“คุณพิ้งค์”
“อ่อ..ครับ..แล้วเธอดูแลทุกเรื่องเลยหรือเปล่าครับ”
เห็นจะมีเรื่องนี้ที่ทำให้ที่นี่น่าอยู่สำหรับเขาขึ้นมาหน่อย
“ก็..ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกเธอได้ตลอด”
“ครับคุณอา..”
“แล้วอย่าทำเรื่องอะไรที่มันงามหน้ามาถึงฉันด้วยล่ะ”
ภูริชต้องพูดดักลูกชายตัวดีของเขาไว้ก่อนเพราะไม่อยากจะรับรู้รับฟังว่าภคพลมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับใครหรือทำเรื่องเสียหายกับผู้หญิงอีก
“ค้าบบ..คุณพ่อ”
วันต่อมาในเวลาใกล้ที่จะโพล้เพล้หลังจากที่ภูริชกลับกรุงเทพพร้อมโนแอลและแดนไทยเดินทางไปฮันนีมูนกับปลายฝันสมหมายชายวัยเกือบห้าสิบผู้จัดการไร่ส้มในไร่ของเหมวัตก็ขับรถมาส่งภคพลที่กระท่อมเล็กท้ายไร่แม้นที่นี่จะเรียกว่ากระท่อมแต่มันก็ถือว่าใช้กินใช้อยู่ได้สะดวกพอสมควร
เพราะกระท่อมริมธารน้ำตกท้ายไร่เหมวัตเป็นกระท่อมยกพื้นสูงชานระเบียงกว้างหลังคากระเบื้องแข็งแรงเรียกว่าบ้านหลังเล็กก็ยังได้
ตัวเรือนทำด้วยไม้แผ่นใหญ่ฝาผนังด้านข้างเป็นไม้ไผ่สานหากภคพลเดาไม่ผิดโครงสร้างคงเป็นไม้สักด้านข้างเป็นครัวที่มีอุปกรณ์ครบครันมีไฟฟ้าเข้าถึงเรียบร้อยเดาว่าอาของเขาคงให้คนจัดเตรียมเอาไว้ให้
ด้านในกระท่อมมีห้องนอนที่ไม่ใหญ่มากนักกั้นด้วยไผ่สานแยกจากห้องโถงพร้อมเตียงนอนขนาดสามฟุตนุ่มสบายและมีตู้เล็กๆที่เก็บหมอนและฟูกนอนซึ่งน่าจะเป็นของเก่าที่อยู่ที่นี่ก่อนที่จะมีเตียงสิ่งอำนวยความสะดวกพวกนี้คงเป็นฝีมืออาของเขาอีกเหมือนกันนับว่าอาของตนยังมีแก่ใจสงสารเขาอยู่บ้าง
ในส่วนของห้องน้ำสะอาดสะอ้านเป็นอย่างดีไม่สะดวกก็ตรงมันตั้งอยู่หลังกระท่อมจะใช้ก็ต้องเดินลงจากกระท่อมออกไปด้านหน้ากระท่อมเป็นพื้นดินลานกว้างสองข้างทางมีกอไผ่ใหญ่ปกคลุมค่อนข้างร่มรื่นน่าอยู่สำหรับคนรักความสงบแต่ไม่ใช่กับเขา
“อีกเดี๋ยวผมจะให้ต้นกล้าลูกชายเอามอเตอร์ไซต์มาให้นะครับคุณพอล”
สมหมายหิ้วกระเป๋าเป้ของภคพลมาวางที่หน้ากระท่อมก่อนจะหันมาบอกชายหนุ่มที่กำลังเดินสำรวจรอบบ้านให้ได้รู้ว่าอีกสักพักลูกชายของเขาจะเอามอเตอร์ไซต์มาส่งให้ที่นี่
“มอเตอร์ไซต์.. เอามาทำไมครับ”
คิ้วหนาของภคพลเริ่มขมวดเข้าหากัน
“หนูพิ้งค์บอกว่าให้เอามาให้คุณพอลไว้ขับไปทำงานครับ”
“ไม่มีรถยนต์เหรอครับผมไม่เคยขับมอเตอร์ไซต์”
“ไม่มีครับรถกระบะของไร่ต้องใช้ขนของทุกคัน”
สมหมายส่ายหัวเพราะที่นี่มีรถใช้จำกัดจะเอามาให้ใครเก็บไว้ใช้ส่วนตัวไม่ได้
“...มีอีกทางเลือกที่หนูพิ้งค์บอกมาคือจักรยานครับ...แต่ถ้าคุณพอลมาเองไม่ได้จริงๆโทรบอกลุงนะครับเดี๋ยวลุงมารับ”
“เอามอเตอร์ไซต์มาให้ผมก็ได้ครับ”
ภคพลเม้มริมฝีปากแน่นเขารู้ว่าพราวพิ้งค์รู้จักตัวเขาดีทุกอย่างที่เธอจำกัดพาหนะให้เขาก็เพราะต้องการแกล้งกันมากกว่ามีหรือเขาจะยอมให้เธอหัวเราะเยาะง่ายๆอีแค่มอเตอร์ไซต์อีกหน่อยเดี๋ยวเขาก็ขับเป็น
“ครับ.. ส่วนเรื่องอาหารของคุณพอล..หนูพิ้งค์บอกว่าจะได้วันต่อวันไปรับได้ที่โรงครัวนะครับ”
“หืม..”
เป็นอีกเรื่องที่ภคพลนั้นต้องอารมณ์เสีย
“ส่วนวันนี้พ่อเลี้ยงให้คนเอาปิ่นโตมาไว้ให้แล้วอยู่ในครัวคุณพอลกินข้าวเย็นได้เลยครับ..นี่ก็จะเย็นแล้วยังไงผมขอตัวก่อน”
หลังจากสมหมายกลับไปได้ชายหนุ่มร่างสูงก็แบกเป้เข้าไปในห้องนอนนั่งนึกถึงหน้าพราวพิ้งค์เขาคิดว่าเธอคงอมยิ้มไม่หุบแน่เมื่อรู้ว่าเขามาอยู่ในที่ลำบากเช่นนี้
“พราวพิ้งค์..”
ตอนนี้ภคพลจะถือว่าหญิงสาวกำลังอยู่เหนือกว่าอะไรที่เขายอมได้จะยอมไปก่อนแต่หากถึงทีเขาเมื่อไรแม่กวางตัวเล็กได้ถูกเสือเช่นเขาขย้ำแน่
“เห็นพ่อผมว่าคุณพอลขับมอเตอร์ไซต์ไม่เป็นไม่หากระบะให้เขาขับเหรอครับพี่พิ้งค์”
ต้นกล้าลูกชายคนเล็กของสมหมายเด็กชายวัยสิบแปดขับกระบะคันเก่าของพ่อมาหาพราวพิ้งค์ที่บ้านพร้อมกับเตชินเพื่อนของเขาเพื่อมาเอามอเตอร์ไซต์มีเกียร์คันเก่าไปส่งให้กับภคพลท้ายไร่
“เค้าขับไม่เป็นก็ต้องให้เค้าฝึก.. ไม่อย่างนั้นก็บอกเค้าว่าเดินมาทำงาน”
“ครับพี่พิ้งค์”
ต้นกล้ารับคำสั่งของพราวพิ้งค์ได้เขาก็ช่วยกันยกมอเตอร์ไซต์ขึ้นหลังกระบะกับเตชินและขับรถกลับไปที่ไร่เหมวัตเพื่อไปส่งมอเตอร์ไซต์ให้ภคพลที่ท้ายไร่
“ไม่มีแบบที่มันใหม่กว่านี้หรือเกียร์ออโต้หรอกล้า”
ภคพลเห็นสภาพรถมอเตอร์ไซต์ที่มาส่งได้เขาก็ปวดหัวหนึบนึกว่าสภาพมันจะดีกว่านี้และหากเป็นเกียร์ออโต้เขาคิดว่ามันคงจะฝึกขับง่ายขึ้นมากแต่สภาพรถที่ได้มามันไม่ใช่เลย
“ไม่มีครับคุณพอลคนที่นี่ใช้มอเตอร์ไซต์มีเกียร์เข้าไร่เข้าสวนกันทั้งนั้นพวกรถเกียร์ออโต้มันลงหลุมลงบ่อจะพังง่ายครับ”
ต้นกล้าและเตชินที่นั่งอยู่ท้ายกระบะต่างก็ส่ายหัวตามๆกันเพราะคนในไร่ในสวนส่วนมากจะใช้รถที่มีเกียร์กันทั้งนั้น
“สอนฉันขับหน่อยสิฉันขับไม่เป็น”
“ได้ครับ.. คร่าวๆนะครับผมกับเพื่อนต้องรีบกลับไปทำรายงานส่งอาจารย์”
“..โอเค”
หลังจากที่เตชินและต้นกล้าช่วยกันสอนภคพลให้รู้จักกับมอเตอร์ไซต์คันเก่าเสียงดังนี้มากขึ้นไม่นานนักชายหนุ่มก็ขอลองขับเองโดยมีสองเด็กหนุ่มคอยยืนมองอยู่ตลอด
“เฮ้อ..ขับรถลากเกียร์แบบนั้น..ดูท่าคุณพอลเค้าจะขับให้พังเป็นเกียร์ๆไปเหรอวะกล้า”
เตชินยืนกอดอกขมวดคิ้วมองหน้าต้นกล้าเพราะเห็นว่าภคพลไม่ยอมใส่เกียร์อื่นเสียทีหลังจากขับวนหน้าลานกระท่อมมาสองสามรอบ
“เฮ้ย..นั่น”
ต้อนกล้าที่กำลังหันกลับไปมองเพื่อที่จะบอกให้ภคพลนั้นลองเปลี่ยนเกียร์แต่ภาพตรงหน้าก็ทำให้เด็กหนุ่มทั้งสองหน้าเสียเพราะภคพลนั้นล้มไปกองอยู่กับพื้นเรียบร้อยแล้ว
ช่วงหัวค่ำหลังจากภคพลนั้นทานข้าวอาบน้ำเรียบร้อยแล้วเขาก็มายืนกอดอกพิงเสาหน้ากระท่อมจ้องมองดูมอเตอร์ไซต์คันเก่าด้วยสีหน้าหนักใจ
“ฉันไม่ยอมแพ้กับแกง่ายๆหรอก”
ร่างสูงเดินลงจากกระท่อมอีกรอบสตาร์ทรถด้วยการกระทืบเมื่อเครื่องติดได้เขาก็เข้าเกียร์ก่อนจะเริ่มบิดคันเร่งให้ตัวรถพุ่งไปข้างหน้า
บรื่นน.. อืดดด.. แอ่ด แอ่ด แอ่ด
ชายหนุ่มขับวนด้วยเกียร์หนึ่งอยู่ไม่ถึงรอบเมื่อทำท่าจะล้มเขาก็ต้องกลับมาจอดรถมอเตอร์ไซต์คันเก่าที่เสียงดังจนแสบแก้วหูนี้เอาไว้ดังเดิม
“พรุ่งนี้ฉันจะทำให้ได้”
เมื่อจอดรถได้ก็ยืนชี้มือหนาพูดกับรถด้วยท่าทีขึงขังก่อนจะสาวเท้ากลับเข้าไปในกระท่อมด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์
ช่วงสายวันต่อมา“คุณพิ้งค์..ยัยหนูไปไหนแล้วล่ะครับ”คีรินเข้ามาทำธุระที่ไร่เหมวัตเขาจึงแวะเข้ามาหาพราวพิ้งค์ที่สำนักงานหลังจากที่รู้จากคนงานในไร่ว่าเธอมาทำบัญชีที่นี่วันนี้“ฟองจันทร์พาไปเล่นที่บ้านค่ะ”“ผมซื้อบัวลอยของป้าสายหยุดมาฝากครับ”พ่อเลี้ยงหนุ่มวางถุงบัวลอยบนโต๊ะทำงานของพราวพิ้งค์ก่อนจะหย่อนก้นลงนั่งตรงข้ามกับหญิงสาวคนในสำนักงานต่างก็มองมายังทั้งสองพรางอมยิ้มเพราะรู้ดีว่าคีรินนั้นตามจีบพราวพิ้งค์มานานแล้วแม่คุณก็ไม่ยอมใจอ่อนตกลงปลงใจกับคีรินเสียทีพวกเขาก็ได้แต่แอบเชียร์อยู่ห่างๆ“ขอบคุณนะคะ..รู้ได้ไงคะว่าพิ้งค์อยู่ที่นี่”“พี่มิ่งบอกครับ..แล้วทำไมวันนี้คุณพิ้งค์มาทำงานที่นี่ได้ปกติเห็นอยู่ที่บ้าน”คีรินต้องขอบคุณมิ่งหล้าคนดูแลโรงบ่มไวน์ที่ใจดีบอกกับเขาเมื่อเช้าว่าพราวพิ้งค์อยู่ในสำนักงาน“ปลายกับพ่อเลี้ยงไม่อยู่พิ้งค์ต้องมาที่นี่บ่อยน่ะค่ะ”Rrrrr“พิ้งค์รับโทรศัพท์แปปนะคะ”พราวพิ้งค์หันมายิ้มกับพ่อเลี้ยงหนุ่มก่อนจะก้มหยิบมือถือในกระเป๋ากางเกง“ค่ะลุงสม.. ค่ะๆเดี๋ยวพิ้งค์จะรีบไปดูเค้านะคะ”พราวพิ้งค์รู้เรื่องไม่ค่อยดีนักจากปลายสายเธอเริ่มหน้าเสียเมื่อวางสายได้ก็รีบรนรานลุกออกจ
เวลาเกือบโพล้เพล้หลังจากที่พราวพิ้งค์ได้ยาตามที่สั่งกับสมหมายสองแม่ลูกขับรถเก๋งเข้ามาจอดใกล้ๆกับทางเข้ากระท่อมริมธารน้ำตกหญิงสาวอุ้มลูกวัยสองขวบพร้อมกระเป๋านมพะลุงพะลังเข้ามาบนชานกระท่อมยัยหนูพลอยขวัญดูท่าจะตื่นเต้นกับสถานที่แปลกใหม่ที่ได้มาพอสมควรดวงตากลมโตกวาดมองรอบๆด้วยท่าทีสงสัยปนตื่นเต้นแต่ยังคงนิ่งเงียบไม่ส่งเสียงรบกวนอะไรคนเป็นแม่“คุณพอลคะ”พราวพิ้งค์ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูกระท่อมของภคพลเธอเรียกหาชายหนุ่มเสียงดังแต่ไม่ยักจะมีใครเปิดประตู“ปอออ..”เด็กหญิงเอ่ยขานตามคำสุดท้ายของคนเป็นแม่เสียงดังแต่ประตูห้องก็ยังไม่ขยับพราวพิ้งค์จึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป“คุณพอล”พราวพิ้งค์เอ่ยเสียงเรียกภคพลอีกรอบเมื่อเข้ามาในห้องโถงของกระท่อมไม่นานนักคนในห้องนอนก็เปิดประตูออกมาจากห้องนอนท่าทางของภคพลไม่ค่อยดูดีเท่าไรนักพราวพิ้งค์จึงรับรู้ได้ทันทีว่าเขาน่าจะไข้ขึ้น“คิดถึงผมเหรอ”คนตัวโตที่ยืนหน้าซีดเผือดยังมีแก่ใจเอ่ยหยอกหญิงสาวที่กระเตงเจ้าก้อนกลมเข้ามาหาเขาถึงที่นี่“แอ้..”มือป้อมยกชี้หน้าภคพลพร้อมส่งเสียงใสเอ่ยทักคนตรงหน้าด้วยรอยยิ้มกว้างเพราะจำได้ว่าเคยเจอกัน“ไง..เจ้าแก้มย้วย”มือหยายกหมาย
พราวพิ้งค์เสร็จจากธุระในห้องน้ำได้เธอก็รีบกลับเข้ามาในห้องนอนของภคพลหญิงสาวค่อนข้างเบาใจเมื่อเห็นชายหนุ่มหลับลงที่ฟูกนอนข้างเตียงไปได้จะได้ไม่ต้องมีบทสนทนากันให้เธอรู้สึกอึดอัดหากมีบางคำถามที่เธอไม่อยากจะตอบครั้นเมื่อจะลงนอนบนเตียงข้างๆลูกสาวพราวพิ้งค์ก็อดไม่ได้ที่จะผุดลุกลงมาจากเตียงอีกครั้งมานั่งลงวาดหลังมืออังหน้าผากของภคพลอีกรอบเพื่อดูว่าไข้ของเขาลดหรือยังหลังจากทานยาไปร่วมชั่วโมงแล้วหญิงสาวพอจะยกยิ้มมุมปากได้เพราะตัวของชายหนุ่มไม่ร้อนเท่าตอนที่เธอมาเจอคราแรกจึงหมายจะลุกกลับไปนอนบนเตียงแต่ร่างของเธอก็ถูกคนตัวโตรวบดึงไปนอนกอดเสียก่อน“คุณพอล..ปล่อยค่ะ”คิ้วบางได้รูปขมวดขึ้นผูกโบดวงตากลมโตจ้องมองค้อนใบหน้าคมที่อยู่ห่างจากสายตาไม่ถึงคืบความเจ้าเล่ห์ของภคพลไม่มีใครเกินเลยจริงๆ“ขอนอนกอดคุณไม่ได้หรือไงทำอย่างกับเราไม่เคยนอนด้วยกัน”เสียงแหบพร่าก่ายกระซิบข้างใบหน้านวลทั้งจ้องมองใบหน้าที่คุ้นเคยไม่วางตา“นั่นมันอดีตค่ะ..ปล่อย”พราวพิ้งค์ไม่กล้าที่จะโวยวายอะไรมากเพราะกลัวว่ายัยหนูพลอยขวัญจะตื่นหากเป็นสถานการณ์อื่นภคพลคงถูกเธอดุเสียงแข็งไปแล้ว“ไม่...หนีผมมาทำไม”ชายหนุ่มยังรัดร่างบางแน
ทางด้านในโรงอาหารที่ไร่ช่วงกลางวันผู้คนต่างจับกลุ่มกันพูดถึงเรื่องที่ลำเพยได้รับรู้มาบางคนที่สนใจเรื่องชาวบ้านก็จะพูดต่อปากต่อคำกันแต่บางคนที่สนใจแต่งานก็ทำเป็นไม่รับไม่รู้เรื่องของคนอื่นแต่เห็นประเภทไม่อยากรู้จะมีแค่ส่วนน้อยเท่านั้นเพราะการติฉินนินทาของชาวบ้านชนบทเหมือนจะมองกันเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วทั้งที่มันไม่ควรจะเป็นเช่นนั้นเลย“อยู่ด้วยกันทั้งคืนเลยเหรอ”ลำเพยไม่เพียงแค่พูดในโรงอาหารเท่านั้นแต่รามมาถึงขณะที่มาทำความสะอาดที่สำนักงานไร่ด้วยจนสาวๆที่ทำงานอยู่ในสำนักงานต่างก็หูผึ่งตาโพรงไปตามๆกันเมื่อได้รับรู้เรื่องของพราวพิ้งค์และภคพล“ก็ใช่น่ะสิแถมยังใส่เสื้อคุณพอลแค่ตัวเดียวด้วย.. สองคนนี้จุดติดกันไวเนอะ”ลำเพยเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงแห่งความมั่นอกมั่นใจว่าอย่างไรพราวพิ้งค์และภคพลก็จะต้องมีสัมพันธ์กันในคืนที่ผ่านมา“ป้าเพยก็พูดไปพี่พิ้งค์แค่ช่วยดูแลคุณพอลเท่านั้น”ฟองจันทร์ที่ช่วยคนเป็นแม่เอากับข้าวมาให้คนในสำนักงานก็ถือวิสาสะโต้เถียงแทนพราวพิ้งค์เพราะเชื่อในตัวพี่สาวของเธอว่าไม่ทำตัวง่ายกับผู้ชายที่ไม่ได้รักแน่นอน“เราน่ะจะไปรู้อะไรต้องคนอาบน้ำร้อนมาก่อนอย่างป้านี่..ดูปราดเดียวก็รู
“นี่ครับคุณพอลจดหมายมาถึงเมื่อกลางวัน”สมหมายยื่นซองสีน้ำตาลที่พึ่งมาส่งในสำนักงานเมื่อกลางวันให้ภคพลขณะที่ชายหนุ่มกำลังนั่งรอเขามารับกลับบ้านที่แคร่ไม้ไผ่หน้าไร่องุ่นยามเย็น“ขอบคุณครับลุงสม”ภคพลรีบเปิดซองจดหมายดูทันทีเมื่อเห็นว่ามาจากณดลชายหนุ่มเปิดอ่านข้อมูลในจดหมายได้เขาก็นั่งนิ่งเงียบครู่หนึ่งจนสมหมายเริ่มตกใจกับท่าทีแปลกไปของภคพล“คุณพอล..มีอะไรหรือเปล่าครับ”“ลุงสมไปส่งผมที่บ้านพิ้งค์หน่อยนะครับผมมีธุระจะคุยกับเธอ”“ครับ”สมหมายค่อนข้างสงสัยในพฤติกรรมของภคพลพอสมควรแต่ก็มีมารยาทพอที่จะไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขาไม่นานนักรถกระบะคันเก่าก็มาจอดที่ปากทางเข้าบ้านของพราวพิ้งค์ภคพลกำซองจดหมายแน่นก่อนจะรีบลงจากรถ“ลุงสมกลับได้เลยนะครับถ้าผมจะกลับเดี๋ยวให้พิ้งค์ไปส่ง”“ครับ”สมหมายขับรถออกไปได้ภคพลก็เดินดุ่มเข้ามาในบ้านของพราวพิ้งค์ทันที“มีธุระอะไรถึงต้องมาที่นี่คะ”พราวพิ้งค์สาวเท้าออกมาจากในครัวเมื่อได้ยินเสียงรถกระบะหน้าบ้านเมื่อออกมาก็ต้องตกใจเพราะเห็นว่าเป็นภคพลที่เดินหน้านิ่วคิ้วขมวดมายืนอยู่หน้าประตู“ดีจ้า..”เจ้าก้อนกลมเห็นคนคุ้นหน้าเดินเข้ามาในบ้านก็ยกมือป้อมสวัสดีทั้งทัก
“ปี๋..เจื้อ..”เจ้าก้อนสาวขาป้อมวิ่งออกมาหน้าบ้านเข้าไปในดงดอกไม้ที่ผู้เป็นแม่ปลูกเอาไว้เพื่อไล่จับผีเสื้อหลากสีเช่นที่เคยเล่นทุกวันมือป้อมน้อยไล่บีบขยำอย่างคันไม้คันมือแต่ก็ไม่เคยจับผีเสื้อได้สักตัว“ปี๋เจื้อ..”เด็กหญิงวิ่งเข้ามาหาคนตัวโตที่นั่งจ้องตัวเองอยู่ไม่วางก่อนจะดึงมือชายหนุ่มให้ไปจับผีเสื้อช่วยเพราะรู้ดีว่าหากวิ่งจับเองคงจะเหนื่อยกว่าจะจับได้ภคพลอยากจะรวบอุ้มเจ้าก้อนกลมมากอดหอมสักฟอดใหญ่ติดตรงที่เขายังไม่ได้อาบน้ำกลัวเหงื่อไคลหรือสิ่งสกปรกจากเสื้อผ้าของตนจะระคายเคืองผิวลูกน้อยจึงทำได้แค่เดินตามเท่านั้น“ปี๋เจื้อ..จับ”ดวงตากลมโตเงยจ้องมองหน้าคนตัวสูงชี้ไม้ชี้มือหมายจะให้ช่วยจับผีเสื้อที่ตัวเองไม่สามารถจับได้“ให้พ่อจับเหรอครับ...”ภคพลอมยิ้มอ่อนก่อนจะย่อตัวลงนั่งเอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยนคุยกับเจ้าตัวกลมใกล้ๆเด็กหญิงถึงกับขมวดคิ้วจ้องมองชายหนุ่มด้วยท่าทีแปลกใจกับสรรพนามที่ชายหนุ่มแทนตัวเองว่าพ่อภคพลมองจ้องไปยังนัยน์ตาไร้เดียงสาของยัยหนูพลอยขวัญเขามีความรู้สึกหน่วงอยู่ในใจไม่น้อยด้วยคิดไปไกลว่าหากเขามาเจอพราวพิ้งค์ช้าไปกว่านี้ลูกของเขาจะมีชีวิตที่ขาดพ่อไปอีกนานเท่าไรทั้งยังนึกน้
“ถ้าเป็นเรื่องผมกับเธอ..ผมให้คำตอบคุณได้..”ด้วยความที่ไม่อยากให้พราวพิ้งค์อยู่ใกล้คีรินภคพลจึงรีบปรี่เข้ามาโอบไหล่มนของหญิงสาวต่อหน้าต่อตาพ่อเลี้ยงหนุ่มพราวพิ้งค์เองก็ถึงกับยืนนิ่งกลืนน้ำลายไม่ลงคอไม่รู้ว่าภคพลจะหาเรื่องอะไรคีรินอีก“ผมกับพิ้งค์เราเคยอยู่ด้วยกันตั้งแต่เธอยังเรียนปี2ที่เธอมาอยู่ที่นี่เพราะเรามีเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อยแต่ตอนนี้เราเข้าใจกันดีแล้ว...ดูหน้าพยานรักของผมกับเธอสิ”ภคพลว่าพรางชี้มือมายังเจ้าก้อนกลมที่ทาแป้งจนตัวขาวโพลนในบ้าน พราวพิ้งค์เองก็ได้แต่ยืนเงียบเห็นทีครั้งนี้คีรินคงจะตัดใจจากเธอได้เสียทีแม้นจะเป็นการดับฝันของพ่อเลี้ยงหนุ่มในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไรนักคีรินตัวชาวาบยืนนิ่งงันยิ่งพราวพิ้งค์ไม่มีคำปฏิเสธอะไรเขาก็ยิ่งเข้าใจในสถานะตัวเองว่าต่อไปควรจะปฏิบัติตัวกับเธอเช่นไรคิดสงสัยตั้งแต่เห็นพราวพิ้งค์เป็นห่วงภคพลในครั้งก่อนแล้วว่ามันแปลกจากวิสัยของเธอที่แท้ก็เคยคุ้นเคยกันมาก่อนนั่นเอง“ผม..เข้าใจแล้ว”น้ำเสียงของพ่อเลี้ยงหนุ่มเอ่ยอย่างแผ่วเบาแทบจะมีแต่เสียงลมก่อนจะเดินคอตกกลับไปที่รถและขับออกไปจากหน้าบ้านหญิงสาวไปอย่างรวดเร็วคีรินกลับไปได้พราวพิ้งค์ก็
“ไม่..คุณก็รู้ดีว่าผมชอบบรรยากาศช่วงเช้าๆแค่ไหน”“อื้ออ..”ว่าจบก็บดเบียดตัวตนสอดใส่ไปในช่องทางรักของพราวพิ้งค์จนสาวเจ้าหลับตาปี๋ส่งเสียงท้วงในลำคอเพราะจุกที่อีกฝ่ายสอดใส่โดยที่ไม่ทันตั้งตัวและแล้วบทรักอันเร่าร้อนในเช้าอันแสนสดใสก็ได้เริ่มขึ้นสมใจภคพล อาหารเช้าของวันนี้พราวพิ้งค์เห็นทีจะได้ไปหาซื้อตลาดในหมู่บ้านเพราะคงจะเตรียมไม่ทันอาทิตย์ต่อมาวันเวลาที่ภคพลมาอยู่บ้านของพราวพิ้งค์อย่างเป็นทางการเป็นเวลาอาทิตย์กว่าจนตอนนี้ผู้คนต่างก็รับรู้กันหมดแล้วว่าภคพลและพราวพิ้งค์เป็นอะไรกันทั้งสองไม่ต้องเปล่าประกาศให้ใครรู้ด้วยตัวเองเพียงแค่มีแขกไปใครมาที่บ้านของพราวพิ้งค์ก็จะรู้เรื่องของทั้งสองและเอาไปพูดต่อกันเองส่วนคีรินก็หายหน้าหายตาไม่ได้เข้ามาที่ไร่เหมวัตอีกเลยหากมีธุระก็จะให้คนสนิทมาจัดการแทนโดยให้เหตุผลว่าตนไม่ว่างแต่ทุกคนก็ดูออกว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มนั้นท่าจะอยู่ในอาการอกหักตกเย็นพราวพิ้งค์ปั่นจักรยานพายัยหนูพลอยขวัญมาดูคนเป็นพ่อที่เดินตรวจงานในไร่หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตไปจนหมดเมื่อวันก่อน“เหลืองานอะไรที่ต้องให้คนงานมาทำคะ”พราวพิ้งค์ปั่นจักรยานเข้ามาจอดใกล้ๆร่างสูงที่กำลังเดินสำรวจร่อง