“หม่ำๆๆ..”
“ป้อนลูกสิ”
อคิณเห็นพัชรินทร์เอาแต่มองเขาจนทำให้น้ำปายร้องเรียกเขาจึงบอกให้เธอหันไปป้อนลุกแทนที่จะมาจ้องเขาอยู่แบบไม่พูดไม่จาแบบนี้
พัชรินทร์รีบตักข้าวป้อนน้ำเมยทันทีที่เธอเริ่มตั้งสติได้ตอนนี้เธอเริ่มอึดอัดขึ้นมาเสียแล้วที่อคิณเข้ามายุ่งกับเธอแต่เธอก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรกับเขาสักคำเพราะทำใจไว้แล้วว่าจะไม่สนใจเขาหากเขาทนต่อความเงียบของเธอได้ก็ทนไป
“คุณพัช..คุณคิณ”
พิมพรรณหายสงสัยแล้วว่าอคิณหายไปไหนแต่เช้านี่คงจะเพราะทรงรบเป็นคนบอกเขาถึงมาที่นี่ถูก
“เจ้าแฝดพึ่งทานข้าวอิ่มเดี๋ยวรออาบน้ำแปปนะคะ”
พัชรินทร์หันไปยิ้มกับพิมพรรณเมื่อเห็นเธอเดินเข้ามาในบ้าน
“ค่ะเดี๋ยวพิมช่วยนะคะ”
พิมพรรณช่วยอุ้มเจ้าแฝดออกจากโต๊ะทานข้าวในขณะที่พัชรินทร์กำลังเตรียมน้ำอุ่นอยู่
“ขอบคุณค่ะ”
“นี่เค้ามาทำอะไรเหรอคะ”
พิมพรรณเอ่ยกระซิบกับพัชรินทร์เบาๆ
“ช่างเค้าเถอะค่ะฉันไม่สนใจ”
พัชรินทร์ส่ายหัวเขาจะมาทำอะไรก็ช่างเธอไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
ครู่ต่อมา
“อาบน้ำเสร็จแล้วเช็ดตัวนะคะ..”
สองสาวอุ้มเจ้าสองแฝดมานอนบนเตียงและเช็ดตัวทาแป้งเพื่อที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมไปส่งให้เริงฤทธิ์ที่ไร่และพวกเธอก็จะได้ลุยงานในไร่ต่อ
“กลิ้งเป็นลูกขนุนเลย”
พิมพรรณเป็นคนทาแป้งให้น้ำเมยแต่ดูท่าเจ้าก้อนคนพี่นี้จะแรงเยอะกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ไม่สุขเอาเสียเลย อคิณยืนมองคนทั้งสองทำการทาแป้งเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ลูกของเขาอยู่ไม่ห่างมากเขาเก็บรายละเอียดทุกอย่างเอาไว้ในหัวเพื่อที่เขาจะได้ทำเองได้บ้าง
“ต้องใช้ไอ้นี่ไหม”
อคิณพอจะรู้ว่าเด็กๆจะต้องใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปจึงรีบหยิบจากตระกร้าให้กับพัชรินทร์
“เอ่อ..”
พิมพรรณถึงกับอึ้งไปเลยเมื่อเห็นพัชรินทร์เมินของที่ชายหนุ่มส่งให้และเอื้อมมือไปหยิบเองทำเอาอคิณหน้าเจื่อนไปไม่เป็นแต่เธอก็แอบสะใจอยู่เหมือนกันที่เขานั้นโดนทำร้ายจิตใจซะบ้าง
14.00 น.
“เอาแบบนี้จริงๆ”
อคิณให้ทรงรบเอาของๆเขามาไว้ที่บ้านที่พัชรินทร์อยู่เขาต้องการจะใกล้ชิดหญิงสาวกับลูกให้มากขึ้นทรงรบขนของมาถึงก็เอ่ยถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจเพราะเขารู้ว่าพัชรินทร์น่าจะไม่ต้อนรับเพื่อนเขาเท่าไร
“อืม”
อคิณคิดว่าหากพัชรินทร์ไม่ให้อยู่เขาก็จะหน้าด้านอยู่เพราะเขารู้ว่าเธอจะไม่หนีหน้าเขาไปไหนแน่นอนในเมื่อเธอรักที่นี่
“โชคดีแล้วกัน”
ทรงรบตบบ่าเพื่อนของเขาเบาๆเห็นทีเพื่อนเขาจะเป็นคนหน้าด้านหน้าทนก็ตอนนี้
“จะไปที่ไร่หรือเปล่า”
“ก็อยากไปแต่ไม่รู้ไปทางไหน”
อคิณอยากขอติดรถพิมพรรณไปพร้อมกับพัชรินทร์ตั้งแต่เมื่อเช้าแต่เมื่อเห็นสีหน้าพัชรินทร์เขาคิดว่าควรจะตามเธอไปทีหลังจะดีกว่า
“เอารถฉันไปไร่เลี้ยวซ้ายตรงแยกเจอป้ายไร่เริงฤทธิ์ก็ขับเข้าไปได้เลยเด็กๆน่าจะอยู่กับตานะตอนนี้”
“อืมขอบใจ”
อคิณได้รถจึงรีบขับไปที่ไร่ทันที
ครู่ต่อมา
"มาหาใคร"
เริงฤทธิ์ที่กำลังเล่นกับเจ้าก้อนทั้งสองเห็นว่ามีคนเดินเข้ามาหาจึงตะโกนถามเสียงดังตามประสาชาวบ้าน
"สวัสดีครับตาผมมาหาพัชครับผมเป็นสามีของเธอแล้วก็เป็นพ่อของเจ้าแฝดด้วย"
อคิณรีบเข้าไปนั่งตรงแคร่ไม้เขาสวัสดีเริงฤทธิ์พร้อมแนะนำตัวเอง
"หึ่..พึ่งจะโผล่มาสินะไอ้ลูกหมา"
เมื่อเริงฤทธิ์รู้ว่าชายหนุ่มเป็นใครก็มองอย่างไม่สบอารมณ์ตั้งแต่หัวจรดเท้า
"อะไรนะครับ"
อคิณขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่เข้าใจว่าชายชราตรงหน้าเรียกใคร
"เอ็งไงไอ้ลูกหมาลูกเมียท้องจนคลอดลูกจะได้ขวบแล้วพึ่งจะโผล่มา"
เริงฤทธิ์ได้ทีเจอชายหนุ่มก็ขอบ่นสักทีที่ทิ้งลูกเมียอยู่ตามลำพังตั้งนานสองนานจนเขานึกว่าจะทิ้งกันไปแล้วเสียอีก
"เอ่อ...ครับผมจะมาดูแลเธอกับลูกแล้วล่ะครับ"
อคิณก้มหน้าเล็กน้อยเขายอมรับในข้อตำหนิตรงนี้อย่างเต็มใจ
"เมียเอ็งอยู่ในไร่โน่นเดี๋ยวก็จะมาแล้วรออยู่นี่แหละ" เริงฤทธิ์ชี้ไปที่ไร่สตอเบอรี่
"ครับ"
"ม่ะ..ม่ะ"
เริงฤทธิ์หันไปหาน้ำเมยกับน้ำปายที่แข่งกันเรียกแม่อยู่
"แม่...ดูปากทวดนะแม่.. แม่"
"ม่ะ.. ม่ะ.. "
เมื่อคนเป็นทวดสอนสองก้อนกลมก็แข่งกันพูดไม่หยุดอคิณเองก็ได้แต่นั่งยิ้มอ่อนดูลูกอยู่ห่างๆ
"เอ้อ...เก่งเหมือนกันนี่หว่า"
"แอร๊ะ.."
เด็กทั้งสองออกเสียงอย่างอารมณ์ดีเมื่อทวดชม
"ไหนเรียกทวดซิลูก..ทวด"
เริงฤทธิ์อยากจะลองให้น้ำเมยคนพี่นั้นลองเรียกทวดดูเขาอยากจะรู้ว่าเหลนของเขานั้นจะเรียกได้หรือยังเพราะเคยสอนไปหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่ยักเห็นเรียกเสียที
"อ้วด.."
เป็นน้ำปายที่เอ่ยออกมาก่อนผู้เป็นพี่
"ทวดให้พี่เรียกเรานี่นะ"
เริงฤทธิ์ถูกใจไม่น้อยทั้งหยอกน้ำปายที่ชิงพูดก่อนน้ำเมยทั้งที่เขาสอนให้น้ำเมยพูดก่อน
"ยิ้มอะไรชงนมให้ลูกหน่อยซิ"
เริงฤทธิ์หันไปบอกกับอคิณที่นั่งอมยิ้มไมองลูกอยู่ไม่หุบ
"ยังไงครับผมชงไม่เป็น"
อคิณมองไปที่ตะกร้านมที่วางข้างเปลแล้วส่ายหัวเบาๆ
"นี่เป็นพ่อประสาอะไรวะ" เริงฤทธิ์ขมวดคิ้วทันที
"ก็ผมไม่เคยชงนี่ครับ"
"ดูจะได้ทำเป็น"
เริงฤทธิ์รีบทำให้อคิณได้ดูเขาจะได้ทำเป็นเผื่อกลางค่ำกลางคืนจะได้ช่วงพัชรินทร์ได้
"ครับ"
อคิณมองดูเริงฤทธิ์จัดการชงนมอย่างตั้งใจครั้งหน้าเขาจะได้ทำได้ทั้งตำหนิตัวเองว่าเขาคงไม่ได้เรื่องอย่างที่เริงฤทธิ์พูดจริงๆเรื่องง่ายๆเกี่ยวกับลูกแค่นี้เขายังไม่รู้เรื่องเลย
"ตาคุยกับใครอยู่จ้ะ"
พิมพรรณกับพัชรินทร์ที่นั่งท้ายรถกระบะมาพร้อมสตรอเบอรี่พอเห็นตาของเขานั่งคุยอยู่กับคนอื่นจึงร้องถามว่าตาของตนนั้นคุยอยู่กับใคร
"ผัวหนูพัชน่ะสิ...นี่กำลังสอนให้เลี้ยงลูกอยู่ไม่เป็นอะไรสักอย่างเลย"พัชรินทร์ที่พึ่งจะลงรถเห็นเช่นนั้นจึงเดินเข้าไปในโรงแพ็คของทันทีเพราะไม่อยากจะเห็นหน้าอคิณ"คุณพัช"พิมพรรณรีบเดินตรามพัชรินทร์ไปอย่างรวดเร็วนึกไม่ถึงว่าอคิณจะกล้าตามพัชรินทร์กับลูกๆมาที่นี่ทั้งที่พัชรินทร์ก็แสดงท่าทีให้เขามองออกว่าไม่ต้องการเขาเริงฤทธิ์เกิดความสงสัยในความเงียบของพัชรินทร์ไหนจะสามีของเธอที่เอาแต่นั่งก้มหน้าก็พอจะมองออกว่าทั้งค่าคงจะมีเรื่องงอนกันอยู่แน่นอนเขาอายุปูนนี้แล้วพอจะมองออก"มาหาพ่อนะครับ"อคิณถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วฝืนยิ้มหันมาอุ้มลูกของเขาเพื่อที่จะให้เด็กๆได้ดื่มนมที่พึ่งชงเสร็จ"ป้อ.."น้ำเมยเอ่ยออกมาเมื่อคนเป็นพ่ออุ้ม"หา..ว่าไงนะครับ..พ่อ..ลองพูดพ่อสิลูก"อคิณแทบน้ำตาคลอแม้คำพูดของลูกเขาจะไม่ชัดแต่ก็ดีเท่าไรแล้วที่ลูกของเขาเอ่ยเรียกเขาออกมาได้"ป้อ.."น้ำปายที่อยู่บนตักของเริงฤทธิ์เห็นคนพี่พูดก็ลองพูดบ้างทั้งหันมายิ้มหวานให้คนเป็นพ่อแล้วกลับไปนอนดูดนมต่อ"ตื้นตันล่ะสิ...ตอนลูกข้าเรียกพ่อครั้งแรกข้ายังจำมันได้จนถึงทุกวันนี้เลยมันดีใจจนบอกไม่ถูกเลยล่ะ"เริงฤทธิ์เห็นอคิณยื่นมือมาลูบหัวน้ำป
“นี่มันอะไรคะ” พัชรินทร์เก็บของแล้วพาลูกๆของเธอนั่งที่ลานนั่งเล่นในระหว่างที่เธอเตรียมตัวทำอาหารเย็นแต่สายตาก็พลันเห็นกระเป๋าสองสามใบที่ตั้งอยู่หน้าห้องนอนของเธอจึงหันไปถามอคิณด้วยสีหน้าไม่พอใจ“พี่จะมาอยู่ที่นี่ดูแลพัชกับลูกไง” “งานล่ะคะ” พัชรินทร์ไม่เข้าใจว่าเขากล้าทิ้งงานมาได้อย่างไรทั้งที่บริษัทที่เขาบริหารงานอยู่เป็นบริษัทที่ดวงสมรนั้นรักมาก“พี่ให้มาร์คดูแล” ฟึ่บ อคิณหน้าเจื่อนเมื่อหญิงสาวลากกระเป๋าของเขามาวางไว้ที่หน้าบ้าน“งั้นก็ไปอยู่ข้างนอกค่ะ” พัชรินทร์ไม่พอใจเท่าไรที่ชายหนุ่มทิ้งงานมาแบบนี้แล้วให้คนอื่นรับผิดชอบแทนเพื่อที่จะมาอยู่เฝ้าเธอ“พัช” อคิณเริ่มหน้าเสีย“อยู่ไม่ได้ก็กลับไปค่ะ” พัชรินทร์เอ่ยเสียงแข็งเธออยากให้เขากลับไปสนใจเรื่องงานมากกว่าสนใจเธอเพราะยิ่งเขามาอยู่ใกล้เธอก็ยิ่งอึดอัดไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมาเลยสักนิด18.00 น.พัชรินทร์เดินถือถาดข้าวผัดผักพร้อมไข่เจียวและน้ำอีกหนึ่งขวดให้อคิณหลังจากเห็นว่าเขายังนั่งอยู่ที่หน้าบ้าน“ขอบคุณนะ” อคิณพอจะมีรอยยิ้มที่เห็นว่าอย่างน้องพัชรินทร์ก็ไม่ได้ใจดำจนไม่สนใจอะไรเขาเลย“ทานเสร็จก็ออกไปได้แล้ว”“ไม่..พี่ไม่ไปไหนทั้งนั
14.00 น.“คุณพัชคะถ้าเราจะซื้อของขวัญให้ผู้ชายเราจะซื้ออะไรดีคะ” พิมพรรณเอ่ยถามพัชรินทร์เพื่อขอความเห็นในขณะที่ทั้งคู่กำลังเตรียมแพ็คสตอเบอรี่“ของขวัญวันเกิดพ่อเลี้ยงเหรอคะ” พัชรินทร์ยิ้มอ่อน“ก็..ค่ะ” พิมพรรณมีสีหน้าเขินเล็กน้อยเธอกะจะไม่ให้คนอื่นรู้ว่าจะซื้อของให้ทรงรบแต่ก็ถูกจับได้“พ่อเลี้ยงชอบอะไรเป็นพิเศษล่ะคะ” “เอ่อ..ฉันไม่รู้เหมือนกันค่ะ” พิมพรรณเดาไม่ออกเลยว่าทรงรบนั้นชอบอะไร“อืม..ลองหาเป็นของใช้ส่วนตัวของเค้าดูไหมคะ” “ฉันจะลองหาซื้อดูนะคะ” พิมพรรณคิดหนักของใช้ส่วนตัวของผู้ชายก็ไม่ใช่แค่อย่างสองอย่างเธอจึงคิดไม่ตก“ค่ะ” พัชรินทร์คงให้ความเห็นได้เท่านี้เพราะเธอเองก็ชอบให้เป็นของใช้ส่วนตัวกับอิทธิกรและอคิณในวันเกิดของพวกเขาเช่นกันอิทธิกรนั้นชอบของที่เธอให้ทุกครั้งแต่เธอไม่รู้เหมือนกันว่าอคิณจะเป็นแบบนั้นหรือเปล่าเพราะเธอไม่ได้ให้ด้วยตัวเองเลยสักครั้งแถมเจ้าของวันเกิดก็ยังไม่เคยรู้ด้วยว่าเป็นของๆเธอเย็นของวัน“พี่เตรียมน้ำอุ่นไว้ให้ลูกแล้วป้อนข้าวเสร็จก็พาอาบน้ำได้เลย” เมื่อกลับมาที่บ้านในช่วงเย็นในขณะที่พัชรินทร์กำลังป้อนข้าวลูกๆของเขาอคิณก็รีบเตรียมน้ำอุ่นเพื่อเอาไว้อา
ก๊อกๆๆ“เป็นยังไงบ้างคะคุณพิมอยู่โรงพยาบาลแล้วใช่ไหมคะ” ตั้งแต่อคิณออกไปพัชรินทร์ก็หลับไม่ลงเพราะเป็นห่วงตรีรัตน์เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูจึงรีบเปิดอย่างรวดเร็ว“คุณพิมอยู่กับทรงรบตอนนี้แตงกวาคลอดเองไมได้หมอต้องผ่า” “อะไรนะคะ..จะเป็นยังไงบ้างเนี่ย” พัชรินทร์หน้าเสียจนอีกฝ่ายเห็นได้ชัดเพราะรู้ว่าตรีรัตน์คงต้องเจ็บปวดมากแน่นอน แววตาอคิณไหววูบเล็กน้อยเขาดึงตัวพัชรินทร์เข้ามากอดเอาไว้แน่นเพราะรู้สึกสงสารเธอ“เอ่อ..ปล่อยค่ะ” พัชรินทร์รีบผลักอคิณออกจากตัวของเธออย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่มีผลเขายังคงกอดเธอแน่นไม่ยอมปล่อย“ตอนนั้นพัชคงทรมานมากสินะ” อคิณเอ่ยเสียงอ่อนเขาพรมจูบกระหม่อมร่างบางเบาๆ“ปล่อยค่ะพัชจะเข้าไปนอนแล้ว” พัชรินทร์อาศัยจังหวะที่อคิณเผลอผลักเขาออกและรีบเข้าห้องของเธอไปอย่างรวดเร็ว อคิณยืนมองตามหลังหญิงสาวเมื่อเธอเข้าห้องไปแล้วเขาก็ปิดประตูบ้านเดินเข้าห้องด้วยสีหน้าที่ห่อเหี่ยวโรงพยาบาล“เจ้าแฝดล่ะ” พิมพรรณเห็นพัชรินทร์เดินเข้ามาพร้อมกับอคิณจึงมองหาเจ้าสองแฝด“อยู่กับตาไม่ยอมให้เอามาด้วย”“หวงเหลือเกินนะ...มาดูหลานสิ” พิมพรรณบุ้ยปากเบาๆที่ตาของเธอดูหวงเหลนทั้งสองเสียเหลือเกินท
“ไม่ลืมอยู่แล้วนัดร้านอาหารหรูแบบนั้นลาบปากฉันเลย” พิมพรรณพยักหน้าด้วยรอยยิ้มแล้วรีบวิ่งออกไป“หึ่..ยัยบ๊องเอ้ย” ทรงรบส่ายหัวเบาๆพร้อมหยิบสร้อยเพชรขึ้นมาดูเขาจะใช้สิ่งนี้บอกความรู้สึกกับเธอในวันนี้เพราะเบื่อเต็มทนที่จะให้เธอตั้งแง่กลัวว่าเขาจะหาเรื่องแกล้งเธอไม่เว้นแต่ละวันเย็นของวัน หลังจากที่พิมพรรณช่วยพัชรินทร์แพ็คของเสร็จเธอก็รีบขับรถบึ่งมาที่ห้างสรรพสินค้าในตัวเมืองและเลือกซื้อของขวัญให้กับทรงรบ"อันนี้แหละคุณน่าจะชอบนะพ่อเลี้ยง"พิมพรรณเลือกกระเป๋าสตางค์หนังแบรนด์ดังของผู้ชายให้ทรงรบเพราะแห็นของเก่าของเขามันดูไม่ค่อยดีเท่าไรแล้วและหวังว่าเขาน่าจะชอบครืด กึกๆ เมื่อขับรถออกจากห้างสรรพสินค้ามาได้พักใหญ่มุ่งหน้าจะไปที่ร้านอาหารตามที่ทรงรบนัดแต่รถกระบะเจ้ากรรมของเธอก็ดันมากระตุกสองสามทีแล้วดับลงข้างทางในเวลาที่เธอกำลังรีบๆเสียอย่างนั้น"เอ้า...มาเสียอะไรตอนนี้เนี่ยจะถึงเวลานัดแล้วด้วยสิมือถือก็ดันมาแบตหมดอีก...เฮ้อ" พิมพรรณรีบหยิบมือถือของเธอขึ้นมาดูปรากฏว่าเครื่องก็ดับสนิทเพราะเธอลืมชาร์จแบตตอนนี้ก็ได้แต่รีบออกจากรถแล้วโบกรถที่สัญจรไปมาให้ช่วยครึ่งชั่วโมงต่อมา“นั่นไง” และ
"ใครสั่งให้คุณเลือกฉันเป็นเมียล่ะ...ใครสั่งให้เลือกคนที่ไม่ได้รักกันมาเป็นคู่ชีวิตล่ะ." พิมพรรณอ้าปากค้างเขาแม้ไม่ฟังเธออธิบายแล้วยังมาโทษให้เรื่องทุกอย่างเป็นความผิดของเธออีกในเมื่อเขาเป็นคนสร้างข้อผูกมัดบ้าๆนี้ขึ้นมาเอง“..อื้มม.” ทรงรบใช้มือหนาทั้งสองบีบแก้มของหญิงสาวเอาไว้และก้มลงมาบดจูบเธอพักใหญ่จนหนำใจเพี๊ยะ ...พิมพรรณพ้นพันธนาการได้เธอก็รีบปาดน้ำตาแล้วยกมือเรียวฟาดไปที่หน้าทรงรบเพื่อเรียกสติในขณะที่เขาทำกับเธอในสิ่งที่ไม่ควรทำ"หึ่.." ทรงรบยืนกัดฟันกรอดที่เห็นท่าทีรังเกียจเขาจากเธอเขานั่งดื่มย้อมใจต่อคราแรกหวังว่าหลังแต่งงานแล้วความสัมพันธ์ของเขาและเธอจะดีขึ้นแต่ไม่เลยมันเหมือนเดิมและพอมาวันนี้มันกลับดูว่าเขาและเธอมีปัญหากันหนักขึ้นไปอีกวันต่อมา“ฉันจะไปช่วยดูแลแตงกวาคงจะไม่ได้กลับมาที่นี่เป็นอาทิตย์” พิมพรรณเก็บกระเป๋าออกจากห้องมาในช่วงเช้าเธอเอ่ยบอกทรงรบที่กำลังนั่งดื่มกาแฟโดยที่ไม่มองหน้าของเขาและเดินออกไปขึ้นรถของภูผาที่จอดรอเธออยู่หน้าบ้านทรงรบมองตามหลังพิมพรรณอย่างไม่พอใจในเพราะไม่ยอมบอกเขาก่อนว่าจะไปดูแลตรีรัตน์ด้วยตัวเองทั้งที่ก่อนหน้าเขารู้มาว่าคนที่ไร่เริงฤทธิ์จ
“เพราะคุณอยากจะเอาชนะฉันไงล่ะ...ตอนนี้คุณก็กำลังทำมันอยู่..ปล่อยฉัน” พิมพรรณพยายามแกะมือหนาของชายหนุ่มออกแต่มันก็เหนียวเสียเหลือเกิน“ไม่ปล่อย”“เป็นบ้าอะไรเนี่ย” พิมพรรณแผดเสียงใส่ทรงรบเพราะเธอไม่ชอบให้ใครมาบังคับ“ใช่ผมมันบ้า” เมื่ออีกฝ่ายขึ้นเสียงทรงรบก็เริ่มคุมสติไม่อยู่เขาตะคอกใส่เธอพร้อมเขย่าตัวเธออย่างบ้าคลั่งพลักก พิมพรรณฮึดสู้รีบผลักชายหนุ่มออกด้วยแรงที่เธอมีทั้งหมดและรีบวิ่งหนีเข้าห้องไป“ว้ายยย” ยังไม่ทันที่เธอจะปิดประตูทรงรบก็แทรกตัวเข้ามารวบตัวเธอเอาไว้ก่อนตอนนี้เธอจะตะโกนให้ใครช่วยก็ไม่มีเพราะป้านิ่มนั้นอยู่บ้านของตรีรัตน์“คุณเป็นของผมยังไงผมก็จะไม่ปล่อยคุณไปเด็ดขาด” ทรงรบดันร่างบางไปจนติดกำแพงห้องเขาเอ่ยออกมาด้วยสายตาและน้ำเสียงที่แข็งกร้าวประกาศความเป็นเจ้าของชัดเจนมือหนาค่อยๆปลดกระดุมเสื้อของตัวเองออกอย่างรวดเร็วทำเอาพิมพรรณเบิกตาโพรงเพราะรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไรกับเธอ“ปล่อยฉันนะอย่าทำแบบนี้...อื้อออ” หญิงสาวพยายามผลักชายหนุ่มออกแต่ก็ไม่เป็นผลเขารีบจับข้อมือของเธอไขว้ไว้ด้านหลังและบดจูบหญิงสาวอย่างไร้ความนุ่มนวล“อย่าคิดว่าฉันแต่งงานกับคุณแล้วคุณจะทำอะไรฉันก็ไ
อำเภอ“ตาครับ”ทรงรบมาถึงที่อำเภอเห็นเริงฤทธิ์กำลังยืนคุยอยู่กับใครบางคนเขาจึงรีบเดินเข้าไปหา“อ้าวพ่อเลี้ยงมาพอดีเลยนี่คุณเหมนายอำเภอคนใหม่ของที่นี่”“อ๋อ..ครับสวัสดีครับ”เมื่อเห็นหน้าชายหนุ่มที่ยืนคุยกับเริงฤทธิ์คราแรกเขาก็มองอย่างไม่เป็นมิตรทันทีเพราะจำได้ว่าคนๆนี้อยู่กับพิมพรรณในวันที่เขาไปซื้ออะไหล่รถยนต์“คุยกันไปก่อนนะเดี๋ยวตาไปทักทายตาทิ้งหน่อยไม่ได้เจอกันนานเลย”เริงฤทธิ์แนะนำทั้งคู่เสร็จก็เดินออกไปหาคนรู้จัก"เจอคุณก็ดีเลยพอดีคุณพิมลืมของไว้ที่รถผมน่ะครับฝากคุณคืนเธอเลยแล้วกันนะครับพ่อเลี้ยง"เมื่อเห็นทรงรบเหมวัตก็ยื่นของที่พิมพรรณลืมเอาไว้ให้กับทรงรบทันทีเพราะเห็นว่าอยู่บ้านเดียวกัน"อ่อครับ...แล้วทำไมของภรรยาผมไปอยู่กับคุณได้ล่ะ"ทรงรบรับถุงกระดาษมาอย่างสงสัย"อย่าพึ่งเข้าใจผิดนะครับวันนั้นผมเจอคุณพิมที่ข้างทาง..."เหมวัตเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้ทรงรบฟังว่าวันนั้นเขาเป็นคนพาเธอเอารถไปซ่อมและไปส่งเธอที่ร้านอาหารด้วยวันก่อนก็พึ่งจะพาเธอปรับรถเพราะช่างโทรหาเธอไม่ติด"ครับผมเข้าใจแล้ว"ทรงรบถึงกับตัวชาวาบหลังจากที่ได้รู้เรื่องราวจากเหมวัตครู่ต่อมา"ผมขอให้ทุกคนตรวจตราดูกันหน่