หลังเสร็จเรื่องรับตัวเจ้าสาวไม่นานนักตอนนี้ทุกคนก็อยู่กันที่บ้านของแดนไทเพื่อฟังพระสวดให้บ่าวสาวได้ตักบาตรทำบุญในช่วงเช้า
“ตาพอลยังไม่ตื่นอีกเหรอเราไปดูน้องให้พ่อหน่อยสิ..ทำตัวไม่มีมารยาทเอาซะเลย”
ภูริชเห็นทีต้องหันมาบอกให้โนแอลไปตามภคพลขณะที่พระกำลังสวดคราแรกคิดว่ากลับมาจะเจอลูกชายคนเล็กรอต้อนรับแต่ป่านนี้ก็ไม่ยักจะเห็นหัวเสียทีจึงไม่ค่อยสบอารมณ์กับลูกชายที่ทำตัวไม่รู้กาลเทศะนัก
“ครับคุณพ่อ”
โนแอลรีบลุกปลีกตัวเข้าไปชั้นบนเขาเองก็มีส่วนผิดที่เมื่อคืนนอนไม่หลับจนต้องไปชวนภคพลนั่งดื่มนั่งคุยกันจนเกือบเช้า
ก๊อกๆๆ
หลังจากโนแอลเคาะประตูไม่นานภคพลก็เดินมาเปิดประตูเมื่อคนเป็นพี่เห็นน้องชายแต่งตัวเรียบร้อยแล้วจึงมองหน้าด้วยสายตาฉงนเพราะไม่รู้ว่าภคพลนั้นทำไมยังไม่ลงไปที่งานแต่งด้านล่างเสียที
“แต่งตัวเสร็จแล้วทำไมยังไม่ลงไปล่ะ”
“ผมรอให้พระสวดเสร็จขี้เกียจไปนั่งนิ่งๆฟังน่าเบื่อ”
ร่างสูงในชุดสูทสีเทาเซ็ททรงผมเนี้ยบยืนส่ายหน้าด้วยท่าทีขยาดเพราะจะให้เขาไปนั่งนิ่งๆฟังพระสวดคงสร้างความอึดอัดให้เขาไม่น้อย
“คุณพ่อหงุดหงิดกับนายใหญ่แล้วรีบลงไปตอนนี้เลย”
“รอให้พระสวดเสร็จก่อนไม่ได้เหรอครับ”
“ไม่ได้”
โนแอลรีบดันตัวน้องชายออกมาจากห้องด้วยไม่อยากต้องมารู้เห็นขณะที่พ่อต้องมานั่งบ่นน้องชายหลังจากจบงานแล้วเขาก็ต้องเป็นตัวกลางทำให้เรื่องบาดหมางนี้จบไปอีก
“กว่าจะลงมาได้..ทำอะไรเห็นแก่หน้าฉันบ้าง”
ภูริชเห็นลูกชายคนเล็กเข้ามานั่งเก้าอี้ข้างๆได้ก็รีบหันมาบ่นเสียงแข็งทันที
“ผมก็ลงมาแล้วไงครับคุณพ่อ”
ภคพลมองกรอกตาเล็กน้อยเมื่อถูกคนเป็นพ่อตำหนิแต่เขาก็มิวายจะเถียงให้ได้
“อย่าเถียงกันเลยครับ”
โนแอลต้องรีบปรามไม่เช่นนั้นบทสนทนาของพ่อเขาและน้องชายที่ไม่ค่อยจะดีนักคงจะยาวกว่านี้
“ยัยหนูไปไหนแล้วล่ะครับ”
คีรินเห็นว่าเก้าอี้ข้างๆของพราวพิ้งค์กำลังว่างจึงถือโอกาสนี้เข้าไปนั่งข้างๆหญิงสาว
“อยู่กับฟองจันทร์ค่ะน่าจะพากันไปเดินเล่นหลังบ้าน”
ใบหน้าหวานหันมองซ้ายมองขวาไม่เจอฟองจันทร์จึงคิดว่าน่าจะพาลูกสาวเธอไปเดินเล่นที่หลังบ้าน
“คุณพิ้งค์ไม่ได้รับชุดที่ผมฝากคุณปลายไปให้เหรอครับ”
คีรินเอ่ยถามพราวพิ้งค์ด้วยท่าทีประหม่าเล็กน้อยเพราะเขาไม่รู้ว่าเธอไม่ได้รับชุดที่เขาฝากปลายฝนไปให้หรือว่าเธอไม่อยากใส่ชุดที่เขาซื้อไปให้กันแน่
“เอ่อ..ชุดมันค่อนข้างไม่พอดีค่ะคุณคีรินขอโทษด้วยนะคะพี่พิ้งค์ไม่ได้ใส่”
พราวพิ้งค์รู้อยู่แล้วว่าเธอจะต้องเจอคำถามนี้จากคีรินดีที่เธอคิดคำตอบแบบถนอมน้ำใจอีกฝ่ายมาแล้ว
“ไม่เป็นไรหรอกครับแค่รู้ว่าคุณพิ้งค์รับเอาไว้ก็พอแล้ว”
คีรินพอจะยิ้มออกด้วยคราแรกคิดกังวลไปว่าหญิงสาวจะไม่ชอบใจชุดที่เขาซื้อให้เสียอีก
“จ้องอะไรเค้าขนาดนั้น”
ตอนนี้สายตาของภคพลจับจ้องพราวพิ้งค์และชายหนุ่มที่นั่งคุยกันอยู่ไกลๆไม่วางจนโนแอลต้องหันมาสะกิดน้องชายเพราะดูจะทำเสียมารยาทกับแขกในงานพอสมควร
“เปล่าครับ..แค่อยากรู้ว่าสองคนนั้นใคร”
“นั่นพ่อเลี้ยงคีรินเจ้าของไร่ข้างๆไร่อาแดนส่วนผู้หญิงเห็นอาแดนบอกเป็นคนทำบัญชีในไร่เพื่อนสนิทคุณฝัน..อยากรู้อะไรอีกหรือเปล่า”
“เอ่อ..แล้วสองคนนั้นเป็นอะไรกันเหรอครับดูสนิทสนมกันจังเลย”
“พี่ก็ไม่รู้..แต่ที่รู้คือนายสนใจพวกเค้าเป็นพิเศษ”
โนแอลเริ่มรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของน้องชาย
“เปล่าครับ..ก็..ไม่ได้สนใจขนาดนั้น”
ภคพลรีบส่ายหัวทำเป็นไม่สนใจเรื่องของสองคนนั้นแต่ท่าทีที่พยายามทำเป็นไม่สนใจทำให้โนแอลดูรู้ในปราดเดียวว่าน้องของเขาต้องมีประเด็นอะไรกับหนึ่งในสองคนนี้แน่นอนครั้นจะถามก็คงไม่ได้คำตอบจึงวางเฉยเอาไว้ก่อน
ทางด้านพราวพิ้งค์ตอนนี้นั่งเกร็งเนื้อตัวรวมถึงใบหน้าชาวาบเมื่อคนตรงที่กำลังนั่งไหว้พระอยู่ฝั่งตรงข้ามคือชายหนุ่มที่เธอภาวนาว่าอย่าได้เจอเขาตั้งแต่เมื่อเช้าแต่เห็นทีคำร้องของในใจของเธอคงจะไม่ได้ผลเพราะภคพลยังคงส่งสายตาที่เดาอารมณ์ไม่ออกมายังเธอเป็นระยะ
“คุณพิ้งค์เป็นอะไรหรือเปล่าครับดูหน้าซีดไปหรือว่าจะเป็นลม”
หลังจากที่พระสวดเสร็จแล้วคีรินจึงเริ่มเอ่ยทักพราวพิ้งค์เพราะเห็นเธอมีสีหน้าไม่สู้ดีนักมาครู่ใหญ่แล้ว
“เอ่อ..ฉันนอนน้อยน่ะค่ะ..”
“เดี๋ยวผมไปน้ำหวานๆมาให้ดื่มนะครับ”
“ขอบคุณนะคะ”
คีรินรีบลุกออกจากเก้าอี้ตามผู้คนที่กำลังทยอยลุกกันไปยืดเส้นยืดสายหลังจากที่พ่อเลี้ยงหนุ่มลุกออกไปได้พราวพิ้งค์ก็ยังเห็นว่าภคพลยังคงนั่งจับจ้องมายังเธอไม่วางหญิงสาวจำต้องรีบลุกหนีจากตรงนี้ไป
ตลอดงานทั้งงานพราวพิ้งค์ไม่ค่อยมีรอยยิ้มเท่าไรนักเพราะรู้สึกอึดอัดกับสายตาของภคพลที่เอาแต่จับจ้องเธอตลอดเวลาก็ว่าได้ในส่วนของภคพลเมื่อได้รู้จากคนในงานว่าเด็กหญิงตัวกลมวัยสองขวบที่หน้าตาออกไปทางลูกครึ่งนั้นเป็นลูกสาวของพราวพิ้งค์เขาก็ยิ่งเกิดความสงสัยเพราะมองยังไงหน้าตาของเจ้าก้อนกลมที่วิ่งเล่นหัวเราะร่าอยู่ในงานหน้าตาเหมือนกับเขาไม่มีผิดเพี้ยน“ดีจ่ะ..”ยัยหนูพลอยขวัญวิ่งเล่นที่ระเบียงหน้าบ้านจนเหนื่อยแล้วมาหยุดอยู่ตรงหน้าภคพลยกมือป้อมสวัสดีคนตรงหน้าตามมารยาทที่คนเป็นแม่ได้สอน ชายหนุ่มหลี่ตามองเด็กหญิงที่ยืนเงยหน้ามองเขาตาแป๋วยิ่งมองใกล้เท่าไรยิ่งมั่นใจว่าอย่างไรเด็กคนนี้ก็ต้องมีเชื้อต่างชาติด้วยเพราะตาสีฟ้าเช่นเดียวกับเขาสีผมก็ยังเหมือนกันอีกด้วย“ไง..เจ้าแก้มย้วย”ภคพลย่อตัวลงยื่นมือหนาลูบพวงแก้มย้วยๆทั้งมองเด็กหญิงด้วยท่าทีเอ็นดูลึกๆแล้วยังมั่นใจว่าอย่างไรเด็กหญิงตรงหน้าคงเป็นลูกของตนแต่ก็ต้องถามกับพราวพิ้งค์ให้แน่ใจเสียก่อนว่าเธอจะตอบเขาว่าอย่างไร“อุ้ม..”ยัยหนูพลอยขวัญทิ้งก้นนั่งลงกับพื้นพร้อมยื่นแขนออกสองข้างหมายจะให้คนตรงหน้าอุ้มเพราะวิ่งจนเหนื่อยมากแล้ว“หมดแรงวิ่งแล้วเหรอ”
ทางด้านพราวพิ้งค์เมื่อขอตัวจากทุกคนได้ก็อุ้มเจ้าตัวกลมที่กำลังหลับมาที่ลานจอดรถใต้ต้นไม่ใหญ่หญิงสาววางลูกน้อยลงที่คาร์ซีทได้ร่างของเธอก็ถูกภคพลดึงจนตัวปลิว“ผมขอคุยด้วยหน่อย”“เราไม่มีอะไรต้องคุยกันนะคะ”พราวพิ้งค์ที่ยังคงไม่พอใจชายหนุ่มเมื่อครู่รวมถึงพฤติกรรมที่เขาทำกับเธอตอนนี้จึงส่งเสียงแข็งตอบกลับชายหนุ่มด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์และพยายามแกะมือหนาของเขาออกจากแขนแต่ก็ทำได้ยาก“เด็กคนนั้นเป็นลูกผมใช่หรือเปล่า”ภคพลเปรยสายตาไปในรถยังเจ้าก้อนกลมที่กำลังหลับ พราวพิ้งค์นิ่งงันตัวชาวาบคำถามของภคพลทำให้เธอเริ่มใจเต้นไม่เป็นส่ำเหงื่อเม็ดเล็กเริ่มไหลซิกที่หน้าผากเพราะไม่นึกไม่ฝันว่าจะต้องมาตอบคำถามอะไรเช่นนี้“ฉันจะไปมีลูกกับคุณได้ยังไงคะในเมื่อคุณก็เป็นคนพูดเองว่าไม่ต้องการให้มีอะไรผูกมัดกับคนที่เป็นแค่คู่นอน”คำที่ชายหนุ่มเคยพูดกับเธอในตอนที่ให้เธอเป็นเพียงคู่นอนพราวพิ้งค์ยังจำมันได้ดีจึงอยากให้เขาเข้าใจว่าเธอไม่ได้ผิดสัญญาแม้แต่น้อย“แล้วลูกคุณกับใคร...หรือออกจากชีวิตผมไปแล้วคุณก็ไปนอนกับคนอื่นอีก”คำพูดของภคพลทำให้หญิงสาวที่รู้สึกไม่พอใจในตัวเขาอยู่แล้วยิ่งทวีคูณโทสะนั้นเพิ่มขึ้นไปอีก“ค่ะ..
“ทำไมต้องหาแต่เรื่องฮะ...ไอ้นิสัยใจร้อนโผงผางเมื่อไรจะเลิกซะที..แล้วนี่ยังไปลวนลามคนอื่นไม่เลือกหน้า..งามหน้าไหมล่ะ”ภูริชยืนเท้าเอวบ่นภคพลอุกเพราะเขารับรู้พฤติกรรมไร้มารยาทของลูกชายคนเล็กมานานแล้วคิดว่าโตขึ้นแล้วจะคิดได้กลับหนักกว่าเดิม“บ่นพอหรือยังครับ.. ผมขอตัวไปทำแผลก่อนนะครับ”ภคพลมองจ้องไปยังคนเป็นพ่อด้วยท่าทีที่ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรก่อนจะเดินหนีหลังจากที่พ่อตนนั้นพูดจบเพราะไม่อยากจะฟังคำต่อว่าอะไรต่ออีก“ฉันจะทำยังไงกับมันดี..เห็นทีต้องดัดไม้แก่กันก็คราวนี้”ภูริชหันมาหาโนแอลไม่รู้ว่าเขาเลี้ยงลูกผิดตั้งแต่เมื่อไรโตมามีการมีงานทำถึงได้นิสัยเสียมากเข้าทุกวี่ทุกวัน“ใจเย็นๆครับคุณพ่อ”โนแอลรู้ว่าน้องชายตนนั้นมีอำนาจในมือล้นเหลือจนเคยตัวเขาต้องเป็นหัวหน้าคนมากมายจึงทำให้ค่อนข้างติดนิสัยเผด็จการมากพอสมควรแต่ก็ยังมองไม่ออกเหมือนกันว่าจะขจัดนิสัยนี้ของน้องตัวเองได้อย่างไรไม่ใช่แค่ภคพลคนเดียวที่มีนิสัยเช่นนี้แต่นาดีลก็เป็นเช่นกันดึกมากแล้วสาวร่างเล็กในชุดนอนสายเดี่ยวซาตินสีชมพูสั้นเลยเข่ายังคงกอดอกเดินไปมาในห้องนอนครุ่นคิดถึงคำถามของภคพลเมื่อกลางวันอยู่ไม่วาง ไม่แปลกที่เขาจะคิดว่ายัยหน
เช้าวันต่อมาไร่เหมวัตวันนี้มีเรื่องให้ภูริชต้องปวดหัวอีกแต่เช้าเมื่อได้รับข่าวจากเลฟคู่ค้าคนสำคัญว่าลูกชายของเขาส่งคนไปทำร้ายอิกอร์น้องชายของเลฟจนบาดเจ็บสาหัสเพียะมือหนาฟาดเข้าแก้มซ้ายของลูกชายคนเล็กเต็มแรงจนหน้าหันด้วยความโมโหน้อยครั้งนักที่เขาจะลงมือกับลูกแบบนี้ภคพลน้ำตาคลอเขาไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดที่ใบหน้าของเขาแม้แต่น้อยแต่กลับเป็นที่ใจมากกว่าที่ถูกคนเป็นพ่อตบตีด่าทอทั้งที่เขาเป็นฝ่ายที่ถูกอิกอร์กระทำก่อน“ทำอะไรไม่รู้จักคิดดีที่เลฟไม่เอาเรื่องอะไร”ภูริชตวาดเสียงฝาดเพราะดีแค่ไหนที่เขาคุยกับเลฟจนเขาอารมณ์เย็นลงและเข้าใจว่าอิกอร์ทำภคพลก่อนได้ไม่เช่นนั้นภคพลเองจะตกอยู่ในอันตรายซึ่งเขาก็ไม่สามารถที่จะปกป้องลูกได้ตลอดเวลาแม้นจะมีอำนาจมากพอกับเลฟก็เถอะ“แต่อิกอร์ทำผมก่อนนะครับ”ภคพลเอ่ยตอกกลับคนเป็นพ่อเสียงสั่นโมโหเหลือเกินที่พ่อของเขาไม่มีทีท่าจะปกป้องเขาแม้แต่น้อย“ฉันรู้.. แต่ทำไมไม่รู้จักใช้ปัญญาแก้ปัญหาทำไมชอบใช้แต่กำลัง”“ที่คุณพ่อโกรธขนาดนี้เป็นเพราะเลฟเป็นคู่ค้าคนสำคัญใช่หรือเปล่าครับ”“พอลหยุด..คุณพ่อไม่เคยคิดเห็นคนอื่นดีกว่าคนในครอบครัว”โนแอลที่ยืนเงียบในสถานการณ์ที่ไม่ค่อ
“คุณพิ้งค์”“อ่อ..ครับ..แล้วเธอดูแลทุกเรื่องเลยหรือเปล่าครับ”เห็นจะมีเรื่องนี้ที่ทำให้ที่นี่น่าอยู่สำหรับเขาขึ้นมาหน่อย“ก็..ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกเธอได้ตลอด”“ครับคุณอา..”“แล้วอย่าทำเรื่องอะไรที่มันงามหน้ามาถึงฉันด้วยล่ะ”ภูริชต้องพูดดักลูกชายตัวดีของเขาไว้ก่อนเพราะไม่อยากจะรับรู้รับฟังว่าภคพลมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับใครหรือทำเรื่องเสียหายกับผู้หญิงอีก“ค้าบบ..คุณพ่อ”วันต่อมาในเวลาใกล้ที่จะโพล้เพล้หลังจากที่ภูริชกลับกรุงเทพพร้อมโนแอลและแดนไทยเดินทางไปฮันนีมูนกับปลายฝันสมหมายชายวัยเกือบห้าสิบผู้จัดการไร่ส้มในไร่ของเหมวัตก็ขับรถมาส่งภคพลที่กระท่อมเล็กท้ายไร่แม้นที่นี่จะเรียกว่ากระท่อมแต่มันก็ถือว่าใช้กินใช้อยู่ได้สะดวกพอสมควรเพราะกระท่อมริมธารน้ำตกท้ายไร่เหมวัตเป็นกระท่อมยกพื้นสูงชานระเบียงกว้างหลังคากระเบื้องแข็งแรงเรียกว่าบ้านหลังเล็กก็ยังได้ตัวเรือนทำด้วยไม้แผ่นใหญ่ฝาผนังด้านข้างเป็นไม้ไผ่สานหากภคพลเดาไม่ผิดโครงสร้างคงเป็นไม้สักด้านข้างเป็นครัวที่มีอุปกรณ์ครบครันมีไฟฟ้าเข้าถึงเรียบร้อยเดาว่าอาของเขาคงให้คนจัดเตรียมเอาไว้ให้ด้านในกระท่อมมีห้องนอนที่ไม่ใหญ่มากนักกั้นด้วยไผ่สานแยกจา
ช่วงสายวันต่อมา“คุณพิ้งค์..ยัยหนูไปไหนแล้วล่ะครับ”คีรินเข้ามาทำธุระที่ไร่เหมวัตเขาจึงแวะเข้ามาหาพราวพิ้งค์ที่สำนักงานหลังจากที่รู้จากคนงานในไร่ว่าเธอมาทำบัญชีที่นี่วันนี้“ฟองจันทร์พาไปเล่นที่บ้านค่ะ”“ผมซื้อบัวลอยของป้าสายหยุดมาฝากครับ”พ่อเลี้ยงหนุ่มวางถุงบัวลอยบนโต๊ะทำงานของพราวพิ้งค์ก่อนจะหย่อนก้นลงนั่งตรงข้ามกับหญิงสาวคนในสำนักงานต่างก็มองมายังทั้งสองพรางอมยิ้มเพราะรู้ดีว่าคีรินนั้นตามจีบพราวพิ้งค์มานานแล้วแม่คุณก็ไม่ยอมใจอ่อนตกลงปลงใจกับคีรินเสียทีพวกเขาก็ได้แต่แอบเชียร์อยู่ห่างๆ“ขอบคุณนะคะ..รู้ได้ไงคะว่าพิ้งค์อยู่ที่นี่”“พี่มิ่งบอกครับ..แล้วทำไมวันนี้คุณพิ้งค์มาทำงานที่นี่ได้ปกติเห็นอยู่ที่บ้าน”คีรินต้องขอบคุณมิ่งหล้าคนดูแลโรงบ่มไวน์ที่ใจดีบอกกับเขาเมื่อเช้าว่าพราวพิ้งค์อยู่ในสำนักงาน“ปลายกับพ่อเลี้ยงไม่อยู่พิ้งค์ต้องมาที่นี่บ่อยน่ะค่ะ”Rrrrr“พิ้งค์รับโทรศัพท์แปปนะคะ”พราวพิ้งค์หันมายิ้มกับพ่อเลี้ยงหนุ่มก่อนจะก้มหยิบมือถือในกระเป๋ากางเกง“ค่ะลุงสม.. ค่ะๆเดี๋ยวพิ้งค์จะรีบไปดูเค้านะคะ”พราวพิ้งค์รู้เรื่องไม่ค่อยดีนักจากปลายสายเธอเริ่มหน้าเสียเมื่อวางสายได้ก็รีบรนรานลุกออกจ
เวลาเกือบโพล้เพล้หลังจากที่พราวพิ้งค์ได้ยาตามที่สั่งกับสมหมายสองแม่ลูกขับรถเก๋งเข้ามาจอดใกล้ๆกับทางเข้ากระท่อมริมธารน้ำตกหญิงสาวอุ้มลูกวัยสองขวบพร้อมกระเป๋านมพะลุงพะลังเข้ามาบนชานกระท่อมยัยหนูพลอยขวัญดูท่าจะตื่นเต้นกับสถานที่แปลกใหม่ที่ได้มาพอสมควรดวงตากลมโตกวาดมองรอบๆด้วยท่าทีสงสัยปนตื่นเต้นแต่ยังคงนิ่งเงียบไม่ส่งเสียงรบกวนอะไรคนเป็นแม่“คุณพอลคะ”พราวพิ้งค์ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูกระท่อมของภคพลเธอเรียกหาชายหนุ่มเสียงดังแต่ไม่ยักจะมีใครเปิดประตู“ปอออ..”เด็กหญิงเอ่ยขานตามคำสุดท้ายของคนเป็นแม่เสียงดังแต่ประตูห้องก็ยังไม่ขยับพราวพิ้งค์จึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป“คุณพอล”พราวพิ้งค์เอ่ยเสียงเรียกภคพลอีกรอบเมื่อเข้ามาในห้องโถงของกระท่อมไม่นานนักคนในห้องนอนก็เปิดประตูออกมาจากห้องนอนท่าทางของภคพลไม่ค่อยดูดีเท่าไรนักพราวพิ้งค์จึงรับรู้ได้ทันทีว่าเขาน่าจะไข้ขึ้น“คิดถึงผมเหรอ”คนตัวโตที่ยืนหน้าซีดเผือดยังมีแก่ใจเอ่ยหยอกหญิงสาวที่กระเตงเจ้าก้อนกลมเข้ามาหาเขาถึงที่นี่“แอ้..”มือป้อมยกชี้หน้าภคพลพร้อมส่งเสียงใสเอ่ยทักคนตรงหน้าด้วยรอยยิ้มกว้างเพราะจำได้ว่าเคยเจอกัน“ไง..เจ้าแก้มย้วย”มือหยายกหมาย
พราวพิ้งค์เสร็จจากธุระในห้องน้ำได้เธอก็รีบกลับเข้ามาในห้องนอนของภคพลหญิงสาวค่อนข้างเบาใจเมื่อเห็นชายหนุ่มหลับลงที่ฟูกนอนข้างเตียงไปได้จะได้ไม่ต้องมีบทสนทนากันให้เธอรู้สึกอึดอัดหากมีบางคำถามที่เธอไม่อยากจะตอบครั้นเมื่อจะลงนอนบนเตียงข้างๆลูกสาวพราวพิ้งค์ก็อดไม่ได้ที่จะผุดลุกลงมาจากเตียงอีกครั้งมานั่งลงวาดหลังมืออังหน้าผากของภคพลอีกรอบเพื่อดูว่าไข้ของเขาลดหรือยังหลังจากทานยาไปร่วมชั่วโมงแล้วหญิงสาวพอจะยกยิ้มมุมปากได้เพราะตัวของชายหนุ่มไม่ร้อนเท่าตอนที่เธอมาเจอคราแรกจึงหมายจะลุกกลับไปนอนบนเตียงแต่ร่างของเธอก็ถูกคนตัวโตรวบดึงไปนอนกอดเสียก่อน“คุณพอล..ปล่อยค่ะ”คิ้วบางได้รูปขมวดขึ้นผูกโบดวงตากลมโตจ้องมองค้อนใบหน้าคมที่อยู่ห่างจากสายตาไม่ถึงคืบความเจ้าเล่ห์ของภคพลไม่มีใครเกินเลยจริงๆ“ขอนอนกอดคุณไม่ได้หรือไงทำอย่างกับเราไม่เคยนอนด้วยกัน”เสียงแหบพร่าก่ายกระซิบข้างใบหน้านวลทั้งจ้องมองใบหน้าที่คุ้นเคยไม่วางตา“นั่นมันอดีตค่ะ..ปล่อย”พราวพิ้งค์ไม่กล้าที่จะโวยวายอะไรมากเพราะกลัวว่ายัยหนูพลอยขวัญจะตื่นหากเป็นสถานการณ์อื่นภคพลคงถูกเธอดุเสียงแข็งไปแล้ว“ไม่...หนีผมมาทำไม”ชายหนุ่มยังรัดร่างบางแน