"คุณเป็นคนทำเรื่องทั้งหมด"
อคิณมือไม้สั่นไปหมดที่หญิงสาวทำให้เขาดูเป็นคนโง่หลอกใช้และที่สำคัญเธอไม่ได้รักเขาเหมือนที่เขารักเธอแม้แต่นิด
"มาร์คพาเธอส่งตำรวจ"
อิทธิกรสั่งให้มารุตพาหญิงสาวไปส่งตำรวจเพราะตอนนี้ก้องเกียรติก็รออยู่ที่นั่นแล้วเหมือนกัน
"อย่านะนี่แสดงว่าแกวางแผนไว้ทั้งหมดใช่ไหม...จะบอกอะไรให้นะพวกแกมันโง่ไม่มีทางฉลาดกว่าฉันได้หรอกแม่แกก็สมควรตายอยากจะขัดขวางไม่ให้ฉันแต่งงานกับแกดีนักฉันรู้มานานแล้วว่าแม่แกหมายหมั้นให้อีพัชมันแต่งกับแก..ฉันก็เลยต้องชิงกำจัดแม่พวกแกก่อนไงแล้วแกก็โง่ที่เชื่อว่าทุกอย่างเป็นฝีมืออีพัช...โง่...โง่ฮ่าๆๆ"
กิ่งแก้วที่ไม่มีอะไรจะเสียเมื่อถูกจับได้เธอจึงตวาดใส่ทุกคนอย่างคนไร้สติระบายความอัดอั้นที่ถูกเกลียดชังจากดวงสมรเธอเกลียดทุกคนที่ขวางทางเธอไม่ให้คบกับอคิณทั้งโมโหอคิณที่ไปมีลูกกับพัชรินทร์โดยที่เธอไม่รู้เรื่องทั้งนี้ทั้งนั้นเธอก็อยากบอกเป็นครั้งสุดท้ายว่าอคิณมันโง่ที่สุดและหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งสะใจ
"ออกไป"
อคิณเริ่มหายใจแรงเขาโกรธกิ่งแก้วมากก่อนจะตวาดไล่กิ่งแก้วให้ออกไปให้พ้นๆหน้าเขาในตอนนี้เมื่อกิ่งแก้วไปพ้นตาเขาแล้วชายหนุ่มถึงกับนั่งฟุบกอดเข่าลงบนพื้นด้วยความเจ็บใจและมีความรู้สึกผิดประดังประเดเข้ามาพอสมควร
"พี่คิณ"
อิทธิกรมองพี่ชายของเขาด้วยสายตาหดหู่เขารู้ว่าพี่ของเขาทั้งผิดหวังทั้งสับสนซึ่งเขาเองก็เป็นเหมือนกันตอนที่รู้เรื่องไม่คิดว่าคนอย่างกิ่งแก้วจะทำกับแม่ของพวกเขาได้
"ฉันอยากอยู่คนเดียว"
อคิณลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องของเขาเพื่อสงบอารมณ์คนเดียวไม่อยากให้ใครกวน
“ช่วยให้เรื่องทุกอย่างผ่านไปด้วยดีด้วยนะครับคุณแม่”
อิทธิกรเดินมาพูดกับรูปภาพของแม่เขาที่อยู่ที่ผนังบ้านของอคิณเขารู้ว่าตอนนี้ทุกคนเจ็บช้ำกันหมดรวมถึงเขาด้วย
“ผมมันโง่เองครับคุณแม่..ผมมันโง่เอง”
อคิณนั่งกอดรูปแม่ของเขาอยู่ในห้องน้ำตาลูกผู้ชายที่มีแต่ความรู้สึกผิดไหลพรากมาไม่ยอมหยุด
หลังจากนั่งทำใจพักใหญ่อคิณออกมายืนมองเจ้าก้อนทั้งสองที่กำลังหลับอยู่ในเปลสายตาของเขาที่มองเด็กๆทั้งสองเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดบาปที่อยู่ในใจน้ำตาแห่งความรู้สึกผิดนี้ค่อยๆไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ยิ่งนึกถึงพัชรินทร์เขาก็ยิ่งโกรธตัวเองที่ยอมให้ทิฐิอยู่เหนือเหตุผล
“พัชอยู่ไหนครับพี่ตอนนี้เธอควรจะอยู่กับลูก”
“ฉันจะรีบพาเธอกลับมา”
อคิณเตรียมหันหลังจะออกไปแต่ถูกน้องของเขาดึงเอาไว้ก่อน
“ตลอดเวลาพัชรู้สึกผิดที่ทำให้คุณแม่ไม่มีเวลาให้พี่เธอเป็นห่วงความรู้สึกของพี่มากนะครับ...พี่รู้ไหมว่าทำไมวันเกิดพี่คุณแม่ถึงให้ของขวัญพี่สองชิ้นเพราะอีกชิ้นจะเป็นของพัชเธอไม่กล้าให้พี่เองเพราะรู้ดีว่าพี่คงไม่รับ”
อิทธิกรอยากพูดเรื่องนี้มานานแล้วแต่รู้ว่าหากพูดไปก่อนหน้านี้เรื่องนี้คงไม่มีผลอะไรต่อพี่ชายของเขา แต่ตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่เขาอยากจะให้พี่ชายของเขาได้รู้ว่าพัชรินทร์นั้นห่วงความรู้สึกของอคิณแค่ไหน
“ฉันเป็นคนที่แย่มากเลยใช่ไหม”
อคิณได้ยินเช่นนั้นก็กำมือแน่นหลับตาลงครู่หนึ่งคำพูดของอิทธิกรมันยิ่งตอกย้ำว่าเขาทำร้ายพัชรินทร์มาโดยตลอดเพราะตอนนั้นเขาคิดเสมอว่าหญิงสาวเป็นคนที่แย่งความรักและเวลาจากแม่ของเขาไปล่าสุดก็ยังปรักปรำเธอว่าเป็นฆาตกรทั้งที่เธอไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรสักนิด
“ถ้าเป็นเรื่องที่พี่ชอบมีทิฐิผมยอมรับว่าผมไม่ชอบนิสัยแบบนี้ของพี่แต่ถ้าพี่แยกแยะแล้วมองด้วยเหตุและผลได้ผมว่าพี่ชายของผมก็ไม่ได้แย่นะครับรีบพาพัชกลับมาหาลูกๆเถอะครับ”
“ฉันจะรีบไปรีบกลับนายต้องอยู่ที่นี่จนกว่าฉันจะกลับมา”
“ครับผมจะรอ”
อิทธิกรรับปาก
“อีกเรื่อง”
อคิณมีอีกเรื่องที่เขาจะต้องคุยกับอิทธิกรก่อนที่จะไปรับพัชรินทร์กลับมา
“อะไรเหรอครับ”
อิทธิกรมองหน้าพี่ชายของเขาอย่างสงสัย
20.00 น.
พัชรินทร์นั่งกอดหมอนร้องให้คิดถึงลูกของเธอใจจะขาดทั้งยังโกรธอคิณมากๆที่ไม่ยอมให้เธอได้พบกับลูกเธอเสียที
แกร๊กก
“กลับกันเถอะ”
อคิณเปิดประตูเข้ามาเห็นพัชรินทร์นั่งกอดหมอนร้องให้เขาไม่อยากจะมองเธอเท่าไรนักเพราะมันยิ่งตอกย้ำว่าเขาทำร้ายคนบริสุทธิ์กับมือ
“จะพาพัชไปไหน”
พัชรินทร์เห็นเขาแก้มัดเชือกที่ข้อเท่าของเธอก็จำต้องถามเสียงสั่นว่าเขาจะพาเธอไปไหนอีก
“กลับบ้าน”
อคิณมองหน้าพัชรินทร์และเอ่ยเสียงอ่อน
“อืม..”
พัชรินทร์พยายามลุกจะเดินแต่เธอก็ต้องเข่าอ่อนฟุบลงไปกับพื้นเพราะไม่มีเรี่ยวแรงเนื่องจากไม่ได้ทานอาหารมาหลายวันทั้งตรอมใจที่คิดถึงแต่ลูก อคิณค่อยๆรวบร่างบางอุ้มขึ้นด้วยท่าเจ้าสาวพัชรินทร์ต้องมองชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจในท่าทีที่นิ่งขรึมเปลี่ยนไปจากเดิมของเขา
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ใสตอนนี้พัชรินทร์นั่งเรือด้วยท่าทางที่ใจจดใจจ่อแม้จะเหนื่อยอ่อนแต่ก็ดีใจที่จะได้กลับไปหาลูก อคิณมองพัชรินทร์ด้วยสายตาหดหู่เขาไม่รู้ว่าหากเขาขอโทษเธอแล้วเธอจะยอมให้อภัยเขาได้โดยง่ายหรือไม่แต่นั่นเขาก็ไม่ได้หวังเขาแค่หวังให้เธอให้โอกาสเขาได้แก้ตัวกับสิ่งที่ทำผิดโดยให้เขาดูแลเธอและลูกเท่านั้นที่เขาหวัง
สามชั่วโมงต่อมา"พัช"อิทธิกรนั่งรอทั้งสองอยู่จนดึกเมื่อเห็นอคิณประคองพัชรินทร์เดินเข้าบ้านมาเขาก็รีบเข้าไปสวมกอดน้องสาวของเขาทันทีทั้งมองสภาพที่อิดโรยของเธอด้วยสายตาที่เป็นห่วง"พี่กร...ลูกพัชอยู่ไหนคะ"พัชรินทร์รีบถามหาเจ้าแฝดทันทีที่มาถึง“กำลังหลับปุ๋ยเลย”อิทธิกรค่อยๆพาพัชรินทร์เดินไปที่ห้องนอนใกล้ๆกับห้องนั่งเล่นเมื่ออิทธิกรเปิดประตูพัชรินทร์ก็รีบเดินเข้าไปกอดหอมลูกทั้งสองของเธอบนเตียงด้วยน้ำตา“ลูกแม่..”หญิงสาวนั่งมองลูกๆของเธอพักใหญ่ราวกับจงอางหวงไข่ภาพนั้นทำให้ทั้งอิทธิกรและอคิณมองหน้ากันด้วยความหดหู่“พัชพี่มีเรื่องจะคุยด้วย”อิทธิกรเรียกให้พัชรินทร์มาคุยเรื่องแม่ของเขาข้างนอกเพราะเรื่องนี้น้องของเขาก็ต้องได้รับรู้ด้วยเช่นกัน“อะไรนะคะเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะคุณกิ่งเหรอคะ”พัชรินทร์รู้เรื่องที่กิ่งแก้วทำทั้งหมดเธอก็ถึงกับอึ้งจากที่คิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุแต่แท้ที่จริงแม่เธอต้องเสียเพราะผู้หญิงที่เห็นแก่ตัวคนนึงเธอก็ยิ่งเสียใจ“พี่คิณ”อิทธิกรเห็นอคิณเดินเข้ามาเขาก็รีบลุกหมายที่จะเดินออกไปเพื่อให้ทั้งสองได้พูดคุยกัน"เรากลับบ้านกันเถอะค่ะพี่กร"พัชรินทร์ดึงแขนของอิทธิกรเอาไว้แล
"ต่อไปนี้ฉันจะอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนคุณพิมจะว่าอะไรไหมคะ" พัชรินทร์ตัดสินใจแล้วว่าเธอจะใช้ชีวิตเรียบง่ายกับลูกๆของเธอที่นี่ส่วนอคิณเธอจะไม่เก็บเขามาใส่ใจอีกต่อไปเพราะอยากจะลืมความเจ็บปวดที่ผ่านมาทั้งหมดให้ได้โดยเร็ว"คุณพัชอยู่ไปเลยค่ะที่นี่ก็คือบ้านคุณพัชนะคะ...แล้วคุณคิณจะตามมาไหมคะเพราะเค้ารู้ว่าลูกของเค้ากับคุณอยู่ที่นี่" พิมพรรณไม่ได้มีปัญหาเลยสักนิดเพราะพัชรินทร์ก็เสมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกันกับเธอไปแล้วโดยเฉพาะตาของเธอคงจะเฉาตายแน่นอนหากเจ้าแฝดไม่อยู่ด้วย"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะแต่อย่าไปสนใจเค้าเลยค่ะ" "เอ่อ.. ค่ะ" พิมพรรณรู้ว่าพัชรินทร์คงเจ็บปวดมากไม่อย่างนั้นคงไม่อยากลืมชื่ออคิณขนาดนี้"ตอนนี้คุณกับพ่อเลี้ยงเป็นยังไงบ้างคะ" พัชรินทร์เปลี่ยนมาถามเรื่องของพิมพรรณและทรงรบเพราะเธออยากจะรู้ว่าทั้งสองคุยกันดีขึ้นบ้างหรือยัง"พูดแล้วก็ปวดหัวไม่พูดถึงดีกว่าค่ะ.." พิมพรรณกับทรงรบตอนนี้ยังคงกัดกันทุกวันเหมือนเดิมเธอจึงไม่อยากที่จะพูดถึงเรื่องของเธอกับเขาเท่าไร"ของที่ส่งยังเยอะเหมือนเดิมไหมคะ""เยอะกว่าเดิมอีกค่ะ""ดีจังเลย.." สองสาวเดินคุยกันไปชมไร่ในยามเย็นไปพัชรินทร์ยิ้มออกอีก
“หม่ำๆๆ..”“ป้อนลูกสิ”อคิณเห็นพัชรินทร์เอาแต่มองเขาจนทำให้น้ำปายร้องเรียกเขาจึงบอกให้เธอหันไปป้อนลุกแทนที่จะมาจ้องเขาอยู่แบบไม่พูดไม่จาแบบนี้พัชรินทร์รีบตักข้าวป้อนน้ำเมยทันทีที่เธอเริ่มตั้งสติได้ตอนนี้เธอเริ่มอึดอัดขึ้นมาเสียแล้วที่อคิณเข้ามายุ่งกับเธอแต่เธอก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรกับเขาสักคำเพราะทำใจไว้แล้วว่าจะไม่สนใจเขาหากเขาทนต่อความเงียบของเธอได้ก็ทนไป“คุณพัช..คุณคิณ”พิมพรรณหายสงสัยแล้วว่าอคิณหายไปไหนแต่เช้านี่คงจะเพราะทรงรบเป็นคนบอกเขาถึงมาที่นี่ถูก“เจ้าแฝดพึ่งทานข้าวอิ่มเดี๋ยวรออาบน้ำแปปนะคะ”พัชรินทร์หันไปยิ้มกับพิมพรรณเมื่อเห็นเธอเดินเข้ามาในบ้าน“ค่ะเดี๋ยวพิมช่วยนะคะ”พิมพรรณช่วยอุ้มเจ้าแฝดออกจากโต๊ะทานข้าวในขณะที่พัชรินทร์กำลังเตรียมน้ำอุ่นอยู่“ขอบคุณค่ะ”“นี่เค้ามาทำอะไรเหรอคะ”พิมพรรณเอ่ยกระซิบกับพัชรินทร์เบาๆ“ช่างเค้าเถอะค่ะฉันไม่สนใจ”พัชรินทร์ส่ายหัวเขาจะมาทำอะไรก็ช่างเธอไม่สนใจอะไรทั้งนั้นครู่ต่อมา“อาบน้ำเสร็จแล้วเช็ดตัวนะคะ..”สองสาวอุ้มเจ้าสองแฝดมานอนบนเตียงและเช็ดตัวทาแป้งเพื่อที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมไปส่งให้เริงฤทธิ์ที่ไร่และพวกเธอก็จะได้ลุยงานในไร่ต่อ“
"ผัวหนูพัชน่ะสิ...นี่กำลังสอนให้เลี้ยงลูกอยู่ไม่เป็นอะไรสักอย่างเลย"พัชรินทร์ที่พึ่งจะลงรถเห็นเช่นนั้นจึงเดินเข้าไปในโรงแพ็คของทันทีเพราะไม่อยากจะเห็นหน้าอคิณ"คุณพัช"พิมพรรณรีบเดินตรามพัชรินทร์ไปอย่างรวดเร็วนึกไม่ถึงว่าอคิณจะกล้าตามพัชรินทร์กับลูกๆมาที่นี่ทั้งที่พัชรินทร์ก็แสดงท่าทีให้เขามองออกว่าไม่ต้องการเขาเริงฤทธิ์เกิดความสงสัยในความเงียบของพัชรินทร์ไหนจะสามีของเธอที่เอาแต่นั่งก้มหน้าก็พอจะมองออกว่าทั้งค่าคงจะมีเรื่องงอนกันอยู่แน่นอนเขาอายุปูนนี้แล้วพอจะมองออก"มาหาพ่อนะครับ"อคิณถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วฝืนยิ้มหันมาอุ้มลูกของเขาเพื่อที่จะให้เด็กๆได้ดื่มนมที่พึ่งชงเสร็จ"ป้อ.."น้ำเมยเอ่ยออกมาเมื่อคนเป็นพ่ออุ้ม"หา..ว่าไงนะครับ..พ่อ..ลองพูดพ่อสิลูก"อคิณแทบน้ำตาคลอแม้คำพูดของลูกเขาจะไม่ชัดแต่ก็ดีเท่าไรแล้วที่ลูกของเขาเอ่ยเรียกเขาออกมาได้"ป้อ.."น้ำปายที่อยู่บนตักของเริงฤทธิ์เห็นคนพี่พูดก็ลองพูดบ้างทั้งหันมายิ้มหวานให้คนเป็นพ่อแล้วกลับไปนอนดูดนมต่อ"ตื้นตันล่ะสิ...ตอนลูกข้าเรียกพ่อครั้งแรกข้ายังจำมันได้จนถึงทุกวันนี้เลยมันดีใจจนบอกไม่ถูกเลยล่ะ"เริงฤทธิ์เห็นอคิณยื่นมือมาลูบหัวน้ำป
“นี่มันอะไรคะ” พัชรินทร์เก็บของแล้วพาลูกๆของเธอนั่งที่ลานนั่งเล่นในระหว่างที่เธอเตรียมตัวทำอาหารเย็นแต่สายตาก็พลันเห็นกระเป๋าสองสามใบที่ตั้งอยู่หน้าห้องนอนของเธอจึงหันไปถามอคิณด้วยสีหน้าไม่พอใจ“พี่จะมาอยู่ที่นี่ดูแลพัชกับลูกไง” “งานล่ะคะ” พัชรินทร์ไม่เข้าใจว่าเขากล้าทิ้งงานมาได้อย่างไรทั้งที่บริษัทที่เขาบริหารงานอยู่เป็นบริษัทที่ดวงสมรนั้นรักมาก“พี่ให้มาร์คดูแล” ฟึ่บ อคิณหน้าเจื่อนเมื่อหญิงสาวลากกระเป๋าของเขามาวางไว้ที่หน้าบ้าน“งั้นก็ไปอยู่ข้างนอกค่ะ” พัชรินทร์ไม่พอใจเท่าไรที่ชายหนุ่มทิ้งงานมาแบบนี้แล้วให้คนอื่นรับผิดชอบแทนเพื่อที่จะมาอยู่เฝ้าเธอ“พัช” อคิณเริ่มหน้าเสีย“อยู่ไม่ได้ก็กลับไปค่ะ” พัชรินทร์เอ่ยเสียงแข็งเธออยากให้เขากลับไปสนใจเรื่องงานมากกว่าสนใจเธอเพราะยิ่งเขามาอยู่ใกล้เธอก็ยิ่งอึดอัดไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมาเลยสักนิด18.00 น.พัชรินทร์เดินถือถาดข้าวผัดผักพร้อมไข่เจียวและน้ำอีกหนึ่งขวดให้อคิณหลังจากเห็นว่าเขายังนั่งอยู่ที่หน้าบ้าน“ขอบคุณนะ” อคิณพอจะมีรอยยิ้มที่เห็นว่าอย่างน้องพัชรินทร์ก็ไม่ได้ใจดำจนไม่สนใจอะไรเขาเลย“ทานเสร็จก็ออกไปได้แล้ว”“ไม่..พี่ไม่ไปไหนทั้งนั
14.00 น.“คุณพัชคะถ้าเราจะซื้อของขวัญให้ผู้ชายเราจะซื้ออะไรดีคะ” พิมพรรณเอ่ยถามพัชรินทร์เพื่อขอความเห็นในขณะที่ทั้งคู่กำลังเตรียมแพ็คสตอเบอรี่“ของขวัญวันเกิดพ่อเลี้ยงเหรอคะ” พัชรินทร์ยิ้มอ่อน“ก็..ค่ะ” พิมพรรณมีสีหน้าเขินเล็กน้อยเธอกะจะไม่ให้คนอื่นรู้ว่าจะซื้อของให้ทรงรบแต่ก็ถูกจับได้“พ่อเลี้ยงชอบอะไรเป็นพิเศษล่ะคะ” “เอ่อ..ฉันไม่รู้เหมือนกันค่ะ” พิมพรรณเดาไม่ออกเลยว่าทรงรบนั้นชอบอะไร“อืม..ลองหาเป็นของใช้ส่วนตัวของเค้าดูไหมคะ” “ฉันจะลองหาซื้อดูนะคะ” พิมพรรณคิดหนักของใช้ส่วนตัวของผู้ชายก็ไม่ใช่แค่อย่างสองอย่างเธอจึงคิดไม่ตก“ค่ะ” พัชรินทร์คงให้ความเห็นได้เท่านี้เพราะเธอเองก็ชอบให้เป็นของใช้ส่วนตัวกับอิทธิกรและอคิณในวันเกิดของพวกเขาเช่นกันอิทธิกรนั้นชอบของที่เธอให้ทุกครั้งแต่เธอไม่รู้เหมือนกันว่าอคิณจะเป็นแบบนั้นหรือเปล่าเพราะเธอไม่ได้ให้ด้วยตัวเองเลยสักครั้งแถมเจ้าของวันเกิดก็ยังไม่เคยรู้ด้วยว่าเป็นของๆเธอเย็นของวัน“พี่เตรียมน้ำอุ่นไว้ให้ลูกแล้วป้อนข้าวเสร็จก็พาอาบน้ำได้เลย” เมื่อกลับมาที่บ้านในช่วงเย็นในขณะที่พัชรินทร์กำลังป้อนข้าวลูกๆของเขาอคิณก็รีบเตรียมน้ำอุ่นเพื่อเอาไว้อา
ก๊อกๆๆ“เป็นยังไงบ้างคะคุณพิมอยู่โรงพยาบาลแล้วใช่ไหมคะ” ตั้งแต่อคิณออกไปพัชรินทร์ก็หลับไม่ลงเพราะเป็นห่วงตรีรัตน์เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูจึงรีบเปิดอย่างรวดเร็ว“คุณพิมอยู่กับทรงรบตอนนี้แตงกวาคลอดเองไมได้หมอต้องผ่า” “อะไรนะคะ..จะเป็นยังไงบ้างเนี่ย” พัชรินทร์หน้าเสียจนอีกฝ่ายเห็นได้ชัดเพราะรู้ว่าตรีรัตน์คงต้องเจ็บปวดมากแน่นอน แววตาอคิณไหววูบเล็กน้อยเขาดึงตัวพัชรินทร์เข้ามากอดเอาไว้แน่นเพราะรู้สึกสงสารเธอ“เอ่อ..ปล่อยค่ะ” พัชรินทร์รีบผลักอคิณออกจากตัวของเธออย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่มีผลเขายังคงกอดเธอแน่นไม่ยอมปล่อย“ตอนนั้นพัชคงทรมานมากสินะ” อคิณเอ่ยเสียงอ่อนเขาพรมจูบกระหม่อมร่างบางเบาๆ“ปล่อยค่ะพัชจะเข้าไปนอนแล้ว” พัชรินทร์อาศัยจังหวะที่อคิณเผลอผลักเขาออกและรีบเข้าห้องของเธอไปอย่างรวดเร็ว อคิณยืนมองตามหลังหญิงสาวเมื่อเธอเข้าห้องไปแล้วเขาก็ปิดประตูบ้านเดินเข้าห้องด้วยสีหน้าที่ห่อเหี่ยวโรงพยาบาล“เจ้าแฝดล่ะ” พิมพรรณเห็นพัชรินทร์เดินเข้ามาพร้อมกับอคิณจึงมองหาเจ้าสองแฝด“อยู่กับตาไม่ยอมให้เอามาด้วย”“หวงเหลือเกินนะ...มาดูหลานสิ” พิมพรรณบุ้ยปากเบาๆที่ตาของเธอดูหวงเหลนทั้งสองเสียเหลือเกินท
“ไม่ลืมอยู่แล้วนัดร้านอาหารหรูแบบนั้นลาบปากฉันเลย” พิมพรรณพยักหน้าด้วยรอยยิ้มแล้วรีบวิ่งออกไป“หึ่..ยัยบ๊องเอ้ย” ทรงรบส่ายหัวเบาๆพร้อมหยิบสร้อยเพชรขึ้นมาดูเขาจะใช้สิ่งนี้บอกความรู้สึกกับเธอในวันนี้เพราะเบื่อเต็มทนที่จะให้เธอตั้งแง่กลัวว่าเขาจะหาเรื่องแกล้งเธอไม่เว้นแต่ละวันเย็นของวัน หลังจากที่พิมพรรณช่วยพัชรินทร์แพ็คของเสร็จเธอก็รีบขับรถบึ่งมาที่ห้างสรรพสินค้าในตัวเมืองและเลือกซื้อของขวัญให้กับทรงรบ"อันนี้แหละคุณน่าจะชอบนะพ่อเลี้ยง"พิมพรรณเลือกกระเป๋าสตางค์หนังแบรนด์ดังของผู้ชายให้ทรงรบเพราะแห็นของเก่าของเขามันดูไม่ค่อยดีเท่าไรแล้วและหวังว่าเขาน่าจะชอบครืด กึกๆ เมื่อขับรถออกจากห้างสรรพสินค้ามาได้พักใหญ่มุ่งหน้าจะไปที่ร้านอาหารตามที่ทรงรบนัดแต่รถกระบะเจ้ากรรมของเธอก็ดันมากระตุกสองสามทีแล้วดับลงข้างทางในเวลาที่เธอกำลังรีบๆเสียอย่างนั้น"เอ้า...มาเสียอะไรตอนนี้เนี่ยจะถึงเวลานัดแล้วด้วยสิมือถือก็ดันมาแบตหมดอีก...เฮ้อ" พิมพรรณรีบหยิบมือถือของเธอขึ้นมาดูปรากฏว่าเครื่องก็ดับสนิทเพราะเธอลืมชาร์จแบตตอนนี้ก็ได้แต่รีบออกจากรถแล้วโบกรถที่สัญจรไปมาให้ช่วยครึ่งชั่วโมงต่อมา“นั่นไง” และ