กรุงเทพมหานคร
“ส่งของขวัญไปหรือยัง”
อคิณที่กำลังนั่งดื่มอยู่ในห้องทำงานเขารู้ว่าวันนี้เป็นวันแต่งงานของทรงรบเพื่อนของเขาแต่ที่ไม่อยากไปด้วยตัวเองก็เพราะสภาพจิตใจยังคงไม่ค่อยดีเท่าไรนักจึงส่งคนไปให้ของขวัญและอยู่ร่วมงานแทน
ทรงรบกับอคิณเรียนรุ่นเดียวกันในมหาลัยตอนเรียนทั้งคู่สนิทกันมากพึ่งจะมาห่างกันก็ช่วงที่ต่างคนต่างต้องรับผิดชอบหน้าที่การงานของตัวเองคราแรกเขายังคิดว่าทรงรบจะแต่งงานทีหลังเขาด้วยซ้ำเพราะไม่เห็นว่าจะมีสาวคนไหนเข้าตาทรงรบสักคนแต่กลับเป็นเขาที่ยังไม่ได้แต่งเพราะว่าที่เจ้าสาวที่ขอเอาไว้กลับไม่ซื่อสัตย์ต่อเขานั่นเอง
“คนของเราส่งเรียบร้อยแล้วครับแล้วก็เก็บภาพบรรยากาศในงานแต่งมาด้วยครับ”
มารุตรีบส่งไฟล์รูปงานแต่งของทรงรบให้อคิณทันทีที่เขารีบให้อคิณดูเพราะมีบางอย่างที่อคิณน่าจะอยากรู้
“ฉันขอดูหน้าเจ้าสาวเพื่อนฉันหน่อยซิ...นี่มัน”
อคิณเปิดไฟล์รูปดูในโน๊ตบุ๊คครู่หนึ่งเขาก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าเจ้าสาวของทรงรบคือพิมพรรณพยาบาลที่เขาเคยจ้างให้เฝ้าพัชรินทร์แถมคนที่ยืนยิ้มข้างๆบ่าวสาวนั้นยังเป็นพัชรินทร์
“ครับเธออยู่ที่นั่นตอนนี้เธอก็มีลูกแฝดผู้หญิงวัยเก้าเดือนกว่าแล้วด้วยครับ”
เรื่องที่มารุตเอ่ยออกมานี้คราแรกที่เขาได้รับรายงานมาก็ตกใจอยู่ไม่น้อย
“ลูก...”
สีหน้าของอคิณเริ่มบ่งบอกถึงอาการสงสัยอะไรบางอย่าง
“คนของเราบอกว่าคนที่นั่นบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เคยเห็นสามีของเธอครับ”
“งั้นก็หมายความว่า”
อคิณนึกย้อนไปเมื่อครั้งที่เขาทารุณเธอหากเด็กแฝดอ้วนกลมน่าตาน่ารักน่าชังในรูปนี้เก้าเดือนก็เท่ากับไม่ต้องเดาเลยว่าเป็นลูกใครคงเป็นลูกของเขาแน่นอน เขาพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมอิทธิกรจึงชอบซื้อของเด็กอ่อนส่งไปบริจาคนักที่แท้ก็น่าจะส่งไปให้ลูกของเขาโดยที่ไม่ยอมบอกเขานั่นเอง
“ผมดูจากหน้าตาของเด็กๆกับเรื่องที่บอสเล่ามาผมคิดว่าเด็กทั้งสองน่าจะเป็นลูกของบอสครับ”
22.00 น.
ตอนนี้อคิณยังนอนไม่หลับเพราะยังตกใจที่ตัวเองได้เป็นพ่อคนโดยที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัวทั้งยังจ้องมองรูปลูกแฝดของเขาทั้งสองไม่ละสายตาเขามารู้ว่านี่มันเป็นเรื่องที่น่าเสียใจหรือน่ายินดีเพราะเรื่องราวที่ประดังเขามาในคราเดียวกันมันทำให้เขาสับสนไปหมด
วันต่อมา
“เมื่อคืนหลับสบายดีไหมพ่อเลี้ยง”
เริงฤทธิ์เดินออกมาทักทายหลานเขยของเขาที่บริเวณระเบียงบ้านในตอนเช้าตรู่
“ก็ดีครับตา”
ทรงรบตอบด้วยรอยยิ้มอ่อนอันที่จริงเขาเมื่อยทั้งตัวเลยต่างหากเพราะพิมพรรณไม่ให้เขานอนบนเตียงด้วยกันเขาจำต้องปูผ้านอนข้างเตียงและน่าจะเป็นแบบนี้ทั้งสามคืนที่อยู่ที่นี่ให้ถึงวันที่เธอย้ายเข้าบ้านของเขาก่อนจะเอาคืนให้สาสม
“ดีๆ”
เริงฤทธิ์ตบบ่าทรงรบเบาๆ
“อาหารเช้ามาแล้วค่ะฉันทำสุดฝีมือเลยนะคะเชิญคุณทานให้เต็มที่เลยค่ะ”
วันนี้พิมพรรณตื่นขึ้นมาทำอาหารเช้าเองเพราะมื้อแรกของวันนี้เธอต้องการให้ทรงรบได้ชิมอาหารที่เธอปรุงพิเศษสำหรับเขาโดยเฉพาะ
“หอมดีนะ..ทำอาหารอร่อยเหมือนกันนี่”
เริงฤทธิ์เดินเข้ามานั่งที่โต๊ะอาหารพร้อมกับทรงรบเมื่อได้กลิ่นข้าวต้มปลาฝีมือหลานสาวของเขาก็รีบยกช้อนตักเข้าปากทำให้พึ่งรู้วันนี้เองว่ารสมือของหลานสาวเขาก็อร่อยอยู่เหมือนกันเพราะปกติแล้วได้กินแต่กับข้าวฝีมือของภูผาเท่านั้น
“อืม..หืม.”
ทรงรบตักข้าวต้มคำแรกเข้าปากก็แทบคายมันออกมาเพราะรสชาติของมันเค็มจนขมปากเขาไปหมดแต่ก็เกรงใจเริงฤทธิ์เพราะเมื่อครู่เขาพึ่งได้ยินเสียงชมว่าข้าวต้มอร่อยจากปากของเริงฤทธิ์เองไม่รู้ว่าคนที่นี่ชอบรสชาติแบบนี้กันหรืออย่างไร
“ทานเข้าไปเยอะๆเลยนะคุณไม่พอเดี๋ยวฉันไปตักให้เพิ่ม”
พิมพรรณที่นั่งอยู่ตรงข้ามทรงรบเธอตักข้าวต้มเข้าปากทั้งมองหน้าอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม
“เอ่อ..ไม่เป็นไรปกติแล้วผมก็ไม่ค่อยชอบทานข้าวเช้าเท่าไร”
ทรงรบรีบปฏิเสธทันท่วงทีอันที่จริงมื้อเช้าเป็นมื้อสำคัญแต่วันนี้เขาคงจะทานมันเข้าไปเยอะไม่ได้เสียแล้ว
“ฝีมือเราเหรอพิมอร่อยเหมือนกันนี่แบบนี้พ่อเลี้ยงต้องหลงเสน่ห์ปลายจวักแย่ละมั้ง”
ภูผาที่ตักข้าวต้มใส่ถ้วยเดินชิมออกมาจากในครัวก็อดเอ่ยปากชมฝีมือหลานสาวของเขาไม่ได้ทั้งเอ่ยหยอกทรงรบที่นั่งนิ่งด้วยรอยยิ้ม
ทรงรบได้แต่นั่งเงียบและอมยิ้มอ่อนเท่านั้นและแน่ใจแล้วว่าคนบ้านนี้น่าจะชอบทานรสจัดกันจริงๆแต่ละคนเอ่ยเปราะกันขนาดนั้น
พิมพรรณนั่งอมยิ้มเธอไม่ได้เขินที่ถูกชมแต่เธอสะใจต่างหากที่ได้แกล้งทรงรบได้เพราะในถ้วยของเขาเธอตั้งใจผสมเกลือป่นใส่ลงไปมากเป็นพิเศษให้เขาได้รับสารไอโอดีนได้อย่างเต็มที่ไปเลย
ช่วงสายของวัน
หลังจากมานข้าวเช้ากันเสร็จแล้วทรงรบกับพิมพรรรณก็ไปรับเจ้าแฝดพร้อมกับพัชรินทร์มาที่ไร่ตามปกติ
“เมื่อคืนเจ้าแฝดไม่งอแงใช่ไหมคะคุณพัช”
พิมพรรณหันมาถามพัชรินทร์ในขณะที่เตรียมเปลของสองแฝดอยู่ที่กระท่อมข้างบ้าน
“ไม่เลยค่ะ”
“ผมว่าให้คนมาอยู่เป็นเพื่อคุณพัชจะดีกว่านะครับ”
ทรงรบเห็นว่าตอนนี้พิมพรรณก็ไมได้อยู่กับพัชรินทร์แล้วเขาคิดว่าหากมีคนอยู่กับพัชรินทร์อีกสักคนคงดีเผื่อมีเหตุฉุกเฉินจะได้ช่วยกันทัน
“เอาอย่างที่พ่อเลี้ยงว่าก็ดีเหมือนกันนะคะ”
พิมพรรณเห็นด้วยกับความคิดของทรงรบเป็นครั้งแรกเธอเองก็ว่าจะพูดเรื่องนี้กับพัชรินทร์อยู่เหมือนกัน
“รบกวนคนอื่นเปล่าๆค่ะพัชอยู่ได้ไม่มีปัญหาอะไร”
พัชรินทร์ส่ายหัวเบาๆเธออยู่ของเธอได้ไม่ได้มีปัญหาอะไรและคิดว่าที่นี่คงไม่มีอันตรายอะไรด้วยเพราะใกล้ๆบ้านที่เธออยู่ก็มีแต่คนกันเองทั้งนั้น
“แน่ใจนะคะ”
พิมพรรณถามหญิงสาวเพื่อความแน่ใจอีกรอบ
“ค่ะ”
พัชรินทร์พยักหน้าด้วยรอยยิ้มเธออยู่ได้อย่างที่เธอพูดจริงๆ
20.00 น.
“แอ้.แง่งงๆๆ”
พัชรินทร์อุ้มลูกของเธอทั้งสองคนซบอกอยู่บนเตียงนุ่มเพราะวันนี้เจ้าแฝดค่อนข้างจะหลับยากผิดปกติไม่รู้ว่าเป็นอะไรเหมือนกัน
“ทำไมวันนี้พยศแม่ได้ล่ะคะลูกเป็นอะไรเอ่ย”
แกร๊กกก
“หา..”
พัชรินทร์ตัวชาวาบเมื่อคนที่เปิดประตูเข้ามาในห้องของเธอนั้นเป็นอคิณชายหนุ่มที่เธอต้องการจะหนีไปจากชีวิตของเขาและเธอพอจะรู้ตัวว่าหลังจากนี้เธอจะต้องเจอกับอะไร
“แอ้..แง้งงงง”อคิณรวบลูกของเขาทั้งสองออกจากอกพัชรินทร์ทั้งที่เจ้าแฝดสองคนกำลังร้องให้โยเยอยู่“เอาลูกพัชมานะ”พัชรินทร์เสมือนถูกควักหัวใจออกจากอกเมื่ออคิณแย่งลูกของเธอไปต่อหน้าต่อตา“คนอย่างเธอไม่สมควรจะเป็นแม่ของลูกฉัน”อคิณส่งลูกของเขาให้มารุตและหันมาชี้หน้าหญิงสาวตะคอกใส่เธอเสียงแข็งปังง“จะพาลูกพัชไปไหน” อคิณปิดประตูเมื่อเห็นว่าพัชรินทร์กำลังจะวิ่งตามมารุตที่อุ้มเด็กๆออกไป“ลูกเธอก็ลูกฉัน”"ปล่อยพัชกับลูกไปนะคะ"หญิงสาวนั่งฟุบลงกับพื้นยกมือไหว้ชายหนุ่มด้วยน้ำตาพัชรินทร์เห็นชัดเจนแล้วว่าอคิณต้องการจะพรากลูกไปจากเธอบาดแผลในใจครั้งนี้มันเจ็บกว่าครั้งที่ถูกเขาทารุณก่อนหน้าด้วยซ้ำ"เซ็นยกมรดกของเธอให้ฉันแล้วฉันจะปล่อยเธอ"อคิณรีบหยิบเอกสารในมือให้หญิงสาวเซ็นเพราะเขาไม่ต้องการให้สมบัติของแม่เขาตกไปอยู่กับพัชรินทร์แม้แต่ชิ้นเดียว"เรียบร้อยค่ะขอลูกคืนให้พัชนะคะ"พัชรินทร์รีบหยิบเอกสารนั้นมาเซ็นอย่างลวกๆไม่ว่าเขาจะให้เธอทำอะไรเธอทำทั้งนั้นขอแค่เขาคืนลูกของเธอมาเท่านั้น"ฉันบอกว่าฉันจะปล่อยเธอไม่ใช่ปล่อยลูกในเมื่อเด็กสองคนนี้เป็นลูกของฉันเค้าก็จะต้องได้อยู่กับฉัน""ไม่นะคะเอาลูกพัชคืนมาพ
เช้าวันต่อมา"แค่นี้ถึงกับไข้ขึ้นเลยหรือไง"อคิณตื่นขึ้นมาในตอนเช้าบนโซฟาข้างเตียงนอนที่มีพัชรินทร์นอนอยู่เขาเห็นหญิงสาวนอนตัวขดสั่นเทาเล็กน้อยจึงใช้หลังมือสัมผัสหน้าผากมนวัดไข้ดูจึงรู้ว่าเธอตัวร้อนเขาจึงจำต้องหาผ้ามาเช็ดตัวให้เธอเพราะที่นี่ไม่มียาแก้ไข้"ลูกพัช.. เอาลูกพัชคืนมา.."พัชรินทร์ยังคงละเมอเป็นเรื่องลูกแม้เธอจะละเมอแต่ความเจ็บปวดในใจก็ทำให้เธอร้องให้ออกมาในขณะที่ไม่รู้ตัว"เธอยังต้องทรมานกว่านี้อีกหลายเท่าพัชรินทร์"อคิณมองร่างบางอย่างสมเพชยิ่งเขาเห็นหน้าของเธอเรื่องของแม่เขาก็ยิ่งผุดขึ้นมาในหัวพร้อมความเจ็บปวดและเขาจะทำให้หญิงสาวเจ็บปวดกว่าเขาหลายเท่าจากที่เขาได้รับบ้านอิทธิกร"ป้านวลครับยังไงรีบหาคนมาช่วยดูแลหลานผมด่วนเลยนะครับ"อิทธิกรโล่งใจที่ศรีนวลแม่บ้านของเขาเลี้ยงหลานของเขาทั้งสองได้เป็นอย่างดีทั้งรีบให้ศรีนวลหาคนมาช่วยอีกแรงเพราะเจ้าแฝดทั้งสองนั้นค่อนข้างซนกันแล้วในช่วงวัยนี้"ค่ะคุณกร""แอ้.. ๆๆ.. หม่ำๆ"เจ้าสองแฝดที่นั่งตัวกลมอยู่บนพื้นเห็นถ้วยข้าวในมือศรีนวลก็นั่งจ้องกันตาเป็นมันทั้งปากก็เอ่ยขอกันสลับกันไปมาจนศรีนวลอดขำไม่ได้"คุณหนูท่าจะทานเก่งกันทั้งคู่เลยนะค
โรงแรมxxx"ที่แท้ก็ทะเลาะกับว่าที่เจ้าบ่าว" ก้องเกียรติพากิ่งแก้วขับรถมาที่โรงแรมม่านรูดก่อนจะลงจากรถกิ่งแก้วก็ระบายเรื่องที่อยู่ในใจให้ก้องเกียรติฟังจนหมด"ฉันกำจัดแม่เค้าได้แล้วจะไม่ปล่อยให้หลุดมือแน่นอน" กิ่งแก้วเอ่ยเสียงแข็งเธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะอยู่สุขสบายเมื่อลงทุนมาถึงขนาดนี้แล้วเธอจะไม่ยอมปล่อยให้อคิณหลุดมือไปง่ายๆ"ทีหลังคุณก็อย่ามักมากนักสิ" ก้องเกียรติรู้ดีว่าอดีตคนรักของเขานั้นมีความต้องการมากแค่ไหน"ฉันก็ขี้เบื่อเหมือนกันนะ" กิ่งแก้วเอื้อมมือไปลุบไล้แผงอกของก้องเกียรติแม้จะเคยๆกันมาก่อนแต่เมื่อห่างกันไปนานๆเธอก็มีความตื่นเต้นขึ้นมาไม่น้อยเหมือนกัน"มาสนุกกันดีกว่านะหวังว่าการห่างของเราจะทำให้คุณคิดถึงผมบ้างนะ" ก้องเกียรติรีบเปิดประตูรถและอุ้มร่างบางไปสนุกกันในห้องโดยที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ทั้งสองกำลังปล่อยความลับที่ปกปิดมานานให้เปิดเผยสามวันต่อมา"เป็นแบบนี้นี่เองเลวที่สุด" อิทธิกรนั่งกำมือแน่นหลังจากที่ได้หลักฐานจากนักสืบที่เขาจ้างให้ตามดูก้องเกียรติแต่ใครจะไปรู้ว่าเรื่องนี้กิ่งแก้วเป็นคนจัดการสั่งทุกอย่างทั้งหมด"นี่ยังติดต่ออคิณไม่ได้อีกหรือไง" ทศพลเอ่ยข
"ทำไมไม่เอาไว้บ้านแกล่ะ"อคิณเท้าเอวมองหน้าอิทธิกรเขาไม่ได้มีเวลาจะมาดูแลลูกของเขาสักเท่าไรอีกอย่างวันนี้เขาก็ต้องรีบกลับไปที่เกาะด้วย"อ้าว..ก็ลูกพี่"อิทธิกรทำท่าทางไม่รู้ไม่ชี้และเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นเพื่ออุ้มเจ้าก้อนทั้งสองอกมาทักทายพ่อตัวเองเสียหน่อย"แอ้..ๆ"เมื่อเจ้าแฝดทั้งสองเห็นว่ามีคนแปลกหน้าเข้ามาใหม่จึงมองหน้ากันทั้งขมวดคิ้วสงสัยด้วยท่าทางน่าเอ็นดู"ไปหาคุณพ่อนะครับน้ำเมย"อิทธิกรส่งน้ำเมยให้อคิณได้อุ้มอย่างปฏิเสธไม่ได้"แอ้..ๆหม่ำๆๆ"เจ้าก้อนเงยหน้ามองคนที่อุ้มก็ยกมือป้อมทั้งสองจิกไปที่ผมของคนเป็นพ่อทั้งหม่ำๆเกร็งปากด้วยความหมั่นเขี้ยว“หิวจนจะหม่ำพ่อเข้าไปแล้วเหรอ”อคิณเห็นท่าทางเช่นนั้นของน้ำเมยเขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยแกมหยอกพร้อมแสดงน้ำเสียงอ่อนโยนเล่นกับลูกสาวตัวกลมของเขาอย่างไม่รู้ตัวมันเป็นไปเองอัตโนมัติเพราะความน่ารักไร้เดียงสาของลูกสาวของเขานั่นเองท่าทีอคิณตอนนี้ทำเอาอิทธิกรถึงกับมองตาค้างเพราะไม่เคยเห็นพี่ชายของเขาเล่นเสียงสองแบบนี้มาก่อนแต่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีแล้วตอนนี้เขาก็พร้อมจะบอกความจริงเรื่องอุบัติเหตุที่พรากชีวิตแม่ของเขาไปแล้วด้วยหวังว่าพี่ชายของเขาจ
"คุณเป็นคนทำเรื่องทั้งหมด"อคิณมือไม้สั่นไปหมดที่หญิงสาวทำให้เขาดูเป็นคนโง่หลอกใช้และที่สำคัญเธอไม่ได้รักเขาเหมือนที่เขารักเธอแม้แต่นิด"มาร์คพาเธอส่งตำรวจ"อิทธิกรสั่งให้มารุตพาหญิงสาวไปส่งตำรวจเพราะตอนนี้ก้องเกียรติก็รออยู่ที่นั่นแล้วเหมือนกัน"อย่านะนี่แสดงว่าแกวางแผนไว้ทั้งหมดใช่ไหม...จะบอกอะไรให้นะพวกแกมันโง่ไม่มีทางฉลาดกว่าฉันได้หรอกแม่แกก็สมควรตายอยากจะขัดขวางไม่ให้ฉันแต่งงานกับแกดีนักฉันรู้มานานแล้วว่าแม่แกหมายหมั้นให้อีพัชมันแต่งกับแก..ฉันก็เลยต้องชิงกำจัดแม่พวกแกก่อนไงแล้วแกก็โง่ที่เชื่อว่าทุกอย่างเป็นฝีมืออีพัช...โง่...โง่ฮ่าๆๆ"กิ่งแก้วที่ไม่มีอะไรจะเสียเมื่อถูกจับได้เธอจึงตวาดใส่ทุกคนอย่างคนไร้สติระบายความอัดอั้นที่ถูกเกลียดชังจากดวงสมรเธอเกลียดทุกคนที่ขวางทางเธอไม่ให้คบกับอคิณทั้งโมโหอคิณที่ไปมีลูกกับพัชรินทร์โดยที่เธอไม่รู้เรื่องทั้งนี้ทั้งนั้นเธอก็อยากบอกเป็นครั้งสุดท้ายว่าอคิณมันโง่ที่สุดและหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งสะใจ"ออกไป"อคิณเริ่มหายใจแรงเขาโกรธกิ่งแก้วมากก่อนจะตวาดไล่กิ่งแก้วให้ออกไปให้พ้นๆหน้าเขาในตอนนี้เมื่อกิ่งแก้วไปพ้นตาเขาแล้วชายหนุ่มถึงกับนั่งฟุบกอดเข่าล
สามชั่วโมงต่อมา"พัช"อิทธิกรนั่งรอทั้งสองอยู่จนดึกเมื่อเห็นอคิณประคองพัชรินทร์เดินเข้าบ้านมาเขาก็รีบเข้าไปสวมกอดน้องสาวของเขาทันทีทั้งมองสภาพที่อิดโรยของเธอด้วยสายตาที่เป็นห่วง"พี่กร...ลูกพัชอยู่ไหนคะ"พัชรินทร์รีบถามหาเจ้าแฝดทันทีที่มาถึง“กำลังหลับปุ๋ยเลย”อิทธิกรค่อยๆพาพัชรินทร์เดินไปที่ห้องนอนใกล้ๆกับห้องนั่งเล่นเมื่ออิทธิกรเปิดประตูพัชรินทร์ก็รีบเดินเข้าไปกอดหอมลูกทั้งสองของเธอบนเตียงด้วยน้ำตา“ลูกแม่..”หญิงสาวนั่งมองลูกๆของเธอพักใหญ่ราวกับจงอางหวงไข่ภาพนั้นทำให้ทั้งอิทธิกรและอคิณมองหน้ากันด้วยความหดหู่“พัชพี่มีเรื่องจะคุยด้วย”อิทธิกรเรียกให้พัชรินทร์มาคุยเรื่องแม่ของเขาข้างนอกเพราะเรื่องนี้น้องของเขาก็ต้องได้รับรู้ด้วยเช่นกัน“อะไรนะคะเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะคุณกิ่งเหรอคะ”พัชรินทร์รู้เรื่องที่กิ่งแก้วทำทั้งหมดเธอก็ถึงกับอึ้งจากที่คิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุแต่แท้ที่จริงแม่เธอต้องเสียเพราะผู้หญิงที่เห็นแก่ตัวคนนึงเธอก็ยิ่งเสียใจ“พี่คิณ”อิทธิกรเห็นอคิณเดินเข้ามาเขาก็รีบลุกหมายที่จะเดินออกไปเพื่อให้ทั้งสองได้พูดคุยกัน"เรากลับบ้านกันเถอะค่ะพี่กร"พัชรินทร์ดึงแขนของอิทธิกรเอาไว้แล
"ต่อไปนี้ฉันจะอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนคุณพิมจะว่าอะไรไหมคะ" พัชรินทร์ตัดสินใจแล้วว่าเธอจะใช้ชีวิตเรียบง่ายกับลูกๆของเธอที่นี่ส่วนอคิณเธอจะไม่เก็บเขามาใส่ใจอีกต่อไปเพราะอยากจะลืมความเจ็บปวดที่ผ่านมาทั้งหมดให้ได้โดยเร็ว"คุณพัชอยู่ไปเลยค่ะที่นี่ก็คือบ้านคุณพัชนะคะ...แล้วคุณคิณจะตามมาไหมคะเพราะเค้ารู้ว่าลูกของเค้ากับคุณอยู่ที่นี่" พิมพรรณไม่ได้มีปัญหาเลยสักนิดเพราะพัชรินทร์ก็เสมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกันกับเธอไปแล้วโดยเฉพาะตาของเธอคงจะเฉาตายแน่นอนหากเจ้าแฝดไม่อยู่ด้วย"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะแต่อย่าไปสนใจเค้าเลยค่ะ" "เอ่อ.. ค่ะ" พิมพรรณรู้ว่าพัชรินทร์คงเจ็บปวดมากไม่อย่างนั้นคงไม่อยากลืมชื่ออคิณขนาดนี้"ตอนนี้คุณกับพ่อเลี้ยงเป็นยังไงบ้างคะ" พัชรินทร์เปลี่ยนมาถามเรื่องของพิมพรรณและทรงรบเพราะเธออยากจะรู้ว่าทั้งสองคุยกันดีขึ้นบ้างหรือยัง"พูดแล้วก็ปวดหัวไม่พูดถึงดีกว่าค่ะ.." พิมพรรณกับทรงรบตอนนี้ยังคงกัดกันทุกวันเหมือนเดิมเธอจึงไม่อยากที่จะพูดถึงเรื่องของเธอกับเขาเท่าไร"ของที่ส่งยังเยอะเหมือนเดิมไหมคะ""เยอะกว่าเดิมอีกค่ะ""ดีจังเลย.." สองสาวเดินคุยกันไปชมไร่ในยามเย็นไปพัชรินทร์ยิ้มออกอีก
“หม่ำๆๆ..”“ป้อนลูกสิ”อคิณเห็นพัชรินทร์เอาแต่มองเขาจนทำให้น้ำปายร้องเรียกเขาจึงบอกให้เธอหันไปป้อนลุกแทนที่จะมาจ้องเขาอยู่แบบไม่พูดไม่จาแบบนี้พัชรินทร์รีบตักข้าวป้อนน้ำเมยทันทีที่เธอเริ่มตั้งสติได้ตอนนี้เธอเริ่มอึดอัดขึ้นมาเสียแล้วที่อคิณเข้ามายุ่งกับเธอแต่เธอก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรกับเขาสักคำเพราะทำใจไว้แล้วว่าจะไม่สนใจเขาหากเขาทนต่อความเงียบของเธอได้ก็ทนไป“คุณพัช..คุณคิณ”พิมพรรณหายสงสัยแล้วว่าอคิณหายไปไหนแต่เช้านี่คงจะเพราะทรงรบเป็นคนบอกเขาถึงมาที่นี่ถูก“เจ้าแฝดพึ่งทานข้าวอิ่มเดี๋ยวรออาบน้ำแปปนะคะ”พัชรินทร์หันไปยิ้มกับพิมพรรณเมื่อเห็นเธอเดินเข้ามาในบ้าน“ค่ะเดี๋ยวพิมช่วยนะคะ”พิมพรรณช่วยอุ้มเจ้าแฝดออกจากโต๊ะทานข้าวในขณะที่พัชรินทร์กำลังเตรียมน้ำอุ่นอยู่“ขอบคุณค่ะ”“นี่เค้ามาทำอะไรเหรอคะ”พิมพรรณเอ่ยกระซิบกับพัชรินทร์เบาๆ“ช่างเค้าเถอะค่ะฉันไม่สนใจ”พัชรินทร์ส่ายหัวเขาจะมาทำอะไรก็ช่างเธอไม่สนใจอะไรทั้งนั้นครู่ต่อมา“อาบน้ำเสร็จแล้วเช็ดตัวนะคะ..”สองสาวอุ้มเจ้าสองแฝดมานอนบนเตียงและเช็ดตัวทาแป้งเพื่อที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมไปส่งให้เริงฤทธิ์ที่ไร่และพวกเธอก็จะได้ลุยงานในไร่ต่อ“