"ทำไมไม่เอาไว้บ้านแกล่ะ"
อคิณเท้าเอวมองหน้าอิทธิกรเขาไม่ได้มีเวลาจะมาดูแลลูกของเขาสักเท่าไรอีกอย่างวันนี้เขาก็ต้องรีบกลับไปที่เกาะด้วย
"อ้าว..ก็ลูกพี่"
อิทธิกรทำท่าทางไม่รู้ไม่ชี้และเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นเพื่ออุ้มเจ้าก้อนทั้งสองอกมาทักทายพ่อตัวเองเสียหน่อย
"แอ้..ๆ"
เมื่อเจ้าแฝดทั้งสองเห็นว่ามีคนแปลกหน้าเข้ามาใหม่จึงมองหน้ากันทั้งขมวดคิ้วสงสัยด้วยท่าทางน่าเอ็นดู
"ไปหาคุณพ่อนะครับน้ำเมย"
อิทธิกรส่งน้ำเมยให้อคิณได้อุ้มอย่างปฏิเสธไม่ได้
"แอ้..ๆหม่ำๆๆ"
เจ้าก้อนเงยหน้ามองคนที่อุ้มก็ยกมือป้อมทั้งสองจิกไปที่ผมของคนเป็นพ่อทั้งหม่ำๆเกร็งปากด้วยความหมั่นเขี้ยว
“หิวจนจะหม่ำพ่อเข้าไปแล้วเหรอ”
อคิณเห็นท่าทางเช่นนั้นของน้ำเมยเขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยแกมหยอกพร้อมแสดงน้ำเสียงอ่อนโยนเล่นกับลูกสาวตัวกลมของเขาอย่างไม่รู้ตัวมันเป็นไปเองอัตโนมัติเพราะความน่ารักไร้เดียงสาของลูกสาวของเขานั่นเอง
ท่าทีอคิณตอนนี้ทำเอาอิทธิกรถึงกับมองตาค้างเพราะไม่เคยเห็นพี่ชายของเขาเล่นเสียงสองแบบนี้มาก่อนแต่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีแล้วตอนนี้เขาก็พร้อมจะบอกความจริงเรื่องอุบัติเหตุที่พรากชีวิตแม่ของเขาไปแล้วด้วยหวังว่าพี่ชายของเขาจะได้ตาสว่างเสียที
“ลองอุ้มอีกคนสิครับ”
อิทธิกรส่งน้ำปายให้กับอคิณได้อุ้มคู่กันกับน้ำเมย เด็กหญิงที่พึ่งถูกส่งให้คนเป็นพ่ออุ้มดวงตากลมโตคู่นั้นก็มองหน้าคนอุ้มอย่างสงสัยท่าทางของน้ำปายไมได้ตกใจอะไรเพียงแค่มองครู่หนึ่งแล้วซบกับบ่าคนเป็นพ่อนอนต่อต่างจากน้ำเมยที่เอาแต่สำรวจใบหน้าอคิณเล่น
“แบบนี้ก็ได้”
อคิณยกยิ้มให้กับพฤติกรรมของน้ำปายที่เขาอุ้มแปปเดียวก็พอจะดูออกว่านิสัยของลูกเขาทั้งสองน่าจะต่างกันพอสมควร
“อาการคนพึ่งตื่น”
อิทธิกรเอ่ยหยอกหลานสาวของเขาพร้อมเข้าไปแตะแก้มย้วยของน้ำปายเล่นเบาๆ
"คุณคิณคะ"
ในขณะที่ในบ้านนี้กำลังมีแต่รอยยิ้มกิ่งแก้วก็เดินเข้ามาเธอเอ่ยเรียกอคิณเสียงอ่อนเพราะเธอรู้ว่าวิธีตีหน้าเศร้าจะทำให้อคิณยอมใจอ่อนกับเธอบ้าง
"มาที่นี่อีกทำไม"
อคิณถึงกับอารมณ์เปลี่ยนในทันทีเมื่อเห็นหน้ากิ่งแก้ว
"เรื่องวันนั้นกิ่งอธิบายได้นะคะที่กิ่งทำไปกิ่งไม่ได้ตั้งใจกิ่งเมาแล้วคุณโนอาห์ก็ทำร้ายกิ่ง"
กิ่งแก้วบีบน้ำตาต่อหน้าอคิณ
"ผมเชื่อเรื่องที่ผมรู้มากกว่าผู้หญิงอย่างคุณไม่รู้จักพอ"
อคิณส่งลูกๆของเขาให้กับอิทธิกรเพราะไม่อยากให้ลูกๆของเขาต้องมาเห็นเวลาที่เขาทะเลาะกับหญิงสาวและลากกิ่งแก้วออกไปคุยกันนอกบ้าน
"ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะคุณเข้าใจผิด"
กิ่งแก้วยังคงพยายามง้ออคิณให้สำเร็จเพราะหากง้อชายหนุ่มไม่สำเร็จบ่อเงินบ่อทองของเธอก็จะหมดไปในทันที
"ผมระแคะระคายตั้งแต่คุณไม่สนเรื่องแต่งงานของเราแล้วที่แท้ก็อยากทำตัวโสดจะได้ควบทีเดียวหลายๆคนยังไงล่ะ"
อคิณชี้หน้าแผดเสียงใส่กิ่งแก้วอย่างเหลืออดที่เขาจับได้คาหนังคาเขาแบบนั้นเธอก็ยังจะมาตีหน้าซื่อแก้ตัว
"ไม่ใช่นะคะ..คุณต้องเชื่อใจกิ่งสิคะ"
กิ่งแก้วสวมกอดอคิณเอเริ่มกลัวว่าจะไม่ได้เขาคืนเพราะดูท่าแล้วอคิณจะตัดใจจากเธอไปแล้วจริงๆ
"แอ้ๆ.. "
อิทธิกรอุ้มเจ้าสองแฝดออกมาพร้อมกับมารุต
"นี่ลูกใครคะ"
กิ่งแก้วว่าจะถามตั้งแต่เดินเข้ามาแล้วแต่เธอก็ลืม
"ลูกพี่คิณกับพัช"
อิทธิกรเป็นฝ่ายตอบทุกอย่างเองเพราะตอนนี้เขาไม่ต้องเกรงใจกิ่งแก้วต่อไปแล้ว
"อะไรนะ"
กิ่งแก้วมีอาการหน้าเสียเพราะไม่รู้ว่าอคิณไปมีสัมพันธ์กับพัชรินทร์ตอนไหน
"มันหมายความว่ายังไงคะ"
หญิงสาวหันไปเค้นเอาคำตอบกับอคิณที่เอาแต่ยืนเงียบ
"น้ำเมยและน้ำปายเป็นลูกพี่คิณกับพัชรินทร์"
อิทธิกรเอ่ยอีกครั้งให้เสียงดังฟังชัด
"นี่มันอะไรกันคะคุณคิณคุณต่อว่าฉันที่ฉันมีคนอื่นแต่คุณกลับนอกใจฉันไปมีลูกกับคนที่เป็นฆาตรกรฆ่าแม่คุณงั้นเหรอคะ"
กิ่งแก้วถึงกับเลือดขึ้นหน้าเธอพยายามกีดกันทุกอย่างไม่ให้แม่ของชายหนุ่มสมหวังแต่มันก็สูญเปล่าในเมื่อทั้งคู่มีลูกด้วยกันไปแล้ว
"คุณนั่นแหละฆาตรกร"
อิทธิกรชี้หน้ากิ่งแก้วทั้งตวาดเธอเสียงสั่นเพราะเธอเป็นคนทำทุกอย่างกลับมาพูดกล่าวหาว่าน้องสาวของเขาเป็นคนทำ
"คุณพูดอะไรของคุณคุณกร"
กิ่งแก้วเริ่มสลดลงเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่ยอมรับอยู่ดีว่าเธอเป็นคนทำ
"ผมพูดความจริงไง"
"เรื่องอะไรกัน"
อคิณที่ฟังอิทธิกรมาครู่หนึ่งแล้วเขาอยากจะรู้นักว่าอะไรทำให้น้องของเขามั่นใจขนาดนั้น
"พี่คิณฟังผมนะครับ.. คุณกิ่งเป็นคนทำให้เรื่องทุกอย่างมันเกิดขึ้นเธอจ้างให้คนของเธอทำให้เกิดอุบัติเหตุครั้งนั้นขึ้นมาจนทำให้คุณแม่เสียชีวิตพัชรินทร์ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้เลย"
อิทธิกรเอ่ยเสียงดังฟังชัด
"อย่ามาปรักปรำฉันนะ"
กิ่งแก้วเริ่มตวาดเสียงสั่น
"ผมมีหลักฐาน..ทุกคนฟัง"
อิทธิกรเปิดหลักฐานที่เขาได้มาจากนักสืบที่ติดตามก้องเกียรติดีที่นักสืบแอบติดเครื่องติดตามกับเครื่องดักฟังไว้ในรถของก้องเกียรติด้วยเขาเลยได้คลิปเสียงนี้มาอย่างไม่ต้องลงทุนอะไรมาก
เมื่อได้ฟังคลิปเสียงของตัวเองในตอนที่คุยกับก้องเกียรติบนรถกิ่งแก้วก็ถึงกับหน้าชาพูดอะไรไม่ออกเพราะหลักฐานมันมัดตัวเธอ
"ทีนี้จะแก้ตัวอะไรอีกล่ะ"
อิทธิกรมองหน้ากิ่งแก้วอย่างผิดหวังขุ่นเคืองและโกรธแค้นในเวลาเดียวกันที่กล้าทำกับแม่ของเขาได้
"คุณเป็นคนทำเรื่องทั้งหมด"อคิณมือไม้สั่นไปหมดที่หญิงสาวทำให้เขาดูเป็นคนโง่หลอกใช้และที่สำคัญเธอไม่ได้รักเขาเหมือนที่เขารักเธอแม้แต่นิด"มาร์คพาเธอส่งตำรวจ"อิทธิกรสั่งให้มารุตพาหญิงสาวไปส่งตำรวจเพราะตอนนี้ก้องเกียรติก็รออยู่ที่นั่นแล้วเหมือนกัน"อย่านะนี่แสดงว่าแกวางแผนไว้ทั้งหมดใช่ไหม...จะบอกอะไรให้นะพวกแกมันโง่ไม่มีทางฉลาดกว่าฉันได้หรอกแม่แกก็สมควรตายอยากจะขัดขวางไม่ให้ฉันแต่งงานกับแกดีนักฉันรู้มานานแล้วว่าแม่แกหมายหมั้นให้อีพัชมันแต่งกับแก..ฉันก็เลยต้องชิงกำจัดแม่พวกแกก่อนไงแล้วแกก็โง่ที่เชื่อว่าทุกอย่างเป็นฝีมืออีพัช...โง่...โง่ฮ่าๆๆ"กิ่งแก้วที่ไม่มีอะไรจะเสียเมื่อถูกจับได้เธอจึงตวาดใส่ทุกคนอย่างคนไร้สติระบายความอัดอั้นที่ถูกเกลียดชังจากดวงสมรเธอเกลียดทุกคนที่ขวางทางเธอไม่ให้คบกับอคิณทั้งโมโหอคิณที่ไปมีลูกกับพัชรินทร์โดยที่เธอไม่รู้เรื่องทั้งนี้ทั้งนั้นเธอก็อยากบอกเป็นครั้งสุดท้ายว่าอคิณมันโง่ที่สุดและหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งสะใจ"ออกไป"อคิณเริ่มหายใจแรงเขาโกรธกิ่งแก้วมากก่อนจะตวาดไล่กิ่งแก้วให้ออกไปให้พ้นๆหน้าเขาในตอนนี้เมื่อกิ่งแก้วไปพ้นตาเขาแล้วชายหนุ่มถึงกับนั่งฟุบกอดเข่าล
สามชั่วโมงต่อมา"พัช"อิทธิกรนั่งรอทั้งสองอยู่จนดึกเมื่อเห็นอคิณประคองพัชรินทร์เดินเข้าบ้านมาเขาก็รีบเข้าไปสวมกอดน้องสาวของเขาทันทีทั้งมองสภาพที่อิดโรยของเธอด้วยสายตาที่เป็นห่วง"พี่กร...ลูกพัชอยู่ไหนคะ"พัชรินทร์รีบถามหาเจ้าแฝดทันทีที่มาถึง“กำลังหลับปุ๋ยเลย”อิทธิกรค่อยๆพาพัชรินทร์เดินไปที่ห้องนอนใกล้ๆกับห้องนั่งเล่นเมื่ออิทธิกรเปิดประตูพัชรินทร์ก็รีบเดินเข้าไปกอดหอมลูกทั้งสองของเธอบนเตียงด้วยน้ำตา“ลูกแม่..”หญิงสาวนั่งมองลูกๆของเธอพักใหญ่ราวกับจงอางหวงไข่ภาพนั้นทำให้ทั้งอิทธิกรและอคิณมองหน้ากันด้วยความหดหู่“พัชพี่มีเรื่องจะคุยด้วย”อิทธิกรเรียกให้พัชรินทร์มาคุยเรื่องแม่ของเขาข้างนอกเพราะเรื่องนี้น้องของเขาก็ต้องได้รับรู้ด้วยเช่นกัน“อะไรนะคะเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะคุณกิ่งเหรอคะ”พัชรินทร์รู้เรื่องที่กิ่งแก้วทำทั้งหมดเธอก็ถึงกับอึ้งจากที่คิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุแต่แท้ที่จริงแม่เธอต้องเสียเพราะผู้หญิงที่เห็นแก่ตัวคนนึงเธอก็ยิ่งเสียใจ“พี่คิณ”อิทธิกรเห็นอคิณเดินเข้ามาเขาก็รีบลุกหมายที่จะเดินออกไปเพื่อให้ทั้งสองได้พูดคุยกัน"เรากลับบ้านกันเถอะค่ะพี่กร"พัชรินทร์ดึงแขนของอิทธิกรเอาไว้แล
"ต่อไปนี้ฉันจะอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนคุณพิมจะว่าอะไรไหมคะ" พัชรินทร์ตัดสินใจแล้วว่าเธอจะใช้ชีวิตเรียบง่ายกับลูกๆของเธอที่นี่ส่วนอคิณเธอจะไม่เก็บเขามาใส่ใจอีกต่อไปเพราะอยากจะลืมความเจ็บปวดที่ผ่านมาทั้งหมดให้ได้โดยเร็ว"คุณพัชอยู่ไปเลยค่ะที่นี่ก็คือบ้านคุณพัชนะคะ...แล้วคุณคิณจะตามมาไหมคะเพราะเค้ารู้ว่าลูกของเค้ากับคุณอยู่ที่นี่" พิมพรรณไม่ได้มีปัญหาเลยสักนิดเพราะพัชรินทร์ก็เสมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกันกับเธอไปแล้วโดยเฉพาะตาของเธอคงจะเฉาตายแน่นอนหากเจ้าแฝดไม่อยู่ด้วย"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะแต่อย่าไปสนใจเค้าเลยค่ะ" "เอ่อ.. ค่ะ" พิมพรรณรู้ว่าพัชรินทร์คงเจ็บปวดมากไม่อย่างนั้นคงไม่อยากลืมชื่ออคิณขนาดนี้"ตอนนี้คุณกับพ่อเลี้ยงเป็นยังไงบ้างคะ" พัชรินทร์เปลี่ยนมาถามเรื่องของพิมพรรณและทรงรบเพราะเธออยากจะรู้ว่าทั้งสองคุยกันดีขึ้นบ้างหรือยัง"พูดแล้วก็ปวดหัวไม่พูดถึงดีกว่าค่ะ.." พิมพรรณกับทรงรบตอนนี้ยังคงกัดกันทุกวันเหมือนเดิมเธอจึงไม่อยากที่จะพูดถึงเรื่องของเธอกับเขาเท่าไร"ของที่ส่งยังเยอะเหมือนเดิมไหมคะ""เยอะกว่าเดิมอีกค่ะ""ดีจังเลย.." สองสาวเดินคุยกันไปชมไร่ในยามเย็นไปพัชรินทร์ยิ้มออกอีก
“หม่ำๆๆ..”“ป้อนลูกสิ”อคิณเห็นพัชรินทร์เอาแต่มองเขาจนทำให้น้ำปายร้องเรียกเขาจึงบอกให้เธอหันไปป้อนลุกแทนที่จะมาจ้องเขาอยู่แบบไม่พูดไม่จาแบบนี้พัชรินทร์รีบตักข้าวป้อนน้ำเมยทันทีที่เธอเริ่มตั้งสติได้ตอนนี้เธอเริ่มอึดอัดขึ้นมาเสียแล้วที่อคิณเข้ามายุ่งกับเธอแต่เธอก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรกับเขาสักคำเพราะทำใจไว้แล้วว่าจะไม่สนใจเขาหากเขาทนต่อความเงียบของเธอได้ก็ทนไป“คุณพัช..คุณคิณ”พิมพรรณหายสงสัยแล้วว่าอคิณหายไปไหนแต่เช้านี่คงจะเพราะทรงรบเป็นคนบอกเขาถึงมาที่นี่ถูก“เจ้าแฝดพึ่งทานข้าวอิ่มเดี๋ยวรออาบน้ำแปปนะคะ”พัชรินทร์หันไปยิ้มกับพิมพรรณเมื่อเห็นเธอเดินเข้ามาในบ้าน“ค่ะเดี๋ยวพิมช่วยนะคะ”พิมพรรณช่วยอุ้มเจ้าแฝดออกจากโต๊ะทานข้าวในขณะที่พัชรินทร์กำลังเตรียมน้ำอุ่นอยู่“ขอบคุณค่ะ”“นี่เค้ามาทำอะไรเหรอคะ”พิมพรรณเอ่ยกระซิบกับพัชรินทร์เบาๆ“ช่างเค้าเถอะค่ะฉันไม่สนใจ”พัชรินทร์ส่ายหัวเขาจะมาทำอะไรก็ช่างเธอไม่สนใจอะไรทั้งนั้นครู่ต่อมา“อาบน้ำเสร็จแล้วเช็ดตัวนะคะ..”สองสาวอุ้มเจ้าสองแฝดมานอนบนเตียงและเช็ดตัวทาแป้งเพื่อที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมไปส่งให้เริงฤทธิ์ที่ไร่และพวกเธอก็จะได้ลุยงานในไร่ต่อ“
"ผัวหนูพัชน่ะสิ...นี่กำลังสอนให้เลี้ยงลูกอยู่ไม่เป็นอะไรสักอย่างเลย"พัชรินทร์ที่พึ่งจะลงรถเห็นเช่นนั้นจึงเดินเข้าไปในโรงแพ็คของทันทีเพราะไม่อยากจะเห็นหน้าอคิณ"คุณพัช"พิมพรรณรีบเดินตรามพัชรินทร์ไปอย่างรวดเร็วนึกไม่ถึงว่าอคิณจะกล้าตามพัชรินทร์กับลูกๆมาที่นี่ทั้งที่พัชรินทร์ก็แสดงท่าทีให้เขามองออกว่าไม่ต้องการเขาเริงฤทธิ์เกิดความสงสัยในความเงียบของพัชรินทร์ไหนจะสามีของเธอที่เอาแต่นั่งก้มหน้าก็พอจะมองออกว่าทั้งค่าคงจะมีเรื่องงอนกันอยู่แน่นอนเขาอายุปูนนี้แล้วพอจะมองออก"มาหาพ่อนะครับ"อคิณถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วฝืนยิ้มหันมาอุ้มลูกของเขาเพื่อที่จะให้เด็กๆได้ดื่มนมที่พึ่งชงเสร็จ"ป้อ.."น้ำเมยเอ่ยออกมาเมื่อคนเป็นพ่ออุ้ม"หา..ว่าไงนะครับ..พ่อ..ลองพูดพ่อสิลูก"อคิณแทบน้ำตาคลอแม้คำพูดของลูกเขาจะไม่ชัดแต่ก็ดีเท่าไรแล้วที่ลูกของเขาเอ่ยเรียกเขาออกมาได้"ป้อ.."น้ำปายที่อยู่บนตักของเริงฤทธิ์เห็นคนพี่พูดก็ลองพูดบ้างทั้งหันมายิ้มหวานให้คนเป็นพ่อแล้วกลับไปนอนดูดนมต่อ"ตื้นตันล่ะสิ...ตอนลูกข้าเรียกพ่อครั้งแรกข้ายังจำมันได้จนถึงทุกวันนี้เลยมันดีใจจนบอกไม่ถูกเลยล่ะ"เริงฤทธิ์เห็นอคิณยื่นมือมาลูบหัวน้ำป
“นี่มันอะไรคะ” พัชรินทร์เก็บของแล้วพาลูกๆของเธอนั่งที่ลานนั่งเล่นในระหว่างที่เธอเตรียมตัวทำอาหารเย็นแต่สายตาก็พลันเห็นกระเป๋าสองสามใบที่ตั้งอยู่หน้าห้องนอนของเธอจึงหันไปถามอคิณด้วยสีหน้าไม่พอใจ“พี่จะมาอยู่ที่นี่ดูแลพัชกับลูกไง” “งานล่ะคะ” พัชรินทร์ไม่เข้าใจว่าเขากล้าทิ้งงานมาได้อย่างไรทั้งที่บริษัทที่เขาบริหารงานอยู่เป็นบริษัทที่ดวงสมรนั้นรักมาก“พี่ให้มาร์คดูแล” ฟึ่บ อคิณหน้าเจื่อนเมื่อหญิงสาวลากกระเป๋าของเขามาวางไว้ที่หน้าบ้าน“งั้นก็ไปอยู่ข้างนอกค่ะ” พัชรินทร์ไม่พอใจเท่าไรที่ชายหนุ่มทิ้งงานมาแบบนี้แล้วให้คนอื่นรับผิดชอบแทนเพื่อที่จะมาอยู่เฝ้าเธอ“พัช” อคิณเริ่มหน้าเสีย“อยู่ไม่ได้ก็กลับไปค่ะ” พัชรินทร์เอ่ยเสียงแข็งเธออยากให้เขากลับไปสนใจเรื่องงานมากกว่าสนใจเธอเพราะยิ่งเขามาอยู่ใกล้เธอก็ยิ่งอึดอัดไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมาเลยสักนิด18.00 น.พัชรินทร์เดินถือถาดข้าวผัดผักพร้อมไข่เจียวและน้ำอีกหนึ่งขวดให้อคิณหลังจากเห็นว่าเขายังนั่งอยู่ที่หน้าบ้าน“ขอบคุณนะ” อคิณพอจะมีรอยยิ้มที่เห็นว่าอย่างน้องพัชรินทร์ก็ไม่ได้ใจดำจนไม่สนใจอะไรเขาเลย“ทานเสร็จก็ออกไปได้แล้ว”“ไม่..พี่ไม่ไปไหนทั้งนั
14.00 น.“คุณพัชคะถ้าเราจะซื้อของขวัญให้ผู้ชายเราจะซื้ออะไรดีคะ” พิมพรรณเอ่ยถามพัชรินทร์เพื่อขอความเห็นในขณะที่ทั้งคู่กำลังเตรียมแพ็คสตอเบอรี่“ของขวัญวันเกิดพ่อเลี้ยงเหรอคะ” พัชรินทร์ยิ้มอ่อน“ก็..ค่ะ” พิมพรรณมีสีหน้าเขินเล็กน้อยเธอกะจะไม่ให้คนอื่นรู้ว่าจะซื้อของให้ทรงรบแต่ก็ถูกจับได้“พ่อเลี้ยงชอบอะไรเป็นพิเศษล่ะคะ” “เอ่อ..ฉันไม่รู้เหมือนกันค่ะ” พิมพรรณเดาไม่ออกเลยว่าทรงรบนั้นชอบอะไร“อืม..ลองหาเป็นของใช้ส่วนตัวของเค้าดูไหมคะ” “ฉันจะลองหาซื้อดูนะคะ” พิมพรรณคิดหนักของใช้ส่วนตัวของผู้ชายก็ไม่ใช่แค่อย่างสองอย่างเธอจึงคิดไม่ตก“ค่ะ” พัชรินทร์คงให้ความเห็นได้เท่านี้เพราะเธอเองก็ชอบให้เป็นของใช้ส่วนตัวกับอิทธิกรและอคิณในวันเกิดของพวกเขาเช่นกันอิทธิกรนั้นชอบของที่เธอให้ทุกครั้งแต่เธอไม่รู้เหมือนกันว่าอคิณจะเป็นแบบนั้นหรือเปล่าเพราะเธอไม่ได้ให้ด้วยตัวเองเลยสักครั้งแถมเจ้าของวันเกิดก็ยังไม่เคยรู้ด้วยว่าเป็นของๆเธอเย็นของวัน“พี่เตรียมน้ำอุ่นไว้ให้ลูกแล้วป้อนข้าวเสร็จก็พาอาบน้ำได้เลย” เมื่อกลับมาที่บ้านในช่วงเย็นในขณะที่พัชรินทร์กำลังป้อนข้าวลูกๆของเขาอคิณก็รีบเตรียมน้ำอุ่นเพื่อเอาไว้อา
ก๊อกๆๆ“เป็นยังไงบ้างคะคุณพิมอยู่โรงพยาบาลแล้วใช่ไหมคะ” ตั้งแต่อคิณออกไปพัชรินทร์ก็หลับไม่ลงเพราะเป็นห่วงตรีรัตน์เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูจึงรีบเปิดอย่างรวดเร็ว“คุณพิมอยู่กับทรงรบตอนนี้แตงกวาคลอดเองไมได้หมอต้องผ่า” “อะไรนะคะ..จะเป็นยังไงบ้างเนี่ย” พัชรินทร์หน้าเสียจนอีกฝ่ายเห็นได้ชัดเพราะรู้ว่าตรีรัตน์คงต้องเจ็บปวดมากแน่นอน แววตาอคิณไหววูบเล็กน้อยเขาดึงตัวพัชรินทร์เข้ามากอดเอาไว้แน่นเพราะรู้สึกสงสารเธอ“เอ่อ..ปล่อยค่ะ” พัชรินทร์รีบผลักอคิณออกจากตัวของเธออย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่มีผลเขายังคงกอดเธอแน่นไม่ยอมปล่อย“ตอนนั้นพัชคงทรมานมากสินะ” อคิณเอ่ยเสียงอ่อนเขาพรมจูบกระหม่อมร่างบางเบาๆ“ปล่อยค่ะพัชจะเข้าไปนอนแล้ว” พัชรินทร์อาศัยจังหวะที่อคิณเผลอผลักเขาออกและรีบเข้าห้องของเธอไปอย่างรวดเร็ว อคิณยืนมองตามหลังหญิงสาวเมื่อเธอเข้าห้องไปแล้วเขาก็ปิดประตูบ้านเดินเข้าห้องด้วยสีหน้าที่ห่อเหี่ยวโรงพยาบาล“เจ้าแฝดล่ะ” พิมพรรณเห็นพัชรินทร์เดินเข้ามาพร้อมกับอคิณจึงมองหาเจ้าสองแฝด“อยู่กับตาไม่ยอมให้เอามาด้วย”“หวงเหลือเกินนะ...มาดูหลานสิ” พิมพรรณบุ้ยปากเบาๆที่ตาของเธอดูหวงเหลนทั้งสองเสียเหลือเกินท