพราะเธออยากจะรู้ว่าทั้งสองคุยกันดีขึ้นบ้างหรือยัง"พูดแล้วก็ปวดหัวไม่พูดถึงดีกว่าค่ะ.." พิมพรรณกับทรงรบตอนนี้ยังคงกัดกันทุกวันเหมือนเดิมเธอจึงไม่อยากที่จะพูดถึงเรื่องของเธอกับเขาเท่าไร"ของที่ส่งยังเยอะเหมือนเดิมไหมคะ""เยอะกว่าเดิมอีกค่ะ""ดีจังเลย.." สองสาวเดินคุยกันไปชมไร่ในยามเย็นไปพัชรินทร์ยิ้มออกอีก